ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 4 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    มีคนสวดอิติปิโส 108 แต่แปลกตรงใช้ทองคำแผ่นแปะทั่วหน้า (หน้าทองคำ)เขาทำเพื่ออะไรคะ ใครรู้บ้างอะ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    รอดูลักษณะพลังไปก่อน ต่อไปกระแสพลังงานจะไม่แยกเป็น ๒ สายเหมือนก่อน
    คือเมื่อก่อน เป็นกระแสเชื่อมข้างบน กับ กระแสพลังงาน ตอนนี้กำลังปรับเปลี่ยน
    เอาทั้ง ๒ กระแสให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน พูดง่ายๆว่า ข้างบนท่านทำงานร่วมกัน..
    ผลที่ได้ก็คือ การใช้งานทางจิตของเรามันจะง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะ และการอุทิศ
    ส่วนกุศลก็จะง่าย อะไรทำนองนี้...เพราะฉนั้นช่วงนี้ถ้าจิตใจยังติดข้องคาค้างอะไร
    รีบไปเคลียร์ซะ จะขอขมากรรมเรื่องต่างๆ จะอโหสิกรรมเรื่องต่างๆ
    จะประกาศสละ ประกาศถอนอุปทาน ความยึดมั่นถือมั่นอะไรก็แล้วแต่
    ให้ไปทำซะ เพื่อให้จิตมันคลายตัวสำหรับรองรับการปรับเข้ากับระบบใหม่นี้
    ปล.ระบบนี้อาจส่งผลต่อร่างกายหน่อยในช่วงแรก เพราะความหนาแน่น
    ของพลังงานค่อนข้างมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อการใช้งานประโยชน์โดยรวม
    ไม่ว่าที่จะเกิดกับบุคคลอื่นๆและตัวเรา
    เพราะฉนั้นอย่าพลาดนะ..
    ไม่งั้นก็รอแนวแกนโลกเอียงโอกาสหน้าแล้วกันนะ
    และไม่รู้ว่าอีกเมื่อไร เผลอๆจิเปลี่ยนภพภูมิก่อน ๕๕๕
     
  3. ถวายบูชา

    ถวายบูชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +560
    ในห้องแจกฟรีมีแจก หนังสือบทขอขมากรรม ของหลวงพ่ออยู่ครับ หรือจะดาวโหลดแล้วไปปริ้นเอาก้อมีครับ 42หน้าได้ครับตั้งแต่ต้นจนจบ
     
  4. leehonza

    leehonza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +78
    ได้ความรู้อีกแล้วพระคาถาชินบัญชินบัญชรดีอย่างนี้นี่เองถึงว่าตอนบวชสั่งนักสั่งหนาให้ท่องให้ขึ้นใจจำได้บ้างไม่ได้บ้างได้หน้าลืมหลังได้หลังลืมหน้าพอไม่ท่องก็โดนทำโทษมีขนมหวานกินอีกต่างตากขนมหวานหมายถึงเอาเทียนหยดใส่มือน่ะครับ*-*
    ขอบคุณสำหรับความรู้ครับผม
     
  5. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    อนุโมทนาและขอบคุณมาก ๆ ที่เผยแพร่เรื่องดี ๆ ให้ทราบค่ะ

    มิน่าอยู่ดี ๆ ทำท่าเหมือนจะเป็นไข้แต่ก็ไม่เป็น
    ว่าแต่อาการคันยิบยับตามร่างกายแบบหาสาเหตุไม่ได้จาเกี่ยวด้วยมั้ยน้า....
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เกี่ยวครับ แต่แนะให้อ่านๆให้จบก่อนที่จะตัดสินอะไรนะ...
    กิริยาอย่างนั้นเป็นการสัมผัสรับรู้ได้รูปแบบหนึ่ง ไอ้ยิบๆ มันขั้นต่อ
    จากตึงๆที่ผิวก่อน และต่อมาก็จะคล้ายๆเข็มในลำดับต่อมา
    และก็เริ่มเป็นเส้นสายออกมา
    แบบคล้ายๆหัวหอมสีขาวบ้าง และก็สีใสบ้าง
    และต่อมาก็จะเป็นเส้นสายออกมาแบบแผ่นน้ำใสๆหรือ

    แผ่นพลาสติกไม่เรียบ และก็มาแบบเส้นสายใสขึ้นตรงๆ และก็เป็น
    พลังงานขึ้นรอบตัวแบบไม่เห็นเส้นสายแต่เห็นเป็นพลังงาน
    ลำดับในการพัฒนาการรับรู้มันจะเป็นตามขั้นตอนที่เล่าให้ฟังครับ..
    ขึ้นอยู่กับตัวจิตเรามันจะรับรู้ได้มากแค่ไหน...

    จะว่าไปมันก็เข้าใจได้ยากเหมือนกันเรื่องพวกนี้
    เพราะถ้าจะรับรู้ได้อย่างที่ พี่เล่าให้ฟัง ตัวเราจะต้องเห็นเส้นสายแบบใสๆ
    และขึ้นตรงได้อย่างน้อยในระดับตาเปล่าก่อน ถึงจะเข้าใจ
    .ถึงจะจับสังเกตุการเปลี่ยน
    กระแสพลังงานได้ครับ..จะพบว่าจะเป็นอย่างที่เล่าให้ฟังครับ
    และจะรับรู้ได้เหมือนกันเกือบหมดครับ..ถ้าเพื่อนๆที่
    สายตรงทางพลังงานเค้าก็บอกแบบนี้เช่นกัน เพียงแต่บางเรื่องมันอจิณไตย
    และเหนือวิสัยไปหน่อยที่จะพูดออกสื่อได้ ยกเว้นพวกที่รู้และสัมพันธ์กับ
    ระบบภาคทิพย์เค้าจะรู้ๆกัน...
    แต่ว่าการรับรู้และสัมผัสได้ระดับไหนก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก

    เพราะประเด็นสำคัญมันก็คือ การเคลียร์สิ่งยึดเกาะต่างๆ
    ที่เกาะกับตัวจิตเราให้ดี..
    เคลียร์สิ่งยึดเกาะกับกายเราให้ดีครับ
    ยิ่งถ้ายุบยุิบๆแถวบริเวณหน่อง
    หรือขาล่าง ต้นแขนล่างให้อุทิศส่วนกุศลไปเลย.พวกนี้เป็นกระแส
    พลังงานของจิตที่ไม่ค่อยมีกำลัง...
    และกะแสที่มาทางท้ายท้อยให้ตัด
    ออกไปอย่าสนใจ พวกนี้เป็นกระแสพวกวิญญานมีฤิทธิ์ เป็นกระแส
    ของพวกภูมิอสูรกาย แบบบุคคลที่ร่างทรงเจ้าเค้าเป็นกัน หรือเอาไว้
    หลอกให้บุคคลที่อยากมีความสามารถพิเศษแบบทางลัดให้หลงทางกัน
    มันจะทำให้ภูมิจิตเราถูกดึงไปเป็นแบบพวกอสูรกาย นิสัยเราจะไม่ดีมากๆ


    .ถ้ายุบยิบๆแถว
    บริเวณศรีษะ ให้ปรับระบบหายใจใหม่ให้ลึก สร้างความรับรู้เกี่ยวกับลม
    เข้าและออกที่ปลายจมูกสร้างสติทางธรรม
    และจากลมที่ยาวขึ้นในร่างกายก็เพื่อปรับระบบของพลังงานลมในร่างกายเรา
    ให้มันเชื่อมกับกระแสข้างบนได้แบบไม่ขาดตอน (เข้าใจไหมกระแสเชื่อม
    ข้างบนกับครูบาร์อาจารย์เราเนี่ยมันจะเชื่อมตามแนวจักระด้านหน้า
    ขึ้นไปตรงกระโหลกศรีษะส่วนหน้าหรือที่ถัดจากหน้าฝากเรามานั้นหละ
    แต่ด้วยลักษณะที่ลมเรามันดันหายใจถึงแค่หน้าอกเป็นปกติ
    กระแสการเชื่อมครูบาร์อาจารย์ตรงนี้มันเลยขาดตอน
    มันจะส่งผลให้เราตึงๆศรีษะ และคันๆยุบยิบได้ )...
    และท้ายที่สุดหลังจากเคลียร์แล้วอะไรแล้วก็ให้เฉยๆซะไม่ต้อง
    สนใจอะไร เน้นให้จิตมันว่างๆ คลายๆตัวเอาไว้ให้ได้..
    เด่วมันจะปรับกระแสพลังงานในตัวของเราเอง....
    ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้...มันจะทำให้การใช้งานทางจิตของเรา
    มันง่ายๆขึ้น เร็วขึ้น อัตโนมัติขึ้น..
    ปล.ไว้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วเปรียบเทียบการใช้งานทางจิตแบบเดียวกัน
    ดูกับแบบเดียวกันเมื่อก่อนนะ จะรู้และ
    เข้าใจว่าทำไมถึงได้มาเตือนๆอย่างได้ที่เล่า
    ให้ฟังก่อนหน้านี้มา..
     
  7. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    การสัมผัสรับรู้ผ่านรูขุมขนได้ไหมคะ หนูว่าแบบนี้รู้ความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งละเอียดทุกอณูรูขุมขนแบบไม่มีอะไรปิดบัง ละเอียดกว่าการรู้ด้วยจิตอีกค่ะ รึว่าเหมือนกันเพียงแต่สติเราไม่เท่าทันเองคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2015
  8. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ล่างออก 53 เฉียดแต้มหนึ่งนะ ๕๕๕
     
  9. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    แหมมดีใจจังค่ะ .ขอบคุณองค์ความรู้เรื่องการถ่ายเทพลังงานส่วนเกินออกจากร่างกาย
    วันนี้ลูกค้าบ่นว่ามีปัญหาเรื่องเกิดกระแสไฟฟ้าช๊อตที่นิ้วบ่อยๆ .ช่วงเป็นบ่อยถึงขนาดต้องใช้ผ้าจับ เคยถามวิศวกรไฟฟ้าว่าจะแก้ยังไง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ วันนี้เลยแนะนำเธอไป บอกเหตุและผล (เช่นทั้งวันใส่รองเท้า ทำงานกับคอม ไม่มีการถ่ายเทกระแสไฟจากคอมมาตัว และอื่นๆ) เธอว่าจะนำไปปฎิบัติตาม เพราะไม่เคยรู้มาก่อน แนะนำให้เธอลองหนึ่งอาทิตย์แล้วดูผลค่ะ

    ขอบคุณองค์ความรู้ที่คุณนพได้เคยถ่ายทอดด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 สิงหาคม 2015
  10. Snooty

    Snooty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +670
    มัวแต่ทำนู่นนี่ เลยลืมไปเลยจ้า 555
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ได้ครับ แต่ฟังในมุมพี่ดีๆนะ
    รู้แบบเรามันไม่ใช่รู้ทุกสรรพสิ่งอย่างที่เราเข้าใจนะ..ลองอ่านก่อนเนาะ
    คือมันเป็นการไปรู้เฉพาะภายในครับ.คือมันยังไม่พ้นกาย..
    เพราะฉนั้นการรู้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มันจะรู้เฉพาะที่เคยเป็นสัญญา
    ความจำได้เดิมที่จิตเรามันเคยผ่านมาแล้วในอดีตชาติจร้าาาาาาาาา
    ส่วนตัวพอเข้าใจอยู่นะว่ายังติดวิสัยการรู้แบบเดิมๆ.
    .การที่เราจะใช้คำว่าละเอียดกว่าจิตได้คือมันต้อง
    เริ่มต้นรู้จากภายในก่อนและจะเริ่มรู้ได้เพราะว่าจิตมันโปร่ง
    จิตมันคลายตัวแล้วขยายออกไปข้างนอกได้
    เนื่องจากไม่มีสิ่งใดมาปกปิด...แล้วตัวจิต
    มันถึงขยายเป็นสัญญาต่างๆหรือขยายตัวออกไปเชื่อมองค์ความ
    รู้ต่างๆที่อยู่ภายนอกได้ ซึ่งมันจะเป็นองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ
    ไม่ว่าเราอยากจะรู้อะไรก็ตามได้
    การเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานที่เล่าให้ฟังก่อนหน้านั้น
    มันก็ถือว่าเป็นการขยายสัญญาจากภายใน
    เพื่อไปรู้ภายนอกและเป็นความรู้ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ..
    อย่างนี้ถึงพอจะเรียกได้ว่าเริ่มต้นเดินเข้าสู่เส้นทาง
    ที่จะรับรู้ทุกสรรพสิ่งได้จร้า.ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวจิตเรา
    มันจะกว้างและขยายสัญญาออกไปรับรู้ได้มากแค่ไหน
    แล้วแต่วาสนาบารมี ท่านที่เป็นเคยเป็นผู้เป็นเลิศทั้งหลาย
    หรือครูบาร์อาจารย์ทั้งหลาย จึงมีคำพูดว่า ไม่มีอะไรที่ท่าน
    ไม่รู้นั้นหละขอแต่ให้มันอยู่ในระบบจักรวาลนี้ ก็จะรู้ได้หมด..
    และก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปรู้อะไรและแหล่งความรู้เค้าจะให้
    เราไปเชื่อมหรือเปล่าเท่านั่นเอง .กล่าวโดยสรุปย่อๆคือการรู้จากภายใน
    ออกไปภายรู้ภายนอก.ในเรื่องใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีในจิต ไม่เคย
    เป็นสัญญาความจำได้เดิมในจิตจร้าาาาาา..พอเข้าใจเนาะ
    ไม่งั้นเรื่องที่แกนโลกเอียงที่ส่งผลเรื่องการปรับระบบ
    กระแสพลังงานแบบใหม่ อย่างที่พี่เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้เราคงรู้เองได้
    หรือรู้แบบที่พวกสายพลังงานต่างๆเค้ารู้ด้วยตัวเองไปนานแล้วหละจร้า..
    หรือไม่ก็รู้พอๆกับที่พี่รับรู้และสัมผัสได้นั่นหละครับ...
    ปล.ประมาณนี้พอเข้าใจเนาะ
     
  12. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    อ้อค่ะ แต่หนูว่ามันรู้ผ่านรูขุมขนนะคะ แต่ว่ารู้ไม่ไกลหรอก แค่รัศมีประมาณ ๑๐ กม.เองค่ะ ซึ่งมันต่างกันกับการรู้อีกแบบที่รู้บ่อย ๆ ค่ะ ก็เลยถามดูว่ามันใช่ไหม รึว่าเราเพี้ยนไปอะค่ะ เหมือนมันแสกนหมดเลยค่ะทั้งพืชคนสัตว์ แต่ก็ยังเป็นแบบภายในอยู่หรือค่ะ
    มันเกิดตอนเราไม่คิดอะไร ขออภัยที่เซ้าซี้นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2015
  13. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    อ้อ แบบเดิมที่เราเคยทำได้ในอดีตชาติ เข้าใจแล้ว ขอบคุณค่า:cool:
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040

    เนะ ตอบก่อนพี่จะตอบ เด่วเขียนอ่านให้ฟังนะ..
    ถือว่าฉายซ้ำอีกรอบแล้วกันนะ ๕๕๕๕
    ไม่ได้เซ้าซี่หรอก ไม่ได้เพี้ยนหรอก
    ถือว่าแลกเปลี่ยนมุมมองแล้วกันนะ...
    รูปแบบการรู้แบบนั้นที่มั่นยังมีระยางทางอยู่อย่างนั้น
    พวกที่เค้ามาสายวิชาเดินธาตุโบราณเค้าก็รู้แบบนั้นหละ..

    และการรู้แบบวิสัยเดิมของเรานะไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ และก็ไม่ใช่ว่า
    มันจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆหรอก ถือว่าดีในระดับหาตัวจับยาก
    และให้จับประเด็นดีๆที่พี่ถึงมาแนะนำนะ ว่าที่เราพูดๆไปก่อนหน้านี้นะ

    ก็เพราะเราบอกว่า
    ''การสัมผัสรับรู้ผ่านรูขุมขนได้ไหมคะ
    หนูว่าแบบนี้รู้ความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งละเอียด
    ทุกอณูรูขุมขนแบบไม่มีอะไรปิดบัง

    ละเอียดกว่าการรู้ด้วยจิตอีกค่ะ ''

    ดูอ่านประโยคสองประโยคที่เขียนเส้นใต้ให้ดีๆนะ
    เข้าใจนะ ค่ำว่ารู้ทุกสรรพสิ่งนะ ไม่ใช่เฉพาะในโลกนี้นะ..
    และไม่ใช่รู้เฉพาะในสิ่งที่มันมีอยู่แล้วหรือมันเป็นของมัน
    อย่างนั้นอยู่แล้วนะ..อ่านดีๆ

    และแน่ใจนะที่ว่ารู้ๆว่าละเอียดกว่าจิต
    และที่เรารู้ไปนั้นนะ(หมายถึงล่าสุด ที่สแกนนะ)
    นั้นหละมันเป็นการรู้จากภายในไปภายนอก ไอ้ที่รู้ภายในรัศมีนะใช่
    แต่นัยยะที่ไม่ใช่คือ รู้ทุกสรรพสิ่ง เข้าใจนะ และไม่ได้รู้ละเอียดกว่าจิต..
    ไอ้ที่เราเข้าใจว่าละเอียดกว่าจิต เพราะการรู้แบบเมื่อก่อนมันเป็นการรู้
    แบบอภิญญาจิตภายใน เป็นเครื่องรู้พิเศษแบบหนึ่ง แต่ไม่ใช่การรู้จาก
    การขยายสัญญาออกจากจิตแล้วไปเชื่อม ที่เราว่าเรียกว่าสแกนนั้นหละ
    พอเข้าใจอยู่นะ พอเราไปสแกนเราไปเห็นว่า มีองค์ความ
    รู้มากกว่าการรู้จากจิตแบบเดิมๆ พอเราไปเปรียบเทียบการรู้แบบใหม่
    กับแบบที่เคยรู้แบบเดิม เราถึงได้เข้าใจว่ามันละเอียดกว่าจิตนั้นหละ
    ตรงนี้เคลียร์นะ ๕๕๕ พิมพ์ไม่ทัน.

    เพราะจริงๆแล้วการรู้จากภายในและขยายสัญญาออกไปรู้ภายนอก
    ก็ยังต้องอาศัยพึ่งพาตัวจิตที่ต้องคลายตัวก่อนเป็นพื้นฐานเพื่อสามารถ
    ที่จะขยายสัญญาไปเชื่อมภายนอกได้ ไม่งั้นเราจะรู้ได้ไงหละ
    ภายในรัศมีที่เล่าให้ฟัง...แต่ไม่ใช่การจะไปรู้ทุกสรรพสิ่ง เก๊ทนะ

    เพียงแต่หลักสำคัญให้ดูตอนก่อนที่จะรู้ ถ้าจิตมันคลายตัว
    ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว..และมันจะไปได้ไกลกว่า การรู้แบบที่พี่เคยเล่าให้ฟัง
    มันจะข้ามทั้งมิติและเวลา เพราะฉนั้นอะไรก็ได้ถ้าอยากรู้
    ขอให้อยู่ในจักรวาลนี้มันจะรู้ได้หมด ประมาณนี้.
    และย้ำว่าเอกลักษณ์คือ มันสามารถรับรู้
    องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นได้
    ..


    ถามว่า พอให้คิดเล่นๆ? ที่เราไปสแกนๆ
    นั่นนะมันเป็นความรู้ใหม่ที่พึ่งเกิดขึ้นมาบนโลกนี้.
    หรือมันเป็นของมันอยู่แล้วอย่างนั้น...แต่ว่าเราพึ่งสแกนไปรู้..

    ปล.พอเข้าใจที่พูดนะ พยายามแยกๆลักษณะ
    การไปรู้ให้ดีๆก่อนจะเข้าใจได้เอง..
    เพียงแต่การออกไปรู้แบบสแกนๆมันมีหลักการคล้ายๆกันนั้นหละ
    ต่างแค่สิ่งที่ไปรู้ว่า มันเคยมีอยู่แล้วหรือมันพึ่งเกิดขึ้นมาใหม่ (^_^) .
     
  15. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    อ๋อ ๆๆๆๆๆ ขอบคุณมาก ๆๆ ค่ะเคลียร์หลายเรื่องเลยค่ะ ที่แท้เราใช้คำพูดผิดนี่เอง ขออภัยค่าาาาาา...

    แบบนี้แหละค่ะพี่นพที่เคยบอกว่าชอบอารมณ์แบบนี้แหละค่ะ พอฝึกแบบมโณมยิทธิถึงทำได้ไม่สุดตามหลักวิชา เพราะวิสัยเดิม ๆ มันชอบแบบนี้อะค่ะ แต่พอเราฝึกแบบมโนมยิทธิแบบว่าเราขึ้นนิพพานแบบไม่ยาก ก็เลยสับสนว่าอยากทำแบบง่าย ๆ เหมือนเค้าอะค่ะ

    เคยถามอ.ที่ฝึกมโนว่าเรามักชอบอารมณ์แบบนี้ อ.บอกเราว่าเป็นอรูป ก็เลยพยายามกำหนดรูปเพื่อให้ติดรูป และเคยถามพี่นพแล้วแต่คงอธิบายไม่เป็นและไม่เคลียร์ พี่นพเลยบอว่าเป็นอรูป เลยรู้สึกกลัวไม่กล้าวางอารมณ์แบบนี้อีกค่ะ ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ


    ปล.เข้าใจนัยยะที่นำพระเครื่องมาให้แล้ว คล้ายกับที่สมเด็จฯ บอกว่าท่านฤาษี(หลวงพ่อฤาษี)เป็นคนให้เลย

    และอารมณ์ข้างบนพระนิพพานตอนฝึกมโนมยิทธิกับอารมณ์แบบที่เราชอบนี้อารมณ์เดียวกันเลยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2015
  16. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ลืมตอบคำถามค่ะ ตอบว่าทุกสิ่งเป็นอยู่อย่างนั้นอยู่แล้ว และเราพึ่งจะค้นพบค่ะ
     
  17. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    การรู้ทั้ง ๒ แบบ มันเกิดก่อนการฝึกมโนมยิทธิและรู้จักวัดท่าซุงค่ะ

    เรื่องที่รู้แบบไม่มีอะไรปิดบังเช่น ๒ เรื่องนี้ซึ่งจะต่างจากเรื่องอื่น ๆ ในกระทู้ผีอำค่ะ แบบว่าจะเล่าเป็นคำพูดได้น้อยเพราะไม่รู้จะเล่ายังไง (คัดลอกบางส่วนจากกระทู้ผีอำ)


    หลวงพ่อหลวงฤาษีเคยมาธุดงค์ตรงนี้ (เหตุบังเอิญอันเป็นมงคล)

    วันนี้ พิจารณาร่างกายก่อน ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เราเพียงแต่อาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้น แล้วมองที่เท้าของตัวเองแล้วคิดว่า เท้าของเรานั้นมันก็แค่ผิวหนังหุ้มอยู่เท่านั้น ข้างในนั้นมันคือเนื้อ เส้นเลือด เส้นเอ็น เลือด และกระดูก

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้.......รู้อีกที.....เท้าของเรานั้นถูกเปิดออกเป็นแผลกว้างใหญ่เท่าจานข้าวเลย มองเห็นข้างในทั้งหมด ทั้งเลือด เส้นเอ็น เนื้อเหวอะหวะเปิดออกมาจนมองเห็นกระดูก เราก็นั่งมองพร้อมพิจารณา ที่แท้มันทั้งสกปรก น่ารังเกียจ แล้วเรายังจะอยากเป็นเจ้าของมันอยู่อีกหรือ ? ...........

    ปรากฏว่าวันนี้พระพุทธรูปยิ้มให้เราค่ะ...............อ๋อที่แท้ที่ท่านไม่ยิ้มให้เราเลยตลอดหลายวันมานี้ เป็นเพราะเราไม่พิจารณาร่างกายนั่นเอง...........จะเห็นได้ว่าท่านเมตตาควบคุมดูแลให้เราทำความดียิ่ง ๆ ขึ้น ไปอีก เพราะความดีมีหลายขั้น หลายระดับนั้นเอง ไม่ใช่แค่ ทาน ศีล ภาวนา ครบแล้ว จะมาคิดว่าตัวเรานั้นดีแล้วนั้นเห็นจะคิดผิด เราต้องเพิ่มระดับความดีให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น ( เราถูกควบคุมความประพฤติโดยพระพุทธรูป )

    หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้......รู้อีกทีก็.......ความรู้ผุดขึ้นมา ว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำเมื่อสมัยเป็นหนุ่มและคณะท่านเคยธุดงค์ผ่านมาตรงนี้ ตรงที่เราอยู่นี้ .......เพียงแค่นี้ก็ทั้งตื่นเต้นและดีใจอย่างที่สุด......เหมือนเราได้ย้อนรำลึกไปในอดีตของครูบาอาจารย์หรือนี่.........

    พอกลับสู่ภาวะปกติเราก็นั่งพิจารณาดูว่า เฮ้ย..ยย มันจริงหรือนี่ เป็นความจริงไหมนะ.......หรือสมาธิมันหลอกเรา...........

    ไม่กี่วันต่อมา ก็มีคนให้หนังสือ “ หลวงพ่อธุดงค์ ” มาอ่าน ในเนื้อหาหนังสือนั้น หลวงพ่อได้ธุดงค์มาที่จังหวัดแห่งหนึ่งแล้วโดนทำคุณไสยจากคนที่นุ่งขาวห่มขาว เสกหนามผูกไขว้ให้เป็นต้มยำพุงไข่ปลา และเสกทรายให้เป็นข้าว นำมาถวายหลวงพ่อ เพื่อหวังจะทำร้ายหลวงพ่อ.......ในหนังสือบอกแต่ว่าธุดงค์ภาคอีสานและเป็นจังหวัดสุรินทร์
    ทีนี้ดิฉันก็มาวิเคราะห์ข้อมูล หลวงพ่อท่านบอกว่าจังหวัดที่เกิดเหตุนั้น คือ จ. สุรินทร์ ฉะนั้นก่อนที่จะเดินทางถึงสุรินทร์ได้จะต้องผ่าน จ.บุรีรัมย์ก่อน ฉะนั้นโอกาสเป็นไปได้สูงอย่างยิ่งที่ ที่ตรงนี้ ที่เซฟเฮาส์ที่เราอยู่นี้ ท่านเคยธุดงค์และเคยปักกลด ณ ตรงนี้

    เหตุการณ์นี้ดิฉันไม่กล้าการันตีหรอกค่ะ.......ว่าจริงหรือไม่.......ขอเก็บความสุข... ความปีตินี้..... และความเป็นมงคลที่สุดอันหาประมาณมิได้นี้ไว้กับตัวดิฉันก็พอค่ะ......

    ตรงที่ขีดเส้นใต้ ใช้คำพูดผิด เพราะตอนนั้นไม่เข้าใจว่าการรู้มันจะต่างกันและแยกแยะการรู้ไม่เป็น และไม่ใช่ว่ารู้แป๊บเดียวแต่รู้นานหลายชั่วโมง หลวงพ่อและคณะทั้งนั่งและเดินจงกรมแต่อธิบายความละเอียดเป็นคำพูดไม่ได้ค่ะ



    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    มีอยู่วันหนึ่ง บังเอิญไปเยี่ยมคนป่วย ที่ ร.พ.นางรอง และในปีนั้นเป็นปีครบรอบ ๑๐๐ ปี สมเด็จพระสังฆราช ญาณสังวร ที่หน้าตึกพระสังฆราช มีรูปพระบรมฉายาลักษณ์ วางอยู่ พร้อมกับกล่องรับบริจาค เพื่อสมทบทุนสร้างตึกสมเด็จพระสังฆราชในโรงพยาบาล เราเห็นดังนั้น ก็ไปลงชื่อถวายพระพรท่าน พร้อมกับหยอดกล่องไปด้วยจำนวน 20 บาท

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้......รู้อีกทีก็......เรามีความรู้ขึ้นมาว่า สมเด็จพระสังฆราชพระองค์นี้ท่านมีลาภมาก และท่านเป็นพระอรหันต์ ใครได้ทำบุญกับพระสังฆราชองค์นี้ จะมีความเป็นอยู่คล่องตัวไปจนถึงร่ำรวยมาก

    พระแต่ละรูปนั้นบารมีในด้านต่าง ๆ จะไม่เหมือนกัน เช่น พระสารีบุตร บารมีท่านหนักทางปัญญา พระโมคคัลลานะ บารมีท่านหนักไปทางฤทธิ์ ส่วนพระสีวลี บารมีท่านหนักไปทางลาภมาก

    อันตัวเรานั้น ไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับพระองค์มาก่อนเลย เพราะเราเป็นคนรักสวยรักงาม ไม่เคยสนใจพระสงฆ์ว่าองค์ไหนดี หรือองค์ไหนไม่ดีอย่างไรเลย เราเองไม่เคยทำบุญตรง ๆ กับท่านมาก่อน เพียงแค่หยอดกล่องรับบริจาค แค่ 20 บาท เพียงเท่านั้น ท่านก็สงเคราะห์ให้เรารู้หรือนี่

    พระสังฆราชพระองค์นี้ท่านเป็นพระดีกลางกรุงแถมเป็นพระที่หนักไปทางลาภมากอีกด้วย เออหนอเรื่องนี้จะมีคนทราบสักกี่คนกัน หรือว่าเขารู้กันไปทั่ว มีแต่เราโง่เง่าเต่าตุ่นอยู่คนเดียว

    แต่ถึงแม้ใครจะทราบหรือไม่ทราบอย่างไรก็แล้วแต่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านย่อมทราบดีกว่าใคร ๆ ท่านถึงได้เพียรปฏิบัติอุปัฏฐากพระสังฆราชคู่บารมีของพระองค์อย่างดีตลอดมา

    เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เป็นมงคลที่เราเก็บความปลื้มปีติไว้ตลอดมา



    ปล. เราได้ทำบุญกับพระรูปใดก็จะกลายเป็นสายบุญกับพระรูปนั้น ซึ่งจะอธิบายในภายหลังค่ะ

    เรื่องนี้ก็เช่นกันค่ะรู้ละเอียดยิบแบบไม่ใช่ว่าสมเด็จท่านมาหาและมาคุยเองและอธิบายเป็นคำพูดได้น้อยเพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรค่ะ

    ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้รับรู้แบบแตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ ในกระทู้ผีอำค่ะ และทั้งสองเรื่องนี้ถือว่าเป็นการรับรู้แบบใดคะ


    [SIZE="4"[COLOR="Red"]]และที่ไม่กล้าวางอารมณ์แบบเดิมอีกเพราะกลัวว่าจะเป็นอรูป เพราะจากการถาม อ.ฝีมโน แต่ตอนนั้นคงอธิบายท่านไม่ชัดเจนนะค่ะ[/SIZE][/COLOR]

    ปล. ไม่เคยทำสมาธิได้เกิน ๑๐ นาทีเลยสักครั้ง ต้องสารภาพตรง ๆ ว่าเป็นคนขี้เกียจ บทมันจะรู้ถ้าอารมณ์แบบข้างต้นมา(แป๊บเดียว)มันก็รู้เลยไม่ต้องทำสมาธินาน ๆ ค่ะ ที่ถามนี้จะได้วางอารมณ์แบบเดิมได้สนิทใจค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2015
  18. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    แถมอีกเรื่องค่ะ

    แสงออร่าจากบาตรพระสงฆ์

    ณ ค่ายทหารเชิงเขาพนมรุ้ง ช่วงนี้เริ่มนำอาหารไปถวายพระที่วัดตรงทางขึ้นเขาบ่อย ๆ ก็นั่งคิดว่าเราทำบุญทุกวันจะเป็นอย่างไรนะ รู้แต่ว่ามันดี......ผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่ก็แค่บอกว่าทำแล้วดี.... แล้วมันดีอย่างไรล่ะ........ได้บุญหรือ.....ได้แบบไหน... ( วิสัยของเราประเภทซุกซนขี้สงสัย )

    หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้...........รู้อีกทีก็...............ตัวเรานั้นเป็น พระสงฆ์ กำลังออกบิณฑบาต

    ขณะยืนรับอาหารจากโยม ในทันทีที่โยมปล่อยมือจากอาหารลงในบาตรของเรา ทันใดนั้น......พลันมี แสงออร่าสีเขียว จากอาหารในบาตรส่งกลับไปหาโยมในทันทีทันใด.......อื้อ....ฮื้อ.....เรารู้แล้ว...เรารู้แล้ว.....เรารู้แล้ว ..ทุกครั้งที่เราทำบุญผลบุญจะส่งกลับไปหาผู้ทำในทันทีทันใดเลย........บุญนี้ทำไมช่างดีอะไรอย่างนี้ ต่อไปนี้เราจะ....ทำบุญ....ทำบุญ....และทำบุญ.....ทำทุกวันเลย

    ความรู้นี้หากเราฟังจากคนอื่นเล่า ต่อให้ฟ้งจากร้อยคนพันคนเล่า หรืออ่านจากหนังสือกี่เล่มต่อกี่เล่ม มันก็ไม่ซาบซึ้ง เข้ามาทุกอณูรูขุมขนแบบนี้ เราฟังเราอ่านนั้น ยังไงก็สงสัยหรือไม่ก็แคลงใจไม่รู้จบ ไม่เหมือนเรารับรู้เองแบบนี้ หมดข้อสงสัยใด ๆ.......

    เอ๊......แต่....แต่....ทำไมเราถึง...เป็น......เป็น...พระสงฆ์......ได้หละ ก็เรานั้นเป็นผู้หญิงนี่ ไฉนเรากลายเป็นผู้ชาย แถมเป็นพระสงฆ์อีก........อืม?


    ปล.ตรงแสงออร่า แก้ไขเป็นลำแสงสีเขียวพุ่งตรงไปยังโยมนะคะ ตอนนั้นใช้คำพูดผิดเพราะไม่เข้าใจคำว่าออร่ากับลำแสงว่าต่างกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2015
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    รับแซ่บ เป็นอันว่าเคลียร์ ได้ในเวลาไม่นาน ๕๕๕๕....
    จัด คาปูชิโน่ พร้อมข้าวเย็นมาเลยเน้อ มื้อหนึ่ง ค่าแนะนำ
    ห้ามมาเนียนหายไปนะ ๕๕
    นี้เล่าแบบทั่วๆไปนะ กิริยาต่างๆ บางทีมันก็ต้องนึกๆ
    เป็นภาษาสมมุติเพื่อการถ่ายทอด
    อย่างนี้หละ.ถ้าลองอ่านๆก่อนแล้วสังเกตุที่กิริยาออกนะ..
    .แม้ว่าภาษาจะแตกต่างกัน แต่กิริยาที่เกิดแล้วมันจะเป็นอย่าง
    เดียวกันและกิริยาพวกนี้มันก็เป็นสากลคือไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด
    ก็จะรับรู้ได้เหมือนๆกัน.

    ยกตัวอย่าง เปลวไฟ ถ้าเราเอามือไปจับ
    เราจะรู้สึกร้อน ชนชาติอื่นๆก็รู้สึกร้อนเหมือนเรา แต่เรียกคำว่าร้อน
    ไม่เหมือนกันนั้นหละ..ความรู้สึกร้อนนั่นหละเป็นสากลฉันใด
    การรับรู้และสัมผัสทางจิตก็ฉันนั้น ..เก๊ทเนาะ..

    อืมๆๆ..ก็ถือว่าการพัฒนาขยับตัวเองจากในบ้าน
    หรืออภิญญาจิตภายใน ออกมาเป็นอภิญญาจิตภายนอกหรือ
    ที่เรียกว่า การออกมานอกบ้าน
    มาได้เร็วในระดับหนึ่งแล้วหละ..ณ เวลานี้นะ..อันนี้ชมนะ..

    คือทางสาย ท่าน มันมีคนที่ออกมาภายนอกได้อยู่
    เพียงแต่ว่ามันมีน้อย และเค้าไม่ค่อยจะพูดกัน
    เพราะว่าท่านค่อนข้างเลือกพอสมควร
    แต่ถ้าออกมานอกบ้านได้แล้วต่อไปมันจะรู้ๆกันเอง...
    ปล.เข้าใจเนาะที่พูดนะ...(^_^)
     
  20. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    :cool::cool::cool: เย้ เย้ เย้ วาระที่พี่นพจะจิ้มแขนให้ใกล้เข้ามาแล้ว

    ว่าแต่พลังงานบวกที่ข้างบนกำลังทำงานอยู่ขณะนี้มีผลจริง ๆ ด้วยค่ะพี่น้อง

    คุยกับพี่แกตั้งหลายเดือนกว่าจะรู้เรื่องซะที เรื่องวาระนี้สำคัญนะคะ

    และอีตอนที่รู้ว่าเราเคยฝึกวิชา เวตรามรต(มะระตะ) ในกลุ่มฤาษีนั้นก็รับรู้แบบนี้เหมือนกันค่ะพี่นพ เรื่องนี้ต้องเกี่ยวเนื่องกันแน่พี่นพรู้อยู่แล้ว ไม่งั้นจะสอนกันไม่รู้เรื่องหรอก จริงมั๊ย แต่พี่แกบอกเราไม่ได้เพราะวาระมันยังไม่ถึงนั่นเอง

    เคลียร์หมดเลยค่ะที่เราเคยสงสัยแต่ก่อนนี้ เช่นเมื่อปีที่แล้ว หลวงพ่อฤาษีท่านพูดกับอีกท่านหนึ่ง ท่านพูดไปหัวเราะไปว่า "ไอ้นี่ถ้ามันจะไป มันไปได้ตั้งนานแล้ว แต่มันไม่ยอมไป " เท่านั้นแหละค่ะ หา หลวงพ่อเจ้าขา ไม่ใช่หนูไม่ไปค่ะ แต่ไม่รู้จะไปยังไงค่ะ หลวงพ่ออย่าพึ่งไปสิคะ กลับมาก่อน หนูไม่เข้าใจ

    และมีครั้งหนึ่งนะคะพี่นพ ที่แบบว่าขึ้นพระนิพพานโดยที่เราขึ้นแบบตรงเป็นเส้นตรงจากศรีษะขึ้นไปเลยค่ะ ไม่ใช่แบบเหาะนะคะ ขึ้นโดยที่เรามีแต่จิตตรง ๆ นิ่งแต่เร็วค่ะ ซึ่งต่างจากการขึ้นแบบมโนมยิทธิ แต่ก็ไม่กล้าพูดหรือกล้าเล่าเพื่อถามใคร เพราะคิดว่าเราคงหลอนไป (อันนี้ถ้าผิดพลาดต้องขออภัยและชี้แนะด้วยค่ะ)

    และอีกอย่างการรับรู้อารมณ์แบบนี้หนูไม่ทราบว่ามันคืออะไรเพราะไม่รู้จักพระนิพพาน และดีแล้วที่ได้ฝึกมโนมยิทธิ ทำให้เรารู้ว่าอารมณ์มันเหมือนกันนิ

    แค่รู้ว่าเป็นแบบนี้น้ำตาก็จิไหล นึกย้อนกลับไปในช่วงที่โดนเก็บตัว ซึ่งตอนนั้นเราเข้าใจว่า เป็นช่วงที่ซวยมหาวิปโยคที่สุดในชีวิต แต่กลายเป็นมหามงคลที่สุดในชีวิตต่างหาก ซาบซึ้งในมหาเมตตากรุณาของทุก ๆ พระองค์ที่ท่านสงเคราะห์ตลอดมา แต่เราเองต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลย

    และท้ายสุดต้องกราบขอบพระคุณพี่นพงาม ๆ เป็นอย่างสูงค่ะ


    ปล. รอคุณพี่เหาะมาหาจะได้เลี้ยงข้าวเย็น และคาปูชิโน หลาย ๆ มื้อก็ได้ค่าาาาา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...