ผมเข้าใจเกี่ยวกับ กรรมดี กรรมไม่ดี อย่างดีถูกต้องหรือเปล่าครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย noum77, 18 กันยายน 2015.

  1. noum77

    noum77 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2010
    โพสต์:
    189
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +620
    อย่างบางคนเกิดมาพร้อมทุกอย่าง เเต่สิ่งดีๆ ก็ใหลเข้ามาเรื่อยๆ จนรู้สึกพอเเล้ว เเต่สิ่งดีๆ ก็ไม่ยอมหยุดเข้ามาหาตัวคนนั้น เพราะ ท่านทำกรรมดีไว้ ไม่มีทางหลีกหนีกรรมดี ได้พ้น ถึงจะหนีไปยังไงก็ตาม กรรมดี จะตามสนองทุกที่ทุกเวลาที่กรรมดีมีโอกาส ส่วนกรรมไม่ดี ก็เหมือนกับ กรรมดี คือ ถ้าทำกรรมไม่ดีไว้ มากมายเท่าไหร่ หนีไปยังไงก็หนีกรรมไม่ดีไปไม่พ้น ทุกที่ทุกเวลาที่มีโอกาส ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ ทำกรรมอะไรไว้ไม่มีทำให้เบาบางลง
     
  2. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,851
    ผมว่าหนีอาจไม่ได้ (ยกเว้นไปนิพาน) แต่ทำให้เบาบางลดลงได้ เช่น เราเอาไฟเผาคนจนตาย เมื่อเราเร่งสร้างกรรมดี จนกระทั่งเจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้ เราอาจถูกไฟคลอกจนบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ตาย (กล่าวคือลดลง)

    อ้างอิง

    อุปฆาตกรรม

    ผู้ถาม : " หลวงพ่อคะ อุปฆาตกรรม หมายความว่าอย่างไรคะ ... ? "

    หลวงพ่อ : " คำว่า อุปฆาตกรรม หมายถึงว่า กรรมที่มาตัดรอนระหว่างชีวิต คือ มันยังไม่หมดอายุขัยก็ตายเสียก่อน แทนที่จะมีอายุครบ ๖๐ ปีตามอายุขัย แต่อายุ ๓๐ - ๔๐ ปี กรรมที่เป็นอกุศลกรรม คือ ที่เราทำบาปไว้แต่ชาติก่อนด้วยจากปาณาติบาตมาตัดชีวิตเสียก่อน "

    ผู้ถาม : " มีวิธีที่จะพ้นกรรมประเภทนี้ไหมคะ อย่างเช่นถ้าเราปล่อยปลา หรือ สะเดาะเคราะห์ อะไรพวกนี้แหละค่ะ ... ? "

    หลวงพ่อ : " ปล่อยปลานี่เขาถือว่าตัดอุปฆาตกรรมได้ เราปล่อยสัตว์ให้รอดนี่มันจะกันได้ แต่ที่ให้หมอดูไปสะเดาะเคราะห์หมอบอกว่าต้องเสียเท่านั้นเท่านี้ พอสะเดาะเคราะห์เสร็จหมอหมดเคราะห์ไป ๓-๔ หมื่น คนที่สะเดาะเคราะห์เพิ่มเคราะห์ไป ๓-๔ หมื่น เป็นไง ... เราก็เอาแบบของเรานั่นแหละ ได้ผลแน่นอนกว่า "

    ผู้ถาม : " ปล่อยปลาอะไรดีคะ ... ? "

    หลวงพ่อ : " เขาไม่จำกัดว่าปลาอะไร แต่ว่าปลานั้นจะมันต้องไม่ตาย ต้องเป็นปลาที่มีชีวิต "

    ผู้ถาม : " บางคนเขาก็บอกว่า ปลาที่เราปล่อยแล้วจะทานไม่ได้ใช่ไหมคะ ... ? "

    หลวงพ่อ : " ถ้าปลานั้นมันจะต้องตาย เราก็เอาไปปล่อยเพื่อเป็นการช่วยชีวิต จะเป็นปลาอะไรก็ตาม สัตว์อะไรก็ตาม เราปล่อยให้มันรอดชีวิตเป็นเมตตาจิตใช่ไหม จะต้องไปนั่งเลือกทำไม บางคนเลือกปล่อยปลานั้นปลานี่ บางทีปลาไม่ค่อยจะตายก็ปล่อย "

    ผู้ถาม : " แล้วเราจะปล่อยแทนคนอื่นได้ไหม ... ? "

    หลวงพ่อ : " ได้ ... แต่ว่าเขาไม่มีผลนะ "

    ผู้ถาม : " ถ้าเราปล่อยแล้ว เราอุทิศส่วนกุศลได้ไหมคะ ... ? "

    หลวงพ่อ : " ถ้าเขายังไม่ตาย ไปอุทิศส่วนกุศลเขาจะได้รับยังไงล่ะ เราเอาแบบนี้ซิ เราก็เอาปลาไปให้เขาซิ บอกว่าตั้งใจปล่อยปลานะ ฉันหาปลามาปล่อยให้ปลามันรอดชีวิต เท่านั้นแหละถ้าเขาอนุโมทนา คือ ยินดีด้วยความเต็มใจ เป็นอันว่าเราปล่อยสัตว์ด้วยมีจิตเมตตา คิดจะช่วยให้รอดพ้นจากการถูกขังก็ดี เห็นว่ามันจะต้องตายก็ดี อันนี้เป็นของดี เป็นการช่วยชีวิตเขา และเราก็รอดพ้นจากอุปฆาตกรรมด้วย "


    อีกเรื่อง หลวงพ่อจรัญหักคอนก

    อาตมารู้ตัว ๖ เดือน ก็ขออโหสิกรรมทุกวัน ว่าเราก็ไปหักคอนกมามากหลาย เราก็บอกว่า พ่อนกเอ๊ยตอนที่ข้าพเจ้าเป็นเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่าเอาโทษเราเลย ขอให้โทษเราลดลงไป ให้อภัยโทษเถิด เหมือนให้การกับศาลรับสภาพฉะนั้น ศาลจะเมตตาเราที่ให้ความสะดวกในการพิจารณาของศาล จึงลดโทษลงไปอีก ๖๐% เราอาจจะรอดจากความตายได้ เลยก็เตรียมให้รถชนคอหักหมุนได้ แล้วก็กลับมาใช้เวรกรรมให้สิ้นสุดในชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น ผ่านจากหนักเป็นเบาได้ คือมิได้ปฏิเสธทุกข้อหาด้วยกรรมฐาน แก้กรรมได้อย่างนี้ โดยรู้ตัวของเราเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2015
  3. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +2,226
    แม้กฎแห่งกรรม ก็อยู่ภายใต้ไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง เช่นกัน

    การทำกรรมดี ยังทำให้มากขึ้นได้ แล้วในทางตรงกันข้าม เหตุไฉนจะลดลงไม่ได้
    เพียงแต่เวลามันอาจจะยาวนาน เสียจนเรานึกว่ามันไม่สิ้นสุดเสียที

    ดังนั้นบุคคลจึงไม่ควรประมาทหยุดสร้างกรรมดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2015
  4. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    กรรมไม่ได้ให้ผลเป็นสิ่งดีๆ หรือสิ่งไม่ดีหรอกครับ ผลต้องสัมพนธ์กับการกระทำที่เราทำไว้ มันต่างกันตรงที่ คนที่ไม่มีสิ่งนั้นมองว่าเป็นสิ่งที่ดี คนที่มีอยู่แล้วอาจจะไม่ได้รู้สึกว่ามันดีหรืออาจจะเฉยๆ กรรมให้ผลมีลำดับก่อนหลังครับ ศึกษาได้จากกรรม 12 ประเภท
     
  5. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ... ผลกรรมดีและไม่ดี มาส่งให้ได้รับ"ตามการประชุมพร้อมของเหตุปัจจัยที่เหมาะสม"...

    กรรมที่ทำไปไม่ได้มีอำนาจในตัวเอง ทำนองว่า นึกอยากส่งผลให้ใครๆก็ทำได้ ...เพราะ"กรรม"ไม่ใช่ตัวตน ที่จะคิดนึกสั่งการอะไรๆได้...
    ...และกรรมไม่ได้มาส่งผลให้ใครตามความนึกอยากได้หรือไม่อยากได้ของใคร



    กล่าวโดยสรุปคือ ผลกรรมเกิดได้เพราะปัจจัยต่างๆ เช่น ความเพียรของตน สิ่งแวดล้อม สถานการณ์ของบ้านเมือง ลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละคน เป็นต้น

    ที่ควรทราบคือ ไม่มีใครเลยที่ต้องรับแต่ผลกรรมดี หรือต้องรับแต่ผลกรรมชั่วแต่อย่างเดียว..ตลอดไป.. เพราะ .. แม้ปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องเหล่านั้น
    ก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นกัน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครอีกเช่นกัน..
     
  6. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    กรรมคือการกระด้วยเจตนาทั้ง กรรมดำ กรรมขาว กรรมทั้งดำทั้งขาว และกรรมไม่ดำไม่ขาว
    จะยกอุปมาอุปมัยให้ท่านพิจารณาดูนะครับ. มีวันหนึ่งท่านฆ่าสัตว์ตาย และต่อมาก็ทำบุญเพื่อหวังว่ากรรมชั่วที่ก่อจะได้เบาบางลง
    มีวันหนึ่งท่านทำบุญมา. และต่อมาท่านก็ทำกรรมชั่วเพื่อหวังว่าบุญที่ทำจะได้เบาบางลง
    ท่านลองพิจารณาดูนะครับ..... 555555. สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2015
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เกือบถูกครับ

    เพียงแต่ว่า อยู่ที่ลำดับของการทำกรรม และอยู่ที่ประเภทของกรรมครับ
     
  8. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    ใช่ครับทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว แต่เรื่องการส่งผลของกรรมยังมีความสลับซับซ้อน เช่น ทุกขลาภ
    1.ถูกหวยได้เงินมาแล้วโดนขโมยเงินอีกที
    2.ได้งานพิเศษเงินก้อนโตเข้ามาแต่กลับต้องมาล้มป่วยไปพร้อมๆกันจนพาลให้ทำงานไม่ไหว
    3.ประกวดนางงามพอได้รางวัลชนะเลิศกลับถูกคนปองร้ายเอาชีวิต
    4.ได้รถคันใหม่สวยถูกใจ พอเอาไปขับกลับประสบอุบัติเหตุพิการถึงตาย
    5.ได้ที่ดินทำเลงามมาไว้ในครอบครอง แต่ไม่นานก็ถูกทางการเวรคืนที่ดิน ทั้งช้ำใจ ทั้งขาดทุน
    6.ช่วงชีวิตกำลังรุ่งโรจน์ การงาน การเงิน ความรักกำลังไปได้สวย แต่กลับต้องมาตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บหรืออุบัติเหตุตั้งแต่อายุยังน้อย

    เรื่องต่างๆเหล่านี้ทำให้คนที่ไม่เข้าใจเรื่องกรรม เขาก็จะไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องของกรรมส่งผล กรรมดีอะไม่มีปัญหาหรอก แต่กรรมชั่วนี่แหละคือตัวปัญหา กรรมชั่วบางอย่างก็พอจะลดทอนกำลังกรรมลงหรือพอจะหลีกเลี่ยงได้ แต่บางอย่างก็หลีกเลี่ยงได้ยาก(พวกอุปฆาตกรรม)
     
  9. pukub

    pukub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2014
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +219
    เบาลงมีอยู่คับ อ้างอิงจาก พระเทวทัต ที่ทำอนัตริยกรรม ไว้แต่เพราะกลับใจตอนสุดท้าย
    คิดถึงความดีของพระพุทธเจ้าและขอบูชาในวินาทีสุดท้าย จึงทำให้จากที่จะต้องตกนรกหลายแสนกัลป์ ลดลงมาแค่ไม่กี่หมื่นกัลป์ ตัวเลขผมจำไม่ได้ แต่เอาคร่าว ๆ คือประมาณนี้
    ลดลงมีครับ เบาลงมีครับ
    ทำกรรมดี ให้กรรมชั่วเบาลง ทำได้ครับ
    แต่กรรมชั่วก็ยังอยู่ ไม่ไปไหนนะครับ

    สรุปทำแต่กรรมดี ไม่ทำกรรมชั่วเลย ดีที่สุด
    เริ่มต้นจาก เป็นผู้มีศีล เป็นผู้ชอบบริจาค เป็นผู้ให้ทาน เป็นผู้มีพรหมวิหาร เป็นผู้ไม่มีเวร ฯลฯ
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    พระพุทธองค์ อุปมา จิต เหมือนเมล็ดพันธ์พืช ผัสสะเหมือนผืนนา เวทนาความพอใจ ไม่พอใจ หรือเฉยๆ เหมือน น้ำ

    จิต เมื่อ กระทบ ผัสสะ ก็พร้อมจะ งอก ทันทีที่ น้ำ (ความพอใจ ไม่พอใจ หรือ เฉยๆ) มันมีพร้อม


    จิต และ ผัสสะ และ เวทนา เป็น ธาตุที่ห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้ มีจิต ย่อมมีเวทนา
    เหมือนไม้กระดานสองแผ่น พิงกัน หากเอา แผ่นใดออก ความสามารถของสิ่งนั้นก็
    ไม่อาจตั้งอยู่


    ดังนั้น

    กรรมจะเกิดหรือไม่ เราจะไปเอา ผัสสะ ออก ทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะ ผัสสะ มันเป็น
    รูปโลก นามรูปโลก จิต ที่แส่ส่ายสัมผัส ผัสสะ จึงเกิด "กรรม" วันยันค่ำ ไม่ใช่
    เพราะว่า กุศลให้ผล อกุศลให้ผล อัพยากฤติให้ผล

    มันเป็น ปรกติของมันอย่างนั้น

    การหยุด กรรม จึงเป็นการ หมั่นเพียร ภาวนาเข้ามาประจักษ์ ทุกขสัจจ(การถือเอา
    เป็นตัวตนไม่ได้ ตั้งอยู่ไม่ได้) เพื่อละ ทุกขสมุทัย ประจักการทุกขนิโรธน จึงรู้ว่า
    มรรคามินีปฏิปทา คืออย่างนี้ๆ เพียรแล้ว หรือ ยังพร่อง วิญญูชนย่อมรู้ได้ด้วยตัวเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...