ทหารพระองค์ดำรายงานตัวหน่อยครับ

ในสมัยพระนารายณ์นั้นคนชำนาญการงานก่อสร้างคงมีไม่มาก ชาวต่างชาติจึงน่าจะมีส่วนร่วมในงานวางผังเมืองค่อนข้างมาก แล้วจึงให้ช่างไทยแปลงงานอีกทีเพื่อไม่ให้งานดูแปลกตาจนเกิดไป

ส่วนตัวในอาณาจักรแถบนี้คิดว่าสิงโตมาจากช่างทางเปอร์เซียที่นิยมสิงโต ช่างแถวนี้คงเห็นแปลกตาและรับเป็นคติสร้างต่อๆ กันมาเป็นสัตว์เฝ้าประตู ตามแนวคิดผู้คุ้มครองสถานที่ที่มีอยู่ก่อนแล้ว

ระบบชลปะทานและการก่อสร้างมักมีคราวที่ขาดช่วงไป ดังนั้นการก่อสร้างในแต่ละยุคขอดินแดนในแถบนี้จึงมีการนำช่างจากดินแดนห่างไกลอื่นๆ เข้ามาร่วมด้วย

 

ทหารพระองค์ดำ หลังจากสิ้นรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้เข้าร่วมกับสมเด็จพระเอกาทศรถ หลังสิ้นพระเอกทศรถ ทำให้เชื่อได้ว่าทุกผู้ทุกนายล้วนเข้าสู่วัยชรา เป็นเหตุแห่งความร่วงโรย ฉะนั้นการสืบทอดอำนาจในสายบังคับบัญชาจึงได้ตกทอดแก่ขุนทหารรุ่นใหม่ อันมีพระโอรสของสมเด็จพระเอกาทศรถและพระโอรสของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นผู้บังคับบัญชา

 

เรื่องของพระนารายณ์นั้นอาจทำให้มีข้อสงสัยได้ว่าท่านอาจจะเป็นแค่สามัญชนที่บังเอิญได้เข้าวังไปพร้อมกับแม่นมของพระราชธิดาของพระเจ้าปราสาททอง (อย่าเผลอคิดว่าท่านเป็นพระเจ้าบุเรงนองไปเสียล่ะ อันนั้นมันนิยาย) บางทีท่านอาจจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อยึดอำนาจการปกครองมาตั้งแต่ต้นแล้วก็ได้

 

พระเจ้าปราสาททอง แท้ที่จริงอาจทรงเป็นพระโอรสของสมเด็จพระนเรศวรกับขรัวมณีจันทร์ แต่พงศาวดารเขียนว่าทรงเป็นพระโอรสของพระเอกาทศรถนั่นก็คงเพื่อเหตุผลทางการเมืองหรือหากทรงเป็นจริงดังพงศาวดาร สุดท้ายก็ยังยืนยันว่าทรงสืบเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงเจ้าสุโขทัย

สมเด็จพระนารายณ์ชัดเจนว่าทรงเป็นพระโอรสของพระเจ้าปราสาททอง และได้ทรงประสูติภายใต้เศวตฉัตร หมายความว่า พระราชบิดาของพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้วในขณะที่พระองค์ประสูติตามพงศาวดารพระราชประวัติเป๊ะ

เรื่องเป็นสามัญชนเข้าวังมากับแม่นมนี่น่าจะใช้กับ พระเพทราชาถึงจะเหมาะสมกว่า

 

คนสมัยก่อนไม่ค่อยรู้เรื่องเจ้า ปิดปากคนในไม่กี่คน แล้วที่เหลือใครจะรู้ ดูๆ แล้วท่านคงไม่อยากได้อำนาจเท่าไร แต่ผู้ที่มีสิทธิ์ในราชสมบัติคงทำท่านผิดหวัง ท่านน่าจะฆ่าลูกชายและน้องชายพระเจ้าปราสาททองกับมือตนเอง แล้วไปเอิญพระศรีสิงห์ไปเห็นเข้าพอดี ถึงพระนารายณ์จะเลี้ยงดีเพราะหวังให้สืบเป็นกษัตริย์มากอย่างไร เด็กก็คงอยากล้างแค้นให้กับพ่อ ถ้าท่านมีลูกชายจริง ท่านก็คงไม่ให้อยู่ใกล้ตัวเพราะศัตรูที่ท่านก่อนั้นมากเหลือเกิน

 

พระนเรศวร ทรงมีพระราชโอรสจริงๆและที่พระราชโอรสของพระองค์ไม่อาจขึ้นครองราชย์สืบต่อพระองค์ นั่นด้วยก็เพราะสมเด็จพระเอกาทศรถทรงเป็นพระมหาอุปราช ทรงมีสิทธิ์ชอบธรรมตามโบราณราชประเพณี ฉะนั้นหากว่าพระราชโอรสของสมเด็จพระนเรศวรจะขึ้นครองราชย์ได้สมอย่างกษัตริย์ชาตินักรบ พระองค์(พระเจ้าปราสาททองหรือจหมื่นศรีสรรักษ์)จึงต้องหาสมัครพรรคพวกที่เป็นข้าเก่าที่ภักดีและเคยได้ร่วมรบกู้แผ่นดินกรุงศรีอยุธยามากับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เข้ามาเป็นพวก

และเมื่อ(เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ หรือพระเจ้าปราสาททองในอนาคต)สมเจตนาแล้ว เมื่อนั้นครั้งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเอกาทศรถขึ้นครองราชย์ ก็หาผู้ภักดีที่มีกำลังอำนาจทางการเมืองและการทหารไม่เทียบเท่าเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์

 

พระราชมารดาของพระเจ้าสุริเยนทราธิบดีนี่น่าจะเป็นพระราชกัลยาณี

พระนารายณ์และพระราชกัลยาณีน่าจะรักกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ติดตรงที่คนอื่นๆ เข้าใจว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน การขึ้นไปเมืองเหนือของพระนารายณ์น่าจะเป็นการหลบสายตาผู้คนของวังหลวงและลพบุรี พระเจ้าเสือจึงมีประวัติพระราชมารดาที่คลุมเคลือและไม่มีการเอ่ยถึงชื่อ ทั้งพ่อแม่ลูกต่างเอ่ยถึงความสัมพันธ์ไม่ได้ เรื่องนี้จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมพระราชกัลยาณีถึงมีท่าทีรังเกียจพระเพทราชา และทำไมพระเจ้าเสือถึงไม่ขัดขวางให้พระราชกัลยาณีแต่งกับพระเพทราชา เพราะท่านจะได้เรียกว่าราชกัลยาณีว่าแม่อย่างไม่สะดุดหูใคร

 

คุยกันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ขอบอกว่างานนี้มีการทรยศเกิดขึ้น ถ้าหากจะยึดตามคำสาบานที่เคยถือนำ้ฯ เอาไว้ ชีวิตข้าราชการหากนายขึ้นเป็นใหญ่ก็ใหญ่ตาม หากวันใดแพ้ก็ตามกรรม เมื่อชนะศึกนอกแล้ว ศึกในนี่สิชี้ชีวิตอยุธยา หวังจะเป็นปึกแผ่นกลับมายิ่งใหญ่ ในยามที่พม่าโรยรา แน่นอนต้องผู้นำหัวก้าวหน้า แลประวัติย่อมไม่ธรรมดา สามัญชนคนธรรมดาหรือจะฝ่าอำนาจเจ้านายอยุธยา ต้องมีเชื้อแถวถึงได้รับการยอมรับ ไม่งั้นไม่ก้ม

 

ครั้งเมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประทับอยู่หงสาวดีพระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถในเชิงยุทธเป็นอย่างยิ่ง เคยได้ประลองเพลงดาบกับมังสามเกียด พระเจ้าหลานเธอในพระเจ้าบุเรงนอง แม้ว่าพระองค์จะมีพระชนมายุที่น้อยกว่า แต่ทรงมีพรสวรรค์ในศิลปะการต่อสู้และทรงมีความสนพระทัยในศิลปะวิทยาการตำรับพิชัยสงครามทั้งพม่ามอญ ทรงศึกษาจนเจนจบและนำมาใช้ในสถานการณ์จริง ทั้งพลิกแพลงแก้กลได้พิศดารจนเป็นที่หวั่นเกรงในพระสติปัญญาของพระองค์

 

พอดีเห็นกำลังสนทนาเรื่องสมัยอยุธยาอยู่พอดี เเต่ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์เวอร์ชั่นของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล กำลังจะเข้าฉาย30ธ.ค.นี้พอดี เห็นมีคนลงในยูทูป
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=hy9WUeHKauY"]http://www.youtube.com/watch?v=hy9WUeHKauY[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=NGq2An3EyY0"]http://www.youtube.com/watch?v=NGq2An3EyY0[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=eGD_AP1LEtM"]http://www.youtube.com/watch?v=eGD_AP1LEtM[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=hyDIwdMhnrg"]http://www.youtube.com/watch?v=hyDIwdMhnrg[/ame]

 

ขอเเสดงความคิดเห็นในเรื่องสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ถ้าสมัยนั้นพระเพทราชาไม่ปฏิวัติกษัตริย์คงเป็นพระปีย์ที่เข้ารีตกับฝรั่งที่มาล่าอาณานิคมเอาศาสนาคริตส์บังหน้า ไทยคงตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งตั้งเเต่นั้นมา เพราะจะถูกฝรั่งเข้ามาครอบงำ เห็นเค้าลงข่าว8 ต.ค. 57 ว่ามีกรมศิลปากรขุดค้นพบโครงกระดูกพระปีย์เเละเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หรือคอนสแตนติน ฟอลคอนที่โบราณสถานสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่สร้างโดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศส จ.ลพบุรี สมัยนั้นมีการจับพระให้สึกเเล้วมาทำงานอะไรสักอย่างก็เลยต้องมีการปฏิวัติในวัง เพราะไม่เป็นที่พอใจของหลายคนรวมทั้งพระเพทราชาเเละหลวงหลวงสรศักดิ์

 

ก่อนรวมกันเป็นชาติไทย ก็มีเมืองต่างๆมารวมกัน เมืองหลวงตามประวัติศาสตร์ที่เคยเรียนก็ย้ายราชนีมาหลายครั้ง ราชวงศ์ต่างๆก็เปลี่ยนมาหลายรอบ แต่ศาสนาหากนับตั้งแต่สุโขทัยก็นับว่าศาสนาพุทธดำรงคงอยู่คู่ไทยแม้จะมีความเชื่ออื่นๆเจือปนอยู่บ้าง ศาสนาพุทธเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ คนไทยส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดี ศรัทธาทำลายยากที่สุด กษัตริย์พระองค์ใดทำนุบำรุงศาสนาบัลลังก์ของพระองค์ก็น่าจะมั่นคงแข็งแรง เพราะสมัยก่อนชายไทยเรียนหนังสือกันที่วัด พระท่านเก่งหลายอย่าง สมัยก่อนได้พระอาจารย์ดีก็จะได้ความรู้ดี ไม่ได้สอนกันง่ายๆเหมือนสมัยนี้ที่พยายามเชิญทุกคนมาเรียน

 

เรื่องสึกพระนี่รู้สึกว่าขุนหลวงสรศักดิ์จะจับสึกเองด้วยมั้ง เรื่องนี้ไม่น่าใช่ความคิดขุนนางต่างชาติ แต่น่าจะเป็นความคิดของตัวพระนารายณ์เอง เพราะกลัวจะมีแต่พวกบวชเอาสบาย เลยต้องทำเรื่องให้แยกพวกบวชเอาสบายออกมาและจับสึกเสีย เพราะข้าวสุกของชาวบ้านจะได้ไม่เสียเปล่า ขุนหลวงน่าจะเป็นวัยรุ่นอยู่ในตอนที่ไปต่อยขุนนางต่างชาตินั่น พอต่อยให้คลายโกรธท่านก็รู้เองของท่าน การสึกก็คงยังมีต่อไป ไม่ได้หยุดหลังเหตุการณ์นั่น

ศรีปราชญ์ในสมัยพระนารายณ์ก็น่าจะมีขุนหลวงสรศักดิ์ด้วยคนนีง ตอนท่านบวชไป พระนารายณ์คิดตื้อๆ ตันๆ ก็น่าจะไปขอท่านให้ลาสิกขามาช่วยงานแผ่นดินนี่แหละ

 

มีแต่ทหารกบฏ เรื่องเจ้านายตัวตามหัวข้อกระทู้ไม่นำพา ดันไปพูดเรื่องคนอื่น งั้นทำไมไม่ตั้งหน้ากระดานทหารราชวงศ์ปราสาททองหรือบ้านพลูหลวงเลยล่ะ เดี๋ยวจะเอาเรื่องพระองค์ดำไปแจม

 

อารมณ์จะดูหนัง ข้ามภาคใบ้เฉลยปมหลักไปจะไม่มันเอานะ

 

เอ้าเมื่อมีผู้ท้วงติงก็ขอวกกลับมาก่อน พอดีคุยกับพวกพี่ๆเขาบางคนเชื่อว่าพระนเรศวรสวรรคตเพราะโดนแมลงภู่ซึ่งเป็นคุณไสย์ของฝั่งพม่าส่งมา เนื่องจากคนเหนือหรือคนล้านนาเขารู้ว่ามีวิชานี้อยู่ พอไปอ่านมาก็เจอจริงๆ ขอลงเอามาให้อ่านก็แล้วกัน

ตำนานล้านนา...........เรื่องตู้คุณไสย

คำว่า "ตู้" ในภาษาล้านนา ไม่ได้หมายถึงตู้ใส่เสื้อผ้า หรือตู้กับข้าว แต่หมายถึงการทำร้ายกันด้วยไสยศาสตร์ หรือเรียกอีกอย่างว่าคุณไสย ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ถูกตู้ ได้รับอันตราย อาจถึงตายได้ การตู้มีหลายวิธี ตอนสมัยเด็กๆ ผู้เขียนเคยได้ยินผู้ใหญ่เล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องตู้มากมาย อาจจะใช้ ตะปู หรือหนังควายเสกเข้าท้องคนที่ไม่ชอบกัน หรือปล่อยเป็นของอย่างอื่น คนที่จะตู้ได้นั้นต้องมีวิชาอาคมแก่กล้ารู้วิชามายาศาสตร์จนสามารถเล่นแร่แปรธาตุได้ ต้องมีสมาธิจิตอันเข้มข้น ต้องได้อุปจารสมาธิ แต่ไม่ต้องลึกถึงอัปปนาสมาธิ เพราะสมาธิในองค์ฌานเป็นอุเบกขา

อย่างในวรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน ที่ขุนแผนเสกใบไม้เป็นตัวต่อตัวแตนได้ ซึ่งก็เป็นวิชาหนึ่งในไสยศาสตร์ ผู้ที่มีวิชาด้านนี้จะต้องเก่งกสิน โดยบริกรรมคาถาและเพ่งกสินในวัตถุนั้น ๆ แล้วใช้กระแสจิตไปจับเอาวิญญาณตัวต่อตัวแตนมาอยู่ในวัตถุนั้น และสามารถเปลี่ยนค่าโมเลกุลวัตถุนั้นได้โดยใช้กระแสจิตเป็นคลื่นพลังงาน (อธิบายไสยศาสตร์ให้เป็นวิทยาศาสตร์) ครูบาอาจารย์มักจะสอนสั่งไม่ให้ไปผิดลูกเมียของคนอื่น หรือไปแอบลักขโมยของใครจะถูกตู้ได้ง่าย เวลาไปตามป่าเขาถ้าจะเก็บผลหมากรากไม้มากิน ไม่รู้ว่ามีเจ้าของหรือไม่ ก็ให้เอาไม้ขอวางไว้ ให้รู้ว่าเราขออนุญาตแล้ว ชาวเขาชนเผ่าต่าง ๆ มักจะเก่งเรื่องการตู้ แม้ในปัจจุบันก็ยังมีวิชาเหล่านี้อยู่คนที่มักง่ายไปหลอกสาวดอย แล้วไม่รับผิดชอบจงระวังให้ดี ถูกตู้มามากต่อมากแล้ว เรื่องเหล่านี้ผู้เขียนเคยรับรู้มาจากครูบาอาจารย์หลายท่าน

ในดินแดนล้านนาก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับไสยศาสตร์มากมายพ่อแม่ผู้เขียนเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยตอนพ่อแม่เป็นเด็กเคยเห็น อุ้ยวรรณ ญาติผู้ใหญ่ ได้เสกหมากแห้ง ที่เคี้ยวกินกับปูน เป็นตัวตะขาบเลื้อยไปมาได้ ขอเข้าเรื่องการตู้คุณไสยที่เกริ่นแต่แรก.. ในสมัยก่อนบ้านเมืองยังไม่เจริญ ไม่มีโรงหนัง ไม่มีทีวี ไม่มีอินเตอร์เนต สิ่งบันเทิงเหมือนทุกวันนี้ จะมีงานรื่นเริงทีก็ต้องรอให้วัดมีงานเช่น งานตั้งธรรมหลวง (เทศน์มหาชาติ) งานปอยหลวงเป็นต้น งานเทศน์มหาชาติจึงเป็นงานบุญที่สร้างความสุข และสนุกสนานในสมัยนั้นมาก

ณ วัดแห่งหนึ่งตั้งอยู่นอกเมืองเชียงใหม่ วัดนี้เป็นวัดใหญ่มีศรัทธาประชาชนหนาแน่น ทุกๆปีวัดนี้จะมีงานเทศน์มหาชาติขึ้น และมีชาวบ้านทั่วสารทิศมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก และทางวัดจะนิมนต์พระนักเทศน์ ที่เสียงดี จากวัดต่าง ๆ มาเทศน์ จนเป็นที่กล่าวถึงตลอดมา คราวหนึ่งวัดนี้มีการสร้างโบสถ์ขึ้น จึงได้จัดงานเทศน์มหาชาติขึ้นเพื่อรวบรวมปัจจัยใช้ในการสร้างโบสถ์ งานเทศน์ดำเนินไปอย่างราบรื่น ศรัทธาประชาชนต่างมาร่วมฟังเทศน์อย่างคับคั่ง เสียงโมทนาสาธุดังกระหึ่ม และเสียงเหรียญเงินรูปีที่ผู้มีศรัทธา ควักออกมาบูชากันฑ์เทศน์ดังกราวๆ อย่างไม่ขาดสาย สมัยก่อนเมืองต่างๆแถบล้านนาใช้เงินแถบ (เงินรูปีของอินเดีย)

จนกระทั่งถึงกัณฑ์มัทรี องค์เทศน์ก็เทศน์ได้สะเด็ดสะเด่าไพเราะจับใจมาก จนศรัทธาที่ฟังต่างนั่งเงียบ ตั้งใจฟังอย่าอิ่มเอมหัวใจ ในขณะที่ทุกคนกำลังตั้งใจฟังอยู่นั้นได้มีแมลงภู่ตัวใหญ่บินเข้าวิหารมา แมลงภู่นี้บินวนไปวนมาหลังจากนั้นก็บินตรงไปที่ธรรมมาสน์ และบินเข้าไปในธรรมมาสน์ (ล้านนาจะมีธรรมมาสน์สูงใหญ่) พระภิกษุที่กำลังเทศน์อยู่ใช้ ตาลปัตร ปัด แต่ไม่เป็นผล มันบินตรงเข้าจู่โจมโดยไม่ยอมหนี

พระภิกษุรูปนั้นรู้ดีว่าแมลงภู่ตัวนี้ที่แท้แล้วก็คือคุณไสย คงมีใครคนหนึ่งปล่อยมา ให้มาทำอันตรายแก่ตน เมื่อท่านแก้ไขไม่ได้จึงยุติการเทศน์ครั้งนี้เสีย ท่านได้ก้าวลงจากธรรมมาสน์ เมื่อท่านเทศน์ไม่จบทางวัดจึงถวายจตุปัจจัยและเครื่องไทยทานพอสมควร ส่วนปัจจัยที่เหลือมัคคทายกก็ยกเข้าสบทบทุนสร้างโบสถ์ต่อไป เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านต่างโจษจรรย์ไปทั่ว เพราะตามธรรมเนียมภาคเหนือหากเทศน์ไม่จบแล้ว เครื่องไทยทานจตุปัจจัยจะต้องตกเป็นของวัดเกือบทั้งหมด

เรื่องราวเงียบหายไป จนกระทั่งสองปีต่อมา การก่อสร้างโบสถ์ของวัดนั้นเสร็จสมบูรณ์ ทางวัดจึงดำริจะจัดงานเทศน์มหาชาติและงานฉลองโบสถ์พร้อมกัน การจัดงานเทศน์มหาชาติครั้งนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี เพราะคณะศรัทธาได้นิมนต์พระนักเทศน์จากต่างจังหวัดที่ชื่อเสียงโด่งดังมาเทศน์หลายรูป

ข่าวการเทศน์มหาชาติและฉลองอุโบสถ์ได้แพร่กระจายไปอย่างกว้างขวาง มีศรัทธาประชาชนต่างมาร่วมทำบุญกันอย่างคับคั่ง การเทศน์เริ่มเทศน์เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป เริ่มจากกัณฑ์ มาลัยเคล้า มาลัยปลาย อานิสงส์เวสสันดร แล้วก็พักทานอาหารเช้า จากนั้นเริ่มเทศน์เวสสันตรชาดก 13 กัณฑ์ คือ ทศพร หิมพานต์ไปเรื่อย ๆ พระนักเทศน์แต่ละองค์ที่นิมนต์มา ต่างเทศน์อย่างสุดฝีปาก เจ้าภาพกัณฑ์เทศน์ก็หมุนเวียนกันเข้ามาถวายกัณฑ์เทศน์ จนเต็มวิหารหลวง กระทั่งล่วงเข้าเวลาดึก เมื่อมาถึงกัณฑ์มัทรี ซึ่งมีเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์มากกว่ากัณฑ์อื่น พอถึงเวลาเทศน์พระที่นิมนต์มาเทศน์กัณฑ์นี้มาไม่ได้มาเนื่องจากไม่สบายจึงได้ส่งสามเณรลูกศิษย์ท่าน ที่เทศน์ดีที่สุดมาแทน ทำให้เจ้าภาพเจ้ากัณฑ์เทศน์ต่างรู้สึกผิดหวังไปตาม ๆ กัน

ต่างคนต่างตั้งใจดูว่าสามเณร ที่สมภารส่งมาจะเทศน์ดีแค่ไหน เมื่อสามเณรขึ้นเทศน์ ก็ทำให้ศรัทธาที่ฟังไม่ผิดหวังเลย เพราะท่านเทศน์ได้ไพเราะ สุ้มเสียง ระบำธรรม ทำนอง ลีลาของกาพย์และร่ายพรรณาได้อย่างสมบูรณ์แบบจนเป็นที่ถูกอกถูกใจแม่ยกทั้งหลาย บางคนปลื้มปิติจนน้ำตาไหล เพราะไม่เคยได้ฟังมาก่อน
ในขณะที่ทุกคนตั้งใจฟังอย่างสงบอยู่นั้น ได้มีแมลงภู่ตัวหนึ่งบินเข้าวิหารมา มันบินวนไปวนมาหลายรอบ แล้วบินตรงไปที่ธรรมมาสน์ และได้หยุดเงียบเสียงที่ตรงนั้น สามเณรก็คงเทศน์ต่อไปอย่างปกติ

อีกสักพัก ก็มีแมลงภู่อีกตัวหนึ่งบินเข้ามาในวิหารอีก มันบินตรงเข้าไปในธรรมมาสน์และเงียบหายไปอีกตัว หลังจากนั้นไม่นานก็มีแมลงภู่บินเข้าวิหารอีกตัว คราวนี้ตัวโตกว่าสองตัวแรก มันบินวนไปวนมา ส่งเสียงดังกระหึ่ม ศรัทธาประชาชนต่างมองดูด้วยความแปลกใจ มันบินตรงเข้าไปที่ธรรมมาสน์ เมื่อมันบินเข้าไปถึงข้างในธรรมมาสน์สามเณรยกตาลปัตรเข้าฟาดปรากฏว่าแมลงภู่ตกลงกับพื้น ท่านจับมันขึ้นมาพร้อมกับหยุดเทศน์ทันทีและได้ถามขึ้นว่า

"ใครเป็นคนปล่อยคุณมา" ทุกคนในที่นั้นต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครตอบ ท่านคงถามย้ำอีกสองครั้งก็ไม่มีใครตอบ สามเณรจึงกล่าวต่อไปว่า "เมื่อไม่มีใครเป็นเจ้าของก็ดีแล้ว อาตมาจะส่งกลับคืน และขอบอกว่าเมื่อส่งคืนไปแล้วอาตมาแก้ไม่ได้หรอกนะ เพราะไม่ได้เรียนวิธีแก้มา ใครเป็นเจ้าของก็รีบบอกเสีย" ทุกคนเงียบไม่มีใครตอบ สามเณรจึงจับแมลงภู่ทั้ง 3 ตัว ที่บินมาหาตนปล่อยกับคืนไป แมลงภู่ทั้งหมดก็บินออกไป หลังจากนั้นท่านก็รับประเคนจตุปัจจัยไทยทาน ให้พรเสร็จก็ลากลับวัดไป

การเทศน์ดำเนินไปจนครบทุกกัณฑ์ ก็เป็นเวลาจวนสว่างพอดี ศรัทธาประชาชนต่างก็ทะยอยกันกลับบ้าน คงเหลือแต่ปู่จ๋ารย์(มัคคทายก)ที่ก้มต้วฟุบหน้าหมอบติดกับพื้นคล้ายกับว่าหลับสนิทอยู่ พระเณรจึงเข้าไปปลุก แต่ปรากฏว่ามัคคทายกสิ้นใจไปเสียแล้ว ทุกคนจึงรู้ว่าผู้ที่ปล่อยคุณนั้นแท้จริงแล้ว ก็คือตัวมัคคทายกนั่นเอง

แสนดี วงศ์จำปา / เรียบเรียง

 

พม่านี่ขนาดพระราชฐานชั้นในยังมีบัลลังก์ผึ้งเลย วังจำลองของพระเจ้าบุเรงนองที่พม่าเขาทำไว้ ตอนนั้นข้าพเจ้าก็ยังแปลกใจเลย เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน ขอเสริมเกร็ดข้างต้นอีกนิด ข้าพเจ้าลองไปค้นหาเรื่อง "ตู้" เพิ่มเติมดังนี้
การตู้หรือกระทำด้วยอาคมดังกล่าวมิอาจกระทำได้พร่ำเพรื่อ เพราะทางอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชามีข้อห้ามว่า ถ้าบุคคลอื่นได้ทำความเจ็บช้ำในใจให้จนน้ำตาตก คือการทำให้เสียใจจนร้องไห้ถึง ๓ ครั้ง จึงอาจจะพิจารณากระทำด้วยคุณไสยดังกล่าวได้ และผู้ที่รู้วิชาดังกล่าวนี้มักปกปิดไว้มิให้คนอื่นรู้ จึงทำให้หาข้อมูลได้ยาก และกล่าวกันว่าพวกกะเหรี่ยงเป็นผู้รู้วิชานี้
การตู้นั้นมีหลายวิธีหลายแบบ ตามแต่ละสำนักได้คิดค้นวิธีได้สำเร็จ ด้วยวิธีส่งเป็นแมลงภูนั้นเป็นสากล ผู้ตู้ส่วนใหญ่จึงมักจะใช้วิธีนี้

 

ข้างต้นก็ข้อมูลตามท้องถิ่น หากประมวลดูลูกหลานพระเจ้าบุเรงนองคงช้ำใจมาก และอาจจะน้ำตาตกเกิน 3 ครั้ง นับตั้งแต่ประกาศอิสรภาพ ฟันพระมหาอุปราชาขาดคอช้าง เหยียบหงสา และไล่ตีอังวะ ที่นี่แหละสำคัญเพราะเป็นเมืองที่พระเจ้านะยองยันพระโอรสองค์สุดท้องของพระเจ้าบุเรงนองและเป็นน้องของพระเจ้านันทบุเรงหมายจะสร้างความเป็นปึกแผ่นและรวบรวมพม่าอีกครั้งโดยปราบไทใหญ่เข้าตีแสนหวีเพื่อลงมาอโยธยา แต่พระองค์ก็สวรรคตปีเดียวกับพระนเรศวร

 

เคยมีคนเถียงกันมาแล้วเมื่อครั้งก่อนเรื่องการสวรรคตของสมเด็จพระนเรศ ในส่วนมุมประวัติศาสตร์บอกว่าพระนเรศ ท่านยังทันได้สั่งเสียน้องท่านถึงสามวันจึงสวรรคต เห็นว่าไม่น่าจะถูกคุณไสย เพราะถูกจริงก็ต้องแก้ได้ทันการณ์แน่นอน ยิ่งประวัติว่าพระองค์ทรงวิทยาคมอย่างยิ่ง ครั้งที่จะออกสงครามยุทธหัตถีนั้น พระองค์อาบว่านยาและประจุอาคมต่างๆจาก พระอาจารย์คือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดพุทไธศวรรย์ มีประวัติและมีรูปหล่อทรงบำเพ็ญเพียรบริกรรมนั่งสมาธิ ประจุวิทยาคมในโบสถ์มหาอุดอยู่จริง และเคยมีประวัติว่าสมัยที่พระองค์ยังเป็นหนุ่มนั้น พระองค์เคยประชวรด้วยพระโรคเดียวกันกับที่ทำให้ทรงเสด็จสวรรคต

 

น่าแปลกนะ ที่พระนเรศวรไม่ได้รับราชการของทางหงสาวดีทั้งที่ควรจะเป็นของเจ้าชายต่างเมืองที่ถูกรับเข้ามา และพวกมอญเรียกท่านเสมอเจ้าของทางหงสา เรื่องนี้มันต้องมีอะไรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน หากพระมหาธรรมราชาเป็นฝ่ายเมืองสองแควที่หันหน้าออกจากอยุธยามาทางหงสา พระนเรศวรก็คงจะเป็นผู้ที่หันหน้าออกจากทางหงสาไปเข้าฝ่ายเมืองสองแคว