รักเสมอ
ความเคลื่อนไหวล่าสุด:
11 พฤษภาคม 2010
วันที่สมัครสมาชิก:
21 มกราคม 2008
โพสต์:
168
พลัง:
235

โพสต์เรตติ้ง

ได้รับ: ให้:
ถูกใจ 235 319
อนุโมทนา 0 0
รักเลย 0 0
ฮ่าๆ 0 0
ว้าว 0 0
เศร้า 0 0
โกรธ 0 0
ไม่เห็นด้วย 0 0

แชร์หน้านี้

รักเสมอ

เป็นที่รู้จักกันดี

รักเสมอ เห็นครั้งสุดท้าย:
11 พฤษภาคม 2010
    1. อิสวาร์ยาไรท์
    2. อิสวาร์ยาไรท์
    3. อิสวาร์ยาไรท์
    4. อิสวาร์ยาไรท์
    5. อิสวาร์ยาไรท์
    6. พระไตรภพ
      พระไตรภพ
      สติเป็นสิ่งที่ควรฝึกฝนให้เพิ่มขึ้น คนที่มีสติจะรักษากายวาจาตนเองไว้ได้ แต่คนหลายต่อหลายคนมักคิดไปเองว่าตนมีสติ พอประสบเหตุอันจะทำให้เกิดผลในด้านร้ายๆที่จะทำให้เราประกอบกรรมชั่วทั่งทางกายและใจ หลายๆคนเหล่านั้นกลับหลงไปอย่างน่าสงสาร สตินี้มันจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อเราละได้ซึ่งอัตตาตัวตนบุคคลเราเขา หรือเมื่อเราแลเห็นอนิจจังอย่างเต็มหัวใจ
      เวลาผ่านพ้นไป ใจเราเป็นเช่นใด เรายังมั่นคงอยู่หรือไม่หนอ เพื่อนสหธรรมเอย ท่านจงยังตนให้อยู่เหนือโลกธรรม แม้จะพ้นโลกได้เพียงเพราะการกดข่มจนอารมณ์ดับ ก็พึงกระทำให้มากเถิด อย่าปล่อยจิตให้ไหลหลงไปตามโลกเลยนะ
    7. อิสวาร์ยาไรท์
    8. อิสวาร์ยาไรท์
    9. อิสวาร์ยาไรท์
    10. อิสวาร์ยาไรท์
    11. อิสวาร์ยาไรท์
    12. อิสวาร์ยาไรท์
    13. พระไตรภพ
      พระไตรภพ
      สาธุ กราบขอบพระคุณครับ
      - ในยุคปัจจุบันการฟังธรรม (รวมอ่าน) เพียงอย่างเดียว สามารถบังเกิดดวงตาเห็นธรรม เช่นครั้งพุทธกาลได้หรือไม่ ?

      น้อยนักจะเป็นเช่นนั้นได้ ยากแท้ที่คนเราจะตัดอัตตาตัวตนได้เอง แต่ถามว่ามีไหม ขอตอบว่ามี แต่มีน้อย และคนที่มีนั้น ก็ต้องมีปมแห่งความรู้สึกบางอย่าง เมื่อเขาอ่านธรรมะ ทำให้ไปสะกิดใจเขา เขาจะบรรลุธรรม

      - กำลังจิตเพียงแค่ขณิกสมาธิ อาจสามารถนำจิตถึงอริยมรรคได้หรือไมครับ่ ?
      ได้ แต่ต้องมีคนนำวิถีแห่งความคิด

      แต่อาตมาไม่ได้แบ่งแยกสมาธิขั้นใดเลย อาตมามุ่งฝึกตนเพื่อทำลายกิเลสแต่ฝ่ายเดียว หลงผิดนับครั้งไม่ถ้วน มาบัดนี้ มองเห็นปมอะไรบางอย่าง

      เข้าไปอ่านบทความส่วนที่เป็นของอาตมาดูนะท่านผู้เจริญ
      http://board.palungjit.com/showthread.php?p=1697252#post1697252

      สาธุ อาตมาเป็นนักปฏิบัติ จึงไม่ถนัดในการใช้ศัพท์ตามบัญญัติ ขออภัย
    14. พระไตรภพ
      พระไตรภพ
      สาธุ
      คำถาม
      การมุ่งทำความสงบใจ ด้วยการกำหนดบทบริกรรมอยู่ในใจ อยู่ตลอดเวลา จะชื่อว่าเจริญองค์อริยมรรคได้หรือไม่
      ขอบพระคุณครับ

      ได้นะ นับว่าเป็นการฝึกฝนจิตที่ดี และจำเป็นอย่างมากในระยะแรกๆ ทำให้กำลังจิตเข้มแข็งขึ้นนะ เมื่อก่อนเราเองก็ทำเช่นนั้น มีเวลาว่างเมื่อไหร เป็นอันต้องหรับตากำหนดจิตตลอดเวลา แล้วสมาธิจะค่อยๆเจริญงอกงามเอง
      เมื่อความถี่ของสมาธิเพิ่มขึ้น ต่อไปมันจะกลายเป็นสายของสมาธิเอง ขออย่าประมาท

      แต่เมื่อมีสิ่งมากระทบ ก็ต้องกำหนดรู้อารมณ์ให้ได้ อย่าปล่อยให้จิตมันวิ่งตามอารมณ์

      เมื่อทุกๆอย่างสมบูรณ์แล้ว วิถีจิตจะไหลไปสู่เป้าหมายสูงสุดได้เองอย่างมิต้องสงสัย

      คำว่าสมบูรณ์ หมายเอาความสมบูรณ์ของความเป็นมนุษย์นะ โสดาบันหนะ

      สาธุ ความสงสัยในความดีงามทั้งปวงจะไม่มีอีก เราจะเป็นคนดีโดยด้านเดียว สาธุ
    15. อิสวาร์ยาไรท์
      อิสวาร์ยาไรท์
      วันที่ 25 26 2728 29 /11 / 51 เขาพานักกีฬาไปเข้าร่วมการแข่งขันฟันดาบชิงชนะเลิศแห่งประทศไทย ประจำปี 2551 นะคะอาจไม่ตอบ หรือ ทำการบ้านนะคะ
    16. เทพออระฤทธิ์
      เทพออระฤทธิ์
      [IMG]


      ร่วมโมทนากับผ้าคริสตัลกับ 50เปอร์เซ็น ด้วยน่ะครับ ที่เหลือ อีก50เปอร์ยังร่วมบริคาจกันได้น่ะครับ http://board.palungjit.com/showthread.php?
    17. อิสวาร์ยาไรท์
    18. พระไตรภพ
      พระไตรภพ
      คนผู้นี้มิใช่คนธรรมะดาเสียแล้ว เพียงแต่ยังมิทันหยั่งถึงภาวะหนึ่งซึ่งสิ้นสงสัย ภาวะหนึ่งนั้นเมื่อถึง เราจะมองเห็นหนทางเองอย่างกระจ่างชัด เพียงแต่อาจจะยังติดในอะไรบางอย่าง ทำให้ไม่สามารถทำลายกิเลสให้ขาดลงได้อย่างหมดจด ภาวะนั้นท่านถึงหรือยัง เวลาท่านถูกเขาปรามาสว่ายังไม่ถึงธรรม ท่านรู้สึกเช่นใด ท่านร้อนที่ใจไหม ถ้าทานมิร้อน ท่านย่อมเห็นธรรมแท้ แต่ถ้าท่านร้อนท่านยังมิถึงธรรมใดๆเลย เพียงแต่คิดไปเองว่าตนเห็นธรรม

      คำถาม
      ทำไมจึงมีคำกล่าวสอนกันว่า ความจงใจหวัง หรือความอยากจะบรรลุธรรม จะทำให้บรรลุธรรมไม่ได้....ก็ถ้าเราไม่อยากหรือไม่หวังอย่างแรงกล้าที่จะบรรลุธรรม แล้วจะบรรลุธรรมได้อย่างไรเล่าครับ ?

      สาธุ
      ความคิดเห็นที่ว่า ความจงใจหวัง หรือความอยากจะบรรลุธรรม จะทำให้บรรลุธรรมไม่ได้ นี้หนะ เป็นคำถามของท่านที่มิค่อยจะเข้าใจ หรือ ท่านที่ขี้เกียดปฏิบัติธรรมมากกว่ากระมังหนอ

      คนที่คิดจะปฏิบัติธรรมนั้น นับว่าเขาได้มีจิตพัฒนาขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว แต่การปฏิบัติธรรมนั้นหนะต้องมีใจนะ และต้องรู้ใจด้วยนะ ถ้าไม่มีใจและไม่รู้ใจก็ปฏิบัติยาก มันต้องอยากทำดีสิ เราถึงจะทำดีได้

      แต่ต้องเข้าใจอีกอย่างหนึ่งนะ เกี่ยวกับการบรรลุธรรมสูงสุด อันหมายเอาการหมดกิเลส เมื่อหมดกิเลสแล้ว ความอยากก็ไม่เหลือแล้ว

      ตรงหมดกิเลสนี่หละ คือความว่างวาง ความรู้สึกว่างวางหนะ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร เราพอเข้าใจตรงจุดนั้นไหม

      เราเคยหวังอะไรมากๆไหม เมื่อหวังแล้วเราไม่ได้เราทุกข์ไหม หากเราทำจิตไม่ให้ทุกข์ตรงจุดนั้นได้หนะ มันว่างวางไหม ว่างวางแล้วเราสุขไหมเย็นไหม

      จิตเสพไตรลักษณ์ สำรอกออกซึ่งความหวัง สิ้นความหวังและความไม่หวัง ไม่ใช่หวัง ไม่ใช่ไม่หวัง ไม่ใช่ทำความเพียรไม่ใช่ไม่ทำความเพียร ตรงนั้นหนะ ความรู้สึกตรงจุดนั้นหนะ เราเข้าถึงหรือยัง ถ้าเข้าถึงเราจะสบาย นั้นหละอารมณ์แห่งนิพพาน

      ไม่ใช่ไม่ทำ ไม่ใช่ไม่ให้อยาก แต่เราต้องทำจนเห็นไตลักษณ์สิ แล้วอยากก็หมดเองหละ ความหมดอยากมันคือผลนะ ไม่ใช่เหตุ

      พยายามทำความเข้าใจหน่อยนะตรงจุดนี้ อาตมาอธิบายยาก มันต้องหยั่งทราบเองด้วยจิตของเรานะ

      ความว่างวางแล้วหนะ เห็นไหม อยากให้เห็นตรงจุดนั้น แม้สักนิดหนึ่งก็ยังดี

      เราต้องรู้จักยอม ถ้ายอมไม่ได้เราก็พ้นทุกข์ไม่ได้ ยอมตรงนี้หมายถึงการที่อัตตาเราถูกกำจัดออกไปแล้วนะมันถึงจะยอมได้ เมื่อยอมแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าเราจะหยุดทำงานนะ แต่เราจะทำงานอย่างสงบไม่เดือดร้อนใจ นั่นหละที่ท่านกล่าวว่า การทำงานด้วยความว่าง

      เคยทำงานผิดพลาดไหม เวลาทำงานใหญ่ผิดพลาด เราอายไหม ถ้าอายเราปลงอายได้ไหม ถ้าปลงอายได้เพราะจิตเข้าถึงไตรลักษณ์นะ มันสบายเลยหละ แต่ถ้าไม่อายเพราะด้านหละก็ ยุ่งแน่ๆ เพราะนั่นหมายถึงความไม่รับผิดชอบต่อการกระทำ ปลงที่อาการใจนะ

      สาธุ
    19. อิสวาร์ยาไรท์
    20. พระไตรภพ
      พระไตรภพ
      คำถาม

      ความดี รวมทั้งบุญกุศลต่าง ๆ ล้วนยึดติดถือมั่นไม่ได้ทั้งหมด
      หรือยกเว้นความดีบางอย่างครับ

      ตอบ
      หลักของความดีควรยึดติต เมื่อจิตติดดีแล้วควรถอนความหวังที่มีต่อผลของการทำความดี เมื่อถอนความหวังในผลของการทำความดีได้แล้ว จิตก็เข้าสู่ความสบายเป็นดีแท้ๆที่บริสุทธิ์และไม่มีใครขโมยความดีเราได้แล้ว ที่ว่าไม่มีใครขโมยความดีเราได้นั้น หมายถึง อารมณ์ในด้านร้าย ไม่ว่าโลภ โกรธ หลง แม้เขาจะเข้ามาสู่จิตใจเรา เขาจะตั้งอยู่มิได้นาน เขาย่อมถูกดีอันบริสุทธิ์นี้ย่อยสลายจนหมดสิ้นไป เพราะคนที่จะเข้าถึงดีอันบริสุทธิ์ได้นั้น ต้องเป็นผู้มีปัญญาฉลาดในอารมณ์มากพอตัวแล้ว

      การติดดีมันเป็นเองเพราะปัญญายังมิกล้าแกร่ง เมื่อปัญญากล้าแกร่งความติดดีก็หายไป
      ไม่มีใครจะไปบังคับให้มันเป็นไปดั่งใจเสียเลยเดี๋ยวนั้นได้หลอก มันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป มีสติควบคุมตลอดเวลา เรามองไม่เห็นว่าดีใดควรยึด ดีใดควรละ แต่เรามองเห็นแต่ ใจใดยังไม่มีดี จงรีบเร่งหาดีมาให้ติด ใจใดติดดีแล้วจงรีบตัดความติดนั้น

      คำถาม
      แล้วควรทำใจอย่างไรกับความชั่วหรือความผิดพลาดบางประการ
      ที่เราได้พลาดพลั้งกระทำลงไปแล้วล่ะครับ ?
      ขอบพระคุณมากครับ

      ตอบ

      ควรทำใจอย่างไรหรือ ความรู้สึกหนะมันห้ามกันไม่ได้หลอก มันไหลไปเองของมันนั่นหละ แต่เราพิจารณาเพื่อให้มันผ่อนอ่อนกำลังลงได้ ความรู้สึกด้านลบมันมักไหลไปเองได้เพราะมันมีปัจจัยพร้อมทั้งภายในและภายนอก ปัจจัยสำคัญที่สุดนั้นก็คือกิเลสของเรานี่เอง ส่วนความคิดในด้านบวก เราต้องรู้จักน้อมจิตพิจารณาเพื่อให้เกิดปัญญา ก็มันผ่านไปแล้วนี่ จะไปตามมันอยู่อีกหรือ ตามมันไปแล้วใจเรามันดีขึ้นหรือไง วันข้างหน้ายังมีอยู่ใช่ไหม ชีวิตเราที่เหลืออยู่ทำอย่างไรจึงจะมีคุณค่ามากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

      มันต้องสร้างนะ สร้างจนกว่ามันจะเป็นเองอย่างอัตโนมัติ ไอ้ความคิดในด้านบวกนี้หนะ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
  • Loading...
  • Loading...
Loading...