กรรมอะไรที่ทำให้ต้องใช้หนี้สินแทนพ่อแม่คะ?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Shio_Ri, 6 มกราคม 2017.

  1. Shio_Ri

    Shio_Ri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +122
    สวัสดีพี่ๆเพื่อนๆทุกท่านนะคะ อยากถามผู้รู้ว่า กรรมอะไรที่ทำให้เราต้องใช้หนี้สินแทนพ่อแม่คะ? พ่อแม่ดิฉันทำธุรกิจมาตั้งแต่ดิฉันเด็ก พอโตมาได้ระดับนึง ดิฉันก็รู้ว่าที่บ้านมีหนี้สินจากการทำธุรกิจอยู่หลายล้าน แม่เครียดเรื่องหนี้สินเพราะเป็นหนี้ที่ผูกกับตัวบ้าน ตัวดิฉันเองทำงานประจำอยู่ค่ะ (เงินจากการทำงานบางส่วนแบ่งให้แม่ด้วย) แต่ตั้งใจว่าปีนี้จะมาช่วยฟื้นธุรกิจที่บ้านเพื่อช่วยแม่ล้างหนี้ (จัดระบบและบริหารธุรกิจใหม่หมด) ทำควบกัน 2 อย่าง ทั้งที่บ้านและงานประจำ (ดิฉันไม่ใช่ลูกคนเดียว แต่แม่คาดหวังให้เป็นดิฉันค่ะ) บอกตรงๆเลยว่า บางทีแค่คิดก็เหนื่อยแล้วค่ะ ทำงานหนักทั้ง 2 อย่างพร้อม ไม่ง่ายเลย เหนื่อยและท้อมากจริงๆค่ะ

    บางครั้งมานั่งนึกดูว่าเราน่าจะเคยทำกรรมอะไรมา ถึงได้เหนื่อยและท้อแบบนี้ กว่าจะตั้งตัวได้ไม่รู้เมื่อไหร่ แต่บางครั้งก็เหมือนว่าเป็นบุญของเราเหมือนกันที่จะมีโอกาสที่คนอื่นไม่มี ที่จะช่วยพ่อแม่ได้มากขนาดนี้ (คิดแวปๆบางครั้ง) ถ้าทำได้นี่จะทำให้พ่อแม่มีความสุขขนาดไหน แค่คิดก็มีความสุขมากๆ พยายามให้กำลังใจตัวเองบ่อยๆ บางทีไม่แน่ใจว่าตกลงสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเรามันคือกรรมหนักหรือบุญใหญ่กันแน่ ถ้าพอจะทราบว่ามาจากกรรมอะไร จะได้หลีกเลี่ยงที่จะทำในชาตินี้ค่ะ 55555+

    แต่ไม่ว่าจะเป็นกรรมอะไร ดิฉันก็จะยอมเหนื่อยและอดทนเพื่อแม่ค่ะ

    อาจจะยาวหน่อยนะคะ ขอขอบคุณผู้รู้ทุกท่านและอนุโมทนาที่ให้คำแนะนำล่วงหน้าเลยนะคะ ^^
     
  2. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    เคยได้อ่านมาบ้างว่าลูกที่เกิดมาบางคนต้องใช้หนี้ให้พ่อแม่เพราะติดกรรมกันมา ส่วนลูกบางคนที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรเกิดมาเพื่อล้างผลาญพ่อแม่ ทุกวันนี้เราก็เป็นหนี้พ่อแม่อยู่แล้วที่ท่านทำให้เกิดมามีโอกาสช่วยเหลือพ่อแม่สิดีแสดงว่าเรามีความสามารถเพราะถ้าเราไร้สามารถท่านก็ไม่คิดจะพึ่งพาหรอก แล้วถ้าเรามีทุกสิ่งแต่พ่อแม่เราลำบากเราก็ไม่สบายใจหรอก
     
  3. สมิง สมิง สมิง

    สมิง สมิง สมิง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2017
    โพสต์:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +952
    กรรมเก่า กรรมใหม่ (ยกเอากรรม ๑๒ มาอ้าง)
    กรรมให้ผลตามเวลา
    1. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม กรรมให้ผลในชาตินี้
    2. อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมให้ผลในชาติหน้า
    3. อปราปรเวทนียกรรม กรรมให้ผลในชาติต่อ ๆ ไป
    4. อโหสิกรรม กรรมที่เลิกให้ผล คือให้ผลเสร็จไปแล้ว หรือหมดโอกาสจะให้ผลต่อไป
    กรรมให้ผลตามหน้าที่
    1. ชนกกรรม กรรมที่แต่งมาดีหรือชั่ว
    2. อุปถัมภกกรรม กรรมที่สนับสนุน คือ ถ้ากรรมเดิมหรือชนกกรรมแต่งดี ส่งให้ดียิ่งขึ้น กรรมเดิมแต่ง
    ให้ชั่ว ก็ส่งให้ชั่วยิ่งขึ้น
    3. ปุปปีฬกกรรม กรรมบีบคั้นหรือขัดขวางกรรมเดิม คอยเบียนชนกกรรม เช่นเดิมแต่งมาดี เบียนให้ชั่ว
    เดิมแต่งมาชั่ว เบียนให้ดี
    4. อุปฆาตกกรรม กรรมตัดรอน เป็นกรรมพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เช่นเดิมชนกกรรมแต่งไว้ดีเลิศ กลับ
    ทีเดียวลงเป็นขอทานหรือตายไปเลย หรือเดิมชนกกรรมแต่งไว้เลวมาก กลับทีเดียวเป็นพระราชา
    หรือมหาเศรษฐีไปเลย
    กรรมให้ผลตามความหนักเบา
    1. ครุกรรม กรรมหนัก กรรมฝ่ายดี เช่น ทำสมาธิจนได้ฌาน กรรมฝ่ายชั่ว เช่นทำอนันตริยกรรม มีฆ่า
    บิดามารดาเป็นต้น เป็นกรรมที่จะให้ผลโดยไม่มีกรรมอื่นมาขวางหรือกั้นได้
    2. พหุลกรรม กรรมที่ทำจนชิน
    3. อาสันนกรรม กรรมที่ทำเมื่อใกล้ตาย หรือที่เอาจิตใจจดจ่อในเวลาใกล้ตาย อาสันนกรรม ย่อมส่งผล
    ให้ไปสู่ที่ดีหรือชั่วได้ เปรียบเหมือนโคแก่ที่อยู่ปากคอก แม้แรงจะน้อย แต่เมื่อเปิดคอกก็ออกได้ก่อน
    4. กตัตตากรรม กรรมสักแต่ว่าทำ คือ เจตนาไม่สมบูรณ์ อาจจะทำด้วยความประมาทหรือรู้เท่าไม่ถึง
    การณ์ แต่ก็อาจส่งผลดีร้ายให้ได้เหมือนกัน ในเมื่อไม่มีกรรมอื่นจะให้ผลแล้ว

    .....มนุษย์เมื่อเกิดมาแล้วได้กระทำกรรมดี และกรรมชั่ว เมื่อตายไปแล้วย่อมไปเสวยกรรมที่ตนเองก่อขึ้นไปในทางที่ดีเช่น เทวดา พรหม ไปในทางที่ไม่ดีเช่น นรก เปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน (ตามหนักไปเบา) เมื่อหมดกรรมในตรงนั้นทั้งทางดีและไม่ดี ย่อมมาเกิดใหม่ ตอนนี้จะเสวยเศษกรรม และกรรมที่ให้ผลในชาติต่อ ๆ ไป (กรรมเก่า)และกรรมที่ให้ผลในชาตินี้ที่เกิดจากการกระทำกรรมปัจจุบันแล้วส่งผลเลย (กรรมใหม่)
    *** บาป บุญ (เสวยหมดไป) บุญวาสนา เป็นบุญที่เก็บไว้ (ไม่หมด เช่นพระนิพพาน)***

    โปรดใช้วิจารณญาณ
    - กรรมที่ต้องเกิดมามีหนี้สินในครอบครัว พร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ที่ท่านได้ธุรกิจแล้วขาดทุนเป็นหนี้
    เป็นกรรมเก่า ที่เกิดจาก คุณและทุก ๆ คนในครอบครัวร่วมกัน...ย้อนไปหลายหลายชาติที่แล้ว คุณทุกคน ได้ร่วมมือกันเป็นโจรไปปล้นสะดมหมู่บ้าน ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ครับ....
    ข้อสังเกต
    ๑. ของใช้ในบ้านชอบพังเสียหายบ่อยก่อนเวลาอันควร
    ๒. เก็บเงินไม่ค่อยอยู่ ไม่มีเป็นกอบเป็นกำ แบบได้มาใช้ไป
    ๓. ครอบครัวเหมือนอมทุกข์
    ....อนุโมทนาบุญ....
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ภาวนาคาถาเงินล้าน 108 จบ ทุกวันติดต่อกันสองเดือน+ขึ้นไปครับ จขกท
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068
    มีหลายคน ต้องรับภาระหนัก ในสถานการณ์คล้ายคุณ แต่ ถ้ามองมุมกลับในฐานะคนสร้างบารมี นั่นคือ
    โอกาสดีที่จะสร้างบารมีครบทั้งสิบประการ มีโบนัสคือ เทวดาฟ้าดินและภพภูมิทั้งหลายที่เค้ามองเห็นจะยกย่องและให้เครดิตคุณที่มีความกตัญญูกตเวที
     
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068
    เคล็ดการสวดคาถาเงินล้าน โดย ท่านอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน

    เมื่อปี ๒๕๒๘ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้ขอให้บรรดาลูกหลานได้ใช้พระคาถาเงินล้าน เพื่อเสริมสร้างความคล่องตัวในการดำเนินชีวิตพระท่านก็อนุญาตให้ เราจะสังเกตได้ว่าใครก็ตามที่ทำพระคาถาเงินล้านเป็นกรรมฐานอย่างสม่ำเสมอ ความคล่องขัดในการดำเนินชีวิตจะมีน้อยกว่าคนอื่นเขา ขอยืนยันคำว่าจริงจังและสม่ำเสมอ เพราะว่าเรื่องคาถาเป็นพื้นฐานของอภิญญา คนจะเป็นอภิญญาได้จะต้องมีความจริงจังและสม่ำเสมอ ไม่ใช่ทำ ๆ ทิ้ง ๆ เมื่อท่านทั้งหลายได้ทำจริงจังและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะทำในจำนวนที่มาก อย่างเช่นว่าอาจจะภาวนาวันละ ๑๐๘ จบ เป็นต้นก็จะมีความสะดวกคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา
    โดยเฉพาะอาตมานั้น ตั้งแต่ท่านบอกมา ใช้การภาวนาจากที่เคยใช้อยู่ ๙ จบก็เพิ่มมาเป็น ๓๐ จบ....
    จากที่ใช้ ๓๐ จบ แล้วรู้สึกว่าเวลาเหลืออีกเยอะ ก็เพิ่มเป็น ๓๐๐ จบ.......
    ไล่มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็น ๓๖๐ จบ เป็น ๖๐๐ จบ เป็น ๙๐๐ จบเป็น ๑,๒๐๐ จบ เป็นต้น

    การท่องใช้วิธีท่องอย่างช้า ๆ โดยจับลมหายใจภาวนาไปด้วย เป็นการเน้นคุณภาพ ไม่ใช่จ้ำ ๆ ให้จบไป สักแต่ว่าเอาปริมาณ เรื่องของคาถาถ้าทำด้วยความเคารพจริงจังและสม่ำเสมอแล้ว ไม่เกิน ๒ เดือนผลก็จะเกิดขึ้น


    พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านมาโปรด ท่านบอกว่า "ถ้าภาวนาคาถาเงินล้านเป็นกรรมฐาน ทรงอารมณ์โดยไม่เคลื่อนเลยวันละ ๑ ชั่วโมง จะสร้างโบสถ์กี่หลังก็ทำได้"

    ญาติโยมทั้งหลายนั้น แม้จะทราบว่าคาถาเงินล้านเป็นของดี แต่ไม่ค่อยจะทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ค่อยต่อเนื่อง บางคนก็มาบ่น บอกว่ามีความลำบากในการทำมาหากินมาก อาตมาก็บอกคาถาเงินล้านให้ไปใช้ เขาบอกว่าเขาภาวนาเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ถามว่า "โยมภาวนาวันละกี่จบ ?" โยมบอกว่า"๑ จบ" อาตมาก็อยากจะบอกว่า "จบเห่" คนอยากรวยทำงานวันละ ๑ นาที ขนาด ๒๔ ชั่วโมงทำ ๘ ชั่วโมงยังไม่ค่อยจะพอกินเลย จึงได้บอกให้ญาติโยมทั้งหลายไปเพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้จริงจังและสม่ำเสมอ โดยให้ยึดที่ ๑๐๘ จบ เป็นหลัก เพราะว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ใช่แต่บ้านเราเท่านั้น เศรษฐกิจโลกก็พลอยแย่ไปด้วย ถ้าหากว่าเราอาศัยบารมีพระโดยยึดท่านเป็นที่พึ่งสุดท้ายจริง ๆ ทำแบบมอบหมายถวายชีวิตจริง ๆ ขอยืนยันว่าทุกอย่างก็จะเป็นจริงไปด้วย

    ท่านให้ภาวนาคาถาเงินล้านอย่างเดียว ตอนที่ภาวนาตามที่ท่านสั่ง ทำไป ๆ เหมือนกับตัวเองดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดลมหายใจก็ลึกเหมือนกับเหวที่ไม่มีก้น ญาติโยมทั้งหลายจำตรงนี้ไว้ให้แม่น ๆ หากว่าภาวนาจับลงที่ศูนย์กลางกายถ้าตรงจุดพอเหมาะพอดี เราจะรู้สึกว่าดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ เหมือนเหวที่ไม่มีก้น แบบที่หลวงปู่สด วัดปากน้ำท่านบอกว่า ให้หยุดลงตรงกลาง....ตรงกลางลงไป...ตรงกลางลงไป ก็จะไปได้เรื่อย ๆ อาตมาเองมีประสบการณ์หลายครั้งแล้วว่า ไม่ว่าภาวนาพระคาถาบทไหนก็ตาม ถ้าหากว่ามาถึงตรงจุดนี้ พระคาถาบทนั้นจะมีผลมากเพราะฉะนั้น...พวกเราทุกคนทำให้ถูกตรงนี้ ถ้าทำถูกไม่ต้องไปท่องเป็นร้อยเป็นพันจบก็ได้ เพราะว่าอารมณ์เต็มที่ก็จะไม่เกินนั้น
    **
    องค์พระปัจเจกพุทธเจ้าต้องการให้พวกเราทุกคน เข้าใจถึงวิธีในการเจริญภาวนาคาถาเงินล้าน เพื่อให้เกิดผลสูงสุดที่จะพึงมีพึงได้ตามวาสนาบารมีของแต่ละคน ดังนั้นขอให้ทุกท่านตั้งกายให้ตรง แต่ไม่ใช่เกร็ง เวลาหายใจเข้า นึกถึงคาถาเงินล้านที่เราภาวนา ไหลตามลมหายใจเข้าไปจนสุดลมหายใจของเรา ให้จิตจับอยู่ตรงนั้น นั่นคือศูนย์กลางกาย
    ให้ทุกคนขยับโยกหน้าโยกหลัง หาความตรงพอดี ๆ ให้เป็นศูนย์กลางของเรา เสร็จแล้วคำภาวนาทั้งหมดของเรา ให้กำหนดจดจ่อลงตรงนั้น โดยใช้สมาธิเพียงเบา ๆ ท่านที่ทรงสมาธิในระดับใช้งานได้จะเข้าใจตรงจุดนี้เลย แต่ถ้าหากว่าท่านที่ยังไม่เข้าใจ ให้รู้สึกเหมือนลมหายใจแตะแผ่ว ๆ อยู่ตรงศูนย์กลางกาย แล้วภาวนาคาถาเงินล้านของเราไปเรื่อย ๆ
    องค์พระปัจเจกพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า ถ้าใครสามารถทำอย่างนี้ได้ต่อเนื่องกัน วันละประมาณ ๑ ชั่วโมง จะมีความคล่องตัวมาก จะทำงานใหญ่ขนาดไหน เงินทองก็จะไม่ขาดมือ ยิ่งถ้าเป็นบุคคลที่เริ่มด้วยทานบารมีมาตั้งแต่อดีต ทรัพย์สินเงินทองจะไหลมาเทมามากเป็นพิเศษ

    ดังนั้น..ให้ทุกคนขยับหาจุดกึ่งกลางของเราที่พอดีโดยไม่ต้องเกร็งตัวเอง กำหนดความรู้สึกทั้งหมด พร้อมลมหายใจและคาถาเงินล้านของเราให้ลงไปที่กึ่งกลาง ให้ออกมาจากกึ่งกลาง โดยให้สัมผัสเพียงเบา ๆ เท่านั้นให้รักษาอารมณ์ใจอย่างนี้ไว้จนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญาณบอกหมดเวลา
     

แชร์หน้านี้

Loading...