กะหรี่มาเลย์ (หรือเจ้าจะหมดจดงดงามกว่าสยามประเทศ)

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 17 ธันวาคม 2005.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    ล่องใต้คราวนี้โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าฉันดอดลงมาส่งส่วยให้พวกกบฏแบ่งแยกดินแดน เพราะถึงแม้จะคลั่งไคล้เทิดทูนหนุ่มคมเข้มเต็มกำมือขนาดไหนก็ยังไม่เคยคิดสนับสนุนความร้าวฉานอันใด ยกเว้นยินดีที่จะเผยอรอยปริแยกเล็กๆ น้อยๆ เพื่อกระชับมิตรภาพส่วนตัว
    [​IMG]
    อุธทาหรณ์หลายอย่างเกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่ออกจากไทย คิดว่าหากฉันผันมาเอาดีทางขนยาเสพติดหรือค้าของเถื่อนก็คงรวยไม่รู้เรื่อง โดยเฉพาะตรงช่องสะเดาแดนต่อแดนไทย-มาเลย์,สงขลา-กลันตัน เพราะด่านตรวจคนเข้าออกประเทศนั้นหละหลวมยิ่งกว่าอุปกรณ์การค้าของโสเภณีแก่ๆ เสียอีก
    [​IMG]ฝ่ายไทยไม่มีการตรวจค้นสัมภาระใดๆ ทั้งสิ้น แค่เอาแต่ตัวลงไปประทับตราหนังสือเดินทางก็ผ่านไปได้ อย่างมากก็ถามว่าไปทำอะไร
    พุทโธ่!... คุณ ตม.ที่รัก ใครเขาจะไปบอกล่ะคะว่าจะไปบ่อนหรือกำลังขนยาเสพติด
    [​IMG]เท่านั้นยังมิหนำ ตอนเข้าด่านมาเลย์ มี ตม.(เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง) ของเขาทำงานคนเดียวท่ามกลางเครื่องเอ็ก[​IMG]ซเรย์กระเป๋าและเครื่องตรวจโลหะ คือทุกคนต้องเอาสัมภาระอ้อมเครื่องตรวจทั้งหมดไปวางตรงหน้าเธอ ฉันอยากโชว์จะแย่ว่ามีดีอะไรซ่อนอยู่ใต้ซิบต่างๆ แต่แค่ตั้งต้นจะรูดเท่านั้น ท่านก็ผายมือกึ่งๆ ไล่ให้รีบๆ เข้าประเทศกูเสียที
    [​IMG]เพื่อนที่หากินตรงช่องสะดวกนี้เป็นประจำบอกว่ายาอียาไออะไรนั่น เค้าขนมาทางด่านนี้ครั้งละเป็นกะตั๊กๆ แถมยังแนะนำว่าหากใครคิดจะรวยทางสร้างความฉิบหายให้แก่ประเทศชาติแล้วละก็...หลังจากผ่านเข้าสู่หาดใหญ่ ให้จับรถไฟสายด่วนตรงเข้ากรุงเทพได้ทันที แค่สี่ร้อยกว่าบาทแลกกับความสะดวกขนาดนั้น มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
    [​IMG]ฉันผ่านด่านช่องสะเดามาด้วยรถปรับอากาศสามสิบหกที่นั่งใหม่เอี่ยม ใช้เวลาอีกแปดชั่วโมงบนรถสู่จุดหมายหลักที่นครแห่งตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก รู้สึกคุ้มกับค่ารถค่าเวลาเป็นพิเศษ เพราะได้ทอดอารมณ์ชมภูมิทัศน์ ชมความสมบูรณ์ของป่า ความสะอาดและเป็นระเบียบของบ้านเมืองรอบนอกอย่างเพลิดเพลิน ขณะเดียวกันก็นึกปลงกับบ้านเกิด ฉันเปรยกับเพื่อนร่วมทางว่า เมื่อไหร่ประเทศไทยจะกำกับการต่างๆ ได้ดีขนาดนี้ เพื่อนผู้มีหัวใจเป็นไทยเกินร้อยตอบกลับมาว่า
    [​IMG]"อาจสายเกินไปที่จะให้ไทยไปตกเป็นเมืองขึ้นของใคร... แต่โอกาสก็ยังมีได้มาก ปล่อยให้ท่านนายกคนนี้ครองเก้าอี้ไปอีกสักสี่ห้าสมัยอย่างท่านมหาเทมาเลย์แมน"
    [​IMG]ถึงสถานีขนส่งของกัวลาลัมเปอร์ (KL) ตอนใกล้สามทุ่ม อากาศยังร้อนอบอ้าว จนเนื้อตัวคล้ายคนที่โทรมเหงื่อมาทั้งวันแล้วยังไม่ได้อาบน้ำ และทั้งเมืองก็มีกลิ่นชวนคลื่นเหียน พื้นทางเท้านั้นแทบไม่กล้าย่ำ เพราะทั้งเสมหะขยะเปียกขยะแห้งถูกถ่มถูกทิ้งไว้เกลื่อน ตรงนี้ต้องขอชมวิสัยทัศน์ของผู้บริหารประเทศ ที่สร้างตึกสูงที่สุดและหอคอยงามเด่นให้ผู้มาเยือนได้คอยแต่จะแหงนคอตั้งบ่ามองหาซิตี้พอยท์ โดยไม่ทันรู้ว่ารองเท้าของตนได้เหยียบย่ำละเลงไปบนน้ำอะไรต่อมิอะไรไปแล้วบ้าง
    [​IMG]ความหิวมาเยือนอีกครั้ง แม้รถจะพักให้ทาน - ถ่ายของหนักของเบาแล้วถึงสองรอบ เหลียวซ้ายแลขวา คำนวณอัตราแลกเปลี่ยน (๑ ริงกิต = ๑๐ กว่าบาท) พร้อมกับหลบหลีกปฏิเสธประดาแท็กซี่ปากว่ามือถึง จึงตกลงใจว่าจะหาอะไรกินที่ศูนย์อาหาร เพราะการเดินทางยังอีกยาวไกลประหยัดไว้ก่อนเป็นดี แม้ว่ากว่าจะถึงที่หมายนั้นเล่นเอาเหงื่อตก พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย อากาศข้างนอกว่าร้อนอบ แต่ข้างในอาคารยิ่งเหมือนมีไฟสุม ทั้งพื้นที่บริการอาหารนั้นก็ไม่ได้สะอาดเอี่ยมไปกว่าทางเท้าด้านนอกสักเท่าไหร่เลย
    [​IMG]ฉันเลือกอาหารจีน เพราะคุ้นหน้าและคนขายท่าทางจะสั่งง่ายกินง่าย (หนุ่มจีนมาเลย์มันน่าฟัดชะมัดเลยเธอเอ๋ย) ฉันพ่นอังกฤษเมียเช่าปร๋อ เพราะนึกว่าอดีตประเทศอาณานิคมจะฟิตเปรี๊ยะ แต่ก็ผ่านไปเป็นนาทีๆ กว่าจะได้หมี่คลุกซีอิ๊วดำแฉะๆ มาจานหนึ่ง กินไปได้ไม่ถึงครึ่งก็ต้องวาง เพราะทั้งจืดทั้งเจือด้วยกลิ่นใกล้บูดของเส้นหมี่ ความกังวลว่าจะไม่กินอะไรที่ทำให้เสาะท้องเป็นอันต้องล้มเลิก ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่เข้าส้วมสาธารณะเด็ดขาด เพราะขยาดความสกปรก
    [​IMG]ราตรียังอีกยาวไกล ท้องยังไม่อิ่มมีหรือจะไประเริงที่ไหนได้ ฉันเบนเข็มไปสู่ร้านของหนุ่มมาเลย์เครางาม เลือกร้านที่ (เจ้าของ) หน้าตามาตรฐาน ส่งยิ้มให้กับประดาแกงกะหรี่ในถาดที่วางรายไล่สี ตั้งแต่เหลืองจัด เหลืองอมแสด จนถึงแดงเข้มและแดงคล้ำ ลอบกลืนน้ำลายตอนเผลอสบตาคนขายที่สูงหล่อสะอาดสมาร์ท กันขนต่างๆ บนใบหน้าไว้อย่างพร้อมจะเถือเนื้ออ่อนของลูกค้าสาวทุกราย
    [​IMG]จินตนาการล่วงหน้าไปไกลลิบว่า รสชาติคงดุเด็ดเผ็ดมันครบเครื่องเคราที่ล้วนแลดูอลังการมะลังมะเลือง เนื้อเป็นเนื้อ อกเป็นอก น่องเป็นน่อง ไข่ใบเป้งๆ ล้วนชวนน้ำลายสอ ฉันทำกระมิดกระเมี้ยนชี้นั่นชี้นี่มือไม้สั่น เพราะพ่อรูปหล่อรอบริการด้วยท่าทางเอาการเอางาน เขาเลือกตักอกไก่ชิ้นโตให้เมื่อฉันเจาะจงกะหรี่ไก่สีเหลืองสด กลิ่นเครื่องเทศฟุ้งขึ้นจมูกอย่างสาใจ หน้าตาคงเผ็ดร้อนไม่ใช่เล่น หกเหรียญห้าสิบคือราคาที่ไม่น่าจะแพง[​IMG]
    [​IMG]จ้วงแรกเข้าไปคำโต... แหม!... มันช่างจืดเลี่ยนชวนสำรากอะไรได้ขนาดนี้ ชำเลืองมองคนขายอย่างอายๆ ฝืนกลืนแล้วก็ฝืนยิ้ม จำเป็นหนักที่ต้องกินข้าวแกล้มผู้ชายไปอีกสักรอบ ยังดีที่หน้าบ้านของพ่อหนุ่มช่างน่ามอง มื้อค่ำอันแสนอิหลักอิเหลื่อจึงค่อยผ่านไปได้
    [​IMG]มารู้ตอนหลังว่าข้าวราดแกงกะหรี่ไก่จานนั้น ขายกันทั่วไปไม่เกินจานละสี่เหรียญห้าสิบเซ็นต์ ก็ได้แต่รำพันอยู่ในใจ ขออย่าให้อะไรๆ มันจืดชืดไปเสียหมดเหมือนอย่างอาหารมื้อนี้เลย
    [​IMG]ดูเถิด! แกงกะหรี่ข้นคลั่กกลิ่นคลุ้งขนาดนั้นยังจืดชืดขนาดนี้ ถ้าเอาสูตรเขามาขายเมืองไทย คงได้แต่เททิ้งให้หมามันเมินเล่น
    [​IMG]
    ตรงข้าม ถ้าเอาแกงกะหรี่ไทยมาเร่ขายที่มาเลย์นี่ พวกหนุ่มๆ คงซี้ดซ้าดกันลั่นๆ ว่ากะหรี่ (curry) ไทยถึงใจกว่ากันเย้อะ...???
     

แชร์หน้านี้

Loading...