การจับพลังพระเครื่อง (พระครูวิลาศกาญจนธรรม)

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 17 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    ถาม : พระที่เราไหว้ แต่ที่เห็นบางคนเขาต้องปลุกเลยค่ะ ?
    ตอบ : ลักษณะของการปลุก คือปลุกตัวเราเอง เตรียมกำลังใจของเราให้พร้อม วัตถุมงคลทุกชนิด มีพลังงานอยู่ในตัวอยู่แล้ว เหมือนสถานีส่งเขาส่งคลื่นอยู่ตลอดเวลา เราต้องพร้อมที่จะเปิดสถานีรับอานุภาพถึงจะเกิดเต็มที่ ที่ปลุกกันจริง ๆ ก็คือ เตรียมตัวเองให้พร้อมเพื่อจะรับพลังงานนั้นมาใช้งาน เขาถึงต้องให้อาราธนาทุกวัน ยิ่งเช้าเย็นได้ยิ่งดี เคยมีพวกที่เขาเคยเป็นบรรดามหาโจรมาก่อน สมัยก่อนที่เขาเป็นโจรอยู่ เขาก็เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการโดนยิง โดนฟัน โดนแทงแล้วไม่เข้า คือโดนแล้วไม่เข้า เหมือนกับคนอื่นที่เขามีประสบการณ์อย่างนี้เหมือนกัน ก็ถามเขาว่า “ลุงทำกำลังใจอย่างไร ?” เขาบอก “โอ้โฮ...ไอ้หนูว่างเมื่อไร ? ต้องภาวนาเมื่อนั้น” เพราะไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไร ? ลักษณะนี้เหมือนกับนักปฏิบัติจริง ๆ เลย มิน่าเล่าสมัยก่อนถึงได้เหนียวกันจัง เพราะเขาเตรียมกำลังใจให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา
    ถาม : แล้วที่สอนให้ท่อง “สุนักขัตตัง สุมังคะลัง” ?
    ตอบ : ไม่ใช่หรอก อานุภาพของวัตถุมงคลเป็นอย่างไร ? ถ้าเราต้องการรู้ก็จะแสดงออกอย่างนั้น ถ้ามาทางด้านมหาอุตม์ อยู่ยงคงกระพัน จะดิ้นตึงตังโครมคาม ออกอาการนักเลงไปเลย ถ้าหากว่ามาทางด้านเมตตามหานิยม ท่าจะออกประเภทอ่อนช้อย นุ่มนวลมากเลย เคยเจออยู่อย่างก็คือ สมเด็จวัดระฆัง เคยลองสมเด็จวัดระฆังดึงลอยทั้งตัวเลย ดึงลอยขึ้นข้างบน ลักษณะนี้บอกว่า อยู่ในลักษณะที่เรียกว่า “ถ้าหากว่าใครมีสมเด็จวัดระฆังอยู่ติดตัว เชื่อว่าในเรื่องของการปฏิบัติท่านช่วยได้ดีมากเลย” เพราะว่าท่านไม่เหมือนเขา ของอันอื่นเราไม่เคยเจออย่างนี้ พวกที่ประเภทออกมาทางด้านเหนียว เขาก็ดิ้นตึงตัง ๆ ออกอาการของเขาไป ทางด้านพวกเมตตามหานิยม เขาก็ออกท่าออกทางอย่างกับรำไทยเลยก็มี นิ่มมากเลย มีแต่ของสมเด็จวัดระฆังนี่แหละ ท่านดึงลอยขึ้นไปเลย ประเภทเอาขึ้นสูงอย่างเดียวแสดงว่าจริง ๆ ที่ท่านทำเอาไว้ ท่านตั้งใจจะให้ช่วยในการปฏิบัติเสียด้วยซ้ำไป

    กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ 85 หน้า 3
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ขออนุญาตพูดในอีกมุมหนึ่งนะครับ.
    .ส่วนตัวมองว่าเป็นการดูกะแสของ
    คลื่นพลังงานที่มีอยู่วัตถุครับ..
    ณ ปัจจุบันมีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถ
    จับคลื่นพลังงานแบบนี้ได้หมดแล้วครับ...
    ราคาเครื่องละ ๕ แสนกว่าบาท ไว้มีโอกาส
    จะถ่ายรูปมาให้ดูนะครับ...จับได้หมดว่า
    คลื่นแบบนี้แบบนั้น คือพลังงานออกทางด้านไหนประมาณนี้ครับ


    แต่ถ้าโดยปกติแล้วส่วนตัวจะไม่แนะนำ
    หรือนิยมนำวัตถุมาวางไว้ที่มือ หรือว่าไปโดนวัตถุครับ..เพราะว่า
    ของแข็งเกือบทุกชิ้นก็มีพลังงานในตัวเองทั้งนั้นครับ..และมันก็จะ
    สุ่มเสี่ยงในเรื่องของสัญญาเดิมในจิตเราในกรณีที่เกิดการสัมผัส
    กับวัตถุด้วยครับ.สุ่มเสี่ยงในเรื่องของการปรามาสโดยไม่ได้ตั้งใจ..
    .อีกทั้งยังเรื่องพลังงานตกค้าง นอกจากจะส่งผลต่อร่างกายแล้ว..
    โดยเฉพาะวัตถุที่บรรจุพลังโดยกลุ่มท่านพระมหาฤาษีมาก่อน.
    อย่างเช่น พระเครื่องที่อยู่ในท่างนั่งสมาธิ ที่ว่าเกศเอียงไปทางด้านซ้าย
    ขององค์พระ พอดีจำไม่ได้ว่าเรียกว่าอะไร รู้แต่จะมีคราบขาวๆปนแดงด้วย
    และยังจะส่งผลในการไปจับวัตถุชิ้นต่อไปทำให้ผลออกมาคาดเคลื่อนได้ด้วยครับ..


    แต่การที่เราจะทราบได้ว่า..เป็นท่านนั้นท่านนี้เป็นผู้บรรจุพลังงานหรือไม่
    ก็ต้องทราบลักษณะและเอกลักษณ์ของพลังงานจากดวงจิตท่านด้วยครับ..
    และเรื่องพลังงานก็ต้องเข้าใจว่าสามารถเพิ่มเข้าไปได้เสมอจากการ
    ไปทำพิธีหรือบริกรรมโดยการสวดมนต์หรือฯลฯ และลดได้เสมอจาก
    การที่กำลังใจเราตกจึงสัมผัสได้น้อยลง..


    แต่ในที่นี้ถ้ากำลังใจเราพร้อมและเราเชื่อมกับต้นพลังงานได้นะครับ..
    ก็จะเหมือนกับว่าท่านได้ทำปลุกเสกให้ครับ.แม้แต่ก้อนหินหรือวัตถุ
    อะไรก็จะศักดิ์สิทธิ์ได้ครับ....


    .แต่ปัญหาหลักก็พบเจอก็คือ
    เรื่องกำลังใจตนเองที่พร้อมจะเปิดรับนั่นหละครับ
    เพราะฉนั้นวัตถุที่ท่านปลุกเสกสมัยยังมีธาตุขันธ์จึงมีความสำคัญกว่า
    เพราะอย่างน้อยก็มั่นใจต้นพลังงานท่านก็อยู่ในวัตถุแน่ๆ..
    ขอพูดเฉพาะห่มเหลืองท่านนี้..ถ้าเป็นวัตถุที่ท่านปลุกเสก..
    จะมีเรื่องพลังงานในการป้องกัน ถ้าใครก็ตามสัมผัสได้.
    จะปรากฏมีลมวิ่งหมุนรอบขาและแขนตัวเอง...
    และจะมีเรื่องโชคลาภถ้าใครสัมผัสได้ จะมีลมวิ่งเป็นก้อน
    มวลมีความหนาแน่นวิ่งวนในท้องตัวเองในทิศทางแนวดิ่งตามลำตัว...
    และที่หน้าอก ถ้าสัมผัสได้ จะมีลมหมุนตามเข็มนาฬิกาหรือวนขวา
    บ่งบอกในเรื่องของความเมตตา....
    และที่สำคัญคือจะมีกระแสเรื่องพลังงานที่วิ่งตามแนวกระดูกสันหลัง
    ขึ้นมายังกระโหลกส่วนกลางของศรีษะ เอกลักษณ์ที่สำคัญก็คือ
    จะเร็ว แรง และแน่นครับ.เป็นเอกลักษณ์ของท่านที่มาทางสายพระโพธิสัตว์
    มักจะมีกระแสลักษณะอย่างนี้ครับ.

    ..ร่วมกับกระแสแบบตรงๆที่ขึ้นมาจากทาง
    ด้านหน้าลำตัวช่วงจุดจักระต่างๆแล้วออกมาตรงกระโหลกศรีษะส่วนหน้าครับ...
    เหตุที่ดูเหมือนว่าท่านสงเคราะห์ ก็เพราะว่ากระแสพลังงานที่วิ่งขึ้น
    ที่กระโหลกส่วนกลางของเรานี่หละครับ..ที่เสมือนเป็นตัวจะช่วยดึง
    ให้เราสร้างสมกำลังสมาธิ ฝึกกรรมฐานกองต่างๆเพื่อให้พลังงาน
    จากดวงจิตของเราสมดุลย์กับวัตถุครับ. บางท่านอาจเข้าใจ
    คลาดเคลื่อนเรื่องนี้ได้ครับ เช่น ไปห้อยวัตถุมงคลที่มีทางด้านพลังงาน
    แล้วร่างกายตนเอง ยังมีกำลังสมาธิสะสมไม่เพียงพอ ธาตุ ๔ ตนเอง
    ยังแข็งแรงไม่พอ ทำให้เกิดผลกระทบกับกับร่างกาย ต่างๆเช่น อาเจียน
    ปวดศรีษะ ตัวร้อน เป็นไข้ ตลอดจนสัมผัสแปลกๆต่างฯลฯ
    เป็นเหตุให้เผลอไปปรามาสต้นพลังงานเข้าได้ก็มีครับ.
    แท้จริงแล้วกำลังงานในวัตถุกำลังดึงให้เราต้องปรับกำลังใจ
    เพื่อให้เข้ากับวัตถุให้ได้อยู่ครับ ซึ่งต้องใช้เวลาบ้างครับ...

    และเหตุที่เรานึกถึงแต่ความดี สร้างความดีตลอด ทำแต่เรื่องกุศล
    คิดเรื่องอกุศลไม่ค่อยได้หรือน้อยมาก.. ก็เพราะกระแสพลังงานที่วิ่ง
    ขึ้นตรงกระโหลกส่วนหน้าที่เชื่อมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ข้างบนอยู่ตลอด
    เวลาในลักษณะการเชื่อมแบบที่นิ่งๆตรงๆนั้นหละครับ...
    มวลเหตุที่จูงใจดวงจิตผู้ที่ครอบครองก็ประมาณที่เล่าให้ฟังครับ...
    นี่คือในอีกมุมที่เล่าให้ฟังนะครับ....


    ส่วนในกรณีที่มีมวลสารเดิมท่านมาผสมทำวัตถุออกมาใหม่
    ยังไงๆเอกลักษณะเฉพาะของพลังงานที่ปรากฏก็ยังจะต้องเหมือนเดิมครับ..
    แตกต่างกันที่ความหนาแน่นเท่านั้นครับ..ส่วนความนิยมชมชอบ หรือศรัทธา
    เป็นอีกเรื่องครับ แต่ศรัทธาจะช่วยสร้างเรื่องพลังงานที่ออกจากจิตไปเชื่อม
    กับต้นกระแสได้เช่นกันครับ..แต่ศรัทธาก็ให้อยู่ในขอบเขตไม่ใช่ว่าไม่ยึดไม่ติด
    ว่าเป็นของขลังเป็นของวิเศษเพียงฝ่ายเดียวนะครับ เพราะจะดึงให้ตัวจิตเรา
    ไปยึดติด ไม่หลุดพ้น ทำให้ตัวจิตอุปโลก ตัวนี้เข้ามาครอบตัวจิตอีกชั้น
    กลายเป็นโลภะอย่างที่เราไม่รู้ตัวครับ..หลักการคือให้ปฏิบัติตามคำสอน
    ของท่านที่บรรจุพลังงานครับ..ตัวจิตเราถึงจะก้าวเข้าสู่กำลังใจในการ
    เตรียมความพร้อมที่จะรับต้นพลังงานได้แบบที่ควรเป็นจริงๆครับ...
    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง..และไม่รับตรวจพลังงานครับ...
    พึงระลึกไว้ว่า.วัตถุมงคลเราห้อยได้ แต่เพื่อความไม่มี ความดับ และหลุดพ้น
    เป็นปลายทางนะครับ..ส่วนตอนนี้จะห้อยเพื่อวัตถุประสงค์อะไรก็ตาม
    สุดแล้วแต่กำลังใจของแต่ละบุคคลหรือตามเหตุและปัจจัยเฉพาะตนครับ..
    .ส่วนเรื่องการเล่นหาตามสากลคนละประเด็นกันนะครับ.

    .ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...