การลาพุทธภูมิ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย โอมพุทโธกิเตศวร, 31 กรกฎาคม 2005.

  1. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    พบคำถามและคำตอบน่าสนใจเรื่อง การลาพุทธภูมิจึงนำมาให้ได้อ่านกัน

    ช่วยกันเสนอความคิด ความเห็น ความรู้ ด้วยครับ..............

    /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

    <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>สมมุติว่า มีบุคคลหนึ่งได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้วว่าจะได้ตรัสรู้ลงมาโปรดสัตว์ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 12 ต่อจากพระศรีอาริย์เมตไตย (มีชื่อในพระอนาคตวงศ์) ต่อมาบุคคลคนท่านนั้นเบื่อหน่ายไม่อยากเป็นพระพุทธเจ้า ผมจะถามว่าสามารถทำได้ไหมและในการที่มีชื่อในพระอนาคตวงศ์จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้างไหม
    </TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ กบในกะัลา เมื่อวันที่ 29/7/2548 11:22:09 </TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>
    ข้อความที่ 4​

    สิ่งใดที่ออกจากพระโอษฐ์พระพุทธเจ้า เป็นปรมัตถ์สัจจะ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไม่ได้

    คำว่าได้รับพุทธพยากรณ์ ในความหมายนั้น หมายถึงการที่บุคคลได้ทำปรมัตถ์บารมีถวายต่อบูชาต่อหน้าพระพุทธองค์ เช่น ตัดคอ เผาตัวเอง ตัดนมถวาย ฯลฯ แล้วจึงได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าในยุคนั้นๆ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถ้าเป็นพระโพธิสัตว์ หากได้รับพุทธพยากรณ์แบบนี้แล้ว ลาพุทธภูมิไม่ได้ เพราะปรมัตถ์สัจจะของพระพุทธองค์จะเที่ยงแท้ แน่นอน

    หากใครที่เคยอยู่ใกล้พระโพธิสัตว์ ได้ร่วมทำบารมีกันมา ก็จะรู้ประเพณีของพุทธภูมิว่าเป็นอย่างไร ปฏิบัติกันมาอย่างไร ซึ่งมีรายละเอียดอีกมากมาย

    เอาเป็นว่าหากยังทำบารมีสะเปะสะปะ ยังทำบารมีแบบปลูกเนื้อนาบุญตรงโน้นหย่อมนึง ตรงนี้หย่อมนึง ไปหาถามอาจารย์โน้นที อาจารย์นี้ที หรือยังเข้าไม่ถึงพระแม่ธรณีผู้เป็นเทพเจ้าแห่งบุญกุศล หรือแม้แต่มหาเทพต่างๆในภพภูมินั้นๆ หรือหากภพภูมิต่างๆยังไม่ยอมอนุโมทนาในบุญบารมี อย่างนี้ถือว่ายังห่างไกลจากความเป็นพุทธภูมิตัวจริงมากๆครับ คงยังอีกหลายอสงไขย์แหละกว่าจะเข้าทางพุทธภูมิ เพราะผู้ที่เข้าสู่ทางพุทธภูมิแล้วนั้นเขาไม่สอนกันมาก สอนกันแค่ไม่กี่ประโยคก็ปฏิบัติเพื่อความเข้าถึงตรงนั้นจนสุดทาง อย่างเช่น "เอ้าของคุณชาตินี้ ลงมาทำทานบารมีนะ ต้องปฏิบัติทานบารมีจนได้พรแปดประการจากพระอินทร์นะจึงจะจบบารมีนี้" ท่านสอนแค่นี้ก็ปฏิบัติกันเป็นชาติๆ อาจจะหลายชาติด้วยซ้ำ หรือหากปฏิบัติมาหลายชาติแล้วแต่จะมาจบบารมีนี้ในชาตินี้ เมื่อปฏิบัติไปก็จะรู้ด้วยตนเองว่าเหลือกี่มากน้อย เมื่อปฏิบัติไปก็จะรู้เห็น เกิดเอง เป็นเองมากขึ้น ก็จะมีความรู้ในวิถีการปฏิบัติของตนเองมากขึ้น จะรู้ด้วยตนเองว่าในบารมีของตนจะต้องทำอะไรและทำอย่างไร ซึ่งเป็นรายละเอียดของแต่ละบุคคลไป เอาเป็นว่าหากเป็นพุทธภูมิตัวจริงต้องปฏิบัตหนักในทุกรายการและในทุกรายละเอียดครับ

    บางทีการคิดเอาเองว่าตัวเองปรารถนาแบบนั้น แบบนี้ แล้วก็ไปยึดติดว่าตัวเองดีแบบนั้นดีแบบนี้ นั้นเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติ นักปฏิบัติจริงๆนั้น จะมีสิ่ง/ผู้ทำหน้าที่อยู่ในโลกศีลธรรมเขามารับรองการปฏิบัติ เรามีหน้าที่ปฏิบัติอย่างเดียวและเมื่อถึงระดับนึง การที่จะเข้าถึงระดับศีลธรรมที่สูงๆขึ้นไปนั้นก็ต้องละรูปได้แล้ว นั่นคือแม้แต่กายทิพย์หรืออาทิสมานกายก็ต้องละไปในบางวาระ จะเรียนรู้กันในระบบของจิตต่อจิต กระแสต่อกระแส บางครั้งการใช้รูปเป็นตัวยึดนี่ มารภายในมันก็แปลงเป็นรูปเหล่านั้นได้สารพัด แต่การที่เรียนรู้จิตต่อจิตที่เป็นกระแสศีลธรรมนั้นเหล่ามารทั้งหลายจะไม่มีกระแสศีลธรรมเหล่านั้น จึงสามารถแยกฝ่ายได้ง่ายและป้องกันการหลงผิดได้ด้วย

    </TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 29/7/2548 18:47:21 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------

    <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>
    ข้อความที่ 5​

    พระพุทธเจ้าทรงใช้อารมณ์และกำลังใจของผู้ที่จะรับคำพยากรณ์ตอนนั้น เอามาพยากรณ์จ้า และปรกติ พระองค์จะพยากรณ์เป็นกลางคือ "ถ้าเธอมีความปราถณาอย่างนี้ มีอารมณ์อย่างนี้ ในอนาคตเธอจะได้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์หนึ่ง" นั้นหมายความว่า ถ้ากำลังใจท้อเมื่อไหร่ ไม่อยากเป็นแล้ว ก็ยังมีโอกาศลาได้ นะ

    ให้ไปขอขมา พระพุทธเจ้าที่พระนิพพาน โน้นแนะ เลยจ๊ะ เอา ดอกไม้ ธูปเทียนไปด้วย ไปลากับพระพุทธเจ้าที่พยากรณ์ กะเสด็จพ่อองค์ปฐม และบอกเหตุผลท่านว่าทำไมถึงขอลา ไม่มีเหตุผลไม่ให้ลา

    ผมก็โดนเหมือนกัน แต่ลาจากประปัจเจกไปเป็นพระพุทธเจ้า ก็ต้องไปลากับเสด็จพ่อปัจเจกองค์ปฐมด้วยตัวเอง ครับ

    </TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ witt สมาชิก 470570 เมื่อวันที่ 30/7/2548 0:02:57 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ***************************************************************************************
     
  2. zci

    zci Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +28
    โดยข้อเท็จจริง ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า......(บอกรายละเอียด)แล้ว ก็จะเป็นจริงตามนั้น เว้นไว้แต่ว่ามีข้อความตามมาอีกประโยคหนึ่งคือ "ถ้าไม่ลา" และนั่นก็หมายความว่า "ลาพุทธภูมิแน่นอน" อีกประการหนึ่ง..โดยส่วนใหญ่แล้วบุคคลที่ได้รับพุทธพยากรณ์นั้นมักอยู่ในขั้นปรมัตถบารมีแล้ว เป็นผู้ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง จะไม่ลาพุทธภูมิกันง่าย ๆ แม่แต่ได้ยินยังไม่อยากได้ยินเลย กรณีที่ท่านยกมาเป็นลำดับต่อจากพระศรีอาริย์ด้วยแล้ว คงอยากครับเพราะแสดงว่าต้องเต็มสมบูรณ์หมดแล้ว...และท่านยังไม่ได้ทำหน้าที่อะไรเลย...จะเกิดเบื่อหน่ายได้อย่างไรครับ ผมก็งงจริง ๆ เลย
     
  3. Fame

    Fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +266


    อ่านแล้วก็สงสัยว่า มีข้อความตามมาอีกประโยคหนึ่งคือ " ถ้าไม่ลา " และนั่นก็หมายความว่า " ลาพุทธภูมิแน่นอน " มันเป็นมายังไงหรอคะ คือ ไม่เข้าใจคะ รู้สึกว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนอ่ะคะ

    ยังไงก็ขอให้พี่ๆทุกคน ช่วยกันแสดงความคิดเห็นกันหน่อยนะคะ
     
  4. Fame

    Fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +266
    ขอบพระคุณล่วงหน้าเลยนะคะ เพราะตอนนี้ข้องใจ จังเลย *-* ..............เฟมจะรอข้อคิดเห็นของทุกๆท่านนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...