ขอขมากรรมบทพระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์เจ้า และอุษณีย์วิชัยธารณี อันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อสืบชะตาต่ออายุ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 15 ตุลาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447
    ?temp_hash=f42b5684d585275a41e708e6bb6409c0.jpg




    ที่มา https://www.youtube.com/@WoranaJ


    ขอขมากรรมบทพระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์เจ้า 南無地藏王菩萨


    คำกราบขมากรรม

    ข้าพเจ้า พร้อมด้วย สรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอกราบสักการะ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระบรมสารีริกธาตุ พระธรรมไตรปิฎก พระอริยสงฆ์ทุกหมู่ กับทั้งพระมหาโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย เป็นที่พึ่งสูงสุดตลอดชีวิต ตราบถึงพระนิพพาน นับตั้งแต่อดีตกาลแสนนาน อันหาจุดเริ่มต้นไม่ได้จนถึงบัดนี้ / ข้าพเจ้า และสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มืดบอด เวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ เป็นผู้ไม่รู้ ไม่เห็นฝั่ง / ล้วนเป็นผู้เคยกระทำกรรมชั่วด้วยความโลภ โกรธ หลง ทางกาย วาจา ใจ / หากในกาลก่อนได้เคยประทุษร้าย มีทิฏฐิมานะแรงกล้า ยกตนเหนือพระรัตนตรัย / หากเคยใช้ปัญญาอันน้อยนิดของตน ดูหมิ่นพระคัมภีร์ หรือดูแคลนผู้อื่น / ได้เคยขัดขวางการศึกษาสืบทอดพุทธิปัญญา / หากเคยได้ทำอนันตริยกรรมฆ่าบิดามารดา และผู้มีพระคุณ / หากเคยประทุษร้ายพระตถาคตเจ้าถึงห้อพระโลหิต / หากเคยยุยงสงฆ์ให้แตกความสามัคคี สร้างมลทินแปดเปื้อนต่างๆแก่อารามสงฆ์ / ขัดขวาง ทำลาย วัตรปฏิบัติของหมู่สงฆ์ ของตนเองและของพุทธบริษัททั้งหลาย / หากเคยได้ทำลายอาราม พระธาตุสถูปเจดีย์ และทำลายสิ่งของสาธารณะ / หากเคยได้เข่นฆ่า เบียดเบียนชีวิตของสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งปวง / หากเคยลักขโมยทรัพย์ของผู้อื่น และปัจจัยสงฆ์ / หากตนเองเคยกล่าวคำเท็จ หรือใช้ความอิจฉาริษยาใส่ร้ายป้ายสีผู้บริสุทธิ์ หรือด่าทอให้ผู้อื่นเสียหาย / หากเคยได้ล่วงละเมิดสามี ภรรยา บุตร และธิดาอันเป็นที่รักที่หวงแหนของผู้อื่น / หากเคยได้มีความเห็นผิด เที่ยวประกาศว่า บุญบาปไม่มีผล สั่งสอนพระธรรมในทางที่ผิด / ทำลายโพธิจิตของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ให้เสื่อมถอย / หากเคยคบมิตรชั่ว อกตัญญู ไม่เชื่อฟังคำสอนของบิดามารดา และครูอาจารย์ / เคยทุจริตฉ้อโกงด้วยวิธีการต่างๆ / หากชาติก่อนๆ เคยเกิดเป็นสตรี (หรือชาตินี้) ได้ทำแท้งหรือมีส่วนร่วมยังให้ชีวิตลูกน้อยในครรภ์ของตนหรือของผู้อื่นสิ้นไป / โดยได้กระทำกรรมชั่วทั้งหมดนี้เองก็ดี หรือสั่งสอนให้ผู้อื่นทำตามก็ดี หรือเมื่อตนเองได้รู้ ได้เห็นผู้อื่นกระทำผิดแล้วพลอยยินดีตามความผิดชั่วนั้นก็ดี / วิบากกรรมเหล่านั้นมากมายมหาศาลยิ่งนัก / ไม่อาจจะนับได้ถ้วนหาขอบเขตสิ้นสุดไม่ได้เลย / เป็นอุปสรรคปิดกั้นมรรค ผล นิพพาน และความเจริญทั้งปวง / จะต้องตกสู่อบายภูมิรับทุกข์ทรมาน เป็นแน่แท้ / บัดนี้ ข้าพเจ้าและสรรพสัตว์ทั้งหลาย เกิดความเกรงกลัว และละอายยิ่งนัก / ด้วยจิตเจตนาที่แน่วแน่มั่นคง กราบขอขมากรรมหลั่งน้ำตาเพราะสำนึกต่อความผิด ในอดีตที่ได้พลาดพลั้งแล้ว / ขอพระรัตนตรัย พระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์เจ้า และพญายมราชทั้งหลาย / โปรดเมตตากรุณาอนุเคราะห์ เป็นสักขีพยาน และรับการขมากรรมนี้ / โปรดประทานรัศมีที่บริสุทธิ์แก่ข้าพเจ้าและสรรพสัตว์ทั้งหลาย / ขอเวรกรรมทั้งหลายจงระงับทุเลาเบาบาง จนหมดสิ้น / ให้มีจิตและปัญญาผ่องแผ้ว คลายเศร้าหมอง / พบแต่ความสุขความเจริญ ทั้งทางโลกและทางธรรม / ต่อจากนี้จะขอตั้งมั่นในพระรัตนตรัย และศรัทธาบุญบาปว่ามีจริงและให้ผลจริง ไม่กล้าจะทำความชั่วทั้งปวงแม้เล็กน้อยอีกต่อไป (กราบ 16 ครั้ง)


    ที่มา: มูลนิธิพุทธจักษุวิชชาลัย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • all buddha.jpg
      all buddha.jpg
      ขนาดไฟล์:
      337.8 KB
      เปิดดู:
      74
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,252
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,109
    ค่าพลัง:
    +70,447


    ที่มา https://www.youtube.com/@iacguide

    ------------------------


    จาก 尊勝陀羅尼流布緣起

    ในสมัยราชวงศ์ถังที่ ๑๑ ของกษัตริย์ถังไท่จง(ปี พ.ศ.๑๓๑๙) จารึกว่า ทรงมีพระบรมราชโองการให้เหล่าภิกษุณีใต้หล้าจักต้องสาธยายธารณีนี้ ๒๑ จบทุกวัน เมื่อครบกำหนดทุกปีในวันที่ ๑ เดือน ๑ ตามจันทรคติต้องยื่นถวายรายงาน . ธารณีนี้ถือเป็น ตรีมหาธารณี คือธารณีที่ยิ่งใหญ่ ๓ บท มี ๑.มหากรุณาธารณี大悲陀羅尼๒. มหา วิชย พุทธอุษฺณีษ ธารณี大佛頂尊勝陀羅尼และ ๓.ศานฺติก ศรีเย ธารณี 消災吉祥神咒 ที่พุทธศาสนิกชนต้องสาธยายเป็นบททำวัตร . บันทึกของพระจื้อจิ้ง (志靜) แห่งวัดติ้งเจวี๋ย (定覺寺) ในสมัยราชวงศ์ถังของจีน กล่าวไว้ว่า พุทธอุษณียวิชัยธารณีสูตรนี้ พระพุทธปาลิต (佛陀波利) ชาวเมืองกปิศา อินเดียเหนือ ได้จาริกมาถึงพุทธคิรีอู่ไถ(五臺山) มณฑลซานซี ประเทศจีน ในปี อี้เฟิ้งที่ 1 (儀鳳元年) ตรงกับพุทธศักราชที่ 1219 ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าถังไทจง ด้วยการกราบเบญจางคประดิษฐ์มุ่งหน้าสู่พุทธคิรี แล้วคิดว่า “หลังจากพระพุทธปรินิพพานแล้ว บรรดาพระอริยเจ้าก็หลีกเร้น จะมีก็แต่พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ ที่สถิตปรากฏอยู่ในพุทธคิรีอู่ไถแห่งนี้ เพื่อสั่งสอนสรรพสัตว์และหมู่พระโพธิสัตว์ ข้าพเจ้ามีความมุ่งมั่นอย่างนี้ แม้จะเจอภัยอันตรายนานาประการ แต่ก็ยังไม่ได้พบพระโพธิสัตว์ ได้เพียรเดินทางแสนไกลด้วยศรัทธา ผ่านสายน้ำ ทะเลทราย ขอปรารถนาได้พบพระองค์ผู้ทรงมหาเมตตากรุณา” . เมื่อกล่าวจบ ก็ร่ำไห้แล้วกราบไปทางพุทธคิรีอู่ไถ เมื่อเงยศีรษะขึ้นก็ได้พบคนชราผู้หนึ่ง เดินออกมาจากภูเขา ตรงเข้ามากล่าวว่า “พระอาจารย์มีจิตเปี่ยมล้นด้วยศรัทธา มุ่งมั่นมาคารวะยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แต่ทว่าหมู่สัตว์ในบูรพประเทศ (หมายถึง จีน) กระทำบาปเป็นอันมาก ผู้ออกบวชก็ละเมิดพระธรรมวินัย เห็นมีเพียง พุทธอุษณียวิชัยธารณีสูตร ที่สามารถดับอกุศลทั้งปวงของหมู่สัตว์ ไม่ทราบว่าพระอาจารย์ ได้นำพระสูตรนี้มาด้วยหรือไม่” . พระพุทธปาลิตตอบ “อาตมาเดินทางมาเพียงนมัสการ ไม่ได้นำพระสูตรมาด้วย” คนชราตอบ “หากท่านไม่ได้นำพระสูตรมา ก็ศูนย์ซึ่งประโยชน์ แม้นได้พบพระมัญชุศรี ก็ไม่รู้จัก พระอาจารย์พึงหวนกลับปัจฉิมประเทศ (หมายถึง อินเดีย) เพื่อนำพระสูตรนี้มาเผยแผ่ ถ่ายทอดยังบูรพประเทศ จึงจะเป็นการยังประโยชน์ให้แก่สรรพสัตว์ได้อย่างกว้างขวาง จะฉุดช่วยสัตว์ในยมโลก สนองกตเวทิตาคุณแห่งพระพุทธองค์ ก็เมื่อใดที่พระอาจารย์นำพระสูตรมายังสถานที่นี้ ศิษย์จะบอกที่ประทับของพระมัญชุศรีแก่พระอาจารย์” . เมื่อพระพุทธปาลิตได้ยินอย่างนี้ ก็ยินดีปราโมทย์ยิ่งกว่าสิ่งใด หลั่งน้ำตาด้วยความปีติ ก้มศีรษะลงกราบ แต่เมื่อเงยศีรษะขึ้นก็ไม่พบคนชราผู้นั้นแล้ว ทำให้ตกใจและยิ่งทวีความศรัทธา แล้วจึงเดินทางกลับอินเดียเพื่ออัญเชิญ พุทธอุษณียวิชัยธารณีสูตร และเดินทางกลับมาถึงจีนเมื่อปีศักราช ย้งชุน (永淳) ที่ 2 หรือปีพุทธศักราช 1226 (แต่บางตำราว่าท่านกลับมาถึงจีนเมื่อปีอี้เฟิ้งที่ 4 พุทธศักราชที่ 1222) เมื่อความทราบถึงฮ่องเต้ จึงมีรับสั่งให้นำพระสูตรนี้เก็บไว้เป็นการภายใน แล้วอาราธนาพระตรีปิฎกธราจารย์ ชื่อ พระทิวากร พร้อมเหล่าบัณฑิตร่วมแปลพระสูตรนี้ และพระราชทานผ้า 30 พับ แต่ด้วยการที่ทรงห้ามมิให้พระสูตรนี้แพร่หลายไปสู่ภายนอก พระพุทธปาลิต จึงร่ำไห้พลางทูลว่า “อาตมา เสี่ยงชีวิตนำพระสูตรนี้มาจากระยะทางแสนไกล หวังเพื่อจะอนุเคราะห์สรรพชีวิต ไม่ได้หวังลาภหรือยศใดๆ ทั้งปรารถนาให้พระสูตรนี้ขจรไป เพื่อสรรพสัตว์ได้รับประโยชน์ร่วมกัน องค์มหาบพิตรทรงมีพระประสงค์ให้มอบพระสูตรฉบับแปลนี้ไว้เป็นการเฉพาะ อาตมาจึงขอพระราชทานต้นฉบับภาษาสันสกฤตกลับคืน เมื่อได้ต้นฉบับคืนแล้ว จะนำไปที่วัดซีหมิง (西明寺) เพื่อพบพระซุ้นเจิน (順貞) ผู้เชี่ยวชาญการอรรถาธิบายศัพท์สันสกฤต แล้วร่วมกันแปลพระสูตรนี้” ฮ่องเต้จึงพระราชทานตามนั้น พระพุทธปาลิตและพระซุ้นเจิน พร้อมด้วยหมู่เถระจึงร่วมกันแปลจนแล้วเสร็จ จากนั้นพระพุทธปาลิตได้นำต้นฉบับ พุทธอุษณียวิชัยธารณีสูตร ภาษาสันสกฤตมุ่งสู่พุทธคีรีอู่ไถ และไม่ออกจากภูเขาอีกเลย . เวลานั้น (สมัยถัง) มีพระสูตรแปลอยู่ 2 สำนวน คือ ฉบับที่ถวายฮ่องเต้ และฉบับแปลใหม่ที่ปรากฏขึ้นในโลก ฉบับเหล่านั้นมีอยู่บางคำที่ต่างกัน แต่ก็ถือว่าน้อยมาก ในปีชุยก่ง (垂拱) ที่ 3 อาตมาพระจื้อจิ้ง เจ้าอารามจิ้งเจวี๋ย เหตุที่ได้พำนักอยู่ที่ อารามกั๋วตง (神都魏國東寺) จึงทำให้ได้อยู่ใกล้ชิดพระตรีปิฎกธราจารย์ทิวากร เมื่อสอบถามจึงได้ความตามเบื้องต้นนั้น และได้ขอเมตตาพระทิวากรถ่ายทอดธารณีนี้ พระทิวากรจึงสาธยายเป็นสำเนียงสันสกฤต ผ่านไป 14 วัน จึงจำทรงไว้ได้ทุกประโยค ไม่ผิดพลาดแม้แต่หนึ่งเดียว และยังได้เอาต้นฉบับเดิมภาษาสันสกฤตไว้เทียบเคียงอีกด้วย บรรดาการถอดเสียงที่ผิดเพี้ยนก็ได้แก้ไขถูกต้องแล้วทั้งสิ้น อีกตัวธารณีก็มิต้องแก้ไขอีก เพราะถูกต้องแล้ว...(จบข้อความบันทึกที่ยกมา) และยังมีสำนวนแปลของท่านอื่นๆ อีก 7 สำนวน แต่ทว่าฉบับของพระพุทธปาลิต ที่นำมาแปลในเล่มนี้เป็นที่แพร่หลายที่สุด ในพิธีโยคะตันตระ มุขชวาลเปรตพลี 瑜伽焰口 กล่าวว่า เมื่อปางบรรพพระเถระ (พระพุทธปาลิต)ได้มายังบูรพประเทศ(จีน) โดยได้รับการชี้แนะจากพระมัญชุศรี บูรพประเทศหากไร้ซึ่งวิชยธารณีแล้วไซร้ วิญญาณอนาถาก็ยากหลุดพ้น「昔日(西域)尊者往東來,卻被文殊化引開,東土若無尊勝咒,孤魂難以脫塵埃。」

    . อาจารย์เสถียร โพธินันทะ กล่าวว่า “อุณหิสวิชัยสูตร” สูตรนี้เลือนแปรมาจาก “อุษณีวิชัยธารณี” ในภาษาสันสกฤตของมนตรยานอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตัวคาถากลับแต่งเป็นบาลีและไม่มีเค้าเหมือนฝ่ายสันสกฤตเลย เข้าใจว่าจะเป็นด้วยท่านผู้แต่งคงไม่ได้ฉบับสันสกฤตมาเป็นแบบเป็นราก แต่คงได้ทราบความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของอุษณีย์วิชัยธารณีมาเป็นอย่างดี จึงได้คิดแต่งเป็นสูตรในบาลีขึ้น ที่จะแต่งในลังกาหรือในเมืองไทยนี้เอง ...


    (จาก...หนังสือกระแสมนตรยานในนิกายเถรวาท) พระวิศวภัทร (廣度法師) มูลนิธิพุทธจักษุวิชชาลัย อารามวัตรมหายาน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...