ขอให้พุทธภูมิทุกท่านช่วยเรื่องโครงการเงิน800 ล้านๆบาทเข้ารัฐไทย

เรื่อง วิธีการเก็งกำไรราคาพันธบัตรแบบใหม่กำไรเข้าประเทศปีละ 100 ล้านล้านบาทต่อปี

เรียน ท่านชัยและเวบมาสเตอร์ที่เคารพและทุกท่าน





ไทยจะเป็นมหาเศรษฐฐีโลกได้ถ้าไทยทำกองทุนพันธบัตรน้ำมันแห่งเอเชียขึ้นมา โดยหลักของเศรษฐศาสตร์มีอยู่ว่าถ้าอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดเพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้น และการที่สมมติว่ากองทุนน้ำมันของไทยรับซื้อพันธบัตรน้ำมันเอเชียขึ้นมาสัก7 แสนล้าน พออัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดเพิ่มขึ้นสักร้อยละ 4จะทำให้ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้น จะทำให้ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้นจาก 7 แสนล้านเป็น 280000 ล้านบาทก็นำร้อยละสี่คูณ7แสนล้านได้ออกมาเป็น280000 ล้านบาท ก็กำไรมหาศาล สมมติว่าถ้าไทยเราทำกองทุนพันธบัตรน้ำมันแห่งเอเชียขึ้นมา เป็นเจ้าของรับขายพันธบัตรให้แก่ทุกชาติในเอเชีย ไทยเราก็กำไรมหาศาล อย่างแบงชาตสมมติออกพันธบัตรมาสัก5แสนล้าน แล้วกองทุนน้ำมันในไทยรับซื้อพันธบัตรมาสัก4แสนล้าน แล้วไทยเราก็เพิ่มอัตราส่วนลดทำให้อัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 4จะทำให้ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้น เสร็จแล้วก็นำพันธบัตรที่ราคาเพิ่มขึ้นจากสี่แสนล้านเป็น 160000 ล้านบาทนำร้อยละสี่คูณสี่แสนล้านได้ 160000 ก็นำไปขายในกองทุนพันธบัตรน้ำมันเอเชีย หรือขายในเอเชีย บอนด์ (พันธบัตร เอเชีย)ก็เป็นได้ จะได้กำไรมหาศาลจากการที่ขายในราคา 160000 บวก กับ 4 แสนล้านเป็น560000 ล้านบาท ก็ไปขายสมมติว่าถ้าเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็จะทำให้ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้นด้วยสมมติเฟดเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 2 ก็นำ2ไปคูณกับ560000 ล้านบาทก็เป็น หนึ่งล้านล้านหนึ่งแสนสองหมื่นบาท อันนี้คือกำไรที่ไทยจะได้ไป และอนาคตถ้ากองทุนน้ำมันของไทยนำพันธบัตรไปออกขายในเอเชียบอนด์ อนาคตจะมีนักลงทุนมาเล่นหุ้นกับกองทุนน้ำมัน หรือปตท เป็นอย่างมาก อย่างมหาศาลก็ว่าได้เพราะไทยเราเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียบอนด์ ซึ่งการที่ไทยเราอาจให้หน่วยงานของรัฐวิสาหกิจทุกกลุ่มของไทยทำกำไรจากการซื้อพันธบัตรกองทุนน้ำมันในไทยได้กำไรคือพันธบัตรราคาเพิ่มขึ้นก่อนแล้วค่อยไปฝากพันธบัตรในเอเชีย บอนด์ จะทำให้นักลงทุนมาเล่นหุ้นในไทยคาดว่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนล้านบาทต่อวัน ไทยจะเป็นอภิมหาเศรษฐฐีมหาศาล ยิ่งถ้าเงินไทยแข็งค่าขึ้นจะทำให้ไทยได้ลดต้นทุนราคาพันธบัตรได้มหาศาล เพราะว่าการที่ไทยซื้อพันธบัตรได้ในราคาถูกนั่นเอง แต่ถ้าเงินไทยอ่อนจะทำให้ซื้อราคาพันธบัตรได้แพงแล้ววิธีที่จะทำให้ อัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดเพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้น ทำได้โดยให้ธนาคารชาติเพิ่มอัตราส่วนลด และเพิ่มจีดีดี จีเอ็นพี เพิ่มการส่งออก เพิ่มการปล่อยกู้ให้นักลงทุนก็ได้มากขึ้น และออกพันธบัตรบ่อยๆเมื่อราคาเงินบาทแข็งค่า


เรื่อง วิธีการส่งออกแบบใหม่กำไรเข้าประเทศปีละ 500 ล้านล้านบาทต่อปี

เรียน ท่านชัยและเวบมาสเตอร์ที่เคารพและทุกท่าน

การที่จะส่งออกได้กำไรดีไม่ขาดทุนเหมือนทุกปีนั้นจะเห็นได้ว่า ถ้ารัฐบาลเงินบาทแข็งค่าเกินไปมักจะขายไม่ออกหรือขายได้น้อย เงินบาทที่ลักษณะแข็งมากไปอยู่ที่ระดับ43 บาท อ่อนมากไปอยู่ที่ 38.50 เงินบาทควรอยู่ระดับนี้ ถ้าสมมติว่าเรามัวแต่ไปพึ่งการส่งออกแต่ประเทศที่ค่าเงินเขาถูก เช่น จีน เป็นต้น ไทยเราจะเจ๊งได้ เราควรที่จะส่งออกไปยังประเทศที่สกุลเงินแข็งเช่น สหรัฐ ยุโรป เพราะเราจะได้กำไรมากกว่า และควรที่บริษัทในไทยเช่น บริษัทเกี่ยวกับเหล็ก อุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ เป็นบริษัทที่ควรไปทำเป็นเบื้องหลังบริษัทใหญ่ๆในยุโรปบ้านเมืองเขา เพื่อไทยเราจะได้เป็นแบคอัพในการผลิตของเขา เพราะวัตถุดิบประเทศไทยราคาถูกมาก ถ้าขนไปทำที่เมืองนอก เราจะได้กำไรมหาศาล สมมติถ้าบริษัทสหวิริยา สตีลของไทย กับทีพีไอ ไปลงทุนเป็นแบคอัพผลิตรถยนต์ให้เขา เราก็จะได้กำไรมหาศาล สมมติเหล็กเบอร์นึง ราคา500 บาท แต่ถ้าไปทำที่อังกฤษ จะราคา 3000 บาท ถ้าเราผลิตรถยนต รถไฟ เรือ เครื่องบินให้เขา เราสมมติใช้เหล็ก 200000 ล้านบาท แต่เราได้กำไรต่อเหล็กเส้นนึงผลต่างกำไรถึง เอา3000 ลบกับ 500 ได้ 2500 นำ2500 คูณ 200000 ล้านบาทได้ 5,000,000,000 ล้านบาท สมมติอังกฤษเขาสร้างถนน วางท่อ สร้างเขื่อน เราก็ไปเสนอโครงการให้เขา ทีพีไอ สมมติใช้ปูน กระสอบนึงสมมติราคา 200 บาทในเมืองไทย ถ้าขายในเมืองนอกก็ราคา 2000 บาท สมมติเราสร้างเขื่อนให้เขา ใช้ปูน 2000 ล้านกระสอบ ก็ 2000 ล้านคูณ 2000 บาทได้ 4,000,000 ,000,000 ล้านบาททีเดียว ทีนี้ไทยเราก็ฉลาดมีทีพีไอบริษัทแม่อยู๋ที่ไทยไทยเราก็ส่งปูนไปบริษัทลูกที่อังกฤษ ปีละ5000 ล้านกระสอบก็กำไร 7ล้านล้านบาททีเดียว สมมติไทยเราก็จะทำโรงแรมภัตตาคารที่ยุโรปกับอเมริกาเท่านั้น จีนไม่ต้อง เพราะกำไรค่าเงินยุโรปสูงกว่าจีนมาก สมมติไทยเราส่งผลไม้ ข้าว สินค้าเกษตร โอทอปไปให้ภัตตาคารยุโรป ภัตตาคารนี้ไทยรัฐเปิดเอง บริษัทเหล็ก กับปูนไทยเราเปิดเอง คือไทยรัฐเราต้องถือหุ้นทีพีไอกับบริษัทสหวิริยา สัก80 เปอร์เซ็นตืเพื่อรัฐจะได้กำไรมหาศาลดังที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งสมมติเราส่งผลไม้ ไปขายยังภัตตาคารที่ยุโรปสัก 3000 ล้านบาท แต่ยุโรปมูลค่าผลไม้เขาคิดให้ 300000 ล้านบาท ทีนี้ไทยเราก็นั่งนับเงินเล่นสบายโดยไม่ต้องพะวงว่าดุลการค้าจะขาดดุล ดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดทุน ส่งออกกำไรน้อย เพราะไทยมีหน้าที่ขนส่งเพิ่มเรือเดินสมุทร ขนส่งผลไม้ สินค้าเกษตร เหล็ก ปูน อุปกรณ์อิเลกทรอนิกให้ยุโรป อเมริกาอย่างเดียว อย่างอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ถ้าไทยเรา ร่วมลงทุนกับบริษัทไมโครซอฟผลิตoption program ตัวใหม่ๆขึ้นมา เช่น รวมความรู้ทุกศาสตร์รอบโลก เช่น รวมโรงแรมทั่วโลก สถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก บริษัทใหญ่ๆที่เข้าตลาดหุ้นทั่วโลก ทำเป็นโปรแกรมหุ้นสำเร็จรูปลงโปรแกรมเวิร์ดใหม่ รวมภัตตาคารเมนูอาหารทั่วโลก เป็นต้น ทำให้เหมือนเวบกูเกิล โดยรวบรวมข้อมูลทั่วโลก นำมาใส่โปรแกรม word excel power point เท่านี้ก็กำไรแฟรนไชส์กินขาดแล้ว โดยเราร่วมหุ้นกับบิลเกต จากการที่บิลเกตรวยพันล้านตอนนี้เขากินค่าแฟรนไชส์รวยประมาณ 10 ล้านล้านบาทแล้ว ไทยเราถ้าส่งอุปกรณ์อิเลกทรอนิกใหม่ๆเช่น ทำคอมพิวเตอร์ที่ถูกที่สุดในยุโรป และอเมริกา และเพิ่ม option ดังกล่าวแล้วเพียงเท่านี้ไทยเราก็เหมือนเป็นบิลเกตตคนใหม่ เพียงแต่ร่วมหุ้นกับบิลเกตเอาแบรนเนมไมโครซอฟเขามาใช้ก็เท่านั้นเอง เท่านี้ไทยเราก็ได้กินค่าแฟรนไชส์ ปีละ 3 ล้านล้านบาทเป็นอย่างต่ำเพราะเราขายเครื่องคอมให้ยุโรป อเมริกา สัก ปีละ หมื่นเล้านเครื่อง เครื่องละถูกสุดยุโรปไทยเราคิด20000 บาท หมื่นล้านเครื่องราคา 200,000,000,000,000 ล้านบาท คือสองร้อยล้านล้านบาท ไทยเราก็รวยอภิมหารวย สมมติไทยเพิ่มการผลิตก๊าซโซฮอล์ ไปขายไปเปิดปั๊มทั่วยุโรป โดยลงทุนสัก 20000 ล้านบาท เปิดได้ประมาณ 2000 ล้านปั๊ม ราคาน้ำมันอังกฤษลิตรละ 80 บาท ถ้าไทยเราขายโซฮอลบ้านเราราคา 25 บาท ถ้าไทยเราขายสัก 200000 ล้านลิตรต่อปีส่งออกให้เฉพาะประเทศที่ค่าเงินเขาสูง ก็สองแสนล้านคูณ 55 บาท( 80-25=55 ) กำไรเท่ากับ11 ล้านล้านบาทต่อปี เราไทยก็ใช้เรือเดินสมุทร ส่งน้ำมันไปยุโรป รอรับเงิน 11 ล้านล้านต่อปีต่อหนึ่งประเทศ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาการส่งออกที่ทำกำไรมหาศาลให้ประเทศไทยปีละ 500 ล้านล้านบาทด้วย


เรื่อง ธนาคารชาติจะทำกำไรได้6ล้านๆบาทรัฐวิสาหกิจทั้งแปดแห่งจะทำกำไรได้ 5 ล้านๆบาท

เรียน ท่าน เวบมาสเตอร์ที่เคารพและทุกท่าน

จะเห็นได้ว่ารัฐวิสาหกิจของไทยนั้นถ้าจะเข้าตลาดหุ้นต้องให้คนไทยถือหุ้น 90% แล้วให้คนต่างชาติถือหุ้น 10 % เพื่อป้องกันการนำเงินออกนอกประเทศเพราะอาจถูกโจมตีค่าเงินบาทได้ ซึ่งองค์กรต่างๆมีอยู่ 8 แห่งดังต่อไปนี้ กรมสรรพสามิต ประกันสังคม ปตท กฟผ กบข กองสลาก กสท บสท ซึ่งควรให้องค์กรทั้ง 8 แห่งนี้ ร่วมหุ้นกับ ธนาคารแห่งชาติ โดยให้องค์กรแปดแห่งนี้ซื้อพันธบัตรของแบงค์ชาติโดยแบงค์ชาติออกพันธบัตรมาตอนที่เงินบาทแข็ง ดอลลาร์อ่อนตัว โดยออกพันธบัตรออกมาสัก 6 แสนล้าน เพื่อให้องค์กรทั้งแปดแห่งได้ซื้อพันธบัตร หกแสนล้านบาท ซึ่งถ้าแบงค์ชาติเพิ่มอัตราส่วนลด จะทำให้อัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดสูงขึ้น เป็นเหตุทำให้ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้นสมมติเพิ่มร้อยละสาม พวกองค์กรทั้งแปดแห่งที่ซื้อพันธบัตรมาหกแสนล้าน ราคาพันธบัตรมันจะเพิ่มจาก 6 แสนล้านเป็น 6 แสนล้านคูณ 3 เท่ากับ 1.8 ล้านๆบาท ซึ่งกำไร1.8ล้านล้านบาทนี้จะทำให้เข้ากำไรรัฐวิสาหกิจทั้งแปดแห่ง โดยเมื่อราคาพันธบัตรของรัฐวิสาหกิจอยู่ที่ 1.8 ล้านๆบาท ก็ขายพันธบัตรออกมาให้ประชาชนและนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งหลักการที่เงินจะเข้าธนาคารแห่งชาติ ได้เหมือนปี 2547 ที่ผ่านมา ที่หม่อมราชวงศ์ปริดิยาธร เทวกุล ได้ให้ธนาคารแห่งชาติทำswopคือยืมมือบริษัทเอกชนอื่นๆขายหุ้นให้แบงค์ชาติ ซึ่งแบงค์ชาติไม่ได้ขายเองแต่ยืมมือ ซึ่งปรากฏว่าเมื่อเงินบาทแข็ง ดอลล่าร์อ่อน ทำให้เงินไหลเข้ากองทุนเงินสำรองระหว่างชาติเกือบ 2.5 ล้านๆบาท ดังหลักฐานเวบไซด์ต่อไปนี้http://www.thannews.th.com/detialNew...691&issue=1969

ถ้าแบงค์ชาติออกพันธบัตร หกแสนล้าน และยืมมือบริษัทดังๆขายหุ้นให้ตนเองจะทำให้เงินไหลเข้ากองทุนเงินสำรองคาดว่าไม่ต่ำกว่า 6 ล้านๆบาท
ส่วนราคาพันธบัตรเมื่อรัฐวิสาหกิจแปดแห่งได้กำไร 1.8ล้านๆบาทนั้น จะทำให้ราคาหุ้นขององค์กรแปดแห่งราคาหุ้นสูงขึ้นมาเกือบ40% ก็จะทำให้เงินหมุนเวียนในองค์กรทั้งแปดแห่งประมาณ สามล้านๆบาท ทำให้ตลาดหุ้นมีคนเล่นหุ้นมากกว่าเดิมวันละประมาณ8 หมื่นล้านบาทต่อวัน


ท้ายสุดนี้ขออาราธนาบารมีพุทธภูมิและสาวกทุกท่านช่วยแปลไทยเป็นอิ้งส่งเมลไปตามประเทศจีน ญีุ่ปุ่น เกาหลีและประเทศที่ยากจนเช่นอาเจนตินามีหนี้ 6ล้านล้านบาท โดยส่งบทความนี้โดยเข้าเวบกูเกิ้ล พิมพ์ว่าministry of economic in china japan south korea lao myamar vietnam cambodia ขอให้ทุกท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิและสาวกภูมิขอให้ย่นระยะชาติให้เหลือน้อยลงครับ สาธุครับ(bb-flower