ข้อความจากต่างมิติ - กฎแห่งการดึงดูด (ทำไมและเมื่อไหร่มันถึงจะได้ผล), สภาวะนิพพาน

(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


กระทู้นี้ผมตั้งใจจะให้เป็นกระทู้ที่รวบรวมข้อความจากท่านมหาเทพเมตตาตรอน
ที่พูดถึงเรื่อง "กฎแห่งการดึงดูด" (Law of Attraction) โดยเฉพาะเอาไว้
เพราะท่านแบ่งการสื่อสารออกเป็น 3 ตอน ตอนแรกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2011
ซึ่งคุณ kindred ได้แปล และ โพสต์เอาไว้แล้ว ในกระทู้นี้

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-117

ส่วนตอนที่สองท่านเพิ่งสื่อสารมาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2011
ซึ่งคุณ kindred ก็ได้แปลเอาไว้แล้วเช่นเดียวกัน และอีกซักประเดี๋ยว
ก็คงจะโพสต์ให้ท่านได้อ่านกันหนะนะครับ

ส่วนตอนที่สามท่านยังไม่ได้สื่อสารมา แต่คาดว่าน่าจะเป็นปลายเดือนตุลาคมนี้
ซึ่งแน่นอนว่าเดี๋ยวพวกผมก็จะแปลและโพสต์รวบรวมไว้ในกระทู้นี้แหละนะครับ

หลายท่านอาจจะรู้จัก และเคยอ่าน หรือเคยใช้งาน "กฎแห่งการดึงดูด" นี้มาบ้างแล้ว
ไม่มากก็น้อย ใช่ไหมครับ แต่ลองมาอ่านเรื่องราวของมัน
ในสไตล์ของท่านมหาเทพเมตาตรอนดูบ้างนะครับ
ดูซิว่ามันจะเหมือนหรือแตกต่างจากที่ท่านรู้มาแล้วหรือไม่ อย่างไร

และก็อย่าลืมว่า วิจารณญาณมีอยู่กับตัวท่านทุกคนแล้ว
เพราะฉะนั้น จงใช้มันกลั่นกรอง และพิจารณาเอาเองนะครับ

ด้วยความปราถนาดีครับ

ปล.

ยังมีอีกกระทู้หนึ่ง ที่ท่านเมตาตรอนพูดถึงเรื่อง "ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ"
หรือ Impeccability เอาไว้เหมือนกันครับ และเป็นอะไรที่เนื้อหายอดเยี่ยมมากๆ
อยากแนะนำให้อ่านด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ

"ข้อความจากต่างมิติ-–-การวางอุเบกขา-ความเหมาะสมทางเพศ-และการเนรมิตให้สำเร็จดั่งใจ"

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ะสมทางเพศ-และการเนรมิตให้สำเร็จดั่งใจ.302183/

..................................................................

นอกจากนี้ยังมีอีกกระทู้หนึ่งที่สำคัญและเกี่ยวข้องด้วยอย่างมาก
จนท่านพูดถึงอยู่บ่อยๆ ก็คือกระทู้นี้ครับ

"ข้อความจากต่างมิติ-วิธีลดความเสียหายของออร่า-จากคลื่นรบกวน-การบิน-และอื่นๆ"

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...องออร่า-จากคลื่นรบกวน-การบิน-และอื่นๆ.287075/

.................................................................

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 13 สิงหาคม 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ผู้แปล: คุณ kindred

ที่มา:
The Law of Attraction - How & When it Works & Why it Doesn't - Part 1 > Earth Keeper


ตอนที่ 1

ในปัจจุบันนี้ มีบทความมากมายที่กล่าวถึงแนวคิดที่ว่า
มนุษย์สามารถสร้างโลกแห่งความเป็นจริงของพวกเขาเองขึ้นมาได้อย่างไร

พวกเราขอเตือนว่า
มันไม่ใช่ความคิดเองหรอกนะที่เป็นตัวสร้างสรรหนะ
แต่มันคือ “ความเชื่อ” ต่างหากหละ....
ความเชื่อที่แสดงออกทางความคิดด้วยจิตที่ชัดเจน


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

ดังนั้นเพื่อให้เกิดวากยะสัมพันธ์ที่ชัดเจน
พวกเราขอกล่าวว่า ในกฎแห่งการดึงดูด (Law of Attraction)
มันจะเป็นการสมควรมากกว่าที่จะใช้คำว่า.. “ความเชื่อ” แทนคำว่า “ความคิด”
เพราะว่า แม้ว่ากระแสความคิดบวกจะสามารถกระตุ้นให้เกิดความเชื่อใหม่ๆขึ้นมาได้ก็ตาม
แต่ว่าพวกคุณก็ยังจะไม่ไปสร้างโลกแห่งความเป็นจริงใหม่ขึ้นมา
จนกว่าพวกคุณจะเชื่อในความคิดนั้นซะก่อน
เพราะความเชื่อต่างหากหละ ที่สร้างโลกแห่งความเป็นจริงขึ้นมา นี่ถึงจะสมเหตุสมผล


ดังนั้น นอกเหนือจากเรื่องของการใช้คำศัพท์ที่ว่านี้แล้ว
จงเข้าใจไว้อีกด้วยว่า กระแสความคิดด้านบวกใดๆ จะมีความสามารถในการเนรมิตอะไรออกมาได้
ก็ต่อเมื่อมันสอดคล้องกลมกลืนกับความเชื่อของพวกคุณเองเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าในความเชื่อหลักของพวกคุณ พวกคุณเชื่อว่า พวกคุณไม่คู่ควรกับความสมบูรณ์พูนสุข
หรือลึกๆในจิตใจของพวกคุณแล้ว พวกคุณเชื่อว่าการสั่งสมความมั่งคั่ง หรือสมบัติพัสถาน คือสิ่งที่ผิด

พวกคุณก็จะไม่สามารถเนรมิตความมั่งคั่งขึ้นมาจากการแค่คิดถึงมันเฉยๆได้เลย

และถ้าพวกคุณเชื่อว่าเงินทองคือรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งปวง
'LAW of Attraction ก็จะใช้ไม่ได้ผลกับพวกคุณ
จนกว่าพวกคุณจะเปลี่ยนความเชื่อหลักของพวกคุณเสียก่อน

..........................................

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 13 สิงหาคม 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ผู้แปล: คุณ kindred

ที่มา:
The Law of Attraction - How & When it Works & Why it Doesn't - Part 1 > Earth Keeper


ตอนที่ 2


ถ้าพวกคุณเชื่อว่าพวกคุณยากจน และมักจะต้องใช้เงินอย่างกระเบียดกระเสียนอยู่เสมอ
เพื่อให้เพียงพอที่จะประทังชีวิตอยู่ได้ไปวันต่อวันแล้ว ความเชื่อแท้ๆอันนี้ของพวกคุณ
ก็จะไปสร้างประสบการณ์เช่นนั้นขึ้นมาให้กับพวกคุณ และไม่ว่าพวกคุณจะทำงาน 2 หรือ 3 อย่างก็ตาม
แต่ถ้าความเชื่อหลักของพวกคุณถูกสร้างขึ้นมาแบบนั้นแล้วหละก็ มันก็จะถูกฉายเข้าไปในความเป็นมิติ
และแน่นอน มันก็จะถูกเนรมิตให้ปรากฏออกมาแบบนั้นด้วย แล้วพวกคุณก็จะมีปัญหาติดขัดด้านเศรษฐกิจอยู่เหมือนเดิม


ถ้าพวกคุณเชื่อว่าพวกคุณ “ไม่ฉลาดเลย”
สมองพวกคุณ ก็จะยอมรับความเชื่อแบบนั้นเอาไว้ และพวกคุณก็จะถูกจำกัด
ถ้าพวกคุณเชื่อว่าพวกคุณไม่มีเสน่ห์ดึงดูดเลย พวกคุณก็จะฉายภาพแบบนั้นออกมา
สู่สายตาของทุกๆคนที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณผ่านทางกระแสจิต

พวกคุณฉายภาพความเชื่อของพวกคุณออกไปอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ไม่ว่าพวกคุณจะมองไปที่ไหนบนโลกใบนี้
พวกคุณก็จะพบเจอแต่สิ่งที่พวกมันเนรมิตออกมาให้กับพวกคุณอยู่ตลอดเวลา
พวกมันสร้างภาพขึ้นมาจากเงาสะท้อนในความเชื่อของพวกคุณเอง
พวกคุณไม่สามารถหลีกหนีความเชื่อของพวกคุณเองไปได้

แต่อย่างไรก็ตาม พวกมันก็เป็นวิธีที่พวกคุณใช้ในการสร้างประสบการณ์ของพวกคุณเอง


ในทางกลับกัน ถ้าพวกคุณแค่เชื่อว่าคนอื่นๆล้วนมีเจตนาดีต่อพวกคุณทั้งสิ้น
และจะปฏิบัติต่อพวกคุณด้วยความสุภาพอ่อนโยน พวกเขาก็จะเป็นดังนั้นเช่นกัน

แต่ถ้าพวกคุณเชื่อว่าโลกทั้งโลกต่อต้านพวกคุณอยู่
สิ่งนั้นมันก็จะกลายมาเป็นประสบการณ์ของพวกคุณเอง


และถ้าพวกคุณเชื่อว่า ร่างกายของพวกคุณจะต้องแก่ และจะเริ่มร่วงโรยเมื่ออายุ 40 ปี
มันก็จะเป็นดังนั้นด้วย พวกคุณเข้าใจ ”ความหมายที่แท้จริงๆ” ของพวกเราหรือไม่ ?


พวกคุณมีการดำรงอยู่แบบกายภาพ ก็เพื่อที่จะมาเรียนรู้และเข้าใจให้ได้ว่า
ในแง่พลังงานแล้ว สิ่งที่พวกคุณเชื่อ มันจะถูกแสดงออกมาในรูปแบบของความรู้สึก,
กระแสความคิด และอารมณ์ต่างๆนั้น มันคือต้นตอของทุกๆประสบการณ์ของพวกคุณเอง


ณ.ช่วงเวลานี้ ในตอนนี้ ประสบการณ์ของพวกคุณ สามารถเปลี่ยนแปลงความเชื่อต่างๆของพวกคุณได้
และเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ ที่พวกคุณสามารถควบคุม “การเลือกที่จะเชื่อ” ของตัวเองได้



(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


กุญแจสำคัญก็คือการสร้าง “ความเชื่อ”
ขึ้นมาใน Mer-Ka-Na ของ “ตัวตนรวม” ของตัวคุณเอง
ผ่านการเลือกอย่างมีสติสัมปชัญญะ
และไม่ใช่โดยการโปรแกรมอย่างไร้สติสัมปชัญญะ

(Mer-Ka-Na เป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับจิตหรือจิตสำนึก – ผู้แปล)

..................................................

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล


วันที่ 13 สิงหาคม 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ผู้แปล: คุณ kindred

ที่มา:
The Law of Attraction - How & When it Works & Why it Doesn't - Part 1 > Earth Keeper


ตอนที่ 3 - จบภาคแรก


คราวนี้ เราจะมากล่าวถึงแนวความคิดนี้ในแบบหลากมิติกัน

ให้จินตนาการถึงจำนวนชาติภพที่พวกคุณเคยเกิดเป็นพระหรือนักบวช
ที่พวกคุณเคยให้สัตย์ปฏิญาณอย่างเคร่งครัดว่าจะไม่ครอบครองสิ่งใดเลยอย่างเด็ดขาด
พวกคุณได้ปฏิเสธโลกแห่งวัตถุไปอย่างสิ้นเชิง และยึดมั่นอย่างเหนียวแน่นอยู่กับความเชื่อที่ว่า
"เงิน คือรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งปวง"

เพราะว่าทุกๆชาติภพ ล้วนมีอยู่และเป็นอยู่พร้อมๆกันหมด ในนิรันดร์กาลแห่งปัจจุบันขณะนี้
และถ้าในชาติภพนี้ พวกคุณกำลังจดจ่อต่อการสร้างโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณอยู่
พวกคุณมีความปรารถนาในความมั่งคั่งสมบูรณ์อยู่
เพราะพวกคุณตระหนักได้ว่า เงินไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย แต่มันเป็นเพียงแค่พลังงาน
และ มันก็สามารถที่จะถูกใช้ไปเพื่อก่อให้เกิดสิ่งต่างๆที่ดีๆได้อย่างมากมายอีกด้วย

แต่ถึงแม้ว่า พวกคุณจะอ่านหนังสือทุกเล่ม และอ่านบทความทุกๆบทความ
ที่เกี่ยวกับว่า..ความคิดบวก จะไปจุดประกายให้ 'Law of Attraction' ทำงานได้อย่างไรมาแล้วก็ตาม
แต่พวกคุณก็ยังคงไม่สามารถนำความมั่งคั่งมาสู่ตัวเองได้


นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า
พวกคุณมีจำนวนชาติภพในความเป็นหลากมิตินี้
ที่หนักไปทางด้านใดด้านหนึ่งอยู่ก็ได้

เช่น ถ้าพวกคุณมีจำนวนชาติภพอยู่ 12 ชาติภพติดๆกัน
ที่ในปัจจุบันขณะของแต่ละชาติภพนั้นๆ กำลังหลีกหนีและปฏิเสธ
สิ่งที่พวกเขาเองเชื่อว่ามันเป็นเรื่องของวัตถุธาตุอยู่

แต่มีอยู่เพียงชาติภพเดียวเท่านั้นที่กำลังพยายามสร้างความมั่งคั่งสมบูรณ์ขึ้นมา

แล้วพวกคุณคิดว่าความพยายามของ
ฝ่ายไหนจะมีพลังงานมากกว่ากัน?


พวกคุณมีความสามารถในจิตแห่งปัจจุบันขณะ
ใน Mer-Ka-Na ที่จะเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นอดีต
และสร้างความปราถนาและความเชื่อร่วมที่สอดคล้องต้องกันขึ้นมาได้

และที่รักทั้งหลาย เงินไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย!
มันคือพลังงาน

และในกระบวนทัศน์แบบใหม่นี้
พวกคุณจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะสร้างสรรค์
ด้วยความรักอย่างมีความรับผิดชอบ


พวกคุณสามารถมีได้ในสิ่งที่พวกคุณต้องการ
พวกคุณสามารถมีได้ในสิ่งที่พวกคุณปรารถนา
แต่ความเชื่อของพวกคุณในความเป็นหลากมิติ
(ของหลายๆภพชาติของพวกเราเอง) ต้องสอดคล้องต้องกันด้วย


มันไม่ใช่แค่เพียง "ร้องขอแล้วรอรับ "
แต่มันต้องถูกฉายภาพไปยังจิตเดียวกันที่คมชัด
และจิตใจนั้นก็อยู่เหนือสมอง
เพราะว่าจิตใจมีความเป็นหลากมิติ.....

...................................................


จบภาคแรก – ตอนที่ 1
.......................................................

 

เดี๋ยวภาคที่ 2 รอคุณเดรดมาโพสต์นะครับ
น่าจะเป็นช่วงบ่ายนี้แหละครับ


............................................

 

ภาค 2

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 24 กันยายน 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ที่มา:
http://spiritlibrary.com/earth-keeper/earth-keeper-chronicles/the-law-of-attraction-how-when-it-works-why-it-doesnt-part-2

ตอนที่ 4

ในตอนนี้ คุณสมบัติที่เป็นสิ่งมีชีวิตหลากมิติของมนุษย์คือหัวใจสำคัญ
ของความเข้าใจในเรื่องกลไกการทำงานของ “กฎแห่งการดึงดูด” (Law of Attraction)
ของพวกคุณซึ่งกุญแจสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับความเข้าใจในเรื่องความเป็นหลากมิติของพวกคุณเอง

ก็คือ “ตัวตนอันสูงส่งกว่าของพวกคุณ” (your Higher-Self)
ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของพวกคุณเอง ที่ดำรงอยู่เหนือโลกทางกายภาพ
และก็คือส่วนที่ทำหน้าที่ “เขียนบทชีวิต”ให้แก่พวกคุณ
ให้ต้องเจอะเจอกับปัญหาอุปสรรคบางอย่างในชีวิต
เพื่อให้เกิดการเจริญเติบโต...
และปัญหาอุปสรรคเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจที่จะหลบเลี่ยง
หรือกำจัดมันออกไปให้พ้นๆได้ซะด้วย


ในทางตรงกันข้าม พวกมันคือวิชาเรียนที่จำเป็นในหลักสูตรการเรียนการสอน
ของ “มหาวิทยาลัยแห่งโลกใบนี้”

ที่พวกคุณเองนั่นแหละ คือผู้ที่ได้เลือกมันเอาไว้
เพื่อที่จะสำเร็จและขึ้นไปสู่ชั้นที่สูงส่งดีงามกว่าต่อไป
และพวกคุณก็ไม่สามารถที่จะกระโดดข้ามชั้นเรียนเหล่านี้ไปได้

ปัญหาอุปสรรคเหล่านี้จะเข้ามาในชีวิตของพวกคุณ ก็เพราะว่าพวกคุณได้ลงทะเบียนเรียนเอาไว้
และพวกมันก็คือส่วนหนึ่งของ 'Law of Attraction' จากจิตใจที่สูงส่งกว่า (จาก Higher Self – ผู้แปล)
และพวกมันก็ไม่อาจที่จะถูกผลักไสไปได้ด้วย

ดังนั้น นี่จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีการคิดแบบทวิภาวะ
ว่าจะต้องพยายามขจัดสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นปัญหาอุปสรรคให้หมดไป
จึงดูเหมือนว่าจะไปขัดขืนกฎแห่งการดึงดูดอย่างนั้นแหละ





ดังนั้นพวกคุณอาจจะพบว่า
ตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด
ที่วิธีการ “คิดในแง่บวก” ทั้งหมด
ดูเหมือนจะไม่ประสบผลสำเร็จแต่อย่างใดเลย

นั่นเป็นเพราะว่า ณ ตอนนี้...
มันมีบทเรียนที่พวกคุณจะต้องเผชิญหน้ากับมันเสียก่อนอยู่
และมันก็จะเกิดอีกขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้นแหละ
จนกว่าพวกคุณจะยอมเผชิญหน้ากับมัน
จนกว่าพวกมันจะได้รับการแก้ไขให้เสร็จสิ้นไป...

เพราะว่าพวกคุณได้ดึงดูดพวกมันมาสู่พวกคุณจากจิตใจที่สูงส่งกว่า
และสมองส่วนที่มีความเป็นทวิภาวะของพวกคุณ ก็ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงมันได้ด้วย

มันจะจบสิ้นลงได้...
ก็ต่อเมื่อพวกคุณสามารถ
ควบคุมมันได้แล้วเท่านั้น

 

คนแรกเลย ขอบคุณมากครับ"คุณChayuttและkindredและทีมแปล"

 

รีบมาขอบคุณก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยกลับมาอ่านต่อ
ต้องออกไปธุระก่อนค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ขอบคุณมากมากนะคะ ที่แปลบทความดีดีมาแบ่งปันเสมอ

 

.. ไม่มีเวลาอ่านยังอุตส่าห์เข้ามาขอบคุณอีก.. ดีมากๆเลย..555+

ขอรายตัวคนที่ 3ครับ..ขอบคุณพี่"ชยุต" และ คุณ"เดรต" มากเลยฮะ
(น่ารักทั้งคู่เลย.. กระทู้ต่างมิติฯ มีแต่แสงสว่างเต็มไปหมด ชอบกระทู้นี้มากครับ)

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 24 กันยายน 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ที่มา:
http://spiritlibrary.com/earth-keeper/earth-keeper-chronicles/the-law-of-attraction-how-when-it-works-why-it-doesnt-part-2

ตอนที่ 5
การยอมรับปัญหาอุปสรรค (Accepting the Challenge)

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ที่ว่าความรู้และความเชื่อทั้งหลายของพวกคุณ
ได้ก่อให้เกิดโลกแห่งความเป็นจริงที่พวกคุณมีประสบการณ์อยู่ในระบบทวิภาวะนี้
แต่ตัวตนด้านที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ ก็คือผู้ที่แต่งเติมและสร้างสรรค์ความท้าทายต่างๆ
ที่พวกคุณจะต้องเผชิญอย่างใคร่ครวญและระมัดระวัง

มันมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อยู่
ไม่ว่าพวกคุณจะเชื่อจริงๆหรือไม่ก็ตาม
แต่พวกคุณก็คือผู้ที่เขียนบททดสอบต่างๆ
สำหรับตัวพวกคุณเอง ขึ้นมาเอง

ดังนั้น แม้ว่า “การคิดในแง่บวก” จะเป็นคลื่นความถี่ที่เป็นกุญแจสำคัญอันหนึ่ง
แต่การคิดในแง่บวก ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้พวกคุณสามารถเข้าถึงบทเรียนชีวิตของพวกคุณเองได้
ไม่ใช่เพื่อไปหลีกเลี่ยงกระบวนการเรียนรู้ซะเอง

พวกคุณไม่สามารถที่จะละเลยหรือขจัดบทเรียนแห่งพัฒนาการต่างๆ
ที่พวกคุณเป็นผู้เขียนสคริปต์ขึ้นมาเอง เพื่อพัฒนาการของตัวคุณเองได้
นั่นก็เพราะว่า สิ่งต่างๆที่พวกคุณได้เลือกไว้แล้วนั้น ส่วนใหญ่แล้ว จะอยู่นอกเหนือความสามารถ
และเกินความสามารถของสมองแห่งอัตตา (ego-brain)
ที่อยู่ในระบบทวิภาวะนี้ ที่จะกำจัด หรือเคลียร์มันออกไปได้

ดังนั้นพวกคุณจะต้องเผชิญหน้ากับพวกมันก่อน

เพราะว่าในความศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณ และจากมุมมองที่สูงกว่าของพวกคุณแล้ว
พวกคุณต้องการเช่นนั้น
พวกคุณได้เขียนบทแห่งความท้าทายเหล่านี้ขึ้นมาเอง

พวกเราขอยืนยันกับพวกคุณว่า มันไม่มีอะไรที่น่ากระตือรือร้น
และควรค่าแก่การกลายมาเป็นความจริง มากเท่ากับความปราถนาที่จะวิวัฒน์,
ความปราถนาที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าของพวกคุณเลย
และนั่นแหละคือภารกิจทั้งหมดในแต่ละภพชาติของพวกคุณอย่างแท้จริง

การทำสมาธิ หรือ การจินตนาการถึงความสำเร็จลุล่วง
ของเป้าหมายที่ต้องการแต่เพียงอย่างเดียว
ยังไม่เป็นการพอเพียง ถ้าพวกคุณยังไม่ได้ทำตามเสียงจากภายใน
ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนที่ผุดขึ้นมาจากการทำสมาธิ
และการจินตนาการของพวกคุณ



“เจตนา”, “การจดจ่อ” และ “สมาธิ” ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม
กับ “การกระทำ” อย่างสมบูรณ์แบบ


และการบรรลุถึง “ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ” (impeccability)
และบรรลุถึง “การรู้แจ้งเห็นจริง” (enlightenment) ได้ในที่สุดนั้น


มันก็ไม่ได้หมายความว่า พวกคุณจะหลุดออกไปอยู่ในสภาวะที่เปี่ยมไปด้วยความปิติสุข
ที่ไร้ความจำได้หมายรู้ (ไร้ซึ่งสัญญา- ผู้แปล) โดยฉับพลันทันทีแต่ประการใดไม่
หรือหลุดออกไปอยู่ในสภาวะนิพพานอันไกลโพ้นใดๆ
ตามที่บางศาสนาได้บอกเป็นนัยๆเอาไว้แต่ประการใดไม่

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 24 กันยายน 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ที่มา:
http://spiritlibrary.com/earth-keeper/earth-keeper-chronicles/the-law-of-attraction-how-when-it-works-why-it-doesnt-part-2

ตอนที่ 6

ท่านคุรุทั้งหลาย พวกเราจะบอกพวกคุณว่า
ตอนนี้พวกคุณก็กำลังอยู่ในส่วนหนึ่งของสภาวะนิพพานอยู่แล้ว
อย่างที่พวกคุณเคยอยู่มาตลอด และก็จะอยู่ตลอดไปนั่นแหละ
เพียงแต่ว่า พวกคุณจะต้องค้นหามัน
จากภายในของพวกคุณเองให้เจอเท่านั้นเอง

อันที่จริงแล้วมันจะมีวัฏจักรแห่งสภาวะอารมณ์ของพวกคุณ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์
มันจะมีบ้างบางเวลาที่พวกคุณจะรู้สึกไม่ยินดียินร้ายกับอะไร หรือรู้สึกหดหู่ซึมเซา
ซึ่งสาเหตุมันก็ไม่ได้มาจากแค่ปัญหาที่พวกคุณกำลังเผชิญหน้าอยู่เท่านั้น
แต่แรงดึงดูดบางอย่างในทางดาราศาสตร์เอง ก็สามารถเป็นสาเหตุของความสิ้นหวังดังกล่าวนี้ได้ด้วย

พวกคุณต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
และพวกคุณก็มีความสามารถที่จะฟันฝ่าพวกมันไปได้ด้วย

ดังนั้นจงรับรู้ไว้ว่า “นิพพาน” (Nirvana)
ในภาษาของพวกคุณ
คือสิ่งที่จะบรรลุได้ด้วยเจตนคติ
ที่จะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ
ไม่ใช่ด้วยการหลีกเลี่ยง ด้วยการละเลย
หรือด้วยการหลบหนี

แต่จะบรรลุได้ด้วยการเผชิญหน้ากับสภาวะของโลกแห่งความเป็นจริงที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

ประสบการณ์บนโลกใบนี้ การจะมีอำนาจเหนือความเป็นทวิภาวะได้เป็นเรื่องที่ยาก
มันคือสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ และเป็นหนึ่งในสัจธรรมอันสูงสุดของทวิภาวะเลยทีเดียว
และก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มักจะถูกเข้าใจผิดกันอยู่เสมอๆด้วย

การศึกษาและเรียนรู้ชีวิตจำเป็นต้องมีการปฏิบัติ
พวกคุณไม่สามารถที่จะแค่ซุกตำราไว้ใต้หมอนแล้วนอนหนุนมันเฉยๆได้
แต่พวกคุณจะต้องอ่านมันด้วย และต้องทำความเข้าใจมันไปทีละหน้า ทีละหน้า ทีละขณะ ทีละขณะ

แล้วจากนั้นพวกคุณถึงจะเข้าใจและยอมรับได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า
ชีวิตของพวกคุณ คือ โครงสร้างของสิ่งที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นอย่างหนึ่ง จากแผนที่พวกคุณได้วางเอาไว้
เพื่อพัฒนาการทางจิตวิญญาณของพวกคุณเอง
ซึ่งนี่แหละคือสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ซะยิ่งกว่าอย่างหนึ่ง

พวกคุณเห็นไหมว่า เมื่อพวกคุณยอมรับสัจจธรรมขั้นสูงนี้ได้แล้ว พวกคุณก็จะมีโอกาสเอาชนะมันได้
สิ่งที่พวกคุณเรียกว่า “พรหมลิขิต หรือ ชะตากรรม” (destiny) นั้น
แท้ที่จริงแล้ว มันก็คือสถานการณ์ต่างๆที่พวกคุณได้วางแผนเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
เพื่อใช้เป็นบทเรียนชีวิตของพวกคุณเองนั่นเอง

และที่รักทั้งหลาย เจ้า “พรหมลิขิต หรือ ชะตากรรม” ตามศัพท์ของพวกคุณ
ที่พวกคุณเขียนกันขึ้นมาเองอันนั้นแหละ ที่จะช่วยให้พวกคุณทั้งได้เผชิญหน้ากับปัญหาอุปสรรคต่างๆ
และได้เนรมิตความปรารถนาของพวกคุณเองให้กลายเป็นจริง
แต่ต้องไม่ใช่เพราะว่าพวกคุณประท้วงในสิ่งที่พวกคุณไม่ชอบนะ

เพราะว่าการที่จะพบแสงสว่างแห่งความปรารถนาของพวกคุณได้
พวกคุณจะต้องจุดเพลิงปรารถนาขึ้นมาเสียก่อน
เพื่อปลดปล่อยมันออกมาจากป้อมปราการที่กักขังมันเอาไว้อย่างแน่นหนา

ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือการยอมรับปัญหาอุปสรรค
ที่จะมาช่วยขัดเกลาตัวเองอันนั้น
ด้วยการใช้ชีวิตของพวกคุณเองให้เป็นแบบอย่างแห่งแสงสว่าง
แทนที่จะไปต่อต้านความมืดมิดที่ยังคงอยู่บนโลก 3d นี้
เพราะว่านั่นก็เท่ากับว่าพวกคุณเลือกที่จะแยกตัวเองให้พ้นขาดจากมัน

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 24 กันยายน 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ที่มา:
http://spiritlibrary.com/earth-keeper/earth-keeper-chronicles/the-law-of-attraction-how-when-it-works-why-it-doesnt-part-2

ตอนที่ 7

การยอมรับ(Acceptance)

ท่านคุรุทั้งหลาย ด้วยการยอมรับว่าพวกคุณมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อมาเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ
พวกคุณจึงจะสามารถสร้างสรรค์พลังงานที่จำเป็น
สำหรับการเผชิญหน้ากับพวกมันได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น
เพราะว่าเมื่อใดที่พวกคุณยอมรับมันได้แล้ว
ความเป็นจริงที่ว่าชีวิตนั้นเป็นทุกข์นั้น ก็จะไม่ทำให้พวกคุณกลัวได้อีกต่อไป
แต่มันจะเป็นแรงจูงใจให้นักรบแห่งจิตวิญญาณเข้าสู่การแก้ปัญหาแทน

ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกคุณ
ที่มีต่อการยอมรับความเป็นเจ้าของของการกระทำของตัวเอง
และต่อการยอมรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง
มันมีต้นตอมาจากความต้องการที่จะหลีกเลี่ยง
ความเจ็บปวดอันเกิดจากผลของการกระทำนั้นๆนั่นเอง

แต่พวกเราจะบอกพวกคุณว่า...
การแก้ปัญหาโดยการเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ
และสมบูรณ์แบบไร้ที่ติต่างหากหละ ที่จะช่วยให้
และเกื้อกูลให้ชีวิตของพวกคุณ
เจริญเติบโตขึ้นได้อย่างมีความหมายที่แท้จริง


การเผชิญหน้ากับปัญหาคือที่สุดของความโชคดีโดยบังเอิญ
เพราะว่ามันคือตัวแบ่งแยกระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลว
หรือถ้าจะกล่าวให้ดีกว่านี้ก็คือ แบ่งแยกระหว่างการเจริญเติบโตและการซบเซาลง
เพราะว่าปัญหาทั้งหลายเหล่านี้ จะบีบให้พวกคุณต้องใช้ความพยายามจนถึงที่สุดเพื่อแก้ไขพวกมัน
และจะไปเสริมสร้างความกล้าหาญและภูมิปัญญาภายใน
ให้กับเหล่าผู้แสวงหาหนทางอันสมบูรณ์แบบไร้ที่ติมันเป็นไปโดยไม่มีเงื่อนไข

เพราะว่าสถานการณ์แห่งความยากลำบากและปัญหาอุปสรรคที่ตึงเครียดทั้งหลายนั่นแหละ
ที่จะทำให้พวกคุณมีการพัฒนาทางด้านจิตใจและด้านจิตวิญญาณสูงขึ้น
เพราะว่ามันต้องอาศัยความเจ็บปวดที่เกิดจากการที่ต้องเผชิญหน้า
และที่ต้องแก้ไขปัญหาชีวิต และ “โจทย์” ทั้งหลาย
ถึงจะทำให้พวกคุณได้เรียนรู้ถึงความหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าของ
“วิทยาศาสตร์แห่งความรัก” ได้




ดวงใจที่รักทั้งหลาย
ความเป็นจริงที่ตรงไปตรงมานั่นก็คือ
ความสำเร็จครั้งที่เจ็บปวดที่สุดของพวกคุณบางส่วน
และอันที่จริงแล้วมันก็คือพัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด
ของพวกคุณนั่นเอง ที่จะสามารถเกิดขึ้นได้
ก็ต่อเมื่อพวกคุณตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยุ่งยากเท่านั้น

พวกคุณจะมีความพยายามมากที่สุด และยอมเปิดเผยความสามารถออกมาให้เห็นมากที่สุด
ก็ต่อเมื่อพวกคุณกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ “ไม่สะดวกสบาย” เท่านั้น
เช่น ในช่วงเวลาที่กำลังรู้สึกงุนงง, ช่วงเวลาที่ไม่น่าพึงพอใจ
หรือแม้แต่ในช่วงเวลาที่กำลังเจ็บปวดรวดร้าว และสิ้นหวังด้วย

เพราะในช่วงดังกล่าวนั้น ความไม่สะดวกสบายของพวกคุณจะผลักดัน
และกระตุ้นให้พวกคุณหลุดออกมาจากที่คุมขังอันจำกัด
และดิ้นรนแสวงหาวิถีชีวิตที่ดีกว่า ที่น่าพึงพอใจมากกว่า
และที่เป็นด้านจิตวิญญาณมากกว่าได้

 

ถ้าอยู่ป่าก็ไม่เห็นผิด พระพุทธเจ้าท่านยังทำเลย ช่วงที่เกิดความวุ่นวายในคณะคณะสงฆ์
แต่ถ้าใครเก่งกว่าพระพุทธเจ้าก็ดีใจด้วยครับ

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 24 กันยายน 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ที่มา:
http://spiritlibrary.com/earth-keeper/earth-keeper-chronicles/the-law-of-attraction-how-when-it-works-why-it-doesnt-part-2

ตอนที่ 8

ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ คือสภาวะแห่งคุณงามความดี
(Impeccability - The State of Grace)

แล้วความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติคืออะไรล่ะ ?
เมื่อพวกเราให้นิยามของคำว่า “ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ” (impeccability) ว่า..
มันก็คือง่ายๆแค่ “พยายามทำให้ดีที่สุดอยู่เสมอ” นั้น
พวกเราไม่ได้กำลังจะไปลดคุณค่าของความหมายของคำๆนี้ลงเลยแม้แต่น้อย

เพราะว่าการที่จะตั้งมั่นอยู่ในความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติให้ได้ตลอดนั้น
ยิ่งขอบเขตของสติปัญญา และความตระหนักรู้ของพวกคุณขยายออกไปมากขึ้นเท่าไหร่
พวกคุณก็จะต้องยิ่งใช้ความพยายามมากขึ้นไปด้วยเท่านั้น
เพราะว่ายิ่งความตระหนักรู้ของพวกคุณมีมากขึ้นเท่าไหร่
พวกคุณก็จะยิ่ง “รู้” มากขึ้นเท่านั้นด้วย

และยิ่งพวกคุณรู้มากขึ้นเท่าไหร่
พวกคุณก็จะยิ่งมีความรับผิดชอบต่อชีวิตมากขึ้นเท่านั้นด้วยเช่นเดียวกัน

พวกคุณกำลังอยู่ในกระบวนการพัฒนาระดับความสั่นสะเทือนของการตระหนักรู้ของตัวเองอยู่
เพื่อให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของพวกคุณเองอย่างมีสติสัมปชัญญะ

พวกคุณกำลังจะกลายเป็นสิ่งที่จิตวิญญาณของพวกคุณเป็น
พวกคุณกำลังจะค้นพบบุคลิกลักษณะที่ยิ่งใหญ่กว่าของตนเอง

ที่รักทั้งหลาย ที่พวกคุณมีพัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณได้
นั่นก็เพราะว่าพวกคุณได้เริ่มต้นแสวงหาความเจริญก้าวหน้าแล้ว
และเพราะว่าพวกคุณกำลังลงมือกระทำอยู่
และกำลังฝึกฝนปฏิบัติเพื่อให้บรรลุถึงความสำเร็จนั้นอยู่นั่นเอง

ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ เกี่ยวข้องกับการขยายตัวของความเป็นตัวตนของพวกคุณเอง
ให้เข้าไปสู่วิวัฒนาการอย่างสุขุมรอบคอบ

ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
จะทำให้พวกคุณ
อยู่ในสภาวะแห่งคุณงามความดี

แต่อย่างไรก็ตาม การมีความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
ก็ไม่อาจอนุมานได้ว่า
พวกคุณได้บรรลุการรู้แจ้งแล้ว
หรือได้เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่พวกคุณจำเป็นจะต้องเรียนรู้จนหมดสิ้นแล้ว

แต่มันหมายความว่า
พวกคุณได้อยู่บนทางสายเอกเส้นนั้นแล้ว
ซึ่งเป็นเส้นทางที่ถูกต้องที่จะนำพวกคุณ
ไปสู่การรู้แจ้งได้ต่างหากหละ

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 24 กันยายน 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ที่มา:
http://spiritlibrary.com/earth-keeper/earth-keeper-chronicles/the-law-of-attraction-how-when-it-works-why-it-doesnt-part-2

ตอนที่ 9

ดังนั้น พวกเราจึงจะขอให้คำจำกัดความของคำว่า
“ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ” ไว้ในสองระดับชั้น หรือ สองระยะ ดังนี้ :

1). ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติแบบมีเงื่อนไข
(Conditional Impeccability) :

ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติในระดับนี้ คือความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
สำหรับรูปธรรมชีวิตที่ยังมีพัฒนาการไม่สูงมากนัก แต่ก็กำลังฝึกฝนปฏิบัติเพื่อการรู้แจ้งอยู่
กำลังทำดีที่สุดอยู่ กำลังใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ เพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่
แม้ว่าอาจจะยังมีความไม่รู้ และการเข้าใจผิดเพราะความไร้เดียงสาอยู่บ้างก็ตาม

ซึ่งพวกเราหมายความว่า นั่นก็เพราะว่าพวกคุณเชื่อจริงๆจังๆว่าสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่นั้น
มันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความจริงอันสิ้นสุด หรือความจริงที่สมบูรณ์แบบก็ตาม

พวกคุณทุกคนต้องผ่านระยะนี้ด้วยกันทั้งนั้น
ซึ่งในระยะนี้ ถ้าพวกคุณทำอะไรผิดพลาดไป มันก็คือความผิดพลาดแบบซื่อๆ
เพราะว่าพวกคุณเชื่อจริงๆว่าพวกคุณกำลังทำในสิ่งที่พวกคุณรู้สึกว่ามันถูกต้องอยู่

2) ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติแบบผู้รู้ผู้ตื่น
(Mastery Impeccability) :

ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติในระยะนี้ เป็นของจิตวิญญาณที่กำลังมีประสบการณ์ในร่างมนุษย์ ที่เป็นผู้รู้ผู้ตื่นแล้ว
เป็นผู้ที่มีพัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณสูงมากแล้ว และเป็นผู้ที่ยึดมั่นในสัจจะของตนเอง

พวกเขาจะไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นภายใน
ระหว่างสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นหนทางที่ถูกต้อง กับสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่

ทั้งสองระยะนี้จะไปกระตุ้นให้เกิดสิ่งที่พวกคุณอาจเรียกว่า “สภาวะแห่งกุศลผลบุญที่ถูกเร่ง” ขึ้น
กุศลผลบุญเป็นความช่วยเหลือจากความศักดิ์สิทธิ์ของตัวคุณเอง
เพื่อช่วยให้สถานการณ์ต่างๆเกิดผลสำเร็จขึ้น
เมื่อผู้นั้นกำลังพยายามทำอย่างสุดความสามารถของเขาอยู่

มันอาจถูกเข้าใจว่าเป็นความช่วยเหลือจาก “เทพผู้พิทักษ์” (Guardian Angel) ก็ได้
เพราะว่าในหลายๆกรณี มันก็คือความช่วยเหลือจากเทพผู้พิทักษ์จริงๆนั่นแหละ
เพราะว่าความศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณเอง จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในลักษณะของโชคช่วย
ในสถานการณ์ที่กำลังย่ำแย่ได้อย่างทันท่วงที

ถ้าพวกเราจะให้คำจำกัดความ
ของคำที่ศาสนาของพวกคุณเรียกกันว่า “บาป” ใหม่นั้น
มันก็จะไม่ได้หมายถึงเรื่องที่ขึ้นอยู่กับศีล
หรือข้อบัญญัติทางศาสนา(commandments) แต่อย่างใด

แต่มันจะหมายถึง
"การไม่นำความรู้มาใช้
ให้เป็นประโยชน์" มากกว่า

ซึ่งก็หมายถึงการกระทำใดๆที่พวกคุณก็ “รู้” ว่ามันไม่ถูกต้อง
หรือการกระทำใดๆที่ขัดแย้งกับความเชื่อสูงสุดของตัวคุณเอง

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 24 กันยายน 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ที่มา:
http://spiritlibrary.com/earth-keeper/earth-keeper-chronicles/the-law-of-attraction-how-when-it-works-why-it-doesnt-part-2

ตอนที่ 10

ภูมิปัญญาสถิตย์อยู่ภายใน (Wisdom Is Within)




พวกคุณทุกคนอยากมีภูมิปัญญาที่มากขึ้นกว่าที่มีอยู่เดิม จงค้นหาแล้วพวกคุณจะพบมัน
คุรุทั้งหลายแล้วพวกคุณจะพบว่ามัน 'ถูกซ่อนไว้' ข้างในตัวของพวกคุณเองนั่นแหล่ะ
และมันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก ที่มันมักจะเป็นที่สุดท้ายที่พวกคุณจะมองหามัน
มันต้องอาศัยการฝึกฝนและปฏิบัติ

พวกคุณรู้ไหมว่า การเชื่อมโยงอันศักดิ์สิทธิ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์นั้น
อยู่ภายในสิ่งที่นักวิชาการของพวกคุณเรียกกันว่า “จิตใต้สำนึก” นั่นแหละ

แม้แต่คัมภีร์ทางศาสนาของพวกคุณเอง ก็ยังบอกเลยว่าพระเจ้าอยู่ภายในตัวของพวกคุณ
และยังบอกอีกว่าพวกคุณคือประกายแห่งพระเจ้า

จิตใต้สำนึกหรือสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า
“สมองส่วนหลัง” (back brain) นั้น
คือส่วนที่เป็นพระเจ้าของพวกคุณเอง

มันคือส่วนที่ยิ่งใหญ่กว่าของพวกคุณเอง (your greater self)
ที่บรรจุความรู้แห่ง “สรรพสิ่งทั้งปวง” (All That Is) เอาไว้
และมันคือส่วนที่เก็บบันทึกแห่งฟ้า (Akashic Records)
ซึ่งเป็นความทรงจำทั้งหมดของจิตวิญญาณของพวกคุณเอาไว้

เพราะว่าจิตใต้สำนึก ก็คือจิตใจแห่งพระเจ้าที่อยู่ภายในตัวของพวกคุณ
ดังนั้นการที่จะบรรลุเป้าหมายของการเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณได้
จึงจะต้องเข้าไปยัง “สวนแห่งภูมิปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์” (Sacred Garden of Wisdom) นี้

และการที่จะเข้าไปในสวนแห่งภูมิปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์นี้ได้
ก็ต้องทำให้จิตใจแห่งอัตตา (ego mind) เงียบสงบลงซะก่อน
ดังนั้นวิธีการทำสมาธิจึงถูกใช้เป็นประตูทางเข้าเสมอมา

การทำสมาธิคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้
“เสียงบรรยายแห่งอัตตาตัวตน” เงียบสงบลง
และจะทำให้พวกคุณสามารถได้ยิน
“เสียงจากจิตวิญญาณอันศักดิ์ศิทธิ์” (Voice of the Divine Soul) ได้

พวกเราจะพูดอีกครั้งว่า มันจำเป็นต้องมีความเพียรพยายาม และมันก็ไม่มีทางลัดใดๆทั้งสิ้น

การบรรลุถึงความเป็นพระเจ้า (God-ness) ให้ได้อีกครั้งหนึ่ง
คือเป้าหมายของพวกคุณทุกคน ในการดำรงอยู่บนระนาบแห่งความเป็นขั้วนี้
พวกคุณเกิดมาเพื่อที่จะเป็นสิ่งที่พวกคุณน่าจะเป็น
นั่นก็คือ เป็นผู้ที่มีการตระหนักรู้คนหนึ่ง
เป็นภาคหนึ่งของพระเจ้าในมิติทางกายภาพ
เป็นภาคหนึ่งของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในความเป็นอยู่มีอยู่ (Being-ness)

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 24 กันยายน 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ที่มา:
http://spiritlibrary.com/earth-keeper/earth-keeper-chronicles/the-law-of-attraction-how-when-it-works-why-it-doesnt-part-2

ตอนที่ 11

ความท้าทายอันนั้น (การบรรลุถึงความเป็นพระเจ้าให้ได้อีกครั้งหนึ่ง – ผู้แปล)
คือ การสำรวจของจิตวิญญาณของพวกคุณ คือเป้าหมายที่แท้จริงของพวกคุณ
และในการเดินทางผ่านชาติภพต่างๆ บนโลกทางกายภาพนี้ เวลาก็จะเดินไปเรื่อยๆไม่หยุดนิ่ง

การบรรลุถึงสภาวะแห่งความเป็นพระเจ้า
ในมิติทางกายภาพนี้
จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อถึงเวลาอันสมควรแล้วเท่านั้น
โดยอาศัยการผสมผสานกันระหว่างความปรารถนาอันบริสุทธิ์
ที่ถูกปลุกเร้าขึ้นในมิติทางกายภาพ กับภูมิปัญญาของมิติที่ไม่ใช่มิติทางกายภาพ
แต่มันก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในความเป็นขั้วนี้

การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์และพลังงานต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
ในช่วงเวลาแห่งการกระตุ้นนี้ สามารถที่จะเหวี่ยงพวกคุณ
ให้หลุดจากจุดศูนย์กลางได้ง่ายๆเลยทีเดียว

พวกคุณจึงมักจะกำหนดเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเองได้อย่างยากลำบาก
รวมถึงความเข้าใจ และสิ่งที่จะช่วยทำให้พวกคุณมั่นคงอยู่ได้
ก็อยู่เคียงข้างกัน ระหว่างมายาการและโลกแห่งความเป็นจริงที่พวกคุณรับรู้อยู่

พวกคุณอาจรู้สึกว่าพวกคุณกำลังมีชีวิตอยู่ในความหลอกลวง
และไม่มีอะไรเลยที่เป็นอย่างที่มันดูเหมือนว่าจะเป็นจริงๆ
ในขั้นตอนนี้ พวกคุณอาจจะรู้สึกสับสนและชะล่าใจได้




พวกคุณอาจจะหลงลืมกาลเวลาได้ที่รักทั้งหลาย
ชีวิตของพวกคุณ ทุกชั่วขณะ
ของชีวิตทางกายภาพของพวกคุณล้วนมีคุณค่าทั้งสิ้น
และมีคุณค่ามากกว่าที่พวกคุณส่วนใหญ่
จะรู้จักใช้ประโยชน์จากมันซะอีก
เวลาเป็นสิ่งมีค่า และมันก็มีขอบเขต
อยู่ในโลกแห่งความเป็นทวิภาวะของพวกคุณเท่านั้น




พวกคุณแต่ละคนที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่ สักวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า
ก็จะต้องเปลี่ยนรูปแบบ และจากโลกทางกายภาพนี้ไป
ซึ่งในศัพท์ของพวกคุณ พวกคุณเรียกกันว่าการตายนั่นเอง

พวกคุณจะต้องตาย เพราะว่ามันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของโลกทางกายภาพ
อย่างที่พวกคุณก็รู้กันดีอยู่แล้ว
แต่ว่าพวกคุณหลายๆคนก็ยังทำตัวราวกับว่า จะมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์อย่างนั้นแหละ

จริงอยู่ที่จิตวิญญาณเป็นสิ่งที่จะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์
แต่ว่าในแต่ละภพชาติ
หรือในแต่ละภาคของความเป็นตัวตนของพวกคุณ
พวกคุณก็จะไม่ได้เป็นคนๆเดิมอีกแล้ว
ไม่ได้มีบุคลิกภาพแบบเดิมอีกแล้ว
หรือไม่ได้มีรูปลักษณ์อย่างที่พวกคุณ
กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้อีกแล้ว

ที่รักทั้งหลาย พวกคุณมาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อที่จะมาเรียนรู้ความเป็นภาคหนึ่งของพระเจ้าของตัวเอง
ที่อยู่ในความเป็นทวิภาวะนี้ และแน่นอนว่าความเป็นทวิภาวะก็คือของขวัญอย่างหนึ่งด้วย
ชีวิตคือของขวัญ พวกคุณมาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาเรียนรู้ว่า
จะสามารถทำหน้าที่เป็นผู้สร้างร่วม (co-create) ได้อย่างไร
เพราะว่าแท้ที่จริงแล้ว พวกคุณก็คือผู้สร้างร่วมของจักรวาล และของเอกภพนั่นเอง
พวกคุณมาที่นี่เพื่อมาบรรลุความเป็นผู้รู้ผู้ตื่น (Mastery)
ซึ่งก็มีพวกคุณหลายคน ที่ก็ใกล้มากแล้ว ใกล้จะบรรลุมากแล้ว

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 24 กันยายน 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ที่มา:


http://spiritlibrary.com/earth-
keeper/earth-keeper-chronicles/the-law-of-attraction-how-
when-it-works-
why-it-doesnt-part-2

ตอนที่ 12


จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด
(Seize the Day)


ท่านคุรุทั้งหลาย พวกคุณจะ
ยังไม่สามารถ
อยู่ในสถานะของผู้มีคุณงามความดีที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติได้

จนกว่าพวกคุณจะเห็นคุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริงซะก่อน

และด้วยเหตุนี้ พวกคุณจึงจะยังไม่ถูกกระตุ้นให้เห็นคุณค่าของเวลาของตัวเอง
และใช้มันอย่างเหมาะสมที่สุดอย่างแท้จริงได้

เพราะว่าถ้าหากพวกคุณยังไม่รู้จักเห็นคุณค่าของเวลาที่ชีวิต
ให้มาแล้ว
พวกคุณก็จะยังไม่สามารถใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อทำให้ดีที่สุดได้

"Carpe Diem"(เป็นภาษาละตินเป็นวลีหนึ่งจากบทกวีของ Horace
นักกวีชาวโรมยุค 65 ปีก่อนคริสตกาล – ผู้แปล)
ซึ่งแปลว่า “Size the day "(ทำวันนี้ให้ดีที่สุด) และมันก็เป็นคำพูดที่เหมาะสมดี

พวกคุณต้องไขว่คว้าทุกช่วงขณะเอาไว้ ! แต่ก็ยังมีพวกคุณเป็นจำนวนมาก
ที่แม้ว่าจะมีเจตนาดีก็ตาม แต่ก็ปล่อยให้ตัวเองถูกกล่อมให้หลับไหล
จมอยู่แต่ในความพึงพอใจของระยะใดระยะหนึ่ง
หรือในสภาวะใดสภาวะหนึ่งของเส้นทางชีวิต ที่พวกคุณได้เลือกมาแล้ว

พวกคุณหลายคนก็สูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ หรือใช้เวลาไม่คุ้มค่า
และสิ้นเปลืองภพชาติ ภพชาติแล้วภพชาติเล่า ไปโดยเปล่าประโยชน์

สิ่งที่พวกคุณไม่ยอมเผชิญหน้า
สิ่งที่พวกคุณไม่ยอมแก้ไขในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
หรือในภพชาติใดภพชาติหนึ่งนั้น
มันก็จะผุดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
แล้วพวกคุณก็จะต้องเจอกับมันซ้ำแล้วซ้ำอีก
จนกว่าพวกคุณจะแก้ไขมันได้สำเร็จ
และนั่นก็คือสัจธรรมอันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งเลยทีเดียวท่านคุรุทั้งหลาย

การรู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ในโลกแห่งทวิภาวะนี้ เป็นสิ่งสำคัญมาก
และนั่นแหละคือภาระหน้าที่อันซับซ้อนอย่างหนึ่ง เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หากพวกคุณจะแสวงหาความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
และมันก็มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องรักตนเองด้วย
เพราะว่าตราบใดที่พวกคุณยังมองไม่เห็นคุณค่าของตนเองได้อย่างแท้จริงแล้ว
พวกคุณก็จะยังมองไม่เห็นคุณค่าของชีวิตและคุณค่าของเวลาของตัวเองได้อย่างแท้จริงด้วย

และจนกว่าพวกคุณจะมองเห็นคุณค่าของเวลาของตนเองได้จริงๆแล้วโน่นแหละ
พวกคุณถึงจะไม่ถูกเคี่ยวเข็ญให้ใช้มันไปให้มากที่สุดได้มันเป็นธรรมชาติ

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 24 กันยายน 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ที่มา:
http://spiritlibrary.com/earth-keeper/earth-keeper-chronicles/the-law-of-attraction-how-when-it-works-why-it-doesnt-part-2

ตอนที่ 13

การฝึกฝนคือเครื่องมือพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาชีวิต
หากปราศจากการฝึกฝนแล้ว มันก็ยากที่พวกคุณจะมีแรงผลักดัน
ที่จำเป็นต่อการหันมาใส่ใจเพื่อลงมือแก้ไขปัญหาของตัวเอง

หรือพูดง่ายๆว่า พวกคุณอาจจะกลายเป็นคนที่เฉยชา
...ไม่มีความกระตือรือร้น ชะล่าใจ หรือ เกียจคร้านไปเลยก็ได้

บน “บันไดของการเลื่อนระดับขึ้น” (Ladder of Ascension) นี้
พวกคุณอาจจะไต่ขึ้นไปก็ได้ หยุดอยู่กับที่ก็ได้ หรือจะไต่ลงมาก็ได้ด้วย

โลกทางกายภาพในมิติที่ 3 นี้ มันมีกฎอยู่ว่า พลังงานที่อยู่ในระดับสูงๆ
จะลดระดับลงมาตามธรรมชาติ เมื่อมันอยู่ในสภาวะที่ไม่มีการเคลื่อนไหว
และในระนาบทางกายภาพนี้ ตามกฎธรรมชาติแล้ว การอยู่ในสภาวะนิ่งๆสบายๆ
จึงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าการเคลื่อนที่ขึ้นไปด้านบน มันเป็นเหตุและผลที่ชัดเจน

“กฎแห่งความรัก” (Law of Love) คือกฎที่คอยผลักดัน
ให้ทุกจิตวิญญาณก้าวไปสู่การมี<WBR>จิตสำนึกที่สูงกว่า
และมันก็จำเป็นจะต้องอาศั<WBR>ยความไม่หยุดนิ่ง (dynamics) ...
ซึ่งนั่นก็คือ...การลงมือทำ!

ความเกียจคร้าน แท้ที่จริงแล้ว
ก็คืออุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่ง
ของพวกคุณนั่นเอง

เพราะว่าการลงมือทำหมายถึง
การว่ายทวนกระแสน้ำ
จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด!

 

ข้อความสื่อสารจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)
เรื่อง: กฎแห่งการดึงดูด ทำไม และ เมื่อไหร่มันถึงจะใช้ได้ผล หรือใช้ไม่ได้ผล

วันที่ 24 กันยายน 2011
ผู้รับการสื่อสาร Tyberonn
ที่มา:
http://spiritlibrary.com/earth-keeper/earth-keeper-chronicles/the-law-of-attraction-how-when-it-works-why-it-doesnt-part-2

ตอนที่ 14

ความเป็นระเบียบอย่างสมบูรณ์แบบ
(Perfect Order)




พวกคุณบางคนพูดและรู้สึกว่า "ทุกๆสิ่งมันเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นแล้ว
ทุกๆอย่างมันเป็นระเบียบอย่างสมบูรณ์แบบดีอยู่แล้ว "
แต่ว่า..ท่านคุรุทั้งหลาย..ตรงนั้นมันยังมีข้อขัดแย้งอยู่นะ
ซึ่งก็เหมือนกับหน้าไพ่ที่ไม่ว่าพวกคุณจะมองจากด้านบนหรือด้านล่างของมัน
มันก็จะมีด้านที่กลับหัวอยู่เสมอนั่นแหละ พวกคุณเข้าใจหรือไม่?

คือจากมุมมองของมิติที่สูงกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นระเบียบอย่างสมบูรณ์แบบดีอยู่แล้ว
แต่จากมุมมองของมนุษย์โลกที่อยู่ในทวิภาวะนี้ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย!

เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้นได้ มันก็ไม่ต้องมีบทเรียนอะไรแล้วหนะสิ
มันก็ไม่ต้องมีสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “การเวียนว่ายตายเกิด” แล้วหนะสิ
มนุษย์แต่ละคน จะต้องมองไปรอบๆตัวและรู้ว่าสภาพความทุกข์ของมนุษย์ที่เป็นอยู่บนโลกใบนี้
มันช่างห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติเสียจริงๆ

แน่นอนว่ามันจะไม่เป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น จนกว่าพวกคุณจะทำให้มันเป็นซะก่อน!

พลังงานที่ยังไม่ได้สะสางทั้งหมด
จะต้องถูกเปลี่ยนสภาพไปให้หมดซะก่อน
ก่อนที่พวกคุณจะก้าวเข้าไปสู่ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติได้
และจนกว่าพวกมันจะถูกเผชิญหน้า มันก็จะโผล่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่า
จนกว่าพวกคุณจะเผชิญหน้ากับมัน
และทำให้มันสูญสลายหายไป!

พวกเรากล่าวถึงเรื่องนี้อย่างไม่มีการตัดสินชี้ถูกผิดใดๆ พวกเราแค่ชี้ทางให้พวกคุณ
เพื่อช่วยเหลือพวกคุณเท่านั้น เพราะว่าสักวันหนึ่งปัญหาทุกๆอย่างก็จะต้องถูกเผชิญหน้าอยู่แล้ว
ยิ่งพวกคุณก้าวหน้าขึ้นไปมากเท่าไหร่ พวกคุณก็จะยิ่งเก็บกวาดเศษเล็กเศษน้อยชิ้นสุดท้าย
ที่ยังหลงเหลืออยู่ ของปัญหาที่ยังไม่ได้ถูกสะสาง ได้ยากมากขึ้นเท่านั้นด้วย

เพราะพวกมันมักจะถูกซ่อนเร้นไว้อย่างมิดชิดเสมอๆ

ซึ่งพลังงานที่ยังไม่ได้รับการสะสาง
หรือ ปัญหาสุดท้ายเหล่านี้
ก็จะกลายเป็นสิ่งที่มีขั้ว และถูกขับไล่ออกไป
จากขอบเขตความนึกคิดของพวกคุณ
แล้วมันก็จะถูกลืมและตกค้างอยู่ต่อไปอีกหลายภพชาติ


ดวงใจอันเป็นที่รักทั้งหลาย จงใช้เวลาเพื่อทบทวนตนเองแบบหลากมิติ
อันเป็นคุณลักษณะแห่ง Mer-Ka-Na เถิด
(Mer-Ka-Na เป็นอะไรที่เกี่ยวกับจิต หรือจิตใต้สำนึกอะไรทำนองนั้นหนะนะครับ – ผู้แปล)
โปรดมุ่งมั่นค้นหาว่ายังมีสิ่งใดเหลืออยู่ ให้ต้องชำระสะสางอีกหรือไม่เถิด