ถ้ำน้ำแข็ง"แก้วโกมล"(เริ่ม)มัวหม่นเพราะใคร???

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 11 มกราคม 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"><tbody><tr><td align="center" valign="top" width="350">[​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เพราะสวยงามปานถ้ำนำแข็ง พอททท.จึงโปรโมทให้เป็นอันซีนไทยแลนด์(ภาพ : ททท.)</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> หลังเปิดตัวมาด้วยโฆษณาอันซีนภาคสอง(ชุดเด็กเลี้ยงแกะ)เมื่อ 2 ปีที่แล้ว "ถ้ำแก้วโกมล" แห่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ก็กลายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวขึ้นมาในทันที เพราะถ้ำแห่งนี้มีความโดดเด่นตรงที่เป็นถ้ำผลึกแคลไซต์ 1 ใน 3 ของโลก(อีก 2 แห่ง พบที่จีนและออสเตรเลีย) ที่ภายในมีลักษณะคล้ายถ้ำน้ำแข็งซึ่งดูแล้ววิจิตรพิสดารราวกับเทพนิยาย

    ถ้ำแก้วโกมล เดิมเรียก"ถ้ำผลึกแคลไซต์แม่ลาน้อย" ตั้งอยู่บริเวณเขาดอยถ้ำ หมู่ ที่14 บ้านห้วยมะไฟ ตำบลแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นเขตประทานบัตรเหมืองแร่ฟลูออไรต์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด พี . วี. ซัพ พลายส์ (ไทยแลนด์)

    ถ้ำแก้วโกมลถูกค้นพบโดยวิศวกรเหมืองแร่ประจำสำนักงานทรัพยากรธรณีของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2536 จากนั้นความงดงามของถ้ำแห่งนี้ก็ได้ถูกเปิดเผยขึ้น ด้วยสภาพภายในถ้ำที่เต็มไปด้วยผลึกแร่แคลไซต์มากมายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณผนัง พื้น และเพดาน ของถ้ำ ที่ดูประหนึ่งถ้ำน้ำแข็ง

    ในปี พ.ศ. 2538 กรมทรัพยากรธรณี ได้ทำการพัฒนาด้านความสะดวกและความปลอดภัยในการเข้าชมถ้ำ พร้อมกับดำเนินการกันเขตพื้นที่รอบถ้ำในรัศมี200เมตร ครอบคลุมเนื้อที่ 51 ไร่ ให้ออกจากพื้นที่ประทานบัตร และตั้งเป็น"วนอุทยานถ้ำแม่ลาน้อย"

    ในปี พ.ศ. 2544 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรถ้ำแห่งนี้ พร้อมๆกับได้พระราชทานนาม"แก้วโกมล"ให้ นอกจากนี้พระองค์ท่านยังได้พระราชทานนามห้องต่างๆ ใน ถ้ำแก้วโกมลซึ่งมีอยู่ภายในถ้ำ จำนวน 5 ห้องให้อีกด้วย

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ถ้ำแก้วโกมลโด่งดังอย่างรวดเร็วหลังททท.โปรโมทเป็ฯอันซีนไทยแลนด์(ภาพ : ททท.)</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> พระทัยธาร มีที่มาจากการที่น้ำในถ้ำ ละลายหินปูนไหลเหมือนเป็นธารน้ำตก

    วิมานเมฆ ตั้งตามลักษณะของแร่ที่อยู่ตามเพดาน ซึ่งดูคล้ายปุยเมฆ

    เฉกหิมพานต์ เกิดจากจินตนาการของพระองค์ท่านที่มองแล้วเหมือนอยู่ในป่าหิมพานต์ตามวรรณคดี

    ม่านผาแก้ว งดงามไปด้วยเนื่องจากผลึกแก้วใสขาวเกาะอยู่ราวกับม่านเต็มถ้ำ

    และส่วนชั้นในสุดคือชั้นที่เป็นอันซีนไทยแลนด์ มีชื่อว่า เพริศแพร้ว มณีบุปผา ซึ่งโดดเด่นไปด้วยผลึกแร่มีความละเอียดเป็นรูปเข็มคล้ายเกล็ดน้ำแข็ง เปราะบาง แตกหักง่าย จัดเป็นผลึกที่ สวยงามและเด่นที่สุดของถ้ำ

    ช่วงแรกๆหลังถ้ำแก้วโกมลเปิดใหม่ๆ ถือเป็นถ้ำที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนกันน้อยมาก และเป็นนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม

    แต่เมื่อถ้ำแก้วโกมลถูกโปรโมทโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ให้เป็นอันซีนไทยแลนด์(2)ชื่อของถ้ำแก้วโกมลก็โด่งดังเป็นพลุขึ้นมาทันที เพราะจุดขายที่ชูถ้ำแห่งนี้เป็น"ถ้ำน้ำแข็ง"อันงดงามวิจิตรนั้นมันช่างเย้ายวนใจนักท่องเที่ยวหลายๆคนเสียเหลือเกิน

    ในขณะที่ความเป็นจริง ภายในถ้ำแก้วโกมลมีอากาศร้อนเหมือนอยู่ในห้องอบซาวน่า แถมมีออกซิเจนน้อยอีกต่างหาก

    อานิสงส์นี้ส่งผลต่อบ้านห้วยมะไฟ ที่แต่เดิมเป็นหมู่บ้านเล็กๆ นานๆจะมีโอกาสพบปะกับคนต่างถิ่นสักครั้ง มาวันนี้บ้านห้วยมะไฟกลายเป็นหมู่บ้านที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนและยวดยานมากมาย

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">การเที่ยวไม่ถูกวิธี ไม่ปฏิบัติตามกฎ และปริมาณนักท่องเที่ยวที่มากเกินรับได้ ทำให้ถ้ำแก้วโกมลหมองหม่นลงเรื่อยๆ </td></tr> </tbody></table></td> <td width="5">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ในขณะที่นักท่องเที่ยวนับวันมีแต่จะเพิ่มปริมาณมากขึ้น แต่ถ้ำแก้วโกมลกลับรองรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนน้อยนิด เพราะถ้ำนั้นคับแคบและมีอากาศน้อย ด้วยเหตุนี้ทางเจ้าหน้าที่นำชมถ้ำจึงต้องจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ให้เข้าเที่ยวถ้ำๆเป็นรอบๆ ประมาณรอบละ 15 – 20 คน เพื่อป้องกันการแย่งอากาศหายใจ และที่สำคัญคือป้องกันมิให้เบียดเสียดกันจนเผลอไปแตะต้องแร่ ผลึก ภายในถ้ำจนเสียหาย หมองคล้ำ หมดประกายแวววาว

    ประยูร ทองศิริกุล หัวหน้าวนอุทยานแก้วโกมล กล่าวถึง เรื่องนี้ว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา เราต้องรอบรับนักท่องเที่ยวเฉลี่ยวัน ละ1,000คน ทั้งที่ภายในหนึ่งวัน เราสามารถพานักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม ได้สูง สุดเพียง800คนเท่านั้น

    "ในฤดูท่องเที่ยวเราห้ามนักท่องเที่ยวไม่ได้ บางกลุ่มมาเป็นคณะใหญ่ เราก็เข้าใจว่าไม่อยากแยกจากกัน แต่ด้วยพื้นที่มันจำกัดจริงๆ ถ้ำคับแคบ อากาศน้อย เมื่อเข้าไปมากก็แย่งกันหายใจ ทุกวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เพียงแต่ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยว บอกอยู่ตลอดว่ากฎของที่นี่เป็นยังไง เข้าไปอย่าสัมผัสผลึกในถ้ำนะ เดี๋ยวมันจะหยุดเจริญเติบโต หมดความแวววาว แล้วจะไม่มีถ้ำที่งดงามแบบนี้ให้ชมอีก นอกจากนี้เรายังมีคู่มือแจก เพราะอยากให้ทุกคนที่มาได้ความรู้กลับไปด้วย

    "เราอยากให้นักท่องเที่ยวที่มาได้เข้าชมกันหมดทุกคน แต่มันยากตรงที่ว่าเวลามากันเยอะๆ เจ้าหน้าที่มีอยู่ 5 คน อาสาสมัครอีก 15 คน รองรับนักท่องเที่ยวทั่วทุกสารทิศ ย่อมเป็นไปไม่ได้ อีกอย่างเราต้องทำหน้าที่ดูแลรักษาถ้ำไปพร้อมๆ กัน ด้วย ความเสียหายที่อาจเกิดจากการสัมผัส ของนักท่องเที่ยว ถ้าไปโดนเข้าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ความใสวาวของหินตรงจุดนั้นย่อมหมองไป ยากจะเรียกคืน"

    ประยูรยังกล่าวต่อไปอีกว่า เรื่อง ความงดงามของถ้ำแก้วโกมลนั้น นักท่องเที่ยวที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ ซึ่งแวะมาเยี่ยม เยือนอยู่เสมอ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแต่ก่อนสวยกว่าเดี๋ยวนี้เยอะ หินมี ความใสสกาว แต่ตอนนี้ถ้ำต้องตอนรับนักท่องเที่ยวทุกวันคราวละมากๆ เมื่อผลึกแร่ แคลไซต์ โดนทั้งแสงแฟลตจากกล้องถ่ายรูป ถูกสัมผัสจากนักท่องเที่ยวบ่อยครั้ง หรือแม้แต่ลมหายใจของมนุษย์ ก็มีผลกระทบต่อความงามและการเจริญเติบโตของแร่ทั้งสิ้น

    "สำหรับตัวผมคิดว่าถ้ำแก้วโกมล ยังจะคงสภาพสวยงามแบบนี้อยู่อย่างน้อยก็ร่วมร้อยปี แต่ก็ต้องมีการพักถ้ำบ้างเพราะถ้าไม่พักถ้ำเลย ไม่เกินสิบปีความสวยก็เปลี่ยนไป ผมดีใจที่ถ้ำแก้วโกมลติดหนึ่งในอันซีนเมืองไทย ถ้ามองในแง่การท่องเที่ยว ชาวบ้าน มีงาน มีเงิน แต่ก็นั้นแหละเจ้าหน้าที่เราน้อย อาสาสมัครก็ไม่มีเงินเดือนให้ ทุกวันนี้ก็อาศัยเงินบริจาคจากนักท่องเที่ยวครั้งละ20บาท ถ้าหมดช่วงเทศกาลเราก็แย่เหมือนกัน

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="350"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="350"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">หากไม่ช่วยกันรักษาความงามของถ้ำแก้วโกมลคงจะเหลือแค่เพียงชื่อ </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> "ปีนี้เราได้รายงานสถานการณ์ผลกระทบต่างๆ และขอความร่วมมือจากอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้ช่วยศึกษาผลกระทบจากภายนอกอยู่ หวังว่าจะหาทางออกได้โดยเร็ว ก่อนที่ถ้ำจะเสื่อมโทรม ยิ่งปีนี้ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย ยังโปรโมตถ้ำแก้วโกมล ภายใต้ ชื่อว่า "1ใน 40 เส้นทางพิชิต1,000โค้งสู่ถ้ำ น้ำแข็ง" ก็แอบหวั่นอยู่ลึกๆ กลัวสภาพถ้ำจะเสียหาย และอยากให้ผู้เกี่ยวข้องช่วยดูแลเรื่องนี้ด้วย"

    ด้านไพโรจน์ อ่างทอง ผู้ช่วยหัวหน้าวนอุทยานแก้ว โกมล ได้กล่าวในเรื่องเดียวกันนี้ว่า หลังการโปรโมทเป็นอันซีน ผู้คนก็หลั่งไหลมามากมาย เดิมมีคำบอกเล่าว่ามาที่นี่สวยงามดุจอยู่ในสรวงสวรรค์ แต่เพราะอยากอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว กรมทรัพยากรธรณียอมเสียความงามบางส่วน ขุดเจาะถ้ำทำเครื่องเป่าอากาศ และพบว่าแร่หมองคล้ำจึงหยุดไป สำหรับแสงไฟในถ้ำก็พยายามทำให้มีน้อยที่สุด

    "ถ้านักท่องเที่ยวเชื่อฟังและปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด เป็นพันปีลูกหลานก็มีโอกาสเห็น ส่วนเรื่องเครื่องป้องกันเพื่อมิให้ผลึกแร่ ถูกสัมผัสนั้นตอนนี้อยู่ในขั้นเตรียมการวิจัยที่คิดไว้มี 2 แบบคือการครอบแก้ว ป้องกันแต่ก็จะมีปัญหาเรื่องไอน้ำร้อนเกาะ ส่วนอีกแบบคือตะแกงก็มีปัญหาเรื่อง ความสวยงามและยังต้องดูผลกระทบด้านอื่นอีก"

    สำหรับสิ่งที่ผู้คลุกคลีกับถ้ำแก้วโกมลสะท้อนมานั้น นักท่องเที่ยวสามารถร่วมด้วยช่วยกันในการเที่ยวถ้ำแก้วโกมลได้ด้วยการปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาความงามและรักษาถ้ำแก้วโกมลไว้ตราบนานเท่านาน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคำบอกเล่าของ 2 ผู้ดูแลถ้ำแก้วโกมลจะได้ยินไปถึงผู้ดูแลด้านการท่องเที่ยวบ้างหรือเปล่า เพราะที่ผ่านๆมารูปแบบการท่องเที่ยวไทยภายใต้ภาครัฐที่ดูแลด้านการท่องเที่ยวมักจะเน้นแต่เรื่องของการโปรโมท เน้นแต่เรื่องของตัวเลขและเม็ดเงิน โดยละเลยเรื่องแผนการรองรับนักท่องเที่ยว การจัดการสถานที่ท่องเที่ยว และละเลยเรื่องของการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สภาพแวดล้อม รักษาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งผู้บริหารงานด้านการท่องเที่ยวผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่ทรัพยากรท่องเที่ยวนั้นยังต้องอยู่กับเราไปอีกนานเท่านาน

    </td> </tr> </tbody> </table> [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...