ประวัติ หลวงปู่นาม ได้รับ ฤาษี “สมเด็จโต”

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 20 มีนาคม 2015.

  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    หลวงปู่นาม เคยไปอยู่วัดระฆังโฆสิตาราม วัด สมเด็จพระพุทธาจารย์ (โต) ในอดีตสมัยที่ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธินายก หรือ หลวงปู่นาค เป็นเจ้าอาวาส ท่านมาอยู่ครั้งละหลายเดือน ท่านชอบพอกับท่านเจ้าคุณ ผัน อดีตเจ้าอาวาส และท่านเจ้าคุณเที่ยง เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันนี้มากพอสมควร ตอนนั้นท่านมาเรียนวิชาสายสมเด็จ (โต) กับหลวงปู่นาค และหลวงปู่อินทร์ ซึ่งเป็นพระผู้ทรงวิทยาคุณ ประจำวัดระฆังฯ หลวงปู่อินให้ความรักเมตตา หลวงปู่นามมาก ชนิดที่ว่าขออะไรเป็นให้หมด เพราะหลวงปู่อินทร์ท่านทดลอง ทดสอบจิต หลวงปู่นามแล้ว ยอมรับว่าพระองค์นี้ มีดีในตัวเอง หาพระที่มีกำลังใจสูงอย่างหลวงปู่นามยาก วันหนึ่งหลวงปู่อินท่านเรียกหลวงปู่นามเข้าไปในกุฏิ หยิบห่อผ้าสีทองมามอบให้ และบอกว่า “ ข้าถามปู่และสมเด็จฯท่านแล้วท่านให้เอ็งเก็บรักษาปู่ไว้ ” หลวงปู่นามงง พร้อมแกะห่อผ้าสีทองออกดูต่อหน้าหลวงปู่อินทร์ พบว่าในห่อผ้านั้น มีฤาษีองค์เขื่องๆ หนักมากเป็นโลหะสีดำ ดูเก่าเหลือเกิน หลวงปู่นามก็บอกหลวงปู่อินทร์ว่า “ ผมไม่เอาหล่ะครับ ฤาษีของใครไม่รู้ หลวงพ่อเก็บไว้ดีกว่า ” หลวงปู่อินทร์มองหน้าแล้วบอกว่า “ ฤาษีองค์นี้เป็นของเจ้าประคุณสมเด็จโต โน้น สงสัยจะให้พระพุทธบาทปิลันทร์มา แล้วมาตกอยู่ที่ท่านอาจารย์พระธรรมธานาจารย์ หรือ เจ้าคุณเฒ่า อยู่ที่หอใคร เจ้าคุณท่านก็มอบให้ฉันมา ตอนแรกจะไว้ที่วัดระฆัง แต่ถามปู่ฤษีแล้ว ถามสมเด็จแล้ว ท่านสั่งให้นามเอาเก็บเอาไว้ ” พอรู้ว่าปู่ท่านบอกสมเด็จท่านสั่ง หลวงปู่นามก็แย้งอยู่ในใจว่า เรามีอะไรดีขนาดนั้น ท่านครูบาอาจารย์จึงให้เราเก็บรักษาไว้ หลวงปู่อินทร์ก็จับมือหลวงปู่นามมากุมไว้อยู่ที่ผ้าสีทอง และว่าคาถาอะไรไม่รู้พึมพำ ประมาณ 10 นาที และพูดต่อดังๆ อีกว่า ขอมอบฤาษีให้ท่านนาม ตามที่ครูบาอาจารย์บอก หลวงปู่นามก็เอาฤาษีโลหะสีดำองค์นี้ฝากไว้กับหลวงปู่อินทร์ก่อน ต่อมาพอหลวงปู่อินทร์มรณภาพ ท่านจึงไปอัญเชิญฤาษีองค์นี้ไป ต่อมาพระครูศรี วัดมักกะสัน ท่านรู้ว่าฤาษีสมเด็จโต อยู่ที่หลวงปู่นาม ก็เอ่ยปากขอยืมไปบูชา หลวงปู่นามก็มอบให้ หลังจากพระครูศรี นำไปบูชาก็เจริญใน พระศาสนาอย่างมาก มีลาภสักการะมาก มีกิจนิมนต์เยอะ มีอะไรต่อมิอะไรดีขึ้นทุกอย่าง ตอนพระครูศรีท่านจะมรณภาพ ท่านได้บอกพระชาน ที่เฝ้าท่านขณะนั้นว่าฤาษีองค์นี้ เป็นของพระครูนามเขา ฉันตายแล้วเอาไปคืนพระครูนามด้วย พระชานองค์นี้ ตอนหลังก็สึกไม่ได้เอาฤาษีองค์นี้มาคืนหลวงปู่นาม ได้เก็บฤาษีองค์นี้ไว้เอง ปรากฎว่าชีวิตฆราวาส ย่ำแย่เต็มที จึงคิดขึ้นมาได้ว่า ไม่ได้เอาองค์ฤาษีมาคืนหลวงปู่นาม ก็กลับใจเอามาคืนหลวงปู่ ต่อมาหลวงปู่ก็ทดลองให้นายท้วม ที่เป็นหมอสมุนไพรไปบูชา นายท้วมก็นำมาคืน หลวงปู่อีก บอกว่าฤาษีองค์นี้แรงมาก ใครไม่มีบารมี รักษาไว้ไม่ได้หรอกครับ นำมาคืนหลวงปู่ท่านจึงวางบูชาไว้ หน้าโต๊ะหมู่ในห้องที่ท่านเสกพระ หลวงปู่นามท่านบอกว่า ท่านเคยเจอฤาษีนี้ครั้งนึงตอนที่ท่านนั่งสมาธิ ท่านแก่มากหลังค่อมใส่จีวร สีเกือบดำมีลายน้อย ปากแดง ท่านบอกปู่ฤาษีองค์นี้ว่าเวลาท่านเสกพระให้มาช่วยท่านเสก ตำรับตำราที่ครูบาอาจารย์ ตั้งแต่สมเด็จโต หลวงพ่อเนียม หลวงปู่ขำ หลวงปู่เหมือน ท่านเสกอย่างไร ศีลศาสตร์ วิชาใดที่ปู่ฤษีครอบครองรักษาอยู่ ขอให้ใส่ประสิทธิ์ในวัตถุมงคลที่ท่านเสกที่ท่านตั้งใจทำทุกอย่างจนหมดสิ้นffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    ประวัติ หลวงปู่นาม (พระครูสุวรรณศาสนคุณ) วัดน้อยชมภู่

    หลวงปู่นาม

    "พระครูสุวรรณศาสนคุณ" พระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมแห่งเมืองสุพรรณบุรี มีพลังจิตเข้มขลัง วิทยาคมแก่กล้า ชาวบ้านต่างเรียกขานนามท่านว่า "หลวงปู่ผู้เฒ่า" หรือหลวงปู่นาม หรือพระอุปัชฌาย์นาม

    ปัจจุบัน พระครูสุวรรณศาสนคุณ สิริอายุ 88 พรรษา 67 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู่ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี

    อัตโนประวัติ พระครูสุวรรณศาสนคุณ มีนามเดิมว่า นาม ไม่ทราบนามสกุล เกิดเมื่อปี พ.ศ.2464 เป็นชาวเมืองสุพรรณบุรีโดยกำเนิด สำหรับประวัติชื่อโยมบิดา-มารดา และประวัติในวัยเด็ก ไม่สามารถสืบค้นได้ แม้กระทั่งตัวหลวงปู่เองก็จำเหตุการณ์ในช่วงวัยเด็กไม่ค่อยได้

    ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่ออายุ 21 ปี ณ พัทธสีมาวัดบ้านกร่าง โดยมีพระเมธีธรรมสาร (ไสว) วัดบ้านกร่าง เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระปลัดทวี (หลานหลวงพ่อมุ้ย) เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    ภายหลังอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิทยาคมกับพระเมธีธรรมสาร (ไสว) วัดบ้านกร่าง พระอุปัชฌาย์ของท่าน ควบคู่กับการศึกษามูลกัจจายน์ บาลี อักษรขอม ไทยน้อย อักษรลาว ทำให้ท่านมีความรู้ทางด้านอักขระโบราณอีกแขนงหนึ่ง

    ในพรรษาที่ 4 ท่านได้ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดน้อยชมภู่ (เป็นวัด 2 วัดมารวมกัน วัดเก่ามาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา คือ วัดน้อยกับวัดชมภู่ รวมกันเรียกว่า วัดน้อยชมภู่) วัดนี้มีพระเกจิชื่อดังมาแต่เดิม ทำน้ำพระพุทธมนต์ให้เจ้านายสมัยก่อน

    ท่านได้มาอยู่กับหลวงปู่ขำ เจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู่ หลวงปู่ขำ เป็นศิษย์ในสายหลวงพ่อเฒ่า วัดค้างคาว กับหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ต่อมา ท่านได้ไปอยู่กับหลวงปู่เหมือน ผู้เป็นศิษย์หลวงพ่อเนียม แห่งวัดน้อย และหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

    หลวงปู่เหมือน เป็นพระอภิญญา ท่านได้สั่งสอนถ่ายทอดสรรพวิชาให้ท่านมากมาย กล่าวกันว่า หลวงปู่เหมือน สามารถเสกตัวต่อให้เต็มวัด เพื่อไล่ขโมย หรือเสกข้าวให้ออกรวงทั่ววัด เพื่อเลี้ยงพระทั้งวัดก็ได้ เสกใบมะขามเป็นฝูงผึ้งไล่ลิง ที่เข้ามาทำลายข้าวของในวัด

    ดังนั้น หลวงปู่นาม จึงได้วิชาในสายหลวงปู่เหมือนมาอย่างเอกอุ พุทธาคมนี้หลวงปู่นามไม่เป็นสองรองใคร แต่ท่านไม่พูด ท่านเงียบเฉยเหมือนหลวงตาเฝ้าวัด แม้แต่หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองสุพรรณอีกรูปหนึ่ง ยังมีความสนิทสนมถูกอัธยาศัยกับหลวงปู่นาม ส่วนหลวงปู่นามยังเคยไปอยู่จำพรรษาที่วัดหลวงพ่อมุ่ย หลายครั้ง

    ตอนที่หลวงพ่อฉาบ วัดคลองจันทร์ ยังมีชีวิตอยู่ คนมาขอพระเครื่อง ท่านยังบอกว่า "ที่สุพรรณ หมดหลวงพ่อมุ่ย ต้องไปหาพระอาจารย์นาม วัดน้อยฯ เขาเก็บไว้หมด"

    ในสมัยหนุ่ม หลวงปู่นามไปเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งสรรพวิชาต่อยอดในสายสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านยังเป็นสหธรรมิกกับท่านเจ้าคุณผัน และท่านเจ้าคุณเที่ยง (เจ้าอาวาสวัดระฆังฯ รูปปัจจุบัน) ท่านเจ้าคุณทั้งสองยังเรียกขานหลวงปู่นามว่า "หลวงพี่"

    หลวงปู่นาม ปลุกเสกพระเครื่อง เพื่อแจกลูกศิษย์ แต่ไม่ได้จัดพิธีใหญ่โต คนที่ได้รับไป ล้วนมีประสบการณ์ทุกคน หลวงปู่นาม เคยปรารภความหลังในกุฏิว่า "สมัยฉันหนุ่มๆ นะ เสกพระงบน้ำอ้อยไว้ ไม่แน่ใจนะ ก็เอาใส่รถไปให้หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย ท่านเสกให้ พอเปิดกล่อง ท่านก็บอกว่า ผมเสกไม่เข้าแล้ว ท่านเสกจนจะบินแล้วนี้"

    "ฉันก็ยังไม่แน่ใจ เอาอีก เอาไปให้หลวงพ่อดี วัดพระรูป ท่านเสก ท่านหยิบเท่านั้นแหละ ท่านกำพระไว้ ยกมือจบยกขึ้นเหนือหัวท่านเลย หาว่าเรามาล้อท่านเล่น ท่านว่า เสกจนหมุนได้แล้วนี่จะให้ผมทำอะไรอีก"

    ในด้านถาวรวัตถุ ท่านสร้างอุโบสถไว้หลายหลัง สร้างวิหาร กุฏิสงฆ์ ปรับภูมิทัศน์บริเวณวัดน้อยชมภู่ ให้เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม และแจกทุนการศึกษา ส่งพระภิกษุ-สามเณรมาเรียนกรุงเทพฯ ทุกปี

    หลวงปู่นาม หรือ พระครูสุวรรณศาสนคุณ เป็นยอดพระเกจิที่ชาวเมืองสุพรรณบุรี ให้ความเลื่อมใสศรัทธา ท่านเป็นคนเงียบ ไม่พูด ไม่คุย แต่ชาวเมืองสุพรรณทราบดีว่า พระรูปนี้เป็นยอดพระเกจิที่เข้มขลังขนานแท้ ท่านสืบพุทธคุณสายลุ่มแม่น้ำท่าจีนและสายสุพรรณมาอย่างครบถ้วน

    ปัจจุบัน หลวงปู่นาม ได้สร้างวัตถุมงคล อาทิ เหรียญรุ่นแรก ตะกรุดโทน เพื่อหาเงินไปสมทบทุนการศึกษาของพระภิกษุสามเณร และนักเรียนที่ยากจน

    ซึ่งเป็นปณิธานของหลวงปู่ผู้เฒ่าแห่งสุพรรณบุรี
     

แชร์หน้านี้

Loading...