พระพุทธเจ้า 10 พระองค์ในอนาคตกาล (รายละเอียดโดยย่อ)

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Itsmemild, 17 ตุลาคม 2016.

  1. Itsmemild

    Itsmemild สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +15

    อันว่าแผ่นดินทั้ง 5 ประการนี้
    มีสมเด็จพระพุทธเจ้าบังเกิด
    ในสารกัปนั้น 1 พระองค์
    ในมัณฑกัปป์ 2 พระองค์
    ในวรกัปป์ 3 พระองค์
    ในสารมัณฑกัปป์ 4 พระองค์
    ในภัทรกัปป์ 5 พระองค์

    แผ่นดินเราทุกวันนี้ ชื่อว่าภัทรกัป
    บังเกิดพระพุทธเจ้าถึง 5 พระองค์ คือ
    1. พระกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า
    2. พระโกนาคมสัมมาสัมพุทธเจ้า
    3. พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า
    4. พระศรีศากยมุนีโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
    5. พระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า


    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพยากรณ์ไว้แก่พระสารีบุตรถึงการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้าในอนาคตไว้ 10 พระองค์ ต่อจากพระองค์ไปโดยลำดับกัปนับแต่ภัทรกัปนี้เป็นต้นไป ซึ่งพระโพธิสัตว์ทั้ง 10 พระองค์นี้ เมื่อทรงสร้างบารมี30ทัศครบบริบูรณ์แล้ว จะทรงมีพุทธานุภาพไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
    พระบรมโพธิสัตว์ อันจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลเบื้องหน้า 10 พระองค์นั้น มีดังนี้

    - ที่ 1 คือพระศรีอาริยเมตไตรย์ พระองค์มีพระชนม์ชีพได้ 8 หมื่นปี พระสรีระกายสูงได้ 88 ศอก มีไม้กากะทิงเป็นพระมหาโพธิในภัทรกัปป์นี้ฯ
    - ที่ 2 คือพระรามเจ้า พระองค์มีพระชนม์ได้ 9 หมื่นปี พระสรีรกายสูงได้ 80 ศอก มีไม้จันทร์แดงเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ
    - ที่ 3 คือพระเจ้าปเสนธิโกศล จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระธรรมราชา พระองค์มีพระชนม์ได้ 5 หมื่นปี พระสรีรกายสูงได้ 16 ศอก มีไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ
    - ที่ 4 คือพระยามาราธิราช จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระธรรมสามี พระองค์มีพระชนม์ได้ 10 หมื่นปี มีพระสรีระกายสูงได้ 80 ศอก มีไม้รังเป็นพระศรีมหาโพธิ ในสารกัปป์ฯ
    - ที่ 5 คือพระยาอสุรินทราหู จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระนารทะ พระองค์มีพระชนม์ได้หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ 20 ศอก มีไม้จันทร์เป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ
    - ที่ 6 คือโสณพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระรังสีมุนี พระองค์มีพระชนม์ได้ 5 พันปี มีพระสรีรกายสูงได้ 60 ศอก มีไม้ดีปลีก็ว่า ไม้เลียบก็ว่าเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ
    -ที่ 7 คือสุภพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระเทวเทพ พระองค์มีพระชนม์ได้ 8 หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ 80 ศอก มีไม้จำปาเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ
    - ที่ 8 คือโตไทยพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระนรสีหะ พระองค์มีพระชนม์ได้ 80 ปี มีพระสรีรกายสุงได้ 60 ศอก มีไม้แคฝอยเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ
    - ที่ 9 คือช้างนาฬาคีรี จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระติสสะ พระองค์มีพระชนม์ได้ 8 หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ 80 ศอก มีไม้ไทรเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ
    - ที่ 10 คือช้างปาลิไลย จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระสุมงคล พระองค์มีพระชนม์ได้ 10 หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ 60 ศอก มีไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ


    ประวัติโดยย่อของ พระพุทธเจ้า 10 พระองค์

    1.) พระศรีอาริยเมตไตรย
    ในอดีตพระองค์ คือพระเจ้าสังขจักรพรรดิราช แห่งอินทปัตนครในสมัยของพระสิริมิตรพุทธเจ้า
    วันหนึ่ง พระองค์ได้พบสามเณรในสำนักพระสิริมิตรพุทธเจ้า ทรงเกิดความเลื่อมใสในสามเณรนั้น
    พระองค์จึงเสด็จมาเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งประทับอยู่ที่บุพพาราม หลังจากที่พระองค์ได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าสิริมิตรแล้ว พระองค์จึงได้ถวายศีรษะของพระองค์เองแด่พระพุทธเจ้าเพื่อบูชาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระองค์
    แล้วทรงไปบังเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิต
    และด้วยอานิสงค์แห่งบารมีนี้เอง จึงทำให้พระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา
    ขณะนี้พระองค์ทรงเสวยทิพยสมบัติเป็นเทพบุตรอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต
    และเมื่อถึงกำหนดเวลา พระโพธิสัตว์เจ้าจะได้ลงมาจุติในโลกมนุษย์ ในวรรณะพราหมณ์
    เกิดในครรภ์ของนางพรหมวดีซึ่งเป็นภรรยาของสุพรหมพราหมณ์ ปุโรหิตของพระเจ้าสังขจักรพรรดิราชแห่งเกตุมดีนคร
    เมื่อทรงประสูติจะมีนิมิต 32 ประการปรากฏขึ้น
    และมีมหาปราสาทสำหรับเป็นที่ประทับ ปรากฏขึ้น 3 หลังหลังละ7ชั้น ประดับประดาด้วยรัตนะ 7 ประการ
    พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ 80,000 ปี มีพระสรีรกายสูง 88 ศอก ( 44 เมตร )
    และทรงกระทำความเพียรเพื่อตรัสรู้นาน 7 วัน
    พระฉัพพรรณรังสีของพระองค์จะแผ่ไปหมื่นโลกธาตุ ส่องสว่างตั้งแต่อเวจีมหานรกถึงภวัคคพรหม

    2.)พระรามพุทธเจ้า
    คือ อดีตนารทมาณพ ซึ่งเกิดในสมัยของพระกัสสปพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าเมื่อพุทธันดรที่แล้ว)
    นารทมาณพนั้นได้จุดไฟที่ศีรษะบูชาแด่พระพุทธเจ้า
    หลังจากที่ได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าต่อจากพระศรีอาริยเมตไตรย
    ก็ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิตก่อนจะมาจุติเป็นพระรามพุทธเจ้า และต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
    พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ 90,000 ปี มีพระสรีรกายสูง 80 ศอก ( 40 เมตร )
    มีพระฉัพพรรณรังสีส่องสว่างตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

    3.)พระธรรมราชาพุทธเจ้า
    คือ อดีตพระเจ้าปเสนทิโกศล
    ที่จะมาบังเกิดเป็นพราหมณ์หนุ่มชื่อ สุทธมาณพ
    หาเลี้ยงชีพโดยเก็บดอกบัววันละ 2 ดอกไปขาย ทรงได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าโกนาคมน์ว่า
    จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต
    เมื่อได้เสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ชั้นดุสิตแล้วจะลงมาจุติบนโลกมนุษย์
    เป็นกษัตริย์มีพระนามว่าพระธรรมราชา และต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
    พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ 50,000 ปี จะมีพระสรีรกายสูง 16ศอก ( 8 เมตร )
    ทรงมีพระฉัพพรรณรังสีเกิดขึ้นเป็นนิจ ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

    4.)พระธรรมสามีพุทธเจ้า
    คือ อดีตพระยามาราธิราช (พญาวสวัตดีมาร)
    ผู้เป็นจอมเทวดาฝ่ายมารบนสวรรค์ชั้นสูงสุด(ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี)
    พระองค์จะได้บังเกิดเป็นมหาเสนาบดีนามว่าโพธิ
    และได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้ากัสสปะว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
    และเมื่อไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว ก็จะจุติลงมาเกิดเป็นกษัตริย์
    และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา ทรงมีพระนามว่าพระธรรมสามี
    พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ 100,000 ปี มีพระสรีรกายสูง 80 ศอก ( 40เมตร )
    พระฉัพพรรณรังสีจะสว่างดังแสงพระอาทิตย์และพระจันทร์

    5.)พระนารทพุทธเจ้า
    คือ อดีตพระยาอสุรินทราหู ผู้เป็นมหาอุปราชครองภพอสูร
    ได้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ เป็นกษัตริย์มีพระนามว่าสิริคุต
    ครองนิรมลนครในสมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะ และได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันว่า
    จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตมีพระนามว่านารทะ
    พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ 10,000 ปี ทรงมีพระสรีรกายสูง 120 ศอก ( 60เมตร )
    พระฉัพพรรณรังสีบังเกิดขึ้นทั้งกลางคืนและกลางวัน

    6.)พระรังสีมุนีพุทธเจ้า
    คือ อดีตโสณพราหมณ์
    ที่จะมาบังเกิดเป็นพ่อค้ามีนามว่า มาฆมาณพในสมัยพระพุทธเจ้ากกุสันธะ
    มาฆมาณพเป็นพ่อค้าที่ฉลาด แต่ประสบทุกข์
    สูญสิ้นทรัพย์สินเงินทองที่หามาได้จำนวนมากถึง3ครั้ง3คราว
    จึงเดินทางไปเมืองโกสัมพี เพื่อรักษาอุโบสถศีลในวันเพ็ญขึ้น15ค่ำ
    พระกกุสันธพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า มาฆมาณพจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ทรงพระนามว่าพระรังสีมุนี
    พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ 5,000 ปี มีสรีรกายสูง 60 ศอก ( 30 เมตร )
    แสงสว่างแห่งพุทธรัศมีสว่างไสวในเวลากลางวันเหมือนดังแสงทอง และสว่างไสวในเวลากลางคืนดังแสงสีเหลือง

    7.)พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า
    คือ อดีตสุภพราหมณ์
    บรมโพธิสัตว์ที่มาบังเกิดเป็นพระยาช้างฉัททันต์ ริมฝั่งสระฉัททันต์ในสมัยพระโกนาคมนพุทธเจ้า
    พระยาช้างฉัททันต์ได้เห็นสรีระของพระสาวกอันมีพระนามว่าพระอัญญาโกณฑัญญะ
    ซึ่งดับขันธปรินิพพานที่ริมสระฉัททันต์นั้น จึงได้อธิษฐานขอบุญกุศลที่เคยบำเพ็ญมา
    ทำให้เกิดเลื่อยมาเลื่อยเอางาทั้งสองของตน โดยเอางาช้างหนึ่งมาทำเป็นราง
    อีกข้างหนึ่งทำเป็นรูปนกยูง เพื่อประดิษฐานสรีระของพระเถระไว้กับราง
    แล้วรวบขนบนศีรษะของตนจุดไฟบูชาสรีระของพระเถระ และตั้งความปรารถนา
    ขอให้การถวายงาจงเป็นพลวปัจจัยให้ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ
    สุภพราหมณ์ได้รับพุทธพยากรณ์ว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ทรงมีพระนามว่า พระเทวเทพ
    พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ 80,000 ปี มีสรีรกายสูง 80 ศอก ( 40 เมตร )
    มีฉัพพรรณรังสีประดุจดังช่อดอกไม้ ไม่มีความหนาวร้อน ส่องสว่างไปทั่วสากลโลก

    8.)พระนรสีหสัมพุทธเจ้า
    คือ อดีตนันทมาณพ
    ซึ่งเคยถวายผ้ากำพล1ผืนและทองแสนตำลึงแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าในสมัยหนึ่ง
    ได้ตั้งความปรารถนาในคราวนั้นว่าขอให้ตนได้เกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
    มีอำนาจแผ่ไปตลอดหนึ่งโยชน์ทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง
    ต่อมาเมื่อนันทมาณพตายไปแล้วก็ได้ไปเสวยทิพยสมบัติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    แล้วจึงจุติลงมาเกิดเป็นกษัตริย์ เสวยสัมบัติในเมืองมนุษย์ก่อนจะมาเกิดเป็นโตเทยยพพราหมณ์
    ในสมัยพระพุทธเจ้าสมณโคดมซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระพุทธองค์ได้พยากรณ์โตเทยยพพราหมณ์ว่า
    จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต มีพระนามว่าพระนรสีหะ
    พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ 80,000 ปี มีสรีรกายสูง 60 ศอก ( 30 เมตร )
    แสงสว่างแห่งพุทธรัศมี กลางวันมีสีประหนึ่งแก้วมณี กลางคืนมีสีประหนึ่งสีทอง
    เบื้องบนพระเศียร จะมีเศวตฉัตรอันประกอบด้วยรัตนะ 7 ประการ ขนาด 3โ ยชน์ ลอยอยู่เป็นนิจ

    9.)พระติสสสัมพุทธเจ้า
    คือ อดีตช้างธนบาลบรมโพธิสัตว์( ช้างนาฬาคีรี )
    ที่เคยเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ของพระธรรมราชาแห่งแคว้นจำปานคร ทรงมีพระนามว่าธรรมเสน
    ต่อมา พระองค์ได้เสด็จออกผนวชอยู่ในสำนักพระฤาษีธรรมเสนได้ฟังธรรมของพระโกนาคมนพุทธเจ้า
    จนเกิดความเลื่อมใส จึงได้ถวายศีรษะของพระองค์บูชาพระโกนาคมนพุทธเจ้า
    และตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ทรงได้รับพุทธพยากรณ์ว่า
    จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตมีพระนามว่าพระติสสะ
    พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ 80,000ปี มีพระสรีรกายสูง 80ศอก ( 40 เมตร )
    พระฉัพพรรณรังสีประดุจเปลวเพลิง สว่างทั้งกลางวันและกลางคืน
    แสงสว่างจากพระอุณาโลมเป็นประหนึ่งแวดล้อมด้วยเศวตฉัตรนับพัน

    10.)พระสุมงคลสัมพุทธเจ้า
    คือ อดีตช้างปาลิไลยกะ
    ซึ่งได้เคยบังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในอดีตชาติ
    ทรงพระนามว่ามหาปนาทะ
    ทรงผนวชในสำนักพระกกุสันธพุทธเจ้า ได้รับพุทธพยากรณ์ว่า
    จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต มีพระนามว่าพระสุมงคล
    พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ 100,000 ปี มีพระสรีรกายสูง 60 ศอก ( 30 เมตร )
    พระฉัพพรรณรังสีในเวลากลางวันเป็นเช่นเดียวกับแสงสีทอง และในเวลากลางคืนเป็นเช่นเดียวกับแสงสีเงิน


    พระองค์ได้ตรัสเป็นลำดับกันโดยนิยมดังนี้
    อันว่าไม้พระศรีมหาโพธิอปราชิตบัลลังก์ที่นั่งทรงพิจารณาพระปฏิจจสมุปบาทธรรม แล้วตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูเจ้านั้น
    พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า คือไม้กากะทิงเป็นที่ตรัส
    พระรามเจ้า คือ ไม้แก่นจันทร์แดงเป็นที่ตรัส
    พระธรรมราชาเจ้า คือ ไม้กากะทิงเป็นที่ตรัส
    พระธรรมสามีเจ้า คือ ไม้รังใหญ่เป็นที่ตรัส
    พระนารทะเจ้า คือ ไม้แก่นจันทร์แดงเป็นที่ตรัส
    พระรังสีมุนีเจ้า คือ ไม้ดีปลีใหญ่เป็นที่ตรัส (บางคัมภีร์ว่าเป็นไม้เลียบ)
    พระเทวเทพเจ้า คือ ไม้จำปาเป็นที่ตรัส
    พระนรสีหะเจ้า คือ ไม้แคฝอยเป็นที่ตรัส
    พระติสสะเจ้า คือ ไม้ไทรเป็นที่ตรัส
    พระสุมงคลเจ้า คือ ไม้กากะทิงเป็นที่ตรัส
    อันว่าไม้พระมหาโพธิ 10 ต้นนี้ เป็นที่ได้ตรัสรู้พระสัพพัญญู แห่งสมเด็จพระพุทธเจ้าทั้ง 10 พระองค์ อันจะบังเกิดในอนาคตกาลเบื้องหน้าฯ

    อันว่านรชาติหญิงชายทั้งหลายจำพวกใด ได้ถวายนมัสการกราบไหว้ซึ่งสมเด็จพระพุทธเจ้าทั้งสิบพระองค์กับทั้งไม้พระศรีมหาโพธิ 10 ต้น ดังพรรณนามานี้ อันว่านรชาติหญิงชายจำพวกนั้นจะมีผลานิสงส์คือ มิได้ไปบังเกิดในนรกสิ้นกาลช้านานถึงแสนกัปป์ ด้วยกุศลเจตนาของอาตมาที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้าทั้งสิบพระองค์นั้นฯ สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์พุทธเจ้าของเราทรงบัณฑูรพระธรรมเทศนาว่า แท้จริงกัปป์ที่เรียกสุญญกัปนั้น คือเปล่าเสียจากท่านผู้ทรงพระคุณ กัปป์ที่มิได้สูญจากท่านผู้ทรงพระคุณนั้นมี 5 ประการ คือ
    สารกัปป์ 1
    มัณฑกัปป์ 1
    วรกัปป์ 1
    สารมัณฑกัปป์ 1
    ภัทรกัปป์ 1


    บทสวดนมัสการพระพุทธเจ้าทั้ง ๑๐ พระองค์

    เมตฺเตยฺยา เมตฺเตยฺโย นาม ราโม จ รามสมฺพุทฺโธ
    โกสโล ธมฺมราชา จ มารมาโร ธมฺมสานมี
    ทีฆชงฺฆี จ นารโท โสโณ รํสิมุนี ตถา
    สุภูเต เทวเทโว โตเทยฺโย นรสีหโก
    ติสฺโม นาม ธนปาโล ปาลิเลยฺโย สุมงฺคโล
    เอเต ทส พุทฺธา นาม ภวิสฺสนฺติ อนาคเต
    กปฺปสตสหสฺสานิ ทุคฺคตึ โส น คจฺฉติฯ

    นมัสการพระศรีมหาโพธิทั้ง 10 ต้นว่าดังนี้ฯ
    เมตฺเตยฺโย นาครุกฺโข จ ไม้กากะทิงฯ
    รามพุทโธปิ จนฺทนํ ไม้จันทร์หอมฯ
    ธมฺมราชา นาครุกฺโข ไม้กากะทิงฯ
    ธมฺมสามี สาลรุกฺโข ไม้รังใหญ่ฯ
    นารโท จนฺทนรุกฺโข จ ไม้จันทร์ฯ
    รํสิมุนิ จ ปิปฺผลิ ไม้เลียบฯ
    เทวเทโว จมฺปโก จ ไม้จำปาฯ
    นรสีโห จ ปาตลี ไม้แคฝอยฯ
    ติสฺสมฺพุทฺโธ นิโครฺโธ ไม้ไทรฯ
    นาครุกฺโข สุมงฺคโล ไม้กากะทิงฯ
    เอเต ทส โพธิรุกฺขา ภวิสฺสนฺติ อนาคเต
    อิเม ทส จ สมฺพุทฺเธ โย นโรปิ นมสฺสติ
    กปฺปสตสหสฺสานิ นิรยํ โส น คจฺฉติฯ

    ผู้ใดเจริญได้เป็นนิตย์ปิดอบายภูมิ และคงจะได้ประสพพบพระพุทธองค์เจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเป็นเที่ยงแท้ อย่าสนเท่ห์เลยท่านทั้งหลายฯ


    คำอธิษฐานวาจา
    เดชะข้าพเจ้า ขออธิษฐานศีลทานบารมี
    - ขอเป็นปัจจัยให้พบพระศรีอาริยเมตไตรยวรจอมใจอารี ท่านจักไดัมาตรัสในอนาคตกาล
    - ขอให้ลุมรรคญาณพ้นจากทุกขภัย
    - ขอให้ล้างกิเลสสู่ห้องตรีเนตรในสำนักพระอริยเมตไตรย
    - ขอให้พบพระบรมธาตุพระบรมศาสดา
    - เมื่อจะประชุมโพธิมันตา ขอให้ได้บูชาน้อมนบนมัสการ
    - ถ้ายังมิถึงตรีเนตรอมตนฤพาน เมื่อจะดับขันธ์ขอให้ใฝ่ฝันถึงคุณแก้วสามประการ
    - ดำริถึงผลศีลทาน ขออย่าให้มีหมู่มารมาประจญ
    - เกิดไปชาติใดๆขอให้น้ำใจเลื่อมใสต่อพระทศพล
    - ขอให้มีปรีชาเลิศกว่าฝูงชน
    - ขออย่าให้อับจนปัญญาผู้ใด อย่าได้เคลือบแคลง รู้ชัดจะแจ้งแจ่มน้ำใจ อย่างพระนาคเสนเถระผู้มีปรีชาว่องไว
    - ขอให้บริบูรณ์ด้วยโภคมไหสุริยศฤงคาร
    - ขอให้เลื่อมใสในศีลทาน
    - ขอให้มีศรัทธาก่อสร้างโพธิญาณ
    - ขอให้ได้ทำทานเหมือนพระเวสสันดร
    - ขออย่าได้ขัดขวางเหมือนอย่างชาติก่อน ให้เหมือนหมู่เทพอมรในชั้นช่อกามา
    - ถ้าจะเรียนบริกรรมสมาธิโอภาส ขอให้พบพระศาสดาสรรเพ็ชญ์จอมไตรโลก
    - ถ้ายังมิพ้นเวียนวนอยู่ในวัฏฏสงสาร เกิดชาติใดๆในสวรรค์และมนุษย์ จะขอตัดบาปธรรมสิบสี่ตัวที่สุด ดับสิ้นม้วยมุดขาดจากสันดาน
    - ขอตัดโรคาทั้งเก้าสิบหกประการขออย่าให้ได้เบียนผลาญในกายตัวเรา เกิดเป็นมนุษย์ร่างกายบริสุทธิ์เหมือนดังเทวาบุรุษ โทษนั้นเล่าดังข้าพเจ้ากล่าวมา ขออย่าให้มีแก่ข้าทั้งเก้าสิบหกประการ
    - เดชะกุศลข้าพเจ้าแผ่ผลทั่วหมื่นจักรวาล ทั้งพระยายมราช สิริคุตตมหาอำมาตย์ นิรยบาล ที่ท่านเป็นใหญ่ในสี่ทิศอบาย ขอท่านเป็นพยานเมื่อจะดับขันธ์ อกุศลอย่าตามทันในวัฏฏสงสาร
    - ถ้าต้องไปสู่สำนักพระกาฬ ถามถึงศีลทานอย่ามืดมิดกำบัง เทวทูตห้าบทท่านช่วยกำหนดอย่าหลงลืมพลาดพลั้ง ท่านช่วยตักเตือนกุศลหนหลังที่ข้าพเจ้าหล่อหลั่งในอุทกวารี ลงไว้ในพื้นแผ่นธรณี เทวทูตห้าบทท่านช่วยตักเตือน ให้ข้าพเจ้าระลึกขึ้นได้ในขณะนั้น
    - ขอให้ตัวข้าพเจ้าสำเร็จแก่นิพพาน
    ปัจจโย โหตุ เมฯ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2016

แชร์หน้านี้

Loading...