พล.ต.ต.พยุง ตรงสวัสดิ์ รอดตายเพราะ...เป็นคนมีองค์เทพ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย guawn, 17 ธันวาคม 2006.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>พล.ต.ต.พยุง ตรงสวัสดิ์ รอดตายเพราะ...เป็นคนมีองค์เทพ</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] [​IMG] "พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท พระรอด มหาวัน พระพุทธโสธร หลังสองหน้า รุ่นวงแหวน พระนางพญา เหรียญ ร.๕ รุ่นช้างสามเศียร พระเปิดโลกพิษณุโลก และหลวงปู่เทพโลกอุดร"

    นี่เป็นชุดพระเครื่องที่แขวนติดตัวทำให้รอดตายของ พล.ต.ต.พยุง ตรงสวัสดิ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต ๒ จ.จันทบุรี พรรคไทยรักไทย และอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.จันทบุรี จนมีเรื่องปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง
    พล.ต.ต.พยุง เล่าว่า เฮลิคอปเตอร์ตกไม่ตายเป็นเหตุการณ์ที่เฉียดตายที่สุด จำได้สมัยเป็นสารวัตรแล้วนั่งเฮลิคอปเตอร์จากจันทบุรีไปพัทยากับผู้กำกับ เพื่อติดตามคดีโจรเรียกค่าไถ่ เมื่อถึงพัทยาระบบน้ำมันส่งผลให้เครื่องไม่ทำงาน เมื่อเครื่องดับเฮลิคอปเตอร์ก็ตกทันที ช่วงนั้นคิดในใจว่าต้องตายแน่ๆ แต่บังเอิญเหมือนว่าทำให้เราแคล้วคลาด เครื่องลงกลางสวนมันสำปะหลังเฉียดสายไฟฟ้าแรงสูงไปเส้นยาแดงผ่าแปด ระหว่างตกมอเตอร์เกิดระเบิดหลุดออกจากเครื่อง ตัวเองยืนอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ไม่เป็นอะไรเลย ส่วนคนอื่นได้รับบาดเจ็บ
    อีกครั้งสมัยเป็นวัยรุ่นไปเที่ยวระยองกับเพื่อนๆ แล้วขากลับขับรถปิกอัพมากับเพื่อนสองคน เรียกว่าอัดมาอย่างเต็มที่ ความเร็วประมาณ ๑๔๐-๑๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง จังหวะที่ขับอยู่นั้นพอดีมีรถจักรยานยนต์วิ่งอยู่ข้างหน้าคันหนึ่ง เขาเห็นของตกลงปลิวมาเต็มหน้ารถเลย ทันใดนั้นเองก็รีบหักหลบด้านซ้าย เรียกได้ว่าล้มวิ่งอยู่บนถนนครึ่งหนึ่ง อยู่เกาะข้างทางอีกครึ่งหนึ่ง ก่อนรถจะไปถึงต้นตะเคียนที่อยู่ริมทาง จึงกระชากพวงมาลัยกลับมาด้านขวามืออย่างสุดแรง เชื่อไหมว่าจังหวะที่หักหลบ รถเสียหลักพลิกปลิวท้ายกระบะไปชนกับต้นไม้พอดี
    "ผมรอดตายมาได้ ผมคิดว่าผมมีของดี เพราะว่าความรู้สึกผมคิดว่ามีองค์เทพ แต่ละอย่างที่ผมเจอมามันสุดวิสัยของคนธรรมดาที่จะเจอ จริงๆ ผมก็มีความเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประกอบกับผมก็แขวนพระเครื่องติดตัว ด้วยเหตุนี้เองผมจึงศึกษาเกี่ยวกับองค์เทพต่างๆ ตามลัทธิศาสนาพราหมณ์-ฮินดู จะพบมีเทวดาหรือเทวะหลายองค์ ผมจึงรวบรวมเป็นเล่มชื่อหมื่นเทพ" นี่เป็นความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอดีตผู้การเมืองจัน
    สำหรับความเชื่อในเรื่องเทพเจ้านั้น พล.ต.ต.พยุง บอกว่า เกิดจากการอ่านหนังสือหิโตปเทศ ของเสฐียรโกเศศ และนาคะประทีป มาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๔ อ่านอยู่หลายเที่ยวจนแทบจะจำได้ทุกวรรคตอน และชื่นชมศรัทธาท่านผู้เขียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากหิโตปเทศเป็นแนวคิดทางปรัชญาชั้นสูงของอินเดีย การอ่านและการตีความจึงต้องศึกษาปรัชญาโบราณประกอบด้วยจึงจะเข้าใจได้ แต่ก็มีหลายตอนที่ยากแก่ความเข้าใจ จนต้องกราบเรียนถามนักปราชญ์ทางด้านปรัชญาหลายท่าน แต่ก็อ่านอย่างมีความสุขและสะสมความรู้ศึกษาเพิ่มเติมมาตลอดเป็นเวลา ๑๒ ปี
    เมื่อปี ๒๕๓๗ จึงมีโอกาสสนทนาปัญหาปรัชญากับ ผศ.นภาจรี นำเบญจพล ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปรัชญา ก็เรียนปรึกษาและถกปัญหาปรัชญาหิโตปเทศกันเสมอๆ ถ้ายังติดขัดอยู่ท่านก็จะกรุณานำเนื้อหาปรัชญาไปกราบนมัสการขอคำแนะนำจากพระเทพดิลก (ระแบบ ฐิตญาโณ) ซึ่งเป็นปราชญ์ด้านปรัชญาและศาสนา และ ผศ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก (ราชบัณฑิต) ผู้มีความรู้ด้านปรัชญาอย่างล้ำลึกและเชี่ยวชาญ
    ระหว่างปี ๒๕๓๗-๒๕๔๒ สมัยเป็นรองผู้บังคับการสถาบันข้าราชการตำรวจ ประกอบกับด้านหน้าสถาบันมีพระตรีมูรติ ที่รวมเทพทั้งสามองค์ พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ จึงกราบไหว้บูชาทุกวัน ทั้งนี้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่นำเอาหลักข้อเท็จจริงของศาสนาฮินดูมามาก เพราะยุค ๒๕๐๐ ปีก่อนนั้น ปรมาจารย์ล้วนเป็นฮินดู พระพุทธเจ้าเกิดในช่วงฮินดู เพียงแต่ฮินดูต่างจากพุทธคือ เน้นความสำคัญของเทพ ว่าองค์เทพจะให้พรผู้ที่เป็นศิษย์ แต่ศาสนาพุทธเน้นที่การพึ่งตนเอง แต่รวมๆ แล้วก็คือถ้าเราบูชาผู้ที่ควรเคารพก็เป็นมงคล
    ต่อมามีคนแนะนำให้ฝึกสมาธิจะช่วยรักษาสุขภาพ โดยใช้เวลา ๑๕ นาทีทำสมาธิเป็นช่วงๆ อย่างสม่ำเสมอ ย้อนกลับไปสมัยเป็นตำรวจสุขภาพทรุดโทรม สูบบุหรี่จัด ดื่มสุรา เที่ยวเตร่มาก แล้วยังเป็นอัลไซเมอร์อ่อนๆ นั่งคุยกันตอนเย็น วันรุ่งขึ้นเรื่องที่คุยกันก็ลืม เกิดโรคต่างๆ กับร่างกาย พอได้ฝึกนั่งสมาธิ จากเคยเป็นโรคปวดหลังที่เกิดจากการผ่าตัดกระดูกสันหลังก็หาย สมองที่ว่าแย่วันนี้ก็ดีขึ้นมาก มารู้ที่หลังว่าเป็นพลังลมปราณ
    "วันหนึ่งจึงใช้พลังไปทดลองกับพนักงานที่ป่วยเป็นดีซ่าน กินอะไรไม่ลง เพราะปากจะขม พอได้ดูตำราจีนให้กดจุดที่เท้า จากนั้นจึงเรียกพนักงานคนนี้มาแล้วลองใช้นิ้วแตะบริเวณฝ่าเท้าครั้งละ ๑๕ นาที เป็นเวลา ๒ วัน หลังจากนั้นสอบถามถึงอาการก็พบว่าเขากินอาหารได้ จึงทดลองเป็นเวลา ๑๐ ปีเต็มๆ โดยไม่ได้บอกใครเพราะกลัวเขาหาว่าผมบ้า แล้วก็ได้รักษาคนด้วยพลังจิตแบบนี้มาจนถึงปัจจุบัน" พล.ต.ต.พยุง กล่าวทิ้งท้าย
    เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง/ภาพ นัทพล ทิพย์วาทีอมร
    -->[​IMG]
    "พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท พระรอด มหาวัน พระพุทธโสธร หลังสองหน้า รุ่นวงแหวน พระนางพญา เหรียญ ร.๕ รุ่นช้างสามเศียร พระเปิดโลกพิษณุโลก และหลวงปู่เทพโลกอุดร"
    นี่เป็นชุดพระเครื่องที่แขวนติดตัวทำให้รอดตายของ พล.ต.ต.พยุง ตรงสวัสดิ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต ๒ จ.จันทบุรี พรรคไทยรักไทย และอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.จันทบุรี จนมีเรื่องปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง
    พล.ต.ต.พยุง เล่าว่า เฮลิคอปเตอร์ตกไม่ตายเป็นเหตุการณ์ที่เฉียดตายที่สุด จำได้สมัยเป็นสารวัตรแล้วนั่งเฮลิคอปเตอร์จากจันทบุรีไปพัทยากับผู้กำกับ เพื่อติดตามคดีโจรเรียกค่าไถ่ เมื่อถึงพัทยาระบบน้ำมันส่งผลให้เครื่องไม่ทำงาน เมื่อเครื่องดับเฮลิคอปเตอร์ก็ตกทันที ช่วงนั้นคิดในใจว่าต้องตายแน่ๆ แต่บังเอิญเหมือนว่าทำให้เราแคล้วคลาด เครื่องลงกลางสวนมันสำปะหลังเฉียดสายไฟฟ้าแรงสูงไปเส้นยาแดงผ่าแปด ระหว่างตกมอเตอร์เกิดระเบิดหลุดออกจากเครื่อง ตัวเองยืนอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ไม่เป็นอะไรเลย ส่วนคนอื่นได้รับบาดเจ็บ
    อีกครั้งสมัยเป็นวัยรุ่นไปเที่ยวระยองกับเพื่อนๆ แล้วขากลับขับรถปิกอัพมากับเพื่อนสองคน เรียกว่าอัดมาอย่างเต็มที่ ความเร็วประมาณ ๑๔๐-๑๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง จังหวะที่ขับอยู่นั้นพอดีมีรถจักรยานยนต์วิ่งอยู่ข้างหน้าคันหนึ่ง เขาเห็นของตกลงปลิวมาเต็มหน้ารถเลย ทันใดนั้นเองก็รีบหักหลบด้านซ้าย เรียกได้ว่าล้มวิ่งอยู่บนถนนครึ่งหนึ่ง อยู่เกาะข้างทางอีกครึ่งหนึ่ง ก่อนรถจะไปถึงต้นตะเคียนที่อยู่ริมทาง จึงกระชากพวงมาลัยกลับมาด้านขวามืออย่างสุดแรง เชื่อไหมว่าจังหวะที่หักหลบ รถเสียหลักพลิกปลิวท้ายกระบะไปชนกับต้นไม้พอดี
    "ผมรอดตายมาได้ ผมคิดว่าผมมีของดี เพราะว่าความรู้สึกผมคิดว่ามีองค์เทพ แต่ละอย่างที่ผมเจอมามันสุดวิสัยของคนธรรมดาที่จะเจอ จริงๆ ผมก็มีความเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประกอบกับผมก็แขวนพระเครื่องติดตัว ด้วยเหตุนี้เองผมจึงศึกษาเกี่ยวกับองค์เทพต่างๆ ตามลัทธิศาสนาพราหมณ์-ฮินดู จะพบมีเทวดาหรือเทวะหลายองค์ ผมจึงรวบรวมเป็นเล่มชื่อหมื่นเทพ" นี่เป็นความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอดีตผู้การเมืองจัน
    สำหรับความเชื่อในเรื่องเทพเจ้านั้น พล.ต.ต.พยุง บอกว่า เกิดจากการอ่านหนังสือหิโตปเทศ ของเสฐียรโกเศศ และนาคะประทีป มาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๔ อ่านอยู่หลายเที่ยวจนแทบจะจำได้ทุกวรรคตอน และชื่นชมศรัทธาท่านผู้เขียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากหิโตปเทศเป็นแนวคิดทางปรัชญาชั้นสูงของอินเดีย การอ่านและการตีความจึงต้องศึกษาปรัชญาโบราณประกอบด้วยจึงจะเข้าใจได้ แต่ก็มีหลายตอนที่ยากแก่ความเข้าใจ จนต้องกราบเรียนถามนักปราชญ์ทางด้านปรัชญาหลายท่าน แต่ก็อ่านอย่างมีความสุขและสะสมความรู้ศึกษาเพิ่มเติมมาตลอดเป็นเวลา ๑๒ ปี
    เมื่อปี ๒๕๓๗ จึงมีโอกาสสนทนาปัญหาปรัชญากับ ผศ.นภาจรี นำเบญจพล ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปรัชญา ก็เรียนปรึกษาและถกปัญหาปรัชญาหิโตปเทศกันเสมอๆ ถ้ายังติดขัดอยู่ท่านก็จะกรุณานำเนื้อหาปรัชญาไปกราบนมัสการขอคำแนะนำจากพระเทพดิลก (ระแบบ ฐิตญาโณ) ซึ่งเป็นปราชญ์ด้านปรัชญาและศาสนา และ ผศ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก (ราชบัณฑิต) ผู้มีความรู้ด้านปรัชญาอย่างล้ำลึกและเชี่ยวชาญ
    ระหว่างปี ๒๕๓๗-๒๕๔๒ สมัยเป็นรองผู้บังคับการสถาบันข้าราชการตำรวจ ประกอบกับด้านหน้าสถาบันมีพระตรีมูรติ ที่รวมเทพทั้งสามองค์ พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ จึงกราบไหว้บูชาทุกวัน ทั้งนี้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่นำเอาหลักข้อเท็จจริงของศาสนาฮินดูมามาก เพราะยุค ๒๕๐๐ ปีก่อนนั้น ปรมาจารย์ล้วนเป็นฮินดู พระพุทธเจ้าเกิดในช่วงฮินดู เพียงแต่ฮินดูต่างจากพุทธคือ เน้นความสำคัญของเทพ ว่าองค์เทพจะให้พรผู้ที่เป็นศิษย์ แต่ศาสนาพุทธเน้นที่การพึ่งตนเอง แต่รวมๆ แล้วก็คือถ้าเราบูชาผู้ที่ควรเคารพก็เป็นมงคล ต่อมามีคนแนะนำให้ฝึกสมาธิจะช่วยรักษาสุขภาพ โดยใช้เวลา ๑๕ นาทีทำสมาธิเป็นช่วงๆ อย่างสม่ำเสมอ ย้อนกลับไปสมัยเป็นตำรวจสุขภาพทรุดโทรม สูบบุหรี่จัด ดื่มสุรา เที่ยวเตร่มาก แล้วยังเป็นอัลไซเมอร์อ่อนๆ นั่งคุยกันตอนเย็น วันรุ่งขึ้นเรื่องที่คุยกันก็ลืม เกิดโรคต่างๆ กับร่างกาย พอได้ฝึกนั่งสมาธิ จากเคยเป็นโรคปวดหลังที่เกิดจากการผ่าตัดกระดูกสันหลังก็หาย สมองที่ว่าแย่วันนี้ก็ดีขึ้นมาก มารู้ที่หลังว่าเป็นพลังลมปราณ "วันหนึ่งจึงใช้พลังไปทดลองกับพนักงานที่ป่วยเป็นดีซ่าน กินอะไรไม่ลง เพราะปากจะขม พอได้ดูตำราจีนให้กดจุดที่เท้า จากนั้นจึงเรียกพนักงานคนนี้มาแล้วลองใช้นิ้วแตะบริเวณฝ่าเท้าครั้งละ ๑๕ นาที เป็นเวลา ๒ วัน หลังจากนั้นสอบถามถึงอาการก็พบว่าเขากินอาหารได้ จึงทดลองเป็นเวลา ๑๐ ปีเต็มๆ โดยไม่ได้บอกใครเพราะกลัวเขาหาว่าผมบ้า แล้วก็ได้รักษาคนด้วยพลังจิตแบบนี้มาจนถึงปัจจุบัน" พล.ต.ต.พยุง กล่าวทิ้งท้าย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ref.http://www.komchadluek.net/2006/12/17/j001_74824.php?news_id=74824
     

แชร์หน้านี้

Loading...