รบกวนขอวิธีที่จะทำให้โลภะและราคะเบาบางโดยไม่ต้องปลงอสุภะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 25 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ยังทำอสุภะกรรมฐานไม่ได้เลย จิตยังไม่สงบ มีแต่ความอยากได้นั่น อยากได้นี่ ทำอย่างไรดี ควรเลิกใช้เงินมั้ย ติดนอน ติดขี้เกียจด้วย ไม่มีแรงใจสวดมนต์เลย

    แต่ได้ทำทานเล็กๆน้อยๆทุกวัน มีจาคนุสสติ มีความสุข มีปิติ เมื่อจิตเกาะกับการให้การสละ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    กรรมฐาน เขาให้เลือก อารมณ์ที่เป็น กุศล เอามาพิจารณา เห็นความไม่เที่ยง
    ไม่ใช่เรา ของเรา ไม่มีในเรา เราไม่มีในกุศลธรรมเหล่านั้น เพราะ มันเกิดแล้วก็ดับ


    การพิจารณา สิ่งเป็นกุศล เกิดดับ หากพิจารณาแบบ คิดเอา มันจะเลิก ทำกุศล
    เพราะ อ้างว่า เดี๋ยวมันก็ดับ มันไม่จีรัง ไม่ให้อามิส ไม่ทำให้เกิด ku เก่ง ku เลิศ

    การพิจารณา สิ่งเป็นกุศล เกิดดับ หากเป็นการอาศัยระลึก จะขยันทำกุศล ทุกลม
    หายใจเข้าออก เพราะ แม้นการภาวนาที่ทำให้จิตเกิดกุศล ก็เอามาพิจารณาได้
    ว่าไม่เที่ยง

    พอการภาวนาเจริญสติปัฏฐาน เองก็เป็นสิ่งไม่เที่ยง กุศลหยาบๆ อย่างทาน อย่างศีล
    จะไม่ไปนั่งห่วงว่าทำหรือไม่ทำ เพราะอะไร

    เพราะ กุศลจากการภาวนา ภาวนามัย การสำเร็จกุศลที่ยิ่งกว่าด้วยการภาวนา มัน
    มีรสเลิศกว่า มีรสเดียว ไม่มีหลายรส จึงพ้นสัญญา เรียกรสเดียวนั้นว่า วิมุตติ

    อย่างไรก็ดี วิมุตติ ของนักภาวนาแบบเหยาะๆแหยะๆ จำต้องมีหลายรส มีหลายปริเฉท
    เพื่อ "อุ้มค่อม" ให้ค่อยๆเดินตรง ปรารภสำรอกกิเลส (กำหนดรู้ทุกข์ ) หาอุบายนำออก
    อย่างถูกวิธีไปเรื่อยๆ จนพบว่า ไม่สลัดกลับหลัง(อกุปปธรรม)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2016
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ขำนิดๆ

    แล้วจะใช้อะไร ถ้าไม่ใช้เฮิน ใช้ดอลล่าร์หรอ
     
  4. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    แม้จะมี วิธีดีเลิศ ขนาดไหน

    ก็ช่วยไม่ได้หรอกครับ

    เพราะ มันติดขี้เกียจ

    สิ่งที่พึงหวังได้ อย่างเดียวคือ ความลำบาก


    สมัยก่อนพุทธกาล

    ผู้คนที่มีความมุ่งบรรลุธรรม
    มีแต่ความขยันหมั่นเพียร
    ความขี้เกียจมีน้อย แทบจะไม่มี

    พอได้คำแนะนำจากพระพุทธเจ้าจึงบรรลุได้เร็ว


    หากพึงหวัง ตั้งใจ อยากจะบรรลุธรรมขั้นใด ขั้นนึงแล้ว
    ก็อย่าหวังเลย
    หากไม่เริ่มเอาชนะความขี้เกียจ ที่ตัวเองให้ได้เสียก่อน

    ตายเปล่า
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    กรรมฐาน ที่ดี จะไม่เลือกอารมณ์ " รักสุข เกลียดทุกข์ " มัวเสียเวลา
    ไปตำหนิจิต แม้น "จิตขี้เกียจ" หากภาวนาเป็น เราจะไม่เอามาตำหนิจิต

    แต่จะอาศัย ระลึกเป็นสภาวะธรรม ยกเป็น อาการจิต รูปกับนาม ปรากฏที่จิต

    ดังนั้น หากเป็นคนมีนิสัยขี้เกียจ แต่สนใจการภาวนา

    ก็เอา สภาวะขี้เกียจ ที่จิตแสดงตัว ไหลไป นั่นแหละ มาระลึก เจริญสติ

    พอจิตเริ่มฝ่อ เริ่มท้อ เริ่มหงอย เริ่มซึม เริ่มหันรีหันขวาง ให้ระลึกรู้สภาวะนั้นไปตรงๆ
    ไม่ต้องไป "ตำหนิ"

    จิตไหลไปแล้วรู้ เผลอไปแล้วรู้ ว่างนิ่งอยู่ก็รู้ ปิติเกิดก็รู้ ปิติดับก็รู้
    [ ตราบใดไม่กำหนดปิติ เกิดดับ นักภาวนาจะไม่ทราบว่า ปิติ นั่นแหละ
    ทำให้ วิตก วิจาร กำเริบ กลายเป็นปฏิปักษ์(เสี้ยนหนาม แทงจิต) ให้
    ตกจาก กุศลที่ยิ่งกว่า จิตไม่ข้ามฌาณ3ไป4 ซ้ำร้าย ตกกลับมา 1 หรือฝุ้งซ่านไปเลย จมโลก ]


    แม้น อาการรู้ เข้าไปรู้ รู้อยู่ รู้ดับ ก็ ให้กำหนดรู้ จิตผู้รู้ก็ไม่เที่ยง

    ปฏิปทาในการภาวนา ก็เป็นสิ่งไม่เที่ยง กำหนดรู้เข้ามา

    จะค่อยๆ เข้าใจ สิ่งที่พ้นสัญญา สิกขาเป็นเรื่องอาศัยระลึก ไม่ใช่คิดๆนึกๆ
    แล้ว สัมผัส .........................ยกเห็น ......ตรงนี้ถึงจะเรียกว่า ภาวนาเป็น

    หากเป็นการ ลูบๆคลำๆ เลือกแต่ ปฏิปทาที่ดี เอามาประดับตน อ้างพลานิสงค์
    โน้นนั่นนี่ กิเลสท่วมหัว ทับการภาวนา อย่างมาอ้างว่า ภาวนาเป็น

    ตายเปล่า !!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2016
  6. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    โลภะ - การให้ทานพอจะทำให้เบาบางได้
    ราคะ - ไม่น่าจะมีวิธีไหนได้ผลเท่าอสุภกรรมฐาน
    ** ถ้ามีสัมมาสติความระลึกชอบในทางกุศลมากก็พอเบาบางได้ **
     
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เอาตามจริงเลยนะ ต้องเป็นพระอริยเจ้าขึ้นไปครับ

    แต่ถ้ายังเป็นคนธรรมดา แนะนำว่า ทรงอารมณ์สมาธิกรรมฐาน ทุกลมหายใจเข้าออก ครับ

    ทรงอารมณ์สมาธิไว้ เพราะมันจะกด กิเลสเอาไว้ไม่ให้กำเริบ นั้นเองครับ

    .
     
  8. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    ก็พระพุทธเจ้า พระองค์เป็นเลิศ ใน 3โลก

    พระองค์ ไห้ คู่ปรับ หรือวิธี ต่อกร กับ กิเลส

    ซึ้งมี ลาภะบ้าง โมหะ โทสะบ้าง

    โลภ พระองค์ ทรงสอน ไห้รู้จักจาคะ การสละออก

    โมหะ ก็สอนไห้ นึกถึงความตาย มันตัดรัก ตัดหลง

    ราคะจริต หลงว่ารูป สวย พระพุทธเจ้า ก็ได้ไห้ อสุภภะ 10 ไว้พิจรณา

    ทางอื่นไม่มีหรอกครับ เราปุถุชน (คนที่หนาแน่นไปด้วยกิเลสๆอย่างเรา)

    ค่อยๆทำไปครับ พระพุทธตรัสอย่างไร สอนอย่างไร ทำตามนั้น ได้มาก ได้น้อย

    ก็ได้ชื่อว่าได้ น้ำหยดลงตุ่ม ที่ละแมะ สามารถทำไห้ ตุ่มใหญ่ เต็มได้ ฉันใด

    ก็ฉันนั้น ธรรมะ ของ พระทรงสวัสดิ์ ตรัสไว้ดีแล้ว แรกๆ ก็รู้สึกว่า เราไม่ได้มีอะไรดีขึ้น

    มีความคืบหน้าอะไร ทำไปบ่อยๆจะเห็นผลครับ

    พรานยึ้ม นะจ๊
     
  9. มงคล พิมพา

    มงคล พิมพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +184
    ให้เริ่มต้นอย่างนี้ก่อน..
    ให้มองว่าทุกอย่างในโลกเป็นทุกข์
    เวลาใช้เงินก็ทุกข์กว่าจะหาได้มันไม่ได้ลอยมาเอง
    นอนขี้เกียจอยู่ก็ทุกข์ เพราะยังมีสิ่งที่ต้องทำแต่มันขี้เกียจ
    ทุกข์ ทุกข์ ทุกข์ ชีวิตมันโคตรทุกข์
    ไหนจะพ่อ ไหนจะแม่ ไหนจะผัว บ๊ะทุกข์แท้น้อ
    แต่พิจารณาทุกข์แล้วอย่าไปฆ่าตัวตายละเด่วคนแนะนำจะซวย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2016
  10. ขง

    ขง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +676
    ระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์ ครับ

    ราคะ - สุดท้ายเราก็ตาย กลายเป็นซากศพ และสลายไป กลายเป็นธาตุดิน ( ธาตุ 4)

    ลาภะ - สุดท้ายเราก็ตาย ทรัพย์สิน และ สมบัติ ก็เอาไปไม่ได้

    เป็นวิธีการพิจารณาเบื้องต้น ยังไม่ต้องใช้กำลังใจหนักเท่ากับ เพ่งอสุภะ ครับ
     
  11. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ใช่ๆช่วงที่เตือนตัวเองบ่อยๆว่าตายไปก้อเอาอะไรไปไม่ได้ ช่วงนั้นจะปลงๆไม่ค่อยเกิดความโลภ
     
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ต่อให้เป็นอรหันต์ ก็ต้องกินต้องใช้ ต้องทำงานแลกเงิน สำหรับซื้ออาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค
     
  13. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    คิกคิก
     
  14. ขง

    ขง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +676
    วิธีทำให้ถึงอรหันต์ สั้นที่สุด ง่ายที่สุด

    ...เวลานั้นองค์สมเด็จพระทศพลเสด็จมาพอดี ทรงประทับยืนอยู่เหนือศีรษะด้านหน้า มีแสงสว่างมากแล้วท่านตรัส ท่านบอกว่า

    "คุณ คนที่ปฏิบัติอยู่แล้วทั้งหมดนี้กำลังใหญ่ คือเข้าถึงนิพพานทุกคน แต่ทว่าเพื่อความไม่ประมาทให้เขาทำอย่างนี้

    วันหนึ่งจะใช้เวลาไหนก็ได้ เวลาที่ใจสบาย ถ้าเวลาอื่นมันติดงานมากก็เอาเวลานอน
    นอนก่อนจะหลับหรือว่าตื่นใหม่ๆ ใจสบาย เอาจิตใจจับนึกถึงท่าน (พระพุทธเจ้า) ถ้าบุคคลใดไม่ได้ทิพจักขุญานก็นึกภาพเอาเอง กำหนดภาพพระพุทธเจ้า หรือพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง ให้เป็นประกาย

    บังคับจิต ถ้าเห็นเป็นสีเหลืองก็บังคับให้เป็นสีแก้วให้ได้
    ทำอยู่อย่างนี้ไม่กี่วันหรอกก็เป็น ให้จิตมันเป็นฌาน ถ้านึกถึงเมื่อไรก็เห็นพระพุทธเจ้าเป็นสีแก้วเป็นประกายทุกวัน"

    องค์สมเด็จพระทรงธรรม์ท่านบอกว่า ถ้าเขาทำอย่างนี้นะ ได้ทุกวันอย่าได้ขาด วันหนึ่งใช้เวลา 2-3 นาทีก็ไม่เป็นไร ฉันไม่จำกัดเวลาว่าจะใช้เวลานานหรือเวลาเร็ว ถ้าเขาทำอย่างนี้ได้ทุกวันแล้วก็ทรงอารมณ์ตามที่บอกไว้คือ

    1) นึกถึงความตายไว้ อย่าประมาทในชีวิต
    2) เคารพในพระรัตนตรัย
    3) ทรงศีล 5 บริสุทธิ์
    4) จิตหวังพระนิพพานอย่างเดียว

    ท่านบอกว่าเป็นอย่างนี้ละก็ ถ้าก่อนอายุขัยของเขา 7 วัน ท่านกำหนดให้เลยนะ ว่าก่อนอายุขัยอีก 7 วันต้องตายแน่อยู่ไม่ได้ ตอนนั้นกระแสจิตของเขาจะเห็นภาพในอากาศเต็มจักรวาล ทั้งพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี เทวดาก็ดี พรหมก็ดี แพรวพราวไปหมด และก็หลังจากนั้นไปเมื่อกำลังใจของตนจะพ้นกำหนดในการทรงสังขาร

    *สมเด็จพระพิชิตมารบอกว่าจะเข้าถึงอรหัตผลทันที*

    คำสอน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

    จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง 39

    ************

    มรณานุสสติกรรมฐาน

    ให้เราคิดไว้เสมอว่า

    " ชีวิตของเรา มีความตายเป็นที่สุด ไม่สามารถหลีกหนี
    ความตายพ้นและความตายอาจจะเข้ามาถึงเรา วันนี้อาจจะเป็นได้"

    หรือ

    " ชีวิตของเรา มีความตายเป็นที่สุด ไม่สามารถหลีกหนีความตายพ้น และ เราอาจจะตาย วันนี้ก็ได้ "

    สรุปมาจากหนังสือ วิธีปฏิบัติกรรมฐานด้วยตนเองอย่างง่าย
     
  15. ขง

    ขง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +676
    วิธีระลึกถึงนิพพานเป็นอารมณ์

    คาถาพระนิพพานนิมิต


    นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานะจิตติ นิพพานะจิตตา

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านเล่าถึงที่มาของพระคาถานี้ว่า เมื่อเข้าไปในพระจุฬามณีเจดีย์สถาน

    พบองค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสว่า

    “เธอนี่ควรจะเอาจิตจับพระนิพพานได้แล้ว และควรจะถือนิพพานนิมิตเป็นสำคัญ” ท่านบอกว่าใช้นิพพานนิมิต

    ท่านให้ภาวนาอย่างนี้ "นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ นิพพานจิตตา"

    (นิ-มิต-จิต-ติ นิ-มิต-จิต-ตา นิพ-พา-นะ-จิต-ติ นิพ-พา-นะ-จิต-ตา)

    ให้ภาวนาถือพระนิพพานเป็นอารมณ์

    อย่างนี้จิตจะมีความผูกพันพระนิพพานเป็นอารมณ์มากขึ้น

    แล้วก็กำลังใจของเธอจะไม่คลาดจากนิพพานเมื่อกำลังใจของเธอไม่คลาดจากนิพพาน

    เมื่อเธอตัดพุทธภูมิมาแล้วต้องการเป็นพระสาวก ความสำเร็จของเธอจะไม่ก้าวล่วงปีนี้ไป

    จงกลับไปจับเอาอารมณ์นี้ให้เป็นฌานสมาบัติ”

    เมื่อจำคาถามาแล้ว ในขณะนั้นก็ตั้งจิตภาวนา คือทำอารมณ์ไว้ตั้งแต่ยังไม่เอาจิตเข้าร่าง

    เมื่ออทิสมานกายมันยังลอยไปสู่ภพต่างๆ ก็ใช้อารมณ์นี้เรื่อยไป

    จิตใจก็จับพระนิพพานเห็นภาพพระนิพพานใสแจ๋ว มีความมั่นใจว่านั่นแล้วคือพระนิพพาน

    อย่างไรๆเราตายชาตินี้เราต้องไปนิพพานให้ได้ เรื่องร่างกายเรื่องทรัพย์สินไม่มีความหมายกับเรา นี่เป็นอารมณ์

    โดย หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง
     
  16. ขง

    ขง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +676
    ขอโทษนะครับ ขอจุดเริ่มต้นเลย

    อาการความอยากได้ นั่น อยากได้ นี่

    อารมณ์เป็นแบบนี้ไหมครับ

    " สำหรับท่านที่มีโมหะ จริต โมหะแปลว่าความหลง ท่านประเภทนี้ก็มีอารมณ์คิดมากเหมือนกัน คิดอยู่เสมอว่า นั่นเป็นเรา นี่เป็นของเรา โน่นเป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ของเล็กของน้อย ก็มีความหวงแหนเป็นปกติ มีความหลงในทรัพย์สิน ความหลงในชีวิต คิดอยู่เสมอว่าตัวจะไม่ตาย และมีความคิดอยู่เสมอว่า ทรัพย์สินทั้งหลายของเราที่หามาได้ด้วยความเหนื่อยยาก เราจะไม่ยอมแบ่งปันให้ใคร จะกอบโกยไว้บำรุงความสุขฝ่ายตนแต่ผู้เดียว "

    อ้างอิง จาก คำสอนของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ


    หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ท่านเทศน์ต่อว่า

    องค์ สมเด็จพระบรมสุคต ทรงประทานให้กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก เวลาหายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้า
    เวลาหายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออก หายใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกยาวหรือสั้น ก็รู้อยู่
    ไม่ต้องใช้คำภาวนาหรือการพิจารณาใดๆ ทั้งหมด



    ถ้าใช้คำภาวนาและการพิจารณาแล้ว อารมณ์จิตก็จะชวนให้เกิดความฟุ้งซ่านมากขึ้น
    ฉะนั้นต้องระงับการภาวนาและพิจารณาใดๆ ให้สิ้น ไม่ใช้อารมณ์จิตให้คิด
    ระวังอยู่อย่างเดียวคือ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ให้พยายามกำหนดรู้อยู่ เป็นอันดับแรก
    และอันดับต่อไป เมื่อจิตใจเริ่มมีความสบาย จิตใจคลายจากอารมณ์ความคิด ความฟุ้งซ่าน
    ก็กำหนดรู้ลมหายใจเข้ายาวหรือสั้น ออกยาวหรือสั้น นี่ทางด้านของมหาสติปัฏฐานสูตร



    และการใช้เวลากำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก อันนี้ตามที่เคยฝึกกันมา
    อาตมาเห็นว่าไม่ควรจะใช้เวลาให้มากเกินพอดี นี้คำว่าพอดีของแต่ละบุคคลก็อาจจะไม่สม่ำเสมอกัน
    ถ้าการควบคุมอารมณ์จิตไม่สามารถจะทรงอยู่ได้ตามความต้องการ ถ้าใช้เวลามากก็จะเกิดความกลุ้ม
    ควรจะใช้เวลาแต่เพียงน้อยๆ
     
  17. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พิจารณากายในกาย
    พิจารณาเวทนาในเวทนา
    พิจารณาจิตในจิต
    พิจารณาธรรมในธรรม
     
  18. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ขอบพระคุณท่าน ที่ไม่เคยเบื่อกับการตอบคำถามของข้าพเจ้า /||\
     
  19. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    คนที่ปรารถนาอรหัตตผลต้องใจเด็ดเดี่ยว ไม่เสียดายชีวิต ข้าพเจ้ายังติดอยู่ว่าอยากมีแฟน(เป็นมนุษย์จริงๆไม่ใช่วิญญาณ) เลยไม่ไปไหน ไม่ยอมเจริญสติ ยังทำใจไม่ได้เลย อกหักตลอด
     
  20. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    คงต้องใช้เวลาสักระยะในการปล่อยวาง
     

แชร์หน้านี้

Loading...