ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพ่อสมหวังบรรจุธาตุพระปัจเจก(ขอทรัพย์พระปัจเจก) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ผมกำลังไล่ตอบ PM ให้นะครับ รู้สึกว่าค้างไว้หลายท่านเลย;)
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์ครับ เรื่องนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับคนที่ใช้ของขลังไม่ขึ้น ลองอ่านศึกษากันดูนะครับเผื่อเราจะติดกรรมหรือมีสาเหตุอะไรให้ใช้ไม่ขึ้นเนื่องจากมีลักษณะนิสัยเหล่านี้หรือเปล่าและจะแก้ไขยังไง

    หาก คุณเป็นคน ๆ หนึ่งที่เล่นของไม่ขึ้น หรือใช้เครื่องรางของขลังไม่ได้ผล ไม่ว่าจะบูชาอะไรไปที่เขาว่าแรงว่าดีเขาใช้ได้ผลกันแต่พอบูชาไปแล้วเฉย ๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นเพราะ

    1. เคยลบหลู่พระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เคยลบหลู่บุญคุณบิดามารดา ผู้ที่ควรเคารพบูชา หรือเคยลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเทวดา หรือครูบาอาจารย์ หากไม่แน่ใจว่าเราเคยทำมาหรือไม่ ให้หาพวงมาลัยดอกไม้ ธูปเทียน หรือทำขันธ์ขอขมาต่อท่านทั้งหมดที่กล่าวมา

    2. เป็นคนที่จิตมีความลังเลสงสัยมากเกินไป สงสัยไปหมดจนจิตลังเลไม่เชื่อถือในของที่บูชา อำนาจของเครื่องรางของขลังเป็นสิ่งที่เกิดจากอำนาจจิตของผู้ที่ปลุกเสก หากจิตคนที่นำไปบูชาไม่ยึดมั่นถือมั่นศรัทธาในของขลังนั้นจะได้ผลได้อย่างไร ตัวสงสัยนั่นแหละเป็นตัวกั้นให้ไม่ได้ผล

    3. เป็นคนที่มีจิตใจด้านเกินไป จนจิตไม่สื่อกับอำนาจของเครื่องรางของขลัง เช่น ไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริงอันนี้ปิดเลย

    4. เป็นคนมีจิตใจชอบลองของลองดีแบบลบหลู่ด้วย อันนี้หนักไม่ได้ผลเลยอาจจะมีโทษอีกต่างหาก หรือไม่ก็เป็นแบบอยากใช้ของๆเขาอยากเอาผลจากของ ๆ เขาแต่ตัวเองไม่ศรัทธาอาจารย์ที่สร้างไม่เชื่อว่าของๆ เขาศักดิ์สิทธิ์จริง หรือมีลักษณะของจิตใจทื่อๆด้านๆเห็นเครื่องรางของขลังเหมือนกับคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือที่เอามาใช้ปุ๊บต้องได้ผลตามที่ต้องการปั๊บโดยที่ตัวเอง ยังไม่ศรัทธาแท้ ไม่ยึดมั่นถือมั่นศรัทธาแท้ในศาสตร์ของเขา ข้อนี้เท่าที่เห็นมาเป็นกันเยอะ

    5. มีครูบาอาจารย์หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษาอยู่แล้ว แต่ใช้เครื่องรางของขลังที่เป็นสายที่ขัดแย้งกับครูบาอาจารย์หรือสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาอยู่ ข้อนี้เกิดขึ้นกับเฉพาะบางคนมีไม่มาก

    6. ของนั้นไม่แรงหรืออาจารย์ผู้เสกปลุกเสกไม่เป็นไปตามนั้นเช่นปลุกขุนแผนแทน ที่จะเสกทางเสน่ห์เมตตา ก็เป็นแคล้วคลาดคงกระพันอย่างนี้เป็นต้น อาจารย์หรือพระบางองค์เก่งไม่เหมือนกันบางองค์เก่งทางเมตตา บางองค์เก่งทางคงกระพันแคล้วคลาด บางองค์เก่งหลายอย่างเป็นต้น บางทีอาจารย์บางองค์เก่งทางคงกระพัน แต่ทำของทางเสน่ห์เมตตาออกมาให้ลูกศิษย์บูชาพลังก็ไม่เป็นไปทางเสน่ห์ เมตตา แต่ออกไปทางคงกระพันตามที่ตัวเองถนัดอย่างนี้ใช้ยังไงก็ไม่ได้ผล ของแรงไม่แรง หรือของแต่ละอย่างดีอย่างไรอย่าไปดูคำโฆษณาตามที่เขาโปรโมทกันในหนังสือ เพราะที่ศักดิ์สิทธิ์จริงก็มีที่ยกกันขึ้นมาก็มี ให้ดูจากผลที่ผู้บูชาไปแล้วว่าเป็นอย่างไร

    7. ใช้ของผิดสาย เช่น ตัวเองเป็นคนบำเพ็ญบุญไปทางพระพุทธคุณไปทางมนต์ขาว แต่ดันไปใช้ของต่ำเกินไปเป็นมนต์ดำไสย์ดำ เช่น น้ำมันพราย หรือใช้พวกของสายผีสายพรายที่เป็นสายต่ำ (สายพรายมีทั้งสูงและต่ำ) ใช้ของที่ขัดแย้งกับบุญของตัวเองอย่างนี้ก็ไม่ได้ผล

    8. ไม่มีวาสนามากับของพวกนี้ ไม่มีวาสนามากับเครื่องรางของขลัง ในอดีตชาติหรือชาตินี้ไม่เคยทำบุญร่วมมากับครูบาอาจารย์ไม่เคยนับถือสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ ไม่เคยทำบุญให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือครูบาอาจารย์เลย ให้แก้ไขโดยการทำบุญถวายสังฆทาน หรือตักบาตรให้ครูบาอาจารย์และเทพเทวดาที่รักษาเครื่องรางของขลังนั้นอยู่

    9. มีกรรมกั้นขวางอยู่ ทำให้ใช้ของไม่ได้ผล ให้แก้โดยการอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร

    หาก คุณเป็นคน ๆ หนึ่งที่ใช้ของขลังไม่ได้ผล ลองสำรวจดูว่าตัวเองเป็นประเภทไหน แล้วก็แก้ไขไปตามที่แก้ไขได้ หากยังต้องการใช้เครื่องรางของต่อไป


    image.jpg
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พรุ่งนี้ส่งของนะครับ:)
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ตอบ PM ครบหมดแล้วนะครับ พรุ่งนี้จะเคลียร์รายการส่งของให้
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พูดคุยยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์นะครับ คงจะเคยได้ยินอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับคำว่าเสนียดจัญไร ทีนี้เราก็มาดูกันก่อนว่าแต่โบราณนั้นมีความเชื่อกันมาว่าอย่างไร ทำอะไรบ้างถึงติดเสนียด ซึ่งแน่นอนว่าให้ตัวเสนียดนี้หากใครติดแล้วจะพาลทำให้คนผู้นั้นทำอะไรไม่ขึ้นจนถึงแก่วิบัติทีเดียว

    อุบาทว์ หรือ เสนียดจัญไร หรือ ลางร้าย ตามความเชื่อของโบราณนั้นกล่าวว่า เป็นลางบอกเหตุซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ได้คิดไว้ก่อน ถ้าเกิดขึ้นกับผู้ใดหรือเกิดขึ้นในครอบครัวใด จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับครอบครัวนั้นจึงต้องทำการแก้ไขด่วน การแก้ไขนั้นสามารถแบ่งออกได้ 2 แบบ คือ การเก้ไขแบบพุทธและการแก้ไขแบบพราหมณ์ โดยตำราท่านว่าไว้ว่าหารเกิดลางร้ายหรือสิ่งที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้ถ่อว่าเป็นการบอกลางที่ไม่ดีแก่ผู้พบเห็น หรือ ผู้ที่ได้กระทำให้เกิด ตามตำราใบลานท่านได้ว่าไว้ดังนี้

    “ ทำไขลนทวาร บานประตู ขุดคู ขุดบ่อ ปิดท่อ ปิดทาง ปิดบึง ปิดทวาร ทำศาลหน้ามุข สีสุกไม่ไผ่กลับกลายไปตะวันตก แมงมุมตีอก หนูกกในเรือน เรียกเพือนตามกัน เสาตกน้ำมัน ไม้รังนางเรียง ผึ่งต่อจับรวงรัง ไม้หักทับที่ ปลวกขึ้นในเดน ตะกวดเหี้ย วิ่งขึ้นบนเรือน ไก่เถื่อนเข้าบ้าน งูเหลือมขึ้นบ้าน แร้งจับหลังคา ข้าวสารแช่น้ำงอกขึ้นเป็นใบ เห็ดงอกเตาไฟ สิงห์สัตว์ขึ้นไข่บนฟูกบนหมอน วัวควาย สีจัก เขาหักเขาคลอน เข้าซ้อนสลักคอก สีข้างพอก ฟันหัก ปักประตูผี ฝันร้ายมิดี เงาหัวพิกล หญิงชายเข้าคนนอนกรนนอนคาง หลับนอนตาค้าง น้ำลายไหลนอง หมาร้องเป็น้สียงฆ้อง เสือร้องเป็นเสียงช้าง กล้วยออกปลีข้างๆกลายเป็นดอกบัว นอนหลับละเมอหวีผมกลางคืน นอนเฟ้อเหมอืนบ้า น้ำซับชายผ้า หมาขึ้นหลังคา หมาขึ้นตะลอมเข้า นกเค้า นกเสก บินแถกเอาขวัญ รันเข้าที่นอน หมาแม่ลูกอ่อน คาบลูกขึ้นเรือน หมาเหยียบหน้าต่างเหา แม่ไก่ขันกลับมาฟักไข่ แร้งคาบศพตกบนหลังคา มดปลวกขึ้นฝา งูทับสมิงคา เลื้อยมาเข้าบ้าน กล้วยตาคาปี หมาเยียวรดตีน ขุดต่อในดินหินหักสองท่อน เสาเรือน ยอดสลัก หักใต้บันได "

    พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าวิธีที่จะแก้เสนียดเหล่านี้อย่างง่ายที่สุดก็คือการอาบน้ำมนต์ และไม่ใช่ต้องไปอาบกับวัดเพราะต้องอาบกันเป็นประจำจนถึงบ่อยที่สุด เนื่องจากชีวิตคนเรานั้นมีเรื่องต่างๆที่สามารถติดเสนียดจัญไรเกิดขึ้นได้เป็นประจำ ดังนั้นจึงควรมีเครื่องรางที่สามารถทำน้ำมนต์ได้ติดตัวไว้ตลอดพร้อมกับทั้งท่องบ่นมนต์ธรณีสารใหญ่ได้ด้วยตนเอง อันมนต์ธรณีสารใหญ่หรือโองการนี้ก็แล้วแต่จะเรียกท่านว่าเป็นบททำน้ำมนต์ถอนเสนียดได้อย่างดี เพราะบางครั้งก็เรียกคาถาปัดเสนียด ได้แก่

    นะโม นะมัสการ เม แห่งข้าจะไหว้ ซึ่งพระปรเมศวรผู้เป็นเจ้าเสด็จลงมาตั้งฟ้าแลดิน ตั้งสมุทรสายสิญธุ์อันอุดม
    ข้าจะไหว้พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ พระจัตุโลกบาลทั้ง ๔ พระฤาษีนารอท ยอดปิฎกกัณฑ์ไตร พระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ พระโตรสรณคมน์ ทั้งพระพ่อหมอเอก ทั้งพระพุทธคิเนศณ์ พุทธคินาย พระนารายณ์ พระกัจจายเถร พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร พระพุทธ พระธรรม พระควัมบดี พระมหาโพธิ พระมหาสารีริกธาตุ แก่นจันทน์ พระศรีรัตนตรัยเจ้านั้น
    ท่านจึงใช้ให้กูมาตั้งโองการ เบิกบ้านแลเบิกป่า เบิกพระหิมพานต์เบิกพระพุย เบิกพระพาย เบิกพระพิรุณ พระเพลิง พระกาฬเถลิง
    ท่านจึงให้กูมาตั้งพิธีสารพัดกันเสนียดจัญไร กันที่ชั่วทั้งหลาย อย่าระคายมาพ้องพาน ทั้งพระธรณีสารอย่าได้มาต้อง
    เธอจึงให้กูมา ตีเชือกบ่วงบาศก์คล้องรัดคน โดยมณฑล ที่ท่านว่าไว้ เธอจึงให้กูมาผลาญ ต้นไม้อันมีผี อันครกสีแลกระเดื่อง กูจะตั้งพิธีสารพัด ทำโขนทวารบานประตู ขุดคูแลขุดบ่อ
    ปิดท่อแลปิดทาง ปิดบึง ปิดบาง ปิดทวารแลถมสระปั้นรูปพระแลรูปเทวดา ปั้นรูปภาพนานา พากย์เจรจาแลจอหนัง ขนันผีมิดี กาสังผีตายโหง ต่อโลง แลโกศฝา ทำศาลาแล หน้ามุข สีสุกไม้ไผ่กลับกลายทางทิศตะวันตก แมลงมุมตีอก หนูกกในเรือน เรียกเพื่อนตามกัน เสาเรือนตกมัน ไม้รังนางเรียง ที่ลาด ที่แก่ง ที่เกาะ ที่เฉลียง ที่วนที่วัง ที่พังน้ำขัง ผึ้งต่อจับรวงรัง ไม้หักทับที่ ปลวกขึ้นในแดน ตะกวดเหี้ยแล่นขึ้นบนเรือน ไก่เถื่อนเข้าบ้าน งูเหลือมขึ้นร้าน แร้งจับหลังคา ข้าวสารแช่น้ำ งอกขึ้นเป็นใบ เห็ดงอกเตาไฟ สิงห์สัตว์ขึ้นไข่บนฟูกบนหมอน วัวควายเขาหัก เขาจักเขาคอน เขาช้อนสลักคอก ข้างนอกฟันหักประตูผี ฝันร้ายมิดี เงาหัวพิกล หญิงชายข้าคน นอนกรนนอนคราง นอนหลับตาค้าง น้ำลายไหลนอง หม้อร้อง เป็นเสียงฆ้อง เรือร้องเป็นเสียงช้าง กล้วยออกปลีข้างข้าง กลายเป็นดอกบัว
    ผีให้ผีหัว ทำให้คนกลัว ตัวสั่นทาวๆ สัมฤทธิ์ทองขาว แตกร้าวกระจาย หัวแหวนสลาย เขี้ยวงาพิการ ปิดพระสมุทร อุดพระทวาร ขึ้นร้านถล่ม ขึ้นช้างกันร่ม หวีผมกลางคืน นอนละเมอ นอนเน้อ เหมือนคนบ้า น้ำซับชายผ้า หมาขึ้นหลังคา หมาขึ้นกระออมข้าว นมเค้านกแสก บินแถกเอาขวัญ ดันเข้าที่นอน หมอแม่ลูกอ่อน คาบลูกขึ้นเรือน หมาเยี่ยมหน้าต่าง คนซบเซาหาวหอน ต้องอธิกรณ์ ขื่อคาโซ่ตรวน ชายไม่มีเมีย หญิงไม่มีผัว ไม่มีเงาหัว ตกบ่อตกเสา ปลูกเรือนหว่างกลาง พี่น้องต่างกัน รุกที่รุกแดน แว่นแคว้น ขอบขัณฑ์ แม่ไก่ขัน กลับมาฟักไข่ ผีหลอกผีหลอน ตีเกราะเคาะไม้ จิ้งจอกหมาไน วิ่งไล่เห่าขบ แร้งคาบเอาศพ ตกลงหลังคา มดปลวกขึ้นฝา งูทับสมิงคลา เลี้อยมาเข้าบ้าน ฟักทองขึ้นร้าน กลายเป็นนาคี กล้วยตายคาปลี กลายเป็นผีพราย แกะรูปภาพทั้งหลาย เบิกพระเนตร ร่วมอาสน์พระสงฆ์ เสาเรือนไม้แก่น เอาไม้มาประสมโขลง ตั้งเสากระโดง ติดกระโหมดยา ติดโขนเรือพายม้า หมาเยี่ยวรดตีน ขุดตอใต้ดิน หินหักสองท่อง ที่ลุ่มที่ดอน สาครลดตลิ่งพัง เรือนเดิมแรกตั้ง ฝั่งน้ำหัก เสาเรือนยอดสลัก หักได้กระได เอาต้นต่อต้น เอาปลายต่อปลาย เสาเรือนไสกบ ปิดน้ำทำทบ ผูงคนทั้งหลาย ผสมโคผสมควาย ผสมม้าผสมช้าง เลือกรางทำสวน ต่อกงกำเกวียน ขุดสระขุดคลอง ซ่องที่สูงที่ต่ำ ทำไร่ถั่ว วัวไถนามากลางตลาด บาตรแตกสาแหรกขาด ตะลุ่มทาชาด กินซ้อนหอยมุกข์ ร่วมอาสน์ท้าวพระยา ตัดไม้ฝามาผสมหินบด ขุดค่อมตอไม้ ทิ้งไฟทิ้งเรือน ถอดงาช้างเถื่อน เลื่อนผีตายโหง ไม้สักต่อโลง โยงเข้าป่าช้า ชายกระเบนเช็ดหน้า ก้างปลาจิ้มพัน หายใจรดกัน กระไดสี่ขั้น ทำช่องห้องขัด ปลูกเรือนร่วมวัด ไม้กวาดปัดหลังคา เสาเรือนฟ้าฝ่า หลังคาไฟไหม้ ปักไม้เจาะเสา หนูกัดตีนจำเพาะ แมลงสาบเลียหัว ผ้านุ่งกับตัว ไฟไหม้ใต้ลน เรือนเซทับคน วัวชนควายเฉี่ยว เรียนปถมังอาถรรพ์ณ์ ปลูกกุฏิวิหารการเปรียญ เขียนรูปภาพนานา ทำศาลาแลมณฑป พนมศพพนมเมรุ พระครูกูชื่อ พระกัจจายเถร เธอเสด็จเข้าสู่พระนิพพานัง ปะถะมังสุขัง
    พุทธัง กันสารพัด เสนียดจัญไร วินาสสันติ สิทธิหุลู สะวาหายะ
    ธัมมัง กันสารพัด เสนียดจัญไร วินาสสันติ สิทธิหุลู สะวาหายะ
    สังฆัง กันสารพัด เสนียดจัญไร วินาสสันติ สิทธิหุลู สะวาหายะ


    ตรงนี้ท่านว่าหากยาวไปก็ใช้บทธรณีสารน้อยก็ได้ แต่บทธรณีสารใหญ่นี้ท่านว่าก็อย่าได้ทิ้งควรทำอาบบ้างตามกาลต่างๆเช่นวันพระหรือวันโกนตามแต่เราจะกำหนดนั่นเอง บทธรณีสารน้อยนั้น ได้แก่

    องการพินทุนาถัง อุปปันนัง พรหมาสะหะปะติ นามัง อาทิกัปเป สุอาคะโตปัญจะปะทุมมัง ทิสสะวา นะโมพุทธายะ วันทะนัง
    สิโร เม พุทธะเทวัญจะ นะลาเต พรหมะเทวะตา หะทะยัง นารายกัญเจวะ ทะเว หัตเถ ปะระเม สุรา ปาเท วิษณุกัญเจวะ สัพพะกัมมา ประสิทธิ เม สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทาโสตถี ภะวันตุ เม
    สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิการิยะ ตะถาคะโต สิทธิลาโภ นิรันตะรัง สิทธิ์เตโช ชะโยนิจจัง สัมพะกัมมัง ภวันตุเม


    พ่ออาจารย์ท่านว่าคนเราหนีเสนียดจัญไรนี้ไม่พ้น เพราะว่าเรามีการดำเนินชีวิตนั่นเองแล้วพอติดเสนียดจัญไรเหล่านี้ก็มักจะพาลทำให้กิจทั้งปวงที่ทำไว้คั่งค้าง กลายเป็นคนทำอะไรไม่สำเร็จ ท่านว่าหนีกันไม่พ้นเพราะมันเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เช่นงานศพ หรืองานแต่ง ยกตัวอย่างเช่นไปงานศพหรืองานเผาศพกลับมาแล้วจนครบกำหนดสามวันไม่ทำน้ำมนต์อาบรดนี่ก็ต้องเสนียดจัญไรติดตัว หรือจะไปงานแต่งกลับมาพ้นแปดวันไม่อาบน้ำมนต์รดเนื้อตัวก็ต้องเสนียดจัญไรเช่นกัน ท่านว่าที่กล่าวว่าคนเรามีโอกาศติดเสนียดจัญไรนี้ทุกวันก็เพราะว่าเค้าห้ามไปในที่เกิดลูก ที่ออกบุตร รวมถึงที่อยู่ไฟ แต่สมัยนี้สถานที่เหล่านั้นก็คือบ้านและโรงพญาบาล ท่านว่ามีโรงพญาบาลไหนบ้างที่ไม่เคยมีเด็กเกิดแล้วเราไม่เคยเดินเข้าไปเหยียบโรงพญาบาลหรือ แล้วมีบ้านไหนบ้างที่ไม่เคยมีคนอยู่ไฟแล้วเราไม่เคยเหยียบเข้าไปในที่นั้นๆหรือ ลำพังแค่โรงพญาบาลท่านว่าก็ไม่พ้นกันแล้วตรงนี้ท่านว่าหากไม่รดน้ำมนต์ก่อนสิบสองวันก็เสนียดจัญไรติดเช่นกัน นอกจากนี้บุรุษทั้งหลายยังพึงระวังการร่วมสังวาสด้วยสตรีทั้งที่เป็นภรรยาหรือมิใช่ภรรยาก็ตามหากเขามีประจำเดือนหรือเจ็บป่วย พ้นไปห้าวันเสนียดจัญไรก็ติดเช่นกัน ท่านว่าประจำเดือนนี้เรายังพอรู้ได้แต่โรคภัยนั้นพวกเธอรู้กันหรือ เขาป่วยหรือเปล่า เขามีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า วันนี้เค้าสบายดีหรือเปล่า ท่านว่านี่ยังไม่หมดนะ เช่นนี้เราจึงพูดได้ว่า คนนั้นสามารถติดเสนียดจัญไรได้ทุกวัน เพราะโลกมันพัฒนาไปไกลแล้ว ยิ่งมันพัฒนาไปเท่าไหร่ มันก็ไปดึงเอาเหตุอันเป็นอาถรรพ์ สิ่งอุบาทว์ต่างๆนั้นมาเกลือกกลั้วไปกับชีวิตคนนั่นเอง หลายคนพอไปงานศพ งานแต่งหรือไปโรงพญาบาลกลับมาชีวิตจะไม่ดีเลยแล้วก็ไม่รู้ตัวยังไปบ่อยๆอีกด้วยก็มี

    ท่านจึงว่าหากไม่มีเครื่องรางอันครูบาอาจารย์กระทำแล้ว หากมั่นใจในตัวเองก็ให้เรียนคาถาโองการทั้งสองนี้ไว้เถิด จะได้ใช้สงเคราะห์ตนตามเหมาะตามควร ช่วงไหนเห็นว่าชีวิตตัวไม่ดีก็จะได้ทำไว้พึงอาบพึงรดกันเสนียดจัญไรทั้งหลาย


    image.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2017
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่ธนากร ER 8323 6730 5 TH

    พี่ปภัสสร ER 8323 6731 4 TH

    พี่ดุสิตา ER 8323 6732 8 TH

    พี่สมศักดิ์ ER 8323 6733 1 TH

    พี่นวรัตน์ ER 8323 6734 5 TH

    พี่นฐมน ER 8323 6735 9 TH
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ตอบ PM ครบนะครับ
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พรุ่งนี้นะครับหรือไม่ก็วันมะรืนเราจะมีให้ร่วมเล่นเกมส์กัน ห้ามพลาดเด็ดขาดของดีมีน้อย;)
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    วันนี้ติดธุระทั้งวัน แต่จะส่งของให้ทันรอบเย็นนะครับ ส่วนพรุ่งนี้ก็ร่วมเล่นเกมส์กันเตรียมตัวรอได้เลย
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่วันชัย ER 8323 2971 3 TH

    * วันนี้ผมส่งทันของท่านเดียว ที่เหลือผมขอยกยอดไปส่งพรุ่งนี้นะ
    ;)
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    พูดคุย

    วันนี้จะพูดกันถึงเรื่องพุทธบูชา เพื่อมาทำความเข้าใจกันในกรอบของคำนี้ ผมจะพูดคร่าวๆกันก่อนนะ คนเราเมื่อมีความทุกข์ก็มักจะหันหน้ามาเข้าวัดหรือเริ่มสนใจเครื่องมงคลกัน

    จุดนี้บางคนก็ต้องการแสวงหา ขวนขวายกันไป อยากไปไหว้พระที่วัดนั้นวัดนี้ วัดนี้โฉลก วัดนี้เป็นมงคล เจดีย์องค์นั้นแก้ชง ต้องไปกราบสังเวชนียสถานบ้างถึงจะได้บุญเสมอได้พบพระตถาคตเจ้า ก็ว่ากันไปแล้วแต่ความเชื่อที่คิดกัน

    พ่ออาจารย์ท่านบอกว่าอันที่จริงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นไม่ได้ยกย่องอามิสบูชาเหล่านี้เลย ต่อให้แสวงหากระทำอย่างดีเลิศ ทำให้ประณีตแค่ไหน แม้พ้นจากมนุษย์ไปนั้น ต่อให้เป้นเทพพรหมจะประดิษฐ์ปรุงแต่งกระทำสักการบูชาในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้วิจิตรพิศดารสักปานใด ก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นการบูชาพระตถาคตเจ้าด้วยความจริงใจทั้งสิ้น

    นี่ตรงนี้เห็นมั๊ย ออกตัวไว้ก่อนนะครับเพราะทุกคนมีความเชื่อพื้นฐานต่างกันหากอ่านแล้วจะเชื่อก็เชื่อหรือจะคิดตามก็โอเค แม้จะอ่านแล้วผ่านไปไม่คิดเลยก็ไม่เป็นไร พ่ออาจารย์ท่านกล่าวว่าการกระทำสักการะบูชาอันเรียกว่าเป็นพุทธบูชาอย่างประเสริฐนั้น ไม่ได้อยู่กับการขวนขวายต้องเดินทางไปในสถานที่ไหน ต้องไปให้ไกลเพียงใด จริงอยู่ว่าไปมันก็ได้บุญ แต่ใครก็ไปได้ใช่หรือไม่

    การบูชาที่พระตถาคตเจ้าท่านสรรเสริญว่าเป็นการบูชาอย่างจริงใจนั้น คือการบูชาพระองค์ด้วยการกระทำ นั่นคือการปฏิบัติ ได้แก่ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติธรรม น้อมนำธรรมเข้ามาสู่ใจ เช่นนี้จึงจะได้ชื่อว่าการสักการบูชาอันประเสริฐยิ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าต่อให้ไปสังเวชนียสถานแล้วอย่างไร ใจมันก็แค่อยากเห็น อยากเที่ยว อยากจะไปถ่ายรูปเท่านั้น ให้ชั่งน้ำหนักดูว่าความรู้สึกจริงๆอย่างใดมีมากกว่ากัน ในทางตรงกันข้ามกับการกระทำสักการะบูชาขั้นสูงสุดด้วยการปฏิบัตินั่นเองพระตถาคตเจ้าท่านจึงได้กล่าวสรรเสริญไว้ แม้หลังพุทธปรินิพพานไปแล้ว หากมีภิกษุที่ยังรักษาศีลบริสุทธิ์หมั่นเจริญกรรมฐานเป็นอารมณ์ โลกนี้ย่อมไม่ว่างจากพระอรหันต์ในกาลทุกเมื่อ สมกับพุทธดำรัสว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" พ่ออาจารย์ท่านจึงกล่าวเสมอว่าหากอยากพบพระพุทธเจ้า เธอไม่ต้องเดินทางไปที่ใดเลย ต่อให้เธอกระทำประทักษิณบูชารอบโลกถึงสามรอบ ก็ไม่ได้บุญหรือจะมีอานิสงค์เทียบเท่ากับการปฏิบัติบูชา หากอยากเห็นสมเด็จพระบรมศาสดา ก็จงใช้ตาน้อมนำความรู้สึกให้เห็นอมตะธรรมนั่นเถิด

    จากที่ท่านสอนจะเห็นได้ว่าการกระทำสักการะขั้นสูงสุดต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่าย นั่นคืออยู่ที่ไหนก็ทำได้ ไม่ต้องเดินทางไปไหนเลย เพียงค่อยๆ ทีละน้อย ทีละน้อย ค่อยๆนำหลักธรรมที่พระองค์สอนไว้ดีแล้ว ธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ค่อยๆปรับแต่ง นำมาปรับใช้กับชีวิต กับอารมณ์ความรู้สึกเราเพียงเท่านั้น ท่านว่าดีกว่าไปแสดงออกถึงการบูชาด้วยการเดินทางต่างๆซึ่งการบูชาทั้งหลายเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องฉาบฉวยทั้งสิ้น

    ก็นำมากล่าวไว้ให้อ่านและพิจารณากันนะครับ ทุกสิ่ง หากคิด และพิจารณาแล้ว ก็ควรพิจารณาซ้ำเข้าไปอีก พิจารณาไปเรื่อยๆ ถ้าเห็นว่าควรว่าชอบแล้วก็ควรที่จะลงมือกระทำ


    035.jpg
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,100
    ค่าพลัง:
    +16,525
    ร่วมเล่นเกมส์ ลุ้นรับตะกรุดสาลิกาหลวงพ่อกวย

    วิชาการทำตะกรุดสาริกาของหลวงพ่อกวยนั้น จะดีอย่างไรคงไม่ต้องกล่าวมาก แต่จะสังเกตุได้ว่าในรุปถ่ายของท่าน หรือแม้แต่ในสีผึ้งของท่าน ท่านมักนิยมจะฝังหรือจะติดตะกรุดสาลิกานี้ลงไปด้วย กล่าวได้อีกนัยน์หนึ่งนั้นวิชาการลงตะกรุดสาริกาของหลวงพ่อกวยนี้ย่อมเป็นหนึ่งไม่มีสองอย่างแน่นอน

    ขึ้นชื่อว่าตะกรุดสาริกาแน่นอนว่าย่อมต้องมีพุทธคุณทางเมตตามหานิยม เจรจาพาทีเป็นเลิศ และยิ่งเป็นของหลวงพ่อกวยด้วยแล้ว เรื่องความขลังจึงไม่ต้องห่วงเลยท่านว่าเชื่อขนมกินได้แน่นอน พ่ออาจารย์ท่านว่าสมัยนี้พระหลวงพ่อกวยเริ่มหายากขึ้นทุกวัน เพราะคนรู้คุณค่าคนศรัทธานั้นมีมากขึ้นตามลำดับ ประกอบกับมีของทำปลอมออกมาเยอะขึ้นหลายฝีมือ ท่านจึงอยากให้กลุ่มคนที่ศรัทธาตรงนี้ได้มีของหลวงพ่อกวยไว้ใช้บ้าง ท่านว่าถึงแม้เราจะไม่มีของมีค่า มีพระรุ่นดังๆของท่านนำมมาแจกให้เพียงพอต่อปริมาณคนที่ศรัทธา แต่เราก็ยังมีตะกรุดที่ท่านทำไว้ให้ แม้จะจำนวนไม่มากก็ตาม แม้ไม่นิยมหรืออะไรก็เรื่องของเขา แต่หากจะเอาไว้ใช้พึ่งพาพุทธานุภาพหรือเพื่อระลึกถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อกวยนั้น ก็ย่อมจะใช้ได้เสมอกันไม่ต่างจากของแพงแต่อย่างใด พูดได้เลยว่าของชิ้นนี้มีคุณค่าทางจิตใจสูงมาก มากแค่ไหนคนที่จะตอบได้มีแต่ตัวของพวกเราเท่านั้น ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะความศรัทธาของคนนั้นมันก็เหมือนระดับน้ำ ไม่มีที่จะเสมอกันนั่นเอง

    พ่ออาจารย์ท่านจึงได้มีดำริให้จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อร่วมเล่นเกมส์ในครั้งนี้ ซึ่งเราจะใช้กติกาเดิมนั่นคือให้ร่วมเล่นเกมส์แค่สองวันนั่นคือวันเสาร์และวันอาทิตย์ ปิดเกมส์ปุ๊ปวันจันทร์โอนค่าจัดส่ง วันอังคารจะทำการจัดส่งของให้ครบให้เร็วที่สุดถือว่าปิดกิจกรรมตรงนี้ไปเลยไม่ให้มีตกค้าง


    สำหรับการเล่นเกมส์ครั้งนี้ ผมก็จะเอาวิธีง่ายๆเลย ให้ยกหลักธรรมหรือหัวข้อธรรมทั้งหลายของสมเด้จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือของพ่อแม่ครูอาจารย์องค์ใดก็ได้ มาโพสต์ไว้เป็นวิทยาทาน ให้ท่านทั้งหลายที่ติดตามกระทู้ได้อ่านกัน เป็นกุศลแก่ตัวเองแล้วก็ได้แก่ผู้อื่นเช่นกัน


    ก็ให้ร่วมเล่นเกมส์กันได้เลย หมดเวลาหกโมงเย็นวันอาทิตย์นะครับ
    ball1180929.jpg lk_bdk.jpg
     
  13. Cajun

    Cajun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2015
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +268
    ร่วมเล่นเกมส์

    อินทรีย์สังวร คือการสำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้น และมนะคือใจ คือเมื่อได้เห็นอะไร ได้ยินอะไรเป็นต้น ก็ไม่ยึดถือสิ่งเหล่านั้น เพราะเมื่อยึดถือ ความยินดียินร้าย บาปอกุศธรรมทั้งหลายย่อมไหลเข้าสู่ใจ

    สมเด็จพระญาณสังวร
     
  14. ปฏิภาณ บดส

    ปฏิภาณ บดส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +132
    เมื่อไม่มองเห็นว่าเป็นทุกข์ก็ยังยึดถือทุกข์อยู่ ไม่ปล่อยทุกข์ เหมือนอย่างเมื่อกำก้อนถ่านไฟไว้ในมือ แต่ก็ไม่เห็นว่าได้กำก้อนถ่านไฟไว้"

    (สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก)
     
  15. อโศกาชน

    อโศกาชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +447
    "ไม่ใช่ให้เราหนีกิเลส ไม่ใช่ให้กิเลสหนีเรา แต่จงอยู่กับมันอย่างมีสติ เหมือนน้ำกับใบบัว แม้อยู่ด้วยกัน แต่น้ำไม่อาจซึมเข้าใบบัวได้"
    หลวงพ่อชา สุภัทโท
     
  16. techapunyo

    techapunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +1,730
    "คนเราทุกวันนี้ โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม เรามัวพากันยุ่งอยู่กับโลกจนเหมือนลิงติดตัง เรื่องของโลก เรื่องเละ ๆ เรื่องไม่มีที่สิ้นสุด เราไปแก้ไขเขาไม่ได้ จะต้องแก้ไขที่ตัวเราเอง ตนของตนเตือนตนด้วยตนเอง"

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
     
  17. lavinas

    lavinas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2013
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +137
    การเจริญความดีในพระพุทธศาสนา เราต้องทรง
    อารมณ์เป็นผู้ชนะไว้เสมอ ไม่ทำตนเป็นบุคคลผู้แพ้
    เราต้องมีสัจจะคือความจริง มีวิริยะคือความเพียร
    มีสติการทรงระลึกนึกขึ้นมาได้ มีปัญญาเป็นเครื่อง
    พิจารณาว่าอะไรมันดี อะไรมันชั่ว อะไรมันควร อะไร
    มันไม่ควร มีขันติ ความอดทนเป็นเครื่องประจำใจ
    มีอธิษฐานทางเจตนาเข้าไว้ว่าเราจะทำความดี สิ่งทั้ง
    หลายเหล่านี้เราทิ้งไม่ได้ เราต้องมีไว้เป็นประจำ

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
     
  18. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    ร่วมเล่นเกมส์ครับ

    คำสอนพระคุณหลวงพ่อกวย

    "พระเขาสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่ระลึกและเป็นกำลังใจในการทำมาหากิน และทำความดี ไม่ได้ทำเอาไว้เพื่อลองยิง".....ท่านอบรมวัยรุ่นในงานพุทธาภิเษกวัดเขาใหญ่

    "คนเราถ้าเคารพพ่อแม่ เคารพครูบาอาจารย์ ก็จะมีแต่ความสุขความเจริญ ถ้าดูถูกพ่อแม่ ดูถูกครูบาอาจารย์ ดูถูกพระพุทธ ดูถูกพระธรรม ดูถูกพระสงฆ์ จะหาความเจริญไม่ได้ จะมีแต่เคราะห์แต่โศก"

    หลวงพ่อท่านปรารภต่อคนที่ไม่เคารพท่าน และดูถูกท่านด้วย ต่อเมื่อเขาสำนึกได้และได้ไปกราบท่านและขอโทษท่านที่ได้ล่วงเกินท่าน ท่านได้พูดว่า

    "ต่อไปจะหมดเคราะห์แล้ว ขอให้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น"

    โดย..เฒ่า สุพรรณ
     
  19. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,260
    ร่วมเล่นเกมส์ค่ะ
    หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    เรื่องการตัดทางเพื่อเข้านิพพานแบบง่ายๆ คือ :-
    ..... ๑. รักษาอารมณ์คิดว่าเราตายแน่ และตายวันนี้ เพื่อความไม่ประมาท
    ..... ๒. ก่อนตายเราจะอยู่อย่างคนดี คือมีศีลเป็นปกติ เคารพพระรัตนตรัยเป็นปกติ
    ..... ๓. เรารักพระนิพพานเป็นอารมณ์ เท่านี้เป็นจุดแรกที่ **เข้าเขตพระนิพพาน**
    ..... ๔. มีความรู้สึกเสมอว่า โลกไม่มีความสุข มันมีการเปลี่ยนแปลงผันผวนเป็นปกติ เอาแน่นอนอะไรไม่ได้ อะไรเกิดขึ้นถือว่า **เป็นเรื่องธรรมดา ช่างมัน ต่อสู้กับมันโดยธรรม จนกว่าจะสิ้นลมปราณ ใจจะมีอารมณ์เป็นสุข**
    ..... ๕. เมื่อโลกมีความผันแปรอย่างนี้ จะมีความอาลัยใยดีกับมันเพื่อประโยชน์อะไร ทุกอย่างที่มีเป็นภาระ ถือว่าเรื่องนั้นเราทำตามหน้าที่ งานตามหน้าที่ทุกอย่างทำให้ครบ แต่เราก็คิดเสมอว่า **เราไม่มีภาระที่จะเกาะมันตลอดไป เมื่อสิ้นลมปราณเมื่อไร เราขาดกับมันเมื่อนั้น**
    ..... ๖. พยายามเห็นโลกเป็นทุกข์ เห็นวัตถุของโลกเป็นทุกข์ การมีคู่ครอง มีบุตรธิดาเป็นทุกข์ ถ้ามีอยู่แล้วทำภาระตามหน้าที่ด้วยความเต็มใจ ด้วยอำนาจเมตตา
    **แต่อารมณ์คิดว่าเราไม่ต้องการอีกในชาติต่อไป ทำอารมณ์ใจไว้เสมอว่า ช่างมันๆๆ เป็นปกติ เท่านี้มีความสุขทั้งชาตินี้และเมื่อละโลกนี้ไปแล้ว***
     
  20. ออนเนอร์

    ออนเนอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +258
    มนุษย์ ที่ แปลอย่างหนึ่งว่า ผู้มีจิตใจสูง คือ มีความรู้สูง ดังจะเห็นได้ว่าคนเรามีพื้นปัญญาสูงกว่าสัตว์ดิรัจฉานมากมาย สามารถรู้จักเปรียบเทียบในความดี ความชั่ว ความควรทำไม่ควรทำ รู้จักละอาย รู้จักเกรง รู้จักปรับปรุงสร้างสรรค์ที่เรียกว่าวัฒนธรรม อารยธรรม ศาสนา เป็นต้น แสดงว่ามีความดีที่ได้สั่งสมมา โดยเฉพาะปัญญาเป็นรัตนะ ส่องสว่างนำทางแห่งชีวิต ถึงดังนั้นก็ยังมีความมืดที่มากำบังจิตใจให้เห็นผิดเป็นชอบ ความมืดที่สำคัญนั่นก็คือ กิเลสในจิตใจและกรรมเก่าทั้งหลาย

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
     

แชร์หน้านี้

Loading...