"สถานที่ท่องเที่ยวปีใหม่" ในใจไกด์มืออาชีพ

​

ช่วงเวลาแห่งการรื่นเริง ท่องเที่ยว และทำกิจกรรมแห่งความสนุกได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง การเดินทางยังถือเป็นภารกิจหลักที่หลายคนวางไว้ ในการออกไปหาความสุขในช่วงปีใหม่นี้ เพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ อยู่นิ่งๆ บนเก้าอี้ในออฟฟิศ แล้วกลุ่มบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งที่เดินทางอยู่ตลอดทั้งปีล่ะ เขาอยากจะไปไหนกันในช่วงปีใหม่นี้

สาวสวยคนเก่ง "อิ๋งอิ๋ง" สิทธิณี กิตติสิทโธ ที่หนึ่งในงานอันหลากหลายของเธอคือ การเป็นเจ้าของบริษัท "เปิดโลกสดใสทัวร์" สิทธิณี และใครๆ ก็รู้ว่าเธอเป็นคนหนึ่งที่ได้เดินทางไปแทบจะทั่วโลก จากรายการ "เปิดโลกสดใส" แต่เมื่อเริ่มต้นถามถึงสถานที่ที่เธออยากจะไปใช้ชีวิตในช่วงปีใหม่มากที่สุด กลับเป็นที่ประเทศไทย โรงแรมพิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา ที่เกาะลันตาใหญ่ จ.กระบี่ นั่นเอง

"เหมือนเราอยู่ในหลายๆ ประเทศ มันจะเหมือนว่าเราอยู่ทั้งที่บาหลี (อินโดนีเซีย) ซาบาร์ (มาเลเซีย) แล้วก็เหมือนเราอยู่ที่มัลดีฟส์เลยค่ะ แต่เราไม่ต้องเดินทางไปไกลๆ ให้เหนื่อยเลย เพราะที่นี่เหมือนรวมทุกที่ที่สุดยอดไว้หมดเลย มีหาดส่วนตัวที่ยาวและขาวสะอาดมาก แล้วที่นี่จะค่อนข้างเงียบ คนก็จะไม่พลุกพล่าน จะไม่ค่อยเจอคนไทย ไม่มีทัวร์โล้งเล้ง พนักงานต้อนรับดีมาก ยิ้มอย่างเดียว แต่ก็จะไม่มาวุ่นวายให้เรารำคาญ" เป็นคำนิยมที่อิ๋งอิ๋งชื่นชมนักหนา

การันตีความโปรดปรานได้จากการเดินทางมาที่นี่ถึง 6 ครั้งแล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยแต่ละครั้งหมดไปกับการดำน้ำ ชมปลาการ์ตูนและปล่อยปลาทะเลเพื่อเฉลิมพระเกียรติ รวมไปถึงการเข้าสปาซะเป็นส่วนใหญ่

ถ้าไม่ต้องอัดรายการหรือนั่งเคลียร์งานที่รัดตัว ในช่วงวันหยุดยาวอย่างเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้จะถึงนี้ เธอก็อยากจะมาดำน้ำ ผ่อนคลายด้วยการเข้าสปา ที่รีสอร์ทสุดหรูหราแห่งนี้ ซึ่งเธอบอกว่า 7 วันยังน้อยไปด้วยซ้ำ

"ชีวิตทุกวันนี้จะมีคนรายล้อมรอบข้างอยู่เสมอ ปีใหม่ก็คงอยากจะไปพักผ่อนนอนนิ่งๆ ในสปา แล้วก็ทบทวนตัวเองใน 1 ปีที่ผ่านมา ว่ามีอะไรที่เราก้าวพลาดไป มีอะไรที่เรายังไม่ได้ทำ คิดทั้งหน้าและหลัง เหมือนไปสงบสติอารมณ์ จะได้วางแผนชีวิตของตัวเองเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งถ้าจะให้มีความสุขที่สุดก็คงจะต้องไปกับครอบครัว เพราะช่วงก่อนหน้านี้ต่างคนก็ต่างทำมาหากินเลยไม่ค่อยได้คุยกัน ถ้าได้ไปด้วยกันก็คงจะได้ถามไถ่กันมากขึ้น"

แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความปรารถนาที่อาจจะยังไม่เป็นจริงในปีใหม่นี้สำหรับอิ๋งอิ๋ง เพราะสิ่งที่เธออยากทำให้สำเร็จอย่างยิ่งยวดนั้นคือ การออกเทปและการสร้างภาพยนตร์ ที่เป็นผลพวงต่อเนื่องมาจากหนังสือบันทึกสีม่วงของเธอนั่นเอง ฉะนั้น วันเคานท์ดาวน์ปีนี้เลยต้องเปลี่ยนมาอยู่ที่ห้องอัดแทนการนอนนิ่งๆ ในอ่างสปา

แอบไปดูชีพจรลงเท้าของสาวสวยไฮโซแล้ว ก็ขอเปลี่ยนมาตามดูชีพจรของชายหนุ่มผู้ที่เดินทางไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำมาแล้ว ธีรภาพ โลหิตกุล นักเขียนและคอลัมนิสต์ ผู้เก่งกาจในยุทธจักรของนักเดินทาง

"ผมอาจเดินทางไปไหนต่อไหนมามากมาย แต่ก็ยังมีอีกหลายแห่งในเมืองไทยที่ผมไม่เคยไป หรือเพียงแค่เคยผ่าน แต่ยังไม่เคยแวะพักเพื่อชื่นชมความงามของจังหวัดนั้นอย่างจริงจัง" เขาออกตัวก่อนที่จะตัดสินใจเลือกว่าปีใหม่นี้อยากจะไปที่ไหน

ถ้าเลือกได้ ปีใหม่นี้เขาบอกว่าอยากจะไปจังหวัดริมฝั่งโขงอย่าง "หนองคาย" นั่นเอง ไม่ใช่เพราะจังหวัดนี้โด่งดังเป็นพลุแตกจากปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค แต่เพราะหนองคายได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่เงียบสงบ มีทัศนียภาพงามตา มีผู้คนที่เป็นมิตรตามแบบฉบับชาวอีสานผู้น่ารัก และคนไทยส่วนใหญ่อาจไม่ทราบว่าเคยมีหน่วยงานต่างประเทศ คือนิตยสาร "โมเดิร์น มาทัวริตี้ (Modern Maturity)" ยกย่องให้หนองคายเป็นแหล่งพักผ่อนที่สองติดอันดับสถานที่ที่ดีที่สุดในโลก สำหรับผู้สูงอายุชาวอเมริกัน และเป็นเมืองที่น่าเที่ยวอันดับที่เจ็ดของโลก ธีรภาพบอกว่า เขาอยากไปพิสูจน์ว่าจริงไหม

"ผมอยากขับรถเลาะเลียบริมฝั่งโขง จากหนองคายไปจนถึงแค่งคุดคู้ที่ จ.เลย ซึ่งใครๆ ร่ำลือว่าเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่โรแมนติกแห่งหนึ่งของไทย ประเภทเจออะไรน่าสนใจก็แวะชม แวะถ่ายภาพ พูดคุยกับชาวบ้าน กินอาหารพื้นถิ่นแซบๆ หรือจอดรถดูสายน้ำไหลเอื่อยๆ ให้ชีวิตชะลอความเร็วลงเสียบ้าง เพื่อจะได้ทบทวนตนเอง ถึงสิ่งดีและไม่ดีในรอบปีที่กำลังจะผ่านไป และถ้ามีเวลามากอาจเลียบริมโขงลงไปกราบสักการะพระธาตุพนมที่นครพนมเลยก็ได้"

ที่สำคัญ เส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยม เขามองว่าคงไม่ต้องไปแย่งที่กิน ที่นอน ที่ถ่ายรูป กระทั่ง "ที่ฉี่" กับใครๆ มากมายนัก เพราะถ้าทุกคนรุมไปเที่ยวที่เดียวกันมากๆ นอกจากไม่สนุกแล้ว ยังอาจเป็นความทุกข์มหันต์อีกด้วย

ปิดท้ายด้วยโปรแกรมทัวร์ปีใหม่ของสาวหวานขาลุย "ติ๊ก" จงกลณี สถิรอัศวนันท์ แห่งรายการ "ผจญภัย ไร้พรมแดน" เมื่อยิงคำถามว่า "อยากจะไปที่ไหนในปีใหม่นี้?" เธอมีสองคำตอบให้เลือก ตัวเลือกที่หนึ่งที่เธอกำลังหลงใหลแบบหัวปักหัวปำอย่างมากคือ "ประเทศอินเดีย"

ถึงแม้ว่าเธอเพิ่งกลับจากการไปทัวร์และถ่ายทำรายการที่บริเวณตอนใต้ของอินเดียเมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา แต่ว่าอาการ "อิน" ก็ยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม ความคงอยู่ซึ่งวัฒนธรรม โดยเฉพาะการแต่งกาย ซึ่งผู้คนก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมด้วยการใส่ส่าหรีกันเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่อยู่ในโลกโลกาภิวัตน์ และมันก็กำลังจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

"ติ๊กอยากไปในแถบชนบทของอินเดีย อยากเห็นส่าหรีปลิวว่อนกันทั่วท้องถนน คนเอาของเทินบนหัวเดินกัน มีลา มีอูฐอยู่ข้างถนน มันเป็นอะไรที่ท้าทายดี ว่าเราจะอยู่ได้ไหมให้สนุกและปลอดภัยด้วย เราจะได้เรียนรู้ชีวิตอีกด้านหนึ่ง เป็นอะไรที่ชวนค้นหา ท้าทาย ไม่ใช่แค่กระโดดหน้าผา แต่มันเป็นชีวิตที่เราได้เผชิญในท้องที่หนึ่ง เพราะคนอินเดียส่วนใหญ่ยังจนกว่าคนไทย มันทำให้เห็นว่าแม้คนไทยจะบอกว่าตัวเองจน แต่ก็ยังไม่หนักหนาเท่าคนอินเดีย ซึ่งไม่มีบ้านอยู่กันเลย"

ส่วนตัวเลือกที่สองที่ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจนักเดินทางสาวคนนี้ สำหรับปีใหม่ เธอ บอกว่า อยากกลับบ้าน ที่สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านที่เธอและสามี (วีระ นุตยกูล) ที่เสียชีวิตไปแล้ว ร่วมกันสร้างไว้ในทุกรายละเอียด
"ติ๊กไม่ได้กลับบ้านมา 6 เดือนแล้ว คิดถึงมากๆ เพราะหน้าที่การงานต้องไปไหนมาไหนเรื่อยๆ เลยไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมบ้าน ปีใหม่ที่ที่ควรจะไปก็คือบ้านตัวเอง อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ในสังคมไทยบางครั้งอาจจะยากหน่อย ถ้าติ๊กไปบ้านก็คงแค่ไปเฝ้าบ้านเท่านั้นแหละค่ะ เพราะที่บ้านไม่มีใครแล้ว พ่อกับแม่ก็อยู่ที่กรุงเทพฯ หมด แต่ถึงยังไง ติ๊กก็ยังอยากจะไปเพราะที่นี่มันคือความทรงจำ มันเป็นสิ่งที่เราร่วมสร้างด้วยกัน เป็นสิ่งที่เราตั้งใจทำร่วมกันทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่หิน ตั้งแต่เม็ดทราย ทุกอย่างที่บ้านมันมีที่มาที่ไปหมด มันคือบ้านของเรา ติ๊กอยากกลับไประลึกถึงความสุขเก่าๆ ของเรา"

แม้วันเวลาของบ้านหลังนี้จะล่วงเลยมากว่า10 ปีแล้ว แต่มันยังคงเป็น "กล่องความทรงจำ" ที่มีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมสำหรับเธอ ด้วยความที่เธอพยายามที่จะเก็บรักษามันให้เหมือนเดิมอย่างดีที่สุด ทุกๆ สิ้นปีจะมีการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของบ้าน ปลูกสนามหญ้าหน้าบ้านใหม่ ซื้อดอกกุหลาบมาปลูกใหม่หมด เพราะเธอชอบที่จะเห็นดอกกุหลาบดอกโตๆ บานสะพรั่งเต็มลาน แม้ในรอบ 1 ปี เธอจะมีโอกาสมานอนที่นี่เพียง 3-4 คืนเท่านั้น แต่มันก็คือความภูมิใจและสามารถให้ความสุขกับเธอแม้ไม่อาจเทียบได้กับเมื่อครั้งสามีของเธอยังอยู่

บางครั้งเทศกาลปีใหม่ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเคลื่อนย้ายไปยังที่ไกลๆ หรือที่ไหนสักแห่งเพื่อเพิ่มความสุขให้มากขึ้น เพราะบางครั้งพื้นที่ที่ทำให้เรามีความสุขที่สุดได้อาจจะกลายเป็นสถานที่ที่เราซุกไว้ในอดีตโดยที่ไม่ได้หันไปมองมันก็ได้

ที่มา http://www.komchadluek.net