สนามพระ 3 พฤษภาคม 2552

ผ่านพ้นเดือนเมษามาได้ รู้สึกโดยอัตโนมัติว่าอากาศหายร้อน ลงไปหน่อย ทั้งที่จริงก็ยังร้อนดับดิ้นลิ้นห้อยเหมือนเดิม คงเป็นเพราะเราเคยชินว่าเดือนเมษาฮอตที่สุด จึงรู้สึกร้อนฉ่ากว่าทุกเดือน.....

สีกาอ่าง เพิ่งจะหายไข้ คลานอยู่ 5-6 วัน เหมือน? ตุ๊กตาล้มลุก? เพราะพอรู้สึกจะหายๆ? ก็ออกมาทำโน่นทำนี่? แต่ตกเย็นก็กลับไปซมซานไข้กิน ปวดกระดูกเหมือนเดิม ต้องอัดยากันน่าดู ขอให้ ท่านผู้ชมระวังด้วย? เพราะตอนนี้ป่วยกันเยอะ? แต่โชคดีไม่กลายพันธุ์เป็น ไข้หวัดหมู เม็กซิโก ที่กำลังอันตรายมีคนตายกันแล้ว.....



เหรียญเจ้าสัว เนื้อเงิน หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วของ ดร.ไพโรจน์ สุขจั่น

หายเปื่อยแล้วก็พาเข้า สนามพระวิภาวดี ชมพระองค์แรก ที่สวยแจ่มจนตกใจ เพราะ พระนางพญา พิมพ์ใหญ่ เข่าโค้ง กรุวัดนางพญา พิษณุโลก ที่ เสี่ยแว่น ท่าพระจันทร์ ส่งมาอวด สวยสุดๆ รายละเอียดหน้าตาติดลึกชัดเจนโดยไม่ได้ศัลยกรรม....

เอาเป็นว่า สวยจนคาใจว่า แท้ป่าว จึงค่อยๆไล่ดูพิมพ์ ทรงเนื้อพระผิวพรรณ ฝ้ากรุราดำจุดตำหนิ รอยตัดขอบข้าง สีสัน เม็ดกรวดทราย โดยละเอียด ปรากฏว่า มีครบสูตร ตามที่อาจารย์สอนสั่ง แต่ก็ยังไม่มั่นใจสายตาตัวเอง กลัวถั่วกิน จึงโทร. เช็กเซียนสนาม ที่เคยเห็นองค์นี้ จึงได้เสียงการันตีว่าแท้แน่ และเพิ่งได้รางวัลงานประกวด ศรีราชา.....



เหรียญหล่อโบราณ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร

แต่ที่ไม่ได้ แชมป์ เป็นเพราะ หน้า ชนะขาด แต่ทรวดทรงและเซ็นเตอร์องค์พระ เป็นรอง สรุปว่าแพ้ที่ องค์รวม -- ไม่เหมือน ดาราบางคน สวยแต่หน้า แต่ไหล่ลีบ แขนลีบ ขาโก่ง น่องโต ก็ยังเป็นนางเอกได้.....

ว่าแล้ว ก็ขอแทรกข่าวจากนายกเทศมนตรี ฉัตรชัย ทิมกระจ่าง เทศบาลเมืองศรีราชาว่า งานประกวดพระ ในงานประเพณีกองข้าวที่ผ่านมา 19 เม.ย. เสร็จสิ้นลงด้วยดี มีกำไร 350,000 ซึ่งโอเคเลยในช่วงที่เงินทองฝืดๆ แสดงว่าวงการพระเครื่องของเรายังแข็งแกร่ง รวมกันอยู่ได้สบายบรื๋อ.....

องค์ที่สอง ก็เจ๋งจ้า เป็น พระกริ่งตระกูลวัดสุทัศน์ ซึ่ง สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทรงทำพิธีเททองโดยใช้เนื้อชนวนที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช องค์จำลอง วัดเบญจมบพิตร ของ เจ้าพระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) เป็นเนื้อหลัก.....

สมเด็จเจ้าประคุณทรงเท พระกริ่งพระยาทิพโกษา ตอนเป็น พระพรหมมุนี (พ.ศ.2458-2462) โดยใช้แม่พิมพ์เดียวกับ พระกริ่งพรหมมุนี แต่ที่ใต้ฐานปรากฏตัวอักษร "ท" หล่อจมในเนื้อ ให้เห็นชัดเจน พระทุกองค์กะไหล่ทอง จึงเป็นพระกริ่งประจำตระกูล ที่มีประวัติการสร้างชัดเจน จึงนิยมเสาะหาในราคาหลักแสนปลายๆ องค์นี้ของ เสี่ยเกี๊ยก ทวีทรัพย์ มือโปรพระกริ่งตัวจริง.....

ถัดไปเป็นเหรียญหล่อโบราณ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร ของเสี่ยกันตนา ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์ ซึ่งว่างจากงานถ่าย ต้องแว้บเข้าสนามพระ ช็อปปิ้งพระเครื่องของโปรดกลับไปส่องที่บ้าน โดยเน้นแต่องค์ที่สวยแท้เด่นดูง่ายประมาณแบบหลวงพ่อเงิน--เล่นแต่พระระดับนี้ เสี่ยโอ๋? กันตนา จึงมีสายตาฝีมือการเล่นพระชนะเซียนหลายคน เพราะได้ศึกษาจากของจริงของสวยล้วนๆ.....

อีกเหรียญราคาหลักแสน มาจาก ดร.ไพโรจน์ สุขจั่น ซึ่งการันตีด้วยใบประกาศงานประกวดชนะที่ 1 และ 2 สำหรับเหรียญเจ้าสัว หล่อโบราณ เนื้อเงิน หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม.....

เดิมเรียกตามทรงเหรียญว่า เหรียญซุ้มกระจัง แต่พอลูกศิษย์เอาไปใช้ ได้ผลทางโชคลาภค้าขายดี มีฐานะขั้นเศรษฐีกันเป็นแถวจึงมาเรียนหลวงปู่ว่าใช้แล้วร่ำรวย ท่านจึงบอกว่าเป็นบุญบารมีของเจ้าสัว ทำให้ เปลี่ยนมาเรียกกันว่า เหรียญเจ้าสัว ซึ่งก็จริงสมชื่อ เพราะเหรียญนี้คนมีได้ ต้องมีฐานะระดับ เจ้าสัว เพราะตอนนี้อันสวยแชมป์แช่มๆ เฉียดล้านไปทุกทีแล้ว ยาจกจะมีได้ไง.....



พระนางพญา เข่าโค้ง กรุวัดนางพญา พิษณุโลก สวยจัดของแว่น ท่าพระจันทร์.

ถัดไปขอเสนอ พระคง ลำพูน ดำ.....

เมื่อ 20-30 ปีก่อน คนไม่ตื่นเต้นกับ พระคง เลย? เพราะพระมีเยอะ ราคาหลักสิบหลักร้อย กับให้ค่านิยมกับ พระ-รอด วัดมหาวัน กันสุดๆ พระคง ซึ่งพบในหลายกรุในวัดสี่มุมเมือง ซึ่งมีประวัติการสร้างยุคเดียวกับ พระรอด ด้วยซ้ำ จึงเป็นพระนอกสายตากรรมการ.....

จะยกย่องกันก็แต่ พระคง ดำ ซึ่งมีน้อย และเชื่อกันว่าเป็นพระที่พบติดอยู่กับพระมาลาของ สมเด็จพระนเรศวรฯ ทำให้ พระคง ดำ เป็นพระธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาไปด้วยประการนี้--คนที่มี พระคง ดำ ลำพูน มากสุด น่าจะเป็น เสี่ยไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ .....



พระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง พิมพ์นะ หัวเข่า เนื้อดินเผาผสมผง ของตี๋ยางตัน.

ส่วนองค์นี้ ส่งตรงจาก เสี่ยเต่า พระเครื่อง พันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ซึ่งโฆษณาชวนเชื่อมาว่า ถึง พระคง จะหายากส์ แต่ที่นี่ไม่แพงเท่าที่คิด-- ไม่รู้เชื่อได้แค่ไหน.....

วันนี้ มีสัมปทานพอ จึงขอลงลึกกับ พระคง ดำ ว่าทำไมถึง ดำ เพราะได้ความรู้มาจาก อาจารย์น้อย ไอยรา (นิพนธ์สุขสมมโนกุล) ซึ่งกำลังจัดอบรม พระลำพูน ที่สำนักบริการวิชาการ ม.เชียงใหม่ อยู่พอดี.....n เวลาเขาจะ เผาพระ (หมายถึงเผาพระเครื่อง? มิใช่ฌาปนกิจพระ)? ช่างสายลำพูนจะทำเตาเผาสูงราว 1 เมตร แต่ยาว 5-6 เมตร ด้านปลายเตาจะสูงกว่าปากเตาราวครึ่งเมตร เพราะในเตาจะทำเป็นขั้นบันได ไล่จากต่ำไปสูง แล้วก็จะเอาพระที่กดพิมพ์แล้วใส่หม้อดิน แล้วเอาหม้อไปเรียงตามขั้นบันได แล้วก็จัดการ? อุ่นพระ โดยใช้ความร้อน ต่ำๆประมาณ 100-200 องศา.....



พระคง ดำ ลำพูน ของเต่า พระเครื่องพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน.

ต้องอุ่นนาน 7 วัน เพื่อไล่ความชื้น เพราะดินที่เอามากดพิมพ์สร้างพระ ขุดมาจากใต้ แม่น้ำกวง ที่ไหลผ่าน หลังวัดพระธาตุหริภุญไชย ลำพูน เพราะเป็นดินเนื้อละเอียด แต่จะต้องเอามาแร่งมากรอง ให้เม็ดกรวดทรายหมดไป แล้วก็กดพิมพ์ ซึ่งพระที่ได้ก็จะมี สีตามดิน คือ เหลือง พอเอาไปอุ่นในหม้อดิน ครบ 7 วัน พระทุกองค์ ก็จะกลายเป็น สีดำ.....

อุ่นเสร็จ 7 วัน ก็จะ เผาจริง ในอุณหภูมิสูงขึ้นๆ 700-1,250 องศา โดยใช้ฟืนโหมใส่ลงไปเรื่อยๆ จน พระพิมพ์ในหม้อดิน ได้รับความร้อนทั่วถึง จึงเปลี่ยนสี จาก ดำ เป็น แดง เป็น เหลือง เป็น แสด และสุดท้ายเป็น เขียว แล้วแต่พระจะโดนความร้อนมากน้อย.....

การที่ยังพบ พระคง ดำ อยู่ สันนิษฐานว่า พระที่อยู่ กลางหม้อดิน ซึ่งตอนอุ่น เป็น สีดำ แล้ว เวลา "เผาจริง" คงไม่ถูกความร้อนเท่าองค์ที่อยู่ข้างๆ และบนล่าง จึงยังคงเป็น สีดำ เหมือนตอนอุ่นพระ ไม่เปลี่ยนสี ซึ่งจะมีน้อยมาก เพราะ ยังไงก็ต้องโดนไฟ.....



เหรียญปั๊มรุ่นแรก พ่อท่านกล่อม วัดโพธาวาส สุราษฎร์ธานี เนื้ออัลปาก้า ของวัชรินทร์ นุกูลศิริศักดิ์ เอ.ไอ.เอ.

ถัดไปเป็น พระปิดตา หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง บางขุนเทียน ซึ่งน่าสนใจศึกษามาก เพราะเป็น? เนื้อพิเศษ.....

พระตระกูล หลวงปู่เอี่ยม ที่ เล่นกัน มีทั้งเหรียญรูปเหมือน พระปิดตาพระชัยวัฒน์ ตะกรุด เครื่องราง ฯลฯ ส่วนใหญ่ เป็นเนื้อโลหะ หรือ เนื้อผง แต่ พระปิดตา พิมพ์นะ หัวเข่า องค์นี้ของ เสี่ยตี๋ ยางตัน เป็น เนื้อดินเผาผสมผง ซึ่งพบเห็นน้อยมั่กๆ.....

อีกเหรียญดีทีเด็ดวันนี้ เป็นของพระเกจิยอดนิยมของภาคใต้ ที่หายากที่สุด คือ เหรียญปั๊ม รุ่นแรก พ่อท่านกล่อม วัดโพธา-วาส สุราษฎร์ธานี.....

เนื้อเหรียญเป็น โลหะผสม ที่เรียกว่า อัลปาก้า เป็น เหรียญระดับหลายแสนภาคใต้ ที่มีใบสั่งซื้อยาวเหยียด เหรียญนี้ ของ เสี่ยวัชรินทร์ นุกูลศิริศักดิ์ แห่ง เอ.ไอ.เอ. สภาพเหรียญสวยเกินหน้าเกินตาชาวบ้าน.....



พระกริ่งพระยาทิพโกษา สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ของเกี๊ยก ทวีทรัพย์.

พ่อท่านกล่อม เกิดปี 2389 ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ที่บ้านริมคลองท่ากูบ สุราษฎร์ฯ ก่อนบวช ท่านเคยมีลูกเมีย แต่เบื่อหน่ายจึงออกบวช เมื่ออายุ 24 ที่วัดโพธาวาส โดยไม่สึกเลย และเคร่งมาก ลงโบสถ์ทำวัตรสวดมนต์ทุกเช้าเย็น ไม่เคยขาด ท่านกล่าวว่า "วันไหนที่มิได้ลงโบสถ์ นั่นหมายถึงวาระสุดท้ายของชีวิตได้สิ้นแล้ว".....

สมัยก่อน นิยมแข่งเรือ หลวงพ่อกล่อม ก็จะส่ง เรือยูงทอง และ เรือสาลิกา ลงแข่งด้วย โดยจะทำพิธีเจิมหัวเรือตอนกลางคืน? และเซ่นแม่ย่านางเรือด้วยหัวหมูบายศรี ขนมต้มขาวแดง.....

พอตอนเช้า ท่านจะไปยืนสวดบริกรรมที่ริมคลองมะขามเตี้ยหน้าวัด เรียกเรือซึ่งตั้งอยู่บนคาน ห่างจากฝั่งหลายเมตรให้แล่นลงคลองเอง เป็นอาถรรพณ์ ของเรือที่ร่ำลือกันว่า แม่ย่านางเฮี้ยนมาก.....

ก่อนที่หลวงพ่อจะมรณภาพ มีนกกางเขนบินมาเกาะที่แขน? ท่านจึงบอกญาติโยมว่า? มีคนเขามานิมนต์ ข้าแล้ว หลังจากวันนั้นท่านก็ล้มป่วย เช้าก่อนมรณภาพท่านอยากฉันมะพร้าวอ่อน พอลูกศิษย์ผ่ามะพร้าวออก พบปลาอยู่ในลูกมะพร้าว หลวงพ่อจึงให้เอาไปใส่โถแก้วไว้ พอตกเย็นวันที่ 23 ม.ค. 2474 ในสมัยรัชกาลที่ ๗ ท่านก็มรณภาพ ปรากฏว่า ปลาตัวนั้นก็หายไปด้วย.....

วัดโพธาวาสจึงเหลือแต่ตำนาน พ่อท่านกล่อม และเหรียญรุ่นดังของท่าน คือ เหรียญปั๊มรูปเหมือน และ เหรียญหล่อรูปเหมือน รุ่นโรงครัว? ทรงรีรูปไข่? ซึ่งทั้งสองเหรียญสร้าง พ.ศ.2470.....

เหรียญสุดท้ายวันนี้ เป็น เหรียญพรหมสี่หน้า ของ หลวงปู่สี วัดสะแก อยุธยา พระเกจิที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สำเร็จรู้แจ้งแทงตลอดในตำรับวิชาพุทธาคมและไสยเวทย์ ทุกแขนง ท่านจึงสร้าง เหรียญพรหมสี่หน้า ได้เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์ จนเป็นเหรียญยอดนิยม มีบันทึกการสร้างชัดเจนว่า?? สร้างเมื่อปีอะพอลโล่ เหยียบดวงจันทร์ พ.ศ.2511 จำนวนการสร้างมีแค่ 200 เหรียญ เวลาผ่านมาจะ 40 ปีแล้ว เหรียญยังคงสภาพสวยเด้งอยู่ได้อย่างนี้ จน เสี่ยวัชรินทร์ เอ.ไอ.เอ. (เจ้าเก่า) ทนไม่ได้ที่จะสอยไปชื่นชม.....

หลวงปู่สี เป็นคนอยุธยา พออายุ 12 ก็ไปบวชเณรที่วัดเลียบ กทม. แล้วกลับไปบวชที่วัดสะแกเมื่อปี 2458 มีลูกศิษย์ทุกชนชั้นเพราะมีเมตตาธรรมสูง....

ท่านสนใจไสยศาสตร์คาถาอาคมมาก จึงเดินทางไปเรียนกับ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ หลวงพ่อกลั่น เมตตาท่านมาก สอนวิชาอาคมให้หมดพุง และยังมอบสมุดข่อยตำราเวทยาคมให้ด้วย ซึ่ง หลวงปู่สี ก็ศึกษาจนแตกฉานเชี่ยวชาญ ต่อมาจึงได้สร้าง เหรียญพรหมสี่หน้า ขึ้น ร่วมกับ อาจารย์เฮง ไพรวิลย์ ศิษย์อาจารย์เดียวกัน ทำให้เหรียญนี้ดังกระฉ่อน.....

ออกจากสนามพระวันนี้แล้ว นับไปอีก 5 วัน ก็เป็น วันวิสาขบูชา 8 พ.ค. ตามวัดคงคับคั่งไปด้วยคนทำบุญและเวียนเทียน โดยที่ จ.แพร่ ท่านนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด อนุวัธ วงศ์วรรณ จึงถือโอกาสจัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวขึ้นที่สนามกีฬา จ.แพร่ 7-8 พ.ค. โดยมีกิจกรรมมากมาย ทั้ง การประกวดพระ ส่วนอีกมุมก็มีกีฬาชนไก่ วัวชน และจำหน่ายพืชผลการเกษตร.....

อีกรายการ เป็นข่าวที่ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน คณบดีคณะแพทย์ฯรามาธิบดี กำลัง เปิดกรุพระรามาธิบดี 40 ปี นำ พระเครื่อง พระบูชา พระศาสดา ภปร. 2532 มาให้บูชาอีกครั้ง เพื่อนำรายได้ไปสร้าง อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ .....

พระเครื่อง พระบูชา พระศาสดา ภปร. 2532 ที่เก็บไว้บางส่วนหลังจากเปิดให้บูชาไปเมื่อ 20 ปีก่อน มีไม่มาก เช่น พระบูชา พระเนื้อผง พระศาสดาใบเสมา, พระรูปเหมือนสมเด็จพระญาณ, เหรียญสมเด็จพระนางเจ้าฯ, เหรียญและพระบรมรูปหล่อ ร.๕--สอบถามได้ที่ มูลนิธิ รามาธิบดีฯ 0-2201-1111 หรือจะไปเช่าที่ พุทธมณฑล 8 พ.ค. ซึ่งเป็น วันวิสาขบูชา ก็ได้.....

ลากันด้วยเบื้องหลังข่าวดังตอนสงกรานต์ ของคนดังรุ่นเดอะในวงการพระ ท่านเลขาฯนายกรัฐมนตรี นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ซึ่งไปโดนตุ๊บตั๊บกลางม็อบ เป็นข่าวดังไปทั่วโลก.....

เจอะ สีกาอ่าง วันก่อน ท่านเลขาฯหลบไม่ทัน จึงรีบควัก พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ สวยเด๊ะออกมาให้โดยดี บอกว่า ตอนนั้นแขวนองค์นี้อยู่.....

ท่านเลขาฯเล่าว่า ได้มายี่สิบกว่าปีแล้ว จาก คุณฉหลี ยงสุนทร (กงสุลไทยประจำฮ่องกง ซึ่งมีพระเครื่องเยี่ยมๆโดยเฉพาะพระสมเด็จ).....

ท่านนิพนธ์ เป็นลูกศิษย์ ท่านโผ เรียน เป้า วัดญวน เยาวราช ซึ่งเป็นพระนักสะสมพระ-ของเก่าชื่อดัง และยังมีฝีมือ ซ่อม แต่งพระ ระดับมือวาง....

พอกลับจากเมืองนอก เสี่ยนิพนธ์ ก็ไปหา ท่านเป้า บ่อย ไม่ไปก็ส่งกุนเชียงหมูแผ่นจากโคราชไปถวาย วันหนึ่งก็บอก ท่านเป้า ว่า จะไปเช่า สมเด็จวัดระฆัง องค์ลุงพุฒิ พระสวยไหม.....



เหรียญพรหมสี่หน้า หลวงปู่สี วัดสะแก อยุธยา 2511 ของวัชรินทร์ เอ.ไอ.เอ.

พอ ท่านเป้า พยักหน้า ลูกศิษย์ก็เลยลา แต่ยังไม่ทันพ้นประตู ท่านเป้า ก็เรียก กลับมาก่อน แล้วถามว่า จะไปเช่า ลุงพุฒิ จริงเหรอ เสี่ยนิพนธ์ พยักหน้า ท่านเป้า จึงอ้ำๆอึ้งๆ สุดท้ายบอกว่า ถ้าชอบสวยเพอร์เฟกต์ แบบนางงามมีมงกุฎ ต้องเช่าอีกองค์ถึงจะเหมาะ ว่าแล้วก็บอก ความลับ ให้ เสี่ยนิพนธ์ จึงไปนิมนต์องค์นี้มา ในราคาเท่ากับที่ เสี่ยไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ นิมนต์ ลุงพุฒิ ไป คือ 240,000 ซึ่ง 30 ปีก่อน ถือว่าแพงโคตร.....

เล่านิทานจบ เสี่ยนิพนธ์ ก็เล่าเรื่องจริงว่า ตอนถูกม็อบนัวเนีย มีคนกระชากเสื้อจนกระดุมเสื้อหลุดหมด เหลือดุมบนเม็ดเดียว พระสมเด็จพร้อมสร้อยคอทองคำ จึงหลุดออกมาหรา ทำให้ ท่านเลขาฯ ใจหายวาบ นึกอย่างเดียวว่า "เราหมดบุญกันแล้วหลวงพ่อเอ๊ย" --แต่ให้ตายเถอะโรบิ้น สร้อยพระไม่ยักโดนกระชาก ในขณะที่ลูกน้อง 2 คนซึ่งใส่แค่สร้อยสแตนเลส ยังถูกกระชากไปหมด.....

เรื่องอัศจอรอหันการันยอครั้งนี้ คิดได้ 2 อย่าง คือ 1. คนนึกว่า ท่านมหาเศรษฐีห้อยทองเก๊กับพระปลอม เลยไม่เอา กับ? 2. หลวงพ่อสมเด็จวัดระฆัง แสดงอภินิหารเต็มๆ บังตาจนไม่มีใครเห็น ว่าที่พระห้อยอยู่นั่น องค์ละ 20 ล้าน เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.

สีกาอ่าง
ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์: สนามพระ 3 พฤษภาคม 2552

 

พระคงงามเหลือหลาย



องค์พระสีดำ ดูขลังไปอีกแบบ