สร้าง"คชาภรณ์"ทองคำ พระเศวตอดุลยเดชพาหน ช้างเผือกคู่พระบารมีครองราชย์ 60 ปี

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 10 เมษายน 2006.

แท็ก: แก้ไข
  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    [​IMG]งานสำคัญยิ่งและภาคภูมิใจงานหนึ่งของกรมศิลปากร ในช่วงวโรกาสมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี นอกเหนือจากงานหลายๆ งานที่รับผิดชอบดูแลอยู่

    คือการจัดสร้าง "คชาภรณ์" เครื่องทรงช้างต้น *พระเศวตอดุลยเดชพาหน*

    ซึ่งวาระครองราชย์ครบ 60 ปี-ปีนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งให้จัดสร้างคชาภรณ์ชุดใหม่แก่พระเศวตอดุลยเดชพาหน

    "พระเศวตอดุลยเดชพาหน" หรือชื่อเต็มว่า *พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิศุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิประสิทธิ์ รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรพิตรสารศักดิเลิศฟ้า*

    *เป็นช้างเผือกคู่พระบารมีช้างแรกที่ได้รับการน้อมเกล้าฯถวาย เมื่อปี 2501 ปัจจุบันคาดว่าน่าจะอายุ 60 ปี เท่ากับปีครองสิริราชสมบัติ*

    *อารักษ์ สังหิตกุล* อธิบดีกรมศิลปากร เล่าถึงการรับสนองพระบรมราชโองการในเรื่องนี้ว่า พระเศวตอดุลยเดชพาหน เป็นช้างพลายเผือกโท นับเป็นช้างเผือกช้างแรกในรัชกาลที่ 9 ซึ่งนายแปลก ราษฎรจังหวัดกระบี่ คล้องได้เมื่อ พ.ศ.2499 จากนั้น พล.ท.บัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในตอนนั้น น้อมเกล้าฯถวาย เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2501
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    พระเศวตอดุลเดชพาหนฯ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    จากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้บูรณปฏิสังขรณ์โรงช้างต้นที่พระเศวตวชิรพาหล ช้างเผือกในรัชกาลที่ 6 เคยยืนโรงมาก่อน ให้เป็นที่ยืนชั่วคราว เพื่อใช้ประกอบพระราชพิธีสมโภชและขึ้นระวางช้างเผือก ในวันที่ 10-11 พฤศจิกายน พ.ศ.2502 แล้วพระราชทานนามว่า "พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ"

    เมื่อเสร็จพระราชพิธีต่างๆ แล้ว โปรดเกล้าฯให้ไปยืนโรงที่เขาดินวนาเป็นการชั่วคราว จนโรงช้างต้นในบริเวณพระตำหนักสวนจิตรลดาสร้างเสร็จ จึงได้ย้ายไปยืนโรงที่นั่นจนทุกวันนี้

    วันเวลาที่ผ่านไป จากลูกช้างเผือก พระเศวตฯได้เติบใหญ่ขึ้นเป็นช้างพลายหนุ่มอายุย่าง 60 สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ คชาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานเมื่อยังเป็นลูกช้างอยู่นั้น บัดนี้กลับกลายเป็นเสมือนเสื้อผ้าที่ไม่สมส่วน มีขนาดเล็กกระจิริด เวลาทรงแล้วไม่เหมาะสม

    "จากการที่ในหลวงของเราทรงมีความละเอียดอ่อนและทรงมองทุกอย่างอย่างถี่ถ้วน จึงมีรับสั่งให้สร้างคชาภรณ์ชุดใหม่ขึ้นให้เหมาะสมกับพระเศวตฯ โดยให้กรมศิลปากรดำเนินการ ซึ่งเวลานี้ได้มอบหมายให้ช่างสิบหมู่ออกแบบคชาภรณ์ตามโบราณราชประเพณี นับเป็นคชาภรณ์ชุดที่สองของพระเศวตฯ" <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    โรงช้างต้นของพระเศวตอดุลเดชพาหนฯ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สำหรับการออกแบบเครื่องคชาภรณ์ของพระเศวตฯนี้ กรมศิลปากรได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินงาน โดยมอบหมายให้ช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ดำเนินการ และขั้นตอนการออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว และผ่านพระบรมราชวินิจฉัยแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนจัดหาวัสดุต่างๆ

    ซึ่งอธิบดีกรมศิลปากรบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะแม้แต่ "ขนจามรี" ซึ่งต้องไปหามาจากประเทศทิเบต ก็อัศจรรย์ยิ่ง เพราะมีเพื่อนอธิบดีจู่ๆ ก็นำมาให้จากประเทศเนปาล

    การจัดสร้าง คชาภรณ์ ของพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ อธิบดีกรมศิลปากรคาดว่า จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในเดือนพฤษภาคม 2549 ทันกับงานเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสมหามงคลทรงครองราชย์ครบ 60 ปี

    เพราะเครื่องคชาภรณ์นั้น ปกติจะทรงเวลาช้างยืนแท่นเป็นเกียรติยศกับพระเจ้าอยู่หัว

    "จะมีพระราชพิธีหรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าช้างไปยืนเกยเพื่อเป็นเกียรติยศแก่พระเจ้าอยู่หัว ช้างต้นจะต้องทรงเครื่องคชาภรณ์เต็มยศ เพราะนั่นคือยศของท่าน และงานฉลองครองราชย์ 60 ปี มีวาระสำคัญๆ หลายวาระด้วยกัน ซึ่งเครื่องคชาภรณ์ที่จัดสร้างขึ้นนี้ เป็นคชาภรณ์ที่พระเศวตฯต้องทรงในงานครองราชย์ครบ 60 ปี"

    เพราะจากความเชื่อของคนไทย หรือแม้แต่ในพระพุทธศาสนา "ช้าง" เป็นสัญลักษณ์ที่เป็นมงคลแห่งการบำเพ็ญบารมี และมีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถดลบันดาลให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ประเทศชาติอยู่อย่างสงบร่มเย็น

    ดังนั้น การได้ช้างเผือกไว้คู่รัชกาล จึงนับเป็นแก้ว 1 ใน 7 ดวง ตามความเชื่อในเรื่องจักรวรรดิปุรุษะ ที่กล่าวว่า

    "ความเป็นพระจักรพรรดิ พระมหากษัตริย์ จะสมบูรณ์และเปี่ยมไปด้วยบารมีอย่างยิ่ง เมื่อพระมหากษัตริย์พระองค์นั้นถึงพร้อมด้วยมณีสำคัญ 7 ดวง" ได้แก่ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว นางแก้ว และดวงแก้ว

    ช้างแก้วในความเชื่อนี้คือ "ช้างมงคล" หรือ "ช้างเผือก" นั่นเอง

    ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทรงมีช้างเผือกคู่พระบารมีถึง 12 ช้าง นับเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในโลกปัจจุบันที่ทรงมีช้างเผือกคู่พระบารมี
     

แชร์หน้านี้

Loading...