สอบถามอาการของสมาธิคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย kwan31, 15 ตุลาคม 2013.

  1. kwan31

    kwan31 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +161
    1.เวลานั่งสมาธิแล้วรู้สึก สงบ สุข เหมือนเคลิ้มๆจะหลับ แล้วก็เหมือนคนกำลังหลับ แล้วรู้สึกมืด เหมือนดิ่งลงๆ ในความมืดไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังภาวนาดีอยู่นะคะ อันนี้ไม่รู้เรียกว่าเป็นสมาธิหรือเปล่าคะ แล้วเราจะทำอย่างไรต่อคะ ให้ภาวนาต่อไปเรื่อยๆ หรือ มีอะไรแนะนำบางไหมคะ
    2.บางครั้งจะกำหนดภาพพระพุทธรูปสีขาว ในช่วงที่เหมือนกำลังหลับ แต่จิตก็กำหนดไม่ได้ จิตจะภาวนาลมหายใจไว้ที่ปลายจมูกอย่างเดียวเลย แล้วก็มืดๆ ดิ่งๆคะ แต่ยังมีสติดีอยู่นะคะ หรือว่าเป็นเพราะจิตมันกำลังจะหลับไปจริงๆหรือเปล่าคะ
    3.บางครั้งเวลานั่งสมาธิแล้วรู้สึก สงบ สุข เหมือนเคลิ้มๆจะหลับ แล้วก็เหมือนคนกำลังหลับ แต่บางครั้งจิตล่องลอยคิดโน่นคิดนี่ (บางครั้งก็นานเหมือนกันคะ เป็นความคิดเฉยๆนะคะ ไม่มีภาพ) ไม่สนลมหายใจ พอรู้ตัวก็ดึงจิตมาภาวนาต่อ ช่วงที่จิตคิดไปโดยที่เราไม่มีสตินั้นเรากำลังฝันหรือเปล่าคะ
     
  2. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    อยู่แผนกเชียร์ครับ :cool: รอผู้รู้มาตอบ
     
  3. BobTL

    BobTL Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +79
    ...................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2014
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    1.เป็นอาการ จะดิ่งไปขนาดไหนก็แล้วแต่ ครับ ให้ อยู่กับคำภาวนา ห้ามทิ้งคำภาวนาครับ

    อย่าไปสนใจอาการต่างๆใดๆ ทั้งสิ้น ให้อยู่กับคำภาวนา ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ ไม่ติด จะเข้าสมาธิ ครับ

    ถ้าเอา จิต ไปจดจ่ออยู่กับอาการต่างๆ เช่น อาการของ จขกท อาการดิ่งลงไป มันก็จะ ดิ่งลงไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด ไม่มีปลาย ไปเรื่อยๆ จะไปตามดูขนาดไหนก็แล้วแต่ หาที่สุดไม่ได้ สรุปให้ก็คือเสียเวลา ถ้ามัวแต่ติดอยู่ตรงนี้ครับ

    อาการใดๆ ที่เกิดขึ้นก็แล้วแต่ ให้สักแต่ว่า รู้ อย่าไปสนใจ ให้อยู่กับคำภาวนาเท่านั้น นะครับ

    เราทำสมาธิ ภาวนาอยู่ มีฐานอยู่ ถ้ามีอาการใดๆก็แล้วแต่เกิดขึ้น ถ้าเอา จิตไปตาม จาก จิตที่อยู่กับคำภาวนาก็เคลื่อนออกจากฐาน กลายเป็นไปตามดูอาการแทน ดังนั้น ให้จดจ่ออยู่กับคำภาวนา ภาวนาอยู่กรรมฐาน ฐานเดิมที่ปฏิบัติสมาธิ ครับ



    2.การที่จะเรียกภาพ หรือ นิมิต อะไรขึ้นมาก็แล้วแต่ อยู่ที่กำลัง กำลังของจิต ว่ามีกำลังไหม ส่วนนึง อีกส่วนนึง ก็ต้องดูด้วยว่า ตัวเราทำกรรมฐานกองใดอยู่

    ถ้าจิตกำหนดไม่ได้เพราะ จดจ่ออยู่กับคำภาวนาอยู่ ก็ต้องคลายออกมา ถึงจะกำหนดนิมิต ขึ้นมาได้ ก็อีกส่วนนึง นะครับ

    แต่ตามที่ จขกท บอกข้อ 2 จะไปกำหนด นิมิต ตอน จิตกำลังดิ่งลงนั้น กำหนดไม่ได้ ก็เพราะว่า จิตกำลังจะรวมลงเป็นสมาธิ แต่ยังไม่เป็นสมาธิ ยังไม่เข้าสมาธิ ครับ

    เพราะ จขกท ไป จดจ่ออยู่กับลมหายใจที่ปลายจมูก

    ต้องเข้าใจนะว่า เริ่มปฏิบัติ สมาธิ เวลา ทำสมาธิ ลมหายใจ มันหยาบ เวลาจะทำสมาธิ ก็ต้องจับของหยาบๆ ก่อน แล้วค่อยละ ทิ้งลมหายใจ ไปจับของละเอียดแทน ต่อไปครับ

    จิตกำลังรวมลงสมาธิ จิตละเอียด เราต้องทิ้งลมหายใจ แล้วให้จับอยู่กับคำภาวนาแทน อย่าไปสนใจลมหายใจใดๆ จิตถึงจะลงสมาธิ ครับ

    มันจะหยุดหายใจ หรือ ลมหายใจขาด ลมหายใจไม่มี ก็ไม่ต้องไปพยายามหายใจ ใดๆ ทั้งสิ้น ให้จดจ่ออยู่กับ คำภาวนา เท่านั้นครับ อย่าไปสนใจอาการทางกายใดๆ ทั้งสิ้นครับ

    จิตมันไม่ได้กำลังจะหลับหรอกครับ แต่ จิตมันกำลังจะรวมลงสมาธิ แต่ยังไม่เข้าสมาธิ นะครับ




    3.เรียกว่า อาการฟุ้งซ่าน ไม่ใช่ฝัน ครับ เพราะ กำลังสติไม่มากพอ ก็จะแวบออกไป ฟุ้งเรื่องต่างๆนาๆ และพอ สติตามทัน ก็ดึงกลับมาภาวนาต่อนั้นเอง

    วิธีแก้คือ ภาวนาอยู่ แล้ว ฟุ้งซ่าน ถ้าเมื่อไหร่ ที่ สติ ตามความคิด ฟุ้งซ่าน ทัน ก็ให้กลับมาที่คำภาวนา ทำแบบนี้ไปบ่อยๆ จะแก้อาการฟุ้งซ่าน เวลาทำสมาธิ ได้ครับ

    ช่วงแรกๆ เวลาฟุ้งซ่าน อาจตามไม่ทัน แต่ หัดไว้บ่อยๆ แก้ได้ ฟุ้งเมื่อไหร่ ปุบ ตัดทิ้งปับ มีสติกลับมาคำภาวนา ทันที ครับ


    .
    แนะนำ จขกท ว่า ที่ปฏิบัติ สมาธิ นั้น ทำดีแล้วครับ

    เวลาภาวนา มีอาการใดๆ ต่างๆนาๆ ไม่ต้องไปสนใจทั้งสิ้น ให้ จดจ่ออยู่กับคำภาวนา เท่านั้นครับ

    เราทำสมาธิ ให้ จิตรวมลงเป็นสมาธิ ครับ

    กาย กับ จิต จะแยกออกจากกัน กาย ส่วน กาย จิต ส่วน จิต ครับ


    อาการต่างนาๆใดๆ ไม่ต้องไปสนใจ ให้มีสติ อยู่กับคำภาวนา อยู่กับ ผู้รู้ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2013
  5. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    เหมือนว่าเข้าฌาน 4 เลยครับ ลองศึกษาเรื่อง วิปัสสนา ครับ

    พอนั่งจน สุข สงบ พอแล้ว ลองถอยกำลังลงมา วิปัสสนา ครับ
     
  6. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817


    ๑. ไม่ทราบว่าคุณนั่งสมาธิ แบบไหน คือ ระลึกคำภาวนาอะไร ภาวะที่คุณเล่ามาไม่ใช่สมาธิ คือ ยังไม่ถึงสมาธิขอรับ และยังไม่ถึง อุเบกขา คือ อาการก่อนที่จะมีสมาธิ (กรุณาศึกษาเรื่องของ ฌาน(ชาน)ดูนะขอรับ)

    ๒.ถ้าคุณกำหนดภาพ นั่นหมายถึง คุณกำลังยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ ในความจำต่างๆ กำหนดภาพไม่ได้ก็แสดงว่า จิตของคุณผ่านอารมณ์ วิตก วิจารณ์ ขึั้น สู่ ปีติ และสุข แต่ยังไม่ถึง อุเบกขา และ สมาธิ(เอกัคคตา)

    ๓. นั่นเป็นปกติธรรมดาของมนุษย์ที่มีสมาธิไม่หนักแน่น จึงไหลตามหรือยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ตามข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ในสมอง จะเรียกอีกรูปแบบหนึ่งก็คือ ระบบสมองและใจของคุณปรุงแต่ง(สังขาร)ตามข้อมูลที่มีอยู่ขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  7. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    เป็นระดับของการปฏิบัติครับ
    ตามข้อ 1. เป็นอารมณ์สุข สงบ ตรงนี้เป็นอารมณ์ของฌาน 3 อารมณ์ของฌานนี้จะมีอยู่ 2 อารมณ์สลับกันคือสุขและเอกคัตตารมณ์(ความนิ่ง-ดิ่ง)
    ตามข้อ 2.เป็นอารมณ์ต้นของฌานที่ 4 อารมณ์ของฌานนี้จะมีอารมณ์เดียวคืออกคัตตารมณ์(ความนิ่ง-ดิ่ง)
    ตามข้อ 3. เป็นอารมณ์ร่วมตั้งแต่ฌานที่ 3-4 ครับ เบื้องต้นมีความสุขสงบ ช่วงนี้เป็นฌานที่ 3 ในขณะที่เห็นความคิดตรงนี้อยู่ที่ฌานที่ 4 แต่เป็นภาวะของกิเลสเป็นอาการขาดสติ หากมีสติความคิดก็หายไป ไม่ใช่ฝันครับ ซึ่งตรงนี้จะเกิดขึ้นเมื่อจิตทิ้งอารมณ์ทางกายเข้าสู่อารมณ์ทางจิตโดยตรงซึ่งเป็นอาการที่กำลังจะเข้าสู่อรูปฌาน อรูปหมายถึงไม่มีรูป ไม่มีกาย มีแต่จิตหรือความคิดเท่านั้น
    ที่ว่าขาดสตินี้ก็อย่าตกใจนะครับ ตรงนี้เป็นปรกติครับ ความจริงอาการขาดสติแบบนี้มีมาแต่เดิมอยู่แล้วแต่เราไม่ค่อยเห็นเพราะสติมีกำลังน้อย เมื่อสติแก่กล้ามีกำลังมากขึ้น เราก็จะเห็นอาการขาดสตินี้ชัดขึ้น สติก็เป็นอนิจจังมีเกิดมีดับครับ
    ผมปฏิบัติทางฌานสมาบัติโดยตรง หากสนใจการปฏิบัติในชั้นอรูปฌานก็สอบถามได้ครับ ในอรูปฌานจะไม่มีรูป ไม่มีกาย หากไม่รู้ว่าเป็นอรูปฌานก็จะไม่เข้าใจว่าจะปฏิบัติอย่างไร ให้สังเกตุที่ฌาน 5 ซึ่งสภาวะเป็นอากาศหรืออาการคล้ายความว่าง หากเจอก็มาสอบถามได้ครับ
    เจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2013
  8. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    คุณต้องปฏิบัติให้เต็มในรูปฌานก่อน จนสภาวะไปเจอกับฌานที่ 5 ก่อน แล้วผมจะแนะนำครับ
    เจริญในธรรม
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ต้องถามว่า เวลาที่จิตมันล่องลอยไปคิดนั้นคิดนี่ มีสติรู้ทันจิตหรือไม่ เมื่อรู้ทันทุกทันทำไมยังปล่อยให้มันไปคิดนั่นคิดนี่ หากไม่บังคับจิตให้กลับมาที่เดิม ทำไมถึงทำแบบนี้เพราะอะไร
    การที่บอกว่าพอรู้ตัวก็ดีงจิตมาภาวนาต่อ ถามว่าสภาพแบบนี้เกิดนานหรือไม่และบ่อยแค่ไหน แล้วมันเริ่มรู้ทันจิตเร็วขึ้นหรือไม่ว่ามันจะไหลไปแล้วจะควบคุมมันอย่างไร
    ช่วงที่จิตคิดไปโดยที่เราไม่มีสตินั้น ตรงนี้ไม่ได้ฝันแต่ก็ไม่ต่างกับฝันกลางวันหรือฝันกลางคืนครับ เพราะการไม่มีสติ นั้นคือการปลดปล่อยให้จิตแสดงตัวตนของมันออกมาแบบที่จิตมันอยากมันชอบหรือไม่ชอบตามแต่มันจะปรุงแต่งของมัน ครับ

    ช่วยตอบคำถามแล้วผมจะเฉลยว่า การปฏิบัติของคุณเป็นอย่างไร อยู่ในสภาวะใด ควรแก้ไขและเดินต่อไปอย่างไรครับ สาธุ
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    =================

    อย่าเพิ่งด่วนสรุปนะครับ หากข้อมูลยังไม่ละเอียดพอเพราะ คนที่ได้ฌาณสมาธิจริงๆมันมีสภาวะบางอย่างที่เป็นตัวบอกได้ชัดเจน แก่แท้ของสภาวะยังไม่ทราบก็ยังตอบไม่ได้ทั้งหมดครับ
     
  11. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ขอโทษครับผมตอบเจ้าของกระทู้ครับ ไม่ใช่คุณครับ
    เจริญในธรรมครับ
     
  12. kwan31

    kwan31 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +161
    ต้องถามว่า ตลอดเวลานี้ สติจิต ยังอยู่กับการภาวนาไม่ขาดเลยใช่หรือไม่
    ใช่คะ
    อารมณ์ที่เกิดมีสภาพอย่างไรบ้างบอกมาให้หมด
    ตอนแรกรู้สึก สงบ สุข เหมือนเคลิ้มๆจะหลับ สบายๆ แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนคนกำลังหลับ แล้วรู้สึกมืด เหมือนดิ่งลงๆ ในความมืดไปเรื่อยๆ ยังรู้ลมหายใจ ยังภาวนาพุท โธ อยู่ คะ
    ความเจ็บปวดตามร่างกายเหน็บชาที่ขาหรืออื่นๆเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร เกิดขึ้นแบบไหนอย่างไร หายไปหรือไม่อย่างไร
    จะรู้สึกปวดต้นคอคะ เพราะตอนรู้สึกตัว จะรู้สึกว่าต้วก้มลง ค้างไว้นาน พอรู้สึกตัวสักพักก็หายคะ แล้วจัดนั่งหลังตรงใหม่ นั่งสมาธิใหม่ถ้ามีเวลาคะ

    ต้องถามว่าภาพพระสีขาวเป็นสิ่งที่จิตจับอยู่ หรือจิตจับอยู่ที่ลมหายใจ หรือจิตจับอยู่ทั้งสองที่มีสติกำกับอยู่ทั้งภาพพระและลมหายใจครับ
    ตอนแรกๆทำได้ทั้ง2 อย่างคะ แต่ไม่นาน
    แล้วมันต่อเนื่องอย่างไร ภาพพระหายไปสติตามทันหรือไม่ หรือลมหายใจกำลังจะดับไปตามทันหรือไม่หรือมันหายไปแล้ว สักพักจนใกล้จะหลับจึงได้สติ
    จะกำหนดภาพไม่ได้ก็ต่อเมื่อ สงบ สุข เคลิ้มๆ ดิ่ง เหมือนหลับ แล้วจิตไม่กำหนดภาพเลย จะไปกำหนดรู้ลมหายใจ กับ ภาวนาอย่างเดียวเลยคะ

    ต้องถามว่า เวลาที่จิตมันล่องลอยไปคิดนั้นคิดนี่ มีสติรู้ทันจิตหรือไม่ เมื่อรู้ทันทุกทันทำไมยังปล่อยให้มันไปคิดนั่นคิดนี่ หากไม่บังคับจิตให้กลับมาที่เดิม ทำไมถึงทำแบบนี้เพราะอะไร
    รู้ทันคะ แต่บางครั้งรู้เร็ว บางครั้งรู้ช้าช่วงที่รู้ช้าจะมีการง่วงร่วมด้วยคะ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==================

    ครับผมทราบครับว่าคุณกำลังตอบเจ้าของกระทู้ครับ
    คนที่ได้ฌาณสมาธิ จะเป็นครูผู้คอยแนะนำผู้อื่น ท่านกล่าวกับผู้อื่นอย่างนี้หรือครับ สาธุครับ

    บุคคลที่มีปัญญาและผ่านการขัดเกลสจิตใจย่อม ตั้งอยู่โดยสติ พิจารณาสิ่งทั้งปวงตามเหตุปัจจัยที่เหมาะสมและรู้ดีว่าควรกล่าวแก่ผู้อื่นอย่างเป็นมิตรอย่างไร หากมีสิ่งใดกระทบจิตแม้จะพอใจหรือไม่พอใจควรสงบนิ่งไม่ยินดีและยินร้าย หากแต่ควรรู้ว่าควรทำอย่างไรให้ดีงามยิ่งๆขึ้นไปครับ สาธุ
     
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ต้องถามว่า ตลอดเวลานี้ สติจิต ยังอยู่กับการภาวนาไม่ขาดเลยใช่หรือไม่
    ใช่คะ
    อารมณ์ที่เกิดมีสภาพอย่างไรบ้างบอกมาให้หมด
    ตรงนี้คือจิตเป็นสมาธิ แน่วแน่ดีระดับขณิกสมาธิและอุปจารสมาธิ

    ตอนแรกรู้สึก สงบ สุข เหมือนเคลิ้มๆจะหลับ สบายๆ แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนคนกำลังหลับ แล้วรู้สึกมืด เหมือนดิ่งลงๆ ในความมืดไปเรื่อยๆ ยังรู้ลมหายใจ ยังภาวนาพุท โธ อยู่ คะ
    หากสมาธิละเอียดขึ้น ลมหายใจละเอียดเบาลงบางลง เกิดอาการสุขสงบเคลิ้มใกล้จะหลับแต่ไม่หลับ เหลือจิตอาศัยหรือ จิตจับอยู่เพียงภาวนาพุทธ โธ จิตรวมเป็นหนึ่ง เข้าสู่ระดับฌาณ

    ความเจ็บปวดตามร่างกายเหน็บชาที่ขาหรืออื่นๆเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร เกิดขึ้นแบบไหนอย่างไร หายไปหรือไม่อย่างไร
    จะรู้สึกปวดต้นคอคะ เพราะตอนรู้สึกตัว จะรู้สึกว่าต้วก้มลง ค้างไว้นาน พอรู้สึกตัวสักพักก็หายคะ แล้วจัดนั่งหลังตรงใหม่ นั่งสมาธิใหม่ถ้ามีเวลาคะ
    สมาธิเข้าสู่ระดับฌาณ แต่ฌาณก็รักษาไว้ได้ตามเวลาของมันที่จิตมีกำลังครับ ขณะนั้นเวทนาทางกายระงับลงชั่วขณะ พอหลุดจากฌาณก็กลับมารู้สึกปวดต้นคอจึงนั่งหลังตรงใหม่เริ่มใหม่ แล้วอาการคอแห้งไม่เกิดเลยหรือครับแบบไม่กลืนน้ำลายนานๆในขณะเข้าฌาณ เกิดเป็นไหมครับ

    ต้องถามว่าภาพพระสีขาวเป็นสิ่งที่จิตจับอยู่ หรือจิตจับอยู่ที่ลมหายใจ หรือจิตจับอยู่ทั้งสองที่มีสติกำกับอยู่ทั้งภาพพระและลมหายใจครับ
    ตอนแรกๆทำได้ทั้ง2 อย่างคะ แต่ไม่นาน
    แล้วมันต่อเนื่องอย่างไร ภาพพระหายไปสติตามทันหรือไม่ หรือลมหายใจกำลังจะดับไปตามทันหรือไม่หรือมันหายไปแล้ว สักพักจนใกล้จะหลับจึงได้สติ
    จะกำหนดภาพไม่ได้ก็ต่อเมื่อ สงบ สุข เคลิ้มๆ ดิ่ง เหมือนหลับ แล้วจิตไม่กำหนดภาพเลย จะไปกำหนดรู้ลมหายใจ กับ ภาวนาอย่างเดียวเลยคะ
    ตรงนี้สรุปคือ จิตอาศัยภาพพระช่วยทำสมาธิ แต่โดยจริตฐานที่มั่นของจิตคุณคือลมหายใจเข้าและออก สุดท้ายด้วยความเคยชินเมื่อจิตเข้าสู่ฌาณจิตจึงอาศัยลมหายใจเข้าออกเป็นฐานของสมาธินั่นเองครับ และด้วยลมหายใจเข้าออกที่ละเอียด สมาธิรวมเป็นหนึ่งละวิตกวิจารณ์ ปิติ จิตเหลือเพียงสุขและเอกคตารมณ์ ดับเวทนาทางกายไม่รับรู้อะไร รู้แค่เพียงสุข สงบนิ่งลึกลงในธรรมารมณ์ในสมาธิ นี่คือสภาวะของฌาณ3 ครับ


    ต้องถามว่า เวลาที่จิตมันล่องลอยไปคิดนั้นคิดนี่ มีสติรู้ทันจิตหรือไม่ เมื่อรู้ทันทุกทันทำไมยังปล่อยให้มันไปคิดนั่นคิดนี่ หากไม่บังคับจิตให้กลับมาที่เดิม ทำไมถึงทำแบบนี้เพราะอะไร
    รู้ทันคะ แต่บางครั้งรู้เร็ว บางครั้งรู้ช้าช่วงที่รู้ช้าจะมีการง่วงร่วมด้วยคะ[/QUOTE]

    เพราะกำลังของสมาธิระดับฌาณ3เพิ่งเริ่มก้าวเข้ามาในสมาธิครับ เมื่อทำต่อเนื่องนานๆ จะสามารถทรงอารมร์ สุข สงบนิ่ง เวทนาทั้งหมดดับไม่รับรู้เรื่องภายนอกและทางกายใดๆจำไว้นะครับหากยังรับรู้กายอยู่เช่นยังรู้การเจ็บชาที่ขาที่คอที่หลัง
    อยู่แสดงว่ายังเข้าฌาณไม่ได้ แต่รวมจิตให้เป็นหนึ่งสงบนิ่งไม่รับรู้อารมณ์อะไรใดๆ มุ่งให้ จิตเกาะนิ่งอยู่ที่ฐานของสมาธิเท่านั้นมีเพียงสุขสงบนิ่งอยู่ภายในเท่านั้น นี้คือระดับฌาณ3 หากทำต่อเนื่องอย่างชำนาน จะยาวนานยิ่งขึ้นและไม่อยากออกจากสมาธิ จะปรากฏภาพนิมิตทั้งหลายจะเริ่มเกิด อภิญญาจะเริ่มเกิดขึ้นครับ ขอให้ค่อยๆทำไปครับให้อินทรีย์ของเราแก่กล้ามีกำลังครับ ขอแนะนำว่าให้ทำทุกวันก่อนนอนหรือเวลาที่สะดวกห้ามขาดทุกวันวันละ1-2ชมครับ สาธุ เมื่อทำจนชำนาญแก่กล้าแล้วค่อยต่อที่ฌาณ4 ครับ
     
  15. kwan31

    kwan31 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2009
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +161
    แล้วอาการคอแห้งไม่เกิดเลยหรือครับแบบไม่กลืนน้ำลายนานๆในขณะเข้าฌาณ เกิดเป็นไหมครับ
    เป็นคะ จะเป็นช่วงที่ดิ่ง เหมือนกำลังหลับคะ พอออกจากสมาธิจะรู้สึกเหมือนหลับเพิ่งตื่นใหม่เลยคะ
     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ===================

    อาการคอแห้งเป็นเหมือนกันทุกคนครับ
    ส่วนอาการคล้ายๆครึ่งหลับครึ่งตื่น เพราะกายระงับ เหลือแค่จิตทำงาน ในขณะที่จิตทำงานในระดับฌาณ การทำงานของร่างกายก็จะเกือบหยุดชะงัก หัวใจเต้นเบาลงหัวใจเบาลง เลือดสูบฉีดเบาลง สมองทำงานน้อยลง
    ซึ่งร่างกายทำงานเบาบางลงมาก มากกว่าการหลับแบบทิ้งตัวด้วยซ้ำไปครับ

    การเข้าฌาณเป็นสภาวะที่กายได้พักเต็มที่ และมีโฮโมน แห่งความสุขถูกผลิตออกมา เสริมให้ร่างกายผ่องใส สดชื่นครับ เป็นยาอายุวัตนะครับ

    สภาวะเคลิ้มหลับแต่ไม่หลับคือมีสติดิ่งลึกอยู่ที่ฐานของสมาธิอยู่ภายในครับ
    ซึ่งหากควบคุมไม่ดีก็สามารถหลับ จิตตกภวังค์ได้ง่ายมากครับ ยังมีสภาวะอีกหลายอย่างที่เป็นบททดสอบเราได้ครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...