หลวงปู่สุภา กันตะสีโล ( พระอริยะสงฆ์ห้าแผ่นดิน )

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย phuang, 3 สิงหาคม 2005.

  1. phuang

    phuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,033
    ค่าพลัง:
    +10,043
    <TABLE borderColorDark=#f3f3f3 width="80%" borderColorLight=#f3f3f3 border=1><TBODY><TR bgColor=#6699ff><TD class=white10bc width="100%">หลวงปู่สุภา กันตะสีโล ( พระอริยะสงฆ์ห้าแผ่นดิน )</TD></TR><TR><TD style="MARGIN-LEFT: auto; WIDTH: 99%; COLOR: #000000; MARGIN-RIGHT: auto" width="100%" bgColor=#ffffff><CENTER>[​IMG]
    ประวัติ หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล </CENTER>

    หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปีวอก พุทธศักราช 2439(ตรงกับวันที่ 17 กันยายน พุทธศักราช 2439) ที่ บ้านคำบ่อ ตำบลคำบ่อ อำเภอวาริชภูมิจังหวัด สกลนครโยมบิดา คือ ขุนพลภักดี ผู้ใหญ่บ้าน คำบ่อ ชื่อเดิม คือ นายพล วงศ์ภาคำโยมมารดา ชื่อ นางสอ วงศ์ภาคำ มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน คือ1. นางสี วงศ์ภาคำ (ถึงแก่กรรม)2. นายเสน วงศ์ภาคำ (บวชเป็นพระภิกษุ - มรณภาพ)3. นางผม วงศ์ภาคำ (ถึงแก่กรรม)4. นางเกตุ วงศ์ภาคำ (ถึงแก่กรรม)5. นายจันทร์เพ็ง วงศ์ภาคำ (ถึงแก่กรรม)6. หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล7. นางมาลีจันทร์ วงศ์ภาคำ (ถึงแก่กรรม)8. นางกา วงศ์ภาคำ (ยังมีชีวิตอยู่)</PRE>
    หลวงปู่สุภา เป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัว เมือตอนเป็นเด็กท่านอ้วนท้วนสมบูรณ์ผิวขาว หน้าตาน่ารักน่าชัง ท่านใช้ชีวิตอย่างเช่นเด็กทั่ว ๆ ไปในสมัยนั้น คือ เที่ยววิ่งซุกซนไปตามประสา จะมีโอกาสเรียนเขียนอ่านก็ต่อเมื่อพ่อแม่พาไปฝากวัดให้พระท่านสอน หรือไม่ก็ให้พ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ ที่รู้หนังสือสอนให้ วัดจึงนับเป็นสถานที่แห่งเดียวที่เด็กชายจะสามารถไปแสวงหาความรู้เช่นเดียวกัน คนอีสานส่วนใหญ่ในสมัยนั้นคือ มักจะให้ลูกบวชเป็นสามเณร

    เมือหลวงปู่สุภาอายุได้ 7 ขวบ วันหนึ่ง ในขณะที่ท่านและเพื่อนๆ ออกไปวิ่งเล่นที่ริมทุ่งชายป่าได้พบ กับพระธุดงค์รูปหนึ่งมาปักกลดพักอยู่ใต้ต้นตะแบกใหญ่ เด็กคนอื่นๆ ที่เห็นพระรูปนั้นไม่ได้สนใจ ต่างพากันวิ่งเล่นกันต่อ เว้นไว้แต่เด็กชายสุภา ซึ่งมีจิตใจโน้มมาทางธรรมตั้งแต่อายุยังน้อยจะเห็นได้ จากการที่ชอบเข้าใกล้พระ ชอบไปวัดดังนั้น เมื่อท่านเห็นพระธุดงค์รูปนั้นปักกลดพักอยู่ก็แยกตัว ออกจากเพื่อนๆ ตรงเข้าไปกราบ เมื่อพระภิกษุชราที่นั่งพักอยู่ภายใจกลดเห็นเด็กชายหน้าตาน่ารัก เข้ามากราบอย่างสวยงาม เหมือนกับได้รับการสั่งสอนมาเป็นอย่างดี จึงมองเด็กน้อยคนนั้นด้วยความ เมตตา เพ่งดูลักษณะอยู่ครู่เดียวจึงบอกเด็กน้อยว่า ต่อไปภายหน้าจะได้บวช เมื่อบวชแล้วอย่าลืมไปหา ท่าน พระภิกษุรูปนี้ คือ หลวงปู่สีทัตต์ จำพรรษาอยู่ที่วัดท่าอุเทน จังหวัดนครพนมนั่นเอง แต่ในเวลา นั้น เด็กชายสุภายังไม่ได้นึกอะไร ได้แต่นั่งคุยกับหลวงปู่สีทัตต์ครู่หนึ่ง จึงนมัสการกราบลาไปวิ่งเล่น กับเพื่อนๆ ต่อ

    <CENTER>[​IMG]
    บวชเณร เรียนมูลกัจจายน์ </CENTER>

    หลังจากได้พบกับหลวงปู่สีทัตต์ที่ชายป่าในครั้งนั้นแล้วเป็นเวลา 2 ปี บิดามารดาของหลวงปู่ได้ ตกลงใจให้หลวงปู่ซึ่งเป็นลูกชายคนสุดท้องบวชเป็นสามเณร ในขณะที่ท่านอายุได้ 9 ขวบ โดยมี พระอาจารย์สวน เจ้าอาวาศวัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้านตำบลคำบ่อเป็นพระอุปัชฌาย์

    สามเณรสุภาได้ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระอาจารย์สวนอยู่เป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้น ในปี พุทธศักราช 2449 ท่านได้เดินทางไปเรียนมูลกัจจายน์ 5 เล่ม ที่วัดไพรใหญ่ จังหวัด อุบลราชธานี ที่นั่นมีอาจารย์สอนมูลกัจจายน์อยู่ 2 ท่าน คือ พระอาจารย์พระมหาหล้า และอีกท่าน เป็นฆราวาส ชื่อ อาจารย์ลุย สามเณรสุภาได้ใช้เวลาศึกษามูลกัจจายน์ 5 เล่มอยู่ที่วัดไพรใหญ่เป็น เวลานานหลายปีกว่าจะจบมูลกัจจายน์ 5 เล่ม เมื่อจบหลักสูตรแล้ว ก็มีความคิดที่จะหาความรู้ เพิ่มเติมจึงได้กราบลาอาจารย์ออกจากวัดไพรใหญ่ โดยที่ขณะนั้นได้ทราบข่าวว่ามีพระอาจารย์รูป หนึ่งเก่งทางวิปัสสนาและทรงวิทยาคมอยู่ที่วัดท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม มีชื่อว่า พระอาจารย์สีทัตต์ สามเณรสุภาจึงนึกขึ้นได้ว่า เคยได้ยินชื่อนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว และจำได้ว่าเคยกราบ ท่านที่ใต้ต้นตะแบกเมื่อตอนเป็นเด็กๆ และท่านยังสั่งไว้ว่าเมื่อบวชแล้วให้ไปหาท่าน ในครั้งนั้น สามเณรสุภาอายุใกล้ครบอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว จึงออกเดินทางไปนมัสการหลวงปู่สีทัตต์ที่ วัดท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนนครพนม ขณะนั้น หลวงปู่สีทัตต์อายุมากแล้ว ท่านเป็นพระป่า ที่มีชื่อเสียงมากทางวิปัสสนากรรมฐาน ขณะที่สามเณรสุภาเดินทางไปพบ หลวงปู่สีทัตต์กำลังก่อสร้าง พระธาตุอยู่องค์หนึ่ง คือ พระธาตุท่าอุเทนในปัจจุบัน หลวงปู่สีทัตต์ได้รับสามเณรสุภาไว้เป็นศิษย์ด้วย ความยินดี นับว่าหลวงปู่สีทัตต์ เป็นอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานองค์แรกของหลวงปู่สุภา

    <CENTER>[​IMG]
    ฝึกกรรมฐาน ออกธุดงค์กับหลวงปู่สีทัตต์ </CENTER>

    สามเณรสุภา ได้เริ่มฝึกกรรมฐานและออกธุดงค์เป็นกิจจะลักษณะกับหลวงปู่สีทัตต์ ซึ่งได้พาสามเณร สุภาออกธุดงค์ข้ามไปฝั่งลาว เพราะวัดพระธาตุท่าอุเทนนั้น อยู่ในเขตจังหวัดนครพนมใกล้กันกับ แม่น้ำโขง สมัยนั้นการเดินทางไปมาสะดวก อีกทั้งยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก มีภูเขา ป่าไม้และถ้ำมากมาย ผู้คนศรัทธาในพระพุทธศาสนาบ้านเมืองสงบร่มเย็นดี ไม่วุ่นวายเหมือนในปัจจุบันพระสงฆ์ทั้งไทยและ ลาวจึงมักจะธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมอยู่กับพระลาวที่เก่งทางวิปัสสนา หลวงปู่สีทัตต์เองก็ได้พาสามเณรสุภา ไปธุดงค์ฝั่งลาวอยู่เสมอ ๆ ที่ชอบไปพักมากที่สุด คือ ถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งสวยงามน่าอยู่ ในถ้ำนั้นมี เขาควายใหญ่วางอยู่คู่หนึ่ง ยาวข้างละประมาณ 8 ศอก มีภูเขาลักษณะโค้งงอนเหมือนกับเขาควาย ชาวบ้านฝั่งลาวจึงเรียกว่า ถ้ำภูเขาควาย ในถ้ำแห่งนี้มีพระสงฆ์ไปปฏิบัติธรรมกันมาก บางครั้งก็อยู่กัน คราวล่ะหลายรูป บางปีก็มีพระสงฆ์ไทยไปจำพรรษาอยู่เช่นกัน เนื่องจากในสมัยนั้น สร้างวัดกันได้ ง่ายกว่าในปัจจุบันไม่ว่าจะฝั่งไทย ฝั่งลาว ส่วนใหญ่วัดตามป่าตามเขาไม่ต้องขอวิสุงคามวาสี ก็ สามารถสร้างเป็นวัดได้

    <CENTER>[​IMG]
    อุปสมบทที่ถ้ำภูเขาควายประเทศลาว </CENTER>

    สามเณรสุภาได้ติดตามหลวงปู่สีทัตต์ไปธุดงค์จนอายุครบอุปสมบท ในปีพุทธศักราช 2459 หลวงปู่จึงได้อุปสมบทให้สามเณรสุภาภายในถ้ำภูเขาควายนั้น โดยท่านเองเป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระเถระที่ไปปฏิบัติธรรมอยุ่ที่ถ้ำภูเขาควาย เป็นพระกรรมวาจารย์และอนุสาวนาจารย์ รวมทั้งพระนั่งอันดับสามเณรสุภาได้รับฉายาว่า กนฺตสีโล

    ที่ถ้ำภูเขาควายนั้น จะมีพระวิปัสสนาจารย์ที่รอบรู้ในสรรพวิชาไปพักปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก หลวงปู่สีทัตต์ต้องการให้ลูกศิษย์ท่านได้มีโอกาศรู้จักกับพระวิปัสสนาจารย์เหล่านั้น เพื่อจะได้ศึกษา วัตรปฏิบัติของท่าน หลังจากอุปสมบทแล้วก็ปฏิบัติธรรมอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง จากนั้น ท่านก็ติดตาม หลวงปู่สีทัตต์ซึ่งกลับมาจำพรรษาที่วัดพระธาตุท่าอุเทน เพื่อดำเนินการสร้างพระธาตุเมื่อมีเวลาว่าง หลวงปู่จะพาลูกศิษย์รวมทั้งพระสุภาออกธุดงค์อีกเช่นนี้ ไปจนกระทั่งสร้างพระธาตุท่าอุเทนเสร็จ เรียบร้อย

    <CENTER>[​IMG]
    เรียนพระคัมภีร์ท้งห้าและการปฏิบัติวิปัสสนากับพระอาจารย์สีทัตต์ </CENTER>

    พระภิกษุสุภาได้พำนักอยู่กับหลวงปู่สีทัตต์เป็นเวลานานถึง 8 ปี โดยศึกษาพระปริยัติธรรมทั้ง 5 และปฏิบัติวิปัสสนากรรฐาน ท่านได้ใช้เวลา 4 ปีแรก ศึกษาพระคัมภีร์ปริยัติทั้ง 5 และการ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อขึ้นปีที่ 5 หลวงปู่สีทัตต์ได้แนะให้ท่านออกธุดงค์ ในครั้งแรก อนุญาตให้มีเพื่อนติดตามอีก 3 รูป โดยมี 2 รูปเป็นพระอีกรูปเป็นสามเณร เดินธุดงค์ออกจาก ถ้ำภูเขาควายขึ้นไปทางผาต้อหน่อคำ แขวงคำม่วน อำเภอเซโปน จังหวัดเซโปน ประเทศลาว เพื่อทดสอบสมาธิและอุปนิสัยของพระภิกษุสุภา จนกระทั่งเห็นว่าท่านมีสมาธิแน่วแน่ในการปฏิบัติ ธรรมและวิปัสสนากรรมฐานดีแล้ว

    หลวงปู่สีทัตต์ตั้งใจอบรมสั่งสอนทั้งทางด้านวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาอาคมต่างๆ รวมทั้งสอน วิชา วิธีถอดกายทิพย์ ให้ด้วย จนถึงขั้นจะให้เรียนภาษานกได้รู้เรื่อง แต่ท่านได้พิจารณาดูวัตร ปฏิบัติของท่านแล้ว เห็นว่าชอบออกธุดงค์มากกว่าจึงขอออกธุดงค์ ไม่ได้เรียนภาษานก ก่อนออก ธุดงค์ หลวงปู่สีทัตต์ ได้แนะและอบรมสั่งสอนท่านไปว่า - ไปให้ดีนะลูกนะ เดินให้สม่ำเสมอ อย่าเร็ว อย่าช้า ให้ค่อยไป ให้ค่อยมา โบราณเขาว่าอยากถึงเร็วให้คลาน อยากถึงนานให้วิ่ง -

    <CENTER>[​IMG]
    เดินทางไปพบหลวงปู่ศุข เกสโร( วัดปากคลองมะขามเฒ่า ) </CENTER>

    เมื่อปีพุทธศักราช 2463 พระภิกษุสุภาได้กราบลาหลวงปู่สีทัตต์เพื่อออกธุดงค์วัตร และออกจากถ้ำ ภูเขาควายไปตามทางที่หลวงปู่สีทัตต์ได้เมตตาแนะนำ คือ ให้วิ่งจากถ้ำภูเขาควายไปท่าเดื่อ และจาก ท่าเดื่อไปหนองคาย ให้ไปสละธุดงค์ที่หนองคาย พร้อมทั้งแนะนำว่า อย่าเดิน เพราะจะช้าเกินไป เรียนอะไรจะไม่จบ และยังชี้แนะอีกว่าจะได้พบอาจารย์ที่เก่งมากองค์หนึ่งหากแต่ไม่ได้บอกว่าเป็น ผู้ใด

    พระภิกษุสุภาออกเดินทางไปตามเส้นทางที่หลวงปู่สีทัตต์แนะนำ พอถึงหนองคาย ก็ออกธุดงค์ และให้เดินทาง ไปทางเหนือจะได้พบกับ พระอาจารย์องค์หนึ่งที่มี ความเชี่ยวชาญด้านกสิณและ วิชา แปดประการ มีอภิญญาสูงมาก พระภิกษุสุภาได้วิชาอาคมจากท่าน และนั่ง รถยนต์เข้ากรุงเทพฯ เพื่อให้ทันเวลาตามที่หลวงปู่สีทัตต์ได้บอกไว้ เมื่อมาถึงกรุงเทพฯ ท่านก็ได้ ถามหาเกจิอาจารย์ที่สามารถสอนทางพุทธศาสตร์ที่ลึกลับ ลึกซึ้ง หรือสอนทางวิปัสสนากรรมฐาน มีคนเล่าลือว่ามี อาจารย์ศุข (หลวงปู่ศุข เกสโร) อยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท ท่านจึง ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เดินทาง นั่งรถบ้างจนถึง จังหวัดชัยนาทตามที่หลวงปู่สีทัตต์ได้บอกท่าน ก่อนกราบลาจากถ้ำภูเขาควาย

    เมื่อเดินทางไป ที่วัดอู่ทอง พอเห็นกุฏิ หลวงปู่ศุข ก็จะขึ้นไปนมัสการ ก็ได้รับคำทักทาย ว่า...มาถึงแล้วหรือพ่อเณรน้อย กำลังรออยู่ พอดี ล้างเท้าแล้วขึ้นมาเห็นหน้าเห็นตา กันหน่อย

    มีแต่ เสียงทักทายที่นอกชาน แต่เมื่อมองขึ้นไปไม่เห็นใคร จึงได้คิดในใจว่า... นี่คือพลังปราณผู้ที่สำเร็จ สามารถออกเสียงให้ดังค่อย หรือไกลใกล้แค่ไหน ก็ได้ หรือว่าท่านมีพลังในการโปร่งแสง (หายตัวได้) (ในช่วงที่หลวงปู่สุภาไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ศุขนั้น กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...