อดทนต่อถ้อยคำล่วงเกินของผู้อื่นได้ "ประเสริฐยิ่ง"

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 20 สิงหาคม 2007.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,702
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,015
    [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript>setImgWidth();</SCRIPT> ​




    อดทนต่อถ้อยคำล่วงเกินของผู้อื่นได้ "ประเสริฐยิ่ง"

    วจนกฺขโม = อดทนต่อถ้อยคำล่วงเกิน



    เมื่อใดที่เราเป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำหยาบ คำเสียดสี...


    เราจะลดและบรรเทากรรมเวรที่ต้องตอบโต้กับผู้กล่าววาจาร้ายใส่เราได้


    เป็นการฝึก ขันติ (อดกลั้น) ทมะ (ข่มใจ) รวมไปถึงอภัยทาน(ทานที่ทำได้ยากเมื่อทำได้จะตัดเวรตัดกรรม) แก่ผู้ที่มาทำร้ายทางวาจา


    บางท่าน ใครพูดทับถม หรือเสียดสีเล็กๆน้อยๆ ก็ร้อนใจ นอนไม่หลับ กินไม่ลง สายตาระทม ผิวพรรณหม่นหมองเพราะแรงฟุ้ง เป็นกิเลสอย่างหนึ่งทำให้คิดหมุนวน

    นี่เป็นผลของการเก็บเอาคำพูดของคนอื่นมาทิ่มแทง
    ใครล่ะที่ยินดีเก็บคำพูดของคนอื่นไว้ ถ้าไม่ใช่ใจท่านเอง

    บางท่าน โดนด่า โดนพูดเสียด ตั้งแต่เดือนก่อน แต่เก็บเอาคำพูดมาแทงตัวเองทุกๆวัน
    รู้หรือไม่ ว่าคนที่ด่าท่าน เขาลืมไปนานแล้ว ท่านต่างหากที่ยังไม่ลืม และใช้ใจตัวเองหมักหมมถ้อยคำไร้สาระเก็บไว้ไม่ยอมสลัดทิ้ง

    ท่านห้ามพระอาทิตย์ไม่ให้ส่องแสงได้ ท่านคงสามารถห้ามคนนินทาได้

    ธรรมดา..ที่ต้องเกิดมาเจอถ้อยคำกล่าวโทษ เพ่งโทษ

    ธรรมดา..ที่ต้องเกิดมาเจอถ้อยคำเสียดสี เหน็บแนม

    ธรรมดา..ที่ต้องเกิดมาเจอถ้อยคำด่าทอ ผรุสวาท


    แต่อะไรก็ตามที่เป็นสิ่งสมมุติ ล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ในที่สุด


    ถ้อยคำล่วงเกินต่างๆ มันได้"ดับ"ไปนานแล้วตั้งแต่ที่คนๆนั้นเขาพูดเสร็จ
    แต่ท่านเอง กลับทำให้ถ้อยคำเหล่านั้น "เกิดใหม่"ทุกๆวัน ด้วยการเก็บเอามาคิดแค้นใจ น้อยใจ เสียใจ ไม่หยุดหย่อน




    ข้อความจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    “......ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาสวะอันภิกษุพึงละด้วยความอดกลั้น.... คือภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว ย่อมเป็นผู้อดทนต่อหนาว ร้อน หิว กระหาย เหลือบ ยุง ลม แดด ย่อมเป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำหยาบ คำเสียดสี... อดกลั้นต่อทุกขเวทนาทางกาย.... เมื่อเธออดทนอยู่ อาสวะเหล่านั้นที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อนย่อมไม่มีแก่เธอ...."

    พระพุทธองค์ท่านก็ยังกล่าวถึงการอดทนต่อถ้อยคำต่างๆที่มากระทบเรา หากอดทนได้ ก็เป็นปัจจัยในการปล่อยวางต่อกิเลสเครื่องร้อยรัดดวงจิตของเราได้



    ปัญหา เมื่อเราถูกด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย เราควรจะปฏิบัติอย่างไร?

    พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะพึงกล่าวกะท่านมีอยู่ ๕ ประการ คือ
    กล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควร ๑
    กล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริง ๑
    กล่าวด้วยคำอ่อนหวานหรือคำหยาบคาย ๑
    มีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าว ๑
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลอื่นจะกล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควรก็ตาม
    จะกล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม
    จะกล่าวด้วยคำอ่อนหวานหรือคำหยาบคายก็ตาม
    จะกล่าวถ้อยคำประกอบด้วยประโยชน์หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์ก็ตาม
    จะมีจิตเมตตาหรือมีโทสะภายในกล่าวก็ตาม
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน

    เราจักไม่เปล่งวาจาลามก
    เราจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งอันเป็นประโยชน์
    เราจักมีจิตเมตตา ไม่มีโทสะในภายในเราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น
    และจักแผ่เมตตาจิตอันไพบูลย์ ใหญ่ยิ่งหาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาทไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทางซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้นดังนี้
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลายถึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมานี้แลฯ ”


    หากท่านกำลังฝึกปล่อยวาง ลองสำรวจดูอีกสักหน่อย ว่าได้ปล่อยวางคำพูดของผู้อื่นแล้วหรือยัง

    พึงจดจำข้อความที่ให้กำลังใจท่านในการอดทนต่อคำพูดของคนอื่น
    "อดทนต่อคำที่ล่วงเกินได้ ประเสริฐยิ่ง"

    เมื่ออดทนได้แล้ว ให้ใช้เมตตาลบล้างอำนาจโทสะในใจท่าน การไม่สบายใจในคำพูดของคนอื่นก็เป็นโทสะอย่างหนึ่งที่ท่านเก็บฝังไว้
    จงระงับโทสะจิตด้วย

    1.เมตตาต่อคนที่ด่าเรา(สงสาร)
    2.กรุณาต่อคนที่ด่าว่าเราด้วยการไม่ตอบโต้
    3.มุทิตา ยินดีที่ได้ชดใช้กรรมให้เขาด่า (เพราะในอดีตเราต้องเคยทำกรรมกับเขาไว้ เขาจึงตามมาด่า-ทุกอย่างมีเหตุปัจจัย)
    4.อุเบกขา เห็นถึงความไม่เที่ยงของคำพูด มีเกิดมีดับ

    ชีวิตนี้น้อยนัก สั้นนัก คนเราได้เวลามาเท่ากัน คือ 1นาทีก็มี60วินาที เท่ากัน อยู่ที่ใครจะทำให้มีความสุขที่แท้จริงมากกว่ากัน

    ดังนั้นอย่าเสียเวลากับการคิดหมุนวนในคำพูดของคนอื่นเลย....



    ที่มา www.buddha-dhamma.com
     
  2. ahantharik

    ahantharik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,595
    ค่าพลัง:
    +6,346
    ทุกวันนี้ใครจะด่าจะว่าอะไรใครจะนิทราใคร ผมนิ่งและรับฟังไม่แสดงความคิดเห็น (ยิ้มอย่างเดียว) ผมถือว่าชาติที่แล้วตัวผมเองก็เคยไปกระทำแบบเดียวกัน เลยส่งผลมาชาตินี้ คิดเสมอว่าคำพูด คำด่า เดี๋ยวมันก็ดับไปเอง อย่าไปเพิ่มเชื้อเพลิงให้มันเดี๋ยวจะลามไปทั่ว
     
  3. Newone

    Newone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +2,964
    อนุโมทนา...สาธุ...
    คำสอนของพระองค์....เป็นปัจจุบันกาลเสมอ ๆ
     
  4. อาวุโสพรรคมาร

    อาวุโสพรรคมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +1,419
    เห็นด้วยอย่างยิ่ง
     
  5. แม่น้องนน

    แม่น้องนน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    457
    ค่าพลัง:
    +1,427
    ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าเรื่องบางเรื่อง ไม่ควรทำ เป็นสิ่งไม่ดี

    แต่ปุถุชนคนธรรมดาอย่างแม่น้องนน ก็ยังละไม่ได้ เลิกไม่ได้

    บางครั้งก็เผลอไปผสมโรงกับพวกที่กำลังนินทาเค้าอยู่

    บางครั้งก็เผลอไปว่าผู้อื่น บางครั้งก็เผลอไปเคียดแค้นชิงชัง

    จนตัวเองเกือบเป็นบ้า....

    คงต้องใช้เวลาอีก ( นานนนนนนนนนนน ) หน่อย

    ถึงจะปลงทุกขัง อนิจจังได้อย่างผู้รู้ท่านอื่น ๆ

    จะตั้งใจ และพยายามค่ะ เอ้า ! อึ๊บบบบบบบบบบบบบ !!!
     
  6. sutthida

    sutthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +3,388
    เราโดนประจำแหล่ะ ไอ้เรื่องโดนด่า เป็น call center รับสายวันนึงเป็น 100 สาย มันก็ต้องโดนด่าบ้างแหล่ะ บางทีโดนด่าจนร้องไห้ก็มี เมื่อไหร่จะหมดเวร หมดกรรมซะทีเนี่ย
     
  7. {ผู้ชนะสิบๆทิศ}

    {ผู้ชนะสิบๆทิศ} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +917
    ในขณะโดนเขาว่า หรือ ด่า เราอยู่นั้น ถ้ามีสติรับรู้พอก็จะรับฟังแล้วเอาสิ่งเหล่านั้นกลับมาคิด ว่าจริงไหมที่เขาพูดกับเราแบบนั้น แล้วก็เอากลับไปพยามยามแก้ไขให้ได้ ไม่ว่าเขาจะเด็กกว่า หรืออาวุโสกว่า เพราะธรรมะอยู่ในทุกที่อยู่ที่ตัวเราจะมีปัญญาเห็นหรือไม่ แต่ถ้าหากสติเตลิดในขณะที่เขาว่าเรา หรือขณะอื่นๆ ก็... Senser ^ ^ แต่บางทีบางคนก็จะแกล้งว่าเรา แบบนี้เราก็คงต้องวางอุเบกขา หรทอถ้าอดไม่ได้ก็ต้องมีการประลองปัญญากันหน่อย ส่วนใหญ่คนที่มาก็จะโดนผมปั่นหัวด้วยคำพูดไป จนเจอหน้าผมก็จะไม่อยากมาหาเรื่องผมอีก

    หลักที่ผมใช้การการฝึกสติ คือ เมื่ออายตนะภายใน๖ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) สัมผัสกับอายตนะภายนอก๖ (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์) เมื่อไรผมก็จะใช้หลักสติปัฏฐาน๔ .ในการเจริญสติรู้ และในหลายๆเหตุการณ์ก็เอามาเป็นครูเรา ซึ่งทำให้เกิดปัญญามากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมายเลยครับ และสติก็ค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ

    ผู้ใดสนใจลองไปฝึกปฏิบัติกันได้นะครับ เพราะผมเพิ่งฝึกมาไม่นานนี้เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 สิงหาคม 2007
  8. แม่น้องนน

    แม่น้องนน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    457
    ค่าพลัง:
    +1,427
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 662399" vAlign=top><TD class=alt1 align=middle width=125>โอม.</TD><TD class=alt2>อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ -- [​IMG]
    ในขณะโดนเขาว่า หรือ ด่า เราอยู่นั้น ถ้ามีสติรับรู้พอก็จะรับฟังแล้วเอาสิ่งเหล่านั้นกลับมาคิด ว่าจริงไหมที่เขาพูดกับเราแบบนั้น แล้วก็เอากลับไปพยามยามแก้ไขให้ได้ ไม่ว่าเขาจะเด็กกว่า หรืออาวุโสกว่า เพราะธรรมะอยู่ในทุกที่อยู่ที่ตัวเราจะมีปัญญาเห็นหรือไม่ แต่ถ้าหากสติเตลิดในขณะที่เขาว่าเรา หรือขณะอื่นๆ ก็... Senser ^ ^ แต่บางทีบางคนก็จะแกล้งว่าเรา แบบนี้เราก็คงต้องวางอุเบกขา หรทอถ้าอดไม่ได้ก็ต้องมีการประลองปัญญากันหน่อย ส่วนใหญ่คนที่มาก็จะโดนผมปั่นหัวด้วยคำพูดไป จนเจอหน้าผมก็จะไม่อยากมาหาเรื่องผมอีก

    หลักที่ผมใช้การการฝึกสติ คือ เมื่ออายตนะภายใน๖ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) สัมผัสกับอายตนะภายนอก๖ (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์) เมื่อไรผมก็จะใช้หลักสติปัฏฐาน๔ .ในการเจริญสติรู้ และในหลายๆเหตุการณ์ก็เอามาเป็นครูเรา ซึ่งทำให้เกิดปัญญามากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมายเลยครับ และสติก็ค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ

    ผู้ใดสนใจลองไปฝึกปฏิบัติกันได้นะครับ เพราะผมเพิ่งฝึกมาไม่นานนี้เอง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สาธุครับ ถ้าทำได้อย่างนั้นยอดเลย



    แต่ ที่เห็นมานั้น บางกรณี
    บางทีเขาไม่ได้ว่า หรือ ด่า แต่เข้าใจผิดคิดว่าเขาว่า ด่า

    ก็เลยอ้างธรรมะขึ้นมาฟาดฟันเขา ถ้าเขาเสีย ก็เสียไปเลย

    แล้วก็บอกว่า ตนเป็นผู้เสียสละ หวังให้คนอื่นได้ดีโดยการหลอกด่าเขา
    เอาความผิดของเขาในอดีตมาแฉ ทั้งที่เขาเปลี่ยนไปในทางดีแล้ว

    ทั้งยังเป็นการรักษาหน้า รักษาฟอร์มของตนไว้ด้วย

    แบบนี้ก็มีบ่อยในสังคมทั่วไป จริงไหมครับ ทุกท่าน


    อันนี้เห็นด้วยเป็นที่สุดค่ะ...เพราะเคยเป็นเหมือนกัน

    ทั้งถูกเข้าใจผิด และเข้าใจผิดเอง[bw-cry]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. {ผู้ชนะสิบๆทิศ}

    {ผู้ชนะสิบๆทิศ} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +917
    ผมว่าอยู่ที่เขาจะรับนะครับ ถ้าเขาคิดว่าเราหลอกด่า แต่ไม่คิดในสิ่งที่เราพูดไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์ที่จะเอามาฝึกฝนอะไร

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ -- [​IMG]
    ในขณะโดนเขาว่า หรือ ด่า เราอยู่นั้น ถ้ามีสติรับรู้พอก็จะรับฟังแล้วเอาสิ่งเหล่านั้นกลับมาคิด ว่าจริงไหมที่เขาพูดกับเราแบบนั้น แล้วก็เอากลับไปพยามยามแก้ไขให้ได้ ไม่ว่าเขาจะเด็กกว่า หรืออาวุโสกว่า เพราะธรรมะอยู่ในทุกที่อยู่ที่ตัวเราจะมีปัญญาเห็นหรือไม่


    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    แต่ถ้าสิ่งที่เราเอามาพูดนั้นเป็นความจริง ที่เขาเถียงไม่ออก เพราะเขาทำไว้จริงๆเขาก็ต้องยอมรับ เพราะนั่นก็เป็นอดีตที่เราทำไว้มิใช่หรือ หรือเราจะหลอกตัวเอง ส่วนตัวผมเองถ้าใครเอาเรื่องในอดีตมาพูดไม่ว่าจะดีหรือไม่ ผมก็ต้องยอมรับว่าเราได้ทำดี หรือไม่ดีไว้นั่นเอง เอามือปิดฟ้า ไม่ได้หรอกครับ


    แล้วถามตัวเราว่ายังกระทำแบบอดีตนั้นหรือไม่ เพราะในสังคมนี้ก็ยังมีคนทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ให้คนเขามาเตือนแล้วเตือนอีก จนคนเขาคว่ำบาตรไปก็เยอะมิใช่หรือครับ ทุกท่าน

    แต่อย่างไรก็ตามคนจะมาว่าเรา หรือด่าเราก็ดี พึ่งปฏิบัติตาม ตามที่คุณWebsnow ตั้งกระทู้ไว้คือ อดทนต่อถ้อยคำล่วงเกินของผู้อื่นได้ "ประเสริฐยิ่ง"

    ชีวิตบางคนสอนคนอื่นได้ แต่ถึงคราวตัวเองกลับทำไม่ได้มีอยู่เยอะแยะในสังคม ขอให้เราทำตัวเองให้ดีจริงๆ คนเขาจะชม หรือจะด่าว่าเราแค่ไหน เราก็ไม่ได้ดี หรือเลวไปตามสิ่งที่เขาพูดหรอก
    สมกับคำว่า

    - ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ
    - ระยะทางพิสูน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
    - มารไม่มีบารมีไม่เกิด

    จริงไหมครับ สาธุ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 สิงหาคม 2007
  10. ใบไม้ปลิว

    ใบไม้ปลิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +105
    อยากเป็นคนหนึ่งที่ทำได้อย่างนี้บ้าง
    มันทุกข์ ทุกข์อยู่ที่ใจ ใจมันจะร้อนมาก
    คำพูดของคนไม่กี่คำ เผาใจเรามาก

    อยากจะปล่อยวางได้ หยุดคิดให้ได้ อยากทำให้ได้ค่ะ
     
  11. ร่มโพธิ์

    ร่มโพธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,952
    อย่าไปสนใจกริยาของคนอื่น จงดูแัต่ตัวเองว่าเราทำความดีไว้มากพอที่จะรอดจากอบายภูมิ และพอที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้แล้วหรือยัง ทุกวันนี้ผมตี้งความหวังไว้เท่านี้ครับ
     
  12. piman

    piman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +632
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
    ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
    </CENTER><CENTER> </CENTER>
    คาถาธรรมบท นาควรรคที่ ๒๓

    <!--coloro:#0000FF-->
    <!--/coloro-->เราจักอดกลั้นซึ่งคำล่วงเกิน ดุจช้างอดทนซึ่งลูกศรที่ออก
    มาจากแล่งในสงคราม ฉะนั้น เพราะคนทุศีลมีมาก ชน
    ทั้งหลายย่อมนำสัตว์พาหนะที่ฝึกหัดแล้วไปสู่ที่ชุมนุม พระ
    ราชาย่อมทรงพาหนะที่ได้ฝึกหัดแล้ว ในหมู่มนุษย์คนที่ได้
    ฝึกแล้ว อดทนซึ่งคำล่วงเกินได้ เป็นผู้ประเสริฐสุด ม้า
    อัสดร ม้าอาชาไนย ม้าสินธพ และช้างกุญชรผู้มหานาค
    ชนิดที่นายควานฝึกแล้ว จึงเป็นสัตว์ประเสริฐ บุคคลผู้มีตน
    อันฝึกแล้ว ประเสริฐกว่าพาหนะเหล่านั้น<!--colorc-->
    <!--/colorc--> ...

    <CENTER>http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=25&A=1118&Z=1161&pagebreak=0</CENTER>
     
  13. piman

    piman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +632
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2007
  14. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,067
    สุดยอด...ด โมทนามากๆๆๆ มหาศาล บทความนี้โดนใจเป็นที่สุด ขอบคุณพี่ชัยค่ะ
     
  15. Forest_Sa

    Forest_Sa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +1,444
    เราต้องนิ่งเข้าไว้ นิ่งๆๆๆ เดี๋ยวคนที่ว่าก็เหนื่อยแล้วก็หยุดปากเองหละ หุหุ ฮ่าๆๆๆๆ แต่ปุถุชนคนเดินดินอย่างเราๆ ก็ต้องมีมีอารมณ์บ้างเป็นธรรมดาตามประสามนุษย์โลก แต่ถึงจะมีอารมณ์เราก็ได้อย่าชะล่าใจควรบังคับจิตบังคับใจไว้บ้างเน้อ
     
  16. s_thit

    s_thit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2007
    โพสต์:
    785
    ค่าพลัง:
    +3,027
    เคยอ่านหนังสือคำสอนของหลวงพ่อ ๆ บอกว่า "ช่างเขาเถอะ, ช่างมันเถอะ, จนถึง ช่างแ ..มันเถอะ" แล้วหลวงพ่อก็บอกต่อว่า "เขาว่าเรา เราไม่รับซะก็สิ้นเรื่อง ยิ่งเราโต้เถียงเราก็ยิ่งเลวกว่าเขา"
     
  17. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    การที่ต้องข้องแวะกับปุตุชนก็ย่อมถูกกระทบกระทั่งเสมอจนเป็นธรรมดา ทุกค่นที่เกิดอยู่บนโลกต้องโดนเป็นธรรมดา คงเคยได้ยินวลีที่ว่าแม้องค์พระปฎิมายังราคินใช่ไหมครับ ก็ถือเป็นบทพิสูจว่าการปฎิบัติธรรมของเราไปถึงไหนได้อย่างหนึ่ง หมั่นทำไตรลักษณ์ให้แจ้งกันทุกท่านนะครับ อนุโมทนา
     
  18. suchat

    suchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +1,239
    โมทนาสาธุครับ

    คำกล่าวด่า ว่าร้าย ใส่ความมีอยู่ทุกที่ ที่ทำให้ร้อนใจ

    จะดับร้อนก็ต้องดับที่ใจของเรา
     
  19. wong3210

    wong3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    553
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,392
    อันนี้แหละครับถูกใจผมมากทีเดียว บางทีเราฝึกปฏิบัติธรรมมานาน อยู่แต่ในโลกธรรมะ แต่พอเจอโลกจริงๆ กลับวางตัวไม่ถูก บางคนก็สติแตกแค่คนพูดว่านิดหน่อยรับไม่ได้ เพราะชีวิตที่อยู่ในสังคมธรรมะไม่มีพูดรุนแรงเช่นนี้

    แต่คุณจะอยู่แต่ในโลกธรรมะตลอดไปได้หรือ ถ้าใจคุณไม่ยังไม่มีธรรมะพอที่จะรับหลักโลกธรรม คือ ทุกข์ สุข สรรเสริญ นินทา มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ แล้วเมื่อคุณได้สิ่งเหล่านี้มา คุณกลับวางใจไม่เป็น มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเรายังไม่มีธรรมะในใจไม่พอนั่นเอง

    การปิดหูไปเลยโดยไม่ฟังเหตุและผลของคนที่ว่าเรา หรือตำหนิเรา นั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูก เพราะว่าคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่คุณทำนั่นถูกแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือ เปิดใจรับฟังด้วยขันติ แล้วใช้สติตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ที่เขาพูดมา ถ้าจริงก็มาแก้ไข ถ้าไม่จริงก็ได้ฝึกขันติ ความอดทนไปในตัว นี่ซิคนมีธรรมในใจของจริง แล้วคุณจะพัฒนาทางธรรมะขึ้นไปๆ อย่างแน่นอน (b-smile)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 สิงหาคม 2007
  20. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    ขออนุโมทนา กับทุกท่านทั้งผู้ตั้งกระทู้และผู้ตอบกระทู้ ดีมากๆ เลยค่ะ นำกลับไปใช้ได้จริง ๆ ค่ะ ทำได้บ้างไม่ได้บ้างแต่จะพยายามให้ดีขึ้นค่ะสาธุ สาธุ สาธุ
    [​IMG][​IMG][​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...