อยากตายในเร็ววันต้องทำอย่างไร

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย kantiphong, 31 ตุลาคม 2015.

  1. kantiphong

    kantiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +207
    อยากตายแล้วครับ แต่ไม่ฆ่าตัวตาย มีวิธีไหนที่ทำให้สิ้นอายุขัยโดยไม่บาปบ้างครับ ขอบคุณครับ
     
  2. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    ตายจากความเป็นสัตว์ ไปเป็นอริยะ ไม่บาป
     
  3. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    เอ้อ .. ใครจะบอก บอกไปก็บาป

    อายุขัยแก้ไม่ได้โดยปกติคับ เพราะถ้าใครตายก่อนหมดอายุขัย
    ก็ต้องเร่ร่อนค้างอยู่จนอายุขัยหมด แต่ปัญหาคือท่านว่า อายุบนโลก x 50 ปีนะครับ

    คือถ้าตายก่อนอายุขัย เช่น เหลืออายุขัยอีก 40 ปี
    ก็ต้องเป็นวิญญาณอนาถา เร่ร่อน 40 x 50 = 2,000 ปี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2015
  4. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    อยากตายได้ครับ แต่คุณต้องรู้ด้วยว่า ถ้าคุณตายตอนนี้แล้วคุณจะต้องไปเกิดที่ไหน

    ถ้าตายตอนนี้แล้วไปเกิดในนรก ก็คงขาดทุนหนัก ไม่คุ้มเลยนะ

    อยู่เป็นคนเป็นทุกข์มากแค่ไหน ก็ยังดีกว่าตกนรก



    แนะนำว่า เจริญมรณานุสติกรรมฐาน บ่อยๆครับ

    ก่อนนอนก็กำหนดเลยว่า วันนี้เราอาจจะตายก็ได้
    ถ้าเราตายวันนี้ ก็ขอไปนิพพานอย่างเดียว

    มีการให้ทาน รักษาศีล สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ

    และถ้าตายเราจะไม่ขอเกิดอีก เพราะการเกิดมีแต่ความทุกข์

    เราขอไปนิพพานอย่างเดียว ที่อื่นเราไม่ขอไปเด็ดขาด



    ถ้าก่อนตาย จิตไม่ต้องการร่างกาย และไม่ต้องการเกิดในภพภูมิไหนอื่น

    ท่านก็จะเข้าเข้าพระนิพพานได้ครับ ไม่ต้องมาเวียนเกิดเวียนตายอีก

    แต่ถ้ายังติดในร่างกายอยู่ ก็จะไปเกิดในสวรรค์ก่อน

    ถ้าได้ฟังพระพุทธเจ้าเทศน์ ก็จะเป็นพระอรหันต์ เข้าสู่พระนิพพานได้ครับ

    และไม่ต้องมาเกิดให้เป็นทุกข์อีกครับ
     
  5. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941

    ...ไม่ลองปรึกษากับคุณแม่ดูบ้างล่ะครับ อาจได้คำตอบที่ถูกตรงได้..

    อ้อ นิดนึง ถ้าไม่ใช่พระโพธิสัตว์ ความอยากตายเกิดในจิตที่เป็นบาปเท่านั้น ไม่อาจเป็นบุญได้เลยโดยประการทั้งปวง..

    ความคิดเช่นนี้มีมานับครั้งไม่ถ้วนในสังสารวัฏ เพราะเคยสั่งสมความชอบใจในการมีอายุสั้นจนชำนาญ เป็นอุปนิสัยที่มีกำลังแก้ได้ยากแล้ว..ไม่ได้เกิดคิดเพราะพระเจ้าบันดาลหรือเพราะฟลุคๆนึกสนุกเองลอยๆ แต่เกิดจากเหตุปัจจัยที่เหมาะสมจึงเกิดได้...

    เมื่อคิดได้เช่นนี้..ก็...ลำบากใหญ่เสียแล้ว...
     
  6. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ถ้าสรรหาวิธีให้ตัวเองตาย นั่นคือมีเจตนาในการที่จะฆ่าตัวเองตาย เป็นบาปอกุศลเช่นกัน
    อย่าคิดว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นทุกข์แล้ว ถ้าทำให้ตัวเองตายนั้นแล้วต้องไปอยู่ในภพภูมิ
    เช่นเปรต อสูรกาย หรือในนรก จะยิ่งทุกข์มากกว่าหลายเท่าแบบเปรียบกันไม่ได้เลย เลิก
    คิดวิธีให้ตัวเองตาย ดีกว่าน๊ะ...

    ถ้าอยากพ้นทุกข์ ก็ต้องเรียนรู้ทุกข์ แล้วหาทางออกจากทุกข์ โดยเข้ามาศึกษาธรรมะ
    อริยสัจสี่ มรรค8 ด้วยการฝึกทำทาน รักษาศิล เจริญสติ สัมปชัญญะภาวนาให้เห็นแจ้ง
    และปล่อยวางขันธ์5เราได้หมด ความทุกข์ก็หายหมด แบบนี้ถ้าตายแล้วถึงจะคุ้มกับการ
    ที่ได้เกิดมาเป็นคน...

    ผู้ที่เกิดมาเป็นคน มาพบพระพุทธศาสนา เป็นสิ่งที่ยากมากๆ พระพุทธองค์เปรียบดังเต่า
    ตาบอดที่ว่ายในมหาสมุทรที่ ร้อยปีจะโผล่หัวขึ้นมาซักที และโผล่หัวเข้ามาตรงห่วงพอดี
    นี่แหละความยากของการเกิดมาเป็นคน อย่าคิดว่าตายแล้วจะมีแต่สุข ถ้ามีแต่ทุกข์หละ
    วนๆเวียนเกิดตายในภพภูมิที่เป็นทุกข์ นั้นแบบไม่หยุด แค่คิดก็หนาวสะท้านแล้วครับ
    ที่คุณคิดว่าตอนนี้เป็นทุกข์ นี่กลายเรื่องชิวชิว ไปเลย..ให้เลิกคิดเรื่องตายไปได้เลยครับ
    แล้วมาคิดๆๆหาวิธีออกจากทุกข์ดีกว่า...
     
  7. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    คุณเข้าใจว่าถ้าตายไปจะหมดปัญหาหรือครับ แล้วถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นละ ยังอยากตายอีกไหม ถ้าความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุด และคุณไม่มีวันหนีปัญหาอะไรได้ มันจะไม่ฉลาดกว่าหรอที่จะเผชิญกับมันและจัดการมันให้ดี
     
  8. kantiphong

    kantiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +207
    อยากรวยครับ อยากมีหุ้นบ่อนคาสิโน
     
  9. bschaisiri

    bschaisiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +106
    ถ้ารวยแล้วยังอยากตายอยู่ใหมคับ
     
  10. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ศีลธรรม มีไว้เพื่อประคองชีวิตให้แคล้วคลาดปลอดภัย ไม่ให้ตกนรกทั้งยังไม่ตายและหลังตาย ..
    ชีวิตที่มีศีลมีธรรมจึงเป็นชีวิตที่มีความสุขใจแบบเรียบๆ ไม่มีเรื่องเดือดร้อนใจ

    และสมัยนี้การจะรวย ไม่ใช่ง่าย เพราะอะไร? เพราะคนบนโลกมันเยอะขึ้นมากแล้ว
    และที่สำคัญ เกือบทุกคนต่างก็คิดอยากรวยเหมือนกันอีกด้วย
    มันไม่ใช่แบบสมัยก่อนแล้ว ที่คนทั่วไปไม่ได้อยากรวย ดังนั้นใครขยัน ก็รวยขึ้นมาได้
    สมัยนี้ท่านจึงว่าโลกมันร้อนลุกเป็นไฟทั้งอากาศร้อนและใจคนก็ร้อนรุ้ม

    ดังนั้นหากมีสติคิดสักนิด ควรคิดว่าจะเอาตัวให้รอดก่อนดีกว่ามั้ย?

    ดังนั้นผมไม่แปลกใจหรอก ที่ จขกท เด๊วบอกอยากรวย เด๊วบอกอยากตาย
    เพราะอยากมากๆ เมื่อไม่ได้ดั่งใจย่อมเป็นทุกข์ และดูท่าความอยากรวยคงไม่ง่ายเสียด้วยสินะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2015
  11. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ตัดสังโยชน์ให้หมดในฐานะฆราวาส
     
  12. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    เค้าหมายถึงตาย หมดลมหายใจ เสียชีวิต กลายเป็นศพ ไปเกิดใหม่ ไม่ใช่เปลี่ยนสถานภาพ
     
  13. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    อยากตายตอนนี้ ถามตัวเองก่อน ว่า มีสรณะอันประเสริฐแล้วหรือ ถ้าตายไป แล้ว ต้องไม่ไปสู่อบาย เช่น นรก เดรัจฉาน วินิบาต และเปรตวิสัย ถ้ายังไม่มีอะไรเป็นสรณะเลย ตายฟรี และขาดทุน อีกหลายชั่วกัปล์ เลยนะ กว่าจะได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์อีก
     
  14. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    ผมว่าอาจารย์ sam แกพยายามจะพูดแบบนี้ครับ แต่แกพูดผิดๆ ถูกๆ ผมเดาเอาน่ะครับ


    ฆราวาสผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์


    ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยินว่า ผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ถ้าเป็นฆราวาสที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์จะต้องบวชภายใน ๗ วัน หรือปรินิพานภายใน ๗ วัน ก็พูดกันมานานแล้ว ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยิน ตามหลักฐานในบาลีชั้นอรรถกถา จะเป็นในวันนั้นทั้งนั้น...? คือผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว นิพพานหรือบวชอย่างใดอย่างหนึ่งในวันนั้น


    ถ้าเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี ก็อยู่ได้ในเพศคฤหัสถ์ได้ตลอดชีวิตขงตนเท่าชีวิตของตน แต่ถ้าเป็นพระขีณาสพ เป็นพระอรหันต์แล้ว บรรลุอรหันตผลแล้ว จะต้องนิพพานหรือบวชในวันนั้นท่านใช้คำว่า ตํ ทิวสเมว ปพฺพชิตวา ปรินิพฺพาติวา บางแห่งก็ใช้คำว่า ปรินิพฺพายิตพฺพํ วา ปพฺพชิตพพํ วา โหติ คือพึงปรินิพพานหรือบวชในวันนั้น ตํ ทิวสเมว ไม่ใช่ ๗ วัน แต่ได้ยินได้ฟังมานานแล้วว่าจะต้องหรือนิพพานภายใน ๗ วัน พูดกันมาแต่ไม่มีหลักฐานที่อ้างอิง ไม่เคยพบหลักฐานที่ว่า ๗ วัน แต่ได้พบหลักฐานที่ว่าต้องบวชหรือปรินิพพานในวันนั้น เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจกันใหม่เพื่อความถูกต้อง


    เรื่องแปลกอยู่อันหนึ่ง พระพาหิยะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่ยังเป็นคฤหัสถ์ เมื่อได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเพียงเล็กน้อย ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ขอบวช ไปหาบริขารที่จะมาบวช ปรากฏว่าถูกโคขวิดเสียชีวิต ก็ปรินิพพาน พระพุทธเจ้าท่านตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า สพรหมฺจารี โว ภิกฺขเว กาลกโต ภิกษุทั้งหลายเพื่อนพรหมจรรย์ของเธอทำกาลแล้ว ใช้คำว่าเพื่อนพรหมจรรย์ของเธอ สพรหมจารี ซึ่งโดยปกติใช้กับพระด้วยกัน แต่สำหรับท่านพาหิยะเมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์ แม้ยังไม่ได้บวช เป็นฆราวาสอยู่ พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า... สพรหมฺจารี โว ภิกฺขเว กาลกโต เพื่อนพรหมจรรย์ของเธอสิ้นชีวิตแล้วและรับสั่งให้นำกระดูกไปบรรจุไว้ เป็นที่สักการบูชา แล้วยังมาเป็นพระอสีติมหาสาวกที่เป็นเอตทัคคะ เป็นผู้ตรัสรู้เร็ว อยู่ในกลุ่มพระไม่อยู่ในกลุ่มของฆราวาส ทั้งที่ยังไม่ได้บวช เพราะสิ้นชีวิตเสียก่อนที่จะบวช เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกที่ยกขึ้นมาเพื่อให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณาดูว่าเป็นอย่างไร ถ้าพิจารณาตามนี้ พระพุทธเจ้าท่านเล็งเอาคุณสมบัติของบุคคล


    มีอีกท่านหนึ่งคือ ท่านสันตติมหาอำมาตย์ ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่เป็นฆราวาส ภิกษุทั้งหลายก็ทูลถามถึงเรื่องเหล่านี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่าจะเรียกว่าบรรพชิตก็ได้ จะเรียกว่าสมณะก็ได้ จะเรียกว่าภิกษุก็ได้ หมายถึงสันตติมหาอำมาตย์ก็ไม่ได้บวชเหมือนกัน ขอยกขึ้นมาเพื่อเป็นการพิจารณา และต้องการให้ทำความเข้าใจให้ถูกต้องเรื่องปรินิพพาน คือบวชภายในวันนั้น ไม่ใช่ภายใน ๗ วัน สำหรับผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว


    มีหลายคนที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส พระเจ้าสุทโทธนะพระพุทธบิดา ก็สำเร็จเป็นผู้หนึ่งเหมือนกันที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ตอนเป็นฆราวาส........ อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/215989

    ถ้าอยากตายจริงๆ แล้วไม่ต้องการฆ่าตัวตาย ผมแนะนำให้เป็นพระอรหันต์ ในเพศฆราวาส รับรองนิพานแน่ครับ ไม่รอด ไม่มีเหลือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2015
  15. ธารทอง

    ธารทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2015
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +2,426
    อาจารย์แซมพูดถูกแล้ว ตัดสังโยชน์ได้สิบข้อเมื่อไหร่ก็เป็นพระอรหันต์ และฆราวาสที่เป็นพระอรหันต์ต้องบวชเป็นพระก่อนภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าบวชไม่ทันก็ตาย
     
  16. kantiphong

    kantiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +207
    ผมไม่มีเมีย ไม่มีลูก แต่มีทรัพย์ ซึ่งไม่ห่วง มั่นใจเมื่อไหร่ จะอ่านสังโยชน์ทั้งหมด แล้วกล่าวต่อว่า เช่น ร่างกายนี้หนอ ไม่ใช่ของเรา อาศัยเขาไว้สร้างบุญ
     
  17. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ไม่แน่ใจว่าเจตนาการตั้งกระทู้นั้นมีเจตนาอะไร กระทู้ขึ้นว่าอยากตายแบบไม่ฆ่าตัวตายถามหาวิธีแต่ในกระทู้บอกอยากรวย อยากเป็นเจ้าของบ่อนคาสิโน? 55555ผมว่านั้นมันฟุ้งซ่าน เป็นธรรมชาติ จิตที่ขาดการอบรมมันจะวิ่งไปทั่วตามที่ผัสสะจะนำไป ไม่ได้มีอะไร เป็นไปตามผัสสะตามเวทนาและกิเลส เลยไม่ขอตอบดีกว่า5555555
     
  18. bschaisiri

    bschaisiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +106
    วันนี้ถูกหวยคับ เมาแล้วด้วยอารม์ดีคับ. ผมขอทำนายว่าทำไมจะต้องบวชใน7 วันนะคับ. เป็นเพราะคนนั้นท่านมีญาณคับ. สามารถบังคับจิตตนได้คับ. บังคับไม่ให้มีกิเลส. บังคับจิตให้อยู่ในโอวาสตนได้คับ. และหากไม่บวชคนนั้นสามารถใช้ญาณบังคับจิตผู้อื่นให้กระทำตามที่ตนต้องการได้คับ. ทุกอารมณ์เลยคับ. ซึ่งสิ่งนี้หากเป็นคนที่ไม่มีศีลแล้วอาจทำให้เกิดภัยได้คับ. แต่ก็มีข้อแม้เช่นกันคับ. สำหรับคนที่ไม่บวช. จะต้องทำจิตและใจตัวเองให้สิ้นซึ่งกิเลสคับ. ผิดถูกประการใดโปรดชี้แนะด้วยนะคับ
     
  19. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    อยากรวยแต่ไม่มีธรรมะคู่กันระวังซวย

    เช่น เกิดมาเป็นกษัตริย์ ตัดสินประหารชีวิตคนทั้งๆที่ไม่สมควรแก่เหตุ , เพลิดเพลินออกไปล่าสัตว์

    เกิดเป็นเศรษฐี รวยแล้ว ก็อยากจะฟาดเอาหลายเมีย เห็นเมียชาวบ้านสวยก็ใช้เงินออกอุบายได้มา

    พอรวยแล้ว ขี้เกียจคิดพิจารณา หูเบา ตัดสินใจ เชื่อคนใกล้ตัวทำสิ่งชั่วเบียดเบียนคนดีโดยไม่รู้ตัวอย่างประมาท

    ... " เหล่านี้ เกิดมารวย เพื่อลงนรก"
     
  20. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    หลังจากนั้น

    "จริงอยู่ ถ้าวิปัสสนาของโสดาบันบุคคลเหล่านั้นเป็นธรรมมีปัญญาคมกล้านำไปอยู่ บุคคลนั้นยังภพหนึ่งเท่านั้นให้เกิดขึ้นแล้วก็บรรลุพระอรหัตแล้วปรินิพพาน. ถ้ามีปัญญาอ่อนกว่านั้น ก็ยังภพที่ ๒, ๓, ๔, ๕, ๖ ให้เกิดแล้วบรรลุพระอรหัตแล้วปรินิพพาน. ผู้มีปัญญาอ่อนกว่าบุคคลทั้งหมด ยังภพที่ ๗ ให้เกิดขึ้นแล้วก็บรรลุพระอรหัต. ปฏิสนธิในภพที่ ๘ ของท่าน จึงไม่มี. ด้วยประการฉะนี้ การกำหนดนี้จึงเป็นเพียงชื่ออันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงถือเอาแล้ว.
    จริงอยู่ พระศาสดาทรงพิจารณาชั่งแล้วด้วยการพิจารณาของพระพุทธเจ้า จึงทรงกำหนดไว้ด้วยพระสัพพัญญุตญาณว่า บุคคลผู้นี้มีปัญญามากกว่าชนทั้งปวง มีวิปัสสนาคมกล้า จักยังภพที่หนึ่งเท่านั้นให้เกิดแล้วก็ถือเอาพระอรหัต ดังนี้ จึงได้ทรงทำชื่อว่าบุคคลนี้เป็นเอกพีชี, บุคคลนี้ยังภพที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ให้เกิดแล้วจักถือเอาพระอรหัต ดังนี้ และทรงทำชื่อว่าโกลังโกละ ดังนี้, และบุคคลนี้ยังภพที่ ๗ ให้เกิดขึ้นแล้วจักถือเอาพระอรหัต และได้ทรงทำชื่อว่าสัตตักขัตตุปรมะ ดังนี้. ก็บุคคลไรๆ ชื่อว่าเที่ยง ย่อมไม่มีแก่ภพทั้ง ๗.
    อนึ่ง พระอริยสาวกผู้มีปัญญาน้อยกว่าด้วยอาการแม้อย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านก็ไม่ถึงภพที่ ๘ ย่อมปรินิพพานในระหว่างภพนั้นแหละ. จริงอยู่ พระโสดาบันผู้ยินดียิ่งในภพแม้เช่นกับท้าวสักกะก็ย่อมไปสู่ภพที่ ๗ เท่านั้น.

    แม้ท่านมีปกติอยู่ด้วยความประมาทโดยอาการทั้งปวง วิปัสสนาญาณของท่านก็ย่อมถึงความสุกรอบในภพที่ ๗. เพราะเมื่อท่านเบื่อหน่ายในอารมณ์แม้มีประมาณน้อยแล้ว ย่อมบรรลุพระนิพพานได้.

    ก็แม้ถ้าว่าเมื่อท่านก้าวลงสู่ความหลับ
    หรือว่ากำลังเดินไป มีใครๆ ที่จะประทุษร้ายยืนอยู่ในที่ลับข้างหลัง พึงยังศีรษะของท่านให้ตกไปด้วยดาบอันคมกล้า
    หรือพึงจับท่านกดลงในน้ำให้ตาย
    ก็หรือว่า สายฟ้าพึงตกลงบนศีรษะ


    ในเวลาแม้เห็นปานนี้ ชื่อว่าการทำกาละ มีปฏิสนธิในภพที่ ๘ อีก ย่อมไม่มี ย่อมจะบรรลุพระอรหัตนั่นแหละแล้วปรินิพพาน. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า พระโสดาบันพึงยังภพที่ ๘ ให้เกิด ดังนี้ ไม่ใช่ฐานะที่มีได้ ดังนี้."


    เชื่อมะ !!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...