เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 17 พฤษภาคม 2025 at 19:04.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,851
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,747
    ค่าพลัง:
    +26,612
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,851
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,747
    ค่าพลัง:
    +26,612
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ช่วงนี้ ข่าวใหญ่ในวงการสงฆ์ไม่มีอะไรเกินไปกว่าอดีตพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าคณะภาค ๑๔ โดนจับในข้อหาพัวพันกับเว็บการพนัน และใช้เงินวัดไปในการนี้นับร้อยล้านบาท..! ซึ่งเรื่องนี้ ความเป็นจริงจะเป็นอย่างไรนั้น เชื่อว่าอีกไม่นานทุกอย่างก็จะออกมาชัดเจน

    แต่ว่ามีเพื่อนพระสังฆาธิการของกระผม/อาตมภาพรูปหนึ่ง ให้ความเคารพอดีตท่านเจ้าคุณแย้มเป็นอย่างมาก ท่านกำลังฉันเช้าอยู่ พอได้ยินข่าวนี้ก็วางมือจากการฉัน หลบเข้าไปในห้องจนป่านนี้ก็ยังไม่ออกมา ไม่ทราบเหมือนกันว่าคิดตกแล้วหรือยัง..!?

    กระผม/อาตมภาพเองนั้นต้องบอกว่าโชคดีมาก ที่เกิดมามีครูบาอาจารย์ดี ก็คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง หลายท่านที่ได้ฟังกระผม/อาตมภาพมาตั้งแต่ต้น ก็จะได้ยินกระผม/อาตมภาพย้ำอยู่เสมอว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่า "สตรีกับสตางค์ เสือสองตัวนี้จะทำให้พระของเราเสียความเป็นพระได้ง่ายที่สุด"

    ท่านจึงได้สอนกระผม/อาตมภาพเอาไว้ว่า "มีเงินอย่าให้เหลือข้ามปี ถ้าหากว่ามีเหลือข้ามปี ให้คิดหาโครงการที่ใหญ่กว่าเงินเอาไว้ทำ เมื่อถึงเวลาแล้วไม่มีเงินเหลือ หรือว่ามีเงินเหลือแต่เราจะรู้สึกว่าไม่ใช่เงินของเรา เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ามีรายจ่ายรออยู่แล้ว" โดยเฉพาะในเรื่องของเงิน ท่านบอกว่า "มีเงินเมื่อไร ผู้หญิงก็จะเข้ามาทันที เพราะฉะนั้น.. ถ้าแกมีแต่หนี้ก็ไม่มีใครที่จะเหลียวแลหรอก..!"

    กระผม/อาตมภาพก็ทำตนแบบที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเมตตาสั่งสอนมาโดยตลอด เงินของวันนี้ พยายามใช้ให้หมดภายในวันนี้ ถ้าใช้ไม่หมดภายในวันนี้ ก็จะพยายามใช้ไม่ให้เหลือข้ามปี เพื่อนพระสังฆาธิการมักจะตักเตือนว่า "ให้เหลือเงินเก็บเอาไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นแล้ว ถึงเวลาจำเป็นขึ้นมาเราจะลำบาก" กระผม/อาตมภาพก็บอกไปว่า "ผมเป็นคนไม่มีวันพรุ่งนี้ ถ้าวันพรุ่งนี้จำเป็นต้องใช้เงิน ค่อยมาคิดกันอีกทีว่าจะมาทางไหน..!?"

    อีกประการหนึ่งก็คือครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ทำบุญเป็นบุญ เพื่อนฝูงหลายท่านถามว่าทำบุญกับอดีตท่านเจ้าคุณแย้มไปแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ไม่รู้สึกกระทบกระเทือนอะไรบ้างเลยหรือ ?

    กระผม/อาตมภาพก็ตอบกลับไปว่า ทันทีที่ทำบุญ สิ่งที่เราได้ก็คือบุญ ในเมื่อได้บุญแล้วจะไปสนใจอะไรว่าท่านจะเอาเงินนั้นไปทำอะไรบ้าง ? ท่านจัดอบรมพระภิกษุสามเณร เราก็ร่วมบุญในการอบรมนั้น เท่ากับได้ธรรมทานมาแล้ว ท่านจัดสอบบาลี เราก็ร่วมบุญในค่าภัตตาหาร ก็เท่ากับว่าได้บุญมาแล้ว เหล่านี้เป็นต้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่ได้รู้สึกกระทบกระเทือนอะไรเลย เนื่องเพราะว่าทำบุญเป็นบุญ ทำแล้วเราได้บุญแล้ว ส่วนผู้ที่รับไปจะเอาไปทำอะไรหรือไม่อย่างไร เราไม่ไปคิดถึง..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,851
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,747
    ค่าพลัง:
    +26,612
    กระผม/อาตมภาพจึงรู้สึกสงสารเพื่อนพระสังฆาธิการรูปนั้นมาก คาดว่าน้ำหนักน่าจะลดลงหลายกิโลกรัม เพราะว่าท่านเป็นบุคคลที่ค่อนข้างจะเจ้าเนื้ออยู่ด้วย การที่วางมือจากการฉัน ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะตักไปได้สองคำ แล้วเก็บเนื้อเก็บตัวมาจนป่านนี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีน้ำดื่ม หรือว่าปานะอะไรอยู่ในห้องของท่านหรือเปล่า ? แต่ว่าทุกคนรู้กำลังใจของท่านดี จึงไม่มีใครไปรบกวนท่านตอนนี้ ได้แต่หวังว่าท่านจะไม่ออกอาการอกหักจนคิดสั้นไปเลย..!

    เรื่องพวกนี้กระผม/อาตมภาพเคยยกตัวอย่างคุณน้าคนโตของตนเอง ท่านเป็นน้องแม่คนที่ติดกัน พูดง่าย ๆ ว่าคลานตามกับแม่มานั่นเอง คุณน้านั้นตอนแรกก็ไปเคารพเลื่อมใสท่านอาจารย์นิกร วัดดอยนางแล เมื่อเกิดปัญหากับท่านอาจารย์นิกรโด่งดังขึ้นมา ท่านก็เปลี่ยนเป้าหมายไปเคารพนับถือและทำบุญกับท่านอาจารย์ยันตระ วัดสุญญตาราม เมื่อท่านอาจารย์ยันตระมีเรื่องอื้อฉาวใหญ่โตขึ้นมา ท่านก็เปลี่ยนไปเคารพนับถือและทำบุญกับหลวงพ่อภาวนาพุทโธ วัดสามพราน..!

    กระผม/อาตมภาพได้บอกกับพระเณรและญาติโยมเป็นตัวอย่างอยู่เสมอว่า "บุคคลที่สร้างบารมีมาดี ย่อมได้ครูบาอาจารย์ที่ดี" ถ้าสร้างบารมีมาไม่ดี ก็จะเป็นอย่างคุณน้าของกระผม/อาตมภาพเอง ก็คืออกหักซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งท้ายสุด ก่อนที่จะเสียชีวิต เชื่อว่าท่านเองก็คงจะไม่รู้ว่าจะพึ่งใครแล้ว จากที่มองข้ามกระผม/อาตมภาพไปโดยตลอด เพราะด้วยความที่เป็นญาติผู้ใหญ่ จึงไม่เห็นคุณค่าของลูกหลานตนเอง ท้ายสุดก็ต้องมาพึ่งกระผม/อาตมภาพให้นำทางสุดท้ายของชีวิตแทน..!

    อีกส่วนหนึ่งก็คือกระผม/อาตมภาพได้บอกกล่าวและตักเตือนแก่พระภิกษุสามเณรของเราเป็นประจำ ว่าพระภิกษุสามเณรสมัยนี้อยู่ยากมากกว่าปกติหลายเท่า เอาแค่ช่วงบวชสามเณรภาคฤดูร้อนที่ผ่านมา ผู้ที่เข้าโครงการบรรพชามีทั้งหมด ๑๒๑ รูป แต่ว่าทนอยู่จนจบโครงการได้แค่ ๙๐ รูปเท่านั้น สึกหาลาเพศไปถึง ๓๑ รูปก่อนจบโครงการ..! เนื่องเพราะว่าทางวัดท่าขนุนไม่อนุญาตให้มีโทรศัพท์มือถือไว้เล่นเกม ท่านทั้งหลายลองคิดดูว่า ๑๒๑ รูปสึกไปถึง ๓๑ รูป ก็แปลว่า ๔ รูปสึกไปจำนวน ๑ รูป..! เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ไม่ให้สึกที่วัดท่าขนุน ก็หนีไปสึกกับวัดข้างเคียง..!

    ท่านทั้งหลายลองคิดดูว่าถ้าเข้าถึงเกมได้ แล้วเราจะเข้าถึงเว็บโป๊ เว็บการพนันไม่ได้หรืออย่างไร ? กระผม/อาตมภาพเองขนาดไม่เล่นอะไรเลย ยังมีเว็บพวกนี้กระโดดขึ้นมาเสมอ ยังบอกกับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ซึ่งคอยดูแลรับใช้ในเรื่องต่าง ๆ อยู่ และก่อนหน้านี้ก็โดนสารพัดสารเพตามล้างตามเช็ด เนื่องเพราะว่าอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเสียหายไปด้วยเรื่องผู้หญิง ญาติโยมทั้งหลายจึงไม่ยอมให้อยู่ใกล้เลย กว่าที่จะเข้าใจว่ามาช่วยงานจริง ๆ ก็ผ่านไปเป็นเวลาหลายปีทีเดียว ถ้าไม่ใช่บุคคลที่มีความอดทนอดกลั้นเพียงพอ ก็น่าจะที่จะหลุดวงโคจรไปนานแล้ว..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,851
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,747
    ค่าพลัง:
    +26,612
    กระผม/อาตมภาพบอกกับน้องเล็กว่า "เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ว่าทำไม่เป็น แต่ไม่ถ่อมตัวลงไปทำอีกแล้วเท่านั้น..!" พูดง่าย ๆ ว่าความชั่วทุกอย่างเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่ถ้าหากทำแล้ว ก็จะกลายเป็นข้ออ้างของกิเลส ว่า "คราวที่แล้วยังทำได้เลย" แล้วเราก็จะถลำตัวลึกลงไปเรื่อย ๆ ในเมื่อรู้เท่าทันลีลาของกิเลสแล้ว ใครจะไปโง่ให้จูงจมูกอีก..!

    อีกส่วนหนึ่งที่เกรงอยู่เป็นปกติก็คือว่า พระภิกษุสามเณรของเรา เมื่อมีโทรศัพท์มือถือแล้วขาดสติ ไหลไปตามแรงของ รัก โลภ โกรธ หลง ก็อาจจะสร้างความเสียหายให้เกิดกับพระพุทธศาสนาได้


    สมัยที่กระผม/อาตมภาพอยู่กับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จะได้รับฟังโอวาทจากท่านก็ต่อเมื่อเป็นวันพระใหญ่ ที่ท่านร่างกายแข็งแรงพอที่จะลงอุโบสถทบทวนพระปาฏิโมกข์ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีโอกาสเลย นอกจากเปิดเสียงธรรมหรือว่าฟังเสียงตามสายที่ทางวัดเปิดเอาไว้ให้

    กระนั้นก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็ยังยึดเอาหลักการปฏิบัติที่ท่านเมตตาสั่งสอนในวันบวช ตลอดจนกระทั่งเสียงธรรมที่มีบันทึกเอาไว้ เป็นแนวในการปฏิบัติมาโดยตลอด จำได้อย่างแม่นยำที่ท่านบอกว่า "พวกแกบวชเป็นพระ ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว เทปมี หนังสือมี ไปฟังเอา ไปอ่านเอา แล้วปฏิบัติตามนั้น ติดขัดตรงไหนแล้วมาถาม ข้าจะบอกให้"

    เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ใช่บุคคลที่ตั้งหน้าตั้งตาบวชมาเพื่อปฏิบัติจริง ๆ แล้วก็คงจะรู้สึกเหงา รู้สึกว่าโดนครูบาอาจารย์ทอดทิ้ง เพราะว่างานภายนอกของท่านมากเหลือเกิน บางวันกระผม/อาตมภาพคิดถึงท่านเป็นอย่างมาก เพราะว่าตอนเป็นฆราวาสอยู่รับใช้ใกล้ชิดท่าน ไปถึงวัดเมื่อไรก็เกาะแข้งเกาะขาได้ โดยเฉพาะในเวลาที่ท่านลงรับแขก แต่พอเป็นพระแล้ว เราทำแบบนั้นไม่ได้ โอกาสที่จะได้พบได้เห็น ยิ่งน้อยกว่าสมัยฆราวาสหลายเท่า ต้องใช้วิธีไปแอบดูอยู่ในหอระฆังหน้าร้านอาหารของป้ากิมกี (นางกิมกี หลากสุขถม) ดูว่าหลวงพ่อท่านเดินขึ้นรับแขกเวลานี้ เดินลงจากที่รับแขกเวลานี้ ขอได้เห็นท่านแค่แวบเดียวก็ยังดี..!

    นี่คือกำลังใจในสมัยที่ยังไม่มั่นคงพอ ยังต้องอาศัยกายสังขารของหลวงพ่อเป็นหลัก แต่ว่าในสมัยนี้อาศัยเกาะคำสอนของท่าน ปฏิปทาครูบาอาจารย์มีอย่างไร พยายามปฏิบัติตาม แล้วในขณะเดียวกัน ก็พยายามที่จะให้ศิษย์ทั้งหลายไม่เกาะตัวตนของกระผม/อาตมภาพ เนื่องเพราะว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเกาะได้ ไม่เช่นนั้นถ้าปุบปับเป็นอะไรไป หลายคนก็จะออกอาการเดียวกับเพื่อนพระสังฆาธิการรูปนั้น ก็คือเข้าห้องไปจนป่านนี้ยังไม่ออกมาเลย จนรู้สึกว่าเป็นห่วงท่านอยู่เหมือนกัน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...