เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๗

​

 

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๓๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพออกเดินทางตั้งแต่ตี ๔ ครึ่ง ตรงไปยังวัดพุน้อย ตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ตามที่หลวงพ่อเจ้าคุณทินน์ (พระโสภณพัฒนคุณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๓ เจ้าอาวาสวัดพุน้อย ได้นิมนต์ให้ไปเจริญชัยมงคลคาถา ในงานยกเศียรหลวงปู่แบน จนฺทสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดพุน้อย ต้นตำรับ "เศรษฐีเรือทอง"

หลวงปู่แบนนั้นท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้ธุดงค์มาจนถึงบริเวณบ้านพุน้อย เห็นว่าเป็นสถานที่รื่นรมย์ ควรแก่การบำเพ็ญภาวนา จึงได้ปักกลดบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่ จนกระทั่งญาติโยมทั้งหลายศรัทธา จึงนิมนต์ให้ท่านเป็นเจ้าอาวาส

ด้วยความเคร่งครัดในการปฏิบัติของท่าน จึงทำให้นางไม้หรือว่ารุกขเทวี คือ "แม่ตะเคียนทอง" เกิดความเห็นอกเห็นใจ และต้องการที่จะช่วยเหลือในกองบุญการกุศล จึงได้บอกกล่าวให้หลวงปู่แบน นำเอาชิ้นส่วนต้นตะเคียนทองของท่าน ไปทำเป็นเรือลำเล็ก ๆ ให้ผู้คนนำไปบูชา จนกระทั่งได้รับฉายาว่า "เศรษฐีเรือทอง" เพราะว่าบุคคลที่นำไปบูชานั้น ก็มักจะค้าขายจนร่ำรวยไปตาม ๆ กัน

หลวงพ่อเจ้าคุณทินน์ในฐานะลูกศิษย์ จึงตั้งใจที่สร้างรูปหล่อหลวงปู่แบน เพื่อเป็นการบูชาคุณบูรพาจารย์ โดยสร้างรูปหลวงปู่แบนยืน สูงถึง ๒๔ เมตร ได้ยินว่าต้องใช้ทองเหลืองนับร้อยตันในการหล่อขึ้นมา..! วันนี้จะเป็นการยกชิ้นส่วนชิ้นสุดท้าย ก็คือช่วงศีรษะ ขึ้นไปประกอบเป็นองค์ให้สำเร็จเรียบร้อย

แม้ว่าจะไปถึงเช้ามาก แต่ว่าหลวงพ่อเจ้าคุณประเทือง - พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรสุนทร (ประเทือง อาภาธโร ป.ธ. ๔) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรีก็มาถึงแล้ว ซ้ำยังทำตัวเป็น "เด็กเสิร์ฟ" ส่งมาทั้งข้าวต้ม ทั้งข้าวมันไก่ ทั้งน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ละมุด แม้กระทั่งน้องเล็กก็ไปส่งให้ด้วย ซึ่งน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) นั้น โดนหลวงพ่อเจ้าคุณประเทือง "ตีขลุม" ไปแล้วว่า "เจ๊เป็นสมบัติของศีล ๕..!" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น น้องเล็กเลยพลอยได้รับการปฏิบัติคล้ายกับเป็นพระไปด้วย..!

เพียงแต่ว่างานวันนี้มีการผิดเพี้ยนเวลามาก ก็คือเวลา ๐๙.๐๙ น. เป็นเวลาของการเริ่มทำการบวงสรวง เพื่อขออนุญาตยกส่วนศีรษะหลวงปู่แบนขึ้นไปประกอบกับองค์ ซึ่งทำได้ตรงเวลามาก แต่หลังจากที่มีการถวายทักษิณานุปทาน อุทิศส่วนกุศลให้กับหลวงปู่แบนแล้ว

ลำดับต่อไปก็คือการเจริญพระพุทธมนต์นั้น ผู้นำในการเจริญพระพุทธมนต์ท่านไม่ได้ดูเวลา น่าจะเห็นว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมกวี (พงศ์สันต์ ธมฺมเสฏฺโฐ ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๓ ผู้เป็นเจ้านายโดยตรงอยู่ในสถานที่ในฐานะประธาน ก็เลยจะอวดว่าตนเองสวดมนต์เก่ง สวดมนต์ได้มากหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ? ทำให้เวลาในการที่จะเจริญชัยมงคลคาถา ซึ่งกำหนดเอาไว้ที่ ๐๙.๓๙ น. นั้น ก็เลยโดนเบียดบังไปจนกระทั่งไปเจริญชัยมงคลคาถาเอาตอน ๑๐.๑๙ น. แทน..!

 

เมื่อทำการยกเศียรหลวงปู่แบนเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงต้องรับไทยธรรมแล้วต้องรีบวิ่งกลับมา โดยแวะฉันเพลกลางทาง และทำการเข้าระบบ ZOOM Meeting Online เพื่อประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ระดับเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะตำบล และเลขานุการทุกระดับ ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๖๗ ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดสมุทรสาคร โดยที่กระผม/อาตมภาพวิ่งกลับมาจนถึงที่พักวัดอุทยาน ทำการสรงน้ำแต่งตัวใหม่ โดยที่หูก็ยังฟังเรื่องการประชุมไปด้วย

วันนี้มีเรื่องร้อนก็คือ การที่พระวินยาธิการต้องไปจัดการพระภิกษุรูปหนึ่งที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งโดนผู้หญิงหลอกลวง เพียงแต่ว่าการหลอกลวงนี้ ถ้าท่านมีสมณสัญญาและสมณสารูปอยู่ ก็ไม่น่าจะโดนหลอกลวงได้ เพราะว่าผู้หญิงนั้นมาใน "โปรไฟล์" ที่หน้าตาดีมาก พูดง่าย ๆ ว่า "สวย" แล้วก็มีการขอแอดไลน์ส่วนตัว

หลังจากนั้นก็คุยกันจนกระทั่งถูกคอและแสดงออกว่ารักชอบพระภิกษุรูปนั้น จนกระทั่งมีการทำเป็นเผลอเปิดกล้องทิ้งไว้ แล้วก็ไปอาบน้ำให้เห็น เมื่อฝ่ายพระภิกษุเห็นเข้า เกิดอารมณ์ทางเพศขึ้นมา ก็ชวนให้ท่านทำการสำเร็จความใคร่ โดยให้เปิดกล้องให้ตนเองดูด้วย พูดง่าย ๆ ว่าสร้างความคุ้นเคยกันก่อนที่จะสึกหาลาเพศไปอยู่ด้วยกัน

แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับแคปหน้าจอเอาไว้ทุกขั้นตอน พร้อมกับบันทึกคำพูดเอาไว้ แล้วก็ส่งมา "แบล็คเมล์" ต้องจ่ายเงินให้เท่านั้นเท่านี้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเปิดเผยคลิป ตลอดจนกระทั่งคำพูดที่ได้คุยกันเอาไว้ ยังดีที่พระท่านรีบแจ้งผู้บังคับบัญชาเสียก่อน โดยเฉพาะท่านไม่ใช่เจ้าอาวาส ไม่ใช่พระสังฆาธิการ แต่เป็นพระลูกวัดเท่านั้น

เมื่อพระวินยาธิการหรือว่าตำรวจพระเข้าไปจัดการ จึงได้แนะนำท่านให้บอกไปว่าไม่มีเงิน ถ้าจะต้องการเปิดเผยอะไรก็ว่ามาได้เลย จะได้รู้ ๆ กันไปว่าเป็นใคร !? เพราะว่าทางนี้ก็มีรูปของเธออยู่เหมือนกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ฝ่ายมิจฉาชีพจึงต้องรามือถอยไป เรื่องนี้จึงกลายเป็นบทเรียนใหญ่ให้กับพระภิกษุสามเณรของเราว่า อย่าหลงไปแอดไลน์หรือยอมให้คนแปลกหน้า "อินบ๊อก" เข้ามา เพราะว่ามีโอกาสที่จะเป็นอย่างท่านที่โดนนี้..!

จนกระทั่งบ่าย ๓ โมง กระผม/อาตมภาพก็ต้องฟังการประชุมไปด้วย เดินทางไปยังวัดระฆังโฆสิตารามไปด้วย เพราะว่าวันนี้มีการปลุกเสกพระพุทธสุทธินิราพาธ ของโรงพยาบาลมหิดลเพื่อหาทุน โดยที่ได้นิมนต์พระเถราจารย์จำนวนหนึ่งในการพุทธาภิเษกครั้งนี้

 

กระผม/อาตมภาพไปถึงได้ครู่เดียว หลวงพ่อตี๋ (พระครูสุวรรณโชติวุฒิ) วัดหูช้างก็มาถึง กราบทักทายท่านเสร็จ หลวงปู่สมเกียรติ - พระเดชพระคุณพระพรหมวัชรเมธี (สมเกียรติ โกวิโท ป.ธ. ๙) เจ้าคณะภาค ๙ เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ซึ่งเพิ่งลาออกจากกรรมการมหาเถรสมาคมก็มาถึง

กระผม/อาตมภาพเปิดหน้ากากกราบท่าน ท่านยังบอกว่า "เมื่อไรจะแก่กับคนอื่นเขาเสียที..!" จึงได้กราบเรียนว่า "หลวงปู่ลาออกจากกรรมการมหาเถรสมาคมเพื่อผ่าทางตันหรือครับ?" ท่านใช้คำพูดว่า "มีบุคคลที่สมควรเป็นมากกว่า" กระผม/อาตมภาพยังแซวหลวงปู่ท่านไปว่า "ผู้ให้ย่อมได้รับการให้ตอบ ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบครับ" หลวงปู่ท่านก็สาธุด้วย

หลังจากนั้นแล้ว บรรดาครูบาอาจารย์ก็ทยอยกันมา มีหลวงปู่เย็นงี้ วัดมังกรกมลาวาสด้วย ได้ยินว่าท่านเลื่อนจากพระอาจารย์จีนคณาณัติจีนพรตขึ้นเป็นชั้นธรรมแล้ว แต่ว่ามียศเทียบเท่ากับชั้นเทพ น่าจะเป็นพระคณาจารย์จีนธรรมวชิรานุวัตร ถ้าหากว่าจำผิดก็ต้องขออภัยด้วย กระผม/อาตมภาพจะกราบท่าน แต่หลวงปู่ท่านดึงมือเอาไว้ไม่ยอมให้กราบ เหตุเพราะว่าท่านเองท่านคงจะเห็นว่าเป็นนานาสังวาส (คนละนิกายกัน) ก็ต้องขอบคุณในความเมตตาของหลวงปู่ที่มีเมตตาต่อลูกหลาน เกรงว่าลูกหลานจะมีปัญหาทีหลัง

ถัดไปก็เป็นหลวงพ่อติ๋ว (พระครูวิมลญาณอุดม วิ.) วัดมณีชลขัณฑ์ หลวงพ่อเจ้าคุณสมบูรณ์ (พระวชิรรัตนรังษี) วัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหาร หลวงพ่อวิชัย (พระครูโกวิทชัยกิจ) วัดหัวเด่นทยอยกันมา จึงได้นั่งคุยกัน อีกไม่นานท่านเจ้าคุณอ่าง - หลวงพ่อเจ้าคุณพระนันทวิริยาภรณ์ วัดใหญ่สว่างอารมณ์ก็มาร่วมวงด้วย ตามมาด้วยหลวงพ่อเจ้าคุณสมชาย (พระราชพัฒนากร) วัดปริวาสราชสงคราม

เมื่อได้เวลา เจ้าหน้าที่ก็นิมนต์ให้เข้าสู่พระอุโบสถวัดระฆังโฆสิตาราม กระผม/อาตมภาพเข้าไปถวายความเคารพหลวงพ่อสุรศักดิ์ (พระราชภาวนาวชิราจารย์ วิ.) วัดประดู่ (พระอารามหลวง) และหลวงพ่อประจวบ (พระเทพประสิทธิคุณ) เปิดหน้ากากให้หลวงพ่อประจวบท่านดู บอกว่า "อดีตพระวัดท่าซุงที่คอยต้อนรับหลวงพ่อครับ" ถ้าหากว่าจำไม่ผิด สมัยนั้นท่านยังเป็นพระครูโฆสิตปริยัติคุณ หรืออย่างไรประมาณนี้ ปัจจุบันนี้เจริญเติบโตขึ้นมาจนเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามแล้ว

 

เมื่อพวกเราเข้าที่ปรากฏว่ามีท่านเจ้าคุณต้อม (พระราชวัชราวิทยาคม) วัดท่าสะแบง มานั่งอยู่ด้านข้างของหลวงพ่อเจ้าคุณสุรศักดิ์ ครั้นได้เวลา หลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ก็มาเป็นประธานในการจุดเทียนชัย และร่วมพิธีพุทธาภิเษกครั้งนี้ด้วย

กระผม/อาตมภาพเองบอกแล้วว่า ถ้าหากว่ามาพุทธาภิเษกที่วัดระฆังโฆสิตารามนี้ ถือว่าเป็นงานง่ายสุด ๆ เพราะว่าถวายภาระทุกอย่างให้หลวงปู่โต - สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ท่านอาจารย์ปู่ทวดของพวกเรา

เนื่องจากว่าหลวงปู่โต ท่านเป็นครูบาอาจารย์ของหลวงปู่เนียม วัดน้อย หลวงปู่เนียม วัดน้อย สั่งสอนหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคมา หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ก็เป็นครูบาอาจารย์หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงอีกที

ในเมื่ออยู่ในฐานะ "ท่านอาจารย์ปู่ทวด" กระผม/อาตมภาพก็กราบขออนุญาต ถวายภาระให้ "ท่านอาจารย์ปู่ทวด" ดำเนินการปลุกเสกตามอัธยาศัย โดยเฉพาะวันนี้เป็นพระพุทธสุทธินิราพาธ การปลุกเสกพระพุทธรูปนั้นถือว่าเป็นของง่ายสำหรับกระผม/อาตมภาพที่มีการจับภาพพระเป็นปกติ

เมื่อทำน้ำมนต์พรมรอบบริเวณ ตลอดจนกระทั่งโปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชาแล้ว ทางเจ้าภาพก็ถวายไทยธรรม กระผม/อาตมภาพรับแล้ว ขออนุญาตกราบลาพระประธานออกจากโบสถ์มาก่อน เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบริเวณนี้รถติดสาหัสสากรรจ์มาก โดยเฉพาะเย็นวันเสาร์อย่างนี้ กว่าที่จะฝ่ารถติดไปจนถึงที่พักได้ก็รู้สึกว่าท้อใจ แต่ว่าก็ต้องรีบบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนให้ท่านทั้งหลายได้ฟังไปก่อน ถึงจะได้สรงน้ำสรงท่าพักผ่อนกันเสียที

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๓๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)