ใครพอมีความรู้เรื่อง "แก้วขนเหล็ก" บ้างมั๊ยครับ?

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย @byss, 29 พฤษภาคม 2009.

  1. @byss

    @byss สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +3
    อยากทราบถึงที่มา ประวัติ และสรรพคุณ รวมไปถึง การสังเกตุดูก่อนที่จะบูชา รวมถึงแหล่งที่จะหามาบูชาด้วย ขอรับกระผม!
     
  2. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    ลองศึกษาดูนะค่ะ ไปหาข้อมูลมาให้แล้วค่ะ

    แก้วขนเหล็ก
    พูดถึงโป่งข่ามนั้น หลายคนเข้าใจว่ามีเพียง แก้วขนเหล็กเท่านั้นที่เป็นโป่งข่าม หรือบ้างว่าพลอยสีดอกตะแบก หรือแก้วนางขวัญ (Amethyst) เท่านั้นที่เรียกว่าโป่งข่าม แต่ขอย้ำนะคะว่าไม่ว่าจะเป็นแก้วขนเล็ก หรือแก้วนางขวัญ ต้องมาจาก อ.เถิน จ.ลำปางเท่านั้นจึงจะเรียกว่า "แก้วโป่งข่าม"นะคะ
    อีกประการหนึ่ง แก้วดังกล่าว เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ในหลายร้อยชนิดของแก้วโป่งข่ามเท่านั้นค่ะ
    กระทู้นี้เรามารู้จักกับ "แก้วขนเหล็ก" ให้ดีขึ้นกันดีกว่าค่ะ



    แก้วขนเหล็ก : มีความเชื่อกันมาช้านานแล้วว่าสามารถป้องกันคุณไสยภู ติผีปีศาจสิ่งร้ายๆ และป้องกันตัวกันภัยได้ อีกทั้งยังทำให้ผู้ถือครองแก้วมีโชคลาภ และเสริมบารมีเพิ่มขึ้นอีกด้วย
    แก้วขนเหล็กน้ำใส เป็นแก้วโป่งข่ามที่มีคนรู้จักมากที่สุด และมักเข้าใจกันผิดๆว่าแก้วขนเหล็กนั้นสามารถป้องกัน ภูตผีได้อย่างเดียว แต่อันที่จริงแล้วแก้วขนเหล็กใสยังมีคุณประโยชน์นานั บประการ โดยเฉพาะเรื่องโชคลาภแล้ว นับว่าเป็นแก้วที่ยอดเยี่ยมนัก

    [​IMG]
    แก้วขนเหล็กคืออะไร
    แก้วขนเหล็ก คือหินแก้วชนิดหนึ่งมีทั้งเนื้อใส และเนื้อขุ่น มีลักษณะพิเศษคือ มีเส้นแร่สีดำคล้ายเส้นผมคน หรือขนสัตว์ ฝังอยู่ภายในเนื้อแก้ว อันเป็นที่มาของชื่อ "แก้วขนเหล็ก"

    สรรพคุณโดยสรุป แก้วขนเหล็กมีอำนาจสูงส่งในการคุ้มครองจากอำนาจที่มอ งไม่เห็น เช่นไสยศาสตร์มนต์ดำ ภูตผีปีศาจ รวมทั้งสามารถคุ้มครองอุบัติภัยทั้งหลายทั้งปวงได้ และสามารถให้โชคลาภได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางติดต่อค้าขาย และต้องการประสบความสำเร็จและความก้าวหน้าในหน้าที่ก ารงานค่ะ

    แก้วขนเหล็ก เป็นหนึ่งในแก้วโป่งข่าม ๒๔ ตระกูล ซึ่งตัวของแก้วขนเหล็กมีอยู่หลายแบบด้วยกัน แต่ที่เป็นหลักในการหากัน มีเพียง ๒ คือ
    ๑. แก้วขนเหล็กน้ำใส เรียกว่าแก้วตัวผู้ และ

    ๒. แก้วขนเหล็กน้ำตัน เรียกว่าแก้วตัวเมีย
    แก้วขนเหล็ก ๒ ชนิดนี้ต้องหาไว้คู่กันจึงจะทำให้แก้วขนเหล็กมีฤทธิ์ ที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งแก้วทั้งสองมีอำนาจในการปกป้องคุ้มครองดีเสมอกัน แต่"แก้วขนเหล็กน้ำตัน" หรือน้ำขุ่น จะดีเน้นในทางร่มเย็นเป็นสุข เมตตามหานิยม ส่วน"แก้วขนเหล็กน้ำใส"จะดีทางตบะเดชะอำนาจทำให้คนเกรงกล ัว แก้ว ๒ ชนิดนี้เมื่อได้อยู่ร่วมกันจะส่งพลังงานส่งเสริมกันแ ละทำให้ผู้เป็นเจ้าของบังเกิดความเจริญรุ่งเรือง ปราศจากอันตรายทั้งปวง

    มีความเชื่อว่าแก้วขนเหล็กแต่ละชนิดสามารถส่งเสียงที ่เราไม่ได้ยินเรียกหากันได้ สิ่งที่คนโบราณกล่าวนี้น่าจะหมายถึงคลื่นความถี่ หรือคลื่นความสั่นสะเทือนบางอย่างที่ออกมาจากแก้วขนเ หล็ก ซึ่งคลื่นความถี่ หรือคลื่นความสั่นสะเทือนนี้จะวิ่งเข้าหากันกันเพราะเป็นคลื่นความถี่เดียวกัน การวิ่งเข้าหากันของคลื่น ก็คือการรวมตัวกันของพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมา หรือส่งออกมาจากตัวแก้วขนเหล็กนั่นเอง พลังงานเหล่านี้เมื่อรวมตัวกันแล้วย่อมเกิดเป็นกระแส พลังงานตามธรรมชาติที่มีคุณสมบัติคล้ายคลื่นแม่เหล็ก ไฟฟ้า สามารถเกิดปฏิกริยากับบรรยากาศ หรือกระแสไฟฟ้าทั่วไปได้

    และที่สำคัญคือ มีผลต่ออารมณ์ความคิดจิตใจของบุคคลที่อยู่ใกล้ๆด้วย และเป็นไปได้ว่า การเรียกหากันของแก้วขนเหล็กนั้นอาจหมายถึงเจตสิตบาง ดวงที่อยู่ภายในแก้วขนเหล็กแต่ละชิ้นที่จะส่งโทรจิตห ากัน และอาจทำให้การดลใจให้ผู้ที่เป็นเจ้าของแก้วนั้นไปแส วงหาแก้วอีกชิ้นที่เป็นคู่กันมาเพิ่มเติม เช่นผู้ที่มีแก้วขนเหล็กน้ำใสอยู่แล้ว อาจจะพบแก้ว หรือได้เลือกแก้วน้ำตันมาโดยบังเอิญ หรือไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งแบบนี้ท่านเรียกว่า แก้วเรียกหากัน และบันดาลให้คนเราได้พบเจอเพื่อได้เก็บมาอยู่คู่กัน

    ดังนั้นใครที่มีแก้วขนเหล็กน้ำใสแล้วก็ควรอย่างยิ่งท ี่จะหาแก้วขนเหล็กน้ำตันมาไว้เคียงข้าง หรือใครมีแก้วน้ำตันอยู่แล้ว ก็ควรหาแก้วน้ำใสมาเคียงข้างเช่นกันค่ะ เพื่อแก้วทั้งสองจะได้ส่งพลังงานเสริมกัน อันจะเป็นประโยชน์มหาศาลแก่ผู้ครอบครอง เพราะถือว่าได้ทั้งแก้วตัวผู้ตัวเมียไว้เสริมวาสนา และบารมีอย่างครบถ้วนเชียวล่ะค่ะ


    ๑. แก้วขนเหล็กใส เนื้อแก้วจะเป็นแก้วที่น้ำใส ภายในจะมีเส้นขนเป็นเส้น แร่ที่รากฏอยู่ในแก้วโป่งข่าม มักจะเป็นเส้นเล็กไม่เกินเส้นผม พบในแบบต่างๆ เช่นเส้นทแยงและเส้นขนหมูเป็นส่วนใหญ่
    เส้นขนมีลักษณะสีดำ ซึ่งเรียกกันว่าเส้นเหล็ก หรือขนเหล็ก เส้นเหล็กที่ปรากฏอยู่ในแก้วโป่งข่ามจัดอยู่ในประเภท แร่รูไทล์ (Rutile) และธาตุ ไทเทเนียม (Titanium) เป็นแร่โลหะ หรือ BlackTourmaline เป็นสายแร่อยู่ภายใน

    ๒. แก้วขนเหล็กตัน ตามตำราโบราณได้กล่าวไว้ว่า แก้วลูกใดมีวรรณะดังน้ำข้าวมวก มีเส้นขนบ้งสอดเกี้ยวขึ้นในลูกแก้ว แก้วลูกนั้นมีค่านักแล" เส้นขนจะเป็นลักษณะเดียวกันกับแก้วขนเหล็กใส แตกต่างกันที่เนื้อแก้ว เพราะเนื้อแก้วจะเป็นสีขาวขุ่น เนื้อผิวเมื่อขัดแล้วไม่ค่อยมัน จึงเรียกกันว่า "ขนเหล็กตัน"
    แก้วขนเหล็ก นับเป็นแก้วกายสิทธิ์ที่คนไทยในภาคเหนือ ภาคกลาง และอีกหลายๆท้องที่มีความนับถือกันมาช้านานไม่ต่ำกว่ า ๔๐๐ ปีที่ผ่านมา เชื่อกันว่าเป็นของกายสิทธิ์ เป็นหินที่มีเทวดารักษา หรือมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ภายในเนื้อแก้ว

    แก้วขนเหล็ก ในแต่ละเม็ดนั้นหากมีการผสมผสานระหว่างแก้วชนิดอื่น เช่นเนื้อแก้วมีลักษณะของแก้วหมอกมุงเมือง ก็จะได้อานุภาพเพิ่มขึ้นจากอำนาจของแก้วหมอกมุงเมือง ด้วยค่ะ และหากในแก้วนั้นมีแก้วปวกร่วมด้วย ก็จะได้อานุภาพด้านโชคลาภเงินทองเพิ่มขึ้นจากแก้วบวก อีกด้วยเช่นกันค่ะ

    แก้วโป่งข่ามทุกชนิดจะดีทางด้านคุ้มครองป้องกัน และดีทางป้องกันไฟ เป็นสิริมงคลแก่ผู้เป็นเจ้าของ และเชื่อกันว่าในแก้วทุกชิ้นมีเทวดาสถิตอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งลี้ลับที่คอยบรรดาลโชคแก่ผู้บูชาแก้วโป่ งข่าม ทั้งนี้ผู้ที่พกพาแก้วจึงควรเก็บแก้วไว้ในที่สูง หรือหน้าหิ้งพระจะดีที่สุด แต่ให้ต่ำกว่าพระพุทธรูปจึงจะเป็นมหามงคลแก่บ้านเรือ น และนำพาความสุขมาแก่เจ้าของบ้านเรือนและตัวท่านค่ะ
    ในความเชื่อของแก้วกายสิทธิ์

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก้วขนเหล็กนั้น เป็นที่นิยมนับถือกันว่าดีทางข่ามคง ซึ่งหมายถึงอำนาจทางคงกระพัน ผู้ที่พกพาติดตัวจะปลอดภัยจากศาสตารวุธ รวมไปถึงภูตผีปิศาจภยันตรายทั้งปวง ซึ่งเรื่องการนับถือแก้วชนิดนี้เชื่อว่านับถือกันมาเ ป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว ขุนศึกเมืองเชียงใหม่ในอดีตก็ล้วนนับถือแก้วชนิดนี้ด ้วยกันทั้งสิ้น

    แม้แต่ปัจจุบันนี้ความเชื่อเกี่ยวกับแก้วกายสิทธิ์อย ่างแก้วขนเหล็กก็ยังคงนับถือสืบต่อกันมาค่ะ

    คนโบราณบ้างที่นำแก้วขนเหล็กไปทำเป็นเครื่องประดับ ทั้งหัวแหวน จี้ห้อยคอ และสำหรับผู้ที่เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์คงกระพันนั้น มีบ้างที่นำแก้วขนเหล็กฝังไว้ตามร่างกาย ซึ่งนิยมฝังไส้ที่หัวไหล่

    บางคนเชื่อว่าแก้วขนเหล็กเป็นแก้วที่เกิดจากการเล่นแ ร่แปรธาตุตามธรรมชาติ กล่าวคือในธรรมชาตินั้นอาจมีการเข้าผสมของธาตุต่างๆข ึ้นเองตามธรรมชาติ คล้ายกับการสร้างธาตุใหม่ๆในเมืองมนุษย์ กล่าวกันว่า การเกิดของแก้วขนเหล็กนั้นเบื้องต้น เมื่อธาตุประชุมกันครั้งแรก เรียกว่า "ทนสิทธิ์" ขั้นนี้จะมีอำนาจดีเด่นทางคงกระพันต่อศาสตราวุธเป็นหลัก เมื่อประชุมครั้งที่ ๒ จะเรียกว่า "กายสิทธิ์"

    ขั้นนี้เชื่อว่าตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ หมายความว่า แม้ตกน้ำ ถูกกดน้ำก็ไม่ตาย ไฟเผาก็ไม่ไหม้ ไม่เป็นอันตรายด้วยประการทั้งปวง และเมื่อรวมธาตุสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง เรียกว่า "อโลมะประสิทธิ์" ขั้นนี้ถือว่าเป็นที่สุดแห่งพลังอำนาจ คือเมื่ออมแก้ว หรือธาตุนั้นไว้ในปาก อาจสามารถเหาะเหิรเดินอากาศไปป่าหิมพานต์ และอยู่ที่นั่นไม่มีวันแก่เฒ่าเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งกรณีนี้น้อยคนที่จะได้ครอบครอง โดยมากมักได้ยินแต่ในตำนานเท่านั้นค่ะ สำหรับกรณีแก้วขนเหล็ก น่าจะอยู่ในระดับขั้นสำเร็จตัวเป็น "แก้วทนสิทธิ์"ค่ะ คือเด่นด้านคงกระพันนั่นเองค่ะ ;aa22
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...