ใครมีประสบการณ์+ภาพหลวงปู่นาคหลวงปู่หินวัดระฆังเชิญมาแลกเปลี่ยนสนทนาครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 12 ธันวาคม 2012.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    มาพูดคุยเกี่ยวกับพระสมเด็จหลวงปู่หินและหลวงปู่นาคกันครับ ส่วนตัวผมนับถือสององค์นี้มากโดยมีครั้งหนึ่งพี่ชายคนนึงชื่อไฮ่ฝันว่ามีภิกษุชราสององค์อ้วนองค์ผอมอง๕ืมาตามให้ไปวัดระฆังโดยในฝันท่านทั้งสองให้มาตามผมไปด้วยโดยท่านบอกว่าท่านจะมอบพระให้ ปรากฏพอไปที่วัดระฆังเอารถไปจอดอยู่ๆก็มีเด็กที่จอดรถมาชวนให้ไปตัหฃกน้ำมนต์ที่คณะ6 และที่นั่นได้พบหลวงลุงวีระท่านเป็นลูกบุญธรรมหลวงปู่หินพี่ไฮ็ขอิน้ำมนต์ในบ่อของสมเด็จโตโดยทำบุญ2000บาทท่านก็ยกสมเด็จโตฃนาด5นิ้วสร้างเมื่อพ.ศ.2515รุ่น100ปีวัดระฆังให้แทนน้ำใจในการทำบุญ ผมก็อธิษฐานอยากได้พระหลวงปู่หิน ท่านก็มอบให้แบบฟรีๆบอกว่าหลวงปู่หินมาบอกจะมีคนมาเอาน้ำมนต์เวลาเที่ยงให้สงเคราะห์ เขากำลังต้องการ (จริงๆๆพี่ไฮ้มีปัญหาเรื่องคดีความอยู่)เป็นอันว่าจุดเริ่มต้นก็มาจากพระฟรีเลยสนใจในพระสมเด็จทั้งสองท่านคือหลวงปู่นาคและหลวงปู่หิน ท่านใดมีภาพเอามาโชว์มาบอกเล่าประสบการณ์กันครับ วันนี้ขอลงพระพิมพ์ซุ้มใระฆังของหลวงปู่นาคก่อนให้ชมกันครับ
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  2. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  3. jacky65

    jacky65 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,149
    ค่าพลัง:
    +2,516
    เข้ามาเยี่ยมชมครับ สำนักนี้เป็นสุดยอด....
     
  4. cafae

    cafae สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2007
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +25
    ของผมช่วงเบญจเพศ แขวนพระสมเด็จหลวงปู่นาค พิมพ์เดียวกับท่าน จขกท. แต่ของผมหัก2ท่อน ตอนนั้นขี่มอเตอร์ไซร์กลับบ้านดึกแล้วครับ ตี 2-3 ได้ก็แร่งเต็มที่ละครับเกิน 100 จู่ๆรถแท็กซี่วิ่งสวนมา แล้วเลียวตัดหน้า ผมก็ขับชนกลางคันพอดี สลบครับ นอนโรงบาล 2 คืน แต่ที่งง พระผมหายไปตั่งแต่ฟื้นมาในวันแรก พยาบาลก็บอกไม่มีแขวนพระมา ให้แม่-พี่ ที่บ้านช่วยหา ก็ไม่มี สรุปกันตอนนั้นคิดว่า เฮีย ปอ แน่ๆ เอาไป ก็ปรงแล้วครับ คิดว่าท่านช่วยชีวิตเรา ท่านคงต้องไปช่วยคนอื่นมั่ง ปรากฏว่า เช้าอีกวัน พระมาอยู่ในมือผม งง และทึ่งมาก อัศจรรย์ใจสุดๆ พยาบาล เองก็ ทึ่ง แต่นี้ยังไม่เท่าไหร เพราะท่านเคยธุดงค์ไปเทียวพิษณุโลกมาแล้ว คุณวิเศษของหลวงปู่นาคที่ผมคนนึงละ ที่เคารพท่านอย่างสนิทใจ
     
  5. motana2008

    motana2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    4,929
    ค่าพลัง:
    +10,336
    สุดยอดครับ.......:cool::cool::cool:
     
  6. สาปสาง

    สาปสาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2012
    โพสต์:
    470
    ค่าพลัง:
    +1,332
    เข้ามาเจิมครับ :)
     
  7. PraKhoonPhan

    PraKhoonPhan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    881
    ค่าพลัง:
    +6,624
    ส่วนตัวนับถือสมเด็จโตครับได้พระมาฟรีๆแต่ไม่ใช่พิมพ์นิยมนะครับ
     
  8. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    สุดยอดเรื่องราวเลยครับ
     
  9. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440

    [​IMG]
    มีอีกเรื่องเล่าของผม อันนี้เริ่มมาจากผมจะสร้างสมเด็จพระพุฒาจารย์โต หน้าตัก 60นิ้ว ไปไว้ที่พิจตร๑องค์และเชียงราย๑องค์ ทีนี้ก็ว่าจ้างปั้น ได้มีพี่น้องมาร่วมบุญอยู่ประมาณ๕๐๐๐๐กว่าบาท จู่ๆก็มีพี่ผู้หญิงคนนึงโทรมาว่าอยากร่วมบุญและขอเอาปัจจัยมาให้ที่บ้านผมก็เลยนัดเจอ พอแกมาที่บ้านผมก็ให้พระที่ระลึกร่วมบุญ และก็ให้พระบรมสารรีริกธาตุใส่ผอบมอบไปให้ ปรากฎแกก็บอกว่าพี่เห็นรูปหลวงปู่โตก็ศรัทธาแล้ว เออพี่เอาพระมาให้แกก้หยิบออกมาเป็นพระพิมพ์รูปเหมือนสมเด็จโต ปางเทศนา ตะกรุดทองคำแท้ แกใส่กรอบเงินมาให้แล้วบอกว่า หลวงปู่นาคไปเข้าฝันบอกให้เอามาให้คุณเป็นกำลังใจในการสร้างรูปเหมือนสมเด็จโตต่อไป แกก้มอบให้ ปรากฏเป็นพิมพ์ที่หลวงปู่นาคสร้างยุคแรกๆมีผงเก่าผสมมากที่สุด ผมนี่ปลื้มมากอาราธนาห้อยติดตัวทุกวันนี้ก็คือองค์ที่โชว์ไปแล้วอ่าครับ ต่อมาเมื่อองค์รูปเหมือนสมเด็จโต คุณพ่อผมก็นำไปให้ท่านเจ้าคุณเที่ยงเบิกเนตรแล้วจะนำไปไว้ที่เชียงรายก่อน ก็หารถนำขึ้นไป พ่อผมเลยให้ผมปลดพระสมเด็จพิมพ์รูปเหมือนแล้วท่านก็เอาเข้าไปสวดต่อหน้าพระประธานยิ้มรับฟ้าในพระอุโบสถ ครึ่งชั่วโมง แล้วท่านก็บอกว่าหลวงปู่นาคมาบอกในนิมิตว่าจะให้มีคนเอารถมาช่วยขนไปเชียงรายให้ ผมก็หัวเราะจะมีใครเป็นเจ้าภาพนะ วันนั้นพอเบิกเนตรเสร็จก็เอาพระรูปเหมือนหน้าตัก๖๐นิ้วมาไว้ในที่โรงหล่อ เย็นนั้นท่านผู้กำกับสน.พลับพลาไชย โทรมาว่าจะขอเป็นธุระในการนำรูปเหมือนสมเด็จโตเองแล้วท่านก็ให้ตำรวจเอารถมารับในเช้าวันรุ่งขึ้นและท่านก็นำมาให้คนกราบไหว้บูชาอยู่สามวันแล้วจึงขนไปเชียงราย นี่ก็เป็นเรื่องแปลก ต่อมาผมข้องใจผมเลยถามพ่อว่าทำไมต้องเอาองค์นั้นไปสวด พ่อบอกว่าองค์ที่ผมใส่อยู่มวลสารเดิมสมเด็จโตมากและหลวงปู่นาคและหลวงปู่หินท่านตั้งใจทำเพื่อสงเคราะห์เลยไปขอเมตตาจากท่าน(เพราะอัฐินท่านทั้งสองอยู่ในพระอุโบสถ)นี่ก็เป็นเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่หิน หลวงปู่นาคครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  10. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  11. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,269
    ตามอ่านครับ

    ตอนยังเด็กๆไปกราบหลวงปู่นาคที่วัดระฆังวหลายครั้ง ท่านจะเจิมหัวให้ แล้วแจกพระครับ เดี๋ยวค้นเจอจะถ่ายรูปมาแจมครับ เป็นพระแจกฟรีครับ ชอบมาก
     
  12. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    สุดยอดครับพี่พี ทันหลวงปู่นาคด้วย พี่ผมก็แขวนหลวงปู่นาค ขับมอไซด์ดรีม รุ่นเก่าเก๋ากึก โดนฟอร์จูนเนอร์สอยท้าย รถลอยเลย พอลงมาจากอากาศ ก็ขับต่อได้ โดยไม่ล้ม เหมือนจั๊มเนินเลย รอดมาได้หวุดหวิด

    ไปพบพระเกจิหลายๆท่าน ท่านก็บอกว่า พระของหลวงปู่นาค แทบไม่แตกต่างกับสมเด็จวัดระฆังเลย ตัวผมก็มีอยู่หนึ่งองค์เช่นกัน จัดมาเกือบสองพันบาท แต่ก็ภูมิใจครับ
     
  13. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    ผมก็ตามเก็บหลวงปู่นาคและหลวงปู่หินมานานครับเพราะใครแขวนจะซึ้งในพุทธคุณของท่านสององค์ครับ
     
  14. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    พระครูสังฆรักษ์ หิน อินทวินโย
    666.jpg
    หรือ หลวงปู่ หิน เรียกตามตำแหน่งฐานานุกรมในพระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธินายก ( หลวงปู่นาค)ว่า ?พระครูสังฆรักษ์ หิน หลวงปู่ หิน เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่งของวัดระฆังโฆสิตาราม

    หลวงปู่ หิน นามสกุลเดิม สุขเกษม เกิดเมื่อ 9 เดือนพฤศจิกายน 2442 ตรงกับ วันพฤหัสบดี ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 12 ปีกุน เวลา ประมาณ 18.30 น. ที่จังหวัด ปริวแวง ประเทศ กัมพูชา บวชเป็น สามเณร 15ปี ภายหลังได้ลาสิกขาบท มาช่วยโยมมารดาบิดา มาประกอบอาชีพ อยู่พักหนึ่ง และได้ทำการอุปสมบทใหม่อีกครั้ง อายุ 21 ปี ณ...พัทธสีมา วัดธนาคัน ตำบลจาง อำเภอ ตะแบก จังหวัด ปริวแวง ประเทศกัมพูชา โดยมีพระรัตนาวงศาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แรม เป็นพระกัมมวาจา และพระมงคลเถระเป็นพระอนุสาวนา จารย์.....หลังจากออกพรรษาแล้ว ท่านได้เดินทางไปศึกษาหาความรู้ในทางไสยศาสตร์..ชั้นแรกคือการเรียน ตรีนิสิงเห การเรียนลงเลขยันต์...ยันต์ตรีนิสิงเห มีอุปเท่ห์สารพัดซึ่งหลวงปู่ หิน ใช้ได้ผลมามาก หลวงปู่ หิน ท่านมีความมุ่งมั่นในทางการเรียนวิชาไสยศาสตร์มาก เดินธุดงค์รุกขมูลตามป่าดงดิบ ประเทศพม่า พระตะบอง นครวัด ได้ร่ำเรียน วิชาการต่างๆมากมาย ฝึกฝนกับพระคณาจารย์ต่างๆ การอบรมเสร็จสิ้น เมื่อ เดือน 12 พศ..2465 หลวงปู่ หิน ได้เดินธุดงค์ มาเรื่อยๆ ตามตะเข็บชายแดน ของประเทศไทย มายัง กบินทร์บุรี นครนายก สระบุรี และได้เดินมานมัสการ พระพุทธบาท สระบุรี จากนั้น ใช่ว่า มาอยู่ เมืองไทยนะครับ ...ท่านเดินทางกลับไปประเทศพม่า โดยใช้เส้นทางเดิม กลับวัดธนาคันตามเดิม คือ วัดที่ท่านบวชแต่ครั้งแรก

    ในระหว่างนั้นท่านก็หมั่นปฏิบัตรธรรมกรรมฐาน จนได้ชื่อว่าเป็น พระที่เชี่ยวชาญทางกรรมฐานท่านหนึ่ง ทุกครั้งที่ท่านออกพรรษา ท่านจะออกธุดงค์ตลอดไม่ค่อยอยู่วัด ออกธุดงค์ไปเรื่อยๆ เวียงจันทร์หลวงพระบาง ย้อนกลับมา เมืองไทย แล้วกลับประเทศพม่า ...ครั้งหนึ่งหลวงปู่ หินมีความประสงค์จะเดินทางรุกค์ขมูลไปยังประเทศอินเดียให้ได้ แต่แล้วเป็นจุดหักเห ของชีวิตของท่าน พระเพื่อนที่ร่วมเดินทางของท่านเกิดป่วยกลางป่าลึกในระหว่างทาง จึงได้เดินทางมาที่เมืองไทยทำการรักษาตัว ในที่สุดพระรูปนี้ มรณภาพลงที่ จังหวัด ตาก ...ในเวลานั้น ใกล้เวลาจะเข้าพรรษาหลวงปู่ หิน จำต้องจำพรรษาที่ จังหวัด ตาก 1 พรรษา

    หลังจากนั้น หลวงปู่ ก็เดินธุดงค์ ต่อไป ที่ จังหวัด เชียงใหม่ เลยเข้าไป ประเทศ พม่า และต่อมาท่านเดินทางมาที่ จังหวัด สุโขทัย พักอยุ่ ที่ วัดพุทธปรางค์ อำเภอ สวรรคโลก 2 เดือน และออกธุดงค์มาเรื่อย จนถึง จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ได้พบกับพระอุปัชฌาย์ เทพ ซึ่ง เป็นพระเพื่อนมาแต่เดิม เป็นเจ้าอาวาส อยู่ วัดทางหลวง ตำบล ปลายกลัด อำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านจึงพำนักที่นั้น และช่วยดำเนินการสร้างเสนาสนะสงฆ์ ตลอดจนวิหารและศาลาฟังธรรมต่างๆ จนลุล่วง ท่านได้อยู่วัดทางหลวงเป็นเวลา 11 พรรษา อยุธยา นั้น ไม่สิ้นคนดี เป็นคำพังเพย โบราณ ที่เราคุ้นๆหูกันอยู่นะครับ หลวงปู่ หิน ได้ร่ำเรียนไสยศาสตร์แถบนี้มาก ต่อมาก แม้กระทั่งหลวงพ่อ จง แห่งวัดหน้าต่างนอก... หลวงพ่อ ต่วน วัด กล้วย ซึ่งต่อมาเป็นพระสหายทางสมิกธรรม ฯลฯ ประวัติการร่ำเรียนวิชาทาง ไสยศาสตร์ของท่าน ว่าร่ำเรียนกับพระอาจารย์ท่านใดนั้นมิอาจบรรยายได้ เพราะ หลวงปู่ หิน ท่านออกธุดงค์ เพียงรูปเดียวในระยะหลัง

    ต่อมาใน พศ....2478 ท่านได้ทราบถึง กิติศัพท์ ของท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี เกิดมีความศรัทธาอย่างแรงกล้า จึงตัดสินใจเดินทางมายัง วัดระฆังโฆสิตาราม และเข้ากราบนมัสการ พระเทพสิทธินายก หรือ หลวงปู่ นาค ขณะนั้น หลวงปู่ นาค ดำรงตำแหน่ง พระราชโมฬี เจ้าอาวาส แห่งวัดระฆัง สนทนาธรรมเป็นที่ถูก อัธยาศัย ยิ่งนัก ....หลวงปู่ นาค จึงได้ชักชวนให้อยู่จำพรรษา อยู่ วัดระฆัง เสียที่นี่ คณะ3 ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ของวัด ปัจจุบันเป็นโรงเรียนโฆสิตสโมสร ในสมัยนั้นทางสำนัก วัดระฆังได้เปิดอบรม กัมมัฎฐานและวิปัสสนา หลวงปู่ นาค ก็ได้แต่งตั้ง หลวงปุ่ หิน มีหน้าที่ช่วยเหลือในกิจของสงฆ์ทางวัด ตลอดมา ไม่ว่าพัฒนางานก่อสร้างทำนุบำรุงต่างๆ สมัยนั้นมีแต่แรงงานพระในผ้าเหลืองล้วน หลวงปู่ หิน เป็นช่างควบคุมเองทั้งหมด ไม่ว่า ครั้งใด คำปฏิเสธนั้น ไม่เคย หลุดจากปากท่านเลย กับการก่อสร้างวัดวาอารามต่างๆหลายวัด แม้ในบางครั้งท่านได้ไม่มีเงินพอที่จะช่วย ท่านก็นำพระผงของท่าน มามอบให้ประชาชนได้บูชากัน เพื่อนำเงินไปใช้ในการก่อสร้าง นั้นๆ เป็นเจตนาที่บริสุทธิ์โดยแท้

    การสร้างพระผงต่างๆ ของหลวงปู่ หิน แห่งวัดระฆังนั้น ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หลวงปู่ นั้นมีความศรัทธา ต่อ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต มากๆ หลวงปู่ท่านพยายามเสาะแสวงหา พระสมเด็จมาสะสมไว้ ทั้งที่ แตกหักและชำรุด จนมีจำนวนมากพอแก่ความต้องการ ท่านจึงนำมาโขลกเป็นผง นอกจากนี้แล้ว ท่านยังได้ยัดผงปิลันทร์จากกรุ มุมพระอุโบสถ ด้านทิศใต้ .....ผงจากกรุ วัดสามปลื้ม ผงสุริบาตร และผงตรีนิสิงเห ที่ขาดมิได้ ...... การสร้างพระพิมพ์ของหลวงปู่ นั้น เริ่มตั้งแต่ พศ...2482-พศ..2515มีจำนวน 8 รุ่นด้วยกัน อาจารย์ ขวัญ วิสิฎโฐ ( คุ้มประยูร) เป็นผู้ช่วยเหลือโดยใกล้ชิด พระเครื่องที่สร้างแบ่งตาม พศ. พอจำแนก.ได้ ดังนี้

    1...พระสมเด็จ รุ่นแรก พศ..2482 มี5พิมพ์

    1.1พิมพ์อกครุฑ
    1.2พิมพ์แหวกม่าน
    1.3พิมพ์เส้นด้าย
    1.4พิมพ์ทรงเจดีย์
    1.5พิมพ์ทรงเจดีย์พิมพ์เล็ก

    2....พระสมเด็จรุ่น 2 พศ..2484มี 5 พิมพ์

    2.1พิมพ์ทรงพระประธาน
    2.2พิมพ์ทรงพระเกศทะลุซุ้ม
    2.3พิมพ์ทรงชายจีวร
    2.4พิมพ์อกครุฑเศียรบาตร
    2.5พิมพ์ทรงอกร่องหูยานคู่

    3...พระสมเด็จ รุ่น 3 พศ..2488 มีเพียง 2 พิมพ์

    3.1พิมพ์ทรงนิยม
    3.2พิมพ์ทรงเจดีย์

    4...พระสมเด็จรุ่นที่ 4 พศ..2494 ติดต่อถึงปี 95 จึงเรียกว่า รุ่น 2495

    4.1พิมพ์ทรงพระประธาน พิมพ์นี้มี 2ชนิด คือ เนือ้ผงและเนื้อผงใบลาน
    4.2พิมพ์พระประธานขาโต๊ะ
    4.3พิมพ์ทรงเจดีย์
    4.4พิมพ์สามเหลี่ยมด้านเท่า
    4.5พิมพ์สามเหลี่ยมหน้าจั่ว
    4.6พิมพ์สามเหลี่ยมหน้าจั่วพิมพ์เล็ก

    5...พระสมเด็จรุ่น5 พศ..2497มีเพียง 2 พิมพ์เท่านั้น

    5.1พิมพ์ทรงเจดีย์
    5.2พิมพ์เจดีย์ทะลุซุ้ม

    6...พระสมเด็จรุ่นที่ 6 พศ..2500

    6.1พิมพ์พระประธาน ขนาดบูชา
    6.2พิมพ์ปรกโพธิ์พิมพ์ใหญ่
    6.3พิมพ์ทรงนาคปรก
    6.4พิมพ์ปรกโพธิ์ฐานแซม
    6.5พิมพ์ทรงอกครุฑเศียรบาตร
    6.6พิมพ์ฐานหมอน
    6.7พิมพ์ทรงนิยม
    6.8พิมพ์ทรงเจดีย์
    6.9พิมพ์ทรงนิยมพิมพ์กลาง
    6.10พิมพ์ทรงนิยม พิมพ์เล็ก
    6.11พิมพ์คะแนนปรกโพธิ์
    6.12พิมพ์คะแนนพระประธาน
    6.13พิมพ์ทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
    6.14พิมพ์คะแนนทรงพระประธานขนาดเล็ก
    6.15พิมพ์ทรงเม็ดแตง

    7...พระสมเด็จ รุ่นที่ 7 พศ...2512 เรียกว่า รุ่น เสาร์5 มี6 พิมพ์

    7.1พิมพ์นิยมเสาเอก สร้างด้วยไม้ ทำจากเสากุฎิ สมเด็จโต
    7.2พิมพ์ทรงจุฬามณี
    7.3พิมพ์สังฆาฎิ
    7.4พิมพ์ทรงอกร่องหูยานฐานแซม
    7.5พิมพ์กลีบบัว
    7.6พิมพ์ทรงพระประธาน หูบายศรี

    8...พระสมเด้จ รุ่นที่ 8 รุ่นสุดท้าย พศ..2515 เรียก ว่ารุ่น100ปี การมรณภาพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พิธีมหาพุทธาภิเศก หลวงปู่หิน สร้าง2พิมพ์เข้าพิธีด้วย มี 2พิมพ์

    8.1พิมพ์ทรงนิยม
    8.2พิมพ์ทรงอกครุฑเศียรบาตร
    8.3เหรียญ รุ่นแรก พศ.2516

    นอกจากนี้ยังมีพระนอกพิมพ์อีกจำนวนหลายพิมพ์เช่นกัน เรียกว่า พิมพ์นอก เป็นพระที่สร้างในปีเดียวกัน แต่ไม่ได้ออกเป็นทางการ ท่านจะแจกเป็นการส่วนตัวแต่พิมพ์ทรงจะแตกต่างกันออกไป

    ท่านพระครูสังฆรักษ์ หิน อุปสมบทพระ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พศ...2463พรรษาแห่งการบวช ท่านศีกษาทางกรรมฐานจนแตกฉาน จนเกิดความชำนาญ ต่อมาศึกษาทางด้านคาถาอาคม จนเกิดความแตกฉาน วิชาไสยศาสตร์ ชนิดหาตัวจับยาก ภายหลังค้นคว้าแพทย์แผนโบราณ รักษาผู้คนตกทุกข์ได้ยาก เป็นพันๆคนในขณะนั้น ท่านย้ายมาอยู่ วัดระฆัง พศ...2478 ?พศ..2521 ตลอดระยะเวลา 43ปี ภายหลังหลวงปู่ หิน ป่วย ท่านได้ย้ายมาอยู่ที่ วัดกล้วย จ...อยุธยา เพื่อทำการรักษาตัวเพราะไม่มีเวลาพักผ่อน และท่านมีเวลาไม่นานแล้ว ประกอบกับมีเนื้องอกที่ กระพุ้งแก้มเพราะ เกิดจาการฉันท์หมากมาก ในปีเดียวกันนั้นเอง (พศ..2521) ท่านเดินทางกลับวัดระฆัง 19พฤษภาคม 2521 ...........มรณภาพ21 พฤษภาคม2521 รวมอายุ 79ปี 58 พรรษา @@@ขอขอบคุณข้อมูลนี้จากหนังสือประวัติ หลวงปู่หิน จากวัด พระศรีสุทธิโสภณ (เที่ยง อัคคธัมโม ปธ..9) 3ตค..2521 ซึ่งเป็นผู้เรียบเรียง ประวัติ หลวงปู่ หิน ...และเป็นหนังสือพ็อคเก็ตบุคส์ ภาพ ขาวดำ ..เล่มเล็ก ...ที่ออกมาจากวัดระฆัง..หนังสือเล่มนี้ทำแจกแก่ศิษย์ยานุศิษย์ที่มางานฌาปนกิจ หลวงปู่ หิน ในครานั้น....
     
  15. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440

    [​IMG]
    ย้อนหลังไปเมื่อกว่าแปดสิบปีก่อนโน้น ดินแดนแห่งที่ราบสูงนครราชสีมา หรือที่ชาวบ้านชาวเมืองเรียกติดปากมาจนบัดนี้ว่า "เมืองโคราช" เด็กชายนาคฯ ได้ถือปฏิสนธิ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2427 เวลา 19.10 น. เศษ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 9 ปีวอก จุลศักราช 1246 ท่านมาจากตระกูลและพื้นเพเดิมของผู้มีอันจะกินและมีบรรดาศักดิ์สูงของตระกูล "มะเริงสิทธิ" ปู่ทวดของท่านมียศบรรดาศักดิ์เป็นที่ "หลวงเริง" และปู่ของท่านแท้ ๆ คือ ขุนประสิทธิ์ (อยู่) นายอากรเมืองโคราชในยุคนั้น และย่าของท่านชื่อ ท่านฉิม บิดาของท่านคือ นายป้อม มะเริงสิทธิ มารดาชื่อ นางสวน บุตรพระวิเศษ (ทองศุข) และท่านอิ่ม ท่านเป็นบุตรคนที่ 1 มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 4 คน ชาย 2 คน หญิง 2 คน ดังนี้

    พระเทพสิทธินายก (นาค โสภณเถระ)
    พระภิกษุโชติ (ถึงแก่มรณภาพแล้ว)
    นางทุเรียน ประภาวดี
    นางอุดร จุลรัษเฐียร


    ใครก็รู้ ..... เมืองโคราชสมัยกว่าแปดสิบปีนั้น ห่างไกลจากกรุงเทพพระมหานครประหนึ่งคนละฟากฟ้า เพราะการคมนาคมไม่สะดวกเหมือนปัจจุบันนี้ การไปมายังไม่มีทางรถไฟและถนนหนทาง หลวงปู่นาคเล่าว่า เมืองโคราชสมัยที่ท่านยังเป็นเด็กนั้น ห่างตัวเมืองออกไปเล็กน้อยล้วนแต่เป็นป่าเปลี่ยว มีแต่สัตว์ป่าที่ดุร้ายนานาชนิด ทางเดินที่จะผ่านเข้าสู่เมืองหลวงกรุงเทพพระมหานครเป็นป่าดงพงพีทุระกันดารอย่างแสนสาหัสจนเรียกกันว่า "ดงพญาเย็น - ดงพญาไฟ" ซึ่งผู้คนจำนวนไม่น้อยมาพบจุดจบเมื่อผ่านดงมหาภัยแห่งนี้ ปัจจุบันคนที่เกิดในยุคนี้ อาจไม่รู้จักหรือลืมชื่อเสียแล้ว

    เด็กชาย นาค มะเริงสิทธิ เหมือนกับลูกชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายที่เจริญวัยขึ้นมาอยากหาความรู้ใส่ตัวเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูล แต่โคราชยังไม่มีโรงเรียนเกิดขึ้น มีแต่วัดวาอารามเท่านั้น พ่อแม่จึงส่งเด็กชายนาค ฯ มาฝากไว้กับพระครูสังฆวิจารย์ (มี) ซึ่งเป็นลุงของท่านที่วัดบึงใกล้ประตูชุมพลเดี๋ยวนี้ ซึ่งท่านได้สั่งสอนวิชาให้ตามสมควร ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณรตั้งแต่นั้นมา อาศัยที่ท่านเป็นคนฉลาดเล่าเรียนเก่ง พระอาจารย์ที่เป็นครูสั่งสอนภาษาบาลีและภาษาไทย จึงแนะแนวทางให้ท่านเดินทางเข้ามาศึกษาต่อในสำนักดี ๆ ในกรุงเทพฯ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองต่อไป

    สามเณรนาค อายุ 13 ปี หาโอกาสเดินทางอยู่เป็นเวลาแรมเดือน จึงสบโอกาสเมื่อมีกองคาราวานวัวต่างและเกวียนราว 30 กว่าคน จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ท่านจึงขอร่วมเดินทางมากับเขา ด้วยสมความตั้งใจ ท่านเล่าว่าตอนที่เดินทางมาหลายสิบวันนั้น ใกล้จะถึงเมืองสระบุรี ท่านได้เห็นกุลี (กรรมกร) เป็นจำนวนมากกำลังทำงานกรุยทางสร้างทางรถไฟอยู่แล้ว เมื่อถึงสระบุรีแล้วท่านรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงขอแยกจากกองคาราวาน เข้าขอฝากตัวเป็นศิษย์กับพระภิกษุรูปหนึ่งในวัด "ทองพุ่มพวง" ทำเภอเสาไห้ ซึ่งหลวงนิเทศ นายอำเภอเสาไห้ ผู้เป็นน้าช่วยอุปการะ ท่านอาศัยอยู่ในวัดนี้หลายเดือนและศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมต่อไปด้วย แต่ท่านก็มิได้ละความตั้งใจที่จะเข้าศึกษาพระธรรมวินัยในกรุงเทพฯ ให้ได้ในกาลข้างหน้า

    ท่านกล่าวว่า ต่อมาท่านได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ สมความตั้งใจ มีญาติในกรุงเทพฯ แนะนำพาท่านซึ่งยังเป็นเณรไปฝากไว้กับท่านอาจารย์เลื่อม ซึ่งเป็นพระลูกวัดของวัดระฆังโฆษิตาราม มีกุฏิอยู่หน้าวัดใกล้ปากคลอง และปัจจุบันนี้ได้สร้างเป็นโรงเรียนสตรีวัดระฆัง

    พระอาจารย์เลื่อมเป็นพระหลวงตาที่ชราภาพมาก และเคร่งครัดในพระพุทธศาสนา มีลูกศิษย์ลูกหามาก โดยที่ท่านเป็นพระสอนทางวิปัสสนากรรมฐาน ท่านเฝ้าสั่งสอนวิชาการต่าง ๆ ให้ด้วยความรักความเอ็นดู เพราะสามเณรนาคเป็นผู้ว่านอนสอนง่ายสมองปราดเปรื่อง

    ตอนนั้น .... ท่านเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตาราม คือ พระธรรมโตรโลกาจารย์ ซึ่งต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร) สมเด็จองค์นี้เป็นศิษย์ของสมเด็จองค์เก่า คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) นั่นเอง พระธรรมไตรโลกาจารย์มองเห็นหน่วยก้านและบุคลิกลักษณะของสามเณรแล้ว พิจารณาเห็นว่าจะดีเด่นเป็นเอกในวันข้างหน้า ท่านจึงได้รับอุปการะและสั่งสอนในสำนักของท่านทั้งภาษาไทยและภาษาบาลี

    ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองสมัยนั้น เพิ่งจะเริ่มขึ้นชั่วคนละฟากข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา นับได้ว่าวัดระฆังฯ อยู่ใกล้กำแพงเมืองหลวงหรือเรียกกันว่าใกล้ปืนเที่ยงที่สุดวัดหนึ่ง วัดระฆังฯ มีอาณาเขตกว้างใกญ่ไพศาล รายล้อมไปด้วยสวนและนาอยู่ใกล้ ๆ เป็นดินแดนแห่งความสงบวิเวกวังเวง เหมาะสมที่จะบำเพ็ญพรตพรหมจรรย์ของภิกษุสงฆ์ ท่านเล่าว่า ท่านอาจารย์นวล ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาบาลี เดิมเคยจำพรรษาอยู่สำนักวัดมหาธาตุ ได้ข้ามฟากมาสอนภาษาบาลีอยู่ในสำนักวัดระฆังฯ และเป็นอาจารย์ของท่านด้วย

    เมื่อสามเณรนาคฯ มีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าแปลเปรียญธรรม ประโยค 3 เป็นครั้งแรกต่อหน้าพระที่นั่งรัชกาลที่ 5 และกรรมการสงฆ์ล้วนแต่เป็นพระเถรานุเถระผู้ใหญ่ผู้ทรงสมณศักดิ์หลายรูป ปรากฏว่าสามเณรนาคฯ แปลได้เป็นเปรียญธรรมประโยค 3 ได้รับพระราชทานเครื่องไทยทานอัฎฐบริขารจากพระหัตถ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ด้วยองค์หนึ่ง

    สามเณรนาคฯ ได้เป็นมหาสามประโยคแล้วสมความตั้งใจ ท่านมิได้หยุดยั้งเพียงเท่านี้ คงพยายามศึกษาเล่าเรียนต่อไปจนเมื่ออายุครบ 21 ปี สามเณรนาคฯ เข้าแปลหน้าพระที่นั่งอีกครั้งหนึ่งและได้เปรียญธรรมประโยค 4 นับว่าสามเณรนาคฯ เป็นผู้คงแก่เรียนซึ่งหาได้ยากในยุคนั้น ซึ่งแต่ละครั้งที่เข้าสอบจะมีพระภิกษุและสามเณรสอบเปรียญได้เพียงไม่กี่รูป

    ระยะนั้นท่านเจ้าอาวาส พระธรรมไตรโลกาจารย์ จึงทรงอุปการะบวชสามเณรนาค ผู้มีอายุครบบวชแล้วเป็นพระภิกษุสงฆ์ต่อไป โดยได้ทรงนิมนต์พระเถระผู้ทรงสมณศักดิ์สูงมาเป็นพระอุปัชฌาย์และพระกรรมวาจาจารย์ ต่อหน้าองค์พระประธานในพระอุโบสถวัดระฆังโฆสิตาราม ดังต่อไปนี้

    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ) อธิบดีสงฆ์ วัดอรุณราชวราราม ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์
    สมเด็จพระวันรัต (ดิษ) อธิบดีสงฆ์ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ ทรงเป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระธรรมโกษาจารย์ (แพ) วัดสุทัศน์เทพวราราม
    พระธรรมไตรโลกาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร) ทรงเป็นผู้บอกอนุสาสน์


    พระมหานาค ป.ธ. 4 ซึ่งต่อมาชาวบ้านเรียกชื่อท่านสั้น ๆ ว่า "มหานาค" และรับฉายาจากองค์พระอุปัชฌาย์ว่า "โสภโณภิกขุ" ได้เข้าแปลเปรียญธรรมได้ประโยค 5 ภายหลังบวชเป็นพระแล้วใหม่ ๆ ต่อจากนั้นท่านมหานาคไม่ได้เข้าแปลเพื่อสอบเปรียญธรรมเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งในขณะนั้นมีการศึกษาเปรียญธรรมถึงประโยค 6 เนื่องด้วยท่านมีภาระยุ่งกับงานของวัดมากขึ้น โดยเป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดในพระคุณเจ้าสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร)

    - ต่อมาในปี พ.ศ.2464 ท่านโสภโณภิกขุ (มหานาค) ได้รับสัญญาบัตรพัดยศเป็นที่ พระธรรมกิติ
    - พ.ศ.2467 - 2468 ภายหลังจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร) มรณภาพแล้ว พระธรรมกิติได้รับหน้าที่รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามแทน และเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมาจนมรณภาพ .. (1)
    - พ.ศ.2475 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศที่ พระราชโมลี
    - พ.ศ.2500 ได้รับพระราชทานเลื่อนขึ้นเป็นที่ พระเทพสิทธินายก


    ในสมัยที่ท่านกำลังศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมประโยค 4 - 5 ท่านได้ศึกษาทางวิปัสสนากรรมฐานกับท่านอาจารย์ที่วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) และวัดพลับ (เจริญภาส) เพิ่มเติมอีกโดยได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดซึ่งต้องใช้เวลาเพียรพยายามศึกษาเล่าเรียนอยู่ประมาณ 10 ปี ก็สามารถใช้เป็นมูลฐานกระทำชาญวิปัสสนาส่งกระแสจิตได้ ต่อมาได้เปิดสอนทางวิปัสสนากรรมฐานขึ้นในศาลาการเปรียญของวัดระฆังโฆษิตาราม เกี่ยวกับการสอนวิปัสสนานี้ได้เคยปรากฏว่า ครั้งหนึ่งผู้เข้าศึกษานั่งสมาธิจิตทางวิปัสสนา ได้นั่งทำจิตถอดวิญญาณไปดูนรกสวรรค์ และท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ เป็นเวลา 2 วัน ก็ยังไม่คืนสติ คงนั่งสมาธิอยู่เช่นนั้น ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธินายก ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการฝึกสอนอยู่ ได้นั่งสมาธิส่งกระแสจิตไปติดตามวิญยาณของผู้นั่งสมาธิรายนี้ และไปพบในสุสานวัดดอน ตรอกจันทร์ ปรากกว่ากำลังเที่ยวเพลิดเพลินอยู่ ท่านจึงส่งกระแสจิตเตือนวิญญาณนั้นให้กลับคืนเข้าร่างเดิมเพราะล่วงมา 2 - 3 วันแล้ว หากล่าช้าไปจะคืนเข้าร่างเดิมไม่ได้ ร่างกายก็อาจจะเน่าเปื่อยไป วิญญาณของชายผู้นั้นจึงได้สติแล้วกลับคืนมาเข้าร่างเดิมที่นั่งสมาธิอยู่ในศาลาการเปรียญวัดระฆังโฆสิตาราม นอกจากนี้ได้เคยปรากฏว่าคุณโยมของท่านป่วยอยู่ทางจังหวัดนครราชสีมา โดยมิได้ส่งข่าวถึงท่าน แต่ท่านสามารถทราบได้และนำหยูกยาไปปฐมพยาบาลได้ถูก เพราะท่านใช้อำนาจกระแสสิตทางวิปัสสนา ดังนี้ การกำหนดจิตอันกระทำให้เกิดพลังจิตขึ้นได้จึงเป็นเหตุให้พระคุณเจ้าได้คิดสร้างพระสมเด็จขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2484 โดยอาศัยตำราของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) ซึ่งขณะนั้นเป็นระยะเวลาที่ได้เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้น ทั้งนี้เพื่อจักได้แจกจ่ายให้ทหารได้ติดตัวไปในสมรภูมิ เป็นกำลังใจและบำรุงขวัญทหารอีกส่วนหนึ่งด้วย

    พระเทพสิทธินายก (นาค โสภโณ) ในตอนที่ท่านมีอายุใกล้ 70 ใคร ๆ ก็เรียกท่านว่า "หลวงปู่นาค" แม้ว่าท่านจะมีร่างกายสมบูรณ์ชราภาพมากขึ้นตามวัยและสังขาร ท่านก็มิได้ละเลยทางศาสนกิจ ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของกุลบุตรทุกชั้นวรรณะมากมาย ท่านเป็นผู้สร้างกรรมดีมีเมตตาอันเป็นยอดปรารถนาต่อศิษยานุศิษย์และประชาชนทั่วไปไว้มากมาย มิได้สะสมทรัพย์สินอันใดไว้ จนถึงกาลมรณภาพ เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ.2514 เวลา 4.45 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช จังหวัดธนบุรี ท่านก็จากไปอย่างสงบปราศจากความกระวนกระวายด้วยโรคชรา ขอวิญญาณของท่านจงบรรลุถึงฟากฟ้าสรวงสวรรค์ คงเหลือไว้แต่คุณงามความดีอันสูงส่ง สุดที่จะนำมาเขียนไว้ในที่นี้ รวมศิริอายุของท่านได้ 87 ปี อยู่ในสมณเพศถึง 75 ปี และเป็นเจ้าอาวาสมาแล้ว 47 พรรษา นับว่าท่านเป็นผู้ที่อยู่ในสมณเพศและเป็นเจ้าอาวาสที่นานที่สุดรูปหนึ่ง

    คณะศิษยานุศิษย์ผู้บันทึกประวัติของท่าน "หลวงปู่นาค" ขอกราบนมัสการแทบเท้าของหลวงปู่นาค หากข้อความตอนหนึ่งตอนใดผิดพลาดหรือขาดตกบกพร่องโปรดเมตตาให้อภัยด้วยเถิด ...... คณะศิษยานุศิษย์


    ที่มา : ประวัติพระเทพสิทธินายก วัดระฆังโฆษิตาราม และ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระเทพสิทธินายก (นาค โสภณเถระ) อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม ณ วัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี 15 มิถุนายน 2514 จำนวนพิมพ์ 2000 เล่ม

    หมายเหตุ .. (1) ปี พ.ศ. น่าจะคลาดเคลื่อน เนื่องจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว. เจริญ อิศรางกูร) มรณภาพในช่วงปี พ.ศ.2471
     
  16. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    พี่พีดีใจมากที่พี่ทันหลวงปู่ด้วยทันปู่หินหรือเปล่าครับอยากทราบครับพี่
     
  17. jacky57

    jacky57 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,863
    องค์นี้คนดูเขาบอกว่าเป็นพิมพ์ของหลวงปู่หินวัดระฆัง ช่วยให้คำชี้แนะด้วยครับ
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  18. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    ภาพสมเด็จพิมพ์ใหญ่ หลวงปู่หิน วัดระฆังแช่น้ำมนต์ ครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
     
  19. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    ก่อนอื่นผมขอพูดคุยหน่อย เหตุผลที่ผมบูชาพระหลวงปู่หิน หลวงปู่นาค เพราะเป็นพระหน่อเนื้อเชื้อไขพระสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต แต่ที่มีบางคนถามเรื่องสมเด็จวังหน้าผมขอตอบตรงๆๆว่าเป็นพระเก๊มือผีไม่มีในสารบบหลอกศรัทธาประชาชีเท่านั้นดังบทความของสีกาอ่างในไทยรัฐที่จะนำลงนี้นะครับ
    พระสมเด็จหลังรัชกาลที่5 สมเด็จพระแก้วกรุวังหน้า พระเก๊ไม่มีในสารบบพระ
    [​IMG]
    แต่ ปัญหาโลกแตกที่มีอยู่ตลอดเวลาก็คือ นักเล่นพระจำนวนมากส์ นอกจากไม่ศึกษาเรียนรู้ ด้วยตัวเอง และไม่ปรึกษาเซียนพระ ยัง เชื่อตัวเอง โดยไม่มีทฤษฎีมารองรับ ไม่สนใจว่าประวัติการสร้างพระ ทั้งที่สำคัญมาก เพราะ ประวัติศาสตร์ คือสิ่งที่ช่วยยืนยันปัจจุบัน ได้..... ยกตัวอย่าง พระสมเด็จวัดระฆัง มีประวัติว่า สร้างโดย สมเด็จพุฒาจารย์ (โต)--เชื่อไหมว่า แค่นี้ ก็บอกให้เราสามารถ พิสูจน์ทราบได้ เลยขนาด ว่า พระองค์ไหนเป็นของท่าน องค์ไหนไม่ใช่ (เก๊).....
    สีกาอ่าง เจอมาเยอะที่ ผู้ใหญ่หลายท่าน มีชื่อเสียงระดับชาติตำแหน่งระดับบิ๊ก หยิบ พระสมเด็จ ให้ดู บอกว่า เป็น สมเด็จวัดระฆังฯ แต่ข้าพเจ้าดูแว้บเดียว ขนาดไม่ใช่ซงใช่เซียน ยังบอกได้ว่า ไม่ใช่ เพราะ ผิดหลายจุด อย่างเช่นแบบที่ หลังพระ มีพระพักตร์ รัชกาลที่ 5 มีพระมัสสุ (หนวด) ซึ่งหลายคนยังเชื่อจริงๆจังๆว่า เป็นของ สมเด็จฯโต.....

    ที่รู้ ว่า ไม่ใช่ เพราะศึกษาประวัติท่านผู้สร้าง ว่า เกิดในยุค ร.1 เมื่อ พ.ศ. 2331 มรณภาพในยุค ร.5 เมื่อ พ.ศ. 2415 ด้วยอายุ 84 ปี.....

    ถึงท่านจะเป็น พระเถระ 5 แผ่นดิน อยู่ถึงยุค ร.5 ก็จริง แต่ตอนที่ เจ้าประคุณสมเด็จฯโต สร้าง พระสมเด็จวัดระฆังฯ-บาง-ขุนพรหม เป็นประมาณปี 2411-2413 จัดว่าปลายอายุของท่านแล้ว ซึ่งตอน พ.ศ.2411 นั้น รัชกาลที่ 5 เพิ่งขึ้นครองราชย์ ด้วยพระชนมายุ 15 ชันษา (ประสูติ พ.ศ. 2396).....

    จาก หลักฐานประวัติ ตรงนี้ จึงบอกได้ว่า พระสมเด็จวัดระฆังฯ แบบที่ หลังพระ มี พระรูป ร.5 ไว้หนวด ต้อง ไม่ใช่พระสมเด็จวัดระฆังฯ ที่ สมเด็จฯโต สร้าง เพราะ พระรูป ร.5 หลังพระสมเด็จวัดระฆัง (เก๊) ที่เราเห็นกันเกลื่อน เป็นพระรูปตอนที่ ร.5 น่าจะมี พระชนมายุ 40 กว่า แล้ว.....

    ถ้า สมเด็จฯโต จะสร้าง พระสมเด็จ หลัง ร.5 จริงๆละก้อ พระรูป ร.5 หลังพระ ก็ควรจะเป็นตอนทรงพระเยาว์ 14-15 ชันษา ซึ่ง สมเด็จฯโต ยังมีชีวิตอยู่ จริงมะ.....
    โอ้โฮวุ้ย วันก่อน เขียนถึง พระสมเด็จวัดระฆังฯ ว่าไม่มีหรอก ที่ หน้าพระพุทธ หลัง ร.๕ ทรงมีพระมัสสุ (มีหนวด) ปรากฏว่าตลาดพระประเภท ยองๆส่อง ริมฟุตปาทป่วนไปเรยย์ เพราะลูกค้า เลิกซื้อ หลังจากตาสว่าง.....

    เหตุผลง่ายๆ ย้ำกันอีกรอบ คือตอน ร.๕ ขึ้นครองราชย์ ปี 2411 พระชนมพรรษา 15 พรรษา เจ้าประคุณสมเด็จฯโต อายุ 80 ปีแล้ว อีก 4 ปีต่อมา ก็มรณภาพเมื่อ พ.ศ.2415 โดยตอนนั้น ร.๕ ก็เพิ่งมีพระชนมพรรษา 19 พรรษา.....

    แต่ พระสมเด็จวัดระฆัง ดันมีพระบรมรูป ร.๕ ตอนพระชนมพรรษาราวๆ 40 พรรษา
    แต่ ถ้าจะตะแบงเถียงว่า สมเด็จโต หยั่ง รู้อนาคต ว่า หลังจากที่ตัวท่านมรณภาพไปแล้ว อีก 20 ปีให้หลัง ร.๕ จะต้องมีพระพักตร์อย่างไร เลยสร้างพระ ทิ้งไว้ ก็ขอเชิญเชื่อหัวทิ่มต่อไป.....

    แต่อย่าลืมความ เป็นไปไม่ได้ อีกข้อ ว่า เทคนิคการสร้างพระยุค 140 ปีก่อน ยัง ไม่ทันสมัย ที่จะทำให้มี หน้าตาบุคคล ในพระเนื้อผงได้ ดังนั้น พระบรมรูป ร.๕ หลังพระสมเด็จ ที่ คมชัด หูตากะพริบ พระหนวดกระดิกได้ จึง ไม่ใช่ การสร้างใน ยุคสมเด็จโต แน่.....

    ก็ เลยมีท่านผู้ชมทางบ้าน ถามถึง พระสมเด็จวัดระฆัง รุ่นที่พบตอน รื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์วัดพระแก้ว ว่า มีหรือไม่มี เพราะ เกร่อ พอๆกับรุ่น หลัง ร.๕.....
    สีกาอ่าง ไม่อยากทำตัวเป็น จอมค้าน แต่ก็ไม่อยากให้แฟนเพลงทางบ้าน เล่นพระผิดทาง จึงขอยืนยันว่า พระสมเด็จวัดระฆัง รุ่น พบตอนรื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์วัดพระแก้ว ก้อ ไม่มี.....

    เพราะ วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สร้างในสมัย ร.๑ ราวๆ พ.ศ.2325 ซึ่งตอนนั้น สมเด็จโต ยังเป็น เณรน้อย ตจว.อายุ 6-7 ขวบอยู่เรยย์ เพิ่งเข้าเมืองหลวงสมัย ปลาย ร.๑ และมามีชื่อเสียงโด่งดังในสมัย ร.๒-ร.๓.....

    และกว่าจะเริ่มสร้าง พระสมเด็จวัดระฆัง ก็เป็น ยุคปลาย ของท่านแล้ว ในสมัย ร.๕.....
    ดู แร้ว โนเวย์ ที่ พระสมเด็จวัดระฆัง ซึ่ง ถือกำเนิดในสมัย ร.๕ จึงจะ ย้อนเวลา ไปซุกอยู่ในหลังคาโบสถ์วัด พระแก้วในสมัย ร.๑ ได้ เพราะตอนบูรณะวัดพระแก้ว ครั้งแรกในสมัย ร.๓ ตอนนั้น สมเด็จโต ก็ยังไม่สร้างพระสมเด็จฯ จึงย่อมเอาไปใส่ขื่อวัดไว้ไม่ได้ พอบูรณะหนสองในสมัย ร.๕ (ปี 2425) สมเด็จโต ก็มรณภาพไปแล้ว 10 ปี.....

    อีก ทั้งเป็นวัดของพระมหากษัตริย์ ใครจะเที่ยวเอาโน่นเอานี่ไปซุกไว้ คงไม่ได้ และหากจะซ่อน พระสมเด็จวัดระฆัง กันจริงๆ ก็คงไม่มีใครอุตริปีนเอาไปไว้บนขื่อโบสถ์สูงลิบ เพราะในยุคโน้น นิยมบรรจุพระไว้ใน พระเจดีย์.....

    อีกทั้ง สมัยที่ สมเด็จโต สร้าง พระสมเด็จวัดระฆัง ก็สร้างทีละเล็กละน้อยสร้างไปแจกไป ไม่เคยปรากฏว่า มีการ บรรจุ พระสมเด็จวัดระฆัง ไว้ในกรุไหนเจดีย์ไหน เพราะ ของไม่เหลือให้บรรจุ จึงจะไปเจอเป็นเข่งในขื่อวัดได้งัย ไม่เข้าท่า.....และที่ชัดเจนแจ่มแจ้งคือ เซียนสายสมเด็จทุกคน พิสูจน์แล้ว พระที่อ้างว่าพบบนหลังคาโบสถ์วัดพระแก้วตอน สมเด็จพระเทพฯ ทรงคุมการบูรณะครั้งใหญ่ เมื่อปี 2520-2525 นั้น ผิดทั้งพิมพ์ เพี้ยนทั้งเนื้อ และไม่มีอายุความเก่า จบข่าว.....

    จบเรื่องพระ สมเด็จรุ่นแปลกๆที่ เฟอะฟะหน้าแหก พอๆกับเรื่อง จักษุธาตุพระพุทธเจ้า ของ พระครูพันธกิจประจักษ์ วัดสัมพันธวงศ์ฯ
    ที่มา คอลัมม์สีกาอ่าง สนามพระวิภาวดี หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
     
  20. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    พระสมเด็จพิมพ์นิยม ฐานจุด หลวงปู่หินวัดระฆัง
    [​IMG]
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...