ไข่มุก บรรณาการแห่งท้องทะเล

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 18 ธันวาคม 2005.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>

    </TD><TD vAlign=top align=right>
    [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]

    ไข่มุกสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ และอัญมณีประจำเดือนมิถุนายน

    ในอดีตมุกเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากใครมีไว้ในครอบครองเชื่อว่าจะทำให้มีความสุขความเจริญ ค้ารุ่งเรือง ทั้งยังมีสรรพคุณทางยาช่วยชะลอความแก่

    ไข่มุกเกิดจากเยื่อที่หอยมุกสร้างขึ้นเพื่อขจัดความรำคาญอันเกิดจากกรวดหรือทรายที่เข้าไปในปากขณะกินอาหาร ธรรมชาติของไข่มุกมีความงามอยู่ในตัวของมันเองไม่ต้องขัดหรือเจียระไนเหมือนอัญมณีอื่น

    ไข่มุกมี 3 ชนิดคือ ไข่มุกแท้ ไข่มุกเลี้ยง และไข่มุกปลอม

    ไข่มุกปลอมแม้มีสีสันสวยงามแวววาวเหมือนของจริง แต่อยู่ไม่คงทนเก็บไว้นานๆ สีจะมัว หรือแตก

    มุกธรรมชาติหายากมาแต่ไหนแต่ไร แต่มนุษย์เรียนรู้ที่จะเลียนแบบธรรมชาติและเลี้ยงมุกเอง โดยนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในตัวหอยทำให้เกิดการระคายเคืองและหลั่งน้ำมุกออกมาเคลือบสิ่งแปลกปลอมนั้นๆ แต่ต้องอาศัยความอดทนรอคอยเป็นแรมปีจึงจะได้มุกที่มีมูลค่ามหาศาล ซึ่งมีขั้นตอนซับซ้อนไม่น้อย

    เริ่มตั้งแต่เตรียมที่อยู่ใหม่ แล้วให้นักประดาน้ำงมหอยมุกชนิดสองฝา หรือหอยจานที่มีอยู่ตามทะเลอันดามัน และแถบเกาะภูเก็ต พังงา ระนอง พม่า จนถึงบังกลาเทศ นำมาเลี้ยงในกระชังที่เตรียมไว้ รอให้หอยปรับสภาพกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ในระยะเวลา 2 เดือนก็มาตรวจดู ถ้าตายก็เปลี่ยนตัวใหม่ ตัวที่ต้องการคือตัวที่มีชีวิตอยู่

    จากนั้นนำคีมหรือเครื่องมือพิเศษง้างปากหอย ใช้น้ำยาติดนิวเคลียสลงไปบนเปลือกหอยด้านใน แต่ก่อนติดนิวเคลียสต้องทำความสะอาดไม่ให้มีสิ่งสกปรกติดอยู่ที่เปลือกหอย และน้ำยาที่ใช้ติดนิวเคลียสต้องไม่หลุดหากถูกน้ำทะเล เวลาง้างปากหอยต้องใช้ความระมัดระวังถ้ากว้างมากเกินไปหอยอาจตายได้



    นิวเคลียส คือหินสบู่หรือไฟเบอร์ ทำเป็นเม็ดคล้ายเม็ดลำไยผ่าซีกติดลงไปในเปลือกหอยด้านใน โดยใช้น้ำยาชนิดพิเศษ ฟาร์มเลี้ยงหอยมุกบางแห่งสั่งจากเมืองนอก

    นิวเคลียสชนิดซีกราคาประมาณ 4-5 บาท ชนิดกลมแพงขึ้นมาอีกประมาณ 10 กว่าบาทขึ้นไป

    นิวเคลียสที่ติดลงเปลือกหอยจะมีขนาดใหญ่หรือเล็กหรือติดนิวเคลียส 1-2 ชิ้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับขนาดและความแข็งแรงของหอยมุก และความต้องการของผู้เลี้ยงว่าต้องการมุกซีกหรือมุกกลม

    จากนั้นนำหอยมุกที่ติดนิวเคลียสกลับสู่ทะเลและติดตามผลทุกๆ 2 เดือน ต้องตรวจว่าตัวใดตายหรือนิวเคลียสหลุดหรือถ้ามีสิ่งสกปรกเข้าไปต้องใช้สำลีพันปลายไม้เช็ดออก ภายนอกต้องขัดเปลือกหอยให้สะอาดเช่นกัน

    นอกจากต้องรักษาความสะอาดทั้งภายนอกและภายในแล้ว ต้องระมัดระวังศัตรูตัวสำคัญที่สุดคือ เพรียง สัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่บนเปลือกหอยที่คอยเจาะกินเปลือกหอยเป็นรูๆ ปัจจุบันยังไม่มีทางรักษานอกจากต้องหมั่นเฝ้าระวัง

    ผ่านไป 1-2 ปี หอยจะสร้างเยื่อมาหุ้มนิวเคลียสทีละชั้น จนครบกำหนดเวลาก็จะเป็นมุกที่สวยงาม มีมูลค่าเพิ่ม สีของไข่มุกจะมีสีต่างๆ ขึ้นอยู่กับลิบ หรือสีของเปลือกไข่มุกว่าเราติดนิวเคลียสใกล้กับส่วนใดในช่วงแถบสีนั้นๆ สีขาวก็จะได้มุกสีขาว ถ้าวางใกล้ช่วงแถบสีชมพูก็จะได้มุกสีชมพู ซึ่งมีราคาสูงกว่าสีอื่น

    การสกัดไข่มุกออกจากเปลือกหอย เป็นขั้นตอนสำคัญไม่แพ้การง้างปากหอยมุก ถ้าทำไม่ดีไปถูกส่วนที่เป็นมุก ก็จะทำให้เสียราคา การลงทุนที่ทำมาตั้งแต่ต้นก็จะเสียตอนจบ ฉะนั้นต้องใช้ช่างฝีมือที่มีความชำนาญ

    [​IMG]

    การเลี้ยงไข่มุกเม็ด มีวิธีเลี้ยงแบบเดียวกันกับมุกซีกด้านบนที่กล่าวมา แต่ต่างกันที่เพียงเปลี่ยนนิวเคลียสให้เป็นรูปกลมและใส่เม็ดนิวเคลียสไว้ในตัวหอย โดยกรีดเนื้อหอยมุกออกพอจะใส่นิวเคลียสเข้าไป เสร็จแล้วนำหอยใส่กระชังนำไปเลี้ยงในทะเลเหมือนหอยมุกซีก

    เมื่อเป็นไข่มุกแล้วมีราคาเม็ดละ 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของไข่มุก มุกน้ำจืดมีรูปร่างบิดเบี้ยว ไม่กลม สีสันไม่สวยงามเท่ามุกน้ำเค็ม

    ฉะนั้นมุกนำจืดจะถูกกว่ามุกน้ำเค็ม


    [​IMG]


    มุกหนึ่งเม็ดคือหนึ่งชีวิตเมื่อสกัดเอาไข่มุกแล้ว เนื้อยังนำไปลวกรับประทานกับน้ำจิ้ม หรือนำไปทอดก็อร่อย เปลือกหอยนำไปประดับเครื่องเรือน

    ไข่มุกที่ดีต้องมีความแวววาว ไม่ควรเก็บไว้ในที่มืดเป็นเวลานาน ควรให้ไข่มุกสัมผัสอากาศและแสงแดดบ้าง ถ้าต้องการทำความสะอาดเองควรใช้ผ้านุ่มๆ ชุบน้ำสะอาดเช็ดให้แห้งก็พอแล้ว

    การดูว่าไข่มุกแท้หรือเทียมแบบง่ายๆ ทำได้ดยนำมุกมาขัดถูเบาๆ หากรู้สึกสากๆ แสดงว่าเป็นมุกแท้ ถ้าลื่นๆ ให้สันนิฐานว่าเป็นมุกเทียม มุกแท้เมื่อสัมผัสจะเย็นกว่ามุกเทียม

    [​IMG]

    นายทรัพย์สิน ภูผา เจ้าของฟาร์มมุกภูเก็ต ซึ่งมีประสบการณ์เลี้ยงหอยมุกมากว่า 18 ปี กล่าวว่า "หอยมุกเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่คุ้มค่ากับการลงทุน มุกที่ดี ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 อย่างคือ คุณภาพ ตำหนิ และสีของมุก ร้านของผมมีจุดเด่นต่างจากร้านอื่นคือ ขายตามคุณภาพ เหมาะสมกับราคา ถ้ามองในแง่ศาสนาสำหรับคำว่า หนึ่งเม็ดหนึ่งชีวิต ก็น่าสงสารอยู่ แต่บางครั้งความงามก็ต้องแลกมากับชีวิต"

    ภายในร้านของนายทรัพย์สินมีมุกธรรมชาติสีทอง และสีงาช้าง ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งโชว์ โดยเกิดจากหอยโข่งเหลือง จากฝั่งอันดามัน น้ำหนัก 111.5 กะรัต มูลค่า 15 ล้านบาท ส่วนมุกสีงาช้าง น้ำหนัก 93.23 กะรัต มูลค่า 12 ล้านบาท ไม่ไกลจากมุกล้ำค่าจะเห็นซากหอยมือเสือ เป็นหอยในกลุ่มหอยสองฝาขนาดใหญ่ที่สุด

    เนื่องจากหอยมือเสือมีแหล่งอาศัยอยู่ตามแนวปะการังน้ำตื้น ต้องอาศัยแสงสว่างดำรงชีพเพื่อให้สาหร่ายซึ่งอาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อของมันสามารถสังเคราะห์แสงได้ หอยมือเสือจึงถูกจับได้ง่าย ส่วนใหญ่นำมาประดับตู้ปลา และนำเนื้อมาประกอบอาหารเป็นเหตุให้จำนวนลดลงอย่างมาก

    อย่างไรก็ตาม หอยมือเสือ จัดอยู่ในบัญชีสัตว์สงวนและคุ้มครองประเภท 2 ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ขณะเดียวกันศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ สามารถเพาะพันธุ์เพื่ออนุรักษ์หอยมือเสือให้อยู่คู่ทะเลไทยต่อไปได้


    [​IMG]




    ที่มา : matichon.co.th
     

แชร์หน้านี้

Loading...