12 ต้นแบบแห่งผู้นำ ตามยุคสมัยและสถานการณ์ที่ต่างกัน ที่คุณเลือกได้!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อู่หยาจื่อ, 3 มิถุนายน 2012.

  1. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    สวัสดีครับที่รัก หัวข้อในวันนี้ ยากขึ้นไปอีกระดับ
    เพราะนี่จะช่วย "ยกระดับ" ท่านสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
    นั่นเอง ดังนั้น ผมจึงเสนอหัวข้อนี้ ให้แก่ท่านทั้ง
    หลาย เอาละ เพราะมันเป็นหัวข้อที่ยากแก่การ
    เข้าใจมาก สำหรับท่านที่อยู่ในมิติที่ต่ำกว่าภาวะ
    ผู้นำ แต่สำหรับท่านที่อยู่ในมิติแห่งผู้นำแล้ว มัน
    จะไม่ยากเกินไปนัก และเพื่อให้ทุกท่านสามารถ
    เข้าใจได้ทั่วถึงกันทั้งหมด ผมจะขออธิบายอย่าง
    ง่ายที่สุด ก็แล้วกัน ดังต่อไปนี้
     
  2. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    อย่างแรกที่คุณควรเข้าใจเพื่อปูพื้นฐานคุณก่อนคือ ภาวะความเป็นผู้นำ
    และภาวะความเป็นผู้ตาม สองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน มันคืออะไร? มันก็คือ
    "ธรรมชาติภายในอย่างหนึ่ง" ของบุคคล ที่จะส่งผลและมีอิทธิพลต่อผู้
    อื่น ในแบบที่แตกต่างกันไป 2 แบบคือ 1. แบบที่ทำให้คนเคลื่อนไหวตาม
    ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางบวกหรือลบ คือ ไม่ว่าจะเดินตามหรือเดินทางตรงข้าม
    ก็นับว่าเขามีอิทธิพลต่อผู้อื่นแล้ว นี่นับรวมเป็นภาวะผู้นำทั้งหมด และแบบ
    ที่ 2. แบบที่ไม่มีอิทธิพลให้คนเคลื่อนไหวในทางลบหรือบวกได้ แต่ตนเอง
    เป็นผู้มักหวั่นไหวไปทั้งทางบวกหรือลบต่อสิ่งอื่นๆ ได้ง่าย ซึ่งก็คือ ภาวะผู้
    ตาม นั่นเอง ทั้งสองอย่างนี้ ไม่มีอะไรผิดหรือถูก, ดีหรือชั่ว เป็นธรรมชาติ
    อย่างหนึ่งที่บุคคลเลือกได้ มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวมันเอง เมื่อท่านเลื่อน
    ระดับเข้าสู่มิติของผู้นำแล้ว ท่านเหมือนเข้าสู่ "โลกแห่งผู้นำ" ในนี้ซึ่งยัง
    มีเนื้อหาสาระตามมาอีกมากมาย หลังจากคุณแยกแยะผู้นำและผู้ตามได้
     
  3. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    อย่างที่สองคือ "ผู้นำตามธรรมชาติ" ซึ่งมีพลังธรรมชาติที่เรียกว่าผู้นำ
    อยู่ในตัวเองแล้วแม้ว่าไม่มีตำแหน่งก็ตามและ "ผู้นำโดยสมมุติ" ซึ่งเกิด
    จากการแต่งตั้งทางโลก การได้รับตำแหน่งทางโลก ก็ดี ทั้งสองอย่างนี้
    คุณควรเข้าใจให้ดี เพราะบางครั้ง คุณจะพบความขัดแย้ง ในตัวมันเอง
    ได้ เช่น คนที่มีอำนาจโดยตำแหน่งแต่ไม่มีอำนาจตามธรรมชาติ หรือคน
    ที่ไม่มีอำนาจตามตำแหน่งแต่มีอำนาจโดยธรรมชาติ ก็มีได้ เป็นได้ทั้งนั้น
    ดังนั้น ถ้าแบ่งตามแนวคิดนี้ เราจะได้คน 4 แบบ คือ 1. ผู้นำโดยตำแหน่ง
    ที่มีพลังผู้นำตามธรรมชาติ 2. ผู้นำไร้ตำแหน่งที่มีพลังผู้นำตามธรรมชาติ
    3. ผู้นำโดยตำแหน่งที่ไม่มีพลังผู้นำตามธรรมชาติ และ 4. ผู้นำโดยไม่มี
    ตำแหน่งและไม่มีพลังผู้นำตามธรรมชาติ (แต่อยากจะนำหรือพยายามจะ
    ทำ) เอาละ 4 แบบนี้ คงไม่ต้องอธิบายมาก หวังว่าท่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก
     
  4. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    อย่างที่สามคือ "ความสัมพันธ์สามสิ่ง" ได้แก่ 1. ลักษณะผู้นำ
    2. ยุคสมัย และ 3. สถานการณ์ สามอย่างนี้ สัมพันธ์กันอย่าง
    มาก กล่าวคือ ผู้นำเองมีหลายแบบ และแต่ละแบบมียุคสมัยของ
    ตนเอง ต่อให้ดีแค่ไหน ถ้าหมดยุคสมัยของตนแล้ว ก็สิ้นท่า ทำ
    อะไรไม่ได้เลย อันนี้คุณต้องเข้าใจด้วย และสถานการณ์ด้วยนะ
    มันเป็นเรื่องย่อยต่อจากยุคสมัย คุณลองจินตนาการถึงจักรวาล
    เหมือนจักรแบนๆ นะ จะมีสองจักร คือ จักรใหญ่และจักรเล็ก ใน
    จักรใหญ่จะหมุนเวียนวนเคลื่อนไปมี 11 ซี่แต่ละซี่คือ "ยุคสมัย"
    ทั้ง 11 ยุคที่แตกต่างกัน และมีตรงกลางคือ "องค์ประธาน" ผู้นำ
    หนึ่งเดียวที่ดูแลกลจักรนี้ทั้งหมด ล่างลงไปเป็น "จักรเล็ก" มีทั้ง
    หมด 12 ซี่คือ "สถานการณ์" เรียกว่า ผู้นำตามสถานการณ์ ซึ่ง
    จะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้นำตามยุคสมัยอีกที ในจักรใหญ่แต่ละ
    ซี่แทน "สิ่งศักดิสิทธิ์ 1 องค์" และในจักรเล็กหนึ่งซี่จะเป็นตัวแทน
    "เทพนักษัตร 1 องค์" ดังนั้น มันไม่เท่ากันใช่ไหม? (11 ต่อ 12)
    เมื่อจักรเคลื่อนหมุน จึงเกิดการคลาดเคลื่อนของคู่ นั่นคือ ในรอบที่
    หนึ่งของจักรใหญ่ สิ่งศักดิสิทธิ์จะนั่งขี่เทพนักษัตรแบบหนึ่ง แต่ใน
    รอบที่สองของการหมุน (ปีที่ 12-23) จะมีการเลื่อนเปลี่ยนไปนั่ง
    ทรงเทพนักษัตรองค์อื่น จะไม่นั่งประจำคู่กันไปตลอด เพราะจักรมี
    ซี่ไม่เท่ากัน (พอนึกภาพออกนะ) สิ่งนี้เป็นตัวแปร ที่ส่งผลต่อโลก
    ในแต่ละปีที่แตกต่างกันมากมายเลย ส่งผลให้โลกมียุคสมัยและมี
    สถานการณ์ที่แตกต่างกันอีกด้วย ซึ่งส่งผลต่อการขึ้นมามีอำนาจ
    ของผู้นำ นั่นคือ "ยุคสมัยและสถานการณ์นั้นจะเป็นตัวเลือกผู้นำ"
    แม้ผู้นำจะดีเพียงใดแต่ถ้าไม่ใช่ยุคสมัยของเขา หรือสถานการณ์
    ไม่เอื้ออำนวย เขาก็ไม่อาจขึ้นมามีอำนาจได้ แต่ถ้าถึงยุคของเขา
    เมื่อไร หรือสถานการณ์เอื้ออำนวยเมื่อไร เขาก็จะได้ขึ้นมามีอำนาจ
    เมื่อนั้น เอาละ คุณพอเข้าใจเรื่องยุคสมัย, สถานการณ์ และผู้นำแบบ
    ต่างๆ แล้วนะ ในมิตินี้ คุณจะยึดมั่นถือมั่นในตัวผู้นำลักษณะหนึ่งใด
    ว่าถูกต้อง, ดีที่สุด หรือสมบูรณ์แบบที่สุดแล้วไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับยุค
    สมัยและสถานการณ์เท่านั้นที่เป็นตัวกำหนด ไม่อาจยึดมั่นตัวผู้นำได้
     
  5. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    อย่างที่สี่ ผมจะขออธิบายยุคสมัยและผู้นำที่เกี่ยวข้องกันให้ท่านทราบ
    อย่างแรกท่านต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่มี ความถูก-ผิด, ดี-ชั่ว ในระดับ
    ของมิตินี้ มิตินี้เหนือกว่าขึ้นไปกว่าสิ่งเหล่านั้น และเราเห็นอะไรมากกว่า
    การยึดติดในสิ่งเหล่านั้น มากพอที่เราจะจัดสรรสิ่งต่างๆ ได้เหมาะสมที่
    สุดตามยุคสมัยและสถานการณ์ของโลก ซึ่งท่านที่ยังยึดติดในความถูก
    ผิด, ดี-ชั่ว จะไม่มีทางเข้าใจได้ ท่านต้องยกระดับตัวเองให้สูงขึ้นจากสิ่ง
    นั้นให้ได้ก่อน ท่านจึงจะเข้าใจว่าโลกใบนี้ทำไมจึงมีผู้นำที่ดุร้ายและเลว
    ทรามเกิดขึ้นมาได้มากมาย นั่นไม่มีอะไรผิดหรอก มันเป็นเช่นนั้นเองตาม
    ที่มันควรจะเป็นแล้วตามยุคสมัยของมัน บางครั้ง ผู้นำที่ดุร้ายก็ปรากฏใน
    ยุคที่มืดมนเช่น "กลียุค" จะเป็นยุคของผู้หญิงเรืองอำนาจ มีพลังทำลาย
    อสูรคือ สิ่งศักดิสิทธิ์ที่คุณเรียกว่า "พระแม่กาลี" นั่นเอง หรือบางยุคสมัย
    จะมีผู้นำชายที่โหดเหี้ยมปรากฏเช่น ฮิตเล่อร์ เป็นต้น นั่นก็ไม่ผิดแปลกนัก
    เพราะเป็นยุคสมัยของเขา ที่จะต้องมี จะต้องเป็น จะต้องเกิด ก็เท่านั้นเอง
    และเมื่อหมดยุคสมัยของเขาแล้ว เขาก็จะจากไป ไม่อาจอยู่ในอำนาจได้
     
  6. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    ต่อไปเป็น "ผู้นำแบบที่หนึ่ง" ใน "ยุคสว่างไสว" ของโลก ผู้นำท่านนี้
    จะมีพลังไฟแห่งความสร้างสรรค์ เต็มเปี่ยมพร้อมด้วยปัญญา และมุ่ง
    หน้าพัฒนา ขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า เมื่อเกิดในประเทศ
    ใดแล้ว จะนำมาซึ่งสิ่งกุศลและดีงามมากมาย ทำให้ประเทศเจริญมาก
    ทั้งทางโลกและทางธรรม ผู้นำท่านนี้ ใช้ "จักร" ขับเคลื่อนโลกให้เกิด
    การพัฒนาไปข้างหน้าเรื่อยๆ เขาเห็นโลกมนุษย์ของเขา คือ โลกแห่ง
    ความสว่างไสว ผู้คนทำกิจกรรมต่างๆ ในเวลากลางวัน ตกคืน ก็นอน
    ไม่มีการทำงานในเวลากลางคืน สัตว์ที่เขาปกครองเป็นสัตว์ที่หากินใน
    เวลากลางวันทั้งสิ้น 12 กลุ่ม พวกเขานิยมออกกลางแจ้ง สัมผัสชีวิตที่
    ปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ เพื่อปรับตัว พัฒนาตามไปได้
    อย่างไม่ขัดแย้งกับธรรมชาติ ผู้นำท่านนี้เน้นความสอดคล้องกับธรรมชาติ
    อะไรที่ขัดแย้งหรือฝืนธรรมชาติ ท่านไม่นิยมเลย ท่านจะเก่งการเมืองการ
    ปกครอง ไม่เน้นการใช้กฏหมายในการพิพากษา ท่านไม่ชอบพิพากษาใคร
    ท่านให้อิสรภาพแก่ทุกคน ให้สิทธิที่เท่าเทียมกัน เห็นทุกคนเท่าเทียมกัน
    และเป็นหนึ่งเดียว โลกไม่มีการแบ่งแยกกันด้วยเพศ, เชื้อชาติ หรืออะไรๆ
     
  7. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    ต่อไปเป็น "ผู้นำแบบที่สอง" ใน "ยุคมืด" ของโลก ผู้นำท่านนี้
    พยายามทำตามแบบอย่างท่านแรก ซึ่งทำไว้ได้ดีมากและเป็น
    ต้นแบบของโลกที่ดีงามทีเดียว ทว่า ต่างกันตรงที่ยุคสมัยเปลี่ยน
    ไป กลายเป็น "ยุคมืด" เสียแล้ว ไฟแห่งการพัฒนาดับมอดลง
    และเปลี่ยนเป็นการ "ยึดมั่นสิ่งเก่าๆ และมุ่งหน้าอนุรักษ์สิ่งที่มี
    เอาไว้เท่านั้น" เพื่อไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อันจะส่งผลให้
    เกิดการกระทบกระเทือนต่อสิ่งที่มีอยู่เดิม ซึ่งทำเอาไว้ดีแล้วนั่น
    เอง ดังนั้น จึงต้อง "แช่แข็ง" ให้สิ่งต่างๆ อยู่อย่าง "สงบหรือ
    หยุดนิ่ง" ทุกคนใจเย็นอยู่อย่างสงบ ก็จะอยู่ร่วมกันได้ต่อไปได้
    ยุคนี้ เริ่มมืดแล้ว แต่ทุกคนยังไม่แตกแยก ยังอยู่ร่วมกันได้เพราะ
    พลังเย็นที่แช่แข็งพวกเขาเอาไว้ ไม่ให้กระทำการณ์อะไรนั่นเอง
    ในยุคนี้ โลกจะเปลี่ยนไป ผู้คนจะทำงานกลางคืนมาก ตกกลาง
    คืนแล้วยังไม่หลับ โลกจะสว่างไสวด้วยแสงไฟในยามค่ำคืนนั้น
    และจะมี "ยาเสพติด" เกิดขึ้นมากมาย เพราะความมืด-ลุ่มหลง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มิถุนายน 2012
  8. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    ต่อไปเป็น "ผู้นำแบบที่สาม" ใน "ยุคแข่งขัน" ของโลก ผู้นำท่านนี้
    เกิดมาในยุคมืดเช่นกัน ทว่า สถานการณ์แย่ลงไปอีก นั่นคือ โลกจะมี
    การแบ่งแยกพรรคพวกกันขึ้นไม่ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวดังในสองยุค
    แรกนั้น ซึ่งจะแบ่งแยกกัน จนไม่อาจเข้ากันได้อีก ในที่สุด ผู้นำท่านนี้
    จึงต้องหาวิธีให้เกิดการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้ง ด้วยการทำสิ่ง
    ที่เรียกว่า "เอาชนะอีกฝ่าย" จึงเกิดการแข่งขันขึ้น ก็ดี, สงคราม ขึ้น
    ก็ดี ภายใต้กติกา "แพ้-ชนะ" (win-lose) คือ มีฝ่ายหนึ่งแพ้ ก็ต้อง
    ยอมเสียอำนาจไป ฝ่ายชนะจะรวบอำนาจและเริ่มต้นเกมใหม่ ทำให้มี
    เอกภาพขึ้นได้อีกครั้งจากการเอาชนะอีกฝ่ายนั้นๆ ท่านจึงถูกเรียกว่า
    "เทพเจ้าแห่งสงคราม" ทว่า อย่าคิดว่าท่านใช้แต่การสงครามแก้ไข
    ปัญหาเท่านั้น อะไรก็ได้ที่ทำให้เกิดการแพ้และชนะ จบเกมได้ และเริ่ม
    ต้นเกมใหม่โดยฝ่ายชนะได้ ก็นับว่า เป็นการปกครองในแบบของท่าน
    โลกในยุคนี้ ผู้คนจึงต้องแข่งขันกันอย่างยิ่งยวด ต้องพัฒนาตัวเองให้
    เต็มที่ เพราะถ้ากลายเป็น "ฝ่ายแพ้" เมื่อใด อาจไม่มีที่ยืนต่อไปอีกได้
     
  9. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    ต่อไปเป็น "ผู้นำแบบที่สี่" ใน "ยุคแบ่งแยก" ของโลก ผู้นำท่านนี้
    พบสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงไปอีก คือ ภาวะที่ไม่อาจกลับไปรวมกันเป็น
    หนึ่งเดียวได้อีก แมว่าการแข่งขันแบบแพ้-ชนะ จะเคยใช้ได้ผลในยุค
    ก่อนหน้าที่ก็ตาม ทว่า ยุคนี้กลับใช้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะมันไม่มีใครแพ้
    หรือชนะอย่างเด็ดขาดได้เลย ยิ่งแข่งขันรังแต่จะยิ่งทำให้เกิดการสู้รบ
    ที่ยืดเยื้อไปมากขึ้น ท่านจึงหาวิธี "แบ่งแยกเพื่ออยู่อย่างสงบ" ดังนั้น
    จึงมี "การสื่อสารและแลกเปลี่ยน" ขึ้น มีการใช้การฑูต เจรจาหย่าศึก
    จบศึกลงด้วยสัมพันธไมตรี แล้วแยกกันอยู่เสีย โลกจึงถูกแบ่งแยกออก
    เป็น "เขตแดนต่างๆ" คำว่า "ประเทศจึงเกิดขึ้น" เพราะโลกไม่อาจจะ
    รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้อีกแล้ว ทว่า เพราะการเจรจาต่อรอง, และการ
    แลกเปลี่ยน จึงทำให้ไม่ต้องมีการแข่งขันแบบแพ้-ชนะอีก ต่างก็ได้ผล
    ประโยชน์ทั้งคู่ (win-win) ทว่า ยุคนี้ ก็เสื่อมลงจากยุคที่แล้ว (เพราะ
    ถูกแบ่งแยกไม่อาจกลับไปรวมกันได้เป็นโลกหนึ่งเดียวกันได้อีก นั่นเอง)
     
  10. yai12345

    yai12345 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +24
    รออยู่ครับ ใจจดจ่อ วันนี้ว่างครับ
    ขอสมัครเป็นแฟนคลับ ครับ
     
  11. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    ต่อไปเป็น "ผู้นำแบบที่ห้า" ใน "ยุคชนชั้น" ของโลก ผู้นำท่านนี้
    เกิดในยุคที่แย่ลงไปอีก เพราะนอกจากจะมีการแบ่งแยกแล้วยังมี
    ความไม่เท่าเทียมกันเกิดขึ้นอีก ทำให้มี "สูง-ต่ำ" เกิดขึ้นในสังคม
    มีผู้ใหญ่-ผู้น้อย, มีครู-ลูกศิษย์ เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เดิมโลกถูกปกครอง
    โดยแนวคิด "เท่าเทียมกันมาก่อน" เพราะอะไร? เพราะแม้แต่การ
    เจรจาต่อรองและแลกเปลี่ยน นั้นๆ ก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้อีก จึงต้อง
    แยกกันอยู่อย่างมีลำดับชั้น มีชนชั้น แต่ละชนชั้นต้องรู้บทบาทของ
    ตนเองว่าทำอะไรได้และไม่ได้บ้าง โลกยุคนี้ เป็นโลกยุคฤษีเป็นโลก
    ยุคที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมลงมาเกิด เพื่อขับเคลื่อนโลกให้กลับไป
    ดีดังเดิม ซึ่งในครั้งนั้นพระพุทธเจ้าทรงขับเคลื่อนขึ้นไปได้ในยุคที่ 2
    คือ "ยุคมืดหรือยุคเย็น" นั่นเอง เอาละ แม้ว่าโลกยุคนี้จะมีชนชั้นแต่
    พวกเขาก็สร้างจารีตต่างๆ มากมายขึ้นมาเพื่อล้อมกรอบมนุษย์ให้มี
    ความสงบ อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ดังนั้น พวกเขาจึงอยู่ได้ด้วยจารีต
    ประเพณี, วัฒนธรรม ต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาให้แต่ละชนชั้นยอมรับตาม
     
  12. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    ต่อไปเป็น "ผู้นำแบบที่หก" ใน "ยุคอาภัพ" ของโลก ผู้นำท่านนี้
    เกิดในยุคที่เสื่อมลงไปอีก แม้ว่าจะยังมีบุญ ยังอยู่รอดได้ ทว่า ไม่
    ดีดังก่อน เพราะเมื่อก่อนคนไม่ต้องเลือกว่าจะเอาดีในครัวเรือนหรือ
    จะเอาดีนอกบ้าน ทว่า พอมาถึงยุคนี้ต้องเลือกแล้ว ว่าจะเอาดีนอก
    บ้านหรือในบ้าน? ถ้าเอาดีนอกบ้าน เป็นผู้นำสังคมได้ แต่ต้องยอม
    สละความสุขส่วนตัว ต้องเป็น "สาธารณชน" เต็มตัว แม้มีอำนาจ
    ได้แต่ก็ไม่มีความสุข และความเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังดูแลโลกที่มีทั้ง
    การแบ่งแยกและชนชั้นต่อไปได้ เขาต้องสละต้องเลือกซึ่งถ้าเลือก
    "ครอบครัว" เขาก็จะมีความสุขอยู่ในครอบรัวของเขา แต่เขาจะไม่
    มีอำนาจทางโลกเลย ไม่ใช่สาธารณะชนอีกต่อไป และก็ไม่อาจที่จะ
    ปกครองสังคมได้ เหมือนศิลปินหรือดารา ที่หากต้องการเป็นที่ยอม
    รับของสังคม ก็ต้องยอมสละความเป็นส่วนตัวไปให้ได้ แต่ถ้าไม่ยอม
    สละ เลือกความสุขและครอบครัว ก็จะไม่อาจเป็นที่ยอมรับของสังคม
     
  13. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    ต่อไปเป็น "ผู้นำแบบที่เจ็ด" ใน "ยุคยากเข็ญ" ของโลก ผู้นำท่านนี้
    เกิดในยุคที่แย่ลงไปอีก เพราะแม้ว่ายังมีบุญเหลืออยู่ แต่ว่าทำอะไรก็
    แทบจะไม่ขึ้นอีกแล้ว ต้องยอมอยู่อย่างสมถะไป มีเท่าไร พอใจเท่านั้น
    ยังไม่พอ ไม่จบ ปัญหาจากการแบ่งแยก, ชนชั้น และการต้องเลือกนั้น
    ยิ่งหนักลงไปใหญ่ จนต้อง "ฝืนธรรมชาติ" บ้างในหลายๆ ครั้ง และมี
    ความลำบากยากเข็ญเป็นที่สุด เพราะเป็นยุคสุดท้ายของการเสวยบุญ
    แล้ว จึงแทบไม่เหลืออะไรอีก ผู้คนทั้งหลายต้องลำบากยากเข็ญ กว่าที่
    จะได้อะไรมาหรือแก้ไขอะไรได้ แต่เขาก็ปกครองผู้คนได้ด้วยการยอมที่
    จะฝืนธรรมชาตินั่นแหละ และต้องฝืนธรรมชาติ ไม่เช่นนั้น ก็ไม่อาจที่จะ
    แก้ไขปัญหาของประชาชนได้จึงเรียกได้ว่าเป็น "ยุคยากเข็ญ" โดยแท้
     
  14. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    ต่อไปเป็น "ผู้นำแบบที่แปด" ใน "ยุคลุ่มหลง" ของโลก ผู้นำท่านนี้
    เกิดในยุคที่แย่ลงไปอีก อย่างไร? เพาะผู้นำมีความลุ่มหลงมาก นั่น
    เอง แต่เขาก็ปรับตัวอยู่ได้ในยุคสมัยนี้ แถมยังมีพลังอำนาจมากอีก
    ด้วย เพราะอะไร? เพราะเป็นยุคของเขานั่นเอง ในยุคนี้ ผู้คนไม่มีบุญ
    เหลือจะเสวย ต้องรอรับแต่บาปเคราะห์แล้ว จึงได้ผู้นำที่ลุ่มหลงในสิ่ง
    ต่างๆ ทั้งลาภ, ยศ, สรรเสริญ และสุรา-กาเมฯ โลกจะเต็มไปด้วยคน
    ที่ลุ่มหลงและชอบโกงกิน คนสุจริตทำอะไรไม่ขึ้น คนทุจริตทำอะไรก็
    ได้ดีไปหมด คนดีเริ่มจากหนีหายไป คนเลวร้ายกลับมาอยู่เต็มไปหมด
    โลกจึงกลับตาลปัตร ยิ่งเลวยิ่งได้อำนาจ ยิ่งดียิ่งตกต่ำซ้ำรันทด เพราะ
    "กรรมของปวงสัตว์" นั่นเอง นับเป็นช่วงของการเสวยกรรมมนุษย์โลก
    ยุคแรก หลังจาก 7 ยุคที่ผ่านมานั้น ล้วนเป็นการเสวยบุญมาก่อนทั้งสิ้น
     
  15. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    ต่อไปเป็น "ผู้นำแบบที่เก้า" ใน "ยุคพิพากษา" ของโลก ผู้นำท่านนี้
    จะเกิดในยุคที่ตกต่ำย่ำแย่ลงไปอีกกว่า 8 ยุคที่ผ่านมา กล่าวคือ ท่าน
    จะขึ้นมามีอำนาจเร็วเกินไป หรือยังไม่พร้อม หรือยังเป็นเด็กอยู่มากแม้
    จะมีจิตใจที่ดีงาม ใสซื่อบริสุทธิ์ แต่จะถูก "ครอบงำ" ด้วยอำนาจมืดที่
    บงการอยู่เบื้องหลัง ก็ดี ทำให้มีการ "ใช้กฏหมายลงโทษ" หรือมีการ
    พิพากษากันมากมาย (ยุคที่แปด ก่อนหน้านี้ ยังไม่รุนแรงถึงขั้นพิพาก
    ษากัน สามารถผ่อนปรนกันได้ คุยกันได้ ด้วยการยัดเงิน ก็ดี) ซึ่งทำให้
    มีผู้คนได้รับโทษมากมาย ทั้งที่ในแง่การปกครอง ก็สามารถเลือกวิธีที่ดี
    กว่านี้ได้มากมาย ทว่า ก็ไม่เป็นเช่นนั้น อำนาจกฏหมายถูกใช้ไปเพื่อที่
    จะเล่นงานฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบ้าง เพื่อเสริมอำนาจให้แก่พวกของตนบ้าง
    เราจึงเรียกยุคนี้ว่า "ยุคพิพากษา" ซึ่งปรากฏอยู่ในคำสอนส่วนหนึ่งใน
    คริสตศาสนาด้วย ทว่า นี่ไม่ใช่ทั้งหมดนะ เป็นแค่ 1 ในทั้งหมดของยุคที่
    ได้กล่าวถึงมาเท่านั้น ยังมียุคอื่นๆ อีก ที่มีสถานการณ์และผู้นำที่ต่างไป
     
  16. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    ต่อไปเป็น "ผู้นำแบบที่สิบ" ใน "ยุคภัยพิบัติ" ของโลก ผู้นำท่านนี้
    ขึ้นมามีอำนาจในยุคที่แย่ลงไปอีก เพราะมาพร้อม "ภัยพิบัติ" เพราะ
    ปวงสัตว์มีกรรมหนักลงไปอีกขั้น ต้องชำระกรรมด้วยภัยพิบัติ ดังนั้น
    เขาจึงได้รับอำนาจขึ้นมากระทำการณ์ครั้งนี้ เพื่อให้มนุษย์นี้ได้ชำระ
    กรรมให้หมดสิ้นไป ผู้นำท่านนี้ จะไม่ใช่คนที่ใสซื่อแบบเด็ก อีกต่อไป
    แล้ว เขาโตเป็นผู้ใหญ่และรู้อะไรมากเหลือเกิน หรือมากเกินไป ด้วย
    ซ้ำ และพร้อมด้วยเจตนาจะมาลงโทษมนุษย์โดยเฉพาะ เขาจะมีพลัง
    ได้ด้วย "พลังเชิงลบ" ของมนุษย์ทั้งหลาย บางครั้ง เขาจะทำนายว่า
    จะเกิดภัยพิบัติเพื่อให้คนหวาดกลัวและใช้พลังนั้น เพื่อให้เกิดขึ้นจริง
    และอีกหลายวิธี ที่จะทำให้เกิดภัยพิบัติรูปแบบต่างๆ ขึ้นมาได้จริงโดย
    อัศจรรย์ เขาจึงเหมือน "เทพเจ้า" ที่ยิ่งใหญ่ที่มีวาจาสิทธิ์ ทำนายแล้ว
    เป็นจริงดังนั้น ผู้คนก็ยิ่งเชื่อและให้อำนาจเขายิ่งขึ้นไปอีก เป็นวัฏจักร
    ซึ่งก็ตรงกับเวลาของโลกคือ "ปีนี้" นั่นเอง เอาละ มันเป็นกิจของเขาที่
    เราไม่อาจก้าวก่ายมากไปกว่านี้ได้ ดังนั้น จะไม่ขออธิบายมากไปกว่านี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มิถุนายน 2012
  17. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    [​IMG]


    ยังมีผู้นำอีก 2 แบบ แต่ว่ามันเป็นอนาคตที่ของท่าน ที่ท่านจะได้พบ
    เจอ เราจะไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้ เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อการทำ
    กิจของพวกเขาด้วย ขอกล่าวว่า ใน 12 ท่านนี้ จะมี 11 ท่านที่เป็น
    ตัวแทนจาก "สหพันธ์ดวงดาว" ดังนั้น เขาจึงมีปัญหานิดหน่อยคือ
    เขามัก "ยึดติดโลกเก่าของตัวเอง" เมื่อใดที่เขามีอำนาจ ในโลกนี้
    มากเกินไปหรือนานเกินไป เขาก็จะสร้าง "โลกของเขาเอง" ขึ้นมา
    ซ้อนทับโลกใบนี้ ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น ดังนั้น จึงต้องมีอีก 1
    ท่าน ขึ้นมาเป็น "ประธานของสหพันธ์ดวงดาว" ซึ่งท่านนี้เป็นผู้นำที่
    แตกต่างจากทุกท่าน สามารถเข้าออกโลกทั้ง 11 ใบของทุกท่านได้
    เข้าใจถึงโลกทั้ง 11 แบบ แต่ไม่ยึดติดในโลกใดโลกหนึ่งทั้ง 11 นั้น
    เลย เขาจึงสามารถนั่งหัวโต๊ะในฐานะ "ประธาน" และดูแลไม่ให้ผู้นำ
    ทั้ง 11 สร้างโลกของตนเองขึ้นซ้อนทับโลกใบนี้ได้ นั้นเอง เอาละ ใน
    ที่นี้ เราจะไม่กล่าวถึงมากไปกว่านี้อีก เมื่อใดที่ท่านเลื่อนระดับขึ้นมาได้
    ท่านก็จะทราบเอง สำหรับหัวข้อผู้นำตามยุคสมัยของโลกทั้ง 12 แบบ
    ผมขอเสนอยกตัวอย่างเพียง 10 แบบ ก็แล้วกัน สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มิถุนายน 2012
  18. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    3 มิ.ย 2555


    "เสียงจากสภาฯ"
    รับสื่อสารโดย


    瑠璃王
     
  19. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829

    พลังที่ส่งผลแบบนี้
    ไม่พบใน "ราม" แต่
    จะพบในมัจจุราชมาร
    หรือดาวมฤตยูมากกว่าครับ
     
  20. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    พญายมไม่ได้มีหน้าที่ลงโทษมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่นะครับ
    เขามีหน้าที่ลงโทษเมื่อ "สัตว์ตายลงนรก" แล้วเท่านั้น
    นั่นคือ ขอบเขตของอำนาจของเขา คือ เฉพาะนรก
    แต่ยังมีท่านหนึ่งที่ปลอมตัวเป็นมัจจุราช และชอบ
    ลงโทษคนอื่นโดยไม่สนใจกฏของสามภพ


    พอรู้จักไหมละ ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...