มีใครทราบมั้ยคะ ว่าศาลของพระนางมณีรัตนา พระสนมเอกในสมเด็จพระนเรศวร อยู่ที่ไหน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย annanice, 31 ตุลาคม 2006.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,890
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    พระรูปนี้ พระอาจารย์มหาฤทธิชัย กัลยาโณเป็นผู้สร้างขึ้น ดิฉันได้ขอให้พระอาจารย์ท่านเติมพระนามใต้รูป จากเดิมเขียนว่า องค์มณีจันทร์ ให้เป็น พระนางมณีจันทร์ แทน คิดว่าพระนางเป็นพระอัครมเหสีจึงเขียนพระนามว่า พระนางมณีจันทร์ค่ะ
     
  2. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    อย่าเชื่ออะไรโดยที่ยังไม่พิจารณา จงเชื่อเมื่อได้รับการพิสูจน์
     
  3. porntips

    porntips เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,410
    ไม่เคยมีความรู้เรื่องพระชายา พระโอรส พระธิดาของพระนเรศวรเลยสักนิดนอกจากวีรกรรมกับพระมหากรูณาธิคุณของพระองต์ รบกวนผู้รู้บอกหน่อย ขอบคูณล่วงหน้าค่ะ
     
  4. pkdragon

    pkdragon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +35
    กุหลาบเมาะลำเลิง

    พระองค์หญิงมณีจันทร์ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    ถ้าย้อนกลับไปยุคนั้นได้...ทำไม..ใคร ๆ ก็รุมเกลียดมณีจันทร์ เพราะว่ายังไงดีนะ ก้อ..พระองค์หญิงผู้นี้เป็นใคร มาจากไหน... เป็นมอญแท้ ๆ เป็นคนนอกแผ่นดินที่มาครองหัวใจพระองค์ท่าน..มหาบุรุษชาตินักรบ..สมเด็จนเรศวรมหาราช.. แล้วอย่างนี้จะไม่ให้อิสตรีในแผ่นดินนี้รุมเกลียดได้ยังไงกัน แต่ในชาตินี้มีแต่คนอยากชื่อมณีจันทร์...เฮ้ยคนหนอคน<O:p></O:p>
    .พระองค์หญิงมณีจันทร์ผู้นี้...ในพระชนม์ชีพของพระองค์ท่านมีแต่ความทุกข์ยากลำบากแสนเข็ญ พระชตาชีวิตมิได้มีความแตกต่างกับองค์สมเด็จนเรศวรและพระพี่นางพระสุพรรณกัลยาเลย จะแตกต่างกันตรงความเป็นอิสระเท่านั้น แต่ก็สูญเสียแผ่นดินเช่นกัน<O:p></O:p>
    มณีจันทร์...เป็นพระธิดาองค์โตของกษัตริย์เจ้ามอญ มีน้องร่วมพระมารดาเดียวกันสองพระองค์ คือน้องหญิงอายุประมาณ 12 ขวบ น้องชายอายุประมาณ 9 ขวบ แต่น้องทั้งสองของพระองค์ท่านก็สิ้นชีวิตเพราะสงครามที่พม่ารุกรานแย่งชิงเมือง ส่วนพระมารดานั้นท่านเป็นเหมือนคนสองสัญชาติหรือลูกครึ่งมอญกับฮอลันดาหรืออาจจะโปรตุเกต เพราะท่านมีผิวพรรณวรรณะเหมือนลูกครึ่งฝรั่ง ผิวขาวอมชมพูสวยมาก แต่ก็สิ้นพระชนม์ตั้งแต่อายุประมาณสี่สิบกว่าเท่านั้นพร้อมพระธิดาและพระโอรสเพราะการเกิดสงครามนั้น พระองค์หญิงมณีจันทร์จึงเป็นธิดาที่ติดตามพระบิดาไปอยู่ยังเมาะลำเลิง ซึ่งการติดตามไปนั้นพระองค์ท่านอายุไล่เรียงกับสมเด็จนเรศวร คือประมาณ 14-15 ปีเท่านั้น<O:p></O:p>
    พระองค์หญิงมณีจันทร์นั้น แท้จริงแล้วใครจะรู้ว่า พระองค์ท่านเป็นอิสตรีที่ถูกฝึกสอนอาวุธจากพระราชบิดาคือกษัตริย์เจ้ามอญ พร้อมด้วยคณาจารย์ทางด้านการรบ รวมถึงสมเด็จพระมหาเถรคันฉ่องสังฆราชของเจ้ามอญที่บังคับพระองค์ท่านฝึกเรียนทางด้านกรรมฐาน โดยเฉพาะวิชาอิทธิฤทธิ์ทั้งหลาย<O:p></O:p>
    พระองค์หญิงถูกฝึกการรบทุกชนิด ไม่ว่าจะโหดร้ายแค่ไหนพระองค์ท่านก็ต้องทำ เมื่อกษัตริย์เจ้ามอญและนักรบมอญทั้งหลายออกรบนั้น พระองค์หญิงต้องปลอมตัวเป็นบุรุษชาติอาชาไนย ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกษัตริย์เจ้ามอญพร้อมด้วยแม่ทัพนายกองมอญและเหล่าทหารของแผ่นดินมอญ ความชาญฉลาดของพระนางนั้นหาใครเปรียบได้ยากยิ่ง ทรงกำหนดพิธีการรบให้และแผนที่เดินทัพให้กองทัพมอญ รวมถึงวิธีการรบที่เรียกว่า สงครามกองโจร หน่วยจู่โจมม้าเร็วนั้นก็มาจากแผนการรบที่ทรงวางไว้ให้กับมอญเช่นกัน<O:p></O:p>
    องค์สมเด็จนเรศวรฯ นั้นพระองค์ท่านทรงผิดสังเกตุตลอดเวลาที่เจอกองทัพมอญ เจ้าทหารมอญ(มณีจันทร์)ผู้นี้ทำไมถึงตัวเล็กนิดเดียว แถมร่วมรบทีไรก็ใช้เขม่าควันไฟทาหน้าจนดำปี๊ดปี๋ บางครั้งก็เอาผ้าโพกหัวพันหน้าจนเห็นแต่ดวงตา บางครั้งใบหน้านั้นก็สวยหวาน แต่บางครั้งก็ดูผิดแผกจากทหารทั่ว ๆ ไป แถมเมื่อศึกประชิดตัวทีไรทหารฝ่ายมอญก็ช่วยห้อมล้อมกันท่าพาหนีรอดทุกครั้ง ผิดสังเกตุจนพระองค์ท่านตั้งพระทัยไว้ว่าสักวันหนึ่งถ้าโอกาสมาถึง จะต้องจับตัวทหารมอญผู้นี้ให้ได้ จะได้คาดคั้นเอาความจริงว่า เป็นบุคคลสำคัญเช่นไรในกองทัพมอญ จึงได้รับการอารักขาเป็นพิเศษจากทหารฝ่ายมอญ<O:p></O:p>
    ความสงสัยบังเกิดขึ้นในใจขององค์สมเด็จนเรศวรฯ ตลอดเวลามา แต่โอกาสยังมาไม่ถึง จนวันหนึ่งเมื่อเหตุจะเกิด..พระองค์ท่านพาทหารออกลาดตระเวณ ในขณะเดียวกันทหารมอญพร้อมด้วยพระองค์หญิงมณีจันทร์ที่ปลอมเป็นนักรบชายก็ออกลาดตระเวณเช่นกัน องค์สมเด็จนเรศวรนั้นทรงรู้ว่าโอกาสอันดีของพระองค์ท่านมาถึงแล้ว จึงให้กองลาดตระเวณของพระองค์ท่านช่วยโอบล้อมเหล่าทหารมอญพร้อมพระองค์หญิง และกล่าวคำท้าไปยังทหารมอญผู้นั้นผู้เดียวเพื่อประดาบประลองฝีมือกัน<O:p></O:p>
    ส่วนพระองค์หญิงมณีจันทร์นั้นไม่อยากรับคำท้า เพราะพระองค์ตรองดูแล้วมีแต่จะเสียเปรียบ ถ้าชนะก็รอดตัวไป ถ้าแพ้ถูกจับได้ความลับ ใหญ่หลวงของพระองค์ท่านก็จะต้องถูกเปิดเผย แต่ไม่รับก็ไม่ได้เพราะถูกโอบล้อมไว้หมดแล้ว การชิงชัยกันเป็นไปด้วยความดุเดือด ไม่มีใครยอมรามือให้ใคร เพียงเพราะฝ่ายหนึ่งต้องการเปิดเผยความลับแต่อีกฝ่ายต้องการปกปิดความลับไว้ แต่ในที่สุดพระองค์หญิงก็ต้องพ่ายแพ้แก่องค์สมเด็จนเรศวรท่านด้วยกำลังของชายชาตินักรบ พระองค์หญิงถูกจับและถูกคาดคั้นเอาความจริง<O:p></O:p>
    มิมีวาจาใด ๆ หลุดออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์หญิงท่าน สมเด็จนเรศวรทรงกริ้วยิ่งนักที่ไม่สามารถบังคับทหารมอญผู้นี้ได้ จึงได้ออกคำสั่งให้ทหารถอดผ้าคลุมศรีษะที่พันใบหน้านั้นออก สิ่งที่ปรากฏต่อสายพระเนตรของพระองค์ท่าน คืออิสตรีที่ปลอมแปลงพระองค์เป็นบุรุษชาติอาชาไนย ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารมอญทั้งหลายเพื่อกอบกู้แผ่นดินมอญ พระองค์ท่านทรงได้แต่ตะลึง เปล่งพระวาจาได้เพียงว่า "ทำไมถึงกล้าหาญชาญชัยเยี่ยงนี้" ความรักความพึงพอใจจึงเกิดขึ้นในพระทัยของพระองค์ท่าน คงเพราะทรงเกิดมาเพื่อกันและกัน ชตาชีวิตของทั้งสองพระองค์มิได้แตกต่างกันเลย ความทุกข์ยากในน้ำพระทัยทั้งหลายมีท่วมท้นเสมอเหมือนกัน ทรงถูกยึดครองแผ่นดินเหมือนกัน ทรงตกระกำลำบากระหกระเหินระเหเร่ร่อนเหมือนนกไร้รังไม่แตกต่างกันเลย ผู้หนึ่งสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินและต้องตกไปเป็นเชลยศักดิ์ อิสตรีผู้หนึ่งสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินจนไร้ที่อยู่เหมือนหงส์ไร้รัง ความทุกข์ยากในน้ำพระทัยไม่แตกต่างกันเลย ชีวิตจะมีความหมายอะไรเมื่อบัลลังก์ถูกกดขี่ยึดครอง ข้าคนอาณาประชาราษฏร์ต่างได้ร้อนนอนทุกข์จากการรุกรานของพม่า ความสัมพันธ์ของอโยธยาและมอญจึงเริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้น<O:p></O:p>
    "กุหลาบเมาะลำเลิง"<O:p></O:p>
    องค์สมเด็จนเรศวรนั้น ทรงขอเข้าเฝ้ากษัตริย์เจ้ามอญเป็นการส่วนพระองค์ ทรงทูลขอพระธิดา พระองค์หญิงมณีจันทร์จากกษัตริย์เจ้ามอญ พระองค์ท่านไม่พึงประสงค์จะยกให้ แต่เมื่อตรองดูแล้วการยกพระธิดาให้แด่องค์สมเด็จนเรศวรนั้น ดีกว่าให้พระธิดาต้องตกไปเป็นสนมของกษัตริย์องค์อื่นเป็นไหน ๆ พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยยกพระธิดาให้แด่องค์สมเด็จนเรศวรท่าน ความรักความสัมพันธ์ของสองแผ่นดินจึงปรากฏขึ้นนับแต่เวลานั้น<O:p></O:p>
    พระองค์หญิงมณีจันทร์จึงถูกส่งไปอยู่กับพระพี่นางเพื่อฝึกหัดเรียนรู้ธรรมเนียมประเพณีของสยามประเทศ ซึ่งที่พระองค์ได้ไปอยู่นั้นถูกเรียกว่า "พระตำหนักนอก" เป็นตำหนักเรือนไทยอยุธยาที่ปลูกเรียงกันเป็นแถว เป็นตำหนักที่ปลูกไว้สำหรับเจ้านางทางฝ่ายอยุธยาที่ถูกขอตัวไป ที่พระตำหนักนอกนี้เป็นเรือนไทยใต้ถุนสูงประมาณ 1 เมตร 20 เซนต์ หน้าเรือนไทยมีระเบียงกว้าง ตัวระเบียงมีทางเดินรอบ ตัวเรือนทาสีเหลืองทองทั้งหลังเหมือนสีแป้งผงขมิ้นของพม่าที่เรียกว่า ตะนาคา เหตุที่เรียกว่า พระตำหนักนอกนั้น ทั้งนี้เพราะถูกปลูกอยู่นอกวังหลวง เป็นที่จัดไว้ให้สำหรับเจ้านางฝ่ายอยุธยา ที่พระตำหนักนี้พระองค์หญิงมณีจันทร์ทรงแต่งพระวรกายเป็นสตรี แต่ไม่ทรงพระยศและเครื่องยศของเจ้าหญิงมอญ ทั้งนี้เพราะทางพม่าไม่มีใครล่วงรู้ความลับนี้ เมื่อพระองค์ท่านแต่งกายเป็นหญิง เป็นอิสตรีเต็มตัวนั้น ทรงงามมาก ผิวพรรณขาวอมชมพู พระพักตร์สวยมาก รูปร่างสมส่วน องค์สมเด็จนเรศวรจึงทรงเรียกขานพระองค์หญิงว่าทรงเป็น "กุหลาบเมาะลำเลิง" นั่นจึงเป็นที่มาของพระนามนี้ เพราะทรงเป็นพระองค์หญิงที่พลัดถิ่นไปอาศัยอยู่ยังเมาะลำเลิง
     
  5. pkdragon

    pkdragon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +35
    พระนางอยู่ที่นี่แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้วล่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PC050206.JPG
      PC050206.JPG
      ขนาดไฟล์:
      198.4 KB
      เปิดดู:
      178
    • PC050202.JPG
      PC050202.JPG
      ขนาดไฟล์:
      173.8 KB
      เปิดดู:
      79
  6. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    เข้ามาในweb พลังจิต นี่แล้ว แปลกใจจังรู้สึกว่า ท่านผู้มีบุญญาบารมี ทั้งมหาเทพ ทั้งพระโพธิสัตว์ ทั้งพระอริยะ มีกันมากมายล้นหลามดีจริงๆ ชักทำตัวไม่ถูกแล้วครับ กลัวบาบกรรมจังเลยครับ กลัวไปทำให้ขุ่นเคือง ท่านทั้งหลายจังเลย
     
  7. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    เอ่อ แล้วพระองค์ท่านเจ้าแม่จามมะเทวี นี่มาเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในขณะนี้หรือเปล่าครับ อยากเจอท่านมากครับ แล้วท่านพระร่วงเจ้าด้วยเช่นกัน สงสัยต้องมาเกิดเป็นมนุษย์อยู่ตอนนี้แล้วแน่ๆเลย ท่านผู้มีบุญบารมีท่านใดที่ทราบช่วยบอกกล่าวด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  8. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    สามารถขอขมากรรม โดยผ่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สามารถทำได้

    เช่น อ้างผ่านพระมารดาของโลก (พระแม่ธรณี) ทำไมต้องอ้าง

    เพราะ หากผู้อ้างไม่มีพลังเพียงพอ ก็ต้องอาศัยกำลังใจตนเอง

    ส่งผ่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์แทน

    แม้นว่า องค์ใดจะเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ก็สามารถกระทำการขอขมากรรมได้เช่นกัน

    ไม่จำเป็นต้องให้กายเนื้อมาต่อหน้า มนุษย์มีกายทิพย์อยู่ กายทิพย์จะรับทราบเอง

    เมื่อผ่านหรืออ้างส่งผ่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไปถึงกายทิพย์ที่กล่าว

    หมายเหตุ บุคคลนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีศีลด้วย ดังนั้นเมื่อมีความตั้งใจ

    ในการขอขมากรรม ควรรักษาศีลอย่างน้อย 7 วัน

    ศีล คือ การไม่เบียดเบียน ...ทุกสิ่ง ไม่เบียดเบียนอะไร ก่ ไปนั่งนึกเอา

    ไม่จำเป็นต้องเข้าวัด ทำอยู่ที่บ้าน หรือ ปฏิบัติตนตามปกติ แต่ต้องไม่เบียดเบียน

    ทำง่าย ๆ ไม่ต้องไปยึดพิธีกรรมอะไร ให้มาก เพราะพิธีกรรมเป็นเรื่องปรุงแต่ง

    ของมนุษย์ผู้ต่ำศักดิ์
     
  9. pkdragon

    pkdragon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +35
    พระองค์หญิงมณีจันทร์<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ถ้าย้อนกลับไปยุคนั้นได้...ทำไม..ใคร ๆ ก็รุมเกลียดมณีจันทร์ เพราะว่ายังไงดีนะ ก้อ..พระองค์หญิงผู้นี้เป็นใคร มาจากไหน... เป็นมอญแท้ ๆ เป็นคนนอกแผ่นดินที่มาครองหัวใจพระองค์ท่าน..มหาบุรุษชาตินักรบ..สมเด็จนเรศวรมหาราช.. แล้วอย่างนี้จะไม่ให้อิสตรีในแผ่นดินนี้รุมเกลียดได้ยังไงกัน แต่ในชาตินี้มีแต่คนอยากชื่อมณีจันทร์...เฮ้ยคนหนอคน<o:p></o:p>
    .พระองค์หญิงมณีจันทร์ผู้นี้...ในพระชนม์ชีพของพระองค์ท่านมีแต่ความทุกข์ยากลำบากแสนเข็ญ พระชตาชีวิตมิได้มีความแตกต่างกับองค์สมเด็จนเรศวรและพระพี่นางพระสุพรรณกัลยาเลย จะแตกต่างกันตรงความเป็นอิสระเท่านั้น แต่ก็สูญเสียแผ่นดินเช่นกัน<o:p></o:p>
    มณีจันทร์...เป็นพระธิดาองค์โตของกษัตริย์เจ้ามอญ มีน้องร่วมพระมารดาเดียวกันสองพระองค์ คือน้องหญิงอายุประมาณ 12 ขวบ น้องชายอายุประมาณ 9 ขวบ แต่น้องทั้งสองของพระองค์ท่านก็สิ้นชีวิตเพราะสงครามที่พม่ารุกรานแย่งชิงเมือง ส่วนพระมารดานั้นท่านเป็นเหมือนคนสองสัญชาติหรือลูกครึ่งมอญกับฮอลันดาหรืออาจจะโปรตุเกต เพราะท่านมีผิวพรรณวรรณะเหมือนลูกครึ่งฝรั่ง ผิวขาวอมชมพูสวยมาก แต่ก็สิ้นพระชนม์ตั้งแต่อายุประมาณสี่สิบกว่าเท่านั้นพร้อมพระธิดาและพระโอรสเพราะการเกิดสงครามนั้น พระองค์หญิงมณีจันทร์จึงเป็นธิดาที่ติดตามพระบิดาไปอยู่ยังเมาะลำเลิง ซึ่งการติดตามไปนั้นพระองค์ท่านอายุไล่เรียงกับสมเด็จนเรศวร คือประมาณ 14-15 ปีเท่านั้น<o:p></o:p>
    พระองค์หญิงมณีจันทร์นั้น แท้จริงแล้วใครจะรู้ว่า พระองค์ท่านเป็นอิสตรีที่ถูกฝึกสอนอาวุธจากพระราชบิดาคือกษัตริย์เจ้ามอญ พร้อมด้วยคณาจารย์ทางด้านการรบ รวมถึงสมเด็จพระมหาเถรคันฉ่องสังฆราชของเจ้ามอญที่บังคับพระองค์ท่านฝึกเรียนทางด้านกรรมฐาน โดยเฉพาะวิชาอิทธิฤทธิ์ทั้งหลาย<o:p></o:p>
    พระองค์หญิงถูกฝึกการรบทุกชนิด ไม่ว่าจะโหดร้ายแค่ไหนพระองค์ท่านก็ต้องทำ เมื่อกษัตริย์เจ้ามอญและนักรบมอญทั้งหลายออกรบนั้น พระองค์หญิงต้องปลอมตัวเป็นบุรุษชาติอาชาไนย ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกษัตริย์เจ้ามอญพร้อมด้วยแม่ทัพนายกองมอญและเหล่าทหารของแผ่นดินมอญ ความชาญฉลาดของพระนางนั้นหาใครเปรียบได้ยากยิ่ง ทรงกำหนดพิธีการรบให้และแผนที่เดินทัพให้กองทัพมอญ รวมถึงวิธีการรบที่เรียกว่า สงครามกองโจร หน่วยจู่โจมม้าเร็วนั้นก็มาจากแผนการรบที่ทรงวางไว้ให้กับมอญเช่นกัน<o:p></o:p>
    องค์สมเด็จนเรศวรฯ นั้นพระองค์ท่านทรงผิดสังเกตุตลอดเวลาที่เจอกองทัพมอญ เจ้าทหารมอญ(มณีจันทร์)ผู้นี้ทำไมถึงตัวเล็กนิดเดียว แถมร่วมรบทีไรก็ใช้เขม่าควันไฟทาหน้าจนดำปี๊ดปี๋ บางครั้งก็เอาผ้าโพกหัวพันหน้าจนเห็นแต่ดวงตา บางครั้งใบหน้านั้นก็สวยหวาน แต่บางครั้งก็ดูผิดแผกจากทหารทั่ว ๆ ไป แถมเมื่อศึกประชิดตัวทีไรทหารฝ่ายมอญก็ช่วยห้อมล้อมกันท่าพาหนีรอดทุกครั้ง ผิดสังเกตุจนพระองค์ท่านตั้งพระทัยไว้ว่าสักวันหนึ่งถ้าโอกาสมาถึง จะต้องจับตัวทหารมอญผู้นี้ให้ได้ จะได้คาดคั้นเอาความจริงว่า เป็นบุคคลสำคัญเช่นไรในกองทัพมอญ จึงได้รับการอารักขาเป็นพิเศษจากทหารฝ่ายมอญ<o:p></o:p>
    ความสงสัยบังเกิดขึ้นในใจขององค์สมเด็จนเรศวรฯ ตลอดเวลามา แต่โอกาสยังมาไม่ถึง จนวันหนึ่งเมื่อเหตุจะเกิด..พระองค์ท่านพาทหารออกลาดตระเวณ ในขณะเดียวกันทหารมอญพร้อมด้วยพระองค์หญิงมณีจันทร์ที่ปลอมเป็นนักรบชายก็ออกลาดตระเวณเช่นกัน องค์สมเด็จนเรศวรนั้นทรงรู้ว่าโอกาสอันดีของพระองค์ท่านมาถึงแล้ว จึงให้กองลาดตระเวณของพระองค์ท่านช่วยโอบล้อมเหล่าทหารมอญพร้อมพระองค์หญิง และกล่าวคำท้าไปยังทหารมอญผู้นั้นผู้เดียวเพื่อประดาบประลองฝีมือกัน<o:p></o:p>
    ส่วนพระองค์หญิงมณีจันทร์นั้นไม่อยากรับคำท้า เพราะพระองค์ตรองดูแล้วมีแต่จะเสียเปรียบ ถ้าชนะก็รอดตัวไป ถ้าแพ้ถูกจับได้ความลับ ใหญ่หลวงของพระองค์ท่านก็จะต้องถูกเปิดเผย แต่ไม่รับก็ไม่ได้เพราะถูกโอบล้อมไว้หมดแล้ว การชิงชัยกันเป็นไปด้วยความดุเดือด ไม่มีใครยอมรามือให้ใคร เพียงเพราะฝ่ายหนึ่งต้องการเปิดเผยความลับแต่อีกฝ่ายต้องการปกปิดความลับไว้ แต่ในที่สุดพระองค์หญิงก็ต้องพ่ายแพ้แก่องค์สมเด็จนเรศวรท่านด้วยกำลังของชายชาตินักรบ พระองค์หญิงถูกจับและถูกคาดคั้นเอาความจริง<o:p></o:p>
    มิมีวาจาใด ๆ หลุดออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์หญิงท่าน สมเด็จนเรศวรทรงกริ้วยิ่งนักที่ไม่สามารถบังคับทหารมอญผู้นี้ได้ จึงได้ออกคำสั่งให้ทหารถอดผ้าคลุมศรีษะที่พันใบหน้านั้นออก สิ่งที่ปรากฏต่อสายพระเนตรของพระองค์ท่าน คืออิสตรีที่ปลอมแปลงพระองค์เป็นบุรุษชาติอาชาไนย ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารมอญทั้งหลายเพื่อกอบกู้แผ่นดินมอญ พระองค์ท่านทรงได้แต่ตะลึง เปล่งพระวาจาได้เพียงว่า "ทำไมถึงกล้าหาญชาญชัยเยี่ยงนี้" ความรักความพึงพอใจจึงเกิดขึ้นในพระทัยของพระองค์ท่าน คงเพราะทรงเกิดมาเพื่อกันและกัน ชตาชีวิตของทั้งสองพระองค์มิได้แตกต่างกันเลย ความทุกข์ยากในน้ำพระทัยทั้งหลายมีท่วมท้นเสมอเหมือนกัน ทรงถูกยึดครองแผ่นดินเหมือนกัน ทรงตกระกำลำบากระหกระเหินระเหเร่ร่อนเหมือนนกไร้รังไม่แตกต่างกันเลย ผู้หนึ่งสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินและต้องตกไปเป็นเชลยศักดิ์ อิสตรีผู้หนึ่งสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินจนไร้ที่อยู่เหมือนหงส์ไร้รัง ความทุกข์ยากในน้ำพระทัยไม่แตกต่างกันเลย ชีวิตจะมีความหมายอะไรเมื่อบัลลังก์ถูกกดขี่ยึดครอง ข้าคนอาณาประชาราษฏร์ต่างได้ร้อนนอนทุกข์จากการรุกรานของพม่า ความสัมพันธ์ของอโยธยาและมอญจึงเริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้น<o:p></o:p>
    "กุหลาบเมาะลำเลิง"<o:p></o:p>
    องค์สมเด็จนเรศวรนั้น ทรงขอเข้าเฝ้ากษัตริย์เจ้ามอญเป็นการส่วนพระองค์ ทรงทูลขอพระธิดา พระองค์หญิงมณีจันทร์จากกษัตริย์เจ้ามอญ พระองค์ท่านไม่พึงประสงค์จะยกให้ แต่เมื่อตรองดูแล้วการยกพระธิดาให้แด่องค์สมเด็จนเรศวรนั้น ดีกว่าให้พระธิดาต้องตกไปเป็นสนมของกษัตริย์องค์อื่นเป็นไหน ๆ พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยยกพระธิดาให้แด่องค์สมเด็จนเรศวรท่าน ความรักความสัมพันธ์ของสองแผ่นดินจึงปรากฏขึ้นนับแต่เวลานั้น<o:p></o:p>
    พระองค์หญิงมณีจันทร์จึงถูกส่งไปอยู่กับพระพี่นางเพื่อฝึกหัดเรียนรู้ธรรมเนียมประเพณีของสยามประเทศ ซึ่งที่พระองค์ได้ไปอยู่นั้นถูกเรียกว่า "พระตำหนักนอก" เป็นตำหนักเรือนไทยอยุธยาที่ปลูกเรียงกันเป็นแถว เป็นตำหนักที่ปลูกไว้สำหรับเจ้านางทางฝ่ายอยุธยาที่ถูกขอตัวไป ที่พระตำหนักนอกนี้เป็นเรือนไทยใต้ถุนสูงประมาณ 1 เมตร 20 เซนต์ หน้าเรือนไทยมีระเบียงกว้าง ตัวระเบียงมีทางเดินรอบ ตัวเรือนทาสีเหลืองทองทั้งหลังเหมือนสีแป้งผงขมิ้นของพม่าที่เรียกว่า ตะนาคา เหตุที่เรียกว่า พระตำหนักนอกนั้น ทั้งนี้เพราะถูกปลูกอยู่นอกวังหลวง เป็นที่จัดไว้ให้สำหรับเจ้านางฝ่ายอยุธยา ที่พระตำหนักนี้พระองค์หญิงมณีจันทร์ทรงแต่งพระวรกายเป็นสตรี แต่ไม่ทรงพระยศและเครื่องยศของเจ้าหญิงมอญ ทั้งนี้เพราะทางพม่าไม่มีใครล่วงรู้ความลับนี้ เมื่อพระองค์ท่านแต่งกายเป็นหญิง เป็นอิสตรีเต็มตัวนั้น ทรงงามมาก ผิวพรรณขาวอมชมพู พระพักตร์สวยมาก รูปร่างสมส่วน องค์สมเด็จนเรศวรจึงทรงเรียกขานพระองค์หญิงว่าทรงเป็น "กุหลาบเมาะลำเลิง" นั่นจึงเป็นที่มาของพระนามนี้ เพราะทรงเป็นพระองค์หญิงที่พลัดถิ่นไปอาศัยอยู่ยังเมาะลำเลิง
     
  10. pkdragon

    pkdragon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +35
    หทัยนเรศว์คือ สถานที่ที่ฝากดวงจิตไว้เพื่อคุ้มครองแผ่นดิน เรื่องราวเกิดขึ้นที่ เส้นทางพิษณุโลกไปศรีสัชนาลัย ช่วยเร่งบูรณะ
     
  11. pkdragon

    pkdragon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +35
    ในคราที่ระลึกได้น้ำตาไหลอาบแก้ม <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ท่านพี่ ,พี่นเรศ, ทูลกระหม่อมเหนือหัว , น้องนี้บาปกรรมนัก ให้พี่ที่รักหนักหนาได้ ห่วง จากสายใยรัก ได้ทุกทรมาณเพราะความรัก ได้สาปแช่งผู้ที่ไม่ประสงค์ดีกับเรา เป็นบ่วงผูกพันไม่ได้ บรรลุโพธิสัตว์ <o:p></o:p>
    คำสัญญาก่อนสิ้นใจในก้อมกอดนั้นผูกพันเรานัก จะห่วงหากันทุกภพทุกชาติ ทำให้ทูลกระหม่อมท่านทุกทรมาณ เราจะรอท่านที่พิษณุโลก ... เราจะรอท่านที่พิษณุโลก .. บ้านของเรา หทัยนเรศวร <o:p></o:p>
    กรรมใดที่น้องทำให้พี่ได้ทุกข์ เป็นห่วงด้วยผูกพัน รอคอย ด้วยสัญญา อาฆาต แลสาปแช่ง คนเหล่านั้นเพื่อน้อง น้องขออโหสิกรรม กรรมที่เราได้ทำร้ายด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งที่ ตั้งใจและไม่ตั้งใจ น้องมณีจันทร์ ขออโหสิกรรม และร่วมอนุโมทนาบุญ <o:p></o:p>
    เจ็บปวดนัก ... ลูกรักไม่อาจเกิด พ่อและแม่ขออโหสิกรรม กรรมอันใดที่พ่อและแม่ได้ทำไว้ ทั้งกายวาจาใจ รู้ก็ดีไม่รู้ก็ดี พ่อและแม่ขออโหสิกรรม ขอให้บุญที่เราทั้งสองจะสร้างในชาตินี้ ลูกแม่ได้ร่วมอนุโมทนาบุญ และเกิดยังภพภูมิที่สูงขึ้น <o:p></o:p>
    เหล่า ขุนนางแลนางใน ที่ทำให้เราได้ทุกข์ แลทูลกระหม่อมได้สาปแช่งด้วยจิตอาฆาต เราได้เห็นความทุกข์ทรมาณของท่าน ท่านพี่ได้ดลใหเราเห็นท่านได้ชดใช้กรรมแล้ว เราขออโหสิกรรม ที่เป็นเหตุให้ผูกกันด้วยแรงอาฆาต กรรมอันใดที่ได้ทำร้าย ทั้งกายวาจาใจ รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี เราขออโหสิกรรม และขอให้ท่านร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย <o:p></o:p>
    เหล่าพระยา ทหารกล้าทุกนายและข้าราชบริพาร ทั้งหลาย กรรมใดที่เราเคยล่วงเกินทั้งกาย วาจา ใจ ทั้งที่รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ขอท่านทั้งหลายโปรดอโหสิกรรม และร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย <o:p></o:p>
    ท่านแม่ ถึงแม้นเาเกิดมาบุญน้อยนัก ท่านไม่ได้อยู่ดูแลลูกรัก ลูกเฝ้าเพ้อหาท่าน ชาตินี้ลูกได้กอดท่านแล้ว กรรมใดที่ลูกได้ ล่วงเกินท่าน ทั้งกายวาจาใจ ที่รู้ก็ดีไม่รู้ก็ดี ลูกขออโหสิกรรม และเชิญท่านร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย <o:p></o:p>
    สาธุ.......................<o:p></o:p>
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,890
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระปรางค์วัดวรเชษฐ์กับพระปรางค์วัดไชยวัฒนาราม เหมือนกันทั้งสัดส่วน รูปแบบ รูปร่าง และองค์ประกอบ ราวกับเป็นเจดีย์คู่แฝด

    https://vt.tiktok.com/ZSYYWFNXR/

    Screenshot_20240525_173457_TikTok.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2024

แชร์หน้านี้

Loading...