กรดกัดแก้ว หน้าล่าสุด

การกัดกรดให้แก้วฝ้าเฉพาะบางส่วน และเว้นบางส่วน ในประเทศไทยมักเลี่ยงวิธีนี้ โดยยกไปใช้วิธียิงทรายแทน เพราะง่ายกว่า และต้นทุนถูกกว่ามาก

แต่ไหนๆก็เล่าตรงนี้แล้ว ก็ขอบอกว่า แท้ที่จริงแล้ว ในเมืองนอก เขาทำ ถึงแม้จะแพงกว่า แต่เขาเห็นว่า เป็นงานชั้นสูงที่ประเทศที่มีการพัฒนาแล้วควรรักษาวิธีที่ยากกว่าเอาไว้ด้วย ไม่ใช่แค่สุกเอาเผากิน หรือทำแค่ของง่ายๆ

 

งานพระพุทธรูปยุคใหม่ที่ฝรั่งเศสสร้าง ไม่ว่าจะเป็นของบัคคาฮ่า หรือลาลีค หรือที่ออสเตรียของสวาร๊อฟสกี้สร้าง นับเป็นยุคที่ถือได้ว่า สร้างแบบใช้วิธีถึงที่สุด เช่นนี้จึงถือว่า เป็นการสร้างเพื่อพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

 

โดยวิธีการกัดกรดของลาลีค ผมยกให้เป็นอันดับหนึ่งของโลก (ตามความคิดเห็นส่วนตัว) บัคคาฮ่ารองลงมา แต่ของสวาร๊อฟสกี้ก็ไม่ได้รองบัคคาฮ่า แถมยังมีจุดเด่นอื่นๆมาเสริม

เอาไว้มาอธิบายให้ฟังครับ ถึงตอนนั้นจะได้ยกหัวข้ออีกที

 

2 ภาพนี้น่าจะเห็นได้ชัดที่สุด ถึงฝีมือการกัดกรดแบบละเอียด เว้นช่วงใส ใส่ช่วงฝ้าที่ไม่ตัดกันเกินไป กลมกลืน ฝีมือระดับนี้ ไม่ใช่คนไทยทำไม่ได้ ถ้าท่านบรรจงตั้งแต่ขั้นออกแบบ คนไทยที่มีจิตใจเป็นพุทธ ธรรม สังฆบูชามีมาก และพร้อมที่จะช่วยกันในขั้นตอนนี้ บรรจงทำน้อมถวายไว้ในพระพุทธศาสนา เพียงแต่ท่านต้องฝึกฝนบ้าง

พระแก้วลาลีคฝรั่งเศส

 

ขอนำพระแก้วที่ผมสร้างในปี พ.ศ. 2550 ซึ่งต่อเนื่องมาจากปี 2548 สำเร็จแบบเป่ากลวงด้วยปอด 2549 และสำเร็จในเทคนิคหล่อขี้ผึ้งในปี 2552 (2009) จึงเป็นที่มาของชื่อ glassbuddha2009

ผมไม่บังอาจนำมาเทียบกับอันดับ 1 ของโลก แต่ก็ขอวางภาพใกล้ๆกันนิดนึงนะครับ

 

โรงงานเจี้ยงเหมินของจีนวางจุดโชว์ไว้ ด้านหลังเป็นหน้าต่างกว้าง สูง แสงเข้าได้ดีมาก ภาพล่างนี้ผมวางพระแก้วไว้บนโต๊ะทานข้าวที่บ้านผม ด้านหลังหน้าต่างแสงเข้าดีมากเช่นกัน

และคล้ายกับโรงงานบัคคาฮ่าฝรั่งเศสในส่วนแสดงชิ้นงานบางอย่างก็เหมือนกัน ความตรงกันโดยบังเอิญ

 

ว่างๆมาเล่าต่อครับ

 

ลิ๊งค์นำไปกระทู้ที่ผมเขียนไว้เดิม พระแก้วอันดับกนึ่งของโลก ในหมวดพระพุทธรูปสิ่งก่อสร้าง

https://palungjit.org/threads/พระแก้วอันดับ-1-ของโลก.637628/

 

มีท่านที่ถามผมมาว่า พระแก้ว 25 พุทธศตวรรษในรุ่นเดียวกัน ของสำนักเดียวกัน สีเดียวกัน มีบางองค์เป็นผิวฝ้า บางองค์เป็นผิวเงา และบางองค์ฝ้ามากกว่าบางองค์ ผมตอบท่านไปแล้ว แต่ขอตอบในที่นี้ด้วยเพื่อเป็นวิทยาทาน คือ น้ำยากรดกัดแก้วในหลายๆวัน มีความเข้มไม่เท่ากันบ้าง เนื้อแก้วก็มีคุณภาพไม่เท่ากัน แม้แต่สีเดียวกันบางทีก็เข้มไม่เท่ากัน และเมื่อเจ้าของงานบางทีก็สั่งไม่กัดบางล็อตบางล็อตให้กัด เมื่อพระแก้วไปอยู่ในสถานที่ต่างกัน สิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกันนานหลายสิบปี ก็เป็นไปได้ว่า จะไม่เหมือนกัน แม้แต่กัดกรดในอ่างเดียวกันและแก้วเบ้าเดียวกันก็ตาม

ถ้าท่านมาอยู่ในโรงงานสร้างพระแก้วที่มีคนมากมายร่วมงานกัน ท่านจะรู้ว่า มีอะไรพิเศษๆที่ท่านยังไม่ทราบอีกมาก

 

มาคุยเรื่องกรดกัดแก้ว

 

ไว้หาเวลาว่างๆมาคุยเรื่องกรดกัดแก้วครับ สำหรับทำให้ผิวพระแก้วใสก็ได้ ฝ้าก็ได้

 

ผมขอยืมภาพจาก AI มาให้ชมกัน ผิวแก้วลักษณะนี้คล้ายงานกัดกรดผิวแก้วมากครับ
เปิดดูไฟล์ 6448125