การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 19 มิถุนายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. jirat12182

    jirat12182 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +97
    จ๊ะเอ๋

    (good)ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ที่อุตส่าห์แปลให้เราฟัง เราชอบจัง ม่ายรุว่าเราจะอยู่ในเครือข่ายนี้ด้วยหรือเปล่า พอจะบอกเราได้มั้ยน๊าpig_cryyblack_pig;aa32_heart+love_
     
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    บอกตามตรงนะครับว่า
    เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมไม่มีไอเดียร์อะไรเลย

    เพราะก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าจะเป็นยังไง


    แต่ถ้ากุญแจของการที่จะเข้าพระนิพพานได้
    คือต้องอาศัยกายเนื้อของมนุษย์ในการพิจารณากายคตาสติแล้ว..

    ทำไมพวกเทวดาทั้งหลาย ที่ได้ฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
    จึงบรรลุธรรม เป็นพระอริยะเจ้าขั้นต่างๆกันมากมายได้หละครับ


    รวมถึงทำไมพระอนาคามีพรหม ท่านถึงรอบำเพ็ญบารมีบนพรหมโลกเลย
    ไม่ลงมาเกิดอีกแล้ว และท่านก็จะนิพพานบนนั้นเลยหละครับ

    พวกท่านทั้งหลายเหล่านี้ ก็ไม่มีกายเนื้อนี่นา..


    หรือว่ามีเหตุผลอื่นๆอีก อันนี้ผมก็ไม่รู้นะครับ

    ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2009
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เรื่องนี้ผมก็ว่าจะกล่าวถึงอยู่เหมือนกันครับ

    คือกำลังอยากจะชี้ให้เห็นความสอดคล้องของคำพยากรณ์ของบางศาสนา
    ที่มาตรงกันโดยบังเอิญ (ตามความเข้าใจของมนุษย์โลกหนะนะครับ)

    เช่น

    1). วันพิพากษา ตามหลักของคริสต์ จะตรงกับภัยพิบัติกึ่งพุทธกาลของพุทธ
    และตรงกับวันพิพากษาของอิสลามด้วย แต่ไม่รู้ว่าอิสลามเรียกวันอะไรนะ

    2). หลังจากวันพิพากษา จะเข้าสู่ยุกต์ศิวิไล อันนี้ของคริสต์และพุทธตรงกัน
    แต่ของคริสตืจะเป็นว่าพระเยซูจะลงมาเป็นผู้นำโลกอีกครั้ง (the Second Coming of The Christ)

    ส่วนของพุทธเรา จากบางตำราที่มีเผยแพร่กันอยู่ในเวปนี้ จะเป็นยุกต์ของ "พระยาธรรมิกราช"

    ซึ่งเหตุการณ์ความน่าภิรมย์และน่าอรรศจรรย์ของยุกต์นั้น ก็ดูจะเป็นไปในทำนองเดียวกันนะ ผมว่า

    ....
     
  4. jirat12182

    jirat12182 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +97
  5. Baramee

    Baramee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +1,032
    ถูกของคุณ Chayutt ครับ
    ผมยังไม่ได้พูดไปถึงการเข้านิพพานเลยครับ

    เพียงแต่ผู้รอดดูเหมือนมันจะดีเกินไปจนเป็นมนุษย์กึ่งเทพ
    ที่จะมีชีวิตยืนยาว มีภูมิปัญญาเลิศ มีโทรจิต หายตัวได้ ฯลฯ
    มันเหมือนกับพวกเซียนหรือผู้ปฏิบัติจนสำเร็จแล้ว
    ผมว่ามันจะง่ายเกินไปเท่านั้นเองครับ
    (เพราะเราเป็นนักปฏิบัติอยู่ ย่อมรู้ว่าของจริงกว่าจะได้มันยาก
    เลือดตาแทบกระเด็น ไม่มีอะไรที่จะได้อภิญญามาโดยง่ายๆ เลย)

    แต่ที่คุณได้แปลมาให้อ่านนี้ก็ดีมากนะครับ ขอให้แปลต่อไป
    อ่านสนุกดี และขออนุโมทนาในจิตกุศลของคุณด้วย
     
  6. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155


    ตามเนื้อในกระทู้โลกอยู่ในมิติที่ 3 ความหนาแน่นของสสารสูงมาก พลังงานมีความถี่ต่ำ ดังนั้นต้องสะสมระดับพลังงานให้ถึงจุดหนึ่ง คือให้ระยะเวลาบำเพ็ญกันไป บางคนทำมาหลายภพชาติแล้ว มาภพนี้ต่ออีกนิดเดียวได้ผลเลย
    บางคนเพิ่งเริ่มต้นต้องอดทนกันไป

    ดังนั้น ดีเกินไป ง่ายเกินไป เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ถ้าพิจารณาให้ดีเราคิดเช่นนั้นไง ถึง เป็นแบบที่ผ่านมา

    ขาว ดำ มืด สว่าง มาจากความคิดเปรียบเทียบ แต่ว่ามีต้นเหตุเดียวกัน

    ถ้าอย่างไรลองเปลี่ยนมาคิดว่า มันง่ายดูสิครับ

    คิดอย่างใดได้อย่างนั้น
     
  7. ปารามิตราราชาวดี

    ปารามิตราราชาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +404
    เผลอ..แว่บเข้ามาอ่านกระทู้ของคุณชยุต(เขียนถูกหรือเปล่าเนี่ย) ตอนบ่ายเลยไม่ได้ทำงานเลย...ตอนแรกว่าจะอ่านนิดเดียว...แต่ไม่รู้เป็นงัยต้องอ่านจนจบเลย (แม้อ่านไม่ละเอียดนักเพราะมันเยอะ) แต่อ่านที่ตัวเองสนใจค่ะ...จะบอกว่าฝันเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวหรือจานบิน มาตลอด จนเมื่อไม่นานนี้ก็ยังฝัน...พอมาอ่านเรื่องนี้..ก็เออเหมือนมีอะไรแปลกๆ ที่บอกไม่ถูก....แต่บอกก่อนนะคะว่า ตัวเองนับถือในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสุดหัวใจเลย..
     
  8. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    เห็นด้วยค่ะ
     
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ
    สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)<o></o>
    <o></o>
    โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL (1-5)
    <o></o>
    วิวัฒนาการและการจัดลำดับ (EVOLUTION AND HIERARCHY)<o></o>

    <o>

    </o><o></o><o></o>​

    เราได้บอกพวกท่านไปแล้วว่ามนุษย์จะมีเวลา 1000 ปี สำหรับการวิวัฒนาการไปสู่ลำดับขั้นที่สูงกว่า
    เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ฟังดูแปลกแต่อย่างใดหากพวกท่านจะคิดตามสักเล็กน้อย

    เราได้กล่าวแล้วว่าอาณาจักรพืช คืออาณาจักรที่พวกท่านเคยใช้เวลานานที่สุดอยู่ในนั้น จากนั้นพวกท่านก็ขึ้นมาสู่อาณาจักรสัตว์
    ส่วนความเป็นมนุษย์นั้นพวกท่านเพิ่งจะได้กลายมาเป็นเมื่อประมาณ 50,000 ปีมานี้เอง ไม่นานไปกว่านั้น
    <o></o>
    ตอนนี้มาดูกันซิว่าพวกท่านได้วิวัฒนาการอะไรเพิ่มเติมมาบ้างในช่วงระยะเวลา 50,000 ปีมานี้
    พวกท่านต้องรู้ว่ามันมีสิ่งที่มากระตุ้นกระบวนการของวิวัฒนาการเกี่ยวข้องอยู่ด้วย
    ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้วิวัฒนาการของมนุษย์เป็นไปเร็วขึ้นและเร็วขึ้น

    [​IMG]<o></o>
    (obr390)
    <o></o>
    หากรวมเอาทุกๆความรู้ที่พวกท่านมีอยู่ในทุกๆส่วนของโลกในทุกวันนี้เข้าด้วยกัน
    ในอนาคตข้างหน้า วิวัฒนาการของมนุษย์จะไม่ใช่แค่เร็วขึ้นเป็นสองเท่าของความรู้ที่มีอยู่นี้เท่านั้น
    แต่มันจะเร็วขึ้นเป็นอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
    <o></o>
    ดังนั้น ช่วงระยะเวลา 1000 ปีต่อจากนี้ไป อัตราเร็วของวิวัฒนาการของมนุษย์จะก้าวไปไกลกว่าช่วงระยะเวลา 50,000 ปีที่ผ่านมา
    แต่ต้องเข้าใจไว้อย่างหนึ่งว่ากาลเวลาของโลกกับกาลเวลาของอวกาศนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย
    แต่พวกเราก็จำเป็นที่จะต้องถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดเพื่อที่จะสื่อสารให้พวกท่านสามารถเข้าใจได้
    <o></o>
    หลังจาก 1000 ปีนี้ผ่านไปแล้ว วิวัฒนาการของมนุษย์จะเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก
    เพราะเกิดการเร่งอัตราเร็วของวิวัฒนาการอยู่ตลอดเวลา

    เราสามารถบอกได้ว่าวิวัฒนาการจะสามารถเกิดขึ้นได้ชั่วโมงต่อชั่วโมง นาทีต่อนาที หรือแม้แต่วินาทีต่อวินาทีเลยทีเดียว
    นั่นคือการเร่งของวิวัฒนาการ และมันจะไม่มีวันหยุดยั้ง แต่ก็ต้องเข้าใจอีกนั่นแหละว่าหน่วยของกาลเวลาที่กล่าวถึงนี้
    เป็นเพียงการเทียบเคียงเพื่อให้ชาวโลกเข้าใจเท่านั้นเอง
    <o></o>
    เราเคยใช้วลีที่ว่า “วิวัฒนาการผ่าเหล่า” พวกท่านจะต้องไม่หลงเข้าใจว่า เราหมายถึงการผ่าเหล่าจะเกิดขึ้นทุกๆชั่วโมงหรือทุกๆวินาที
    มันเป็นแค่การอุปมาให้เข้าใจเท่านั้นเอง
    แต่สิ่งที่จะกำลังเกิดขึ้นจริง มันคือการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของมนุษย์ชาติ เพื่อเปิดทางให้มนุษย์
    ได้ขึ้นไปสู่ขั้นของการจัดลำดับที่สูงขึ้น
    <o></o>
    การก้าวกระโดดจากสัตว์ไปสู่มนุษย์ มันจะเกิดขึ้นได้ยากมากๆ แต่การก้าวกระโดดเพื่อขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นของมนุษย์ครั้งนี้
    มันไม่ได้ยากเย็นแบบนั้น
    <o></o>
    หลังจากการวิวัฒนาการแบบก้าวกระโดดครั้งนี้แล้ว การก้าวกระโดดครั้งต่อๆไปจะเป็นก้าวที่เล็กลงเรื่อยๆ แต่จะถี่ขึ้นเรื่อยๆ
    และมันจะไม่มีที่สิ้นสุด
    <o></o>
    พืชพันธุ์ทั้งหลายก็มีระดับขั้นของการจัดลำดับของมันเอง สัตว์ก็มีของตนเอง มนุษย์ก็มีของมนุษย์เอง
    การก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการของมนุษย์ครั้งนี้จะรุนแรงและเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของความเข้าใจ
    และอุปนิสัย รวมถึงวิถีชีวิตทั้งหมดของมนุษย์โลก มันเป็นการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณอย่างสมบูรณ์แบบ
    <o></o>
    และเราได้บอกกับพวกท่านแล้วว่า พวกท่านจะมีเวลา 1000 ปีสำหรับการวิวัฒนาการขึ้นไปสู่ระดับขั้นของการจัดลำดับที่สูงขึ้น
    ไปเป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ ซึ่ง ณ.ระดับนั้น พวกท่านก็จะพบกับชีวิตที่ควรค่าแก่การดำรงชีวิตอยู่อย่างแท้จริง
    และที่ๆมีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น
    <o></o>
    ที่ระดับนั้น วิวัฒนาการจะเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก มันเหมือนกับปฏิกิริยาลูกโซ่ ที่ยิ่งวิวัฒนาการสูงขึ้นไปมากเท่าใด
    อัตราการเร่งของวิวัฒนาการก็จะยิ่งสูงมากขึ้นด้วยเท่านั้น

    (ยังมีต่อครับ)<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr390.jpg
      obr390.jpg
      ขนาดไฟล์:
      131.4 KB
      เปิดดู:
      1,868
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ
    สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)<o></o>
    <o></o>
    โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL (1-5)
    <o></o>
    วิวัฒนาการและการจัดลำดับ (EVOLUTION AND HIERARCHY) (ต่อ)

    <o></o>
    ถึงตรงนี้ลองมาพิจารณาดูอายุของจักรวาลดูกัน พวกท่านจะได้เข้าใจว่าหลายพันและหลายพันปีที่ผ่านมาแล้ว
    ได้เคยมีการก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการของมนุษย์โลกไปอยู่ในระดับขั้นต่างๆ ที่พวกท่านกำลังจะไปถึง
    ในอีก 1000 ปีข้างหน้าโน่นมาก่อนแล้ว ฉะนั้นลองจินตนาการดูว่าตอนนี้พวกเขาจะวิวัฒนาการกันไปไกลถึงไหนแล้ว
    เพราะการเร่งของกระบวนการทางวิวัฒนาการเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
    <o></o>
    เราได้บอกพวกท่านไปแล้วว่า ชีวิตมีการขยายตัวด้วยความเร็วสุดหยั่ง และจักรวาลเองก็มีการขยายตัวด้วยความเร็วสุดหยั่งเช่นกัน
    ดังนั้นชีวิตด้านจิตวิญญาณจึงมีการขยายตัวด้วยความเร็วสุดหยั่งนี้ด้วย
    <o></o>
    ตอนนี้ เราสามารถแย้มให้พวกท่านเห็นสิ่งที่ถูกปกปิดอยู่ได้อีกเล็กน้อยว่า เราได้กล่าวกับท่านแล้วว่า เราคือผู้นำของกาแล็กซี่นี้
    และเราก็ได้กล่าวกับพวกท่านแล้วว่า พวกเราบรรดาเจ้าแห่งกาแล็กซี่ทั้งหลาย (Lords of Galaxies)
    มีกาแล็กซี่อยู่เป็นของพวกเราเอง ถึงตอนนี้พวกท่านคงพอที่จะเห็นภาพลางๆของขนาดของจักรวาลแล้ว
    <o></o>

    เมื่อพวกเราได้ไปถึงสภาวะนั้นแล้ว มันจะไม่มีความแตกต่างกันทางระดับขั้นของการจัดลำดับ ไม่ว่าผู้หนึ่งจะเป็นเจ้าแห่งกาแล็กซี่
    ซึ่งยังไม่มีระดับวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณสูงมากนัก กับอีกผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่สร้างจักรวาล และเป็นผู้ที่มีระดับวิวัฒนาการ
    ทางจิตวิญญาณสูงมากๆแล้วก็ตาม
    <o></o>
    แต่พวกเรากลับปฏิบัติตรงข้ามกับที่มนุษย์โลกปฏิบัติต่อกัน เพราะต้องเข้าใจว่า เมื่อผู้ใดก็ตามที่ขึ้นมาเป็นเจ้าแห่งกาแล็กซี่แล้ว
    กาแล็กซี่แรกที่จะถูกมอบหมายให้ดูแล จะเป็นกาแล็กซี่ที่มีระดับวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณสุงมากๆ
    ดังนั้นผู้นั้นจึงสามารถเรียนรู้อะไรบางอย่างจากที่นั่นด้วยตัวเอง
    <o></o>
    ผู้ใดยิ่งวิวัฒนาการจิตวิญญาณของตนเองไปได้สูงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีภารกิจที่ยากมากขึ้นเท่านั้นด้วยเท่านั้น
    <o></o>
    และเราต้องยอมรับว่างานที่เราได้ทำเพื่อดาวเคราะห์โลกก็เป็นเช่นนี้ด้วย เพราะนี่คือสิ่งที่มันเป็นอยู่ตามกฎของการจัดลำดับขั้น
    (The Law of Hierarchy) คือ

    “ผู้เข้มแข็งกว่า จะช่วยเหลือผู้อ่อนแอกว่าเสมอ” และ

    ”เมื่อใดที่ผู้อ่อนแอที่สุดของกาแล็กซี่ต้องการความช่วยเหลือ เจ้าแห่งกาแล็กซี่จะเป็นผู้ลงมาช่วยด้วยตัวเอง”

    เพราะเหตุนี้ เราจึงต้องมาด้วยตัวเอง
    <o></o>
    แต่ว่า มันยังมีรูปธรรมชีวิตอื่นๆอีกที่มีภารกิจคล้ายๆกันนี้ พวกเราอยู่ในระดับของการจัดลำดับที่สูงมากๆ
    ซึ่งการติดต่อทางจิตวิญญาณระหว่างรูปธรรมเช่นนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะสามารถเข้าใจได้
    แต่พวกเราก็ไม่ได้ทะนงตน อย่างที่เรากล่าวกับพวกท่านแล้ว
    <o></o>
    พวกเราได้มาหาพวกท่าน มาติดต่อกับพวกท่าน ในระดับที่พวกท่านจะสามารถเข้าใจได้
    และพวกเราก็จะทำงานกับพวกท่านในระดับที่พวกท่านเป็นอยู่

    [​IMG]<o></o>
    (obr400)
    <o></o>
    แต่หากเราบอกกับพวกท่านว่า ในจิตสำนึกของพวกเราแล้ว กาแล็กซี่ก็คือ พื้นที่ที่มีขนาดเล็กมากๆ
    และมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากสวนหลังบ้านในความรู้สึกของพวกท่านเลย
    ถ้าบอกแบบนี้พวกท่านอาจจะเริ่มเข้าใจได้ และเริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์แล้ว
    <o></o>
    แต่ตอนนี้พวกท่านจะต้องลุกขึ้นมาแล้วเบิ่งตาดูสิ่งต่างๆอีกมากมายที่พวกท่านยังไม่เคยเห็นมาก่อน
    เราได้กล่าวกับพวกท่านแล้วว่า หากพวกท่านเข้าไปในอวกาศ พวกท่านจะเข้าใจอะไรๆหลายๆอย่างได้มากขึ้น
    และพวกท่านก็จะเข้าใจธรรมชาติและวิถีของเรามากขึ้นด้วย
    <o></o>
    เมื่อใดที่พวกท่านได้ไปถึงระดับที่กลายเป็นรูปธรรมชีวิตที่มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว
    ท่านจะสามารถติดต่อได้ทั้งกับเบื้องบนและเบื้องล่างของท่าน เมื่อนั้นพวกเราก็จะไปด้วยกัน
    และเมื่อนั้นความแตกต่างระหว่างระดับของการจัดลำดับก็จะไม่มีความสำคัญมากอีกต่อไปแล้ว
    เพราะว่าความเข้าใจของพวกท่านจะลึกล้ำ มากเพียงพอที่จะทำให้พวกท่านมีภาพที่คมชัดมากพอที่จะรู้ได้ว่า
    ในลำดับขั้นที่สูงๆกว่าขึ้นไปน่าจะเป็นอย่างไร และเพราะเหตุนี้ มันก็จะทำให้วิวัฒนาการเป็นไปได้อย่างรวดเร็วอย่างสุดประมาณ
    และมีการเร่งอย่างมหาศาล จนสามารถเข้าถึงระดับจิตสำนึกที่สูงขึ้นได้เร็วขึ้นและเร็วขึ้น
    <o></o>
    ความจริงแล้ว มันไม่น่าที่จะเป็นเรื่องที่ยากเย็นอะไรเลยสำหรับนักวิทยาศาสตร์ของโลกมนุษย์ ที่จะสามารถค้นพบสิ่งนี้ได้
    แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาได้เพิกเฉยต่อเรื่องของจิตวิญญาณไปเสียสิ้น แล้วพุ่งประเด็นการศึกษาเกี่ยวกับจักรวาล
    ไปในด้านของวัตถุธาตุแต่เพียงด้านเดียว มาโดยตลอด
    <o></o>
    เราขอกล่าวอีกครั้งหนึ่งว่า

    “พวกเขาได้ลืมสิ่งหนึ่งไป นั่นคือ จานบิน ถ้าพวกเขานำเรื่องนี้มาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน พวกเขาก็จะพบความจริง”
    <o></o>
    เรายังแอบคาดหวังเล็กๆน้อยๆอยู่ว่า พวกท่านจะยังคงจดจำจิตวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าได้อยู่
    พวกท่านจะยังคงยึดมั่นในพระองค์อยู่ นั่นคือยึดมั่นในแนวความคิดเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้า อย่างที่พระองค์ทรงเป็นจริงๆ

    เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว พวกท่านก็จะเข้าใจ และเมื่อนั้นพวกท่านก็จะเข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆตัวของพวกท่าน
    ซึ่งมันจะเป็นความเข้าใจที่แตกต่างจากเมื่อตอนที่พวกท่านได้ตัดประเด็นของพระผู้สร้างนี้ออกไปอย่างสิ้นเชิง
    <o></o>
    แต่พวกนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย ก็ได้ตัดประเด็นเกี่ยวกับพระผู้สร้างนี้ออกไปอย่างหมดจดเสียแล้ว
    <o></o>
    ลองคิดดูเถิดว่า ก็ในเมื่ออะไรก็ตามแต่ที่พวกมนุษย์ได้สร้างขึ้นมาแล้ว ล้วนเป็นผลงานที่มีอันตรายและน่ากลัวทั้งสิ้น
    เพราะว่าจิตสำนึกของมนุษย์โลกยังอยู่ในระดับนี้อยู่ แล้วถ้าสมมุติว่ามนุษย์สามารถสร้างอะไรต่ออะไรได้มากมาย
    และเก่งกาจมากขึ้นกว่านี้อีกหละ อะไรจะเกิดขึ้น
    <o></o>
    และลองคิดดูอีกว่า พลังงานและแรงทั้งหลายคือสิ่งที่มีความยิ่งใหญ่มากๆ จนแม้แต่ใครก็ตามที่แค่นั่งอยู่ในห้อง
    แล้วเกิดอารมณ์บูดขึ้นมา ก็สามารถใช้พลังงานที่ว่านี้ทำลายโลกทั้งใบ ให้หายไปได้ในพริบตาเลยทีเดียว
    <o></o>
    พวกท่านจะทำอย่างไร มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่เช่นนั้น ต้องตกอยู่ในมือของมนุษย์
    และก็ลองจินตนาการต่อไปว่า ถ้าหากอยู่ๆมนุษย์ก็สามารถทำให้กาแล็กซี่ทั้งกาแล็กซี่หมุนกลับทิศทางขึ้นมาได้จริงๆหละ
    ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพลังอำนาจแบบที่ว่านี้ ก็มีอยู่จริงๆซะด้วยสิ เหตุการณ์เช่นนี้จะปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด
    <o></o>
    เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้ ต้องเป็นผู้ที่มีความสมบูรณ์แบบด้านจิตวิญญาณอย่างที่สุด
    การกระทำผิดพลาดใดๆจะต้องไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนที่สุด<o></o>

    ……………………………<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr400.jpg
      obr400.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.8 KB
      เปิดดู:
      999
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    มันก็แปลกนิดหนึ่งเหมือนกันนะครับ
    ที่บังเอิญมีหลายบท หลายตอน ที่ผมอ่านผ่านๆแล้ว
    รู้สึกไม่ค่อยน่าตื่นเต้นมากเท่าไหร่ ผมก็จะแปลค้างทิ้งไว้แบบครึ่งๆกลางๆ
    แล้วเอาบทที่น่าสนใจกว่ามาแปลและโพสต์ก่อน

    แต่ก็บังเอิญว่าพอดี มีผู้อ่านสงสัยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้พอดีๆ
    ผมก็เลยต้องมานั่งแปลต่อ ไอ้ที่ค้างไว้นั่นแหละ แล้วเอามาโพสต์จนได้

    และก็บางครั้ง แปลๆไป พิมพ์ๆไป แรกๆก็ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ ผิดบ้างถูกบ้าง
    แต่พอนั่งอ่านทวนต้นฉบับภาษาอังกฤษซ้ำไป ซ้ำมา และถามคำถามในใจตลอดว่า
    ผู้สื่อสารนี้ต้องการจะบอกอะไร มันหมายถึงอะไรกันแน่

    สักพัก ก็จะรู้สึกว่ามีศัพท์บางคำที่ต้องสะดุดเข้า ซึ่งหลายๆครั้ง เป็นศัพท์
    ที่ผมรู้จักคุ้นเคยกับความหมายของมันอยู่แล้ว แต่ก็ต้องลองไปเปิด Dic ดูใหม่
    พอไปเปิดดูแล้ว อ้าว! ศัพท์คำนี้มีความหมายนี้ด้วยเหรอเนี่ย? อะไรแบบนี้

    แต่บางครั้งคิดว่าแปลถูกแล้ว แต่พอลุกไปเข้าห้องน้ำ หรือไปไหนสักพัก
    ก็จะมีศัพท์หรือประโยคบางประโยคโผล่ขึ้นมาในหัว ให้คิดทบทวนดู

    พอกลับมานั่งอ่านทวนดูใหม่ ตั้งใจจดจ่ออยู่กับคำถามว่ามันหมายถึงอะไร
    ก็ปรากฎว่า ต้องมาแปลไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งต่างจากความหมายในครั้งแรก
    แต่อ่านดูแล้ว เข้าใจมากกว่า เป็นเรื่องเป็นราวต่อกัน และเข้ากันได้มากกว่า

    อะไรแบบนั้นหนะครับ ดังนั้นผมก็เลยคิดว่า ชะรอยจะมีใครมาคอยช่วยผมอยู่นะเนี่ย

    แล้วก็ชะรอยพวกท่านที่อ่านอยู่นี่ เมื่อทุกกระแสจิตจดจ่อและจุ่มแช่ลงในกระแสแห่งข้อมูลนี้ด้วยกันแล้ว
    มันก็เลยกลายเป็นการช่วยกันสร้างสรรค์ ช่วยกันกำหนดแนวทางในการโพสต์ของผมไปด้วย
    โดยไม่รู้ตัว เพราะท่านๆเอง ก็คงมีใครคอยช่วยเหลือและดลใจอยู่ข้างบนด้วยเป็นแน่แท้

    ขอบคุณทุกๆท่านนะครับ ที่เป็นกำลังใจให้ และขอบคุณหลายๆท่านนะครับที่ชมมา

    แต่ก็แหม..นะ..ใช่ผมเก่งซะที่ไหนเล่า..
    ถ้าไม่มี "ใคร" คอยช่วยเหลืออยู่นี่
    ดูท่าจะแปลออกมาไม่ได้เรื่องแน่ๆเลยครับ

    .......................................

    อ้าว!..มัวแต่โม้เลยลืมตอบคำถามไปเลยครับ

    1. ที่มันง่ายหนะ เพราะ"ท่าน" ว่ายิ่งอยู่สูง อัตราเร็วของวิวัฒนาการมันก็ยิ่งสูงตามไปด้วย

    2. ที่มันยากหนะ เพราะผู้ฝึก ผู้บำเพ็ญ มีความ "อยาก" ได้ อยากดี อยากมี อยากเป็น
    แต่ไม่ได้ใส่ใจ "พื้นฐาน" ที่สุดของการฝึกจิต คือ "ความรัก ความเมตตา"

    ถ้าตราบใดสิ่งนี้ยังไม่เกิดมีในหัวใจแล้ว ก็ยังนับไม่ได้ว่า
    "ท่านคือผู้ที่มีความเจริญด้านจิตวิญญาณแล้ว"

    ยกตัวอย่างเช่น ผู้ถือศีล 8 บางท่านก็จะทะนงตนว่าดีกว่า บริสุทธิ์กว่าผู้ถือศีล 5
    พระสายวัดป่าบางรูป ก็อาจจะภูมิใจในความเคร่งครัดในศีลของตนเอง
    จนกลายเป็นอัตตาตัวตน เผลอนึกกระหยิ่มในใจและดูหมิ่นพระสายมหานิกาย

    ผู้ที่ได้ฌานสูงกว่า ก็จะนึกว่าตัวเองเก่งกว่า ดีกว่าผู้ที่ยังไม่ได้อะไรเลย เป็นต้น

    ถ้าท่านจับประเด็นในโพสต์ที่ผมเพิ่งโพสต์ไป ข้างบนนั้น ในช่วงท้ายๆได้
    ท่านก็น่าจะเข้าใจได้ว่า

    "ถ้ายังมีระดับความรัก ความเมตตา หรือ ระดับวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณไม่สูงมากพอ
    มีหรือที่เบื้องบนท่านจะยอมให้ได้อำนาจ ได้อภิญญามาง่ายๆ เพราะยังเป็นอันตรายอยู่"

    เห็นด้วยไหมครับ..

    (แต่เอ..แล้วพวกพ่อมดหมอผีหละ ทำไมถึงมีได้หละ หรือว่าสิ่งที่เขามี
    มันมาจากเบื้องบนเหมือนกัน แต่บนคนละขั้วกัน อะไรแบบนั้นหรือเปล่านะ?)

    ............................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2009
  12. Baramee

    Baramee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +1,032
    ยิ่งอ่านดูก็เริ่มมองเห็นว่าเป็นการเผยแพร่
    คริสตศาสนาในรูปแบบใหม่ครับ

    พุทธนั้นสอนว่ามนุษย์เรามาจากพรหมรูปแบบหนึ่ง
    ที่เรียกว่าอภัสราพรหม
    แต่นี่กลับบอกว่าเรามาจากพืช

    แล้วแทรกเรื่องการกลับมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูตลอดเวลา
    จึงทำให้ผมคิดว่าบทความนี้แปล่งๆ ไปเรื่อยๆ ครับ

    การที่คุณ Chayutt จะเผยแพร่ต่อไปก็ขอให้ทบทวนอีกครั้ง
    เพราะอาจจะมีโทษก็ได้ ไปละ
     
  13. roongruang

    roongruang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2006
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +16
    บทความน่าศึกษาและเจาะลึกในรายละเอียดครับ มาสร้างโลกสันตอสุขกันครับ
     
  14. Pelagia

    Pelagia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +1,198
    ตามความเข้าใจของผม ที่บอกว่า

    เราได้กล่าวแล้วว่าอาณาจักรพืช คืออาณาจักรที่พวกท่านเคยใช้เวลานานที่สุดอยู่ในนั้น จากนั้นพวกท่านก็ขึ้นมาสู่อาณาจักรสัตว์
    ส่วนความเป็นมนุษย์นั้นพวกท่านเพิ่งจะได้กลายมาเป็นเมื่อประมาณ 50,000 ปีมานี้เอง ไม่นานไปกว่านั้น

    จะหมายถึงการวิวัฒนาการของโลกหรือเปล่า เช่นช่วงแรกๆ ของโลกก็มีแต่พืช ซึ่งก็ใช้ระยะเวลายาวนานกว่าที่จะมีสัตว์เกิดขึ้นมา แล้วหลังจากนั้นก็มีมนุษย์

    ส่วนเรื่องประเด็นเรื่องศาสนา ที่เน้นไปทางคริสต์มากหน่อย คิดว่าเป็นเพราะว่าเค้าคุยกับคนที่นับถือคริสต์อยู่ก็เลยพูดถึงศาสนาคริสต์ เพื่อให้เข้ากันได้ง่าย

    ถ้ามาคุยกับคนถือศาสนาอื่น ก็ว่ากันไปตามศาสนานั้นแหล่ะ

    ปล. คำว่ายุกต์ ที่จะหมายถึงยุคสมัยเขียนว่า ยุค นะครับ
    ยุกต์แบบนี้มันจะใช้กับคำว่าประยุกต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2009
  15. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    อ้างอิงจากบทความเหล่านี้ ขอคาดเดาด้วยความรู้อันน้อยนิดว่า อำนาจแปรผันตรงกับความเจริญทางจิตวิญญาณ และมี Evolution จึงเกิด Hierarchy ซึ่งคิดว่าน่าจะตอบคำถามสุดท้ายในวงเล็บของคุณชยุตได้ว่า ทำไมพ่อมดหมอผีจึงมีอำนาจบางประการ แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่จำกัดจาก Hierarchy แต่เมื่อใดที่จิตวิญญาณของพ่อมดหมอผีเกิด Evolution ด้วยความรักและความเมตตากรุณาต่อทุกๆสิ่งในโลกและจักรวาล จึงถูกเลื่อนลำดับใน Hierarchy และคงไม่ได้ถูกเรียกว่าพ่อมดหรือหมอผีอีกต่อไป

    เห็นด้วยไหมคะ...
     
  16. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    โลกยุคใหม่ ไม่มีแบ่งแยก ทุกวันนี้
    เราแตกแยกกันไปทั้งโลกแล้ว
    ขีดวงไว้เฉพาะกลุ่ม กีดกัน พิพากษาผู้อื่น
    พังกรอบกำแพงที่ล้อมใจ ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันเถอะ
     
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    การเป็นส่วนหนึ่งของการเหนี่ยวนำให้คนทำดี มีจิตเมตตา รักใคร่กันนั้น
    หากเป็นโทษ เป็นภัย แล้วอะไรหละครับที่เป็นคุณ เป็นกุศล

    ศาสนาพุทธ ไม่ใช่คำตอบเดียวของการเป็นคนดี

    แต่สิ่งที่ศาสนาพุทธเราต่างจากศาสนาอื่น คือ "เป้าหมายสูงสุด" ต่างหาก

    ถ้าแค่ระดับของการเป็นคนดี กิ๊กๆก๊อกๆแค่นี้ เอาศาสนาไหนมาเผยแพร่ก็ได้ครับ
    หรือแม้แต่ไม่ใช่ศาสนาก็ยังได้เลย เพราะสมมุติบัญญัติทางโลกนั้นมีข้อกำจัด

    ถ้าจะบอกว่า ขัดกับหลักคำสอนของศาสนาพุทธ ตรงที่พุทธบอกว่ามนุษย์เกิดจากพรหมนั้น
    ผมว่ายังไม่ถูกต้องนักหรอกครับ เพราะอันที่จริงนั้น มันขัด และ ไม่ตรงกันมากกว่านั้นอีกเยอะ

    เพราะคริสต์กับพุทธหนะ เป็นคนละศาสนากันครับ

    แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์ ก็ยังจะได้ประโชน์ต่อไป ส่วนผู้ที่ไม่ได้ประโยชน์ ก็ยังจะไม่ได้อยู่ต่อไป

    อันนี้เป็น Original Version และภาคภาษาไทยของผมนะครับ
    ลองอ่านดู เผื่อมีตรงไหนที่ความเข้าใจของผมได้คลาดเคลื่อนไปนะครับ


    EVOLUTION AND HIERARCHY.
    <o></o>

    You have been told that you will have 1000 years to achieve the next hierarchical stage.
    This should not be surprising for you to hear if you think a little: -
    I have told you that the plant kingdom is where you spend the longest period of time.
    Next comes the animal stage. - Man has now had some 50.000 years
    since he got the brains he has.
    It is some 50.000 years ago, not more. -

    And then try to see what you have achieved during those 50.000 years.
    You can understand that some acceleration is involved.
    The course of events runs quicker and quicker,
    evolution runs faster and faster.
    All the knowledge you have to-day in all parts of the world
    put together can be combined.
    Then it is evident that it will not run twice as fast now -
    it will run manifold หลายเท่าfaster in future, and so on.

    <o></o>
    "เราได้บอกพวกท่านไปแล้วว่ามนุษย์จะมีเวลา 1000 ปี สำหรับการวิวัฒนาการไปสู่ลำดับขั้นที่สูงกว่า
    เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ฟังดูแปลกแต่อย่างใดหากพวกท่านจะคิดตามสักเล็กน้อย

    เราได้กล่าวแล้วว่าอาณาจักรพืช คืออาณาจักรที่พวกท่านเคยใช้เวลานานที่สุดอยู่ในนั้น จากนั้นพวกท่านก็ขึ้นมาสู่อาณาจักรสัตว์
    ส่วนความเป็นมนุษย์นั้นพวกท่านเพิ่งจะได้กลายมาเป็นเมื่อประมาณ 50,000 ปีมานี้เอง ไม่นานไปกว่านั้น
    <o></o>
    ตอนนี้มาดูกันซิว่าพวกท่านได้วิวัฒนาการอะไรเพิ่มเติมมาบ้างในช่วงระยะเวลา 50,000 ปีมานี้
    พวกท่านต้องรู้ว่ามันมีสิ่งที่มากระตุ้นกระบวนการของวิวัฒนาการเกี่ยวข้องอยู่ด้วย
    ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้วิวัฒนาการของมนุษย์เป็นไปเร็วขึ้นและเร็วขึ้น<o></o>

    หากรวมเอาทุกๆความรู้ที่พวกท่านมีอยู่ในทุกๆส่วนของโลกในทุกวันนี้เข้าด้วยกัน ในอนาคตข้างหน้า
    วิวัฒนาการของมนุษย์จะไม่ใช่แค่เร็วขึ้นเป็นสองเท่าของความรู้ที่มีอยู่นี้เท่านั้น
    แต่มันจะเร็วขึ้นเป็นอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว..."


    .........................................

    <o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  18. JiNaNiE

    JiNaNiE Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +49
    ใจเย็นพี่ท่าน เค้าไม่ได้เอาเผยแพร่ เค้าแค่เอามาแปลให้ฟัง สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร (เกี่ยวไม๊เนี่ย?)
    ถ้ามีเวลาก็ว่าจะไปหาไบเบิ้ลมาศึกษาดูบ้าง เหวออออออออ เหอๆๆๆ พระไตรปิฎกยังไม่เคยแตะ จะกระแดะไปแตะไบเบิ้ล
    ถ้าลองสังเกตดูเวลาพวกมนุษย์ต่างดาวไปติดต่อกับคนนับถือศาสนาไหนเค้าก็จะอ้างศาสนานั้น อย่างกระทู้ "สมเด็จพระพุทธองค์ ศรีอาริยเมตไตรย์ กับ ช่วงกึ่งพุทธกาลของพระโคดม" มนุษย์ต่างดาวที่มาติดต่อพวกเค้าก็จะอ้างตามหลักของพุทธ ไม่รุ้ว่าเค้ามาจากที่เดียวกันหรือป่าว หรือว่าเค้าต่างได้รับหน้าที่มาเผยแพร่ศาสนาก็ไม่รุ้นะ แต่ขนาดโลกยังมีตั้งหลายศาสนา พุทธยังแยกเป็นตั้งหลายนิกาย แล้วจะไปนับประสาอะไรกับจักรวาลที่มีตั้งหลายดาว แต่โดยรวมๆๆแล้วก็ดูดีนะ ก็ให้ทำดีนั้นแหละ แต่โดยหลัการและวิธีการอาจจะขัดใจอยู่
    ถ้าเลือกแนวไม่ถูก ก็เอา "แนวกูลูกศิษย์ตถาคต" นี่แหละ หลอกให้เค้ามาเป็นศิษย์แล้วนี่ รับผิดชอบด้วยล่ะกัน พุทโธ่ พุทธั๋ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2009
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ว่าแล้วก็ขออนุญาตคัดลอกมาให้อ่านเลยนะครับ เพราะว่าน่าสนใจดีครับ

    ที่มา: PANTIP.COM : X8086602
     
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    คุณคิดว่าทฤษฎีวิวัฒนาการของ ชาร์ล ดาวิน ในปัจจุบัน มีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน (ต่อ)

    <TABLE height=36 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top noWrap width="80%">ความคิดเห็นที่ 4</TD><TD vAlign=top noWrap align=right width="50%"><!--InformVote=4--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[4], 4);</SCRIPT>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!--MsgIDBody=4-->แต่มนุษย์ก็ยังมีอวัยวะที่หลงเหลือจากวิวัฒนาการในอดีตแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เช่นไส้ติ่ง

    ถ้า ทฤษฎีวิวัฒนาการถูกต้อง เราน่าจะมีอะไรหลงเหลือมาจากบรรพบุรุษอยู่มาก คืออวัยวะที่เชื่อว่าเหลือมาจากบรรพบุรุษแต่ไม่ได้ใช้ แต่ปัจจุบันพบว่าอวัยวะเกือบทั้งหมดถูกใช้งาน อาทิเช่นไส้ติ่ง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นอวัยวะที่เหลือมาจากบรรพบุรุษและไม่ได้ใช้งาน จริงๆ แล้วมันมีหน้าที่ พบว่าไส้ติ่งซึ่งอุดมด้วย lymphoid tissue เป็นเสมือนปราการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจากลำไส้ใหญ่ย้อนเข้ามาในลำไส้เล็ก หรืออย่างเรื่องหนังหนา มนุษย์เรามีผิวหนังหนาที่ฝ่ามือกับฝ่าเท้าซึ่งเตรียมไว้สำหรับเดิน ความหนาของผิวหนังบริเวณนี้เกิดตั้งแต่มนุษย์อยู่ในครรภ์มารดา มิได้เกิดจากการใช้งาน นกกระจอกเทศมีหนังหนาช่วงท้องซึ่งเป็นบริเวณที่ทิ้งตัวลงนอน อูฐมีหนังหนาที่เข่าหน้าเพื่อใช้เวลาคู้ตัวหมอบ ส่วนหมูป่าจะหนังหนาที่ข้อเท้าและขาหน้าซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใช้ยันตัวขณะกิน อาหาร

    สัตว์ต่างๆ ในโลกล้วนมีหนังหนาเฉพาะบริเวณที่จำเป็นเท่านั้น มันจะไม่มีหนังหนาบริเวณอื่นเลย หากทฤษฎีวิวัฒนาการถูกต้อง สัตว์หลายชนิดน่าจะมีหนังหนาบริเวณที่ไม่จำเป็นบ้าง ซึ่งได้รับถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษของมัน เช่นถ้าเรามาจากหมู เราควรมีหนังหนาที่ข้อเท้าหน้า นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ ที่ชี้ว่าสัตว์แต่ละชนิดได้ถูกออกแบบมาแต่ต้นให้เหมาะสมที่สุด ขณะที่วิวัฒนาการเป็นเรื่องการลองผิดลองถูก ธรรมชาติไม่เคยลองผิดลองถูกเลยครับ "ธรรมชาติ" มุ่งสู่ "เป้าหมาย" อย่างแม่นยำเสมอ ซึ่งอธิบายว่าทำไมสิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนแล้วแต่สมบูรณ์แบบในแบบฉบับของมัน เอง หากพิจารณาเหตุผลเราจะพบว่า การที่ใครสักคนจะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑ ติดต่อกันทุกงวดเป็นเวลา ๑,๐๐๐ ปี ยังมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่าที่จะเกิดสัตว์ชั้นต่ำ ๑ ชนิดขึ้นมาบนโลกโดยบังเอิญ

    ผมเคยอ่านเจอนักวิทยาศาสตร์ผู้หนึ่งยก ตัวอย่างเรื่องนี้ไว้ว่า "สมมุติมีลูกบอลสีแดงลูกหนึ่งอยู่หลังบ้านผม มีคนถามว่าบอลลูกนี้มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ผมตอบว่า ครั้งหนึ่งมีมะพร้าวต้นหนึ่งออกผล แล้วมีลูกมะพร้าวลูกหนึ่งตกลงมา กลิ้งไปใต้ต้นยางพาราพอดี บังเอิญมดมาเจาะลูกมะพร้าวเป็นรู และเกิดลมพัดกิ่งยางพาราหัก ทำให้น้ำยางพาราไหลลงมาในรูมะพร้าวนี้ แล้วมีทรายสีแดงพัดลงไปในรูมะพร้าวผสมกับน้ำยางพารา สุดท้ายมีดินก้อนหนึ่งไปอุดรูนี้พอดี ต่อมาลมพัดจนมะพร้าวตกเหวลงทะเล คลื่นลมในมหาสมุทรทำให้น้ำยางกับทรายสีแดงคลุกเคล้ากัน และความร้อนทำให้ยางจับตัวเป็นลูกบอลในลูกมะพร้าว ต่อมาคลื่นซัดมะพร้าวกระทบหิน เปลือกมะพร้าวแตก ลูกบอล ข้างในกลิ้งออกมาตามชายหาด สุดท้ายมีเหยี่ยวคาบลูกบอลมาทิ้งไว้หลังบ้านผม"

    หาก ถามว่าเป็นไปได้ไหม คำตอบคือเป็นไปได้ ทุกอย่างมีเหตุมีผลหมด แต่หากถามว่าเชื่อไหม คงไม่มีผู้ใดเชื่อ ระหว่างลูกบอลสีแดงลูกหนึ่งกับนกตัวหนึ่ง อะไรสลับซับซ้อนกว่ากัน ถ้าไม่เชื่อว่าลูกบอลสีแดงลูกหนึ่งเกิดขึ้นมาได้เอง แล้วทำไมจึงเชื่อว่านกเกิดมาได้เอง ผมพบว่าหลายครั้งที่ผมเชื่อบางอย่างโดยไม่ใคร่ครวญเหตุผลและโอกาสความเป็นไป ได้ว่ามากน้อยเพียงใด อีกตัวอย่างเช่น หากเราเอานาฬิกาสักเรือนมาถอดกลไกออก แล้วเอาใส่กล่องเขย่าให้มันรวมกลับเข้ามาเป็นนาฬิกาใหม่เหมือนเดิมก็เป็นได้ แต่หากถามว่าเชื่อไหม คงไม่มีผู้ใดเชื่อ เช่นกันครับ เป็นเรื่องยากที่ผมจะเชื่อว่า รหัสดีเอ็นเอซึ่งสลับซับซ้อนกว่ากลไกนาฬิกามากมายจะมาเรียงกันโดยบังเอิญ

    ปัจจุบัน พบว่ามนุษย์มีรหัสดีเอ็นเอซึ่งประกอบด้วยคู่เบส (base pair) เพียง ๔ ชนิด คือ A, T, G, C เรียงต่อๆ กัน เช่น ATGGTGCACCTGACTCCTGAGGAGAAGTCTGCGGTTACTGCCCTGTGGGGCAAGGTGAACGTGGATGAAGTTGGTGGT (นี่เป็นรหัสบางส่วนของการสร้างฮีโมโกลบินจากจำนวน ๕๗๖ ตำแหน่ง) เป็นต้น มนุษย์เรามีรหัสแบบนี้ ๓,๐๐๐ ล้านตำแหน่ง ซึ่งต้องถูกต้องแม่นยำมาก หากผิดเพียงตำแหน่งเดียวก็อาจทำให้เป็นโรคร้ายแรงได้ เช่นการผิดจาก A เป็น T ในรหัสการสร้างฮีโมโกลบินเพียงตำแหน่งเดียวจาก ๕๗๖ ตำแหน่ง จะทำให้ร่างกายถอดรหัสกรดอะมิโนตำแหน่งที่ ๖ ในสายโปรตีนฮีโมโกลบินผิด เกิดเป็นโรค Sickle Cell Anemia ขึ้น

    จะเห็นว่าความผิดพลาดเพียง ตำแหน่งเดียวยังสามารถส่งผลเสียรุนแรงถึงเพียงนี้ การที่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำจะวิวัฒนาการมาเป็นชั้นสูง มันไม่ใช่แค่การผ่าเหล่าตำแหน่งเดียว แต่ต้องมีการเพิ่มรหัสพันธุกรรมจำนวนมหาศาล สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่ไม่มีปอดจะเติบโตมาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีปอด ต้องมีการเพิ่มรหัสพันธุกรรมที่ใช้สร้างปอดเข้าไป มียีนจำนวนมากเพิ่มเข้าไปอีก แบคทีเรียมีรหัสพันธุกรรมเพียงประมาณ ๔.๖ ล้านรหัส ขณะที่มนุษย์มีถึง ๓,๐๐๐ ล้านรหัส จะเห็นได้ว่าต้องมีการ add on รหัสพันธุกรรมจำนวนมากโดยไม่ผิดพลาดเลย แบคทีเรียจึงจะกลายมาเป็นมนุษย์ได้ เฉพาะเรื่องการที่มนุษย์สามารถยืนสองขาตัวตรงก็เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์แล้ว มนุษย์ต้องมีระบบการทรงตัวที่ดีเยี่ยม เท้าต้องถูกออกแบบเพื่อการยืนและรับแรงกระแทก ต้องมีกลไกควบคุมให้เลือดไปเลี้ยงสมองอย่างคงที่ ต่อมหมวกไตต้องโดนกระตุ้นให้เก็บเกลือได้มากขึ้นเตรียมพร้อมสำหรับการยืน เพื่อให้ปริมาณเลือดไปเลี้ยงสมองได้เท่าเดิม เชิงกรานต้องถูกออกแบบอย่างดี ผู้หญิงจึงสามารถยืนได้และสามารถคลอดบุตรได้ หลายอย่างพอดีหมด ผมได้แต่ถามตนเองว่าของเหล่านี้มันเป็นผลจากความบังเอิญจริงๆ หรือ ผมคิดว่าต้องใช้ความเชื่ออย่างมากๆ ครับที่จะคิดว่าสิ่งที่สมบูรณ์แบบเป็นเพียงเรื่องของความบังเอิญ

    ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีวิวัฒนาการมักจะพูดถึงเรื่องของตัวเชื่อม ห่วงโซ่ที่หายไป (missing link)

    หาก วิวัฒนาการถูกต้องจริง เราจะต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงทีละนิดๆ ไปเรื่อยๆ จากสัตว์ชนิดหนึ่งไปสู่อีกชนิดหนึ่ง เป็น "link" ที่เชื่อมสัตว์ ๒ ชนิดเข้าด้วยกันแต่จนทุกวันนี้เรายังไม่พบตัวเชื่อมดังกล่าวเลย ผู้คนจำนวนหนึ่งยังหวังที่จะพบ "missing link" นี้ ซึ่งจะเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือของทฤษฎีวิวัฒนาการ

    ในปี ๑๙๑๒ ชาร์ลส์ ดอว์สัน (Charles Dawson) ได้พบชิ้นส่วนกะโหลกมนุษย์โบราณที่ Piltdown quarry ในประเทศอังกฤษ โดยส่วนหน้าผากเหมือนมนุษย์ในปัจจุบันขณะที่ขากรรไกรยังเป็นลักษณะของเอป (ape) จึงได้ชื่อว่ามนุษย์ Piltdown (Eoanthropus dawsoni) และถูกประกาศว่าเป็น "missing link" ของมนุษย์กับเอป ถือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่มาก สนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วิน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องลวงโลกแห่งศตวรรษเพราะเบื้องหลังเป็นการทำเทียมขึ้นมาโดยเอากะโหลกหน้าผากมนุษย์ปัจจุบันไปฝังรวมกับขากรรไกรของลิง อีกครั้งหนึ่ง มีการค้นพบมนุษย์มีฟันซึ่งแปลก น่าจะเป็นตัวเชื่อมระหว่างเอปกับมนุษย์ อย่างไรก็ตามกลายเป็นเรื่องโกหกอีกเมื่อพบว่าหลักฐานถูกทำปลอมขึ้นจากฟันของ หมู

    อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือความเชื่อว่าสัตว์เลื้อยคลานอย่างไดโนเสาร์มีวิวัฒนาการไปเป็นนก เมื่อมีการขุดพบฟอสซิลของ Archaeopteryx ในแคว้นบาวาเรียทางตอนใต้ของเยอรมนี รูปร่างเหมือนสัตว์เลื้อยคลานแต่มีขนแบบนก ในช่วงนั้นเป็นที่โจษจันมากว่าพบการเชื่อมระหว่างนกกับสัตว์เลื้อยคลานแล้ว แต่เมื่อนักวิทยาศาสตร์ศึกษาก็ยังงงว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ มันเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนปีกเหมือนนก หรือเป็นนกที่บินไม่ได้กันแน่ แต่แล้วในปี ๑๙๙๑ มีการค้นพบ Protoavis texensis ในรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา เป็นสัตว์ขนาดนกยูงที่มีลักษณะเหมือนนกยุคใหม่มาก มันบินได้แน่ๆ คือมีกระดูกไหปลาร้าซึ่งสัตว์เลื้อยคลานไม่มี และมีอายุเก่าแก่กว่า Archaeopteryx ถึง ๗๕ ล้านปี (หากใช้วิธีวัดอายุแบบนักนิยมดาร์วินใช้) แสดงว่า Archaeopteryx ไม่มีทางเป็นบรรพบุรุษของนกยุคใหม่ และ Protoavis texensis ยังชี้ให้เห็นว่านกไม่ได้มาจากสัตว์เลื้อยคลาน แต่มันมีชีวิตอยู่ ในยุคสมัยเดียวกัน หากไปอ่านในไบเบิลจะพบว่าพระเจ้าทรงสร้างนก (รวมถึงสัตว์บินได้เช่นแมลง) และสัตว์เลื้อยคลานขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกัน

    ลองดูอีกกรณีศึกษา นักนิยมดาร์วินเห็นพ้องต้องกันว่า ปลาซีลาคานท์ (Coelacanth) น่าจะเป็นบรรพบุรุษของสัตว์บกทั้งมวล ก่อนจะสูญพันธุ์ไปเมื่อ ๓๕๐ ล้านปีก่อน แต่ซีลาคานท์เป็นปลานักสู้ มันตะกายไปที่ปากแม่น้ำ มีขางอกออกมาขึ้นสู่บกอย่างสมศักดิ์ศรี และให้กำเนิดสัตว์บกรวมถึงมนุษยชาติ การค้นพบฟอสซิลปลาชนิดนี้ นักวิทยาศาสตร์ "เชื่อ" ว่า ครีบของมันน่าจะแข็งแรงพอให้มันคลานไปมาบนแผ่นดินได้และประกาศว่าพบ "ห่วงโซ่ที่หายไป" ต่อมาในปี ๑๙๓๘ ชาวประมงลากอวนที่นอกแหลมกู๊ดโฮป พบปลาหน้าตาประหลาดและพบว่ามันคือปลาซีลาคานท์ ซึ่งเข้าใจว่าสูญพันธุ์ไปกว่า ๓๕๐ ล้านปีแล้ว เมื่อศึกษาการดำเนินชีวิตของซีลาคานท์พบว่าปลาชนิดนี้อาศัยอยู่ในน้ำลึก ๒๐๐ เมตร เมื่อขึ้นสู่ผิวน้ำมันจะตายเนื่องจากการลดลงของความดัน ซึ่งพิสูจน์ว่ามันขึ้นบกไม่ได้ และมันไม่ได้เดินเกร่ที่ก้นทะเล มันก็ว่ายน้ำเหมือนปลาอื่นๆ นั่นแหละ นอกจากนี้ครีบของมันเมื่อเทียบกับขนาดลำตัวก็ไม่ได้แข็งแรงไปกว่าครีบปลาทอง จนจะสามารถกลายเป็นแขนขาของสัตว์บกได้ ซีลาคานท์จึงไม่อาจเป็นห่วงโซ่เชื่อมปลากับสัตว์บกอย่างที่เข้าใจกัน

    ที่สำคัญคือซีลาคานท์ปัจจุบันหน้าตาเหมือนฟอสซิลทุกประการ หมายความว่ารูปร่างหน้าตาของมันไม่เปลี่ยนแปลงเลยตลอด ๓๕๐ ล้านปี ซึ่งขัดแย้งกับทฤษฎีวิวัฒนาการที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตต้องมีการผันแปรไป เรื่อยๆ การพบซีลาคานท์ที่มีชีวิตกลับไปสนับสนุนทฤษฎี stability of species คือสิ่งมีชีวิตมีแนวโน้มที่จะรักษาสปีชีส์ของตนเอาไว้ไม่ผันแปรไป การเจอผึ้งที่อยู่ในแท่งอำพันอายุเป็นแสนปีเทียบกับผึ้งปัจจุบัน พบรูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกประการ ก็สนับสนุนทฤษฎี stability of species และขัดแย้งอย่างรุนแรงกับทฤษฎีวิวัฒนาการ

    แล้วโลมาหรือวาฬก็เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีวิวัฒนาการจากที่เคยอยู่บนบก ครีบของมันก็คือมือในอดีต

    ถ้า สมมุติว่าเราค่อยๆ ลงไปในน้ำและอยู่ในน้ำ ผมเอาลูกผมลงน้ำ หลานผมลงน้ำ ผมเชื่อว่าเหลนผมจะไม่มีครีบคล้ายโลมา หรือจมูกจะไม่เลื่อนไปอยู่ข้างหลังไว้โผล่หายใจ มันเป็นไปไม่ได้ ความคล้ายกันของสิ่งมีชีวิตอาจสะท้อนถึงผู้สร้างคนเดียวกัน ใช้พิมพ์เขียวใกล้เคียงกันสร้างบางอย่างออกมา ดีเอ็นเอหรือพิมพ์เขียวของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็มีแบบของมัน ต่างกันเล็กๆ น้อยๆ ตรงนี้ไปเป็นครีบแทนที่จะเป็นขา ตรงนี้เป็นห้านิ้วก็เป็นพังผืด สำหรับผมแล้วสิ่งนี้มิได้สะท้อนถึงความบังเอิญ แต่สะท้อนถึงผู้สร้างเป็นคนเดียวกัน

    พวกที่ไม่เชื่อเรื่องวิวัฒนาการมักมองว่าทฤษฎีวิวัฒนาการสนับสนุนการล่าอาณานิคม

    การ ขยายอาณานิคมไปในเอเชีย แอฟริกา รวมทั้งอเมริกา จะต้องมีการเข่นฆ่าเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามการฆ่าคนเป็นข้อห้ามในพระคัมภีร์ไบเบิล พระเจ้าสอนให้มนุษย์เมตตาต่อผู้ที่ด้อยกว่า หญิงม่าย เด็กกำพร้า คนต่างด้าว และผู้ยากไร้ แต่ทฤษฎีวิวัฒนาการช่วยทำให้การขยายอาณานิคมเป็นไปได้ง่ายขึ้น เพราะคนจำนวนหนึ่งถูกทำให้เชื่อว่า ผิวขาวเหนือกว่าผิวดำและผิวเหลือง เผ่าพันธุ์ที่แข็งแรงกว่าย่อมอยู่รอดได้ จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะทำลายล้างเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอ ในเรื่องนี้ก็ขัดแย้งกับศาสนาคริสต์อย่างรุนแรงครับ เพราะพระเจ้าสั่งให้ปกป้องดูแลผู้ที่อ่อนแอ ที่จริงแล้วทฤษฎีวิวัฒนาการขัดแย้งกับความเชื่อของศาสนาใหญ่ๆ ไม่ว่าศาสนาคริสต์ อิสลาม ฮีบรู ฮินดู รวมทั้งศาสนาพุทธด้วย

    หลักฐานเรื่องนกฟินช์ที่ดาร์วินพบบนเกาะกาลาปากอส ว่ามีถึง ๑๓ พันธุ์ โดยมีลักษณะบางอย่างแตกต่างกันอันทำให้มันเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่มันอาศัย อยู่ ซึ่งดาร์วินคิดว่า นี่คือ "วิวัฒนาการ" จนเกิดนกสายพันธุ์ใหม่

    คำถามที่สำคัญคือ ๑๓ พันธุ์นี้เป็นสปีชีส์ใหม่หรือเป็นสปีชีส์เดิมที่มีการผันแปร เราต้องแยกความสามารถในการปรับตัว (adaptation) กับวิวัฒนาการ (evolution) คนสามารถปรับตัวได้ เช่นคนผิวขาว ถ้าโดนแสงอาทิตย์จัดๆ ผิวก็คล้ำขึ้น นี่ต่างกันมากกับการเกิดสปีชีส์ใหม่


    <!--MsgFile=4-->
    <TABLE cellSpacing=1 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top noWrap width=75>จากคุณ</TD><TD>: <!--MsgFrom=4-->Monkey Man </TD></TR><TR><TD vAlign=bottom noWrap width=75>เขียนเมื่อ</TD><TD vAlign=bottom>: <!--MsgTime=4-->15 ก.ค. 52 22:41:09 <!--MsgIP=4-->A:118.172.30.172 X: TicketID:219728 </TD></TR><TR><TD id=xscore4 vAlign=top noWrap width=75></TD><TD id=score4></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Message Box-->
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...