การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

แล้วก็..เหนือสิ่งอื่นใด...

สิ่งที่ผมหนักใจ..แบบหนักหนาสาหัสที่สุดในตอนนี้ก็คือ..

ผมรู้สึกว่า..กำลังเกิดสงครามระหว่างเทพกับมารขึ้นในชีวิต และจิตวิญญาณของผม

ข้อมูลทั้งหลายที่ผมแปลมาลงให้ท่านอ่านอยู่นี้ ผมเอง อ่านไปก็สงสัยไปด้วย
ไม่ใช่ว่าจะเชื่อไปซะหมดนะครับ ต่อให้น่าเชื่อถืออยู่ แต่ก็ขัดแย้งอยู่ในใจหลายๆจุด

สิ่งที่ผมบอกว่าเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น ข้ามเรื่องที่ว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่ไปได้เลย
เพราะเรื่องนี้ผมไม่สงสัยอีกต่อไปแล้ว

และก็ ข้ามเรื่องพวกคนเหล่านี้ รวมถึงกลุ่มอื่นๆทั่วโลกด้วย สามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้จริงหรือไม่

อันนี้ก็ข้ามไปได้เลย ไม่ใช่ประเด็นอะไรที่ทำให้ผมหนักใจได้

แต่ที่บอกว่ากำลังหนักใจก็คือ..(จะเริ่มโยงเรื่องไปยังไงดีหนอ?)

อ้อ..เรื่องมารหนะครับ

ผมกลัวว่าทั้งหมดนี้คือเล่ห์ลวงของมาร ที่พยายามจะมาดึงให้เราไขว้เขวไปหนะครับ
ผมหมายถึง คำสอนของมนุษย์ต่างดาว และต่างมิติเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่พูดถึงพระเจ้าทั้งนั้น
และรูปแบบของชีวิตที่พวกเขาพูดถึง ก็แตกต่างจากที่พระพุทธเจ้าของเราสอนเอาไว้มาก
บางประโยคที่ผมอ่านเจอ ที่เขามีพูดถึงพระพุทธเจ้าด้วยนี่ ผมยังต้องเซ็นเซอร์ก่อนเลยนะครับ

หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ สายธรรมกาย เป็นสายการปฏิบัติที่รู้เรื่องมารดีที่สุด และเกี่ยวข้องกับมารมากที่สุด
เพราะท่านนำทีมปราบมารกันอยู่ ตั้งแต่ภพชาติที่ผ่านๆมาไม่รู้กี่ภพแล้ว และภพชาติปัจจุบันนี้
และยังจะปราบกันอีกต่อไปจนกว่าจะชนะ (ตอนนี้แพ้อยู่) ได้ซักวันหนึ่ง
ซึ่งวันนั้น เราเรียกว่า "ถึงที่สุดแห่งธรรม" คือไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย อันเกิดจากฝีมือมารอีกต่อไปแล้ว
(อย่าคิดตื้นๆนะครับ ถ้าท่านยังไม่รู้จักนิยามของมารในแง่ของธรรมกายดี ท่านอาจจะไม่เข้าใจเลยก็ได้)

หลวงพ่อสดท่านกล่าวไว้ว่า มารเขาก็ทำงานของเขาอยู่ทุกๆขณะจิตเหมือนกัน
นี่แหละที่ผมกลัว คือกลัวว่ารูปธรรมชีวิตต่างมิติที่มาสื่อสารทั้งหลายที่พูดถึงพระเจ้านี่
อาจจะมีต้นกำเนิดมาจาก....ก็ได้

แต่สิ่งที่ผมสับสนอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าพวกเขาพูดถูก ก็แสดงว่าเราผิด เพราะศาสนาพุทธเรา
เป็นเพียงศาสนาเดียวก็ว่าได้ ที่ชัดเจนที่สุดเรื่อง "ไม่มีพระเจ้า"

และสุดท้าย มาถึง "กฎแห่งการดึงดูด" ถ้าทุกๆอย่างที่พวกเราเห็น พวกเรารับทราบในจิต
มันเกิดจากจิตเราเองปรุงแต่งขึ้นมาเองหละ พระเจ้าไม่มี นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี มารไม่มีจริง?

ทุกอย่างที่เห็น คือมายาแห่งจิตเท่านั้นเอง??

นั่นก็จะยิ่งงงไปใหญ่อีก!!...กลายเป็นมิจฉาทิฐิหนักไปอีก!!

เอาเถอะนะครับ ไม่ว่ายังไง จริงก็จะได้รู้ว่าจริง หลอกก็จะได้รู้ว่าหลอก
ยังไงผมก็จะแปลและเอามาลงให้ท่านอ่านต่อไป เพราะว่าไม่เคยปรากฎว่า
มีผู้ปฏิบัติธรรมคนไหนเลย ที่ไม่เคยผ่านด่านทดสอบของมารมาก่อน

ไม่ยกเว้นแม้แต่พระพุทธองค์เองด้วยซ้ำไป

ดังนั้น ที่ผมงง และ สับสนอยู่ ก็อยู่ส่วนงง และสับสน หาได้หวาดกลัวไม่
เพราะจะไม่ปล่อยให้จิตตกเด็ดขาด เป็นไงเป้นกัน เจออะไรก็เจอ จะได้รู้ว่ามันเป็นอะไรกันแน่

.......................










แต่อย่างไรเสีย ผมก็จะขอกราบอาราธนาอัญเชิญบารมีของคุณพระศรีรัตนไตร
มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าภาคขาวทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
พระมหาจักรพรรดิ์ทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย มีหลวงปู่สด
หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด หลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปู่สุข หลวงตามหาบัว หลวงปู่เณรคำ หลวงตาม้า เป็นต้น
และรวมถึงพระบารมีของพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ มีพระศรีอาริยเมตตรัยโพธิสัตว์ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นต้น

ได้โปรดมาปกป้องคุ้มครองกายหยาบ กายละเอียด และกายทิพย์ทุกๆกายของข้าพเจ้าและท่านผู้อ่านกระทู้นี้ทุกๆท่าน
รวมถึงปกป้องคุ้มครอง วิญญาณ และจิตวิญญาณของข้าพจ้า และท่านผู้อ่านกระทู้นี้ทุกๆท่าน
ให้ตั้งมั่นและดำรงอยู่ในความเป็นสัมมาทิฐิ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ และสัมมาปัญญา

ทุกภพทุกชาติ นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบกระทั่งถึงซึ่งพระนิพพานโน้นด้วยเถิด

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ตอนแรกก็อ่านเพลินๆนะคับ แต่อ่านไปอ่านมาอย่างน้อยสิ่งที่ได้คือการ คิดบวก

แต่ก็สงสัยหลายข้อนะคับ เป็นไปได้ไหมที่คำว่า Creator คือ มนุษย์ต่างดาวหน่ะคับ

และเรื่องที่ว่า TV ของอังกฤษ โดนคลื่นรบกวน จากท่าน Ashtar นั้น จริง เท็จ เป็นอย่างไรคับ

ทั้งๆที่คนสนใจเรื่อง UFO มีทั่วโลก ทุกประเทศก็ว่าได้ แต่ทำไมเรื่องนี้ ถึงได้เงียบไป ไม่มีใครขุดขึ้นมา รบกวนตอบด้วยนะคับ **เป็นมุมมองของผมเองนะคับ

แล้วK.Chayutt ได้เคยอ่านบทความนักบินอวกาศโบราณ บ้างไหมคับ มีข้อคิดเห็นอย่างไรบ้าง ตามลิ้งเลยคับ Mythland.org >> Content >> Ancient Astronaut

 

เป็นมุมมอง และแง่คิดอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจมาก
ขอให้พวกเราทุกๆท่านที่ได้อ่านเว็ปนี้ ช่วยกันทำความเข้าใจ
และให้ความร่วมมือกัน ในการที่จะนำความสันติสุขมาสู่โลกใบนี้

พลังจิตทางด้านบวกเท่านั้นที่จะคุ้มครองโลกใบนี้ให้อยู่กันอย่างสันติสุข
มหัตภัยต่างๆที่จะเกิดขึ้นตามคำทำนาย จะได้ถูกย่อยสลายไปบนวิถีทางแห่งกรรมดีของพวกเราชาวโลกที่กำลังจะประสบชะตากรรม

 

บางทีความรู้ ข้อมูล ที่อยู่นอกกำมือ หากเราจะเข้าใจได้ก็ต้อง ออกไปอยู่นอกมือที่กำเสียก่อน ถึงจะรับรู้ได้ชัดแจ้งไม่บิดเบือน

ข่าวสารเมื่อต้องสื่อสารผ่านภาษา อาจจะเจือปนด้วยความเชื่อส่วนบุคคลได้ เพื่อให้สมองของเราตีความออกพลังงานด้านลบ หากเราไม่ดึงดูดมา ไฉนจะพบเจอเป็นธรรมของสรรพสิ่งทั้งปวงอยู่แล้ว สิ่งเหล่านั้นมีคุณสมบัติของเขา มีหน้าที่ของเขาโดยธรรมชาติเราพึงเข้าใจ แล้วก็ผ่านไป

 

132. รายงานหมายเลข 16: กฎของชาวจักรวาล
<o></o>
ผู้รับข้อมูล: นาย Ivo Benda<o></o>
วันที่: 4 พฤศจิกายน 1997, เวลา 3:45 – 4.10 p.m.<o></o>
ผู้ตอบคำถาม: Adonis<o></o>
<o></o>

คำถาม:<o></o>
<o></o>
สวัสดี ท่าน Adonis<o></o>
ผมอยากจะถามท่านว่า ผมจะสามารถเผยแพร่กฎแห่งจักรวาลทั้ง 10 ข้อ
ที่พวกท่านชาวกลุ่มกาแล็กซี่ทั้งหลายให้ความเคารพกันอยู่นี้ได้หรือไม่
เพราะชาวโลกทั้งหลายน่าจะได้ประโยชน์จากมัน<o></o>
<o></o>
ตอบ:<o></o>
<o></o>
ใช่แล้ว Ivo เพื่อนรัก เรารู้ว่าท่านได้ถาม Věruška เกี่ยวกับเรื่องนี้
เพราะฉะนั้นเราสามารถตอบท่านได้ทันทีเลยว่า กฎทั้ง 10 ข้อนี้สามารถนำไปเผยแพร่ได้ในหนังสือของท่าน<o></o>

เรารู้ว่าท่านให้ความสนใจกฎเหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่อท่านทราบว่ากฎทั้งหลายของมนุษย์นั้น
เป็นเพียงกฎที่พวกเขาตั้งกันขึ้นมาเองทั้งนั้น ซึ่งไม่ถูกต้อง แต่กฎของพวกเราถูกใช้ไปทั่วทั้งจักรวาล
และเป็นกฎเดียวกันกับที่ใช้ในสมาพันธ์ดวงดาวแห่งกาแล็กซี่ต่างๆด้วย กฎเหล่านี้เป็นกฎระดับจักรวาล...
<o></o>
...ดังนั้นเราจึงได้ตอบท่านไปว่าเราให้ท่านเผยแพร่ได้ พวกเรายึดถือกฎเหล่านี้ด้วยความรัก
เพราะมันเป็นกฎที่เข้มแข็งและเปี่ยมไปด้วยพลัง ดังนั้น มนุษย์โลกคนใดก้ตามที่ยึดถือมัน
ก็จะได้รับพลังอันนั้นด้วย เพราะพลังดังกล่าวนี้มีแหล่งกำเนิดมาจากพระผู้สร้างของพวกเรา
และพลังเหล่านี้ไม่มีวันเหือดหายไปได้<o></o>
<o></o>

(God Kingdom2)<o></o>
<o></o>
กฎข้อที่ 1: <o></o>
<o></o>
มี “สิ่ง” สูงสุดอยู่หนึ่งเดียว ซึ่งเป็นผู้สร้างกฎเกณฑ์แห่งความเป็นไปของทุกสรรพสิ่ง<o></o>
<o></o>
“สิ่งนั้น” ไม่สามารถถูกระลึกได้ (is not recognizable)
แต่ในสรรพสิ่งทั้งปวง ล้วนกำลังถูกสร้างขึ้นมาตามกฎแห่งจักรวาลนี้ทั้งสิ้น

“สิ่งนั้น” คือต้นกำเนิดของทุกๆสรรพชีวิต และทุกๆสรรพชีวิตก็จะต้องกลับเข้าไปสู่ “สิ่งนั้น” อีกครั้ง<o></o>

“สิ่งนั้น” สามารถเปลี่ยนสภาวะจากความไม่มีเป็นความมีของธาตุมูลฐานและสิ่งต่างๆได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
เพียงแค่นึกอยากให้มันมีขึ้นมาเท่านั้นเอง<o></o>

“สิ่งนั้น” จึงมีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกสร้างขึ้น ซึ่งสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเหล่านี้ก็จะถูกบรรจุข้อมูลต่างๆเอาไว้
ตั้งแต่เริ่มแรกของการสร้างนั้นแล้ว<o></o>
<o></o>
ทุกๆสรรพสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น เคารพบูชาสิ่งสูงสุด “สิ่งนั้น”<o></o>

<o></o>
กฎข้อที่ 2:<o></o>
<o></o>
สิ่งสูงสุดได้กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆของทุกๆสรรพชีวิตในจักรวาล โดยมีสภาแห่งปราชญ์ (Council of Sages)
ที่ประกอบไปด้วยผู้ที่สามารถติดต่อได้โดยตรงกับสิ่งสูงสุดสิ่งนั้น เป็นผู้กำกับดูแลให้ทุกสิ่งทุกอย่าง
เป็นไปตามกฎที่ตั้งขึ้นนี้ หากมีการฝ่าฝืนเกิดขึ้น ก็จะมีการลงโทษ<o></o>
<o></o>

กฎข้อที่ 3:<o></o>

กฎพื้นฐานของทุกๆสรรพสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ก็คือต้องมีความรักต่อทุกๆสรรพสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเช่นกัน

ลำดับของสิ่งที่ถูกสร้าง เรียงจากต่ำไปสูง คือ<o></o>

• แร่ธาตุ <o></o>
• พืชพันธุ์ <o></o>
• สัตว์ <o></o>
• ประชาชน<o></o>
• ดวงดาว<o></o>

<o></o>
กฎข้อที่ 4:<o></o>
<o></o>
การแสดงออกถึงความรักทำได้โดยการพยายามปกป้องไม่ให้สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นทั้งหลายถูกทำลายไป <o></o>

แต่ในกรณีที่จำเป็นสิ่งที่ถูกสร้างที่อยู่ในลำดับที่สูงกว่า ก็สามารถมีสิทธิ์ที่จะปกป้องชีวิตของตัวเอง
โดยการทำลายล้างชีวิตของสิ่งที่ถูกสร้างที่อยู่ในลำดับที่ต่ำกว่าได้

ลำดับดังกล่าวนี้ อยู่ในกฎข้อที่สาม<o></o>

มีเพียงสิ่งสูงสุดเท่านั้นที่จะเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของสิ่งอื่นๆได้
ดังนั้น จึงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆเลยที่จะมีสิทธิ์ฆ่าตัวตาย เพราะจะผิดต่อกฎนี้<o></o>
<o></o>

กฎข้อที่ 5:<o></o>
<o></o>
หน้าที่หลักของทุกๆชีวิต คือการทำงานเพื่อความผาสุกโดยรวมของผู้คนบนดาวเคราะห์นั้นๆ

ทุกๆคนควรจะทำงานเพื่อสังคมให้มากที่สุด เท่าที่คิดว่าจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและต่อพัฒนาการของดวงดาวเท่านั้น
<o></o>
แต่ว่าทุกๆคนก็ได้รับสิทธิ์ที่จะพึงพอใจกับการได้มาซึ่งสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของตนเอง
จากงานที่ทำดังกล่าวนั้นด้วย<o></o>

ทุกๆคนในสังคมมีสิทธิ์และหน้าที่เท่าเทียมกัน และสิทธิ์เหล่านี้ของใครก็ก็ตามจะต้องไม่ถูกละเมิด
หากเขาผู้นั้นไม่ได้ละเมิดกฎข้อใดๆเลย<o></o>
<o></o>

กฎข้อที่ 6:<o></o>
<o></o>
สังคมต้องจัดหาปัจจัยและข้อมูลข่าวสารต่างๆที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่สมาชิกทุกคน
โดยที่ไม่ไปละเมิดสิทธิ์และจำกัดความต้องการของสมาชิกคนอื่นๆ และต้องไม่ละเมิดกฎข้อใดๆเลย<o></o>
<o></o>

กฎข้อที่ 7:<o></o>
<o></o>
ทุกๆคนต้องซื่อสัตย์ต่อผู้ให้กำเนิดของตนเอง ญาติพี่น้องของตนเอง และคนอื่นๆด้วย
และต้องเคารพต่อความคิดเห็นและอิสระภาพของพวกเขาด้วย<o></o>
<o></o>

กฎข้อที่ 8:<o></o>
<o></o>
ห้ามละเมิดในทรัพย์สินของผู้อื่น การถือครองทรัพย์สินใดๆเป็นของส่วนตัว สามารถทำได้
เพียงเพื่อเป็นรางวัลสำหรับผลการทำงานใดๆ หรือเพียงเพื่อเป็นของขวัญสำหรับผลการทำงานใดๆเท่านั้น<o></o>
<o></o>

กฎข้อที่ 9:<o></o>
<o></o>
ห้ามผู้ใดพูดปดต่อกัน ไม่ว่าผลของการไม่พูดปดนั้นจะออกมาอย่างไรก็ตาม<o></o>
<o></o>

กฎข้อที่ 10:<o></o>
<o></o>
ทุกๆคนต้องเคารพการตัดสินใจของสภาแห่งปราชญ์ (The Council of Sages)<o></o>
<o></o>
ไม่มีกฎข้ออื่นๆอีกในดวงดาวที่เจริญแล้วทั้งหลาย กฎพื้นฐานเหล่านี้ใช้ทั่วไปในทุกๆกรณี

การตัดสินจะดำเนินการโดยคณะกรรมการท้องถิ่นของสภาแห่งปราชญ์ ซึ่งถูกเลือกขึ้นมา
ให้ดำรงตำแหน่งอยู่ในระยะเวลาที่กำหนด หากมีข้ออุทธรณ์เกี่ยวกับคำตัดสินของสภาแห่งปราชญ์ ก็สามารถทำได้<o></o>
<o></o>
<o></o>

 

ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ<o></o>
สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)
<o></o>
โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL


ตอนที่ (1-3): อะไรบางอย่างเกี่ยวกับจานบิน<o></o>
<o></o>


(obr022-023)<o></o>
<o></o>
สำหรับพวกท่านทุกคนที่เข้าเรียนในโรงเรียนนี้มานานแล้ว เราอยากจะบอกว่า
เรามีความสุขที่สุดเมื่อได้เห็นชาวโลกให้ความสนใจในผลงานของเราชิ้นนี้ เมื่อชาวโลกค้นหาและวิเคราะห์
และพยายามที่จะทำความเข้าใจประชาชนของเรา จิตวิญญาณของเรา และรวมถึงสิ่งที่เราเป็น
<o></o>
เพราะว่ามีสถานการณ์และปฏิบัติการบางอย่างที่เรากำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการอยู่
เราจึงสามารถให้ข้อมูลท่านได้แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น<o></o>

อย่างที่พวกท่านทราบแล้ว ว่ามีเรื่องเล่าและงานเขียนมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่พวกท่านเรียกว่า “จานบิน”
และประเด็นดังกล่าวนี้ก็ได้รับความสนใจจากผู้มีอำนาจและประชาชนทั่วไปบนโลกมากขึ้นเรื่อยๆ
ชาวโลกไม่ค่อยรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร เพียงแต่รู้ว่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา
ที่มาจากอวกาศอันไกลโพ้นโน้นเท่านั้นเอง<o></o>

เรื่องนี้ได้สร้างความกระวนกระวายให้ชาวโลกต้องมาควานหาข้อเท็จจริงกัน
เพราะว่าชาวโลกยังคงยึดมั่นวิถีการดำรงชีวิตอยู่บนกฎแห่งการฆ่าและการปกป้องตัวเองจากการถูกฆ่า

ตรงนี้เราอยากจะขอยกตัวอย่างที่มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับกฎข้อนี้ให้เห็นสักอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือเราไม่ได้ปกป้องตัวเราเองเลยแม้แต่น้อย ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว
(ตอนที่พระเยซูทรงถูกตรึงกางเขนพระองค์ไม่ได้ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย-Chayutt)
เราได้หันแก้มอีกข้างหนึ่งให้ (ในพระคัมภีร์ไบเบิล พระเยซูสอนมนุษย์ว่า
“ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย” (มัทธิว 5:39)–Chayutt)
<o></o>
แต่อย่างไรก็ตามเพราะว่ามนุษย์ยังยึดติดกับกฎแห่งการฆ่าอยู่ ดังนั้นมนุษย์ส่วนใหญ่จึงมีแนวโน้ม
ที่จะปกป้องตนเองจากการถูกฆ่าโดยสิ่งที่พวกเขาเห็นและไม่รู้จักว่ามันคืออะไร

มนุษย์โลกจะเกิดความหวาดกลัวเมื่อเผชิญกับสิ่งที่ตนเองไม่รู้จัก และก็จะเตรียมพร้อมที่จะปกป้องตนเอง
<o></o>
ด้วยเหตุผลนี้ พวกเราจึงได้สาธิตตัวอย่างอะไรเล็กๆน้อยๆให้รัฐบาลของมนุษย์ในหลายๆประเทศในโลก
ได้ประจักษ์ถึงศักยภาพของพวกเรา ว่าพวกเขาไม่ควรจะพยายามสร้างอะไรขึ้นมา
เพื่อเอาไว้ใช้ปกป้องอันตรายจากพวกเรา เพราะมันจะไม่ได้ผล
<o></o>
ตรงนี้อีกครั้งหนึ่ง พวกเราก็มีกฎของพวกเรา แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าขบขัน
ที่ในเมื่อพวกเราเองไม่เคยมีเจตนาที่จะมาโจมตีอะไรมนุษย์เลย มนุษย์ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำอะไรพวกเราได้

และเพราะว่าพวกเรามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่ามนุษย์มากมายนัก
ดังนั้น พวกเราจึงสามารถควบคุมความรู้ทางกายภาพของมนุษย์เมื่อไหร่ก็ได้
ตามที่พวกเราเห็นสมควรว่ามันเหมาะสมกับปฏิบัติการของมนุษย์

พวกเราสามารถเร่งปฏิบัติการนั้นให้เร็วขึ้นได้หากมันจะส่งผลให้บรรลุอะไรบางอย่าง
เช่น พวกเราสามารถเร่งการทำงานของมอเตอร์ให้เร็วขึ้นจนกระทั่งถึงขีดที่มันจะไหม้ได้
และพวกเรายังสามารถใช้วิธีอื่นๆได้อีกสารพัดวิธี ที่จะหยุดการทำงานของมันโดยที่ไม่ให้เกิดการชำรุดเสียหายเลย
<o></o>
(ยังมีต่อครับ)<o></o>

 

ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ<o></o>
สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)
<o></o>
โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL


ตอนที่ (1-3): อะไรบางอย่างเกี่ยวกับจานบิน (ต่อ)<o></o>


(obr1048)
<o></o>
พวกท่านคงเคยได้ยินเหตุการณ์จริงบางอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกามาบ้างแล้ว
ซึ่งนี่น่าจะเป็นหลักฐานที่ดีชิ้นหนึ่งของสิ่งที่เราได้กล่าวมาแล้ว รัฐบาลอเมริกันได้ตระหนัก
ถึงความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี ว่าเหตุการณ์นั้นมันเป็นฝีมือของพวกเราเอง
และเพราะด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงได้ให้ความสำคัญกับพวกเราด้วยความจริงจังมากๆ
<o></o>
เรากำลังพูดถึงตัวอย่างของเหตุการณ์ที่ “หยุดชะงักการทำงาน” หรือ “ไม่สามารถควบคุมได้”
ของอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการที่พวกเราทำให้ฐานปล่อยจรวดทำงานไม่ได้โดยสิ้นเชิง
มีคนไม่มากนักที่รู้เรื่องนี้ เพราะเรื่องแบบนี้จะถูกเก็บเป็นความลับสุดยอดทางการทหารไป<o></o>

แต่อย่างไรก็ตามขีปนาวุธของจรวดลูกไหนๆก็จะไม่สามารถถูกปล่อยออกไปได้เลย
ถ้ามันไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของพวกเรา
<o></o>
นี่เป็นเพียงการสาธิตให้เห็นถึงความสามารถของพวกเราเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

แต่อย่าเข้าใจว่ามันได้เกิดขึ้นเฉพาะในอเมริกาเท่านั้น เรื่องแบบนี้ยังเกิดขึ้นในประเทศจีนและสหภาพโซเวียตอีกด้วย<o></o>

ทั้งหมดนี้เป็นไปตามกระบวนการที่เรายึดถืออยู่ และจำเป็นต้องยึดถือด้วย

เมื่อพวกเราได้โชว์ให้เห็นถึงความสามารถของพวกเราแล้ว มนุษย์ต้องมีทางเลือกของตัวเอง
และก็ได้มีมาตลอดแล้วด้วย ทางเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทางเดินและโยนทิ้งกฎแห่งการฆ่าไปเสีย
สิ่งที่อยากจะพูดก็คือมนุษย์มีอิสระภาพของตัวเองที่จะเลือกที่จะไม่จุดชนวนสงคราม
<o></o>
ความพยายามต่างๆล้วนไร้ประโยชน์มาโดยตลอด และก็จะยังคงไร้ประโยชน์อยู่ต่อไป
และพวกเราก็รู้ว่ามันจะไร้ประโยชน์ สิ่งที่อยากจะพูดก็คือ พวกเราไม่สามารถหยุดยั้งการฆ่าฟันกันเองของมนุษย์ได้

แต่ในทางกลับกัน การแสดงให้มนุษย์เห็นถึงความสามารถของพวกเรากลับส่งผลไปในทางอื่นๆ
คือมันทำให้มนุษย์ได้คิดและเป็นแนวคิดในเส้นทางใหม่ๆ เพื่อที่จะค้นหาว่าแรงกระทำอะไรที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นได้
<o></o>
พวกเขามาถึงจุดที่ได้ข้อสรุปมานานแล้วว่า มนุษย์ไม่ได้ฉลาดปราดเปรื่องอย่างที่มนุษย์เชื่อว่าตัวเองเป็นเลยแม้แต่น้อย

แต่เพราะว่ารูปธรรมชีวิตเหล่านั้น ดำรงอยู่ในระดับขั้นที่สูงกว่ามนุษย์มากมายนัก
ด้วยเหตุนี้เองความคิดของพวกเขาจึงนำพาพวกเขามุ่งแต่จะไปสู่การเป็นรูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญา
รูปแบบอื่นที่สูงยิ่งๆกว่าขึ้นไป นั่นคือ แนวความคิดแบบพระคริสต์และพระผู้เป็นเจ้า<o></o>

แต่หากพิจารณาถึงความต้องการที่สำคัญที่สุดของพวกเขาแล้ว จะพบว่าความพยายามต่างๆ
ของพวกเราล้วนเปล่าประโยชน์ และพวกเราก็รู้ว่ามันจะไร้ประโยชน์

แต่อย่างไรก็ตาม “กฎ” ก็จะต้องเป็น “กฎ” ซึ่งมันถูกยึดถือมานานแล้ว และจะยังคงยึดถืออยู่ต่อไป
(กฎในที่นี้หมายถึงกฎที่พวกเขายึดถืออยู่ทั้ง 10 ข้อ –Chayutt)

แม้ว่าจะต้องเสี่ยงต่อการคงอยู่ของเส้นทางแห่งเหตุการณ์และปฏิบัติการนี้ก็ตามที
<o></o>
พอพูดถึงสิ่งที่พวกท่านเรียกมันว่า “จานบิน” แล้วนี่ ทำให้พวกเราขบขันยิ่งนัก
เวลาที่สังเกตเห็นอาการตอบสนองของชาวโลก ที่แสดงความคิดเห็นและผลการสังเกตการณ์
ของพวกเขาต่อพวกเราและลักษณะการบินของพวกเรา บางครั้งพวกเราก็ยิ้มเล็กน้อย
เมื่อบินผ่านพื้นที่หรือมหาสมุทรที่มีมนุษย์พบเห็นพวกเราเข้าพอดี ในกลุ่มพวกเราบางคน
ก็อดที่จะหยอกเย้ามนุษย์เล่นเล็กๆน้อยๆไม่ได้ ดังนั้น พวกท่านจึงสังเกตเห็นสิ่งแปลกๆมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้
<o></o>
ตอนนี้พวกท่านขบคิดเกี่ยวกับเรื่องจานบินนี้ค่อนข้างมากเกินไปแล้ว แต่ก็คงไม่นานหรอก
เพราะเดี๋ยวพวกท่านก็จะได้เห็นมันด้วยตาตัวเองแล้ว

แต่ยังไงเสีย เราก็อาจจะพอบอกท่านได้บ้างว่า พวกเราใช้โลหะผสมชนิดที่มีคุณภาพด้านความถี่
ที่พิเศษมากๆในอุปกรณ์ทุกชิ้นในจานบินของพวกเรา ถ้าพวกเราใช้เหล็กอย่างของพวกท่านทำ
มันจะเกิดอาการอ่อนล้าจากโลหะ? (Metal-fatigued) อย่างรวดเร็ว

<o></o>
(obr4090)
<o></o>
โลหะผสมของพวกเรามันสามารถทนทานต่ออุณหภูมิที่สูงมากๆและทนทานต่อการทำให้เย็นตัวลงอย่างรวดเร็วได้
โดยไม่เกิดความเสียหายเลย<o></o>

เราได้กล่าวแล้วว่า พวกเราคือทวิภาค เราได้กล่าวแล้วว่าพวกเราเป็นทั้งวัตถุธาตุทางกายภาพ
และจิตวิญญาณในขณะเดียวกัน พวกเราสามารถที่จะแปลงร่างตัวเองให้เป็นได้ทั้งสองทาง

ซึ่งเรื่องนี้มันยากที่จะอธิบายให้ชาวโลกเข้าใจได้ แต่เมื่อเราบอกท่านว่าเราคือสิ่งที่เป็นวัตถุธาตุที่จับต้องได้
มันก็ห้ามท่านไม่ได้ที่จะไม่ให้ท่านไปบอกคนอื่นๆต่อว่าเราคือสิ่งที่เป็นวัตถุธาตุทางกายภาพ
<o></o>
(ยังมีต่อครับ)<o></o>

 

ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ<o></o>
สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)
<o></o>
โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL


ตอนที่ (1-3): อะไรบางอย่างเกี่ยวกับจานบิน (ต่อ)<o></o>

..มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะบินไปติดต่อกับมนุษย์โลกคนใดคนหนึ่ง
โดยที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมให้กับมนุษย์คนนั้นก่อน เรายังไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อนเลย
ยังไม่เคยมีมนุษย์โลกคนไหนที่ติดต่อกับพวกเราโดยไม่ได้ถูกเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าเป็นเวลานานมาก่อนเลย
เพราะว่าพวกเราได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับประชาชนของพวกเราเองเท่านั้น ซึ่งเราได้บอกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว

<o></o>

(obr4094-1)
<o></o>
คำบรรยายภาพ:
<o></o>
ภาพวาดเหตุการณ์ที่ นาย George Adamski พบกับรูปธรรมชีวิตต่างพิภพ ในทศวรรษที่ 50
ของศตวรรษที่ 20 ภาพนี้วาดตามคำบอกเล่าของ Adamski เอง พร้อมด้วยภาพถ่ายและวีดีโอประกอบอีกมากมาย

<o></o>
(obr4096)
<o></o>
คำบรรยายภาพ:
<o></o>
ภาพวาดเหตุการณ์ที่มนุษย์โลกพบกับรูปธรรมชีวิตต่างพิภพในยานอวกาศของพวกเขา
ในศตวรรษที่ 20 ในยานจะมีผนังที่เป็นจอภาพและกำลังฉายให้เห็นสถานการณ์ปัจจุบันของมนุษย์บนโลกอยู่ <o></o>

แผงควบคุมและหน้าต่างที่กำลังเปิดอยู่ของยานสามารถมองเห็นได้ในฉากหลังของภาพนี้

ภาพนี้วาดตามคำบอกเล่าของ Adamski เอง พร้อมด้วยภาพถ่ายและวีดีโอประกอบอีกมากมาย<o></o>
<o></o>
..ตัวอย่างเช่น พวกเราจะไม่สามารถติดต่อกับ Adamski ได้ถ้าหากเขาเป็นเพียงมนุษย์โลกธรรมดาๆ
คนหนึ่งเท่านั้น Adamski มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เหมือนกับชาวโลกคนอื่นๆทั่วไป
แต่เขาเป็นชาวโลกอีกประเภทหนึ่งซึ่งแตกต่างจากชาวโลกทั่วๆไป เพราะเขาคือประชาชน
ของพวกเราที่อาสาลงมาเกิดบนโลกใบนี้

มันก็เป็นเรื่องน่าขบขันเหมือนกันนะ ที่บนโลกมนุษย์ของท่านมีคำกล่าว (แบบประชด?-Chayutt)
ที่ว่า “เขาคงจะดีเกินไปสำหรับโลกใบนี้” ชาวโลกจะประหลาดใจ ถ้าได้รู้ความจริงว่า
มันเป็นเช่นนั้นจริงๆสำหรับหลายๆกรณี
<o></o>
พูดถึง Adamski เราสามารถบอกได้ว่า โดยส่วนตัวแล้วเขาคือเพื่อนของเรา
ความเป็นเพื่อนของพวกเราแน่นแฟ้นมานานแสนนานแล้ว แม้กระทั่งบัดนี้ พวกเราเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก
<o></o>
Adamski ถูกพวกเราใช้ให้มาเป็น “เครื่องมือ” บนโลกมนุษย์นี้ และพวกเราก็ยังคงนับเขาเป็นพวกเราอยู่
แม้ว่าเขาจะลงมาเกิดที่โลกใบนี้แล้วก็ตาม

ดังนั้นข้อความของเขาเรื่อง “The Message to Mankind” ที่กล่าวถึงเรื่องต่างๆอย่างกว้างขวางจึงมีนัยสำคัญมากๆ
<o></o>
เป็นความจริงที่สำนักวาติกันก็ได้รับคำแนะนำ แต่ว่าไม่ใช่เฉพาะสำนักวาติกันหรอกนะ
ถ้าท่านเชื่อในความลับบางอย่างของชาวรัสเซีย ท่านกำลังเข้าใจผิดแล้ว เพราะว่าพวกเขาไม่ได้บอกท่านว่า
พวกเขาได้อ่านหนังสือของ Adamski พวกเขาจึงได้ส่งคนมาติดต่อกับ Adamski ซึ่ง Adamski เอง
ก็รู้ว่าได้ติดต่อกับใครอยู่และก็รู้ว่าความรู้ของเขาถูกนำไปใช้ในรัสเซียแล้ว
<o></o>
Adamski ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับจานบินเอาไว้มาก และเขาก็รู้เรื่องมากซะด้วย
เขาได้ให้มุมมองในอนาคตข้างหน้าแก่ชาวโลก ด้วยงานเขียนของเขา เขาได้เตรียมชาวโลก
ให้พร้อมรับกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เขาได้ชี้ประเด็นที่มนุษย์ยังไม่เคยรู้มาก่อนให้รู้
แต่ว่าแม้แต่ตัว Adamski เองก็ไม่ทราบถึงจุดสิ้นสุดของสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน เขาไม่ได้บอกให้ชาวโลก
ตระหนักว่าหลังจากที่มีจานบินมายังโลกนี้แล้วมันจะมีอะไรเกิดขึ้นตามมาอีก
<o></o>
Adamski เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้รับประสบการณ์ของการมาเกิดในอีกรูปแบบหนึ่ง
ในฐานะมนุษย์โลกธรรมดาคนหนึ่ง ในร่างกายเนื้อ แต่เขาก็ได้รับการเปิดเผยให้เห็นดาวเคราะห์ดวงอื่นๆด้วย
<o></o>
Adamski ไม่ใช่บุคคลคนเดียวที่ได้รับการติดต่อ พวกเราได้มอบหมายภารกิจเฉพาะให้แก่ Adamski
ดังนั้นเขาจึงอาจจะเป็นที่รู้จักมากกว่าคนอื่นๆที่ทำงานโดยไม่ได้เปิดเผยตัว
<o></o>
ผู้ที่ได้รับการติดต่อจะถูกคัดเลือกเอาไว้ก่อนแล้วอย่างพิถีพิถันตามขั้นตอนที่กำหนดไว้
ด้วยเหตุนี้งานของพวกเขาจึงถูกกำหนดขอบเขตเอาไว้ล่วงหน้าแล้วด้วยเช่นกัน
<o></o>
เราสามารถตอบได้อย่างชัดเจนเลยว่า Orthon ที่ Adamski พบนั้นคือเราเอง
แต่เพราะว่าที่ Adamski เห็นนั้นมีรูปธรรมทางกายภาพไม่เหมือนเรา ดังนั้น Adamski จึงคิดว่าไม่ใช่เรา (พระเยซูคริสต์)

รูปธรรม Orthon ที่ถูกส่งลงไปพบกับ Adamski บนโลกนั้น เพื่อไปสร้างการติดต่อชั่วคราว
ก็คือเราเอง เราคือผู้ดำเนินการและรับผิดชอบภารกิจนี้แต่เพียงผู้เดียว

<o></o>
(ข้อความตอนสุดท้ายนี้ถูก Sensor โดยผมเองครับ เพราะผมเดาว่าเนื้อหาบางส่วนในหนังสือเล่มนี้ถูกยัดไส้ด้วยองค์กรทางศาสนาของบางศาสนา
เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของศาสนาตนเอง<o></o>

ใครอยากอ่าน PM มาขอได้นะครับ แต่ห้ามแสดงความคิดเห็นตอบกลับมา หรือเอาไปโพสต์ลงที่ไหนเด็ดขาดนะครับ
ถ้าท่านสนใจและคิดว่าทำตามคำขอร้องของผมได้ มาเลยครับ - Chayutt)<o></o>

 

ใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง "The Day The Earth Stood Still" มาบ้างครับ

จำได้ไหม๊ว่าพระเอกลงมาที่โลกนี้ทำไม

เขาบอกว่าเขาลงมาเพื่อ "ปกป้องโลกนี้" ไม่ได้มาปกป้องมนุษย์แต่อย่างใด

เพราะตามลำดับความสำคัญตามกฎข้อที่สามนี้แล้ว "โลก" มีความสำคัญมากกว่า "มนุษย์"
ดังนั้นเขาจึงมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะทำทุกอย่างเพื่อรักษา "โลก" เอาไว้ แม้ว่า "มนุษย์" จะต้องตายก็ตาม

อ้างถึง..

กฎข้อที่ 3:<o></o>
<o></o>

กฎพื้นฐานของทุกๆสรรพสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ก็คือต้องมีความรักต่อทุกๆสรรพสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเช่นกัน

ลำดับของสิ่งที่ถูกสร้าง เรียงจากต่ำไปสูง คือ<o></o>

• แร่ธาตุ <o></o>
• พืชพันธุ์ <o></o>
• สัตว์<o></o>
• ประชาชน<o></o>
• ดวงดาว<o></o>

<o>
</o>

 

ที่มา : http://palungjit.org/threads/มีการตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว-กระบวนการเริ่มต้นไปแล้ว.178081/

มีการตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว..กระบวนการเริ่มต้นไปแล้ว<!-- google_ad_section_end -->

<hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
<!-- google_ad_section_start -->
H : กรุณาบอกกับฉัน..ทำไมคุณถึงมาที่ดาวของเรา


A : ดาวของคุณหรือ?..
<o></o>

H : ใช่...นี่คือดาวของเรา
<o></o>

A : ไม่...มันไม่ใช่..



<!-- google_ad_section_end -->

<fieldset class="fieldset"><legend>รูปขนาดเล็ก</legend>

</fieldset>

 

ที่มา : http://palungjit.org/threads/มีการตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว-กระบวนการเริ่มต้นไปแล้ว.178081/

มีการตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว..กระบวนการเริ่มต้นไปแล้ว



H : ฉันต้องรู้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นนะ<o></o>
<o></o>
A : ดาวดวงนี้กำลังจะตาย เผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังจะฆ่ามัน
<o></o>
H : คุณจึงมาที่นี่เพื่อจะช่วยเรา
<o></o>
A : เปล่า.. ไม่ใช่เลย
<o></o>
H : ไหนคุณบอกว่าคุณมาที่นี่เพื่อมาช่วยเราไง
<o></o>
A : ผมพูดว่า... ผมมาเพื่อช่วยโลก
<o></o>
H : คุณมาเพื่อช่วยโลกนี้.. จากมนุษย์..คุณมาช่วยโลกจากการทำลาย..ของมนุษย์
<o></o>
A : เราไม่สามารถเสี่ยงเพื่อความอยู่รอดของดาวดวง เพื่อสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียว
<o></o>
H : หมายความว่าอะไร?
<o></o>
A : ถ้าหากโลกตาย มนุษย์ก็ตาย.. ถ้าหากมนุษย์ตาย โลกนี้ก็จะอยู่รอด
ในจักรวาลมีดวงดาวเพียงหยิบมือที่ใช้เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้
<o></o>
H : ไม่... คุณทำแบบนี้ไม่ได้
<o></o>
A : ดาวดวงนี้ ไม่ได้รับอนุญาตให้ถูกทำลาย
<o></o>
H : เราเปลี่ยนแปลงได้ เราเปลี่ยนทุกอย่างให้กลับมาดีได้นะ
<o></o>
A : ที่ผ่านมา เราเฝ้ารอ และหวังว่าพวกคุณจะเปลี่ยนมัน
<o></o>


H : ได้โปรด ได้โปรด
<o></o>
A : มันมาถึงจุดวิกฤติแล้ว เราต้องลงมือ
<o></o>
H : ได้โปรด..
<o></o>
A : เราจะแก้ไขความเสียหายที่คุณทำไว้ และให้โลกเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
<o></o>
H : อย่าทำอย่างนี้..ได้โปรด..เราเปลี่ยนได้..เราเปลี่ยนได้
<o></o>
A : มีการตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว..กระบวนการเริ่มต้นไปแล้ว
<o></o>
H : โอ้..พระเจ้า..

<!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end -->

 

H : มันต้องมีทางเลือกอย่างอื่น..คุณน่าจะมีเทคโนโลยีที่แก้ปัญหาให้เราได้

A : ปัญหาของคุณไม่ใช่เทคโนโลยี...ปัญหาก็คือตัวคุณ..คุณขาดจิตสำนึกที่จะเปลี่ยน
<o></o>
H : งั้น..คุณก็ช่วยเราเปลี่ยนสิ
<o></o>
A : ผมไม่อาจเปลี่ยนธรรมชาติของคุณ..คุณทำต่อโลก..เหมือนที่ทำต่อมนุษย์ด้วยกัน
<o></o>
H : แต่ไม่ว่าอารยะธรรมใด..ก็ต้องถึงจุดวิกฤติ..ในท้ายที่สุด
<o></o>
A : ส่วนใหญ่ไม่อาจอยู่รอดได้
<o></o>
H : แต่คุณรอดได้...ยังไง?
<o></o>
A : เมื่อดวงอาทิตย์ของเราใกล้ถึงจุดแตกดับ..เราจึงวิวัฒน์ตัวเองเพื่อความอยู่รอด
<o></o>
H : แสดงว่าเมื่อโลกของคุณถูกทำลาย..คุณจึงกลายมาเป็น..อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
<o></o>
A : ใช่..
<o></o>

H : เราอยู่ในจุดนั้นแล้ว..เราอยู่ในจุดที่หมิ่นเหม่ต่อการถูกทำลาย..
..คุณพูดถูก..เมื่ออยู่ในจุดที่หมิ่นเหม่เท่านั้น..
..คนถึงจะมีสำนึกที่จะเปลี่ยนตัวเอง..
..เมื่ออยู่บนปากเหวเท่านั้น..เราจึงจะวิวัฒน์..
..นี่คือโอกาสของเรา..อย่าเพิ่งเอามันไปจากเรา..
..เราใกล้จะได้คำตอบแล้ว..

..

 

A : มนุษย์ยังมีอีกด้านหนึ่ง...ผมรู้สึกได้แล้ว
<o></o>
H : มันจะจบ..ยังงั้นเหรอ?
<o></o>
A : ใช่..
<o></o>
H : คุณหยุดมันไม่ได้เหรอ?
<o></o>
A : ผมไม่รู้...มีราคาที่คุณต้องจ่าย...คุณ..และวิถีชีวิตคุณ



H : แต่เราเปลี่ยนได้..ตอนนี้คุณก็รู้แล้ว..ได้โปรด..ได้โปรดให้โอกาสเราสักครั้งเถอะ
<o>
</o>


A :...ผมจะพยายาม.....

 

ที่มา : http://jitjakkravan.blogspot.com/

การชำระโลก




คือ การเก็บกวาดทำความสะอาดระบบโลก ในลักษณะของภัยพิบัติที่รุนแรงและโรคร้ายต่างๆ
ที่มนุษย์จะต้องแลกกับความทุกข์ยาก ความสูญเสีย ความตื่นกลัว ความเศร้าหมอง และความเจ็บปวด
ครั้งที่รุนแรงที่สุดในชีวิต ไม่ช้าก็เร็ว ซึ่งนับแต่นี้ไปเหตุการณ์ร้ายๆต่างๆจะค่อยๆคืบคลานทยอยกัน
เข้ามาใกล้ตัวมนุษย์แต่ละคนมากขึ้นเรื่อยๆ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ และทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย
จนในที่สุดมนุษย์แต่ละคนจะต้องตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์ต่างๆนั้นด้วยตนเองทั้งสิ้น
ไม่มีผู้ใดจะได้รับการยกเว้นเลย ใครจะรอดหรือไม่รอดอย่างไร คือ หนทางเดียวที่เป็นทางเลือกของมนุษย์แต่ละคน

” การชำระโลก คือ การเก็บกวาดทำความสะอาดทุกสรรพสิ่งที่เป็นขยะในระบบโลก อันหมายถึง
มวลมนุษย์เองด้วย เพื่อปรับความสมดุลของโลกทั้งระบบครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหกหมื่นปีโลก

ผู้ที่จะรอดชีวิตได้ จะต้องเป็นผู้มีจิตสำนึกที่สมดุล เป็นมนุษย์ที่สมดุล เป็นผู้มีปณิธานแห่งนิพพาน
เป็นผู้เข้าถึงสัจธรรมสูงสุดด้วยปัญญาญาณของตนเองได้ และจะต้องเป็นผู้ประพฤติธรรม
ที่มีรหัสผลกรรมในรูปของอนุภาคประจุไฟฟ้าลบอยู่ภายในระบบร่างกายตนเองไม่เกิน 30% อีกด้วย



เขียนโดย แนวคิดและคำข้อมูลของจิตรจักรวาล ที่ <A class=timestamp-link title="permanent link" onclick="pageTracker._trackPageview ('/outgoing/http_jitjakkravan_blogspot_com_2007_06_blog_post_501_html');" href="http://jitjakkravan.blogspot.com/2007/06/blog-post_501.html" rel=bookmark><ABBR class=published title=2007-06-14T00:51:00-07:00>12:51 ก่อนเที่ยง</ABBR> 0 ความคิดเห็น <!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

 

ที่มา : ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

<TABLE class=tborder id=post660950 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">19-08-2007, 02:11 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#54 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>สุดใจเขากะลา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_660950", true); </SCRIPT>
ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

วันที่สมัคร: Aug 2007
อายุ: 51
ข้อความ: 1,255
<IF condition="">
</IF>พลังการให้คะแนน: 1048



</TD><TD class=alt1 id=td_post_660950 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">
•- เรื่องของภัยพิบัติเป็นเรื่องใหญ่ จะเห็นได้ว่า จิตวิญญาณชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นพระปฏิบัติที่ท่านละสังขารไปแล้ว เทวดา เทพ พรหม จิตจักรวาล หรือมนุษย์ต่างดาว ก็สื่อสารผ่านร่างมนุษย์ทั้งสิ้น ในหลายท่าน หลายกลุ่ม หลายสำนักปฏิบัติ จุดประสงค์ก็เพื่อช่วยเหลือ เรื่องของภัยพิบัติเหมือนกัน จะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม รูปแบบการเตือน รูปแบบการเตรียมการ รูปแบบการเร่งปฏิบัติจิต ล้วนเป็นรูปแบบเพื่อเตรียมรับกับภัยพิบัติ ในกาลข้างหน้าทั้งสิ้น
<DIR>“ เหมือนเราไปเที่ยวงานวัด ภายในงานวัดนั้น มีมหรสพมากมาย ไม่ว่าคนที่เล่นลิเก คนที่ฉายหนัง </DIR><DIR>คนที่ขายลูกชิ้น คนขายลูกโป่ง คนขายของเล่น หรือคนที่ไปเดินเที่ยวในงานนั้น </DIR><DIR>ต่างก็อยู่ในงานเดียวกัน แต่ทำหน้าที่ต่างกัน”

-ดังนั้นเรื่องของ “ภัยพิบัติ” จึงมีหลายหลายหน้าที่ หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะรวมกลุ่มปฏิบัติธรรม
เพื่อยกระดับจิตใจ เตรียมการเรื่องสถานที่หลบภัย เตรียมอุปกรณ์ในกรณีฉุกเฉิน
เผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อต่าง ๆ หรือผ่านข้อมูลรับข่าวสารเรื่องการเตือนภัย ทั้งหมดล้วนเป็นงานเดียวกัน
แต่คนละภารกิจเท่านั้นเอง

- มนุษย์ต่างดาวกล่าวว่า จึงไม่มีคำว่าผิด หรือถูก ในการปฏิบัติ การเตรียมการของแต่ละกลุ่ม
ให้มองว่าสิ่งที่กลุ่มต่าง ๆ ปฏิบัตินั้น ถูกต้องตามหน้าที่ของเขา เราก็ทำไปตามหน้าที่ของเรา
งานนี้จึงจะลุล่วงไปได้ด้วยดี ...... “อย่าได้นำไปเปรียบเทียบกันเด็ดขาด เพราะเป็นคนละหน้าที่กัน”
(คำที่มนุษย์ต่างดาวกำชับไว้)

- จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ทำงานเรื่องของภัยพิบัติมาตั้งแต่ต้น แม้ในขณะนี้ท่านก็ยังทำอยู่
แต่อาจเป็นรูปแบบที่เรานึกไม่ถึงก็เป็นได้

- มี 3 ข้อ ที่มนุษย์ต่างดาวบอกไว้หลายปีก่อน ก็คือ

- เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
- อะไรก็เกิดขึ้นได้
- อย่าตีกรอบ

- ในโอกาสข้างหน้า จะนำคำเหล่านี้มาอธิบายให้ฟังค่ะ


</DIR>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

H1 : เราหนีทำไม..เราควรจะปักหลักสู้

H2 : เขาไม่ได้มาทำร้ายเรา

H1 : ยังไงเราก็ควรฆ่าพวกเขา..เอาชัวร์ไว้ก่อน

H2 : อย่าพูดแบบนี้นะ

H1 : พ่อผมก็คงทำแบบนั้น

H2 : ฉันว่า..พ่อเธอคงต้องหาวิธีอื่น

H1 : พ่อต้องสู้แน่

H2 : ฉันว่าฉันรู้จักเขาดี

H1 : ผมก็รู้จักเขา..นานกว่าคุณอีก



H1 : แล้วคุณคิดว่าไง?

A : คิดเรื่องอะไร

H1 : คุณคิดว่าเราควรจะหนี..หรืออยู่เพื่อต่อสู้

A : ไม่ทั้งสองอย่าง

H1 : แล้วเราควรทำไง

A : ไม่มีอะไรที่เธอทำได้..


......<O</O<!-- google_ad_section_end -->

 

คิดว่า คุณชยุตมาถูกทางแล้วล่ะคะ เพราะเนื้อหาที่แปล ล้วนแล้วแต่ให้มนุษย์คิดในแง่บวก


และคลื่นกระแสบวก จะเหนี่ยวนำ สลายพลังลบ ในเชิงวิทยาศาสตร์ บวกดึงดูดบวก และบวกจะสลายลบ ถ้าบวกมากพอ


และนอกจากนี้เนื้อหายังให้ทัศนคติเกี่ยวกับพลังแห่งแสงสว่าง ซึ่งอ่านแล้วประทับใจมากเลยค่ะ กับบทความเหล่านี้ เชื่อไหมคะว่า ติดตามอ่านตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย แม้จะออกแนวแฟนตาซีไปหน่อย

หลังจากอ่านบทความต่างๆ ทำความเข้าใจ มันทำให้เราเปลี่ยนความคิดได้จริงๆ ความคิดจิตสำนึกและความเชื่อในสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง จะนำพาให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปในทางดีได้


เราเปลี่ยนโลกทั้งใบไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนโลกในจิตวิญญาณ(จิตสำนึก)ภายในของเราได้ค่ะ

 

โอ้..พระเจ้าจอร์จ!!

ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดีๆอีกแหล่งหนึ่ง
ได้ไปดูคร่าวๆ และแอบ save เก็บไว้แล้วครับ เดี๋ยวจะรีบหาเวลามาอ่าน แล้วจะมาโพสต์ตอบให้นะครับ

ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไงครับ พอนึกถึงตรงนี้ทีไรก็อดนึกถึงคำพูดของพี่คนหนึ่งไม่ได้

พี่คนที่ว่านี้เขาเป็นคนใน "ระบบ" เหมือนกับผมนี่แหละ เขาใช้ชื่อในเวปว่า "ufo No.356"
ซึ่งตอนนี้พี่เขายังอยู่ที่ต่างประเทศครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นประเทศอิตาลี่หรือเปล่านะ

ประมาณเดือนหนึ่งที่ผ่านมานี่ ตอนที่ผมกำลังไม่สบายอยู่ ผมได้โพสต์ในกระทู้เขากะลาไปว่า
ขอให้ผู้ที่มีญาณรักษาโรคช่วยส่งพลังมารักษาผมหน่อย ก็ปรากฎว่าพี่เขาโทรทางไกลมาหาผม
ซึ่งผมเองก็อยู่ที่เวียดนาม และตอนสุดท้ายพี่เขาบอกว่า "รู้สึกว่าคุณชยุตเร็วๆนี้จะมีงานเข้านะ"

ว่างั้นนะครับ ผมก็ไม่ได้คิดอะไร รู้แต่ว่ารอว่างานอะไรจะเข้านะ ตื่นเต้น ไม่กลัวเลย ชอบด้วยซ้ำ
และที่รอก็เพราะว่า พวกคนในระบบนี่ เป็นพวก สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านดีนัก อยู่แล้ว
อะไรที่คนธรรมดาเขาไม่รู้คนพวกนี้ก็ชอบไปแอบรู้อยู่เรื่อยว่างั้นเถอะ

พอถึงเวลาจริงๆ ก็ปรากฎว่า "งานเข้า" จริงๆครับพี่น้อง คือได้มาตั้งกระทู้นี้ไงครับ

ว่าจะไม่โพสต์ก็ไม่ได้ครับ ไอ้เจ้าความฝันนี่ จะไม่ยอมเลยทีเดียว พวกก็จะมาปรากฎในฝันอยู่นั่นแหละ

เอ๊า!! โพสต์ก็โพสต์วะ ว่างั้นนะ

และก็..จริงๆแล้วยังไม่ค่อยอยากเล่าให้ฟังสักเท่าไหร่นัก กะว่าเอาไว้ให้รวบรวมได้เยอะๆก่อน ค่อยมาเล่าทีเดียว

แต่พอดีได้เกริ่นมาแล้ว ก็เลยว่าจะเล่าซะเลยครับ

มันเกี่ยวกับความฝันนี่แหละ ถ้าฝันแล้ว ฝันเลย ลืมๆไปก็จะไม่มีอะไรต้องเอามาเล่าสักเท่าไหร่หรอกครับ

แต่ผม..คือ..เป็นพวก "สายฝัน" หนะครับ ที่จะฝันหาอยู่หากิน เรียกว่าเป็นอาชีพได้เลยกระมัง

นอนหลับไปวันๆไม่มีอะไรหรอก "ฝัน" ครับ เป็นเรื่องเป็นราว เป็นตุ เป็นตะ

หลังจากที่ได้โพสต์กระทู้นี้ไม่นาน เมื่อคืนก่อน และ เมื่อคืนนี้ ก็ดูท่า "พวก" จะรู้แล้ว

คือพวกที่เรากำลังพูดถึงเขาอยู่นี่แหละครับ ดูท่าทางจะรู้แล้ว เลยลงมาเยี่ยมซะหน่อย

เมื่อคืนก่อนฝันไปว่า อยู่ในศาลาไม้เก่าหลังหนึ่ง ซึ่งมีอยู่ 2 ห้อง ห้องใหญ่กับห้องเล็ก
ในฝัน ผมเห็นมีพระผู้ใหญ่หลายรูปมาเดินทางมาชุมนุมอะไรกันก็ไม่รู้อยู่ห้องด้านนอก
ส่วนผมกำลังนั่งทำอะไรอยู่ไม่รู้อยู่ห้องด้านใน สักพักก็มีพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง เข้ามากวักมือเรียก
บอกว่า "เอ๊า เณร มานี่" ผมก็เลยบอกว่า "ผมไม่ใช่เณรแล้ว ตอนนี้ผมเป็นพระแล้ว" ว่างั้นนะครับ
เพราะในฝันตอนนั้นผมอยู่ในผ้าเหลืองอยู่ ท่านก็ไม่ว่าอะไรต่อ ผมก็เดินไปหาท่าน

ท่านก็ถามผมว่าพักนี้มีอะไรติดขัดบ้างหรือเปล่า ผมก็เลยบอกว่า "มีครับ ตอนนี้กำลังเจ็บคออยู่"

คือในตอนตื่นจริงๆก็กำลังเจ็บคออยู่ ต่อมทอนซิลอักเสบอยู่ เป็นมาหลายวันแล้วครับ
ท่านก็ว่า "ไหนลองดูซิ" แล้วท่านก็เอามือมาจับที่คอผม ที่กำลังบวมๆอยู่นั่นแหละ
แล้วท่านก็ว่า "อ๋อ..พวกพ่อค้าขายปลา 4-5 คนหนะ" (ไม่ค่อยชัวร์นะ แต่พ่อค้านี่แหละ)
จากนั้นท่านก็เงียบไป แต่มือท่านยังจับที่คอผมอยู่ สักพักแล้วท่านก็ถามว่าเป็นไงบ้าง

ก็พอดีความรู้สึกผมเริ่มกลับมาที่กึ่งหลับ กึ่งตื่น ผมก็จับความรู้สึกดูว่าคอเป็นไง ก็ดูเหมือนจะหายเจ็บแล้วนะ
แล้วผมก็เลยตื่นขึ้นมาจริงๆ

ตอนเช้ามา จนกระทั่งเดี่ยวนี้ อาการเจ็บคอ หายไปเลยจริงๆครับพี่น้อง นี่ผมเองก็ยังงงอยู่เลยนะเนี่ย
ว่าเป็นไปได้ยังไง ยาแก้เจ็บคอ แก้อักเสบอะไรก็ไม่ได้กินเลย แต่ก้ชั่งเถอะ ดีแล้วที่หาย

อันนี้เป้นแค่ตัวอย่างแค่เรื่องเดียวนะครับ เดี๋ยววันหลังจะมาเล่าอีกครับ

สรุปว่า หลังจากที่ได้ช่วย "พวกเขา" ทำงานโดยการเผยแพร่ข้อมุลพวกนี้แล้ว ก้รู้สึกว่า
"พวกเขา" ก็จะแอบมาดูแลเราอยู่เหมือนกันนะ แหนะ เมื่อคืนนี้ ก็ยังรู้สึกว่ามาตรวจร่างกายให้ด้วย
ตอนครึ่งหลับครึ่งตื่น ได้ยินเสียงพูดกันว่า

"ไม่เป็นไรมากหรอก แค่กระเพาะอักเสบไป 4-5 จุด และก็มีลำไส้อักสบไปประมาณ 1.7 เซนติเมตรเอง"

อะไรประมาณนั้นนะครับ

พอตื่นมาตอนเช้า ก็ปวดท้องเหมือนเป็นโรคกระเพาะจริงๆด้วย แต่ไม่มากนัก

 

น่าแปลกจริงๆ นะนี่ ถ้าผมไม่เกริ่นเรื่อง photon belt คุณชยุตจะโพสกระทู้นี้มั๊ยเนี่ย

 

บอกก่อนเพื่อให้เข้าใจตรงกัน คือผมก็เชื่อมั่นว่ามีมนุษย์ต่างดาวจริง แต่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า ส่วนพระผู้สร้างที่สร้างจักรวาล โลก และมนุษย์ อาจะมีหรือไม่มี ก็เชือ่ได้ทั้งหมด


คุณ Chayutt ครับ ที่คุณกล่าวว่า มีกฏข้อหนึ่งในกฏแห่งจักรวาลทั้ง 10 ที่ว่า "ไม่ให้ไปแทรกแซงสิทธิเสรีภาพของสิ่งมีชีวิตอื่น"
เท่าที่ผมอ่านดูกฏทั้ง 10 ข้อแล้ว ผมเข้าใจว่า ไม่มีข้อไหนเขาบอกไว้เลยครับ ลองดูดีๆ หรือผมอาจจะอ่านอะไรตกหล่นไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้


สมมุติว่ามันมีกฏข้อนั้นจริงๆ ผมก็คิดว่า การกระทำของมนุษย์ต่างดาวพวกนี้ก็ขัดแย้งกับกฏของเขาอยู่ดีนั่นเอง คือ เขามาเตือนเรือ่งภัยพิบัติ และ จะช่วยในการอพยพ นี่ก็เป็นการแทรกแซงแล้วครับ












คุณ chayutt ครับ อีกเรือ่งหนึ่ง ผมมีข้อน่าสังเกตในกฏข้อที่ 4 ครับ ลองพิจารณาดูนะครับ

ตรงนี้ครับ " การแสดงออกถึงความรักทำได้โดยการพยายามปกป้องไม่ให้สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นทั้งหลายถูกทำลายไป ..."

คือมนุษย์เป็นหนึ่งสิ่งที่ถูกพวกเขาสร้างขึ้นมา เช่นเดียวกับโลกใบนี้ และจากเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา มนุษย์ถูกสงคราม ถูกภัยธรรมชาติ ถูกโรคระบาด ถูกการกดขี่กันเอง ทำลายลงไปก็มากมายมหาศาล แต่ไม่พบว่า มนุษย์ต่างดาวพวกนี้เขาจะแสดงออกถึงความรักด้วยการพยายามปกป้องไม่ให้สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาโดนทำลายลงไปแต่อย่างใดเลยครับ

จะมีก็แต่บอกว่าพวกเขามาเตือนว่าจะเกิดภัยพิบัตครั้งใหญ่ รวมถึง การอพยพคน ซึ่งนี่มันตอนจบของโลกแล้ว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ชาวโลกก็ต้องเผชิญกับความวิบัตมามากมายแต่ไม่พบว่าเขาจะเข้ามาแทรกแซงแต่ประการใด





จากบทพูดในหนังเรือ่ง "The Day The Earth Stood Still" ที่ว่า

ถ้าสังเกตุดีๆเราจะพบว่าสิ่งผิดปกว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวเขาจึงเลือกที่จะช่วยโลกใบนี้ แต่ไปทำลายมนุษย์ ทั้งๆที่ถ้าพิจารณากันจริงๆแล้วเขาสามารถช่วยสิ่งที่ถูกสร้างมาได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน โดยที่ไม่ต้องมีสิ่งไหนถูกทำลายแต่อย่างใด

นั่นคือหากเขาลงมาช่วยมนุษย์เสียตั้งแต่แรก หรือตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา เพื่อให้มนุษย์ทำตัวไปในแนวทางที่เขาต้องการ โลกจะได้รอด และมนุษย์ก็จะได้รอดเช่นกัน ไม่มีสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาถูกทำลาย








โดยภาพรวม ไม่ใช่ผมจะเจาะจงไปที่เรื่องมนุษย์ต่างดาว หรือพระเจ้า หรือพระผู้สร้างที่คุณกำลังแปลอยู่นี้ แต่ผมนำข้อมูลจากหลายๆกระทู้ หลายแหล่งที่ผมได้รับรู้มา นำมาประมวลกัน ผมพบว่า มันมี "สิ่งผิดปกติ" เกิดขึ้นครับ (จะผิดจะถูกผมก็ไม่ได้มั่นใจอะไรนะครับ แค่พิจารณา วิเคราะห์ไป ถือว่าแลกเปลี่ยน คคห กัน ไม่มีอะไรซีเรียส)