ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จักรพรรดิหลงชิ่ง

    <!-- /firstHeading --><!-- bodyContent --><!-- tagline -->จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
    <!-- /tagline --><!-- subtitle -->
    <!-- /subtitle --><!-- jumpto -->ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
    <!-- /jumpto --><!-- bodytext -->[​IMG] [​IMG]



    สมเด็จพระจักรพรรดิหลงชิ่ง (4 มีนาคม ค.ศ. 1537 - 23 มกราคม ค.ศ. 1572) ประสูติเมื่อปี ค.ศ. 1537 (พ.ศ. 2080) ทรงเป็นพระราชโอรสในจักรพรรดิเจียจิ้ง เมื่อพระราชบิดาสวรรคตในปี ค.ศ. 1567 (พ.ศ. 2110) องค์ชายจูไจ้โฮ่ว รัชทายาทชันษา 30 พรรษาจึงขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า จักรพรรดิหลงชิ่ง
    ทรงเป็นจักรพรรดิที่อ่อนแอ และทรงบริหารราชการแผ่นดินได้ไม่ดี แต่ทรงมีพระเมตตาต่อชาวประชาอย่างมาก เนื่องจากทรงมีพระเมตตานี้เอง ตลอดรัชกาลของพระองค์จึงเกิดการทุจริตอย่างมาก ขุนนางไร้ความสามารถ ทั้งนี้เนื่องจากการครองราชย์อย่างยาวนานของจักรพรรดิเจียจิ้ง พระราชบิดา จักรพรรดิหลงชิ่งสวรรคตลงในปี ค.ศ. 1572 (พ.ศ. 2115) จากพระอาการประชวร องค์ชายจูอี้จุนพระราชโอรสจึงเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิว่านลี่

    ถ้ามีพิธีส่งพระบรมศพจักรพรรดิจริงในช่วงนั้น ก็น่าจะเป็นงานส่งพระบรมศพพระจักรพรรดิหลงชิ่ง
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จากนั้นท่านพ่อของพระนางก็ได้ขึ้นในตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายขุนนางในราชสำนักจีน เมื่อเข้าสู่ยุคสมัยว่านลี่ เรื่องนี้เคยคุยไว้เกี่ยวกับบันทึกหมิงสือลู่ ในกระทู้นี้หน้า ๑๐๑

    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TH>Wan-li: Year 1, Month 3, Day 4</TH><TD>(5 Apr 1573)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    « Previous | Record 2876 of 3279 | Next »

    The Vice Minister Yin Zheng-mao, military superintendent of Guang-dong/Guang-xi, memorialized: "The yi envoys sent by Hua-zhao-song (Alternatives: Hua-tai-zhu or Hua-zhao-zhu), the king of the country of Siam, have come to present tribute of local products. They claim that the seal and tally-slips which were originally conferred [upon their country] were destroyed by fire when the country of Dong-niu) attacked and destroyed their cities, and they have requested that replacements be supplied." The matter was sent to the Ministry of Rites for deliberation.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในจดหมายเหตุราชวงศ์หมิง ขณะนั้นท่าน จาง จวี เจิ้ง คุมกระทรวงสงคราม (Ministry of War)ด้วย โดยมีท่าน ยิน เจิ้ง เม่า เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสงคราม

    วันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1573 (พ.ศ. ๒๑๑๖) ท่าน ยิน เจิ้ง เม่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มณฑลกว่างตง/กว่างสี ได้ทำบันทึกเข้ามาว่า พระราชาจากประเทศสยามเสด็จมาเพื่อถวายเครื่องราชบรรณาการอันประกอบไปด้วยของพื้นเมือง คณะราชทูตจากสยามอ้างถึงดวงตราประทับและหนังสือตราตั้งของเดิมนั้นถูกเผาทำลายในกองเพลิงเมื่อครั้งที่พวกพม่า (ตงหนิว) บุกประเทศสยาม คณะราชฑูตจึงขอพระราชทานดวงตราประทับและหนังสือตราตั้งใหม่เพื่อทดแทนของเดิม เรื่องนี้ส่งให้กระทรวงพิธีการไปพิจารณา...

    ที่สนใจคือคำว่า Hua-tai-zhu และคำว่า the king of the country of Siam นำเครื่องราชบรรณาการมายังราชสำนักจีน ณ กรุงปักกิ่ง ท่านนี้หมายถึงใคร

    大柱 อ่านเป็นภาษาจีนกลางว่า ฮั่ว ไท่ จู่ (อักษรจีนตัวกลางต้องมีขีดเล็กภายในคำด้วย เพราะถ้าไม่มีขีดแต้มเล็กๆ ต้องอ่านว่าต้า แต่เนื่องจากหาคำว่า ไท่ไม่ได้ จึงทดแทนด้วยต้า เพราะเขียนคล้ายกัน) แปลว่า พระราชาจากต่างประเทศ

    พระราชาของสยามในขณะนั้นคือ สมเด็จพระมหาธรรมราชา ซึ่งท่านจะเสด็จต่างประเทศด้วยพระองค์เองหรือไม่ หรืออาจจะหมายถึงพระโอรสของพระองค์ "เจ้าฟ้านเรศ" ก็เป็นได้ อย่างที่เคยเล่าไว้แต่ตอนต้นๆของกระทู้นี้ว่า พระองค์ดำ หรือ เจ้าฟ้านเรศ นั้นหลังจากพระองค์ทรงเสด็จกลับจากหงสาวดีแล้ว ทรงพยายามทุกวิถีทางที่จะกอบกู้บ้านเมืองให้ได้ ซึ่งอาจจะทรงเสด็จไปเจริญพระราชไมตรีกับต่างประเทศด้วยพระองค์เอง และคิดว่าพระองค์ทรงชักชวนให้ชาวต่างชาติมาลงทุนและค้าขายในประเทศสยาม เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เสียหายไปอย่างมากเพราะสงคราม ขณะนั้นพระองค์ดำทรงมีพระชนมายุ 18 พรรษา หากสันนิษฐานนี้เป็นจริง พระองค์ท่านได้เจอกับเจ้าขรัวมณีจันทร์ตั้งแต่เจ้าขรัวทรงมีพระชนม์เพียง 6-7 พรรษา ที่บ้านของท่าน จาง จวี เจิ้ง นั่นเอง (ท่าน จาง จวี เจิ้ง บริหารราชการแทนพระจักรพรรดิ แขกต่างเมืองหรือขุนนางที่ไม่เกี่ยวข้องกับราชสำนักแล้ว ไม่สามารถพักในพระราชวังต้องห้ามโดยเด็ดขาด ดังนั้นพระองค์ท่านคงไปพักที่บ้านท่านจางจวีเจิ้ง ซึ่งมีเรือนพักรับรองแขกต่างบ้านต่างเมือง โดยปกติแล้วเรือนพักรับรองนี้จะมีพระลามะมาพักอยู่เสมอ เนื่องจากพระท่านเดินทางมาจากแดนไกลมาเมืองหลวงเพื่อประกอบกิจของสงฆ์ พระท่านจะมาพักที่บ้านนี้เป็นส่วนใหญ่ค่ะ)
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พี่ดอกไม้ หนูได้ระฆังธิเบตมาใบหนึ่ง ซื้อมาจากงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิต ระฆังมีด้ามไม่ใช่แบบเป็นขัน สั่นแบบรถไอติมนะคะ กริ๊งๆ ไอติมมาแล้วค๊า

    หนูได้มาราคา หนึ่งพันบาท เขาบอกว่ามาจากเนปาล ซื้อหาได้ที่ท่่าพระจันทร์ ร้านศิริประภา ทางเข้าจะมีร้านบาจาตั้งอยู่ด้านหน้า หนูว่าจะถูกกว่าไปซื้อตามห้างพารากอน ขนาดของระฆังที่ซื้อมา เส้นผ่าศูนย์กลางปากระฆังประมาณ 7 นิ้วค่ะ ซื้อมาในราคา ๑๐๐๐ บาท หนึ่งพันบาทถ้วน พี่ดอกไม้ว่าแพงไปไหมคะ หนูไม่เคยไปเดินห้างใหญ่ไม่รู้เขาขายกันราคาเท่าไหร่

    เสียงดังดีค่ะ สั่นที หมาก็เห่าที ดังแหง่งหง่างหมาเห่าเลย แสดงว่าเสียงดีมีคุณภาพ ฮี่ฮี่

    เรื่องที่จีนขอพอแค่นี้ค่ะ บรรยายบรรยากาศให้ละเอียดจะต้องใช้เวลาพิมพ์มาก ถ้าบรรยายถึงตอนที่พระนางเข้าวังหลวงไปฝึกหัดเดินให้สง่างามเตรียมตัวเพื่อวันข้างหน้าอาจจะต้องเข้าไปอยู่ในวังหลวง ก็จะต้องอธิบายอีกยาวมากถึงเสื้อผ้า ผู้คน สถานที่ พระนางมีลักษณะเด่นอย่างหนึ่งคือท่านไม่มัดเท้า เท้าท่านจึงไม่เล็กแบบสาวผู้ดีทั่วไปค่ะ

    เรื่องการอพยพมาเมืองไทย เขาบันทึกไว้ว่าท่านจางตาย และเกือบจะถูกค้นสุสานแต่โชคดีที่รอดพ้น ใครจะรู้ว่าในสุสานนั้นมีศพท่านจางอยู่จริงหรือไม่ เพราะภายหลังที่ท่านตาย ทรัพย์สินในบ้านท่านก็หายไปหมด ทรัพย์สินเหล่านั้นหายไปไหน ใครเอาไป นี่ก็ยังเป็นปริศนาของอดีตกันอยู่สำหรับคนจีนในปัจจุบันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2010
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เคยไปหาอาจารย์อาชวิน เพื่อจะถามเรื่องนี้ ท่านก็ตอบมา ก็เลยถามว่าดิฉันเป็นใคร ท่านอาจารย์บอกเธอเป็นทหาร ส่วนตัวดิฉันเองแล้วคิดว่าเป็นข้าในพระองค์ของพระนางมากกว่า(เถียงในใจ)

    ที่สนใจไปหาอาจารย์อาชวินเพราะเรื่องพระแสงขรรชัยศรี กรุวัดราชบูรณะ ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่พบศิลาภรณ์ทองคำ ลายดอกโบตั๋น มันสอดคล้องกันอยู่กับเรื่องที่ตามหาจึงไปพบอาจารย์เขา เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒




    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=2 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#204080 rowSpan=2 width="100%" colSpan=2>
    • [​IMG] <!--WapAllow0=Yes--><!--pda content="begin"--><B><BIG><BIG><!--Topic-->กรุวัด ราชบูรณะ [​IMG] </BIG></BIG></B>


    • <!--MsgIDBody=0-->ถ้าสมาชิกที่ติดตามมาตลอด จะพบว่า ทีอยู่กระทู้หนึ่งที่พยายาม โปส ขึ้นมา สอง สามครั้ง วา ตาที่สามมั่วแหลก โกหก ชาวบ้าน คนที่ มาอ่านทีหลังคงจะตามเรื่อง ไม่ทัน ผม จึง อยาก จะเล่า ย้อนหลังกลับไป ใหม่ เป็นการย้อยรอย



      วันแรกที่รูป พระมาลา หรือ พระศิราภรณ์ปรากฏ ตามข่าวหนังสือพิมพ์ ผม กำหนด จิต ขอ ทราบว่า เป็น ของผู้ใด ปรากฏ ว่า มี ผู้เข้ามาในจิต และบอกว่า เป็นของ เขา และ เขาคือ ศรีสรรเพชญที่สอง ผม ไม่เคยได้ยินมาก่อน จึง โทรไปถามเพื่อนที่เก่งทางประวัติศาสตร์ เขาค้นให้ ตอบมาว่า ศรีสรรเพชญ คือ พระนามเต็ม ของ สมเด็จ พระนเรศวรมหาราช ผู้ที่ชนชาวไทย รู้จัก พระองค์ ดี เพราะเป็น พระมหากษัตริญย์ที่ กู้ชาติจาก พม่าเป็นครั้งแรก



      อีกสองวันต่อมา ผมจึงไปที่ วัดราชบูรณะ พบทีม ถ่ายทำ ข่าว ไอทีวี ที่มีคุณ เผ่าทอง ทองเจือ เป็นผู้ดำเนินการ เราพบกันแต่ไม่ได้เสวนากันแต่อย่างใด ณ ที่นั้น สมาชิกที่ไปด้วยกัน มีสาม คน ล้วนแล้วแต่มีตาทิพย์ มอง ทะลุดิน ได้ เรา พบ หีบสมบัติที่ฝังอยู่ใต้ ดิน



      ต่อมา เราจึงไปที่ พิพิธภัณฑ์ เจ้าสามพระยา ซึ่งเก็บของที่ตกค้างอยู่ในกรุเอามาเก็บไว้


      จุดเด่นอยู่ที่ดาบแสงศัตราวุธ ซึ่งเป็นดาบอาญาสิทธิ์ ของพระเจ้าแผ่นดิน


      ผมได้อัญเชิญ องค์สมเด็จพระนเรศวร เจ้า มา อีกครั้ง พระองค์ ได้เสด็จ มา และ รับสั่งว่า เครื่องราชูปโภค และ ราชกกุภัณฑ์ ที่ปรากฏ เป็นของ พระองค์ ที่พระองค์ได้ มาเข้าฝัน องด์ขาวให้เอามาถวายวัด เพื่อ พระองค์จะได้ ละวาง ทั้งศักดิ์ และสิทธิ์ ที่เป็นพระเจ้าแผ่นดินคืนไป



      พระองค์ จะได้ ลอยตัว ปฏิบัติธรรม ในจิต เพื่อ แก้บาปที่พระองค์เป็นต้นเหตุแห่งการฆ่าฟันคนมากมาในการกู้ชาติ และเป็นบาป



      การจะลอยตัว คือ ต้อง เอา ศักิดิ์และสิทธิมาถวายวัด


      พระองค์ยังทรงขอให้ แจ้งแก่ทุกคนว่า ในงานพิธีกรรมที่เกี่ยวกับ การทหาร เชิญวิญญาณ พระองค์มาเป้นหลัก ชัย ขอ ให้ยกเลิก พระองค์ จะไม่เสด็จมา อีก ต่อ



      เรื่องทั้งหมด ขัดแย้ง กับ การอธิบายของ นักประวัติศาสตร์ ไทย ที่ใช้หลักทางการสร้างเป็นหลัก และ ถ้าคิดเป็น ตรรก หรือ โลจิกเป็นฐาน จะเห็นความแตกต่างดังนี้



      ๑. ถ้า เจ้าสามพระยา สร้าง พระปรางค์ให้แก่ เจ้า อ้ายพระยา กับเจ้า สอง พระยา ที่มาฆ่าฟันกันเอง ในการแย่ง ราชสมบัติ และตายทั้งคู่ สิ่งที่เก็บ น่าจะเป็น ธุลี เถ้า และทั้งคู่ที่ตายก็ไม่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน แล้วจะเอา เครื่อง ราชกกุภัณฑฎ์ ที่ไหนมาใส่ในพระปรางค์ที่ว่า



      ๒ ถ้า สมเด็จเจ้า สามพระยาเป็น กษัตริย์ เป็นไปได้หรือ ที่พระองค์ จะเอา เครื่อง ราชกกุธภัณฑ์ ของตนเองมาใส่ไว้ ในพระปรางค์ เพราะเท่ากับว่า พระองค์สละ ราชสมบัติ



      ดังนั้น สิ่งของที่ใส่ไว้ในพระปรางค์จึงไม่ควรจะเป็น เรื่องที่เกี่ยวข้อง กับ เจ้า อ้ายพระยา/เจ้า ยี่พระยา และเจ้า สามพระยา ส่วน การก่อสร้าง พระปรางค์ ก็คงจะเป็นไปตาม ประวัติศาสตร์



      จึงขอเล่ามาให้ฟัง เป็นสังเขป ว่า ในเรื่องห้อง


      หรือ ถ้าไม่ชอบ แบบนี้ คราวหลัง จะได้ไม่เล่าให้ฟัง รู้ไว้คนเดียวดีกว่า จะได้ไม่มีใครมา ทำบาป ว่า เรา <!--MsgFile=0-->จากคุณ : <!--MsgFrom=0-->ตาที่สาม [​IMG] - [ <!--MsgTime=0-->4 เม.ย. 48 13:06:14 <!--MsgIP=0-->] <!--pda content="end"-->​



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD bgColor=#000000 vAlign=top rowSpan=2><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#403e68><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD bgColor=#000000 colSpan=2 align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#403e68><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

    บัดนี้อาจารย์ตาที่สาม หรือ อาจารย์อาชวิน จิรจินดาได้จากไปแล้วอย่างสงบ ขอให้ดวงวิญญานของอาจารย์อยู่ในสัมปรายภพอันสุขสงบไปตลอดกาลนานเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2010
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จากหน้า ๓๑ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๒ เริ่มเข้าใจความเป็นมาของเรื่องแล้ว พอจะเรียบเรียงได้แล้วดังนี้



    ทำให้พอจะทราบแล้วว่าพระองค์ไลน่าจะทรงประสูติในปี พ.ศ. ๒๑๓๐ หรือย่าง พ.ศ.๒๑๓๑ และจุดนี้ประวัติศาสตร์ต่างๆจึงเริ่มเชื่อมต่อกันเหมือนฟันเฟืองที่ขบกันลงตัว

    ถึงตรงนี้เกิดความสงสัยว่า เจ้าขรัวมณีจันทร์นั้น ท่านได้เคยดำรงตำแหน่งพระอัครมเหสีหรือไม่ หรือว่าท่านทรงเป็นแค่พระมเหสีรอง ต้องหาหลักฐานต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2010
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ในเดือนตุลาคมปีพศ. ๒๕๕๒ มีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ในสัปดาห์เดียวกันนี้ บังเอิญไปเจอคำว่า La Reine ในหนังสือพิมพ์ ซึ่งแปลว่าพระราชินี เป็นภาษาฝรั่งเศส ก็เป็นความรู้ที่ได้โดยบังเอิญ แต่มีเหตุให้ได้ใช้ความรู้นี้ในสัปดาห์นั้นเลย ซึ่งเป็นสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    หนังสือที่ไปยืนอ่าน กรุงศรีอยุธยา ในแผนที่ฝรั่ง หน้าปกเป็นแบบนี้ค่ะ

    [​IMG]

    พลิกทีเดียวไปหน้าที่ 80 เจอแผนที่สีแดงแผนที่นี้

    [​IMG]

    แต่เป็นสีแดงแบบข้างล่าง ที่สำคัญคือคำว่า Pagode de la Reine
    [​IMG]

    La Reine แปลว่าพระราชินี เจดีย์วัดไหนคือเจดีย์พระราชินีกัน

    ที่แรกสุดยังงงอยู่ เพราะเทียบกับแผนที่ปัจจุบันแล้ว วัดไชยวัฒนารามไม่น่าจะไปอยู่ทางใต้ของเกาะเมืองได้ แต่แล้วก็ได้คำตอบ

    ฝรั่งที่มาทำการค้าก่อนหน้านี้ ได้ทำแผนที่กรุงศรีอยุธยาเปล่าๆไว้ให้ฝรั่งด้วยกันซื้อหาเพื่อเวลาเดินทางเข้ามาทำการค้า จะได้เขียนอะไรๆในแผนที่นั้นได้ แต่เพราะต้นแบบทำทิศทางผิด การลอกจึงต่อๆกันไปผิดเหมือนๆกันหมด

    นี่คือภาพแผนที่เปล่าของกรุงศรีอยุธยา

    [​IMG]

    เมื่อเทียบกับแผนที่กรุงศรีอยุธยาปัจจุบัน

    [​IMG]

    วัดที่เป็น Pagode de la Reine ในแผนที่ฝรั่งก็คือวัดไชยวัฒนาราม

    ทางสายธาตุจึงสรุปเป็นการส่วนตัวได้ดั้งนี้ว่า แม่อินแห่งเกาะบางปะอินน่าจะทรงเป็นเจ้าขรัวมณีจันทร์และน่าจะทรงเป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชด้วย

    คำถามสุดท้ายที่สนใจคือ เจ้าแม่วัดดุสิตใช่พระธิดาของพระองค์ท่านทั้งสองหรือไม่
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับพระนเรศวรที่ศูนย์หนังสือ double A ถนนสาธร เจอรายละเอียดเกี่ยวกับเจดีย์เจ้าแม่วัดดุสิต วันนั้นเป็นวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ ปมสุดท้ายถูกแก้แล้ว ทางสายธาตุเชื่อด้วยความเชื่อมั่นที่ค่อนข้างสูงว่่า เจ้าแม่วัดดุสิตคือพระธิดาในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและเจ้าขรัวมณีจันทร์ เจ้าแม่วัดดุสิตทรงมีพระอนุชาหนึ่งพระองค์ร่วมอุทรร่วมสายพระโลหิตก็คือ พระเจ้าปราสาททอง

    จึงรีบมาเขียนในกระทู้นี้ เขียนไว้ที่หน้า ๓๘

    เมื่อหาหลักฐานมาได้ถึงจุดนี้ ทางสายธาตุคิดว่าเพียงพอต่อความเชื่อของตนเองแล้ว ได้เขียนสรุปบทความไปถวายพระอาจารย์สิงห์ทน แล้วก็คิดว่าจะลากระทู้เสียทีตั้งแต่ต้นปี จนแล้วจนรอดก็ได้มาลาตอนปลายปีแทน ไม่หายไม่จาก แต่จะเดินสายทำบุญและปฎิบัติธรรมให้มากขึ้นค่ะ ยังพบกันอยู่บนหน้าเวปไซด์แบบหลวมๆ มามาขอกอดพี่ๆน้องๆทุกท่านด้วยความรัก ตอนนี้เอาจิตไปกอดท่านแล้ว รู้สึกรักและผูกพันกับกระทู้นี้มากเลยค่ะ มีงานบุญอะไรที่ทางสายธาตุจะทำก็จะนำมาบอกบุญกันนะคะพี่น้อง จุ๊บๆ
     
  8. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    คำสัญญา วง อินโดจีน

    http://media.imeem.com/m/TfEo02lCMO

    ก่อนจากกัน...ขอสัญญา

    ฝากประทับตรึงตรา จนกว่า จะพบกันใหม่

    โบกมืออำลา สัญญาด้วยหัวใจ

    เพราะความรัก ติดตรึงห่วงใย

    ด้วยใจ ผูกพันมั่นคง...



    ด้วยความดี นั้นฝังตรึง

    จากไปแล้วคำนึง ตรึงประทับดวงใจ

    อย่าได้ลืมเลือน สัญญากันไว้อย่างไร

    ขอให้เรามั่นคงจิตใจ

    ก้าวไปสรรค์สร้างความดี...



    *โอ้เพื่อนเอ๋ย เคยร่วมสนุกกันมา

    แต่เวลา ต้องพาให้เราจากกัน

    ไม่นานหรอกหนา เราคงได้มาพบกัน

    ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น เพราะเรามั่นในสัญญา



    หากแผ่นดิน ไม่ฝังกาย

    จะสุขจะทุกข์เพียงใด น้อมกายยิ้มสู้ฟันฝ่า

    ร้อยรัดดวงใจ มั่นในคำสัญญา

    สร้างสรรค์เพื่อมวลประชา

    นี่คือสัญญาของเรา ....

    (ซ้ำ*)

    "���ѭ��" -- ��͹�ҡ�ѹ...���ѭ�� �ҡ��зѺ��֧��� ������ �о��ѹ����


    คารวะพี่ทางสายธาตุ ขอรับ
     
  9. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    อนุโมทนาครับ น้องฟอร์ท เพลงคำสัญญา เนื้อหาไพเราะและซึ้งใจ


    เพลงกำลังใจ -โฮป ครับ

    [​IMG]
    ในยามที่ท้อแท้ ขอเพียงแค่คนหนึ่ง
    จะคิดถึงและคอยห่วงใย
    ในยามที่ชีวิตหม่นหมองร้องไห้
    ขอเพียงมีใครปลอบใจสักคน

    ในวันที่โลกร้าง ความหวังให้วาด
    มันขาดมันหาย ใครจะช่วยเติม
    เพิ่มพลังใจให้ฉันได้เริ่ม
    ต่อสู้อีกครั้งบนหนทางไกล


    กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฝันให้ใฝ่
    ให้ชีวิตได้มีแรงใจ ให้ดวงใจลุกโชนความหวัง

    กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฉันได้ไหม
    ดั่งหยาดฝนบนฟากฟ้าไกล ที่หยาดริน...สู่ผืนดินแห้งผาก

    (หลักฐาน จากกูเกิ้ล)


    ร่วมเป็นกำลังใจให้น้องทางสายธาตุ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ อย่าลืม
    เบอร์บัญชี งานทอดผ้าป่านะครับ และขอฝากแก่นธรรมคำสอนของหลวงปู่ มา ณโอกาสนี้ด้วยครับ

    "จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
    ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
    จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
    ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ"

    (แก่นธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล : หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช)



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2010
  10. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    ไม่ซีเครียดเลยจ๊ะตั้งแต่มาปฏิบัติธรรมอย่างจริงๆจังๆ ทุกอย่างมันเป็นปัจจตัง (เขียนถูกรึปล่าว)

    เพิ่งกลับจากไปอยู่วัดถือศีล 8 แต่ไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ การปฏิบัติไม่ก้าวหน้าเพราะหนีบ "เจ้ากรรม" ตัวเป็นๆไปด้วย ครือเอาเจ้าลูกชายตัวแสบไปด้วย บทนางเอกที่อิชั้นแอ๊บไว้ เกือบหลุดวันละหลายๆรอบ อิอิอิ พอเข้ากระทู โหๆๆๆ ไปไกลมาก พยามยามบังคับตัวเองให้อ่าน คุนนายทางสายธาตุก้อรู้ ชิมิ ว่าอิชั้นขี้เกียจอ่าน (วัยวุฒิมันไม่ให้แร้ว)

    ยังไงก้อขอโมทนา สาธุ กะคุนนายด้วยนะคะ ขอให้เจริญในธรรม คิดหวังสิ่งใดขอให้สมความปรารถนาจ๊ะ

    [​IMG]
     
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    กลับมาอีกครั้งค่ะ

    รับสายท่านพระมหาฤทธิชัยเมื่อตะกี้

    พรุ่งนี้ วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๓ ครบ ๔๐๐ ปีแห่งการสวรรคตของสมเด็จพระเอกาทศรถค่ะ ทางท่านอนุศาสน์ ค่ายเอกาทศรถ แจ้งมาและจะมีการจัดงานพิธีในวันพรุ่งนี้ด้วยค่ะ

    ใครที่ทำบุญให้ตั้งจิตระลึกถึงพระองค์ท่านด้วยนะคะ

    คิดถึงนะคะคุณนายเจ๊โหน่งผู้มีนามสกุลหนักแน่นและเป็นปราชญ์

    ขอบคุณเพลงลาค่ะ น้องFort และพี่จงรักภักดี

    ชอบมากค่ะสำหรับธรรมะข้อนี้ เพิ่งวางสายจากโมเยเมื่อสักครู่ก่อนพระมหาฤทธิชัยจะโทรเข้ามา สองคนคือทางสายธาตุกับโมเยก็ชวนกันปฎิบัติธรรมให้เข้มแข็ง ได้ญาติธรรมดีมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2010
  12. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    อนุโมทนากับคุณพี่จงรักภักดี ธรรมะของหลวงปู่ งดงาม สั้นๆง่ายๆ แต่ลึกซึ้ง
    สาธุ สาธุ สาธุ


    อนุโมทนา กับ น้องฟอร์ท เพลงเพราะจังเลยจ้า
    ไม่ได้เจอน้องนานเลย น้องสบายดีก่อ กึี๊ดเติงหาน้อง เป็นห่วงน้องเสมอเจ้า


    อนุโมทนา ค่ะคุณพี่โหน่ง

    อนุโมทนากับคุณพี่ทางสายธาตุ ด้วยนะคะ

    คนเราล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร
    เร่งสะสมบุญ เตรียมกลับบ้านเก่า ที่เราเคยมา....เถิด
    หากไปเที่ยวเล่นเสียเพลิน
    หาทางกลับบ้านไม่ได้ เราต้องร้องไห้แง..แง เป็นแน่แท้ ^_ู^


    สิ่งใดใด ล้วนไม่เที่ยง
    ยิ่งยึด ยิ่งหนัก
    ยิ่งพัก ยิ่งเบา เบา



     
  13. พระราชมนู

    พระราชมนู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +78
    ขอบคุณ คุณทางสายธาตุที่รวบรวมข้อมูลของพระองค์จนบรรลุเป้าหมาย ผมอนุโมทนาบุญกุศลที่คุณทางสายธาตุได้ช่วยไขความกระจ่างต่างๆ ให้ปรากฎชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนตัวผมเชื่อสนิทใจตั้งแต่วินาทีแรกที่อ่านข้อความในหนังสือศิลปวัฒนธรรม ว่า พระเจ้าปราสาททองคือโอรสแห่งองค์พระนเรศ จนได้มาอ่านข้อความจากกระทู้นี้ ที่คุณพี่ทางสายธาตุ ได้ค้นคว้าอย่างหนักมาให้อ่าน ผมยิ่งมั่นใจมากขึ้น จนเมื่อผมอ่านจบกระทู้ล่าสุด ผมยิ้มแบบตื้นตัน ที่สรุปข้อมูลได้แน่นมากๆ และก็เศร้าใจถ้าคุณพี่ทางสายธาตุไม่มีเปิดเรื่องราวแบบนี้อีกบ่อยๆเช่นเดิม แต่ผมก็จะรออ่านข้อมูลดีๆอีกนะครับ ...ด้วยใจภักดีต่อองค์สรรเพชรตลอดกาล ยุทธเดช
    ป.ล. (ถ้าทำบุญที่วัดชุมพลเห็นบอกจะจัดกฐินผ้าป่าผมให้ชื่อไว้ได้ทางไหนบ้างครับ แล้วก็รายละเอียดเรื่องเงินทำบุญด้วยครับ เหอะๆ)
     
  14. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    <CENTER>อาตมาบอกบุญอีกสักหนึ่งโครงการบุญ เป็นโครงการบุญเพื่อจัดหาทุนในการบูรณะเสนาสนะวัดบางใหญ่

    </CENTER>

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>อาตมาบอกบุญอีกสักหนึ่งโครงการบุญ เป็นโครงการบุญเพื่อจัดหาทุนในการบูรณะเสนาสนะวัดบางใหญ่ที่อาตมาจำพรรษาอาศัยอยู่เองครับ ซึ่งอาตมาได้รับนิมนต์จากทางคณะญาติโยมให้มาช่วยท่านเจ้าอาวาสดูแลวัด ซึ่งคุณโยมจะสามารถอ่านรายละเอียดภายในกระทู้บุญได้ ในทางด้านอาตมานั้นก็จะบูรณะวัดครั้งนี้ในทุกเสนาสนะทั้งหมดที่มีอยู่ภายในวัด ทั้งนี้อาตมาเห็นว่าคุณโยมเป็นผู้มีจิตใจเป็นบุญกุศล และมีกำลังทรัพย์ กำลังศรัทธาสูง ทั้งนี้อาตมาขอบอกบุญและฝากให้คุณโยมช่วยประชาสัมพันธ์งานบุญครั้งนี้ด้วย เหลือเวลาในการบอกบุญผ้าป่าครั้งนี้ 1 เดือน อาตมาจึงแจ้งมา ณ โอกาสนี้
    http://palungjit.org/threads/ร�...��.268183/

    อนุโมทนา
    พระปลัดวิษณุ ฐานธมฺโม
    __________________
    @=ปุญฺญมากงฺขมานานํ สงฺโฆ เว ยชตํ มุขํ=@



    พระคุณเจ้าท่านฝากบอกบุญและประชาสัมพันธ์มา ขอเชิญชวนท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญผ้าป่าเพื่อจัดหาทุนทรัพย์ฯ ครับ
     
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    งานบุญครั้งนี้ หลวงเตี่ยโทรมาชวน ทีแรกเกรงใจ เพราะเห็นที่วัดนี้จัดงานแต่ละครั้งจะใหญ่โต หลวงเตี่ยให้กำลังใจว่าต้องการคนศรัทธาจริง ไม่ใช่หาปัจจัยเยอะ คนมีปัจจัยเยอะๆบางครั้งเอาเงินเขามาก็ต้องมารับบาปเขาด้วย หลวงเตี่ยหมายถึงสองเยาว..ที่เคยรับปากจะถวายเงิน ๑๒ ล้าน หลวงเตี่ยท่านว่าคนเล็กๆแต่มีศรัทธามันจะพาบุญใหญ่มาได้ก็มี บางคนคิดจะทำบุญไม่กี่บาทกี่สตางค์ แต่พอทำจริงไม่รู้เงินมาจากไหนทำได้เป็นแสนๆบาทก็มี นี่เป็นเรื่องของของละเอียดข้างใน หลวงเตี่ยให้กำลังใจมาแบบนี้

    ทีนี้ อยากไปทำบุญในวันเกิดเจ้าแม่กวนอิม หยี่หฮ่วยจับเก้า วันที่ ๑๙ เดือน ๒ ปฎิทินจีน ซึ่งจะต้องหลังตรุษจีนไป จะทันการหรือไม่จะไปปรึกษาหลวงเตี่ยก่อน

    พระแม่กวนอิมท่านรักษาสถานที่นี้มานานแล้ว หลวงเตี่ยเล่าให้ฟังว่าในอดีต อุโบสถจะรกร้างมาก มีคนเอาโกศเข้ามาวางในอุโบสถเต็มไปหมด ดูน่ากลัว พอจะทำการซ่อมแซมอะไรก็ไม่ค่อยมีปัจจัย ก็ไปเปิดตู้ปัจจัยบริจาคจะนับเงินได้ลงเลข ๙ เสมอ หลวงเตี่ยบอกว่าเป็นเลขของพระแม่กวนอิม ท่านจึงเชื่อว่าพระแม่กวนอิมรักษาสถานที่นี้มาตลอด

    จึงคิดว่าทำผ้าป่าครั้งนี้ ทำในวันเกิดพระแม่กวนอิมเพื่อแสดงความกตัญญูต่อความเมตตาปรานีของพระแม่กวนอิมท่านค่ะ

    ทางสายธาตุตั้งไว้ดังนี้ ประธาน ๑๐๐๐ บาท รองประธาน ๕๐๐ บาท
    พี่ทางสายธาตุบริจาค ๕๐๐๐ บาท
    พี่รุ้ง บริจาค ๕๐๐๐ บาท
    น้องโมเย รับเป็นรองประธาน บริจาค ๕๐๐ บาท
    น้องอ๊อฟ รับเป็นประธาน บริจาค ๑๐๐๐ บาท
    เพื่อนร่วมงานพี่ทางสายธาตุทั้งเก่าและใหม่ กำลังรวบรวมชื่อภายในเดือนนี้ค่ะ
    น้องยุทธเดช (คาดว่าเป็นชื่อจริงของคุณพระราชมนู) รับเป็นประธานหรือรองประธานค่ะ
    เรียนเชิญพี่จงรักภักดี น้องFort พี่ศรัทธา พี่ดอกไม้ คุณนายเจ๊โหน่ง คุณไก่เหลือง น้องกิ๊บเก๋ บอกชื่อจริงและนามสกุลจริงไว้ทาง PM นะคะจะรวบรวมรายชื่อก่อน จากนั้นจะไปปรึกษาเรื่องวันทอด ได้ซองแล้วจึงจะค่อยให้เบอร์บัญชีค่ะ ต้นปีหน้าคงได้ไปทำผ้าป่าที่วัดชุมพลกันค่ะ

    [​IMG]

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1275750/[/MUSIC]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pms2.mp3
      ขนาดไฟล์:
      5.6 MB
      เปิดดู:
      1,038
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2010
  16. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    พี่ดอกไม้ได้บ้านใหม่แล้ว จำได้พี่รอภาพวาดภาพหนึ่งที่อาจารย์ท่านหนึ่งจะวาดให้ แสดงว่าพี่ได้รับแล้วหรือคะ พี่โพสรูปได้หรือไม่อยากเห็นรูปวาดนั้น
    ---------------------------------------------
    ภาพที่น้องว่า ได้มาเป็นปีแล้วจ้ะ แต่ยังขี้เกียจย้ายบ้านก็เลยเรื่อย ๆ ตอนนี้ก็นำมาไว้ที่ใหม่หมดแล้ว เป็นภาพที่อาจารย์แม้ว (ภูเตศวร)ท่านเป็นนักเขียนใหญ่ชื่อดัง สังกัด ค่าย ณ บ้านวรรณกรรมของคุณทมยันตี ท่านกรุณาวาดให้ตามที่สัญญา ที่ได้ช้าก็เพราะเรา(ทั้งอาจารย์และพี่)กำหนดเร่งไม่ได้ อาจารย์บอกจะให้วาดเมื่อใดขึ้นกับวาระ(แบบน้องโมเย แต่งและร้องเพลงนั่นแหละ)
    รอเล็ก ๆ เน้อ ขอถ่ายภาพก่อน แล้วจะโพสให้ชม งามจริง ๆ

    ...................................................................
    หลวงปู่ดูลย์ท่านเคยเปรียบเปรยเรื่องนิมิตว่า ที่เห็นหน่ะมันเห็นจริง แต่สิ่งที่เห็นหน่ะมันไม่จริง
    หนูตีความหมายเป็นสองอย่าง
    1 ผู้ที่เห็นอะไรต่ออะไรในนิมิต อาจจะจินตนาการไป ทีนี้จิตก็เห็นตามจินตนาการนั้นว่าจริง
    2 เป็นข้อธรรม หมายถึงการเห็นอะไรต่างๆในนิมิต ทุกสิ่งล้วนไม่มีอยู่จริงบนโลกนี้ มันเกิดจากอธิษฐาน ล้วนเป็นมายา ไม่มีสิ่งใดจริงไม่ว่าเรื่องที่เกิดในวันนี้ ในอดีต หรือในอนาคต มันว่างเปล่ามหาศาล มันคือไม่มีอะไร ทุกอย่างมันเป็นอนัตตาจะว่ามีอยู่ก็ใช่ จะว่าไม่มีอยู่ก็ใช่

    หนูจึงคิดว่าหลวงปู่ต้องการสอนให้เข้าใจในแบบที่ 2 มากกว่า สอนเรื่องสุญญตา ความว่างเปล่ามหาศาล นั่นก็น่าจะคือ อนัตตา นั่นเอง สาธุ หลวงปู่ท่านเมตตาสัตว์โลก
    -----------------------------------------------------
    สาธุ สาธุ สาธุ ...ขอแจมด้วย....อ่านแล้ว คิดตรงกันเลยว่า น่าจะเป็นข้อ 2 (ผิดถูกไม่รู้)

    สรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ล้วนเป็นสิ่งสมมุติ อุปโหลกกันว่าเป็นนั่น เป็นนี่ คือนั่น คือนี่..ที่แท้ทั้งหมดคืออนัตตาแบบที่น้องว่า...แต่มนุษย์ก็ยังตะเกียกตะกายแก่งแย่ง ห้ำหั่นกัน แบบไร้สติ เพียงเพื่อความว่างเหล่านั้น ที่สุดท้าย ก็ไม่มีปัญญาจะยึดครองถาวร ซึ่งอาจรวมทั้งตัวเราด้วยที่ยังไม่พ้น.

    ก็คงต้องแหวกว่ายกันต่อไปขึ้นกับบุญบารมีว่าสะสมมามากพอจะัส่องให้เห็นทางไปมั๊ย

    แต่ได้ยินได้ฟังคำสอนชี้แนะจากครูบาอาจารย์พระอริยสงฆ์แค่นี้ก็นับเป็นบุญแล้ว

    อนุโมทนา... สาธุ อีกครั้งที่นำมามาเล่าสู่กันนะจ้ะ น้องทางสายธาตุ
     
  17. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    " กฤษฎาภินิหาร อันบดบังมิได้ "


    ประโยคหรือวลี อมตะนี้คงเป็นที่คุ้นตาและคุ้นหูกันดี แต่คงจะมีจำนวนไม่น้อยที่ยังอาจจะไม่ทราบที่มาและที่ไป บางท่านอาจจะพอทราบอยู่บ้าง ก็ขอถือโอกาสนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นการส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า ระหว่างนี้ก็ลองเดาๆและทบทวนความจำกันไปพลางๆก่อนนะครับ
     
  18. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    "อนึ่ง ตามสภาพที่แท้จริงของจิต ย่อมส่งออกนอกเพื่อรับอารมณ์นั้นๆ โดยธรรมชาติของมันเอง ก็แต่ว่าถ้าจิตส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว จิตเกิดหวั่นไหวหรือเกิดกระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้น เป็นสมุทัย ผลอันเกิดจากจิตหวั่นไหว หรือกระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้นๆ เป็นทุกข์ ถ้าจิตที่ส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว แต่ไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้นๆ มีสติอยู่อย่างสมบูรณ์ เป็นมรรค ผลอันเกิดจากจิตไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อม เพราะมีสติอยู่อย่างสมบูรณ์ เป็นนิโรธ พระอริยเจ้าทั้งหลายมีจิตไม่ส่งออกนอก จิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อม เป็นวิหารธรรม จบอริยสัจจ์ ๔ "

    (แก่นธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล : หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช)


    จากข้ออ้างอิง ที่ได้นำแก่นธรรมคำสอน(บางตอน) ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล มาลงไว้ ยังมีสาระสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกันและยังมิได้นำมากล่าวถึง พอดีกันกับได้รับคำนิยมจากคุณโมเย เลยต้องรีบนำมาโพสเพื่อไม่ให้ขาดตกบกพร่องในข้อที่เป็นสาระสำคัญนั้นๆ อนึ่งยังมีข้อธรรมอีกหลายตอนที่มีเนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องและสืบเนื่องกันอยู่อีก ขออนุญาตที่จะทะยอยนำมาเสนอกันในวาระและโอกาสอันควรต่อไป นะครับ ขอให้เจริญในธรรมกันทุกๆท่าน
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    เมื่อเดือนตุลาคม 2518 สยามสมาคมได้จัดพิมพ์หนังสือชื่อ พระราชพงศาวดารสังเขป แต่งโดยฝรั่งชาวฮอลันดาชื่อ Jeremias Van Vliet ที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ วัน วลิต เป็นเจ้าหน้าที่ของห้างค้าขายของฮอลันดา ชื่อบริษัทอีสต์ อินเดีย ได้เคยถูกส่งตัวไปทำงานที่ชวา และญี่ปุ่น แล้วจึงได้เข้ามาทำงานของห้างที่กรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2176 ในแผ่นดินพระเจ้าปราสาททอง วันวลิต พำนักและทำงานอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาถึงปีพ.ศ.2185 จึงได้ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการเมืองมะละกา
    ในระหว่างที่ทำงานอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา วันวลิตได้เขียนหนังสือไว้จำนวนหนึ่ง เรื่องหนึ่งในจำนวนนี้คือเรื่อง พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาโดยสังเขป (The Short History of the Kings of Siam ) เขียนขึ้นในต้นปี พ.ศ. 2183 ซึ่งก็คือเรื่องที่เราจะได้กล่าวถึงกันต่อไปนั่นเอง
    พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่พวกเราคนไทยทั้งประเทศยังคงจดจำและระลึกได้ ได้นำหนังสือเล่มนี้มาแปลความและวิเคราะห์ความ โดยมีวัตถุประสงค์จะให้ผู้อ่านได้รับความรู้และความบันเทิงเท่านั้น และจะแปลเฉพาะตอนที่เกี่ยวกับพระมหาบุรุษของคนไทย คือสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กับจะมีการแสดงความเห็นร่วมไปด้วย ท่านได้ใช้ชื่อของหนังสือฉบับนี้ว่า

    "กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้"

    นี่คือความเป็นมาของประโยคหรือวลีอมตะนี้ครับ


    ข้อมูลจาก หนังสือ กฤษฎาภินิหาร อันบดบังมิได้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียน

    หมายเหตุ ข้อความที่จะเขียนต่อจากนี้ไปจะเป็นข้อความที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ที่สมควรได้นำมาเผยแพร่เพื่อเป็นความรู้และความภาคภูมิใจของพวกเราชาวไทยจักได้จดจำและรำลึกถึงไว้เป็นเยี่ยงอย่าง ทั้งยังเป็นการได้ร่วมน้อมรำลึกถึงอดีตวีรกษัตริย์ของชาติไทยอีกด้วย ข้าพเจ้าผู้เขียนกระทู้ "ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช"
    จึงใคร่ขออนุญาตต่อท่านเจ้าของลิขสิทธิ์ในการคัดลอกข้อความสำคัญบางตอนมากล่าวไว้ในกระทู้ดังกล่าว และขอถือโอกาสขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ด้วย
     
  20. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ท่านพลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้กล่าวเกริ่นนำไว้ว่า ในการอ่านเรื่องที่จะได้แปลต่อไปนี้ ผู้อ่านควรทำใจไว้ก่อนว่า ผู้ที่เขียนเรื่องนี้เป็นฝรั่ง ถึงจะอ่านหนังสือไทยออกขนาดอ่านจดหมายเหตุต่างๆ ในกรุงศรีอยุธยาได้ และพูดภาษาไทยขนาดที่จะซักถามข้อความต่างๆ จากคนไทยได้ แต่จิตใจก็ยังเป็นฝรั่ง เพราะฉะนั้นที่จะให้เข้าใจคนไทยและเข้าใจถึงจิตใจคนไทยอย่างแท้จริง ตลอดจนวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองไทยได้อย่างถ่องแท้นั้น จึงเป็นของยาก แม้หนังสือต่างๆที่ฝรั่งเขียนขึ้นเกี่ยวกับเมืองไทยในปัจจุบันนี้ก็อยู่ในลักษณะเช่นเดียวกัน จะเชื่อถือไปหมดทุกข้อทุกกระทงไม่ได้ ทั้งนี้เป็นข้อสังเกตข้อแรก

    ข้อที่ควรสังเกตต่อไปก็คือ คุณค่าของคนโบราณเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์นั้น ผิดกันกับของคนปัจจุบัน การประหารชีวิตคนหรือลงอาญาแก่คนในสมัย 400 ปีมาแล้วนั้นทำกันง่าย และทารุณกว่าในปัจจุบันมาก ทั้งนี้เป็นจริงในทุกประเทศ มิได้มีแต่ในเมืองไทยเท่านั้น ในประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะในยุโรปสมัย วัน วลิต เองก็มีการจับคนไปเผาทั้งเป็น ตลอดจนการฆ่าฟันคนเป็นจำนวนร้อยจำนวนพันอยู่เป็นประจำ ดูเป็นของธรรมดากันไป ซึ่งถ้าจะตัดสินด้วยใจคนในปัจจุบันแล้วจะต้องเห็นว่าทารุณมาก แต่ก็จะต้องยอมรับว่าเป็นธรรมดาของคนในสมัยหนึ่ง ซึ่งได้ผ่านพ้นไปแล้ว จะเอามาตำหนิติเตียนด้วยมาตราวัดของคนสมัยนี้ว่าผิดถูกชั่วดีเห็นจะไม่ถูกนัก....

    ครับท่านผู้ประพันธ์ได้ปรับพื้นฐานความเข้าใจของท่านผู้อ่านซึ่งเป็นคนในสมัยใหม่ให้มีความเข้าในคุณค่าชีวิตมนุษย์ของคนในสมัยโบราณเมื่อสมัย 400 ปีล่วงมาแล้ว เพื่อจะได้เกืดความเข้าใจในสภาพการณ์ต่างๆได้ใกล้เคียงต่อความเป็นจริงเสมือนดังได้เกิดเป็นคนร่วมสมัย
     

แชร์หน้านี้

Loading...