ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. ปทุมวัน56

    ปทุมวัน56 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +4
    ผมจะร่วมทำบุญ ต้องทำไงบ้างครับ ช่วยชี้แนะด้วยครับ ผมพึ่งเข้ามาในเว็บครับ สมัครในเว็บนานแล้วแต่ไม่ได้เข้ามา
     
  2. natta_pea

    natta_pea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +1,515
    ขออนุญาติตอบแทนพี่พันวฤทธิ์ครับ สามารถร่วมทำบุญฯได้ 2 ทางครับ
    1. โอนเงินทำบุญเข้าบัญชีฯ ตามหน้าแรกของกระทู้นี้ครับ
    บัญชี "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" (pratom foundation) บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนวิภาวดีรังสิต (ซันทาวเวอร์ส) บัญชีออมทรัพย์ หมายเลข 348-1-23245-9

    2. มาร่วมทำบุญฯ ที่โรงพยาบาลสงฆ์ครับ ทางทุนนิธิฯ จะมีการทำบุญฯ ทุกๆวันอาทิตย์สิ้นเดือน (ครั้งหน้าจะเป็นวันที่ 22 ก.พ. 2558 เวลา 08.00 น.)

    * รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมได้ครับ ขอโมทนาบุญด้วยครับ
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]


    ความมหัศจรรย์ของผลพลอยได้จากธรรมของพุทธศาสนานั้น อลังการ​


    “หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี” ประลองฤทธิ์กับ “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค”
    ย้อนหลังไปกว่า ๓๐ ปีที่แล้ว ที่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี มีหลวงปู่รูปหนึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านนามว่า “คำคะนิง จุลมณี” แห่งวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ภิกษุรูปนี้ได้ยึด “ญายปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ”
    หลวงปู่คำคะนิงนั้นท่านเป็นภิกษุที่ไม่เหมือนใคร ผ่านการเป็นฤๅษีชีไพรมาก่อน ๑๕ ปี จึงค่อยบวชเป็นพระ เมื่อบวชเป็นพระแล้วก็มักแสวงหาธรรมอันแปลก ด้วยการธุดงค์ไปที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ตามป่าเขา
    ครั้งหนึ่งหลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) วัดบางนมโค อ.สนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้นำศิษย์เอก ๔ รูปไปด้วย มีหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง) หลวงพ่อฤาษีลิงขาว หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก และพระเขียน หลวงพ่อปานพาลูกศิษย์ธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม มุ่งหน้าไปทางภาคเหนือ ข้ามเขตชายแดนลึกเข้าไปกระทั่งเข้าเขตเชียงตุง
    วันหนึ่ง...คณะของหลวงพ่อปานได้ผ่านไปถึงถ้ำแห่งหนึ่ง และได้พบกับ “ปะขาวคำคะนิง” ขณะนั้นท่านปล่อยผมยาวรุงรังมาถึงเอว หนวดเครางอกยาวรุ่ยร่าย นุ่งห่มด้วยผ้าซึ่งดูไม่ออกว่าเป็นผ้าสีอะไร เพราะปุปะและกระดำกระด่าง หลวงพ่อปานถึงกับตะลึงเลยทีเดียว จึงเปรยขึ้นลอยๆ ว่า
    “เออ...นี่ พระหรือคนเนี่ย ?”
    “ไอ้พระมันอยู่ที่ไหน ? เฮ้ย ! พระมันอยู่ที่ไหนวะ ?” พูดสวนด้วยน้ำเสียงขุ่นเหมือนไม่พอใจ
    “อ้าว...ก็เห็นผมยาว ผ้าก็อีหรุปุปะ สีเหลืองก็ไม่มี แล้วใครจะรู้ว่าเป็นคนหรือพระล่ะ ?”
    “พระมันอยู่ที่ผมหรือวะ ?”
    “ไม่ใช่” หลวงพ่อปานตอบยิ้มๆ
    “แล้วพระมันอยู่ที่ไหนเล่า ?”
    “พระน่ะอยู่ที่ใจใสสะอาด”
    “ถ้าอย่างนั้นละก้อ เสือกมาถามทำไมว่าเป็นพระหรือคน”
    “เห็นผมเผ้ารุงรังอย่างนั้นนี่ ใครจะไปรู้เล่า ?”
    “ก็ในเมื่อพระไม่ได้อยู่ที่ผม ไม่ได้อยู่ที่ผ้าแล้วเสือกมาถามทำไม ทำไมไม่ดูที่ใจคน ไอ้พระบ้านพระเมืองกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดี มันต้องเห็นดีกันละ”
    พูดจบ ปะขาวคำคะนิงก็หยิบเอาหวายยาวประมาณหนึ่งวาโยนผลุงไปตรงหน้า หวายเส้นนั้นกลายสภาพเป็นงูตัวใหญ่ยาวหลายวาน่ากลัว ชูคอร่าก่อนจะเลื้อยปราดๆ เข้ามาหาหลวงพ่อปาน พระลูกศิษย์เห็นอย่างนั้นต่างถอยไปอยู่เบื้องหลังหลงพ่อปาน
    หลวงพ่อปานไม่ได้แสดงอาการแปลกใจหรือตื่นกลัว ท่านก้มลงหยิบใบไม้แห้งขึ้นมาใบหนึ่งแล้วโยนไปข้างหน้า ใบไม้นั้นก็กลายเป็นนกขนาดใหญ่คล้ายเหยี่ยวหรือนกอินทรี
    นกซึ่งเกิดจากอิทธิฤทธิ์โผเข้าขยุ้มกรงเล็บ จับลำตัวงูใหญ่เอาไว้แล้วกระพือปีกลิ่วขึ้นไปเหนือทิวยอดไผ่ ต่อสู้กันเป็นสามารถ งูฉกกัดและพยายามม้วนตัวขนดลำตัวรัด ขณะที่นกใหญ่จิกตีและจิกขยุ้มกรงเล็บไม่ยอมปล่อย แต่ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแพ้ชนะ ตราบกระทั่งร่วงหล่นลงมาทั้งคู่พอกระทบพื้นดิน งูกลายเป็นช้างป่าตัวมหึมา งายาวงอน ส่วนใบไม้แห้งแปรรูปเปลี่ยนเป็นเสือลายพาดกลอน แล้วสองสัตว์ร้ายก็โผนเข้าสู้กันใหม่ เสียงขู่คำรามของเสือ เสียงโกญจนาทของพญาคชสารแผดผสานกึกก้องสะท้านป่า
    นี่ไม่ใช่ภาพมายา แต่เกิดจากฤทธิ์อภิญญา ! ครั้นสองตัวประจัญบานไม่รู้แพ้ชนะได้ ครู่หนึ่งก็หายไป ปะขาวหนวดยาวเครารุงรังได้บันดาลให้เกิดไฟลุกโชติช่วงประหนึ่งจะมีเจตนาจะให้ลามมาเผา แต่หลวงพ่อปานก็บันดาลพายุฝนสาดซัดลงมาดับไฟ เกิดฝุ่นตลบคลุ้งไปทั้งป่า
    ลองฤทธิ์กันหลายครั้งหลายครา ปรากฏว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ แทนที่ทั้งสองฝ่ายจะโกรธเกรี้ยว กลับทรุดลงนั่งหัวเราะด้วยความขบขัน ชอบใจในอิทธิอภิญญาของกันและกัน ต่างฝ่ายชมกันและกันและถ่อมตนใส่กัน
    คณะศิษย์ของหลวงพ่อปานพากันประหลาดใจ หลวงพ่อปานจึงอธิบายว่า “เขากับฉันเป็นเพื่อนกัน” พร้อมกันนั้นก็หันไปพูดกับปะขาวผมยาวหนวดเครารุงรังว่า ลูกศิษย์ของท่านนั้น “เอาจริง” หมายถึงปรารถนาบรรลุสู่พระนิพพานกันจริงๆ ทุกรูป การที่ท่านและปะขาวผมยาวเล่นฤทธิ์ประลองกันก็เพื่อให้ศิษย์ทุกคนได้เห็น “ของจริง”
    แล้วหลวงพ่อปานก็ให้คณะศิษย์ของท่านเข้าไปทำความเคารพ ซึ่งปะขาวคำคะนิงผมยาวก็ได้นอบน้อมถ่อมตนว่า ท่านไม่ได้เก่งกาจเกินว่าหลวงพ่อปานเลยแม้แต่น้อย
    หลวงพ่อปานและศิษย์ของท่านพักอยู่กับปะขาวผมยาวนานนับครึ่งเดือน เพื่อให้ทุกรูปได้รับคำแนะนำสั่งสอนด้านอภิญญาเพิ่มเติม เมื่อพักอยู่ที่คูหาถ้ำพอสมควรแก่เวลาแล้ว หลวงพ่อปานและคณะศิษย์ก็ออกธุดงค์ต่อไป ปะขาวผมยาวคนนั้นก็คือปะขาวคำคะนิง หรือหลวงปู่คำคะนิงนั้นเอง
    หลังจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และคณะศิษย์ของท่านจากไปแล้ว ปะขาวคำคะนิงก็ออกเดินทางต่อไป โดยด้นไปยังภูอีด่าง ซึ่ง สมเด็จลุน พระอริยเจ้าแห่งราชอาณาจักรลาว จำพรรษาอยู่ พร้อมแจ้งวัตถุประสงค์ของตนให้ท่านทราบ สมเด็จลุนให้ความปราณีมอบคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ให้ปะขาวคำคะนิงไปค้นคว้าศึกษา ครั้นท่านศึกษาธรรมจากพระคัมภีร์เรียบร้อยก็เอาเก็บไว้ที่เดิม มิได้นำมาเป็นสมบัติส่วนตัว ปะขาวคำคะนิงลงจากภูเขาได้พบชาวบ้าน และได้ทำการรักษาคนป่วยจนหายทุเลา ท่านเดินทางไปเรื่อย เจอใครก็รักษาโรคภัยให้หมด
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    เรื่องจริงที่หลายคนไม่เคยรู้
    เมื่อกรมหลวงชุมพรฯ พบหลวงพ่อเงิน

    พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เกียรติคุณของพระองค์ท่านไพศาลขนาดไหน เห็นจะไม่ต้องบรรยายความ พระอาจารย์ของพระองค์ยิ่งยงขนาดไหนก็เห็นจะไม่ต้องพรรณนาอีกเหมือนกัน แต่ก็อดที่จะกล่าวถึงมิได้ พระเกจิอาจารย์องค์สำคัญๆ ในอดีตนั้น ล้วนแล้วแต่ได้เคยมีความสัมพันธ์กับพระองค์ทั้งสิ้น เป็นต้นว่า หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯ จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก ธนบุรี และยังมีอีกหลายองค์ที่เสด็จ ในกรมได้เสด็จไป ทรงพบและร่ำเรียน ทางเวทมนตร์คาถา และไสยเวทย์ด้วย แต่โอกาสนี้จะขอกล่าวถึง .....

    "เมื่อเสด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสด็จไป ทรงพบกับหลวงพ่อเงิน บางคลาน โพธิ์ทะเล จ.พิจิตร ตามบันทึกความด้วยสมองของผู้ตามเสด็จไปในครั้งนั้น คือคนสนิทของพระองค์ที่มีชื่อว่า "นายหลิ่ม"

    กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์มักจะเสด็จไปยังวัดปากคลองมะขามเฒ่า เมืองชัยนาท อยู่เสมอๆ ด้วยความศรัทธามั่นต่อหลวงพ่อศุข เกจิอาจารย์ ผู้ปราดเปรื่องเรื่องเวทมนตร์คาถาอาคมนั้น พระองค์ได้พบกับความมหัศจรรย์ทางพุทธเวทย์เป็นที่ประจักษ์แก่สายตานับครั้งไม่ถ้วน จึงยกให้หลวงพ่อศุข เป็นอาจารย์ของพระองค์ ได้รับการถ่ายทอดวิชานานัปการ อันประมาณมิได้จากหลวงพ่อเป็นถ้วนทั่ว ฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ มีปรีชาสามารถ ปรากฏตามเรื่องราวของพระองค์กับหลวงพ่อศุข ดังที่ได้เคยมีผู้รจนาไว้จำนวนมาก เป็นที่ทราบความกันดีแล้วๆ นั้น จึงมิขอกล่าวถึงอีก แต่จะกล่าวถึงครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อศุขได้ทูลเสด็จในกรมมีความว่า....

    "ถ้าจะดูของดีๆ แปลกๆ นอกเหนือจากของฉันแล้ว ก็เห็นจะมีเกลอกันกับฉันอีกองค์หนึ่ง เคยศึกษามาจากอาจารย์เดียวกัน คือท่านเงิน อยู่บางคลาน โพธิ์ทะเล เมืองพิจิตร หากจะไปหาก็จงบอกว่า ฉันแนะทางมาเถิด"

    เมื่อเสด็จในกรมได้ทราบดังนั้นแล้ว จึงมีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเดินทางไปยังเมืองพิจิตร เพราะพระองค์ชอบในการแสวงหาบรรดาเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาอาคมขลังอยู่เป็นทุนแล้ว และเมื่อสบโอกาสอันเหมาะควรแล้ว จึงได้ชวนกันกับนายหลิ่มคนสนิท เดินทางไปเมืองพิจิตรทันที เมืองพิจิตรในสมัยนั้นเส้นทางไม่สะดวกเหมือนสมัยนี้ พิจิตรเป็นเพียงเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง ซึ่งรายรอบไปด้วยป่าทึบโดยทั่วไป ระยะทางจากเมือง ไปยังหมู่บ้านรอบๆ พิจิตร กางกั้นด้วยป่าทึบบ้างป่าโปร่งบ้าง ห้วยละหานลำธารคุ้งคดเลาะลัดอยู่ทั่วๆ ไป การเดินทางจึงลำบาก ส่วนใหญ่นิยมใช้ช้างเดินทางเป็นหลัก เพราะจะต้องอาศัยความแข็งแกร่งของช้างเท่านั้น ที่จะผ่านไพรแบบนั้นไปได้

    โพธิ์ทะเล เป็นตำบลที่ห่างเมืองพิจิตรไปทางทิศใต้ใกล้เขตชุมแสง นครสวรรค์ จึงถูกปกคลุมไปด้วยป่าไม้เป็นส่วนใหญ่ สำหรับ "บางคลาน" อันเป็นที่ตั้งของวัดบางคลานก็เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ริมแม่น้ำยม ชิดเขตชุมแสง ซึ่งเต็มไปด้วยป่าโปร่งพันธุ์ใหญ่ๆ เกือบทั้งสิ้น รายรอบไว้ทุกด้าน

    เสด็จในกรม กับคนสนิทคือ นายหลิ่ม ใช้ช้างเป็นพาหนะเดินทางจากเมืองนครสวรรค์ ขึ้นไปในฤดูแล้งของปีหนึ่ง ผ่านออกไปทางป่าทึบเมืองชุมแสง ลัดเลาะไปปากเกยชัยแหล่งชุกชุมด้วยจระเข้ ป่าเปลี่ยว เข้าเขตป่าลึกของชุมแสง

    ขณะที่กำลังเดินทางอยู่ วันหนึ่งตอนพระอาทิตย์กำลังพลบค่ำ และถึงเวลาพักช้าง เสด็จในกรมและนายหลิ่มได้ทำเลค้างแรมได้แล้วจึงเตรียมจะจัดทำอาหารนั้นเอง ก็ปรากฏร่างชายแก่ในชุดห่มขาว แต่คล่ำไปด้วยความเก่าและขาดวิ่น หนวดเครายาวรุงรังนั่งสงบนิ่ง อยู่ในซุ้มไม้ใกล้กันนั้น ดวงตาหลับสนิท ริมฝีปากขมุบขมิบ บริกรรมพระเวทอยู่ตลอดเวลา เสด็จในกรม จึงตรงเข้าไปหา พร้อมกับนายหลิ่มคนสนิท ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ซุ้มไม้ อันร่มครึ้มนั้นชายแก่ก็ลืมตาขึ้น เสด็จในกรมทราบได้ดีว่าเป็นผู้ทรงศีล จึงทำความเคารพและถามว่าเป็นใคร ก็ได้รับคำตอบว่าชื่อ เหมือน เที่ยวหาความสงบอยู่ตามป่าเขตนี้ เพื่อบำเพ็ญสมาธิ หลบหนีจากผู้คนหาความวิเวกอยู่ตามลำพัง

    หลังจากสนทนากันจนเป็นที่พอใจแล้ว นายหลิ่ม จึงชวนเสด็จในกรมให้กลับไปจัดการเรื่องที่พักและอาหารเสียก่อน สักครู่ เสด็จในกรมได้หันไปมองทางชายแก่นั้น น่าประหลาดใจ ไม่พบชายแก่ชื่อเหมือนคนนั้นเสียแล้ว จึงให้นายหลิ่มเดินตามหาในละแวกนั้นก็ไม่พบ เป็นที่แปลกมากในเวลาเพียงไม่นานนักที่ชายแก่ขนาดนั้น จะหลบเร้นหายไปได้อย่างรวดเร็ว นับเป็นเรื่องปาฏิหาริย์โดยแท้

    ลัดเลาะตามไพรทึบ จนถึงชายฝั่งแม่น้ำยม คนนำทางพาเลียบชายฝั่งแม่น้ำยมขึ้นไปทางเหนือ ฤดูแล้งน้ำในแม่น้ำยมขอดแห้ง สักครู่ก็พบวัดเก่าแก่อยู่ฝั่งตรงข้าม คนนำทางบอกว่า นั่นคือ วัดบางคลาน ที่ต้องการมาพบ หลวงพ่อเงิน
    เสด็จในกรม ได้ข้ามแม่น้ำยม ซึ่งมีน้ำไม่มากนัก ช้างเดินข้ามสบาย สอบถามหา หลวงพ่อเงิน ได้ความว่า...

    "ออกป่าไปได้สองวันแล้ว ไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อใด บางทีก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ บางทีก็เจ็ดวัน"

    พระในวัดรูปหนึ่งได้บอกกับเสด็จในกรมว่า ก่อนหน้าที่หลวงพ่อเงินจะออกไปป่าได้พูดเปรยขึ้นกับพระหลายรูปว่า....

    "อีกสองวันจะมีคนดี เขามาหาฉัน เห็นทีจะอยู่ไม่ได้แน่ ต้องออกป่าสักพัก"

    แล้วท่านก็ออกป่าในเย็นวันนั้น เสด็จในกรมทรงแปลกพระทัยมาก ครั้นจะคอยอยู่ก็เกรงว่าจะไม่พบ และไม่ทราบว่านานเท่าใดหลวงพ่อจึงจะออกจากป่า จึงตัดสินพระทัยคอยอยู่สองคืน แล้วจึงกลับไปยังนครสวรรค์ ขณะเดินมาถึงกลางทาง ได้พบกับชายแก่ที่ชื่อเหมือนอีก เสด็จในกรมอยู่บนหลังช้างได้เห็น ชายแก่ผู้นั้นเดินอยู่กลางทุ่งหญ้าไกลๆ จำได้ถนัด เพราะหลังคุ้มและใส่ชุดขาวเก่าคร่ำคร่าขาดวิ่น จึงเร่งช้างให้เข้าไปใกล้โดยเร็ว

    และทันใดนั้นเองชายแก่ก็ลับตา หายไปในทุ่งหญ้าอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เสด็จในกรมจะนั่งช้าง เดินหาจนทั่วบริเวณก็หาพบไม่ เสด็จในกรมได้ตรัสกับนายหลิ่มว่า เป็นเรื่องแปลกเหลือเกิน มาพิจิตรคราวนี้ต้องการพบใครก็ไม่ได้พบ

    เสด็จในกรมพักอยู่ที่นครสวรรค์ได้ ๑๐ วัน ตั้งใจจะกลับกรุงเทพฯ แต่ลังเลพระทัย จึงชวนนายหลิ่มว่า ลองขึ้นไปพิจิตรใหม่อีกครั้ง ก่อนออกเดินทางเสด็จในกรมให้นายหลิ่มหาซื้อ เสื้อคอจีนหนึ่งตัว,ไม้คานหนึ่งอัน, กางเกงจีนหนึ่งตัว สาแหรกและเข่งสองชุด, หมวกกุ้ยเล้ยหนึ่งใบ

    แล้วจึงออกเดินทางด้วยช้างกับคนนำทาง ตรงไป วัดบางคลาน อีกครั้งหนึ่ง ระหว่างทางได้ไปพบ จระเข้เผือกขนาดใหญ่ นอนขวางลำน้ำอยู่ที่ปากเกยชัย เสด็จในกรมให้นายหลิ่มเอาขันตักน้ำมาทำน้ำมนต์ แล้วทรงปลุกเสกร่ายพระเวทย์บริกรรมทำน้ำมนต์อยู่เป็นเวลานาน แล้วเทน้ำมนต์ลงไปในน้ำซึ่งจระเข้นอนขวางทางอยู่

    ทันทีที่น้ำมนต์เทออกจากขัน กระทบผิวน้ำ จระเข้เผือก ที่นอนสงบนิ่งอยู่ ก็ฟาดหางไปมา แล้วดำน้ำหายไปทันที เหลือแต่พรายน้ำวนเป็นวงกลมอยู่เบื้องหน้าเสด็จในกรม จากนั้นเสด็จในกรม จึงได้เดินทางต่อไป จนลุถึงริมฝั่งแม่น้ำยม ขณะนั่งพักช้าง ปล่อยช้างกินหญ้ากินน้ำอยู่นั่นเอง ก็เหลือบไปที่โคนต้นไม้ใหญ่ ใกล้กันนั้นเห็นชายแก่ชื่อเหมือนที่พบกันครั้งก่อนนั่งหลับตาสงบนิ่งอยู่ เสด็จในกรมจึงรีบตรงเข้าไปแสดงความเคารพผู้เฒ่าเหมือนลืมตาขึ้น แล้วบอกว่า ....

    "พรุ่งนี้เข้าไปหาท่านจึงจะพบ"

    เสด็จในกรมนั่งฟังโดยไม่ได้กล่าวอะไร ผู้เฒ่าเหมือนก็เอ่ยขึ้นอีกว่า

    "หลวงพ่อท่านไม่ชอบเจ้าชอบนาย"

    เสด็จในกรมนั่งเงียบฟังเฉยอยู่ ผู้เฒ่าเหมือนได้ล้วงลงไปในย่าม แล้วหยิบแหวนทองเหลืองออกมาจากย่าม แล้วส่งให้เสด็จในกรมแล้วพูดว่า..

    "เก็บไว้ให้จงดี ฉันทำเตรียมไว้แต่ครั้งก่อน แต่ยังเป็นยามไม่เหมาะ จึงให้ไม่ได้"

    เสด็จในกรมรับแหวนจากมือผู้เฒ่า แล้วก้มลงพิจารณาแหวนนั้น เป็นแหวนทองเหลืองอมดำออกสีคล้ำๆ ตรงกลางแหวนมีเหล็กแร่สีดำ เป็นมันฝังอยู่เม็ดเล็กๆ หนึ่งเม็ด แล้วมีอักขระขอมลงด้วยเหล็กจารรอบๆ วง เสด็จในกรมตรัสว่า...

    " คงจะเป็น เหล็กไหล "

    แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองทางผู้เฒ่าเหมือน แต่ผู้เฒ่าเหมือนหายไปจากตรงนั้น รวดเร็วอย่างไม่คาดฝัน เสด็จในกรมถึงกับอุทานออกมา แล้วหันมามองทางนายหลิ่ม ซึ่งนั่งอ้าปากค้างอยู่

    เมื่อถึงวัดบางคลาน ได้พบพระอยู่หน้าวัด เสด็จในกรมถามว่า หลวงพ่ออยู่หรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่า อยู่ที่กุฏิพลางชี้มือไปที่กุฏิ เสด็จในกรมจึงมุ่งหน้าตรงไปที่กุฏิทันที แต่ก็พบกับความว่างเปล่า ไม่มีหลวงพ่อเงินบนกุฏิ ไม่มีหลวงพ่อเงินในบริเวณวัด พระเณรช่วยกันหาเป็นเวลานานก็ไม่พบหลวงพ่อ เสด็จในกรมนั่งคอยอยู่ที่กุฏิ จนเย็นเห็นว่าไม่พบแน่ จึงสั่งคนนำทางและนายหลิ่มให้เดินทางกลับในวันนั้น ข้ามแม่น้ำยมมายังฝั่งชุมแสง พักแรมอยู่ในละเมาะไม้ใกล้ชายฝั่ง แล้วตรัสกับนายหลิ่มว่า ....

    "พรุ่งนี้เช้ากลับแน่ พักนครสวรรค์สักสองคืนแล้วเข้ากรุง"

    เช้าวันรุ่งขึ้นในตอนสาย เสด็จในกรมถามหาสิ่งของที่ให้นายหลิ่มซื้อมาจากนครสวรรค์ เมื่อได้ของครบแล้ว บอกให้นายหลิ่มไปคอยที่ริมฝั่งแม่น้ำ แล้วเสด็จในกรมหายเข้าไปในป่าสักครู่ ก็ออกมาที่ริมฝั่งแม่น้ำยม ฝั่งตรงข้ามหน้าวัดในชุดชาวจีนหาบของสวมหมวกกุ้ยเล้ย บอกให้นายหลิ่มเดินตามหลังไปห่างๆ แล้วเสด็จข้ามแม่น้ำยม มุ่งไปยังวัดบางคลาน

    ทันทีที่ถึงศาลาหน้าวัดเห็นพระแก่รูปร่างใหญ่โต ลักษณะท่าทางน่าจะเป็น "หลวงพ่อเงิน" นั่งหันหลังออกมาฝั่งที่ขึ้นไป ตัดสินพระทัยแน่นอนว่า ต้องเป็น หลวงพ่อเงิน แน่ จึงรีบวางหาบของแล้ววิ่งเข้าไปทางข้างหลัง เมื่อถึงจึงโอบมือรัดเอวเอาไว้แน่น พลางตรัสขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า....

    "ได้หลวงพ่อแล้ว ได้หลวงพ่อแล้ว"

    หลวงพ่อหันหน้ามามอง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดังเช่นกันว่า...

    "เสียท่าเขาแล้ว เสียท่าเขาเข้าแล้ว"

    เสด็จในกรมก้มเข้ากราบหลวงพ่อเงิน พอเงยหน้าขึ้นมาหลวงพ่อเงินได้พูดว่า...

    "วันนี้เป็นยามดี ที่เราจะได้พบกับลูกศิษย์ท่านศุข นี่พยายามดีเหลือเกิน"

    จากนั้นหลวงพ่อเงินได้เดินนำเสด็จในกรมขึ้นไปบนกุฏิ เมื่อถึงบนกุฏิได้นั่งสนทนาถามถึงทุกข์สุขของหลวงพ่อศุขว่าเป็นอย่างไรบ้าง อยู่พอสมควร หลวงพ่อเงินก็เอ่ยขึ้นกับเสด็จในกรมว่า...

    "คอยสักครู่เถอะ ฉันจะสรงน้ำก่อน"

    หลวงพ่อเงินพูดแล้วลุกขึ้นจากที่นั่งเดินหายเข้าไปในกุฏิ เป็นเวลาไม่กี่อึดใจ ก็ปรากฏเสียงดัง "กริ๊ก กริ๊กๆๆ" ขึ้นที่กาน้ำซึ่งวางอยู่ข้างเสากลางกุฏิ ทั้งเสด็จในกรมและนายหลิ่มหันไปที่กาน้ำนั้นทันที เสียง "กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก" ยังดังอยู่ต่อไป ทำความแปลกใจให้เสด็จในกรมอย่างยิ่ง จึงอดทนต่อความสงสัยต่อไปไม่ได้ ตรงเข้าไปที่กาน้ำนั้นทันที พลางเปิดฝาออกดูว่ามีสิ่งใดอยู่ภายใน ทันทีที่เสด็จในกรมเปิดฝาออกก็ถึงกับพรึงเพริดพระทัยแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง ร้องเรียกว่า....

    "ไอ้หลิ่มมาดูอะไรนี่ซิ"

    นายหลิ่มรีบตรงเข้าไปก้มมองดูในกา ถึงกับอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ถูก เพราะว่าภาพที่ปรากฏในกาน้ำใบนั้นคือร่างของหลวงพ่อเงินขนาดเล็กเท่าปลายนิ้วก้อย มือกำลังสรงน้ำถูเนื้อถูตัวอยู่อย่างขะมักเขม้น น้ำในกากระเพื่อมไปมา จนกระฉอกกระเด็นออกมานอกกาน้ำ

    เสด็จในกรมค่อยๆ ปิดฝากาลงอย่างฉงนพระทัยเป็นอย่างยิ่ง พลางตรัสกับนายหลิ่มว่า....

    "ไม่เสียเที่ยวที่มาเมืองพิจิตร หลวงพ่อท่านพูดไว้ถูกทีเดียวว่า จะได้ดูของแปลกๆ นอกเหนือจากท่านก็ให้มาที่นี่"

    จากเรื่องราวทั้งหมดแก่นแท้ในปาฎิหาริย์ต่างๆ คือความพยามของเสด็จในกรม ที่มีความมุ่งมั่นและไม่ยอมถอดใจง่ายๆกับอุปสรรคต่างๆ เรียกได้ว่า .....

    " ความพยามอยู่ที่ไหน...ความสำเร็จอยู่ที่นั่น "
     
  5. naknoi.b

    naknoi.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,042
    ค่าพลัง:
    +1,714
    ร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุอาพาธและเวชภัณฑ์อื่นๆครับ 200บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      97.1 KB
      เปิดดู:
      66
  6. audchukiat

    audchukiat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +665

    ......ขออนุโมทนาในบุญบารมีที่ทุกๆท่านได้กระทำไว้ดีแล้ว ทั้งหมดทั้งมวล สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. นายชายชล

    นายชายชล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2012
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +88
    ขอร่วมทำบุญด้วยครับ จำนวน 300 บาทโอนเมื่อ 31/01/58 เวลา 13.20 น.ครับ
     
  8. karakol

    karakol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +494
    ผมและครอบครัวขอร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ เป็นจำนวนเงิน 100 บาท โอนเงิน วันที่ 1 ก.พ. 2558 เวลา 19.42 น.
    ขอน้อมบุญกุศลนี้ถึงแด่ครอบครัวของข้าพเจ้า เทวดาประจำตัวข้าพเจ้า ญาติของข้าพเจ้าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

    อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
     
  9. นัส88888888

    นัส88888888 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +150
    วันนี้ได้ร่วมทำบุญประจำเดือน ก.พ.58 จำนวน 388 บาท 2/02/258/58 เวลา 20.54น. ขอบุญกุศลจงสำเร็จแด่ทุกท่านด้วยครับ
     
  10. sparky_nok

    sparky_nok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +219
    ขอร่วมบุญกับทุนนิธิฯ ด้วยค่ะ

    สวัสดีค่ะ

    ขอร่วมบุญกับทุนนิธิฯ ด้วย 300 บาท ค่ะ
    โอนเงินผ่าน TMB 02/02/15 เวลา 07.23 น.

    ฝากรูป ฝากรูปฟรี โหลดเร็ว ไม่มีล่ม คิดจะฝากรูปคิดถึงโอ้โหซ่าส์" target="_blank">[​IMG]http://image.ohozaa.com/i/647/omztjJ.jpg" />


    อนุโมทนาบุญค่ะ
    นวลพรรณ วิภาตกุล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. sparky_nok

    sparky_nok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +219
    อยากไปร่วมบุญที่ร.พ. สงฆ์กับทุนนิธิฯ ในวันที่ 22ก.พ. นี้ด้วย ต้องไปเจอที่ตรงไหนคะ แล้วต้องเตรียมอะไรไปบ้างหรือเปล่า
     
  12. sirimanod

    sirimanod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +912
    ผมขอร่วมทำบุญประจำเดือน ก.พ.58ด้วยนะครับ

    ผมได้โอนเงินเข้าบัญชีของทุนนิธิแล้วนะครับ โอนเมื่อ 2 ก.พ.58จำนวน100บาทและผมขออนุโมทนากับทุกๆคนที่ได้ร่วมทำบุญด้วยครับ
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ขอบคุณที่มีจิตอนุเคราะห์ในสงฆ์อาพาธครับ โดยปกติเรานัดเจอกันที่โรงอาหารข้างโรงพยาบาล โดยมีเวลาที่นัดหมายคือ 7.30 น. ซึ่งทางทุนนิธิฯ จะจัดภัตตาหารเช้าใส่ถุงรอไว้ หากมีสิ่งของที่จะถวายเป็นภัตตาหารเช่น นมกล่องหรือผลไม้ ก็ใส่ถุงรวมกันไปได้เลย ส่วนผมเองก็จะเดินอยู่แถวนั่นละครับ ถามหาคนชื่อเสือได้เลยเพราะนั่นคือผมเอง...

    พันวฤทธิ์
    9/2/58

     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สืบหาพระเครื่องดีมาอีกครั้ง หลังจากที่หายไป 2 อาทิตย์ คราวนี้มาแนะนำเหรียญพ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่ สายท่านอาจารย์มั่นอยู่รุ่นนึง พอดีผมได้เช่าหามาในราคา พอสมควร แต่ขอบอกเลยว่า เป็นสุดยอดเหรียญรุ่นนึงเหมือนกันครับ เพราะเป็นเหรียญที่ไม่ต้องจับก็กระแสพลังออกมาแรงมาก พอให้ครูอาจารย์ดู คำตอบก็คือเป็นเหรียญที่ดีมากๆ เหรียญนึงทีเดียว เพราะพลังในเหรียญนั้นคุ้มตัวและอธิษฐานพรได้ตามความประสงค์เหมือนกับการ "เจริญพร" ให้เลยทีเดียว

    แนะนำเลยก็แล้วกัน เป็นเหรียญรุ่น "อุดมพร" ของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม จ.เลยครับ มาดูพิธีการเสกของเหรียญรุ่นนี้ตามที่มีผู้ลงไว้ดังนี้


    ของดีที่คนนิยมพระมองข้าม


    ถ้าจะกล่าวถึงพระเครื่องส่วนใหญ่ของหลวงปู่ชอบ หลายรุ่นของท่านจะแพงมาก อย่างน้อยก็ต้องหลังพัน หรือ หลักร้อยกลางๆ วันนี้ผมไปคุยกับผู้ใหญ่ท่านนึ่งของเลย เล่าเรื่องเหรียญหลวงปู่ชอบ รุ่นอุดมพร ให้ฟังท่านบอกว่าจริงๆ เหรียญนี้ดีมากนับเป็นเหรียญ ดี และประสบการณ์สูงอีกเหรียญหนึ่ง ของทำเนียบหลวงปู่ชอบ แต่ทว่า ตอนนี้หากันไม่แพงนักเพราะคนเล่นพระส่วนใหญ่ ให้ราคา(ค่านิยม)กับเหรียญ รุ่นแรก และ รุ่นพิเศษ มากกว่าจึงทำให้รุ่นหลังๆ ท่าน กลายเป็นของดีราคาถูกที่ทันหลวงปู่ แต่ไม่แพงมาก สร้างน้อยและ สร้างเจตนาดี เป็นดำริหลวงปู่โดยผู้ใหญ่ท่านนี้ชื่อ ป๋าต๋อย คนเก่าแก่ของเมืองเลย เล่าประวัติเหรียญนี้ให้ฟังว่า(เพราะเป็นคนหนึ่ง ที่อยู่ในพิธีเสกครั้งนี้)


    เป็นเหรียญที่ระลึกงานทอดกฐินวัดท่าแขก อ.เชียงคาน จ.เลย ออกที่วัดท่าแขกใน วันที่ 13 พ.ย. 2537 ชื่อรุ่นคือ "รุ่นอุดมพร" เหรียญนี้เจตนาสร้างดีมาก เพราะแจกผู้ที่มากฐิน เพื่อหาทุนสร้างโรงเรียนมูลมังหลวงปู่ชอบ และศาสนถาวรวัตถุของวัดท่าแขก โดยเฉพาะโรงเรียนมูลมังหลวงปู่ชอบ ที่องค์หลวงปู่ท่าน ดำริให้สร้าง ซึ่งองค์ท่านเคยกล่าวไว้เมื่อ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2536 เนื่องในงานทำบุญฉลองอายุครบรอบ 92 ปีขององค์ท่านที่พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบท่านได้มอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนที่คัดเลือกมาจากครอบครัวทางบ้านยากจนจำนวน 200 คน ในครั้งนั้นหลวงปู่ชอบท่านได้กล่าวกับลูกศิษย์ว่า


    “ คนเราหากได้รับโอกาสทางด้านการศึกษาแล้วเขาจะมีวิชาความรู้ที่ตนร่ำเรียนมาไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ คนส่วนมากมีฐานะยากจนจึงขาดโอกาสที่จะได้เรียนหนังสือ ครอบครัวไหนยากจนก็ไม่สามารถส่งลูกตนเองให่เล่าเรียนสูงๆได้ พวกเราท่านไหนหรือใครที่มีกำลังพอ หรือมีโอกาสที่จะส่งเสริมช่วยเหลือทางด้านการศึกษาให้กับคนที่เขาขาดโอกาสในเรื่องนี้ ขอให้ทุกคนพิจารณาดูในเรื่องนี้ว่าจะมีทางใดที่จะช่วยเหลือคนที่ขาดโอกาสเหล่านี้ได้”

    ซึ่งในวันปลุกเสกเหรียญรุ่นนี้ ได้จัดพิธีที่วัดท่าแขก ป๋าต๋อยเล่าว่าหลวงปู่ชอบท่านดูตั้ง อก ตั้งใจพิจารณาดูพระที่อยู่ตรงหน้าท่านเป็นเวลานาน สองนาน จึงเริ่มจับสายสิญจน์ นั่งบนรถเข็นกำหนดจิตโดยหลับตา อยู่ประมาณเกือบ 20 นาทีได้(ตามคำบอกเล่าอาจไม่แน่นักเพราะเป็นการคาดการ) พอเมื่อท่านลืมตาขึ้นมา ป๋าต๋อยบอกว่า ท่านเป่าออกไปอย่างแรงใส่วัตถุมงคล รุ่นนี้ แล้วกล่าวทิ้งท้ายว่า "เอาละ เอาไปได้แล้ว ดี แล้ว โฮ เหนื่อๆแล้ว เหนื่อแล้ว ดีแล้ว เอาไปได้ๆ" ป๋าต๋อยบอกว่าเหมือนกับท่านทิ้งทวน เอาแบบสุดๆจนเหนื่อยเลยทีเดียว ในรุ่นนี้ก็นับว่าเป็น รุ่นสุดท้ายก็ว่าได้เพราะ 2 เดือนต่อมาท่านก็ มรณะภาพ(8 ม.ค 38)

    ครับทั้งตัวอย่างเหรียญ ทั้งจำนวนการสร้าง ก็ลงไว้ให้ดูกันแล้ว สนใจก็ลองหาเช่ากันดูตามเวบต่างๆ ได้เลย ของดีครับของดีจริงๆ

    พันวฤทธิ์
    12/2/58

    หมายเหตุ เหรียญที่ลงไว้เป็นเหรียญของผมเองครับเช่าในเวบพลังจิตนี่ล่ะหาง่ายดี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    อานุภาพของการสวดมนต์ไหว้พระ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

    อานุภาพของการสวดมนต์ไหว้พระ


    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ได้เล่าถึงเรื่องการสวดมนต์ ไหว้พระให้พระเณรฟังว่า

    " การสวดมนต์ไหว้พระนั้น ถึงแม้ว่าเราจะออกเสียงหรือไม่ออกเสียงก็ตาม

    พวกเทพเจ้าเหล่าเทวดาเขามีหูทิพย์ตาทิพย์ เขาก็จะได้ยินเสียงที่เราสวดมนต์

    ไหว้พระด้วยพระสูตรต่างๆเมื่อเขาได้ยิน เขาก็จะเกิดความปีติยินดีในการสวด

    มนต์ไหว้พระกับเรา เขาก็จะพากันมาร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย ถ้าจิตเราสงบ

    ลงไปบ้างสักเล็กน้อย เราก็จะได้ยินเสียงที่เขามาอนุโมทนากับเรา

    เสียงที่เขาเปล่งสาธุการนั้นมันดังปานฟ้าสิถล่มทลายลงมาทับดิน "

    หลวงปู่ ได้เล่าเรื่องที่ท่านเที่ยววิเวกในเมืองพม่า ดังนี้

    " ครั้งหนึ่ง เราพักจำพรรษาที่บ้านยางแดง ประเทศพม่าวัด ที่เราอยู่นั้นมันมี

    ศาลาอยู่เพียงหลังเดียว และศาลานี้ก็มีเสาอยู่ตรงกลางต้นเดียว เราให้เขากั้น

    ห้องเป็นสองห้อง ห้องหนึ่งเราเอาไว้พัก อีกห้องหนึ่งเราก็เอาไว้นอน ตรงกลาง

    ศาลา จะมีแท่นบูชาพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอยู่หนึ่งองค์ สูงประมาณศอกหนึ่ง

    พระพุทธรูปองค์นี้แกะสลักจากไม้สัก

    ในแต่ละวันเราก็อาศัยสวดมนต์ไหว้พระอยู่หน้าพระประธานองค์นี้แหละ

    คืนนั้น เรากำลังไหว้พระสวดมนต์อยู่ดีๆ พอสวดบทธัมมะจักกัปปะวัตตนะสูตร

    ถึงท่อนที่ว่า จาตุมมหาราชิกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุงฯ จาตุมมหาราชิกานัง

    เทวานัง สัททัง สุตวา ฯ.ช่วง ท่อนที่กำลังไล่ชื่อสวรรค์ชั้นต่างๆอยู่นั้น ปรากฏมี

    เสียงดังสะท้านไปทั่วเป็นเสียงที่ดังกระหึ่มลงมาจากท้องฟ้า เสียงดังกระหึ่มนั้น

    ทำให้ศาลาที่เรานั่งสวดมนต์ไหว้พระอยู่นั้นเกิดการสั่น ไหวขึ้นมา เสียงศาลามัน

    ลั่นเอี๊ยดอ๊าดๆ โยกไหวไปมาเหมือนกับว่าแผ่นดินมันไหว

    เราก็เลยหยุดสวดมนต์เอาไว้ก่อน มานั่งฟังเสียงดูว่ามันเป็นเสียงอะไรกันแน่

    เรามานั่งรำลึกในใจของเราว่า " โฮ้ๆ ! เกิดอีหยังขึ้นหนอที่นี่ เสียงดังสนั่นหวั่น

    ไหวปานนี้ มันสิเฮ็ดให้ศาลามันพังลงมาซะบ่น้อ ! "

    เราจึงดับไฟเทียนที่หน้าพระประธาน นั่งฟังเสียงดังกระหึ่มนี้อย่างเดียว

    พอเรามานั่งฟัง เสียงดังๆนั้นมันก็เงียบหายไป " บ่มีอีหยังอีก... "เมื่อเสียงดัง

    นั้นหายไปแล้ว หลวงปู่ท่านก็สวดมนต์ต่ออีก ท่านเล่าดังนี้

    " ...เราก็เลยสวดมนต์ต่อ พอสวดถึงท่อนไล่ชื่อสวรรค์ชั้นต่างๆนั้น เสียงดัง

    กระหึ่มมันก็กลับมาอีกรอบ เราบ่นออกเสียงว่า ฮ่วย ! มันเป็นอีหยังอีกน้อบาดนี่

    !พอว่าจังซั่นล่ะ ขนคี่ง ( ขนตามตัว ตามแขนขา ) ขนหัว กะพากันลุกยาบๆ

    เอามือลูบไว้กะบ่อยู่ ฮ่วย ! ฮ่วย ! อีหยังกันน้อบาดนี่ แผ่นดินมันไหวบ้อน๊อ ? "

    เรานั่งฟัง เสียงนั้นอยู่อีกนานพอสมควร เสียงนั้นจึงเงียบลงไป เราก็เลยสวด

    มนต์ต่อไปจนจบครบสูตร ระหว่างที่สวดนั้น ก็ไม่ปรากฏมีเหตุการณ์อะไรขึ้นมา

    อีกสวดมนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับเข้าไปที่ในห้องพักเพื่อที่จะนั่งภาวนา

    ต่อ ตอนที่มานั่งภาวนานี้แหละ ถึงได้มารู้ว่า เสียงที่มันดังกระหึ่มปานฟ้าจะถล่ม

    ลงมาทับดินนั้น มันคือเสียงอนุโมทนาสาธุการของเทพเจ้าเหล่าเทวดา

    พวกเขาได้ยินเสียงเราสวดมนต์ไหว้พระ พอพวกเขาได้ยินแล้ว ก็เกิดความปีติ

    ยินดีขึ้นมา จึงพากันเปล่งเสียงอนุโมทนาสาธุการกัน

    เสียงอนุโมทนาของพวกเทพเจ้าเหล่าเทวดามีอานุภาพมาก จนทำให้แผ่นดิน

    เฉพาะตรงที่เราอยู่นั้น เกิดการสั่นไหวขึ้นมาชั่วขณะ เทวดาเขามาแสดง

    ปาฏิหาริย์ให้เรารับรู้

    เครดิต...https://www.facebook.com/photo.php?f...type=1&theater
     
  16. ekasit S

    ekasit S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +256
    ผมและครอบครัวขอร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ เป็นจำนวนเงิน 300 บาท โอนเงิน วันที่ 13 ก.พ. 2558 เวลา 11.07 น.
    ขอน้อมบุญกุศลนี้ถึงแด่ครอบครัวของข้าพเจ้า เทวดาประจำตัวข้าพเจ้า ญาติของข้าพเจ้าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

    อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN0770.JPG
      DSCN0770.JPG
      ขนาดไฟล์:
      177.1 KB
      เปิดดู:
      60
  17. sparky_nok

    sparky_nok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +219
    ขอบคุณค่ะ:cool:
     
  18. Magicbunny

    Magicbunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    766
    ค่าพลัง:
    +614
    ร่วมทำบุญ รายละเอียดดังนี้ครับ

    วันที่ทำรายการ: 16/02/2015 16:32:25
    เลขที่รายการ: 150216163207814
    โอนเงินจากบัญชี: XXX-2-13759-X
    ธนาคารผู้รับเงิน: ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
    เพื่อเข้าบัญชี: 348-1-23245-9
    ชื่อบัญชี: PRATOM F.
    จำนวนเงิน (บาท): 500.00
    ค่าธรรมเนียม (บาท): 25.00

    อนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมบุญทุกๆท่านครับ
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    กิจกรรมที่ รพ.สงฆ์ ประจำเดือนนี้จะได้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2558 โดยนัดพบเพื่อจัดเตรียมสังฆทานอาหารที่โรงอาหารด้านข้างของ รพ.สงฆ์ในเวลา 7.30 น.-8.00 น. เหมือนเช่นเคย

    จึงขอแจ้งให้ผู้ที่สนใจได้ทราบทั่วกัน ผมและกรรมการของทุนนิธิฯ จะได้เบิกเงินจากบัญชีของทุนนิธิฯ ในสัปดาห์นี้ และจะทยอยบริจาคให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็วโดยมีรายละเอียดการบริจาคสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ดังนี้ (สำเนาการโอนเงินจะได้นำมาลงให้อนุโมทนากันต่อไปครับ)

    1. รพ.สงฆ์
    - ถวายค่าสังฆทานอาหาร 6,000.- (ประมาณการพระสงฆ์ไว้170 รูป โดยจะถวายเป็นอาหารกล่องๆ ละ 35.-)
    - ถวายค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 5,000.-
    - ถวายค่าโลหิต 5,000.-

    รวม 16,000.-

    2. รพ.ภูมิภาค
    - รพ.แม่สอด จ.ตาก 5,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชปัว จ.น่าน 5,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จ.เลย 8,000.-
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 5,000.-
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 5,000.-
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 5,000.-
    - รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส 5,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 5,000.-

    รวม 43,000.-

    รวมเงินบริจาคในเดือนนี้ ตามข้อ 1.+2. = 59,000.- (ห้าหมื่นเก้าพันบาทถ้วน)

    จึงขอประชาสัมพันธ์มาให้ทราบทั่วกันครับ

    พันวฤทธิ์
    17/2/58



    [​IMG]
    เหรียญพระบรมโพธิสัตว์กวนอิมเหรียญนี้เคยมีผู้นำไปวางทิ้งไว้ที่ห้องบริจาคของโรงพยาบาลสงฆ์เมื่อราว 4 ปี มาแล้ว คราวหนึ่ง เมื่อผมไปบริจาคเงินที่ รพ.สงฆ์ เห็นเหรียญนี้มีความสวยงามมาก จึงหยิบขึ้นมาดู แล้วนำไปให้ผู้ที่มีพลัีงจิตสูงได้ตรวจสอบหลายคน ปรากฏว่า เป็นเหรียญพระบรมฯ ที่ดีที่สุดเหรียญหนึ่งในประเทศทีเดียว เพราะดีทั้งการออกแบบเหรียญ และดีทั้งในบารมีของท่าน ที่ท่านแผ่บารมีลงมาให้เอง บารมีของท่านนั้น มากมายเพียงใดก็ไม่มีทางคำนวณได้ ผมไม่รู้ว่าเหรียญนี้เสกที่ไหน และใครเชิญท่านมา แต่ก็นับว่าเป็นเหรียญที่ทรงคุณค่าเหรียญหนึ่งของท่านทีเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2015
  20. นายชายชล

    นายชายชล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2012
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +88
    ขอร่วมทำบุญครับ โอนเงินทำบุญเมื่อ 19/02/58 เวลา 10.32 น. จำนวน 400 บาท
    ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันทุกท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...