ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างพระปางนาคปรก (หลวงพ่อนาคองค์ใหญ่ที่สุด) ภาพความคืบหน้า น.29

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย Ramtongthai, 31 พฤษภาคม 2013.

  1. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    วันออกพรรษา

    วันออกพรรษา เป็นวันที่พุทธบริษัททั้งชาววัดและชาวบ้าน ได้พร้อมใจกันกระทำบุญกุศลต่าง ๆ ตามคติประเพณีที่เคยประพฤติปฏิบัติสืบ ๆ กันมาแต่โบราณกาล เช่นมีการตักบาตรเทโว หรือเรียกตักบาตรดาวดึงส์ เป็นต้น "วันออกพรรษา" มีสาเหตุเนื่องมาจาก "วันเข้าพรรษา" ที่มีมาแล้วเมื่อวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘ อันเป็นวันที่พระภิกษุทั้งหลายอธิษฐานใจเข้าอยู่พรรษาครบไตรมาส คือ ๓ เดือน ตามพระพุทธบัญญัติ โดยไม่ไปค้างแรมค้างคืนนอกสถานที่ที่ท่านตั้งใจอยู่ไว้ เมื่อมีวันเข้าพรรษาก็จำเป็นต้องมีวันออกพรรษา ซึ่งวันออกพรรษา ซึ่งวันออกพรรษาตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ (เพ็ญเดือน ๑๑) ของทุกปี วันออกพรรษา เป็นวันสุดท้ายแห่งการจำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์ หมายถึงพระภิกษุสงฆ์ได้จำพรรษาครบกำหนดไตรมาส ตามพระพุทธบัญญัติแล้ว ท่านมีสิทธิ์ที่จะจาริกไปพักค้างคืนที่อื่นได้ ไม่ผิดพระพุทธบัญญัติและยังได้รับอานิสงส์ (ผลดี) คือ

    ๑.ไปไหนไม่ต้องบอกลา
    ๒.ไม่ต้องถือผ้าไตรครบชุด
    ๓. ลาภที่เกิดขึ้นแก่ท่านมีสิทธิ์รับได้
    ๔. มีโอกาสได้อนุโมทนากฐินและได้รับอานิสงส์คือได้รับการขยายเวลาของอานิสงส์นั้นออกไปอีก ๔ เดือน

    อนึ่ง มีชื่อเรียกวันออกพรรษาอีกอย่างหนึ่งว่า " วันปวารณา หรือ วันมหาปวารณา" มีความหมายว่าพระภิกษุทั้งหลายทั้งพระผู้ใหญ่และพระผู้น้อยต่างเปิดโอกาสอนุญาตแก่กันและกัน ให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้มีคำกล่าวปวารณาเป็นภาษาลี ว่า "สังฆัมภันเต ปะวาเรมิ ทิฎเฐนะ วา สุเตนะ วาปะริสังกายะ วา วะทันตุ มัง อายัส์มันโต อะนุกัทปัง อุปาทายะ ปัสสันโต ปฎิกะริสสามิ"

    แปลว่า ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ กระผมขอปวารณาต่อสงฆ์ ด้วยได้เห็นหรือได้ฟังก็ตาม ขอท่านทั้งหลายโปรดอนุเคราะห์ ว่ากล่าวตักเตือนกระผมด้วย เมื่อกระผมมองเห็นแล้ว จักประพฤติตัวเสียเลยใหม่ให้ดี

    การที่พระท่านกล่าวปวารณา (ยอมให้ว่ากล่าวตักเตือน) กันไว้ ในเมื่อต่างองค์ต่างต้องจากกันไปองค์ละทิศละทางท่านเกรงว่าอาจมีข้อประพฤติปฏิบัติที่ไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น โดยตัวท่านเองรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือมองไม่เห็นเหมือนผงเข้าตาตัวเอง แม้ผลจะอยู่ชิดติดกับลูกนัยน์ตา เราก็ไม่สามารถมองเห็นผลนั้นได้ จำเป็นต้องไหว้วานขอร้องผู้อื่นให้มาช่วยดูหรือต้องใช้กระจกส่องดู เพราะฉะนั้น พระท่านจึงใช้วิธีการกล่าวปวารณาตัดไว้เพื่อท่านรูปอื่นได้เห็นหรือแม้แต่ได้ยินได้ฟัง เรื่องดีไม่ดีไม่งามอะไรก็ตามให้กล่าวแนะนำตักเตือนได้ โดยไม่ต้องเกรงใจกันทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยด้วยเจตนาดีต่อกัน คือ พระผู้ใหญ่ก็กล่าวตักเตือนพระผู้น้อยได้และพระผู้มีอาวุโสน้อยก็สามารถกล่าวชี้แนะถึงข้อไม่ดีของพระผู้ใหญ่ได้เช่นกัน โดยที่พระผู้ใหญ่คือผู้มีอาวุโสท่านก็มิได้สำคัญตนผิดคิดว่าท่านทำอะไรแล้วถูกไปหมดทุกอย่าง

    การกล่าวปวารณา เท่ากับเป็นการช่วยระมัดระวังข้อประพฤติปฏิบัติที่ไม่ดีของพระรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดน้อยๆ นี้ที่จะลุกลามก่อความเสื่อมเสียไปถึงพระหมู่มาก และลุกลามไปถึงพระพุทธศาสนาอันเป็นจุดศูนย์ที่ใหญ่ได้ ท่านจึงใช้วิธีป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าการแก้ไขในภายหลัง

    ตัวอย่าง วันออกพรรษาหรือวันมหาปวารณาที่พระภิกษุทั้งหลายกระทำเช่นนี้ เป็นเครื่องมือชี้ให้เห็นวิธีการคอยสังวร คือ ตามระวัง ไม่ประมาท ไม่ยอมให้ความเลวร้ายเกิดขึ้นได้ เหมือล้อมรั้วไว้ก่อนที่วัวจะหายไม่ว่าจะอยู่ในเทศกาลเข้าพรรษาหรือออกพรรษา พระท่านจะประพฤติดี ปฏิบัติชอบตามระบอบของพระธรรมวินัยอยู่ตลอดเวลา

    ส่วนพิธีของฆราวาสนั้นควรจะนำเอาพิธีปวารณาของพระท่านมาใช้ดูบ้าง ซึ่งจะมีผลดีที่เกิดขึ้นแก่กลุ่มชนที่อยู่รวมกัน ไม่ว่าครอบครัวและสังคมต่าง ๆ และมีพิธีกรรมของฆราวาสที่เกี่ยวเนื่องกันในวันออกพรรษานี้ก็ได้แก่การบำเพ็ญบุญกุศลต่าง ๆ เช่น การทำบุญตักบาตร รักษาศีล ฟังธรรม ณ วัดที่อยู่ใกล้เคียง

    มีการทำบุญอันเป็นประเพณีที่นิยมกระทำกันมานานแล้วในวันออกพรรษา ซึ่งเรียกว่า " ตักบาตรเทโว" หรือเรียกชื่อเต็มตามคำพระว่า "เทโวโรหนะ" แปลว่าการหยั่งลงจากเทวโลก หรือการตักบาตรนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ตักบาตรดาวดึงส์" และการตักบาตรเทโวนี้ จะกระทำในวันขึ้น ๑๕ เดือน ๑๑ หรือวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ก็ได้สุดแท้แต่จะเห็นพร้อมกัน

    การทำบุญตักบาตรเทโวนี้ ท่านจัดเป็นกาลนาน คือ หนึ่งปีมีหนึ่งครั้ง และการกระบุญเช่นนี้ โดยยึดถือว่าเป็นวันคล้ายกับวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก ตามตำนานกล่าวว่า

    เมื่อก่อนพุทธศักดิ์ราช ๘๐ ปี พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปจำพรรษา ณ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนา "พระสัตตปรณาภิธรรม" คือพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ โปรดพระพุทธมารดา (ซึ่งทรงบังเกิดอยู่ในสวรรคชั้นดุสิต)

    ครั้นครบกำหนดการทรงจำพรรษาครบ ๓ เดือน พระพุทธเจ้าทรงปวารณาพระวัสสาแล้วเสด็จลง จากดาวดึงส์เทวโลกมาสู่มนุษย์โลก ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ โดย เสด็จลงทางบันไดแก้วทิพย์ ซึ่งตั้งระหว่างกลางของนับไดทองทิพย์อยู่เบื้องขวาบันไดเงินทิพย์อยู่เบื้องซ้ายและหัวบันไดทิพย์ที่เทวดาเนรมิตขึ้นทั้ง ๓ พาด บนยอดเขาพระสิเนรุราช อันเป็นที่ตั้งแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ส่วนเชิงบันไดตั้งอยู่บนแผ่นศิลาใหญ่ใกล้ประตูเมืองสังกัสสนคร และสถานที่นั้นประชาชนถือว่าเป็นศุภนิมิตรสร้างพระเจดีย์ขึ้นเป็น "พุทธบูชานุสาวรีย์" เรียกว่า "อจลเจดีย์"

    อนึ่งในวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาสู่มนุษย์โลกนั้น ประชาชนพร้อมกันไปทำบุญตักบาตรเป็นจำนวนมากสุดจะประมาณ พิธีที่กระทำกันในการตักบาตรเทโว ซึ่งถือตามประวัตินี้ก็เท่ากับทำบุญตักบาตร รับเสด็จพระพุทธเจ้าในคราวเสด็จลงมาจากเทวโลกนั่นเอง บางวัดจึงเตรียมการในคฤหัสถ์แต่งตัวเป็นเทวดาบ้าง เป็นพรหมบ้างแล้วอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนบุษบกที่มีล้อเคลื่อน และมีบาตรตั้งอยู่ข้างหน้าพระพุทธรูปใช้คนลากนำหน้าพระสงฆ์ พวกทายกทายิกาตั้งแถวเรียงรายคอยใส่บาตร เป็นการกระทำให้ใกล้กับความจริงเพื่อเป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้า ส่วนอาหารที่นำมาทำบุญตักบาตรในวันนั้น มีข้าว กับข้าวต้มมัดใต้ ข้าวต้มลูกโยนที่ห่อด้วยใบมะพร้าวหรือใบลำเจียกไว้หางยาวและข้าวต้มลูกโยนนี้มี ประวัติมาตั้งแต่ครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะตั้งใจอธิษฐานแล้วโยนไปให้ลงบาตรของพระพุทธเจ้า เนื่องจากมีคนมากเข้าไปใส่บาตรไม่ได้

    ความมุ่งหมายของการปวารณากรรม
    ปวารณากรรม มีความมุ่งหมายชัดเจนปรากฏอยู่ในคำที่สงฆ์ใช้ปวารณาซึ่งกันและกัน ดังนี้
    - เป็นกรรมวิธีลดหย่อนผ่อนคลายข้อขุ่นข้องคลางแคลงที่เกิดจากความระแวงสงสัย ให้หมดไปในที่สุด
    - เป็นทางประสานรอยร้าว ที่เกิดจากผลกระทบกระทั่งในการอยู่ร่วมกัน ให้มีโอกาสกลับคืนดีด้วยการให้โอกาสได้ปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน
    - เป็นทางสร้างเสริมความสามัคคีในหมู่ให้กลมเกลียวอยู่ร่วมกันอย่างสนิทใจ
    - เป็นแนวปฏิบัติให้เกิดความเสมอภาคกันในการแสดงความคิดว่ากล่าวตักเตือนได้โดยไม่จำกัดด้วย ยศ ชั้น พรรษา วัย
    - ก่อให้เกิด "ภราดรภาพ" รู้สึกเป็นมิตรชิดเชื้อปรารถนาดี เอื้อเฟื้ออาทรเป็นพื้นฐาน นำไปสู่พฤติกรรมอันพึงประสงค์ที่ดีงานคล้าย ๆ กัน เรียกว่า ศีลสามัญญุตา

    ประโยชน์ของพิธีออกพรรษา
    ๑. เมื่อวันออกพรรษามาถึงเป็นการเตือนใจชาวพุทธว่า เวลาที่ผ่านไป ชีวิตก็ใกล้ตายเข้าไปทุกขณะแล้ว ควรเร่งทำกุศล และยังได้ถึงความปีติ ที่ได้บำเพ็ญกิจมาตลอดพรรษาและเป็นการเตือนสติอย่าให้จิตของตนละเลิกการทำกุศลไม่ให้ตกไปสู่ทางอบายมากเกินไป
    ๒. ประโยชน์ที่โดดเด่น คือประโยชน์ของการปวารณาที่สงฆ์การกระทำกันในวันออกพรรษาเพื่อ ให้สงฆ์ดำรงค์ความเป็นปึกแผ่นแน่นเหนียวยากแก่การทำลาย ถ้าคนในชาติเราทุกฝ่ายหันมา ปวารณากัน คือเปิดใจกัน เปิดเผยซึ่งกันและกัน หันหน้ามารวมพลังกันพัฒนาประเทศความทุกข์ก็จะบรรเทาเบาบางลง

    จากพิธีออกพรรษา
    ๑. เตือนสติว่าเวลาที่ผ่านพ้นไปอีกพรรษาหนึ่งแล้วได้คร่าชีวิตมนุษย์ ให้ผู้คนนั้นดำรงค์อยู่ในความไม่ประมาทและหันมาสร้างกุศล
    ๒. การทำบุญออกพรรษาเปิดโอกาสให้ผู้อื่นชำระความผิดของตนได้ คือหลักปวารณา ปกติคนเราคบกันนาน ๆ ก็จะเผย "สันดาน" ที่แท้ออกมาอาจจะไม่ดีนักแต่ตนเองไม่รู้ตัวแล้วมองไม่เห็น แต่ผู้อยู่ข้าง ๆ มองเห็นแต่ไม่กล้าเตือน ดังนั้นตนเองต้องปวารณาตัวให้ผู้อื่นชี้แนะได้ ความสัมพันธ์ก็จะดีขึ้นและยั่งยืน
    ๓. ได้ข้อคิดที่ว่า คนเราส่วนใหญ่มักจะลำเอียงเข้าข้างตนเองเป็นฝ่ายถูก ความผิดของคนอื่นเห็นง่ายส่วนตนเองนั้นความผิดนั้นเห็นยาก นี่แหละสัญชาตญาณของคนเรา
    ๔. เป็นการให้รู้ถึงการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีในการเปิดใจซึ่งกันและกันโดยไม่มีเล่ห์เหลี่ยมลับลมคมในใด ๆ ต่อในการคบหาหรืออยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

    ขอบคุณข้อมูลจากเว็บธรรมจักรดอทเน็ท หน้าหลัก - ธรรมจักร :: เว็บธรรมะออนไลน์
     
  2. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    คำว่า “ปวารณา” พระจะไม่ทราบก็มีนะ เวลานี้มันจะเป็นเพียงพิธีกิริยาออกมาจากความไม่มีธรรมในใจ ไม่มีวินัยในใจแล้วนะ คำว่า สงฺฆมฺ ภนฺเต ปวาเรมิคือปวารณาตน เปิดโอกาสตนแก่สงฆ์ทั้งหลายที่นั่งรวมกันอยู่นี้ คือเปิดเผยเปิดโอกาสให้กัน แนะนำตักเตือนสั่งสอนได้ ผิดพลาดประการใด ได้เห็นก็ดี กิริยาอาการที่ไม่ถูกต้องนั้น ได้ยินก็ดี กิริยาแห่งการแสดงหรือการพูดออกมา หรือได้สงสัยก็ดี เหล่านี้ ให้ตักเตือนสั่งสอน เมื่อทราบแล้วจะได้ปฏิบัติแก้ไขดัดแปลงต่อไป ความหมายว่าอย่างนั้น คำปวารณาจึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เปิดโอกาสไม่ให้มีทิฐิมานะต่อกัน ไม่มีคำว่าชาติชั้นวรรณะ เป็นสังฆะ หรือเป็นพระสงฆ์ศากยบุตรอันเดียวกัน เปิดโอกาสให้กัน

    เพราะความรู้เราลำพังคนเดียว ไม่สามารถที่จะรู้รอบได้ในกิริยาความเคลื่อนไหวของตน จึงต้องได้อาศัยผู้อื่นคอยแนะนำตักเตือนสั่งสอน นับแต่ครูบาอาจารย์ลงมาถึงพระเพื่อนฝูงด้วยกัน คอยแนะนำตักเตือนสั่งสอนกัน เปิดโอกาสให้กันเพื่ออรรถเพื่อธรรม ไม่ได้เพื่อทิฐิมานะฐานะสูงต่ำอะไรเลย สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ธรรม ความเป็นธรรมก็คือความเปิดโอกาสเพื่ออรรถเพื่อธรรมคือความถูกต้องดีงามแก่ตน เมื่อท่านผู้อื่นผู้ใดได้เห็นความไม่ดีไม่งามของเราที่แสดงออก ด้วยการได้เห็นได้ยินได้ฟัง ด้วยรังเกียจสงสัยก็ดีนั้นจะได้เตือนเรา ก็จะได้รับไว้ประพฤติปฏิบัติ

    เรื่องทิฐิมานะนั้นเป็นเรื่องของกิเลส การเปิดโอกาสตักเตือนซึ่งกันและกันนั้นเป็นเรื่องของธรรม เพราะเราอยู่ด้วยกันหลายคน อาจมีความผิดพลาด จึงต้องเปิดโอกาสให้แนะนำหรือตักเตือนซึ่งกันและกันได้ ให้พากันเข้าใจตามนี้ นี่ละพระโอวาทของพระพุทธเจ้า ถ้าต่างคนต่างปฏิบัติตามพระโอวาทนี้อยู่ เราทุกคนเท่ากับศาสดาประทับอยู่บนศีรษะของเรา คือพระธรรมพระวินัยซึ่งเป็นองค์แทนของศาสดา เราปฏิบัติตามหลักธรรมหลักวินัยอยู่นี้เท่ากับเราเทิดทูนศาสดา ประหนึ่งพระองค์ประทับนั่งอยู่บนศีรษะคือหัวใจของเราทุกคนๆ นี่เป็นธรรมสดๆ ร้อนๆ ธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ได้เป็นความครึความล้าสมัยดังกิเลสที่มันล้ำยุคล้ำสมัย เหยียบย่ำทำลายศาสนาคือธรรมวินัยอยู่เวลานี้ดาษดื่นจนเกิดความสลดสังเวช นี่ไม่ใช่ธรรมไม่ใช่วินัย แต่ดาษดื่นในศาสนาทุกวันนี้ มีแต่ของปลอมเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มวัดเต็มวา จึงน่าสลดสังเวช

    พวกเราทั้งหลายผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรม อย่าให้มีกิริยาอาการอย่างนั้นออกมาทางกายทางใจทางวาจาทุกอย่างเป็นอันขาด นี่เรียกว่าเทิดทูนพระศาสดาคือหลักธรรมหลักวินัย ด้วยอาการแสดงออกของตนทุกอย่าง ให้พากันจำเอานะ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านั้น

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    เทศน์อบรมพระ “วันออกพรรษา” ณ วัดป่าบ้านตาด
    เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
    ...ความหมาย “ปวารณา”...

    ที่มา facebook.com/พุทธมหาเจดีย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
     
  3. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    บุญ บาป เป็นของเที่ยงแท้แน่นอน
    ใครจะมาว่าเรา เป็นเรื่องปากเขา
    จิตเรามีหน้าที่ภาวนา ยืนให้มีสติ เดินให้มีสติ
    ทำอะไร พูดอะไร ให้มีสติ รู้ภายนอกรู้ไปทำไม
    รู้ภายใน รู้กาย รู้จิต ของตัวเองดีกว่า

    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  4. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    ในวันนี้ ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดคุ้มครองทุกๆท่าน ให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขด้วยเทอญ 20/10/2556
     
  5. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "ศาสนามีเท่านั้นแหละ มีดีกับชั่วเท่านั้น มันอยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่ตัวคน ไม่ได้อยู่ที่ตัวคนอื่นหรอก"

    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  6. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    สิเฮ็ดหยังกะฟ้าวเฮ็ดเด้อครูบา สิภาวนากะฟ้าวเฮ็ด
    เฮ็ดหยังกะบ่ได้บุญหลายซำภาวนาดอก

    หลวงปู่บุญมา กัลยาณคุตโต เทศนาอบรมพระลูกศิษย์

    ที่มา https://www.facebook.com/luangpuboonma
     
  7. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "ทั้งหมดอยู่ที่ 'ใจ'
    สุขก็อยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ
    ใจนี่แหละ คือ ตัวเหตุ
    เราจะต้องทำใจ ให้ผ่องใส
    ตั้งอยู่ในศีล ตั้งอยู่ในทาน ตั้งอยู่ในธรรม
    ตั้งอยู่ในสมาธิก็ดี ทุกอย่างเราทำความพอดี"

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  8. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    ก็บุคคลผู้พิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและเสื่อมไป
    มีชีวิตอยู่วันเดียวประเสริฐกว่าบุคคลผู้ไม่พิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมไป มีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  9. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "ผลของความดี คือ ความหลุดพ้น"

    คนโดยมากมักเข้าใจผิดในผลของความดี คือ มักไปเข้าใจ "ผลพลอยได้" ว่าเป็นผลโดยตรง และมักมุ่งผลพลอยได้เป็นสำคัญ เมื่อไม่ได้ผลเป็นวัตถุจากการทำความดี ก็จะบ่นว่าทำดีไม่เห็นได้อะไร

    รักษาศีลไม่เห็นร่ำรวยอะไร เป็นเพราะไม่เข้าใจว่า ผลของความดี คือ อะไร ผลของความดี คือ ความหลุดพ้น

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  10. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "พุทโธ" ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
    คำว่า " พุทโธ" เพียงคำเดียวเท่านั้น
    คือพลังแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายรวมอยู่กับคำว่า

    "พุทโธ" นี้ทั้งนั้น

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  11. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    ถ้าสงบแล้ว อยู่ในบ้านก็สงบ อยู่ในวัดก็สงบ
    อยู่ในป่าในรกก็สงบ อยู่ในถ้ำในเหวก็สงบ
    สงบหมดทุกหนทุกแห่ง เราสงบคนเดียวเท่านั้นแหละ
    สิ่งอื่นๆ ทั้งหมดในโลกอันนี้มันจะวุ่นวายสักเท่าไร
    มันก็ไม่เอาเรื่องเอาถ่าน เรื่องคนอื่นก็เป็นเรื่องของคนอื่น..

    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี..

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  12. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "ทำความดีอย่าไปท้อ
    คนไม่เห็นความดีของเรา
    ก็ขอให้เราเห็นความดีของเราก็แล้วกัน
    เราทำความดีเพื่อเรา
    ไม่ได้ทำความดีเพื่อผู้อื่นใด"

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  13. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    เราเกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้ว
    ได้พบหนทางที่ประเสริฐที่สุดสำหรับชีวิตของเราแล้ว

    ถ้าเราไม่เดินไปตามทางนั้น
    เราจะไม่เสียดายหรือ

    เมื่อชาตินี้ไม่ปฏิบัติแล้ว
    อีกกี่ชาติจึงจะได้พบหนทางเช่นนี้อีก

    วัดอยู่ที่ใจ....ทุกคนต้องเข้าวัดทุกวัน
    พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
    วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  14. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "วันนี้ในอดีต"

    เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 เป็นวันพระราชพิธีทรงพระผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง มีสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ทรงได้รับพระสมณฉายาว่า “ภูมิพโล”

    พระมหากษัตริย์ที่ทรงพระผนวชขณะทรงดำรงสิริราชสมบัติมี 4 พระองค์ คือ พญาลิไทแห่งกรุงสุโขทัย สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

    ข้อมูลจาก สารานุกรมไทย ฉบับกาญจนาภิเษก
    เรื่อง "พระราชพิธีทรงพระผนวช พุทธศักราช ๒๔๙๙"
    โดย นายทองต่อ กล้วยไม้ ณ อยุธยา

    ที่มา https://www.facebook.com/infodivohm
     
  15. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "ออกพรรษาไปแล้ว ก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญความดีนะ กิเลสมันไม่ได้ออกพรรษาด้วยเรานะ กิเลสมันอยู่ในใจของเรา วันนี้วันออกพรรษา เรานึกว่ากิเลสมันจะออกไป มันไม่ได้ออกนะ มันอยู่ที่ใจ

    การชำระใจเพื่อความเป็นคนดี ต้องได้ชำระตลอดทั้งในพรรษาทั้งนอกพรรษาตลอดกาลเลย นี่เรียกว่าชำระกิเลส กิเลสสิ้นไปแล้วในพรรษานอกพรรษาไม่มีปัญหา สว่างจ้าอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา นั่นคือใจของผู้บริสุทธิ์ท่านเป็นอย่างงั้นละ"

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด
    เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐


    ที่มา https://www.facebook.com/siangdhamfoundation?fref=ts
     
  16. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี

    การชักนำมารดาบิดาเข้ามาสู่เส้นทางธรรม คือ การตอบแทนพระคุณอันประเสริฐเลิศล้ำที่สุด


    To convince one’s parents to walk the path of Dhamma is the most praiseworthy way to repay their kindness.

    ที่มา https://www.facebook.com/v.vajiramedhi
     
  17. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    คนพูดดี ก็เป็นน้ำเย็นรดหัวใจให้ชื่นบาน
    เป็นยาบำรุงหัวใจ ซึ่งกันและกัน
    ถ้าพูดไม่ดี ก็เป็นน้ำร้อนน้ำกรด
    มาสังหาร ซึ่งกันและกัน..

    ท่านพ่อลี ธัมมธโร.

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  18. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    วาจาใดที่ทำให้ตนเองบ้าง ทำให้ผู้อื่นบ้าง
    ไม่สบายหู ไม่สบายใจ วาจานั้นถือว่าเป็นวาจาที่ไม่ควรพูด

    พระราชญาณวิสุทธิโสภณ
    (หลวงปู่ท่อน ญาณธโร)
    วัดศรีอภัยวัน จ.เลย

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  19. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    คนดีอยู่ที่เรานี่แหละ ถ้าเราไม่ดีแล้ว
    เราจะอยู่ที่ไหนกับใคร มันก็ไม่ดีทั้งนั้น

    พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
    วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  20. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    เราไม่สามาถจะรู้ได้ว่าท่านผู้ใดเป็นพระอรหันต์หรือไม่เป็นพระอรหันต์ หรือพระอริยบุคคลดังกล่าวแล้วชั้นใดชั้นหนึ่ง เราจะไม่ยอมทำบุญด้วยก็เป็นความผิดของเราอีกเพราะอริยบุคคลทั้งหลายเหล่านั้นไม่ได้มีบัญชีติดไว้ว่าอยู่ในระดับใด เรามัวไปเลือกอยู่ชีวิตของเราไม่รู้ว่าจะไปได้ขนาดไหน ข้อนี้แหละเป็นข้อสำคัญมาก เรามัวแต่เลือกอยู่เรามรณะไปก่อนเสียก็ได้.

    หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     

แชร์หน้านี้

Loading...