ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างพระปางนาคปรก (หลวงพ่อนาคองค์ใหญ่ที่สุด) ภาพความคืบหน้า น.29

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย Ramtongthai, 31 พฤษภาคม 2013.

  1. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    เมื่อมีอำนาจอย่าลืมชาติลืมตัว
    ถ้ากำลังมัวอย่าลืมตัวลืมตาย
    ถ้าสร้างกรรมทำดีจะมีจิตใจบาย
    ถ้าสร้างกรรมทำชั่วจะสะดุ้งกลัวจนตาย

    หลวงปู่ขาว อนาลโย

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  2. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "ความทุกข์ที่จริงเป็นสิ่งดี ทุกข์นี้ดีจะได้เบื่อ เบื่อว่ากูไม่อยากเกิดแล้วโว้ย จะได้ปรารถนาออกจากกาม เพราะถ้ามันสุขมันก็จะลืมตัว มันจะพาเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้แหละ"

    หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  3. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    มรรคผลไม่ได้ขึ้นอยู่กับนิกาย แต่มรรคผลขึ้นอยู่กับการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    ตามธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแนะนำสั่งสอนไว้แล้ว ละในสิ่งที่ควรละ
    เว้นในสิ่งที่ควรเว้น เจริญในสิ่งที่ควรเจริญ นั่นแหละ คือทางดำเนินไปสู่มรรคผลนิพพาน


    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  4. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "กลัวแต่คนอื่นจะเห็นตับไตไส้พุงของตัว
    แต่ตัวเองไม่สนใจดูตับไตไส้พุงและจิตใจของตัว
    ว่ามันมีอะไรอยู่ในภายในนั้น
    มัวเพลินดู เพลินฝัน เพลินคิด แต่เรื่องคนอื่น
    กลัวเขาจะมาเห็นตับไตไส้พุงของเรา
    คิดส่งออกไปภายนอก ไม่สนใจคิดเข้ามาข้างใน
    นักปฏิบัติเรา ไม่สนใจดูกายดูใจของตัวเราเอง
    จะหาความฉลาดรอบรู้มาจากไหน"

    ....พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต กล่าวต่อศิษย์ทั้ง 2
    ต่อ พระขาว อนาลโย และ พระชอบ ฐานสโม..

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  5. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "อานุภาพของความดีหรือบุญกุศลนั้นอัศจรรย์จริง
    เชื่อไว้ดีกว่าไม่เชื่อ และเมื่อเชื่อแล้ว
    ก็ให้พากันแสวงหาอานุภาพของความดี
    หรือบุญกุศลให้เห็นความอัศจรรย์ด้วยตนเองเถิด"


    สมเด็จพระญาณสังวร...สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  6. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    วันที่ 4 พฤศจิกายน 2556 ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหัวหน้าคณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แถลงถึงพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ


    "พระอาการโดยรวมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ดีขึ้นตามลำดับ จนเป็นที่น่าพอใจของคณะแพทย์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามารถบังคับเก้าอี้ไฟฟ้าที่ประทับได้ด้วยพระองค์เอง และเสด็จพระราชดำเนินให้อาหารปลาทุกเย็น ที่บริเวณศาลาแปดเหลี่ยมริมชายทะเล ด้วยพระพักตร์แจ่มใส และแย้มพระสรวลให้กับข้าราชบริพารที่เฝ้าตามเสด็จฯ อย่างไรก็ตาม คณะแพทย์ที่ต้องติดตามพระอาการทุกวันขณะนี้ได้ลดลงเป็นติดตามพระอาการสัปดาห์ละครั้ง แต่ยังมีคณะแพทย์และพยาบาลถวายการดูแลอย่างใกล้ชิดเช่นเดิม

    ส่วนพระอาการของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ ทรงพระดำเนินได้ด้วยพระองค์เองเป็นระยะทาง 700-800 เมตร พระอาการโดยรวมถือเป็นที่น่าพอใจ ขอให้ประชาชนอย่าได้เป็นห่วง โดยทั้ง 2 พระองค์ยังไม่มีกำหนดการเสด็จมาประทับที่โรงพยาบาลศิริราชในช่วงนี้


    ที่มา https://www.facebook.com/watpabaantaad.luangta
     
  7. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "ถ้าคนเรามีสติพิจารณาสักหน่อยว่า
    แม้แต่ร่างกายที่มีหนังหุ้มอยู่อย่างนี้
    เราก็ขอยืมมาจากธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ
    และก็จะต้องส่งคืนให้กับดิน น้ำ ลม ไฟ อยู่ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
    ถ้ามีสติรู้ได้เช่นนี้เสมอๆ โลกก็คงจะวุ่นวายน้อยลง
    กิเลสคนเราคงไม่กำเริบมากเท่าไรนักหนา"

    หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  8. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    “วัตถุภายนอก มิใช่เป็นสิ่งที่เราจะนำติดตัวไปด้วยได้
    ถ้าเราไม่ทิ้งมันไป มันก็ทิ้งเราไปวันหนึ่ง
    ฉะนั้นจึงควรรีบสะสมแต่บุญภายในให้มาก
    เพราะเราจะได้นำติดตัวไปด้วย”

    หลวงพ่อลี ธมฺมธโร

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  9. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "ยศและลาภหาบไปไม่ได้แน่ มีเพียงแต่ต้นทุนบุญกุศล
    ทรัพย์สมบัติทิ้งไว้ให้ปวงชน แม้ร่างตนเขายังเอาไปเผาไฟ
    เมื่อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเจ้า เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน
    เจ้ามามือเปล่าเจ้าจะเอาอะไรไป เจ้าก็ไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา"

    สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี)


    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  10. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "วิธีถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง คือให้ตั้งใจระลึกถึงพุทธคุณข้อใดข้อหนึ่งให้จริง แล้วพระพุทธเจ้าจะปรากฎขึ้นในพระพุทธคุณ ความหวาดกลัวและหม่นหมองก็จะหายไปจากจิตใจ"

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก

    ที่มา https://www.facebook.com/Thammaphormaekruarjahn?fref=ts
     
  11. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "ของดีอะไร อะไรคือของดี ของดีมีอยู่ด้วย กันทุกคนแล้ว
    การที่มีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ไข้ได้พยาธินั้น ก็มีของดีแล้ว
    การมีร่างกายแข็งแรง มีอวัยวะครบถ้วน ไม่บกพร่องพิกลพิการ
    อันนี้ก็มีของดีแล้ว จะต้องไปหาของดีที่ไหนกันอีก"

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ


    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  12. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    เนื่องในโอกาสน้อมรำลึกคล้ายวันมรณภาพ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตมหาเถร ปีที่ ๖๔ ที่จะถึงในวันจันทร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายนนี้ ทางเพจขอน้อมนำประวัติขององค์บูรพาจารย์ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต มาเผยแพร่ เพื่อน้อมรำลึกถึงความยิ่งใหญ่ของจอมทัพธรรมแห่งรัตนโกสินทร์ ต้นแบบพระแท้แห่งพุทธกาล ผู้ถักทอเครือข่ายพระป่าให้ครอบคลุมทั่วหล้า ผู้เป็นแบบอย่างในการรักษาสิกขาบทชนิดเอาชีวิตเข้าเข้าแลก ผู้อิ่มบารมีธรรมอย่างเอกอุ ผู้เป็นแสงอาทิตย์ฉายกล้าไปทั่วอาณาเขตพุทธแดนไทย ให้ลูกหลานสืบทอดผ่านกาลสมัยรุ่นแล้วรุ่นเล่า " พ่อแม่ครูบาอาจารย์มั่น "

    ชาติกำเนิดและการอุปสมบท - ท่านกำเนิดในสกุลแก่นแก้ว บิดาชื่อคำด้วง มารดาชื่อจันทร์ เพีย ( พระยา ) แก่นท้าวเป็นปู่ นับถือพุทธศาสนา เกิดวันพฤหัสบดีเดือนยี่ ปีมะแม ตรงกับวันที่ ๒๐ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๑๓ ณ บ้านคำบง ตำบลโขงเจียม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ( ปัจจุบันคือ บ้านคำบง ตำบลสงยาง อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี )มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ๗ คน ท่านเป็นบุตรคนหัวปี ท่านเป็นคนร่างเล็ก ผิวขาวแดง แข็งแรง ว่องไว สติปัญญาดีมาตั้งแต่กำเนิดฉลาดดี เป็นผู้ว่าง่ายสอนง่ายได้เรียนอักขรสมัยในสำนักของอา คือเรียนอักษรไทยน้อย อักษรไทย อักษรธรรม และอักษรขอมอ่านออกเขียนได้ นับว่าท่านเรียนได้รวด เร็ว เพราะมีความทรงจำดี และมีความขยันหมั่นเพียรชอบการเล่าเรียนศึกษา

    เมื่อท่านอายุได้ ๑๕ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรในสำนักวัดบ้านคำบง ท่านใดเป็นบรรพชาจารย์ไม่ปรากฏ ครั้นบวชแล้วได้ศึกษาหาความรู้ทางพระศาสนา มีสวดมนต์และสูตรต่างๆ ในสำนักบรรพชาจารย์ จดจำได้รวดเร็ว อาจารย์เมตตาปรานีมาก เพราะ เอาใจใส่ในการเล่าเรียนดี ประพฤติปฏิบัติเรียบร้อย เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้

    เมื่ออายุท่านได้ ๑๗ ปี บิดาขอร้องให้ลาสิกขา เพื่อช่วยการงานทางบ้านท่านก็ได้ลาสิกขาออกไปช่วยงาน ของบิดามารดาเต็มความสามารถ ท่านเล่าว่าเมื่อลาสิกขาไปแล้วยังคิดที่จะบวชอีกอยู่เสมอไม่ลืมเลย คงเป็นเพราะอุปนิสัยในทางบวชมาแต่ก่อนอย่างหนึ่งอีกอย่าง หนึ่งเพราะติดใจในคำสั่งของยายว่า "เจ้าต้องบวชให้ยาย เพราะยายก็ได้เลี้ยงเจ้ายาก"คำสั่ง ของยายนี้ คอยสะกิดใจอยู่เสมอ ครั้นอายุท่านได้ ๒๒ ปี ท่านเล่าว่ามีความอยากบวชเป็นกำลัง จึงอำลาบิดา มารดาบวชท่านทั้งสองก็อนุญาตตามประสงค์ ท่านได้เข้าศึกษา ในสำนักพระอาจารย์เสาร์ ( หลวงปู่เสาร์ ) กนฺตสีโล วัดเลียบ เมืองอุบล อุปสมบท เป็นภิกษุภาวะในพุทธศาสนา ณ วัดศรีทอง(วัดศรีอุบลรัตนาราม)อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี พระอริยกวี (อ่อน) เป็นพระ อุปฌาย์ พระครูสีทาชยเสโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประจักษ์อุบลคุณ ( สุ่ย ) เป็นพระอนุสาวนาจารย์เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๓๖

    พระอุปัชฌายะขนานนามมคธให้ว่า "ภูริทัตโต"แปลว่า "ผู้ให้ปัญญา ผู้แจกจ่ายความฉลาด" เสร็จอุปสมบทกรรมแล้ว ได้กลับมาศึกษาวิปัสสนาธุระกับพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล ณ วัดเลียบต่อไป เมื่อแรกอุปสมบทท่านพำนักอยู่วัดเลียบ โดยได้เรียนกรรมฐานจากพระอาจารย์เสาร์ เมื่องอุบลราชธานีเป็นปกติ และได้ออกไปอาศัยอยู่วัดบูรพาราม เมืองอุบลราชธานีเป็นครั้งคราว
    ในระหว่างนั้นได้ศึกษาข้อปฏิบัติเบื้องต้น อันเป็นส่วน แห่งพระวินัย คือ อาจาระความประพฤติมารยาท อาจริยวัตร และอุปัชฌายวัตร ปฏิบัติได้เรียบร้อยดีจนเป็นที่ไว้วางใจของพระอุปัชฌาจารย์ และได้ศึกษาข้อปฏิบัติอบรมจิตใจ คือ เดินจงกรมนั่งสมาธิกับการสมาทานธุดงควัตรต่างๆ

    บำเพ็ญเพียร - ในสมัยต่อไปได้แสวงหาวิเวก บำเพ็ญสมณธรรมในที่ต่างๆ ตามราวป่า ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง หุบเขา ซอกเขา ห้วย ธารเขา เงื้อมเขา ท้องถ้ำ เรือนว่าง ทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงบ้าง ทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงบ้าง แล้วลงไปศึกษากับนักปราชญ์ทางกรุงเทพ จำพรรษาอยู่ที่วัดปทุมวนาราม หมั่นไปสดับธรรมเทศนา กับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) แล้วออกแสวงหาวิเวกในถิ่นภาคกลาง คือถ้ำสาริกา เขาใหญ่ นครนายก ถ้ำไผ่ขวาง เขาพระงาม และถ้ำสิงห์โต ลพบุรี จนได้รับความรู้แจ่มแจ้งในพระธรรมวินัย สิ้นความสงสัยในสัตถุศาสนา จึงกลับมาภาคอีสาน ทำการอบรมสั่งสอนสมถวิปัสสนา แก่สหธรรมิกและอุบาสกอุบาสิกาต่อไป มีผู้เลื่อมใสปฏิบัติตามมากขึ้นโดยลำดับ มีศิษยานุศิษย์แพร่หลายกระจายทั่วภาคอีสาน

    ในกาลต่อมาได้ลงไปพักจำพรรษาที่วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ อีก ๑ พรรษาแล้ว ไปเชียงใหม่ กับท่านเจ้าคุณพระคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ( จันทร์ สิริจนฺโท ) จำพรรษาวัดเจดีย์หลวง ๑ พรรษา แล้วออกไปพักตามที่วิเวกต่างๆ ในเขตภาคเหนือหลายแห่ง เพื่อสงเคราะห์สาธุชนในที่นั้นๆ นานถึง ๑๑ ปี จึงได้กลับมาจังหวัดอุีดรธานี พักจำพรรษาอยู่ที่วัดโนนนิเวศน์ เพื่ออนุเคราะห์สาธุชนในที่นั้น ๒ พรรษา แล้วมาอยู่ในเขตจังหวัดสกลนคร จำพรรษาที่วัดป่าบ้านนามน ตำบลตองโขบ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ( ปัจจุบันคืออำเภอ โคกศรีสุพรรณ ) ๓ พรรษา จำพรรษาที่วัดป่าหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม ๕ พรรษาเพื่อสงเคราะห์สาธุชนในถิ่นนั้น มีผู้สนใจในธรรมปฏิบัติได้ติดตามศึกษา อบรมจิตใจมากมาย ศิษยานุศิษย์ของท่าน ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย ยังเกียรติคุณของท่านให้ฟุ้งเฟื่องเลื่องลือไป




    ที่มา facebook.com/พุทธมหาเจดีย์หลวงตาพระมหาบัว-ญาณสมฺปนฺโน-ภูผาแดงฯ
     
  13. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    ชีวประวัติองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ในช่วงปัจฉิมวัย

    ในวัยชรานับแต่ พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นต้นมา ท่านหลวงปู่มั่นมาอยู่ที่จังหวัดสกลนคร เปลี่ยนอิริยาบท ไปตามสถานที่วิเวกผาสุขวิหารหลายแห่ง คือ เสนาสนะป่าบ้านนามน ตำบลตองโขบ อำเภอเมือง (ปัจจุบันเป็นอำเภอโคกศรีสุพรรณ) บ้าง แถวนั้นบ้าง ครั้น พ.ศ. ๒๔๘๗ จึงย้ายไปอยุ่เสนาสนะป่าบ้านหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร จนถึงปีสุดท้ายแห่งชีวิต ตลอดเวลา ๘ ปีในวัยชรานี้ ท่านได้เอาธุระอบรมสั่งสอน ศิษยานุศิษย์ทางสมถวิปัสสนา เป็นอันมาก ได้มีการเทศนาอบรมจิตใจศิษยานุศิษย์เป็นประจำวันศิษย์ ผู้ใกล้ชิด ได้บันทึกธรรมเทศนาของท่านไว้ และได้รวบรวมพิมพ์ขึ้นเผยแพร่ แล้วให้ชื่อว่า "มุตโตทัย"

    มาถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ซึ่งเป็นปีที่ท่านมีอายุย่างเข้า ๘๐ ปี ท่านเริ่มอาพาธเป็นไข้ ศิษย์ผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ก็ได้เอาธุระรักษาพยาบาลไปตามกำลังความสามารถ อาการอาพาธก็สงบไปบ้างเป็นครั้งคราว แต่แล้วก็กำเริบขึ้นอีก เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนจวนออกพรรษา อาพาธก็กำเริบมากขึ้น ข่าวนี้ได้กระจายไปโดยรวดเร็ว พอออกพรรษา ศิษยานุศิษย์ผู้อยู่ใกล้ไกล ต่างก็ทะยอยกันเข้ามาปรนนิบัติพยาบาล ได้เชิญหมอแผนปัจจุบันมาตรวจ และรักษาแล้วนำมาพักที่เสนาสนะป่าบ้านภู่ อำเภอพรรณานิคม เพื่อสะดวกแก่ผู้รักษา แลtศิษยานุศิษย์ที่จะมาเยี่ยมพยาบาล อาการอาพาธมีแต่ทรงกับทรุดลงโดยลำดับ

    ครั้น เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๒ ได้นำท่านมาพักที่วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง เมืองสกลนคร โดยพาหนะรถยนต์ของแขวงการทางมาถึงวัดเวลา ๑๒.๐๐น. เศษ ครั้นถึงเวลา ๒.๒๓ น. ของวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ปีเดียวกันท่านก็ได้ถึงมรณภาพด้วยอาการสงบในท่างกลางศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย มีเจ้าพระคุณพระธรรมเจดีย์เป็นต้น สิริชนมายุของท่านอาจารย์ได้ ๗๙ ปี ๙ เดือน ๒๑ วันรวม ๕๖ พรรษา

    ซึ่งท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในเวลานั้น ไว้ใน "ประวัติท่านพระอาจารย์มั่นฯ" ไว้ว่า " องค์ท่าน เบื้องต้นนอนสีหไสยาสน์ คือ นอนตะแคงข้างขวา แต่เห็นว่าท่านจะเหนื่อยเลยค่อย ๆ ดึงหมอนที่หนุนอยู่ข้างหลังท่านออกนิดหนึ่ง เลยกลายเป็นท่านนอนหงายไป พอท่านรู้สึกก็พยายามขยับตัวกลับคืนท่าเดิม แต่ไม่สามารถทำได้เพราะหมดกำลัง พระอาจารย์ใหญ่ก็ช่วยขยับหมอนที่หนุนหลังท่านเข้าไป แต่ดูอาการท่านรู้สึกเหนื่อยมาก เลยต้องหยุดกลัวจะกระเทือนท่านมากไป ดังนัน การนอนท่านในวาระสุดท้ายจึงเป็นท่าหงายก็ไม่ใช่ ท่าตะแคงข้างขวาก็ไม่เชิง เป็นเพียงท่าเอียง ๆ อยู่เท่านั้น เพราะสุดวิสัยที่จะแก้ไขได้อีก อาการท่านกำลังดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง บรรดาศิษย์ซึ่งโดยมากมีแต่พระกับเณรฆราวาสมีน้อยที่นั้งอาลัยอาวรณ์ด้วยความหมดหวังอยู่ขณะนั้น ประหนึ่งลืมหายใจไปตาม ๆ กัน เพราะจิตพะว้าพะวังอยู่กับอาการท่านซึ่งกำลังแสดงอย่างเต็มที่เพื่อถึงวาระสุดท้ายของท่านอยู่แล้ว ลมหายใจท่านปรากฏว่าค่อยอ่อนลงทุกทีและละเอียดไปตาม ๆ กัน ผู้นั้งดูลืมกระพริบตาเพราะอาการท่านเต็มไปด้วยความหมดหวังอยู่แล้ว ลมค่อยอ่อนและช้าลงทุกทีจนแทบไม่ปรากฏ วินาทีต่อไปลมก็ค่อย ๆ หายเงียบไปอย่างละเอียดสุขุมจนไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าท่านได้สิ้นไปแล้วแต่วินาทีใด เพราะอวัยวะทุกส่วนมิได้แสดงอาการผิดปกติเหมือนสามัญชนทั่ว ๆ ไปเคยเป็นกัน ต่างคนต่างสังเกตจ้องมองจนตาไม่กระพริบ สุดท้ายก็ไม่ได้เรื่องพอให้สะดุดใจเลยว่า "ขณะท่านลาขันธ์ลาโลกที่เต็มไปด้วยความกังวลหม่นหมองคือขณะนั้น " ดังนี้

    พอเห็นท่าไม่ได้การ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ พูดเป็นเชิงไม่แน่ใจขึ้นมาว่า "ไม่ใช่ท่านสิ้นไปแล้วหรือ " พร้อมกับยกนาฬิกาขึ้นดูเวลา ขณะนั้นเป็นเวลาตี ๒ นาฬิกา ๒๓ นาที จึงได้ถือเวลามรณภาพของท่าน พอทราบว่าท่านสิ้นไปแล้วเท่านั้นมองดูพระเณรที่นั้งรุมล้อมท่านอยู่เป็นจำนวนมาก เห็นแต่ความโศกเศร้าเหงาหงอยและน้ำตาบนใบหน้าที่ไหลซึมออกมา ทั้งไอทั้งจามทั้งเสียงบ่นพึมพำไม่ได้ถ้อยได้ความใครอยู่ที่ไหนก็ได้ยินเสียงอุบอิบพึมพำทั่วบริเวณนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบเหงาเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก เราก็เหลือทน ท่านผู้อื่นก็เหลือทน ปรากฏว่าเหลือแต่ร่างครอบตัวอยู่แวลานั้น ต่างองค์ต่างนิ่งเงียบไปพักหนึ่งราวกับโลกธาตุได้ดับลง ในขณะเดียวกับขณะที่ท่านอาจารย์ลาสมมติคือขันธ์ก้าวเข้าสู่แดนเกษม ไม่มีสมมติความกังวลใด ๆ เข้าไปเกี่ยวข้องวุ่นวายอีก ผู้เขียนแทบหัวอกจะแตกตายไปกับท่านจริง ๆ เวลานั้นทำให้รำพึงรำพันและอัดอั้นตันใจไปเสียทุกอย่าง ไม่มีทางคิดพอขยับขยายจิตที่กำลังว้าวุ่นขุ่นเป็นตมเป็นโคลนไปกับการจากไปของท่าน พอให้เบาบางลงบ้างจากความแสนรักแสนอาลัยอาวรณ์ที่สุดจะกล่าว ที่ท่านว่าตายทั้งเป็นเห็นจะได้แก่คนไม่เป็นท่าคนนั้นแล

    ...ดวงประทีปที่เคยที่เคยสว่างไสวมาประจำชีวิตจิตใจได้ดับวูบสิ้นสุดลง ปราศจากความอบอุ่นชุ่มเย็นเหมือนแต่ก่อนมา ราวกับว่าทุกสิ่งได้ขาดสะบั้นหั่นแหลกเป็นจุณไปเสียสิ้น ไม่มีสิ่งเป็นที่พึ่งพอเป็นที่หายใจได้เลย มันสุดมันมุดมันด้านมันตีบตันอั้นตู้ไปเสียหมดภายในใจ ราวกับโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรเป็นสาระพอเป็นที่เกาะของจิตผู้กำลังกระหายที่พึ่ง ได้อาศัยเกาะพอได้หายใจแม้เพียงวินาทีหนึ่งเลย ทั้งที่สัตว์โลกทั่วไตรภพอาศัยกันประจำภพกำเนิดตลอดมา แต่จิตมันอาภัพอับวาสนาเอาอย่างหนักหนา จึงเห็นโลกธาตุเป็นเหมือนยาพิษเอาเสียหมดเวลานั้น ไม่อาจเป็นที่พึงได้ ปรากฏแต่ท่านพระอาจารย์มั่นองค์เดียวเป็นชีวิตจิตใจเพื่อฝากอรรถฝากธรรมและฝากเป็นฝากตายทุกขณะลมหายใจเลย ..."

    ตลอดชีวิตขององค์หลวงปู่ ด้วยความที่ท่านหวัง เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เหตุนั้นท่านจึงไม่อยู่เป็นที่เป็นทางหลักแหล่ง เฉพาะแห่งเดียว เที่ยวไปเพื่อประโยชน์ แก่ชนในสถานที่นั้น ๆ ดังนี้
    ๑. ณ กาลสมัยนั้น (พ.ศ.๒๔๔๗) ท่านอาจารย์มั่น ฯ อยู่วัดเลียบมานาน จึงได้เข้าไปจำพรรษาที่วัดปทุมวนาราม (วัดสระปทุม) กรุงเทพฯ และทางเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี จนถึง พ.ศ.๒๔๕๗ ครั้นแล้วท่านจึงมาหาสหธรรมทางอุบลราชธานี จำพรรษาที่วัดบูรพาในจังหวัดนั้น เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๘ ท่านมีพรรษาได้ ๒๕ พรรษา
    ๒. พ.ศ.๒๔๕๙ จำพรรษาที่ภูผากูด บ้านหนองสูง อำเภอคำชะอี จังหวัดนครพนม
    ๓. พ.ศ.๒๔๖๐ จำพรรษาที่บ้านดงปอ "ห้วยหลวง" อำเภอเพ็ญ จ.อุดรธานี
    ๔. พ.ศ.๒๔๖๑ จำพรรษาที่ถ้ำผาบิ้ง จังหวัดเลย
    ๕. พ.ศ.๒๔๖๒ จำพรรษาที่บ้านค้อ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
    ๖. พ.ศ.๒๔๖๓ จำพรรษาที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
    ๗. พ.ศ.๒๔๖๔ จำพรรษาที่บ้านห้วยทราย อำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม
    ๘. พ.ศ.๒๔๖๕ จำพรรษาที่ตำบลหนองลาด อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร
    ๙. พ.ศ.๒๔๖๖ จำพรรษาที่วัดมหาชัย อำเภอหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำพู
    ๑๐. พ.ศ.๒๔๖๗ จำพรรษาที่บ้านค้อ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
    ๑๑. พ.ศ.๒๔๖๘ จำพรรษาที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย (วัดอรัญวาสี ปัจจุบัน)
    ๑๒. พ.ศ.๒๔๖๙ จำพรรษาที่บ้านสามผง อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
    ๑๓. พ.ศ.๒๔๗๐ จำพรรษาที่บ้านหนองขอน อ.บุง (ปัจจุบัน อ.หัวตะพาน) จังหวัดอำนาจเจริญ
    ๑๔. พ.ศ.๒๔๗๑ จำพรรษาที่กรุงเทพฯ วัดปทุมวนาราม หรือวัดสระปทุม
    ๑๕. พ.ศ.๒๔๗๒ จำพรรษาที่ถ้ำเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    ๑๖. พ.ศ.๒๔๗๓ จำพรรษาที่ดอยจอมแตง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
    ๑๗. พ.ศ.๒๔๗๔ จำพรรษาที่บ้านโป่ง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
    ๑๘. พ.ศ.๒๔๗๕ จำพรรษาที่วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ออกพรรษาแล้ว ท่านก็ออกธุดงค์ไปทาง จ.เชียงราย
    ๑๙. พ.ศ.๒๔๗๗ ได้กลับมาทางเขตเชียงใหม่ จำพรรษาที่ป่าเมี่ยง ดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
    ๒๐. พ.ศ.๒๔๗๙ จำพรรษาที่บ้านมูเซอ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย
    ๒๑. พ.ศ.๒๔๘๐ จำพรรษาที่พระธาตุจอมแจ้ง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
    ๒๒. พ.ศ.๒๔๘๑ ท่านได้ลงมาพำนักที่วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่
    ๒๓. พ.ศ.๒๔๘๒ จำพรรษาที่บ้านแม่กอย ( ปัจจุบัน วัดป่าอาจารย์มั่น ) อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ออกพรรษาแล้ว ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์( จูม พนฺธุโล ) ได้เดินทางจากอุดรไปเชียงใหม่นิมนต์ท่านกลับอีสาน
    ๒๔. พ.ศ.๒๔๘๓ - ๒๔๘๔ จำพรรษาที่วัดโนนนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
    ๒๕. พ.ศ.๒๔๘๕ จำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านโคก ( ปัจจุบัน วัดป่าวิสุทธิธรรม ) อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร
    ๒๖. พ.ศ.๒๔๘๖ จำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านนามน ( ปัจจุบัน วัดป่านาคนิมิตต์ ) อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร
    ๒๗. พ.ศ.๒๔๘๗ จำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านโคก ( ปัจจุบัน วัดป่าวิสุทธิธรรม ) อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร
    ๒๘. พ.ศ.๒๔๘๘ - ๒๔๙๒ จำพรรษาอยู่ที่บ้านหนองผือ ( ปัจจุบัน วัดป่าภูริทัตตถิราวาท ) ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    มรณภาพ ณ ที่วัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ตรงกับวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๒ เวลา ๐๒.๒๓ น. สิริชนมายุรวมได้ ๘๐ ปี


    ที่มา facebook.com/พุทธมหาเจดีย์หลวงตาพระมหาบัว-ญาณสมฺปนฺโน-ภูผาแดงฯ
     
  14. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    ๖๔ ปีผ่านไปให้รำลึก
    น้อมใจนึกปฏิบัติบูชาท่าน
    คือพ่อแม่ครูบาฯ หลวงปู่มั่น
    อภิวันท์น้อมเศียรเกล้าบูชาคุณ

    ในวาระโอกาสน้อมรำลึก
    บุญผนึกตรึกธรรมย้ำใจหนุน
    ให้รู้คิดจิตสว่างสร้างทางบุญ
    ให้รู้คุณน้อมปฏิบัติบูชาเอย

    กราบ กราบ กราบ


    ในวาระโอกาสน้อมรำลึกวันคล้ายวันมรณภาพองค์บูรพาจารย์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต (๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๒-๒๕๕๖) ทางคณะผู้จัดทำเพจพุทธมหาเจดีย์ฯ ขอน้อมกราบบูชาคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลวงปู่มั่น ด้วยเศียรเกล้า

    ที่มา facebook.com/พุทธมหาเจดีย์หลวงตาพระมหาบัว-ญาณสมฺปนฺโน-ภูผาแดงฯ
     
  15. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    วันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 น้อมรำลึก
    คล้ายวันครบรอบมรณะภาพ หลวงปู่่มั่น ภูริทัตโต
    ปีที่ ๖๔ พระอริยเจ้าผู้เป็นบิดาของพระกรรมฐาน
    อนุปาทิเสสนิพพานที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร
    11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 เวลา 02.23 - 80 ปี 56 พรรษา

    - พระอริยเจ้าผู้เป็นบิดาของพระกรรมฐาน
    - สุดยอดพระอรหันต์แห่งยุค เป็นบิดาพระกรรมฐาน - ตำนานชีวิตและปฏิปทาของท่านถูกกล่าวขานกันไม่รู้จบ

    - 2478 ท่านบรรลุธรรมชั้นสูงสุดที่ถ้ำดอกคำ ต.น้ำแพร่ อ.พร้าว เชียงใหม่ - จากนั้นธุดงค์ไปยังดอยนะโม ท่านได้พูดกับหลวงปู่ขาวว่า "ผมหมดงานที่จะทำแล้ว ก็อยู่สานกระบุงตะกร้า พอช่วยเหลือพวกท่านและลูกศิษย์ลูกหาได้บ้างเท่านั้น"

    - ท่านถือธุดงค์ ทรงผ้าบังสกุลตลอดชีวิต, ธุดงค์ภาคอีสานกลาง เหนือในไทย, ลาว,เขมร,พม่า- ชอบอยู่ตามถ้ำ,ป่าลึก - อาศัยบิณฑบาตกับชาวป่าชาวเขา

    - ในประวัติศาสาสตร์ของชาติไทย ยังไม่มีพระมหาเถระรูปใดจะยิ่งใหญ่ด้วยวัตรปฏิบัติปฏิปทา ถึงพร้อมด้วยศีลธรรม มีอำนาจจิตยิ่งใหญ่ครอบโลกธาตุ เป็นที่เคารพบูชาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ได้มากมายถึงเพียงนี้
    - พระอรหันต์ในประเทศไทย ล้วนเป็นศิษย์ของท่านแทบทั้งนั้น
    - เดิมท่านปรารถนาพุทธภูมิ - แต่ด้วยเห็นว่าจะเป็นการเนิ่นช้า จึงถอนความปรารถนานั้น มุ่งมั่นเป็นพระอรหันต์ในปัจจุบันชาติ

    - ท่านร่างเล็ก ผิวขาวบาง ,แข็งแรงว่องไว, สติปัญญาดีมาแต่กำเนิด,ฉลาด, ว่าง่ายสอนง่ายในทางที่ถูก, ไม่ยอมทำตามในทางที่ผิด
    - เกิด 20 มค 2413 - บ้านคำบง ต.โขงเจียม ศรีเชียงใหม่ อุบล
    - อายุ 15 บรรพชาเป็นสามเณร- อายุ 17 บิดาขอร้องให้ลาสิกขาเพื่อช่วยงานทางบ้าน - เมื่อลาแล้วจิตยังหวนคิดถึงร่มผ้ากาสาวพัสต์เสมอ เพราะติดใจในคำสั่งของยายว่า "เจ้าต้องบวชให้ยาย เพราะยายก็ได้เลี้ยงเจ้ายาก"
    - อายุ 22 เข้าศึกษาพระธรรมในสำนักหลวงปู่เสาร์ วัดเลียบ - ได้อุปสมบท 2436 ใช้คำ "พุทโธ"

    - วันหนึ่งท่านสุบินนิมิตว่า "ได้เดินออกจากหมู่บ้าน - มีป่า ทุ่งเวิ้งว้าง เดินตามทุ่งไป - เห็นต้นชาติต้นหนึ่งที่บุคคลตัดให้ล้มแล้ว ปราศจากใบ - ท่านขึ้นสู่ขอนชาติ พิจารณาดูอยู่ว่าผุพังไปบ้าง และจักไม่งอกอีก - มีม้ามาเทียมขอนชาติ ท่านจึงขี่ม้า - ม้าพาวิ่งไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือเต็มฝีเท้า - เห็นตู้พระไตรปิฎกตั้งข้างหน้า วิจิตรด้วยเงินสีขาววาววับเป็นประกายยิ่งนัก - ม้าพาวิ่งเข้าสู่ตู้ ครั้นถึงม้าก็หยุดและหายไป - ท่านมาตู้พระไตรปิฎก แต่มิได้เปิดตู้ - แลดูไปข้างหน้าเป็นป่าชัฏเต็มด้วยขวากหนามต่างๆ

    - การที่ท่านออกบวช ชื่อว่าออกจากบ้าน - บ้านคือความผิดทั้งหลาย - ป่าคือกิเลส ซึ่งเป็นความผิดเหมือนกัน - ขอนชาติ คือชาติความเกิด - ม้าคือตัวปัญญาวิปัสสนา จักมาแก้ความผิด - การขึ้นสู่ม้าแล้วม้าพาวิ่งไปตู้พระไตรปิฎก คือเมื่อพิจารณาไปแล้วจักสำเร็จเป็นปฏิสัมภิทานุศาสน์ ฉลาด รู้อะไรๆในการเทศนาวิธีทรมานแนะสั่งสอนสานุศิษย์ให้ได้รับความเย็นใจในข้อปฏิบัติทางจิต - แต่จะไม่ได้จตุปฏิสัมภิทาญาณ เพราะไม่ได้เปิดดูตู้นั้น

    - 2478 บรรลุพระอรหัตผลที่ถ้ำดอกคำ ต.น้ำแพร่ อ.พร้าว เชียงใหม่ จึงกลับอีสาน
    - อนุปาทิเสสนิพพานที่วัดป่าสุทธาวาส สกล -11 พย 2492 เวลา 02.23 - 80 ปี 56 พรรษา

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  16. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    เวลาเขาตำหนิเราอย่างนี้อย่าไปด่วนโกรธให้เขา นี่เป็นเรื่องธรรมนะ เขาตำหนิเราตำหนิว่ายังไง เขาตำหนิว่าอย่างนั้นๆ แล้วเราทำอย่างนั้นจริงหรือไม่ ที่ว่าเขาตำหนิว่าไม่ถูก เราทำอย่างนั้นหรือไม่ ถ้าเราทำอย่างนั้นจริงก็เรียกว่าเราผิด เขาเตือนเราอย่าไปโกรธให้เขา ให้กลับมาเตือนเจ้าของ นั่นเรียกว่าธรรม เวลาเขาเตือนมาเขาตำหนิมาโกรธให้เขา เพิ่มความผิดของตัวเองขึ้นไปอีก แล้วก็เป็นไฟเผากัน ไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าเป็นธรรมแล้วเป็นน้ำดับไฟ ตำหนิก็เป็นประโยชน์ ชมก็เป็นประโยชน์ถ้าเป็นเรื่องธรรม ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสแล้วติก็เป็นโทษเป็นไฟ ชมก็ลืมตัว มีแต่เรื่องเสียทั้งนั้นเรื่องกิเลส ให้พากันพินิจพิจารณาให้ดี

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
    เมื่อเช้าวันที่ ๑๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๘
    "พ้นทุกข์เพราะเสียงธรรมพระพุทธเจ้า"

    ที่มา facebook.com/พุทธมหาเจดีย์หลวงตาพระมหาบัว-ญาณสมฺปนฺโน-ภูผาแดงฯ
     
  17. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    คนจะบรรลุธรรมะ จะได้เห็นธรรมะ
    ต้องรู้จักว่า ธรรมะอยู่ตรงไหนเสียก่อน
    ธรรมะที่แท้จริงอยู่ที่ไหน อยู่ที่นี่ อยู่ที่กาย อยู่ที่ใจนี้
    ให้เอาใจนี้พิจารณากาย นี้เป็นหลักของการพิจารณา

    หลวงปู่ชา สุภัทโท

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  18. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    " เราหวังพระนิพพานด้วยความเพียรเท่าฝ่ามือ ลองคิดดูกิเลสเท่ามหาสมุทร แต่ความเพียรเท่าฝ่ามือ มันห่างไกลกันขนาดไหน "

    หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

    ที่มา https://www.facebook.com/kammatan.chula
     
  19. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    มีสติ ฝึกภาวนา เป็นอริยทรัพย์
    ติดตัวไปได้ หลายหมื่นชาติ
    ส่วนทรัพย์สมบัติ ทางโลก
    ชาติเดียว ยังเอาไปไม่ได้..


    หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต

    ที่มา facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  20. Ramtongthai

    Ramtongthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15,663
    ค่าพลัง:
    +4,910
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันว่าสังขารทั้งหลาย ย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา
    ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตน
    และประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด ”

    ปัจฉิมโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ที่มา https://www.facebook.com/Thammaphormaekruarjahn?ref=ts&fref=ts
     

แชร์หน้านี้

Loading...