ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

<TABLE id=post4031761 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4031761", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต



วันที่สมัคร: Aug 2005
สถานที่: Vietnam
อายุ: 39
ข้อความ: 4,366
พลังการให้คะแนน: 3473



</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4031761 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)

วันที่: 18 ตุลาคม 2010
ผู้รับการสื่อสาร: นาย Tyberonn
เรื่อง: จิตสำนึกแห่งควอนตัม – ธรรมชาติของกาลเวลา (Quantum Consciousness: The Nature of Time)

ที่มา:
Quantum Consciousness: The Nature of Time > Earth Keeper


ตอนที่ 15: การเปลี่ยนแปลงแก้ไขอดีต


ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นภาระหน้าที่ของพวกคุณ ในฐานะที่พวกคุณกำลังผ่านเข้ามาสู่ระดับพลังงาน
แห่ง “การยกระดับขึ้น” อยู่ในขณะนี้ พวกคุณจำเป็นจะต้องเข้าใจถึง “พลังอำนาจของปัจจุบันขณะนี้” ให้ถ่องแท้
และต้องตระหนักรู้ว่า พวกคุณสามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ และจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงมันด้วย
ซึ่งหมายถึงเปลี่ยนอดีตของตัวคุณเอง โดยเปลี่ยนมันจากปัจจุบันขณะนี้นั่นเอง


ภายในชั่วขณะของ "ปัจจุบันขณะนี้" พวกคุณสามารถกลับเข้าไปสู่
เมอร์ขะน่า (Mer-ka-na) ได้ ซึ่ง ณ.จุดนั้น
พวกคุณจะมีพลังอำนาจในการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่อยู่ภายใต้ขอบเขตของความเป็นตัวตนหลากมิติของตัวคุณเองได้

ที่นั่นคือสัจธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของจักรวาล และสัจธรรมนั้น ก็จะขยายตัวเมื่อคุณเข้าไปถึงมันได้แล้ว
มันจะขยายตัวออกไปสู่พลังอำนาจที่จะทำให้คุณกลายเป็นจุดหมุนของการสร้างร่วม (co-creation)
ในชั่วปัจจุบันขณะเดียวที่พิเศษนั้น ซึ่งอยู่นอกเหนือขอบเขตของกาลเวลาแบบเป็นเส้นตรง
และอยู่เหนือขอบเขตของชาติภพที่ถูกครอบงำด้วยมายาการแห่งกาลเวลาใดๆ ในโลกทั้งมวล (Omni-Earth) นี้


พวกเราอยากจะบอกพวกคุณว่า ปัญหาและอุปสรรค์ส่วนตัวทั้งหลาย จะลอยขึ้นมา
เมื่อวิวัฒนาการที่เหมาะสมของอดีตถูกสกัดกั้น และไม่ถูกปล่อยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
และในทำนองเดียวกัน โรคประสาทขั้นรุนแรงก็จะเกิดขึ้นได้ด้วย เพราะว่าคนๆนั้นไม่ได้เปลี่ยนอดีตของตนเอง


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


ตัวอย่างเช่น พวกคุณอาจจะเลือกเอาชาติภพใดชาติภพหนึ่งของตัวเอง เพื่อนำพาตัวเองมาเป็นส่วนหนึ่ง
ของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ภัยพิบัติโลก ซึ่งเป็นผลให้พวกคุณต้องสูญเสียชีวิต และเจ็บปวด
ซึ่งการเลือกในครั้งนี้ อาจจะมาจากเหตุผลหลายๆอย่าง ซึ่งเป็นไปเพื่อการเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณของตัวคุณเอง

ซึ่งบางที ถ้าตามตัวอย่างข้างต้นนั้น เหตุผลนั้นก็คือ เพื่อให้ตัวเองในชาติภพถัดๆไป
รู้จักเห็นคุณค่าของเวลาที่จะได้อยู่กับบุคคลอันเป็นที่รักของตัวเอง เพราะว่าภพชาติก่อนหน้านั้น
ได้เรียนรู้ไปแล้วว่าชีวิตเป็นของไม่แน่นอน อาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้โดยไม่รู้ล่วงหน้า

แต่ว่าความเจ็บปวดที่ทรงพลังแบบนั้น ที่คุณได้เลือกที่จะมีประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้ ตามตัวอย่างข้างต้นนั้น
แม้เพียงภพชาติเดียวก็ตาม แต่มันก็อาจจะฝากรอยประทับด้านอารมณ์เอาไว้ลึกซึ้งและเข้มข้นมากเหลือเกินก็ได้
จนส่งผลกระทบด้านลบต่อเนื่องข้ามมาถึงโปรแกรมของภพชาติต่อๆมาด้วย

ซึ่งการส่งผลกระทบที่ไม่เป็นผลดี ที่ข้ามภพชาติมาแบบนี้ อาจจะแสดงออกมาในรูปแบบของ
“ความกลัวที่ฝังใจอย่างรุนแรง” เช่น กลัวการนั่งเครื่องบิน, กลัวจมน้ำ และอะไรทำนองนั้น

ท่านคุรุทั้งหลาย พวกคุณสามารถเข้าไปสู่สภาวะ “การตระหนักรู้ระดับควอนตั้ม” (Quantum consciousness) ได้
แล้วไปลบมันออกเสีย เก็บเฉพาะบทเรียนที่เอื้อประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณอันนั้นเอาไว้
นำเหตุการณ์ที่เป็นบวกอย่างอื่นเข้าไปใส่ไว้แทนที่เหตุการณ์ที่เป็นลบนั้นเสีย

เพราะว่าพวกคุณสามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้!


มันเป็นภาระหน้าที่ของพวกคุณ ที่จะต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ประสบการณ์แห่งความเจ็บปวดใดๆก็ตาม
ที่พวกคุณได้เลือกแล้วที่จะเรียนรู้มันนั้น พวกคุณจะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน

แต่มันก็เป็นความจริงด้วยเช่นกัน ที่ว่า ประสบการณ์แห่งความเจ็บปวด หรือไม่พึงปรารถนาบางอย่าง
อาจจะเกิดขึ้นเพียงเพื่อต้องการแสดงให้พวกคุณเห็นว่า มันสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยนะ
ถ้าพวกคุณไม่มีสติสัมปชัญญะในการสร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณเองเลย


เพราะถ้าพวกคุณปักจิตปักใจเชื่ออยู่แต่ว่าโลกนี้มันเลวร้าย
หรือเชื่อว่าตัวคุณเองไม่คู่ควรกับโลกใบนี้ หรืออะไรทำนองนั้น
ความเชื่อเหล่านั้นก็จะไปดึงดูดเอาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
เข้ามาในประสบการณ์ชีวิต ในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้
ของพวกคุณ ที่พวกคุณกำลังสร้างสรรค์มันอยู่นี้


แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าในกรณีใดๆ พวกคุณก็มีความสามารถ
และจำเป็นจะต้องถอนบทเรียนนั้นๆ แล้วเปลี่ยนมัน
เปลี่ยนแปลงประสบการณ์ขมขื่นในอดีตให้เป็นบวกมากขึ้นซะ นี่คือสิ่งจำเป็น
และพวกคุณก็สามารถเข้าไปทำได้อย่างมีสติสัมปชัญญะ
ในจิตสำนึกระดับเมอร์ขะว่า (Mer-Ka-Va) และเมอร์ขะน่า (Mer-Ka-Na)


และก็อีกครั้งหนึ่ง กุญแจสำคัญก็คือ การเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า
โลกแห่งความเป็นจริงทุกๆโลก หรือภพภูมิทุกๆภพภูมิ
กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นพวกมันจึงสามารถถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้เช่นเดียวกันหมด!


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post4031840 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4031840", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต



วันที่สมัคร: Aug 2005
สถานที่: Vietnam
อายุ: 39
ข้อความ: 4,366
พลังการให้คะแนน: 3473



</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4031840 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)</B>

วันที่: 18 ตุลาคม 2010
ผู้รับการสื่อสาร: นาย Tyberonn
เรื่อง: จิตสำนึกแห่งควอนตัม – ธรรมชาติของกาลเวลา (Quantum Consciousness: The Nature of Time)

ที่มา:
Quantum Consciousness: The Nature of Time > Earth Keeper


ตอนที่ 16: การตระหนักรู้ระดับควอนตั้ม (Quantum consciousness)

<OBJECT id=ieooui classid=clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D></OBJECT><STYLE>st1\:* { BEHAVIOR: url(#ieooui)}</STYLE>ท่านคุรุทั้งหลาย ชีวิตในทุกๆชาติภพของพวกคุณ
กำลังอยู่ในกระแสที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีประสบการณ์ใดๆเลยของพวกคุณ ที่ถูกสลักไว้บนหิน
เพียงแต่มนุษย์ส่วนใหญ่หลงลืมความจริงนี้ไปเท่านั้นเอง

ดังนั้น พวกเราจึงอยากจะบอกพวกคุณว่า ประสบการณ์ในรูปแบบใดก็ตามแต่ ที่พวกคุณกำลังประสบอยู่
นั่นเป็นแค่หนึ่งในทางเลือกแห่งความเป็นไปได้ทั้งมวล ที่มีอยู่นับอนันต์เท่านั้นเอง
แต่ทางเลือกแห่งความเป็นไปได้อื่นๆที่พวกคุณไม่ได้เลือกที่จะมีประสบการณ์กับมัน
มันก็ยังมีอยู่และเป็นจริงไปไม่น้อยกว่าทางเลือกที่พวกคุณเลือกประสบแล้วนั่นหรอก

เพราะฉะนั้นแล้ว พวกคุณจึงสามารถที่จะย้อนกลับไปตรงจุดไหนของมันก็ได้
โดยอาศัยเมอร์ขะน่า (Mer-Ka-Na) ผ่านทางการตระหนักรู้ระดับควอนตั้ม (Quantum consciousness)
เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกแห่งความเป็นจริงไหนก็ได้

ถ้าพวกคุณเคยเลือกที่จะมีประสบการณ์แห่งความเจ็บปวดมาบ้างแล้ว
(ซึ่งพวกคุณทุกคนล้วนเคยเลือกที่จะมีมาแล้วทั้งนั้น) พวกคุณก็สามารถที่จะกลับไปเปลี่ยนมัน
ให้เป็นไปในแบบที่พวกคุณต้องการได้

จงจำไว้เสมอว่า แท้ที่จริงแล้ว โลกใบนี้คือมายาที่ถูกสร้างขึ้นมา
จากกระบวนทางความคิดของพวกคุณเอง
และมันก็คือภาพสะท้อนของตัวคุณเองโดยแท้

เมื่อใดที่พวกคุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้แล้วว่า
ประสบการณ์ทางกายภาพทั้งหลายของพวกคุณ
และสิ่งแวดล้อมต่างๆทั้งหมดที่อยู่รอบตัวพวกคุณ
ล้วนเป็นวัตถุธาตุที่ถูกฉายออกมาจากสภาวะจิต
และความเชื่อของพวกคุณเองทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้นแล้ว มันก็คือพวกคุณนั่นเอง ที่เป็นผู้ถือกุญแจนั้นเอาไว้
กุญแจที่จะใช้เพื่อเปิดประตูเข้าไปเขียนบทชีวิตในอนาคตของตัวเองขึ้นมา
และแน่นอนว่า เพื่อเข้าไปเขียนบทชีวิตของอดีตของตัวเองขึ้นมาใหม่ด้วย

สิ่งนี้จะสำฤทธิ์ผลได้ ก็โดยอาศัยเจตจำนง
และการใช้ความศักดิ์สิทธิ์ของตัวคุณเองอย่างถูกต้องเหมาะสม
แต่ว่ามันจะต้องใช้จิตที่เป็นสมาธิและใช้ความพยายามในการจดจ่อด้วย


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


บนเส้นทางสู่การประจักษ์แจ้งถึงพลังอำนาจที่แท้จริงของตัวคุณเองนี้
ตราบใดที่พวกคุณยังไม่บรรลุการรู้แจ้งได้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง หรือเข้าถึงภูมิปัญญาดั้งเดิมของตนเอง
ได้ใหม่อีกครั้งหนึ่งแล้ว “ทางเลือกอิสระ” (free will) ก็คือดาบสองคมดีๆนี่เอง

เพราะว่าการใช้ทางเลือกอิสระส่งเดช และขาดจิตสำนึก ในบางภพชาติของพวกคุณ
ก็สามารถทำให้โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ ในภพชาติเหล่านั้น
เกิดประโยชน์น้อยกว่าที่มันควรจะเป็นอย่างมาก

แต่อีกครั้งหนึ่ง ถ้ามองจากมุมมองของพวกเราแล้ว สาเหตุและผลลัพธ์ของเรื่องนี้
ก็จะส่งผลลัพธ์สุดท้าย ในทางที่เป็นไปเพื่อการเจริญเติบโตด้านจิตวิญญาณของพวกคุณเองด้วยเช่นกัน

พวกคุณกำลังอยู่ใน “มหาวิทยาลัยแห่งความเป็นทวิภาวะ” ที่อยู่บนโลกใบนี้
เพื่อมาเรียนรู้ว่าจะสร้างสรรค์โลกแห่งความเป็นจริงของตัวเองอย่างมีความรับผิดชอบอย่างไร
และเพื่อมาเรียนรู้วิธีการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค์ต่างๆด้วย
ในมิติที่สูงๆกว่า มนุษย์ยังคงมีความตระหนักรู้ถึงธรรมชาติภายในและความศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงของตัวเองอยู่
และยังคงตระหนักรู้ถึงพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณ และต้นกำเนิดที่ไม่ได้อยู่ในโลกทางกายภาพของตัวเองอยู่

แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ ได้สูญเสียการติดต่อกับภูมิปัญญาที่แท้จริงของตนเองไปกับโลกในมิติที่ 3 นี้เสียแล้ว
เพราะว่าพวกคุณพากันจดจ่ออยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพที่หยาบๆนี้มากจนเกินไป
จนเข้าใจไปว่ามันคือโลกแห่งความเป็นจริงเดียวเท่านั้นที่มีอยู่-เป็นอยู่

………………….<!-- google_ad_section_end -->

</TD></TR></TBODY></TABLE></B>

 

<TABLE id=post4042443 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4042443", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต



วันที่สมัคร: Aug 2005
สถานที่: Vietnam
อายุ: 39
ข้อความ: 4,366
พลังการให้คะแนน: 3473


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4042443 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)

วันที่: 18 ตุลาคม 2010
ผู้รับการสื่อสาร: นาย Tyberonn
เรื่อง: จิตสำนึกแห่งควอนตัม – ธรรมชาติของกาลเวลา (Quantum Consciousness: The Nature of Time)

ที่มา:
Quantum Consciousness: The Nature of Time > Earth Keeper


ตอนที่ 17: กระบวนการคิดบวก - กฎแห่งการดึงดูดแบบหลากมิติ

ในความตระหนักรู้แห่ง “ปัจจุบันขณะนี้” พวกคุณสามารถเข้าไปตั้งโปรแกรมให้กับจิตของตัวเอง
เพื่อให้มันจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ดีๆได้

ถ้าพวกคุณจินตนาการถึงสิ่งที่ดีๆเกี่ยวกับสถานการณ์ยุ่งยากหรือไม่พึงประสงค์ใดๆ
จิตใจของพวกคุณก็จะส่งคลื่นพลังจิตนั้น ไปเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นั้นๆให้เป็นไปในด้านบวกได้

เพราะฉะนั้นแล้ว พวกคุณจึงควรที่จะเรียนรู้ที่จะสลายความคิดด้านลบ หรือรูปภาพด้านลบของสถานการณ์ต่างๆ
ให้เป็น โดยการแทนที่พวกมันด้วยความคิดหรือรูปภาพด้านบวกเสีย

แต่ว่าการเพียงแต่ไปกดทับหรือข่มความคิดด้านลบเอาไว้เฉยๆ
ยังเป็นการไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะกดทับหรือข่มมันเอาไว้ด้วยวิธีการใดก็ตาม
และไม่ว่าความคิดด้านลบนั้นๆจะเป็นอะไรก็ตาม

เช่น การเกลียดชังตัวเอง, ความกลัว, ความโกรธ, ความรู้สึกผิด, หรือความไม่พอใจต่างๆ
เพราะว่ามันควรที่จะถูกยอมรับเสียมากกว่า และต้องกล้าเผชิญหน้ากับมัน แล้วค่อยแทนที่มันเสีย
โดยการเข้าไปแก้ไขความคิดและความรู้สึกที่อยู่ในส่วนลึกนี้

พวกคุณจะพบว่ามันมีสนามพลังงานอารมณ์ ที่ถูกเก็บกักอยู่และผูกมันไว้กับระบบความเชื่อที่ผิดๆ
จำนวนมากมายมหาศาลเลยทีเดียว ในความเป็นจริงแล้วผลจากการลองผิดลองถูก โดยธรรมดาแล้ว
ก็จะนำคุณไปสู่การชำระล้างได้ในที่สุดเช่นเดียวกัน ไม่ช้าก็เร็ว

เพราะฉะนั้นแล้ว จงตั้งใจและพยายามเรียนรู้
ที่จะรู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกด้านลบ หรือทึบตัน ที่เกิดขึ้นให้ได้
จากนั้นก็แทนที่มันด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ดีกว่า-มีความสุขกว่าในทันที

แต่ตรงนี้ก็อย่าไปเข้าใจผิดว่าให้กดทับ หรือข่มอารมณ์ความรู้สึกด้านลบนั้นๆ
เอาไว้เฉยๆโดยไม่ยอมให้มันถูกปลดปล่อยออกมานะ
เพราะว่านั่นก็ยิ่งจะทำให้มันมีปัญหาซับซ้อนหนักขึ้นไปอีก
มิหนำซ้ำ อาจจะแก้ไขไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

พวกคุณเห็นไหมว่าในบางสถานการณ์ การตอบสนองตามธรรมชาติต่อผู้ที่พยายามจะบงการพวกคุณ
มันเป็นไปอย่างไม่เหมาะสม เพราะว่าในบางสถานการณ์มันไม่ถูกต้องที่จะยินยอมให้ใครมาควบคุมพวกคุณ

พวกคุณไม่ควรจะเพียงแค่ให้อภัยเฉยๆเวลาที่มีใครมาเหยียบเท้าคุณ สักวันหนึ่งพวกคุณจะเรียนรู้ว่า
แม้ไม่ต้องแสดงออกถึงอารมณ์ร้ายๆใดๆ พวกคุณก็สามารถกอบกู้ความเข้มแข็งที่มีอยู่แต่ดั้งเดิมของตัวเองกลับคืนมาได้
และนั่นจะทำให้พวกคุณไม่ไปหมกมุ่นอยู่กับเกมแห่งความคิดด้านลบใดๆ

ซึ่งเรื่องนี้มหาตมะคานธีได้เคยทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว เพราะว่าถ้าพวกคุณไปโกรธตอบอย่างรุนแรงแล้วหละก็
มันก็จะไปสร้างสนามพลังงานแห่งความโกรธที่มีพลังอำนาจมหาศาลขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
และนอกจากมันจะส่งผลกระทบด้านลบในปัจจุบันขณะนั้นแล้ว มันยังจะถูกส่งกระทบข้ามภพชาติ
ไปยังภพชาติอื่นๆอีกด้วย เพราะเหตุนี้สิ่งเหล่านี้ควรจะถูกและจะต้องถูกกำจัดไปเสีย


ชีวิตหรือชาติภพที่มีอยู่หลากมิติ-พร้อมๆกันหมดของพวกคุณ มันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และน่าสนใจอยู่ตรงนี้

ในภาพรวมของความเป็นหลากมิติแล้ว ไม่ว่าความปรารถนา
และระบบความเชื่อแบบไหนก็ตาม ที่พวกคุณฉายออกมา
จาก “ชาติภพ” ใดๆของพวกคุณ พลังงานของมัน
ก็จะถูกฉายต่อเข้าไปสู่สนามพลังควอนตัมของทุกๆชาติภพ
ที่อยู่ภายในขอบเขตของความเป็นหลากมิตินั้นๆของคุณด้วยเสมอ
นี่คืออิทธิพลของ “กฎแห่งการดึงดูด” (Law of Attraction)


ตัวอย่างเช่น ลองจินตนาการดูว่าคุณกำลังอยู่ใน “ชาติภพปัจจุบันนี้”
และคุณก็กำลังพยายามสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองอยู่ แต่ในอดีตชาตินับสิบๆชาติที่แล้วของคุณ
คุณเคยบวชเป็นพระ หรือนักบวชมาก่อน ซึ่งมีปณิธานที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสมถะ
และตัดขาดจากความเป็นวัตถุนิยม ถ้าคุณเคยเชื่อในชาติภพก่อนๆว่า “เงิน” คือบ่อเกิดแห่งความชั่วร้ายทั้งหลาย

ดังนั้น ก็หมายความว่า คุณมีแค่เวอร์ชั่นเดียวของชีวิต ที่พยายามสร้างความมั่งคั่งอยู่
ในขณะที่อีกนับสิบๆเวอร์ชั่นของตัวคุณเอง กลับปฏิเสธมัน และเพราะว่ากฎแห่งควอนตัมฟิสิกส์เกี่ยวกับมวล-พลังงาน
มันมีอยู่อย่างชัดเจน ดังนั้น ตามตัวอย่างนี้ สัดส่วนของพลังงานที่ “ปฏิเสธเงิน”
จึงมีมากกว่าสัดส่วนของพลังงานที่ “ดึงดูดเงิน” เข้ามา ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ชาตินี้คุณไม่มีวันรวยได้

เพราะฉะนั้น ความเชื่อในอดีตชาติของคุณจึงควรจะต้องถูกเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ เปลี่ยนแปลงจากระดับจิตวิญญาณ
โดยการเข้าไปถึงสุ่อดีตชาติเหล่านั้นผ่านทางสภาวะ “การตระหนักรู้ระดับควอนตั้ม”
แล้วไปแทนที่ระบบความเชื่อที่ว่า “เงินคือบ่อเกิดแห่งความชั่วร้ายทั้งปวง” นั้นเสีย

เพราะว่าเงินเอง มันก็เป็นแค่พลังงานอย่างหนึ่ง ที่เราสามารถนำมันมาใช้เพื่อประทังชีวิตในแบบที่ดีงามก็ได้
อดีตชาติที่เป็นพระนั้น ควรจะคงไว้ซึ่งปณิธานแห่งการอยู่อย่างสมถะเหมือนเดิม
แต่ควรจะเปลี่ยนความเชื่อที่ว่าเงินคือสิ่งชั่วร้ายเท่านั้นเอง

…………………….<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ร่วมบริจาคโครงการผ้าป่าช่วยชาติกับหลวงตามหาบัวฯ http://www.luangta.com/help/contact.php<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post4042459 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4042459", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต



วันที่สมัคร: Aug 2005
สถานที่: Vietnam
อายุ: 39
ข้อความ: 4,366
พลังการให้คะแนน: 3473



</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4042459 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากมหาเทพเมตาตรอน (Archangel Metatron)

วันที่: 18 ตุลาคม 2010
ผู้รับการสื่อสาร: นาย Tyberonn
เรื่อง: จิตสำนึกแห่งควอนตัม – ธรรมชาติของกาลเวลา (Quantum Consciousness: The Nature of Time)

ที่มา:
Quantum Consciousness: The Nature of Time > Earth Keeper


ตอนที่ 18: ความเจ็บปวดจากอดีตชาติ
<OBJECT id=ieooui classid=clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D></OBJECT><STYLE>st1\:* { BEHAVIOR: url(#ieooui)}</STYLE>
อีกตัวอย่างหนึ่งของความเจ็บปวดที่ถูกส่งข้ามชาติมาจากอดีชาติ ก็คือ คนใกล้ชิดคนหนึ่งของผู้รับสาส์นคนนี้
เป็นคนที่กลัวที่ปิดทึบอย่างมาก และก็มีอาการทางจิต คือหวาดระแวงเวลาที่อยู่ในฝูงชนจำนวนมากๆ
ซึ่งคนๆนี้เอง เขาก็รู้ว่านี่เป็นผลมาจากอดีตชาติ ที่เขาเคยต้องหลบหนีการไล่ล่าของ Athens
ไปพร้อมกับเด็กๆ อยู่หลายชั่วโมง ก่อนที่ผู้รุกรานชาว Turks เหล่านั้นจะทำลายเมืองจนย่อยยับลง

และในความจริงแล้ว เขาก็เคยหลบซ่อนตัว และวิ่งหนีตายด้วยความหวาดกลัวไปพร้อมกับเด็กๆจริงๆ

พวกเราอยากจะบอกพวกคุณว่า ชาวโลกหลายคนที่เคยอยู่ร่วมในเหตุการณ์ในกรุง Athens ในครั้งนั้น
ที่พวกเขาต้องถูกดึงเข้าไปสู่ความรู้สึกนั้นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ก็เพราะว่าพวกเขาเคยมีความเจ็บปวดแบบเดียวกันนั้นมาก่อนแล้ว

นั่นคือพวกเขาเคยต้องกระเสือกกระสนหนีตายอย่างไร้ความหวัง ไปบนสะพานที่เชื่อมต่อระหว่าง Yucatan และแผ่นดินใหญ่
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในแอตแลนติสมาก่อนแล้ว ทำให้พลังงานที่ถูกสร้างขึ้นในครั้งนั้น
ถูกชาร์จเข้าไปสู่ทุกๆชาติภพในความเป็นหลากมิติของพวกเขาเอง ดังนั้น มันจึงกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
มันคือพลังอำนาจของอารมณ์ความรู้สึกและความกลัวที่รุนแรงสุดขีด

กฎแห่งการดึงดูดจะส่งผลกระทบต่อทุกๆภพชาติของพวกคุณ
เหตุการณ์ใดๆสามารถส่งผลกระทบข้ามภพชาติไปสู่ภพชาติอื่นๆได้เสมอ
และมันก็สามารถถูกดึงดูดไปสู่ภพชาติอื่นๆได้เสมอด้วย
ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นรุนแรงของพลังงานของมัน
ในประสบการณ์แบบเดียวกันนั้น

และมันก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งระดับปัจเจกบุคคล
และระดับสังคมโดยรวมด้วย

ความเจ็บปวดของสังคมโดยรวมอย่างหนึ่ง ที่เกิดจากอารมณ์ความรู้สึกด้านลบ ที่ถูกแสดงออกมาให้เห็นเป็นตัวอย่าง
ก็คือการเกิดสงครามโลกทั้งสองครั้งของพวกคุณนั่นเอง

สงครามโลกครั้งที่สองของพวกคุณ จริงๆแล้วมันคือการกลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ของสงครามระหว่างชาวอาริยันกับชาวโพสิดอนในยุคแอตแลนติส ส่วนสงครามในตะวันออกกลางในตอนนี้
ก็คือการกลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่งของสงครามครูเสด ที่ส่งผลกระทบข้ามภพชาติมา


สักวันหนึ่ง มนุษย์จะประจักษ์ด้วยตนเอง ถึงประโยชน์และโทษของความขัดแย้งแบบนั้น

สักวันหนึ่งพวกคุณจะเรียนรู้ว่า สงคราม จะไม่มีวันยุติลง
เพราะการเกลียดสงครามเลย
แต่สงครามจะยุติลงเพราะการรักสันติสุขต่างหาก
เพราะนั่นคือพลังแห่งความรัก ซึ่งมันเป็นพลังงาน
ที่มีพลังอำนาจมากกว่าความเกลียดมากมายนัก

นี่คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบเกี่ยวกับผลกระทบของความเจ็บปวดในอดีตชาติ
ที่ส่งผลกระทบมาถึงและมาเกิดซ้ำอีกในปัจจุบันชาติ แต่ถ้าอดีตเหล่านั้นถูกนำมาเผชิญหน้า
และถูกเปลี่ยนแปลงด้วยความรอบคอบเสีย มันก็จะสามารถลบล้างความกลัวที่ผิดปกติวิสัย
และโรคทางจิตประสาทเหล่านั้นไปได้

ถ้าเปลี่ยนอดีตได้แล้ว มันก็จะให้ผลอย่างนั้นจริงๆ คือเมื่อใดที่พวกคุณ
เขียนบทชีวิตในอดีตของตัวเองขึ้นมาใหม่ได้แล้ว และเปลี่ยนประสบการณ์ในอดีตของตนเองได้แล้ว
ความกลัวที่อยู่เบื้องหลังมัน ก็จะถูกกำจัดไปด้วย

มันจะเหมือนกับว่า ความเจ็บปวดเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และมันจะรู้สึกเหมือนกับว่า
นั่นแหละคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ


นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่ว่าพวกคุณจะมีรายละเอียดของปัญหาเป็นอย่างไรก็ตาม
แต่พวกคุณทุกคนก็ล้วนแต่เคยมีความเจ็บปวดในอดีตมาแล้วทั้งสิ้น แต่พวกคุณก็สามารถที่จะเปลี่ยนมันได้
โดยใช้ความเป็น “ผู้สร้างร่วมที่รู้แจ้งแล้วของตัวคุณเอง” และทำในสภาวะของการตระหนักรู้ระดับควอนตั้ม
เพื่อทำให้เส้นทางชีวิตของคุณเองสมบูรณ์แบบมากขึ้นอย่างที่คุณต้องการ


แต่โปรดอย่าเพิ่งท้อแท้ใจไป เพราะว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำได้จริงๆ
และพวกคุณก็เคยทำกันมาคนละหลายๆครั้งแล้วด้วย
ในสภาวะที่ใช้จิตใต้สำนึก ในขณะที่พวกคุณกำลังฝัน

พวกเราขอยืนยันกับพวกคุณว่า มันสามารถทำได้
ในสภาวะที่มีสติสัมปชัญญะจริงๆ ในเมอร์ขะน่า
ภายใต้สภาวะแห่งความตระหนักรู้ระดับควอนตั้ม
ที่อยู่ในความเป็นปัจจุบันขณะนี้

และเพราะว่าอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต มันมีอยู่-เป็นอยู่พร้อมกันหมดจริงๆ เพราะฉะนั้น มันจึงไม่มีเหตุผลว่า
ทำไมพวกคุณจึงจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ไข และตอบสนองต่อเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งไม่ได้
ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นในขอบเขตของกาลเวลาใดๆ ที่พวกคุณสามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสอันจำกัดนี้ก็ตาม

พวกคุณมีความสามารถที่จะลบล้างความเจ็บปวดในอดีตได้ และจงเปลี่ยนมัน
ให้กลับไปสอดคล้องกับวัตถุประสงค์แรกเริ่ม ของการเลือกมีบทเรียนนั้นๆของตัวคุณเองเสีย

…………………….<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ร่วมบริจาคโครงการผ้าป่าช่วยชาติกับหลวงตามหาบัวฯ http://www.luangta.com/help/contact.php<!-- google_ad_section_end -->

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอบคุณ คุณชยุตมากเลยน่ะครับกระจ่างขึ้นมาเลยครับ และขอบคุณทีมงานที่น่ารักทุกคนเลยครับ^^

 

โอ..คำถามนี้สั้นมากครับ..
แต่พวกผมต้องไปค้นหาคำตอบกันจ้าละหวั่นครึ่งค่อนวันเลยทีเดียว

และข่าวดีก็คือ..ยังไม่ได้คำตอบครับ..แป่วววว!!

แต่ประมาณว่า กุญแจอยู่ที่ระดับจิต และระดับวิวัฒนาการของ Mer-ki-vic system ของแต่ละคนครับ
ซึ่งระดับวิวัฒนาการที่ว่านี้ จะถูกเอื้ออำนวยให้เกิดขึ้นโดยระดับพลังงานของโลก
ซึ่งก็จะถูก trigger ให้เกิดขึ้นตามระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้ว เช่น

วันที่ 9-9-9 => จะเริ่มต้น Trigger Mer-ki-va 8 points และจะ full power ในวันที่ 20/3/10

วันที่ 10/10/10 => Mer-ka-va จะถูก full power

วันที่ 20/3/11 => Mer-ka-na จะ full power

และหลังจากนั้นอีก 2 - 3 ทศวรรษ Mer-ka-ra จึงจะ full power
แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละคนด้วย

มันมีข้อความที่กล่าวถึงวิธีการ และกลไกต่างๆของ Mer-kivic system เหล่านี้อยู่หลายจุด
ที่อ้างถึง คำว่า Metatronic keys ซึ่งอันนี้คุณเดรดกำลังจะแปลอยู่ครับ

ส่วนข้อความอื่นๆที่ผมพอจะจับใจความได้ก็คือ ใครที่อยากเข้าให้ถึง Mer-ka-na
ก็ต้องมีปณิธานแห่งการเลื่อนระดับขึ้น (ascension) คืออยุ่บนเส้นทางแห่งการฝึกฝนตัวเองมิได้ขาด
และสิ่งสำคัญก็คือ การผสานรวมกายเนื้อเข้ากับ etheric coherence ของตัวเอง
ซึ่งคำนี้ถ้าให้ผมเดานะครับ ก็จะขอเดาว่า ผสานกาย-จิตใจ-วิญญาณเข้าด้วยกันให้ได้

เพราะฉะนั้น ต่างมิติหลายๆท่านจึงเน้นย้ำการดูแลรักษา และฟื้นฟูกายเนื้อด้วย
ส่วนของท่านเมตาตรอนก็จะมีพูดถึงการดูแลรักษา,ปกป้อง และทำให้ระบบออร่าของเราแข็งแรงขึ้นด้วย
และให้พัฒนาจากระบบจักระที่มีอยู่ 7 จักระ ให้มีครบทั้ง 12 จักระ และมีอีก 20 ชั้น ในโลกของปฏิสสารด้วย
หรือที่ท่านเรียกว่า ระบบ 13-20-33 หนะนะครับ

และวิธีการทั้งหลายทั้งปวงนี้ ถ้าให้ผมเดาเอาเองอีกหละก็ ก็คงอยู่ในเนื้อหาของกระทู้ที่ผมเคยโพสต์ไปแล้ว
เพราะว่าผมเห็นศัพทืที่ท่านพูดถึงอยู่บ่อยๆ นั่นก็คือคำว่า Impeccability นั่นเอง

อยู่ในกระทู้นี้นะครับ

ข้อความจากต่างมิติ – การวางอุเบกขา, ความเหมาะสมทางเพศ และการเนรมิตให้สำเร็จดั่งใจ

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ะสมทางเพศ-และการเนรมิตให้สำเร็จดั่งใจ.302183/

............................................................................

โดยรวมก็สรุปว่า..ทำตามคำแนะนำในกระทู้ข้างบนนี้ เพื่อเป้าหมายคือ "ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ"
หรือ Impeccability

ซึ่งเมื่ออยุ่บนทางเส้นนี้แล้ว ก็แค่ไหลไปตามกระแสพลังงานที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆนี้เท่านั้นเอง
รอจังหวะที่ถึงเวลาของการ trigger ที่ว่านั้น เป็นขั้นๆ ไปเรื่อยๆเท่านั้นเองครับ

แต่สำคัญที่ต้องเอาจริงเอาจัง ต้องฝึกฝน ต้องปฏิบัติ และต้องอดทนด้วย

...ว่างั้นนะครับ...
...................................................................

 

เห็นความทุ่มเทของพี่ๆ ทีมแปล ในการตั้งใจหาคำตอบมาเพื่อไขข้อสงสัยให้กับทุกคนแล้วปลื้มใจจัง เป็นส่วนสำคัญเลยค่ะที่จะช่วยตอกย้ำให้ความรู้สึกที่จะใช้ วาดภาพอนาคต ของโลกใบใหม่ว่าจะเป็นโลกที่สวยงาม เพียงใดเมื่อมีแต่คนดีๆ ที่มีแต่ความเสียสละเพื่อผู้อื่นอยู่เต็มไปหมดเลย อยากให้ถึงเวลานั้น ไว ๆค่ะ ถึงจะได้ไปอยู่ในโลกใบใหม่ด้วยหรือไม่ ก็ไม่เสียใจหรอกค่ะ แค่ ขอให้ได้เป็นแรงใจแรงหนึ่งที่จะช่วยนึกวาดภาพโลกที่สวยงามให้เกิดขึ้นเร็วๆ ก็มีความสุขมากมายแล้วค่ะ

 

ขอบคุณ คุณชยุตมากเลยน่ะครับ ลำบากคุณชยุตเลยสำหรับคำถามนี้ แต่ก็ขอบคุณมากจริงๆน่ะครับที่สละเวลาให้น่ะครับ ผมจะลองฝึกปฏิบัติดูน่ะครับ ขอบคุณครับ ^^

 

ค่อยๆเรียนรู้กันไปครับ เรียกว่าเป็นข้อมูลใหม่สำหรับทุกๆคนเลย
เชื่อว่าวิวัฒนาการน่าจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป อย่างเป็นธรรมชาติครับ
โลกอนาคตตอนนั้นจะน่าอยู่สักแค่ไหน ต้องรอให้ถึงวันนั้นจริงๆซะก่อน

มีข้อมูลหนึ่งมาให้อ่านเล่น ที่อาจทำให้เราก็พอจินตนาการล่วงหน้าได้น่ะบ้าง
เป็นเรื่องโลกใหม่ใน"มิติที่สี่" ที่จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆช่วงหนึ่ง (จาก Aldea Kumara)

ที่มิติที่สี่ นี้จะเป็นพอร์ทัลสำหรับการเปลี่ยนแปลงตัวเองในเบื้องต้น
เพื่อช่วยเหลือให้กับผู้ที่เข้ามาสู่มิติใหม่ บนคลื่นความถี่ที่สูงขึ้น
ทันทีที่ผ่านพอร์ทัล ก็จะมีการดำเนินการ และเริ่มต้นทำความสะอาดพลังงานที่ไม่จำเป็นทั้งหลาย ที่มันจะถูกลบออกไป


สมมติว่าคุณมีโรคมะเร็งหรือวัณโรคหรือชนิดของความเจ็บป่วยใดๆ
สำหรับคนส่วนใหญ่นี้จะถูกลบออกไปเพื่อให้สามารถเริ่มต้นใหม่ได้
โครงสร้างโมเลกุลของทางกายภาพจะมีการจัดตำแหน่งใหม่
อัตราการเผาผลาญ ความดันโลหิตที่ดีขึ้นและอื่นๆ รวมทั้งหัวใจจะขยายตัวขึ้น

คุณจะได้รับความรู้สึกใหม่ที่สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
พร้อมกับมีประสบการณ์ใหม่ๆ เคลื่อนผ่านร่างกายคุณที่"เบาขึ้น"ด้วย
เรื่องอาหาร ก็เพียงเลือกพืขหรือผักมาใส่ไว้ในปาก
และมันจะค่อยๆละลายหายไป คุณจะรู้สึกพลังงานที่ฟุ้งกระจายไปในระบบร่างกาย

คุณจะรู้ว่าคุณกำลังหายใจแตกต่างจากเดิม
ลมหายใจของคุณจะผ่านมาจากมงกุฎจักระของศีรษะ
และมันจะเติมเต็มร่างกายในลักษณะที่คุณไม่คุ้นเคยจริงๆ
มันจะใช้เวลาสัก 2-4 ปีที่จะเรียนรู้วิธีการจัดการกับความแปลกพวกนี้
ภายใต้คำแนะนำของครูที่จะดำเนินการให้เราผ่านสู่ความเป็นจริงใหม่


สิ่งใหม่ๆจะครอบครองกระบวนการคิดของคุณให้มีความชัดเจนมากขึ้นในการรู้แจ้ง
และหน่วยความจำของคุณก็จะเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่าสิ่งที่เราได้เตรียมไว้
จะมีช่วงเวลาราวๆ 2,000 ปีกับความสุขในช่วงเวลาของมิติที่สี่
ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความบริสุทธิ์ของชีวิต
และจะก้าวต่อไปสู่มิติที่ห้า.....ที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่า..


เขากล่าวไว้ประมาณนี้.. และก็เป็นเพียงข้อมูลหนึ่งเท่านั้นนะครับ
ข้อมูลเหล่านี้เหมือนเป็นคู๋มือการเตรียมความพร้อมสำหรับเราล่วงหน้า
เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นกว่า และยังจะมีข้อมูลที่น่ารู้อีกมากครับ

 

คำถามของคุณ Senju

คุณ kindred ได้แนะ และคุณชยุต ได้ให้คำตอบอย่างดีเลยครับ

เป็นคำถามสั้นๆ แต่ชวนให้ครุ่นคิดมั๊กมาก

ขอเสริมความคิดเห็นเล็กน้อยครับ เพราะเห็นเงื่อนงำบางอย่าง ในโพสของคุณโซ่

ที่กล่าวถึง ความสัมพันธ์ระหว่าง Crystalline Light Bodies,Mer-Ka-Na,สสารมืด,ปฎิสสาร

"สสารทางกายภาพที่มองเห็นได้ ซึ่งเทคโนโลยีอันจำกัดในปัจจุบันของพวกท่านสามารถทำความเข้าใจได้นั้น
แท้จริงแล้วคือ ส่วนประกอบของมัลติเวอร์ส(multiverse) ที่ไม่เกิน 4%
และประมาณ 20% ของจักรวาลของท่าน ก็ประกอบด้วยสิ่งที่ถูกเรียกว่าสสาร “มืด” หรือสสารที่มองไม่เห็น
ที่เหลืออีก 76-80% ก็คือปฏิสสารนั่นเอง

สิ่งที่ท่านหมายถึงรูปทรงทางแสงแบบคริสตัลลีน(Crystalline Light Bodies) หรือเมอร์คะนา(Mer-Ka-Na)นั้น
เป็นตัวเชื่อมต่อทั้งภายในและภายนอกแห่งสสาร, สสารมืด และปฏิสสาร

จริงๆแล้ว พวกท่านเดินทางไปภายในสสารมืดและปฏิสสารทุกคืน
ในสิ่งที่พวกท่านเรียกว่าสภาวะการฝันอย่างรู้สึกตัว(the lucid dream state)
ที่อยู่ในสภาวะแบบอีเทอร์ของแถบคลื่นอัลตราไวโอเลต(etheric state of ultraviolet)
ซึ่งอยู่ภายในลักษณะรูปร่างแบบอีเทอร์ทางพลังงานแบบพลาสมาชีวภาพ(etheric bio plasmic energy bodies)

พวกท่านส่วนมากจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในการท่องเที่ยวยามนอนหลับฝันเหล่านี้ได้เล็กน้อย
ถึงกระนั้นก็ตาม ข้อมูลนี้ก็เป็นที่เข้าใจได้ง่าย สำหรับบรรดาท่านผู้เตรียมเข้าถึงระดับที่เป็นเมอร์คะนาของภาวะจิตสำนึกรู้
ซึ่งอยู่ในระบบแบบเมอร์คิวาสามระดับ(Tri-Level Mer-Ki-Vic System)ของบรรดารูปทรงทางแสงแบบคริสตัลลีน"

จากประโยคข้างต้น

ปกติเราได้เปลี่ยนระดับการจดจ่อของภาวะจิต เข้าออก mer-ka-na กันบ่อยๆ โดยเฉพาะยามเข้าสู่สมาธิ หรือ ยามหลับ

แต่พิเศษตรงที่ว่า ยามตื่นนั้น ก็คือ การเข้าสู่สมาธิแบบไร้รูป ด้วยสติสัมปชัญญะ กลับเข้าสู่ร่างแสงภายใน และปล่อยวาง เข้าสู่ space ที่ไม่ถูกรัดรึงด้วยประสาทสัมผัสปกติ ซึ่งวิธีดังกล่าว เพื่อนๆทุกๆคนคุ้นเคยกันดี ตามจริตของแต่ละท่าน

ยามหลับ ก็คือ การหลับฝันแบบมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน หรือ Lucid dream

เพราะจากประสบการณ์หลายๆท่าน ที่กล่าวตรงกันก็คือ เมื่อเกิด Lucid dream ขึ้น จะเหมือนหมุนคว้างเข้าไปสู่ความมืดซะก่อน (สสารมืด) แล้วจึงค่อยโผล่ไปสู่มิติที่ต้องการไป ที่อยู่ใน space ของปฎิสสาร

ซึ่งไม่ว่าจะเข้าสู่ space ที่ว่านี้ ด้วยสมาธิ หรือ การฝันด้วยความรู้สึกตัว เราก็จะสามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงพิมพ์เขียวที่พึงประสงค์ได้

ps:ขอบคุณสำหรับข่าวสารครับคุณ mead ว่าแต่ ไปหารูปมาจากไหนครับ สวยเฉียบทุกรูปเลย

 

เมื่อคืนฝันว่า นัดกับเพื่อนจะไปลำปางโดยรถทัวร์โดยสาร
แต่ตัวเองจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จ ลืมเสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็น
จนเสียเวลาไปมาก ในที่สุดก็เอาเท่าที่มีไป ขึ้นรถเมล์เพื่อจะไปท่ารถทัวร์
ใกล้เวลารถจะออกแล้วก็ยังไปไม่ถึง ก็เลยโทรศัพท์ไปบอกจุดที่จองตั๋วว่า
เราไปแน่แต่ตอนนี้รถมันติดมาก เขาบอกว่าไม่เป็นไรมาเถอะมีรถแน่นอน
พอไปถึงท่ารถ ก็มองหาจุดที่รถลำปางจอด ไล่ไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าไม่มี
แต่อีกฟากถนนเห็นคนยืนต่อคิวกันแน่นมาก เลยข้ามไปดู พวกเขารอรถ
ไปภาคเหนือกัน ท่ารถทัวร์ไม่มีรถที่จะไปถึงลำปาง เชียงใหม่ แต่ถ้ามีคน
จะไปก็ไปต่อคิวกัน ถ้าเขาเห็นคนเยอะเขาก็จะออกรถให้ ในที่สุดก็เลยได้
ขึ้นรถสายนี้รวมกับผู้โดยสารคนอื่น แต่เพื่อนไม่มา โทรหาเขาเขาบอกงานเยอะ
เราถามหาคนอื่นที่เพื่อนนัดไว้ เพื่อนบอกไม่รู้ซิ เพราะชวนแล้วแต่จะไปหรือไม่ไป
ก็ไม่รู้ ในที่สุดก็ไม่มีเพื่อนมาสักคน ตอนนั้นคิดว่าไม่มีพันธะว่าต้องไปลำปางแล้ว
แต่เราขึ้นรถมาแล้ว เราจะไปที่ไหนดี เราจะลงตรงไหนดี จะพักที่ไหนดี
เห็นผู้โดยสารข้างๆเป็นแม่ชีสองคน บอกว่าจะลงลำพูน แม่ชีบอกว่าแม่ชี
อยู่พระบาทห้วยต้ม เลยคิดว่าจะลงที่พระบาทห้วยต้มพร้อมๆกับแม่ชี
แล้วก็ตื่น

ไม่รู้จะหมายถึงอะไรคะ แต่ว่าไม่อยากบวชชี ไม่อยากเป็นแม่ชี
ขอให้เป็นแค่ได้ไปกราบพระบาทห้วยต้ม ได้พบที่ทางดีๆ ที่น่าอยู่ก็พอนะ...

 

หรือจะบอกตำแหน่งประตูมิติอีกบานหนึ่งนะ
พระบาทห้วยต้ม คงไม่ทิ้งรอยพระบาทไว้เฉยๆ หรอกครับ
จะบอกไว้เป็นนัยๆ
บอกหลายบ่ได้ เปิดแต่พอน้อยๆ พอสิได้เงื่อนงำซันดอกหว้า

 

ขอบคุณค่ะ สงสัยฝันคราวนี้จะมีปริศนาจริงๆ จะตีความออกมั้ยนะ rabbit_

 

หลายๆคนที่พัวพันอยู่กับกระทู้นี้ ก็มีฝันทำนองนี้เหมือนกันครับ
แต่ที่จะเหมือนกันมากๆ และแทบจะเรียกได้ว่าเป็น Pattern เดียวกันเลยนี่
ก็คือฝันเกี่ยวกับ "เรื่องเรียน" และ "เรื่องสอบ" ครับ..และแน่นอนผมก็ด้วยครับ

ฝันเกี่ยวกับเรื่องเรียนและเรื่องสอบ พร้อมทั้งผลคะแนนการสอบ อะไรแบบนั้นมาตลอด
และจนบัดนี้ก็ยังมีฝันแบบนั้นอยู่เรื่อยๆ

ส่วนฝันเกี่ยวกับการเดินทาง หรือว่า ทำอะไรไม่ทันคนอื่นเขา หรือช้ากว่าเขานี่
ผมก็บ่อยครับ คนอื่นๆเท่าที่จำได้เลาๆก็น่าจะมีด้วย

ตัวอย่างที่ผมฝันบ่อยๆเมื่อหลายปีก่อนนะครับ ราวๆ 6-7 ปีที่แล้วๆกระมัง ถ้าจำไม่ผิดนะครับ
ก็คือฝันว่าตัวเองอยู่ในชุดผ้าเหลือง คือเป็นพระนั่นเอง แต่มักจะครองจีวรไม่ทันเพื่อนคนอื่นเขาเสมอๆ
ดังนั้น พอไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆก็มักจะต้องวิ่งตามคนอื่นเขาเสมอ เพราะครองผ้ายังไม่เสร็จ

ผมฝันแบบนั้นมาซ้ำๆ น่าจะเกือบสิบครั้งเห็นจะได้ แต่ไม่เหมือนกันทั้ง 100% นัก
แต่เกี่ยวกับการครองผ้าไม่ทันเพื่อน และต้องวิ่งตามเพื่อนอะไรแบบนั้นนี่แหละ และฝันมาเป็นปีๆเลยหละครับ
ตอนนั้นผมก็ได้แต่สงสัย และนึกไม่ออกว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องอะไรนะ

แล้ววันหนึ่งผมก็มาถึงบางอ้อ..เพราะตอนอายุ 33 ปี ผมนึกอยากบวชพระเป็นครั้งที่ 2
ผมเลยไปสมัครบวช ตามที่เขามีประกาศรับสมัครอุปสมบทหมู่ในเวปไซต์ต่างๆเอาไว้
ก็ปรากฎว่าได้บวชที่วัดท่าเสด็จ จ.กาญจนบุรี ตอนนั้นอุปสมบทหมู่กันแค่ 2 รูปเอง
คือผมกับน้องอายุ 20 ปีอีกคนหนึ่ง ดังนั้น เพราะผมอายุมากกว่าน้องเขา
ท่านอุปัชฌาจึงให้น้องเขาบวชก่อนผม และดังนั้น ผมเลยพรรษาอ่อนกว่าเขา
ผมก็เลยต้องกราบเขา เพราะมันเป็นกุศโลบายของทางสงฆ์เราหนะนะครับ
เพื่อลดทิฐิของผู้ที่มีอายุมากกว่า

ในชีวิตจริงตอนบวช ผมก็มักจะครองผ้าช้ากว่าชาวบ้านเขาอยู่เสมอๆจริงๆด้วย
และไม่ว่าจะเป็นช่วงออกทำวัตร ออกบิณฑบาตร หรือแม้แต่ออกธุดงค์กับทีม
ผมก็เลยต้องเป็นคนที่มาช้าตลอด และบ่อยครั้งที่ต้องแอบวิ่งตามแถว แม้ว่าพระเขาจะห้ามวิ่งก็ตาม

หลังจากผมบวชได้ 5 วัน เจ้าอาวาสท่านให้ออกธุดงค์ เดินจากทุ่งใหญ่นเรศวร
กลับวัดที่ อ.ด่านมะขามเตี้ยหนะนะครับ ใช้เวลาเดินราวๆ 6-7 วันนี่แหละ ผมก็ไม่แน่ใจนัก

ในระหว่างทางที่เดินธุดงค์อยู่นั้น ทีมพระก็จะหยุดพักไปเรื่อยๆ ค่ำไหนก็นอนนั่น
เช้าไปถึงไหนก็บิณฑบาตรฉันกันที่นั่น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่หยุดพักที่ริมแม่น้ำ เพื่อสรงน้ำ
และกรอกเอาน้ำดื่มกัน พอเสร็จแล้ว พระอาจารย์หัวหน้าทีมก็สั่งออกเดินทาง ผมก็ช้าอีกเหมือนเดิม
ครองผ้าช้ากว่าเพื่อนเขา ก็เลยเดินตามหลังไปช้านิดหน่อย แต่พอนึกขึ้นได้ว่า
อ้าวลืมกรฎทิ้งไว้ที่ริมแม่น้ำนี่นา ก็ต้องรีบกลับมาเอาอีก แล้วก็รีบวิ่งตามแถวไปให้ทัน
เพราะว่าพระอาจารย์ที่นำขบวนนี่ ท่านเดินเร็วมากๆ

ตอนที่หอบบาตร หอบกรฎวิ่งตามขบวนพะรุงพะรังอยู่นั้น ผมก็ปิ๊งขึ้นมาได้ว่า
อ้าวเหตุการณ์นี้ ที่นี่ และ เดี๋ยวนี้ ผมเคยฝันถึงมาแล้วนี่นา ผมก็เลยหายสงสัยเรื่องนี้ไปเลยหละครับ

แต่เหตุการณ์ที่ได้บวช และได้ธุดงค์ รวมถึงหลังธุดงค์ไปถึงวัดแล้ว ก็ยังได้มีโอกาสทำงานหนักๆ
แบบงานก่อสร้าง แบบงานขนของ ขนอิฐ ขนปูนอะไรแบบนั้น แบบค่ำไหนนอนนั่น
แบบตากแดดตากฝน เดินเท้าแตกเลือดซิบๆอะไรแบบนั้น ทำให้ชีวิตความเป็นพนักงานบริษัท
ผู้ทำงานอยู่แต่ใน office อยู่แต่ในห้องแอร์ และ ผู้เจ้าสำอางค์ ของผม สูญสลายหายไปจนหมดสิ้นเลย
จนทุกวันนี้ ผมไม่เคยมานั่งนึกกลัวดำเพราะแดด หรือกลัวเปียกเพราะฝนเลย มันโล่ง มันสบาย
ไปไหนก็ได้ นอนไหนก็ได้ กินอะไรก็ได้ ชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลยครับ

เล่าสู่กันฟังหนะนะครับ..แถมรูปตอนธุดงค์กลับมาถึงวัดแล้วให้ดูด้วยครับ
ผมอยู่ซ้ายมือสุดของรูปนะครับ..



เพราะฉะนั้น ฝันของคุณฐนา ก็อาจจะมีคำตอบอะไรของมันซ่อนอยู่ในนั้นหละครับ
ถ้าให้ผมเดา ผมก็จะเดาว่า วิถีทางที่จะไปนั่น ก็หมายถึงวิถีทางจิตวิญญาณ
หรือภาระกิจบนโลกใบนี้ของคุณเองนั่นแหละครับ ที่ตอนนี้อาจจะค่อนข้างล่าช้ากว่ากำหนดแล้ว
เพราะว่ามัวไปหลงทาง หรือ มัวไปติดสิ่งที่คุณ และ ชาวโลกทั่วๆไปเรียกกันว่า "ธุระ" อยู่
แต่อย่างไรก็ตาม ยังไงคุณก็ยังทันรถอยู่ครับ เพราะว่าคนขับรถ และคนอื่นๆ ยินดีจะช่วยคุณ
และรอคุณอยู่ครับ..

key word คำว่า "แม่ชีสองคน" และ "พระพุทธบาทห้วยต้ม" ลองค้นดู หรือตั้งจิตขอรู้ความหมายดูนะครับ
มันน่าจะมีอะไรเป็นเงื่อนงำอยู่ อย่างที่ท่านมหิศวระว่านั่นแหละครับ

หรือบางทีผมคิดว่า คุณน่าจะไปกราบพระพุทธบาทห้วยต้มจริงๆสักครั้งหนึ่งด้วยซ้ำไป
ดีซะอีก จะได้ไปทำบุญด้วย เผลอๆจะได้เจอความทรงจำอะไรที่ตัวเองเคยมี และทิ้งเอาไว้ที่นั่นด้วยนะครับ

......................................................................

 

คุณฐนา ไปลำปางแวะมารับดิฉันด้วยนะคะ อยู่ลำปางค่ะ (เกี่ยวไหมเนี่ยะ อิ อิ)

ขอแอบแซวคุณชยุตหน่อยเถอะค่ะ รูปคุณตอนธุดงค์นี่ถ้าเป็นภาษาทางบ้านดิฉันนะคะ เขาเรียกว่า "ดำคิริ" ค่ะ ออกแนวภาษาคุกขุ หน่อยนะคะ

 

โมทนาในการบวชของคุณ Chayutt ค่ะ
ประสบการณ์ในการบวชของคุณ Cahyutt เต็มอิ่มจริงๆนะคะ
น่าประทับใจมากเลยค่ะ

คิดว่าน่าจะไปกราบพระบาทห้วยต้มเหมือนกันค่ะ แต่นึกอะไรเกี่ยวกับ
ลำพูนไปออกเลย นอกจากมีความศรัทธาพระนางจาม เคยไปแวะพระธาตุ
หริภุญชัยแค่นี้

เรื่องการปฏิบัติล่าช้ากว่ากำหนดอันนี้จริง ไม่ใช่เพราะเริ่มช้า แต่เพราะ
รู้ทางของตัวเองช้าไปมากๆเลยค่ะ เพราะไม่เอาใจใส่ในสัญชาติญาณ
ของตัวเองมั้งคะ เสียดายเวลานะ

เรื่องในฝันที่เหมือนจริงก็คือ เป็นคนเก็บของเดินทางได้ช้าที่สุด ต้องนาที
สุดท้ายก่อนเดินทางทุกครั้ง และมักจะชอบเดินทางคนเดียว ไม่ค่อยกำหนด
ที่หมายในการเดินทาง เช่นจัดกระเป๋าไปเชียงดาว พอถึงเชียงดาวเปลี่ยน
ใจเลยไปลงฝางก่อน หรือบางทีก็ค่อยมาตัดสินใจเมื่อถึงชุมทางรถว่าเราจะไป
ไหนดีก่อนดี ขึ้นไปท่าตอนก่อน หรือจะกลับไปทางแยกเที่ยวแม่สรวยก่อนดี
เรียกว่าขึ้นรถเดินทางแล้วค่อยไปคิดอะไรอย่างนี้ค่ะ


เรื่องฝันเกี่ยวกับห้องเรียนก็มีบ้างเหมือนกันค่ะ บางทีเป็นผู้คนใน
ที่ทำงาน แต่จัดโต๊ะนั่งเหมือนอยู่ในห้องเล็คเชอร์


พยามจะนึกเรื่องเกี่ยวกับลำพูนก็เป็นจังหวัดที่ไม่ค่อยได้นึกถึงเท่าไหร่ค่ะ
นึกได้แต่ว่าตัวเองชอบไปเชียงใหม่บางทีเย็นวันศุกร์ก็ขึ้นรถทัวร์ไปแล้ว
เดินเล่นวันเสาร์แล้วก็กลับตอนเย็น และก็มักได้ไปทำบุญภาคเหนือ
แต่จะบ่อยหน่อยก็ที่เชียงใหม่ จนนึกปักใจว่าเราจะมีบ้านหลังที่สองที่เชียงใหม่น่าจะดี


เรื่องแม่ชีตอนแรกคิดว่า ใครมาเตือนให้เราบวชนะ ไม่อยากเลย
เคยบวชชีโกนศีรษะครั้งเดียวประมาณเดือนนึง (ทั้งๆที่เคยปณิธานว่าเราจะไม่เป็นชีเลย)
อยากจะปฏิบัติธรรมแบบอยู่ในที่ของเรา ใส่ชุดสีๆ ทำตามใจเรา ซะด้วยซ้ำ
ที่บวชครั้งนั้นนึกไม่ออกว่าไปตัดสินใจอย่างนั้นตอนไหน คงจะ
เป็นช่วงไปอยู่ถ้ำเมืองนะบ่อย เกิดศรัทธาการบำเพ็ญบารมีของผู้ชาย
จำได้ว่าตอนบวชบอกหลวงตาว่าหนูซ้อมก่อน ประมาณว่าขอชั่งใจ
ตัวเองหน่อย เผื่อชาติหน้าอาจได้บวชจริงถ้าได้เป็นผู้ชาย
ช่วงนั้นได้อยู่กรรมบนถ้ำประมาณ10วันพร้อมกับแม่ชีอีกสองคนค่ะ (หรือเอามาฝัน
แต่มันนานแล้วไม่ค่อยได้นึก แล้วก็ไม่เหมือนแม่ชีในฝันด้วยค่ะ)
เคยไปแวะที่วัดท่านที่อยู่แม่ทา แต่ตอนไปตอนนั้นถอดใจกับจังหวัดลำพูนมาก มันร้อน
โล่ง แห้ง แดดระยิบเลย (ประมาณว่าไม่มาอีกแล้ว)
เรื่องพระบาทห้วยต้มเคยได้ยินแต่ชื่อ ยังไม่ได้นึกอะไรมาก่อนค่ะ

ถึงจะแปลความหมายไม่ได้ ก็ขอยึดความหมายที่คุณ Chayutt
แปลให้ไว้เป็นกำลังใจก่อนนะคะ

แต่อย่างไรก็ตาม ยังไงคุณก็ยังทันรถอยู่ครับ เพราะว่าคนขับรถ และคนอื่นๆ ยินดีจะช่วยคุณ
และรอคุณอยู่ครับ..

55 ความหมายนี้ชอบที่สุดค่ะ


แชร์เรื่องที่มีความประทับใจตอนบวช(พราห์ม)ด้วยคนค่ะ เคยไปปฏิบัติกับ
หลวงพ่อประสิทธิ์ที่เกาะสีชัง ท่านชอบให้เจริญสติด้วยงาน ดังนั้น
แม่ชี หรือชีพราห์มมักจะมีงานก่อสร้างทำอยู่ตลอด เหมือนงานแบกอิฐขนปูน
ของผู้ชาย (แต่ท่านเมตตาต่อแม่ชีมากเหมือนลูกเลยค่ะ)
วันนั้นมีงานก่อสร้างชิ้นนึง ต้องเรียงแถวกันส่งหินก้อนใหญ่ๆต่อกัน
ไปเป็นทอดๆ ต้องส่งให้เร็วและมีจังหวะ เพราะถ้าถือนานมันจะหนักค่ะ
ที่น่าขำก็คือ ก่อนที่จะไปวัดได้อ่านหรือฟังซีดีชาติของพระพุทธเจ้าตอนที่
ท่านเกิดเป็นดาบสในสมัยพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง พระสุเมธะดาบสออกจากนิโรธ
เห็นชาวบ้านกำลังก่อสร้างทางถวายพระพุทธเจ้าที่จะเสด็จผ่าน พระดาบสมีศรัทธา
แต่ว่าเวลาไม่ทันแล้ว พระพุทธเจ้ากำลังเสด็จมาถึงท่าน ท่านก็เลย
ทอดกายและสยายผมลงแทนถนน ขอให้พระพุทธเจ้าเสด็จลงบนตัว
ท่าน เคยอ่านมาหลายครั้ง แต่ครั้งสุดท้ายเกิดมีปิติในพระดาบส
และมีปิติไปกับชาวบ้าน อินมากเลยค่ะ เหมือนไปเห็นบรรยากาศ
อ่านไปก็ซาบซึ้งน้ำตาซึมเลย มารู้ตัวอีกที นี่ตัวเรามายืนขนหิน
เหมือนอย่างที่อ่านมาเลยค่ะ

 

อยู่ลำปางเหรอคะ ดีจังค่ะ ที่ลำปางประทับใจวัดพระธาตุลำปางหลวงค่ะ
เคยไปยืนอ่านประวัติพระแก้วดอนเต้า แล้วขนลุกตั้งแต่แขนไปถึงศีรษะ
ไล่ย้อนไปย้อนมา แต่มันลุกเฉพาะซีกซ้ายแหละค่ะ แต่วัดนี้ชอบจริงๆนะคะ
ไปหลายครั้งแล้วค่ะ

"ดำคิริ" ชิมิ ชิมิ อย่างนี้เหรอเปล่าคะ อ้าว! เผลอไปแซวคุณ Chayutt อีกคน

 

เคยอ่านในเวปนี้มานานแล้วว่าพื้นที่ของอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นที่ตั้งของพระบาทห้วยต้ม ที่หากเกิดภัยพิบัติ พื้นที่นี้คือพื้นที่ปลอดภัย และมีสิ่งที่น่าสังเกตุและจำไม่ผิดจากที่เคยไปมา คือมีหมู่บ้านที่ผู้คนกินเจกันทั้งหมู่บ้าน อาจเป็นความหมายให้เหล่าผู้มีความรักในจิตวิญญาณทั้งหลายได้ตื่นรู้และค้นพบเส้นทางที่จะนำไปสู่แสงสว่างก็เป็นได้...

 

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
ความฝันของดิฉันจริงๆค่ะ จินตนาการแบบกฏของแรงดึงดูดแบบเว่อร์สุดชีวิต
อยากสร้าง eco village อยากปลูกผักเลี้ยงคนในท้องที่
เลี้ยงคนที่มาเยี่ยมชมหมู่บ้าน ถวายพระ (สงสารพระฉันอาหาร
ไขมันสูง ผักมีสารพิษ ขนมหวานมัน) อยากทำเกษตรกรรมปลอดสารพิษ
แต่แบบทันสมัยด้วยระบบน้ำ ระบบโรงเรือน

 

คุณ ฐนา หากมีโอกาสได้ทำ บอกด้วยเด้อ ลินดาอยากปลูกสมุนไพร และผักไทยๆโบราณน่ะ คิดมานานแล้ว