ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
    ก่อนเดินทางไปปราสาทพนมรุ้ง
    แวะเติมพลังสำหรับวันใหม่
    เห็นร้านนี้ดูเงียบๆ
    ชาวคณะจึงได้ทำการเข้ายึดร้านนี้ไว้

    ยึดยังไงครับ....
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  2. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
    เต่าก็ไม่รอด...
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  3. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
    จานนี้ฝีมืออาเจ็กเฉิน
    [​IMG]

    เหตุการณ์สงบ
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  4. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
    เมื่อเดินทางมาถึงปราสาทพนมรุ้ง เก็บภาพร่วมกันหน่อย
    [​IMG]

    ไม่ทันๆ
    [​IMG]

    นักท่องเที่ยวต่างชาติ
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  5. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
  6. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
    ตามไม่ทันครับ...เหนื่อย
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  7. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
  8. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
    เก็บภาพร่วมกันอีกครั้ง
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  9. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
  10. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
    หลังจากนั้น ได้มีดารานำในกองถ่าย ท่านนึง
    ว่าจ้างให้ผมเก็บภาพให้เป็นการส่วนตัว
    เราจึงแยกออกจากกลุ่มมาครับ
    เห็นแก่ค่าจ้างเพียงเล็กน้อย
    (แก้วกาแฟที่มีน้ำแข็งละลาย มอบให้ก่อนจากกันวันนั้น)
    ทำให้เราหลงทางไปไกล 3กิโลเมตร....
    อาจารย์หลายท่านเป็นห่วง นึกว่าผมร้องไห้กลับกรุงเทพไปแล้ว
    เนื่องจาก ไม่ได้ถ่ายภาพร่วมกับชาวคณะ...
    (แต่จริงๆลืมไปแล้วว่า แฟรงค์มันมาด้วย 55)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  11. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
    ลงมาแล้ว นึกว่าจะถึงที่จอดรถชาวคณะ
    [​IMG]

    เราเดินไปเรื่อยๆตามทางที่โค้งแล้ว โค้งอีก เมื่อไหร่จะถึง...
    [​IMG]

    มีป้ายเตือน ไม่สนใจ... ฮา
    [​IMG]

    มาเก็บภาพกันไกลมาก...
    [​IMG]
     
  12. Fleurdelis

    Fleurdelis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +112
    เดินมาถึงรถแล้วก็ออกเดินทางเข้ากรุงเทพทันที
    คันอื่นเค้าไปกันหมดแล้ว..
    ระหว่างทางแวะทานข้าว และรับเครื่องดื่มกันแล้ว
    อาจารย์จอห์นนี่ก็ส่งสมาชิกจนครบ
    ขอบคุณอาจารย์จอห์นนี่ ที่ดูแลเป็นอย่างดี
    อนุโมทนาครับ
    จบรายงาน
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  13. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    แก้ทางไปบ้านค่ะ
    ไม่ทราบว่าทำไมสับสน ซอยโพธิสาร วัดโพธิสัมพันธ์
    แถมสับสนซ้ายกับขวาอีก
    เอาตามนี้นะคะ ถูกต้องแล้ว

    http://www.nationsonline.org/oneworld/map/google_map_thailand.htm
    เบอร์อ. ไก่ 081 4413989 ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2009
  14. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
     
  15. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
     
  16. vijit_j

    vijit_j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    739
    ค่าพลัง:
    +2,866
    และก็ถึงหน้า 555 ไปเรียบร้อยแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า..
     
  17. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451


    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cboss%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:Verdana; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1593833729 1073750107 16 0 415 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} p {margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Tahoma; mso-fareast-font-family:"Times New Roman";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> <style>.wysiwyg { BACKGROUND: #f5f5ff; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: #000000 } P { MARGIN: 0px } .inlineimg { VERTICAL-ALIGN: middle } </style>สวัสดีค่ะ คุณสายเมฆ

    จำได้เสมอค่ะ เป็นผู้ที่ได้รับการสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาวเช่นกัน ในช่วงแรก ๆ ตั้งแต่ยังมีไม่มีเขากะลารุ่นที่ 2 เต็มทีมเหมือนในขณะนี้ จะมีกันอยู่เพียง 3 ท่านที่ทำหน้าประสานงานในขณะนั้น คือพี่สุดใจ อาจารย์นีโม่ และอาจารย์ ukrin

    คุณสายเมฆ จึงเป็นคนหนึ่งที่พี่สุดใจสนทนาด้วยบ่อยครั้ง ในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มพบเจอเหตุการณ์แปลก ๆ วัตถุแปลก ๆ เจอเรื่องของมิติ การย้ายมวลสาร จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งบ่อยครั้ง และเมื่อพบเจอเรื่องของความทุกข์ก็จะได้รับการขยายระบบ ชี้ให้เห็นเหตุแห่งทุกข์ และการออกจากทุกข์ด้วยการละจากอุปาทานเหล่านั้น

    การที่ห่างหาย หรือออกไปจากความสนใจในเรื่องของระบบ ก็เป็นเรื่องถูกต้องตามกลไกเช่นกัน

    เพราะงานของระบบ เป็นงานที่วางกลไกไว้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ยามเกิดภัยพิบัติ การทำงานจึงเป็นการกระจายบุคคลไปประสานงานกับบุคคลต่าง ๆ ทั่วโลก

    ดังนั้น ผู้ที่ทำงานกับระบบ ส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่ากำลังทำงานอยู่ แต่เขาก็จะทำงานเหมือนเป็นตัวเขาเอง เขาจะไปติดต่อใคร ไปสนทนากับใคร ไปทำอะไรที่ไหน สิ่งเหล่านั้นเป็นงานทั้งสิ้น

    เพื่อการประสานงานระบบอย่างมีประสิทธิภาพ ก็คือผู้นั้นไม่รู้ว่ากำลังทำงานในการประสานงานอยู่นั่นเอง

    ถ้ามองย้อนกลับไป เมื่อก่อนเรามีเพื่อน เรารู้จักเพื่อน หรือเราเคยทำงานกับคนนั้น คนนี้

    ในตอนนั้น เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ จะรับรู้ไหมว่า นี่คือการประสานงาน การทำงาน การร่วมงานกันของคนระบบ

    ไม่มีทางรู้เลย

    ยกตัวอย่างอาจารย์นีโม่ คุณแดนเดือนเดียว และคุณหนึ่ง

    ทั้งสามท่านนี้ เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เรียนกันมาตั้งแต่เด็กอนุบาล

    ตามความจริงของชีวิต ก็คือเป็นเพื่อนบ้านกัน รู้จักกัน เรียนที่เดียวกัน อยู่จังหวัดเดียวกัน

    ดังนั้น การพบเจอ สนิทสนม คุ้นเคย ก็เป็นเรื่องธรรมดามา 30 กว่าปี

    ทั้งสามท่านจะรู้ไหมว่า 30 กว่าปีที่ผ่านมานั้น เป็นการทำงานร่วมกันของคนระบบ ที่วางไว้ตามจุดนั้น ๆ

    คิดยังไงก็คิดไม่ได้ เพราะมันยังไปไม่ถึงเวลานั้น




    (1)

     
  18. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    เหมือนอ่านหนังสือ แม้หนังสือเล่มนี้จะมี 100 หน้า อ่านผ่านไปเรื่อย ถ้ายังอ่านอยู่หน้าที่ 17 ก็รู้แค่ หน้าที่ 17 เท่านั้น

    รู้เท่าที่เขียนไว้ในหน้านั้น ๆ เพราะเป็นปัจจุบันที่เป็นอยู่ขณะนั้น


    แต่ตอนนั้นอาจารย์นีโม่จะรู้ไหมว่า ในหน้าที่ 38 เขาจะกลายมาเป็นอาจารย์นีโม่ในวันนี้ จะมีการพบเจอระบบ ต้องทำงานเป็นอาจารย์ีในระบบ ต้องมีคุณแดนที่เคยคิดว่าเป็นเพื่อนเก่า มาร่วมงานเป็นวิปัสนาจารย์ของระบบ ทำงานแบบรู้ตัวว่าทำงาน มีการติดอุปกรณ์พร้อมเพื่อทำงาน เพื่อการประสานงาน

    ต้องมาทำงานกันเป็นกลุ่ม เป็นทีมเช่นนี้

    ถ้าอ่านถึงหน้า 17 ตัวละครตอนนั้น อาจารย์นีโม่ตอนนั้นยังเป็นคนทำงานทางโลก มีการแข่งขัน มีการยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตนสูง เปี่ยมล้นไปด้วยความทุกข์มาก ในหน้า 17 ในตอนนั้น

    จะกลายมาเป็นคนทุกข์น้อย ในหน้า 38 ไปได้


    อ่านถึงหน้าที่ 17 ตอนนั้น ถ้ามีผู้มาบอกว่า หน้า 38 อาจารย์นีโม่จะต้องมาเป็นแบบนี้ แบบนี้ ก็ย่อมเป็นการเชื่อได้ยาก เพราะยังอ่านไม่ถึง


    แต่ถ้าอ่านหนังสือถึงหน้าที่ 38 คือวันที่อาจารย์นีโม่ เป็นคนของระบบแบบรู้ตัวว่าทำงานกับระบบ แล้วอาจารย์แดน ก็เป็นคนของระบบ แบบรู้ตัวว่าทำงานกับระบบ อาจารย์หนึ่ง ก็เข้ามาเป็นคนของระบบแบบรู้ตัวว่ามีระบบ


    ณ เวลานี้ ณ หนังสือหน้านี้ ก็จะมีเรื่องราวมาถึง ณ ขณะนี้ คือรับรู้กันทั้ง 3 ท่าน ว่าเป็นผู้ที่ระบบวางไว้ตามจุด เพื่อทำงานให้กับระบบในการประสานงานนั้น ๆ


    ทั้งสามท่าน ก็เลยรู้ว่า ที่ต้องเป็นเพื่อนกันมา 30 กว่าปี ต้องรู้จักกันมานานแล้วนั้น ที่แท้เป็นงานของระบบ ที่ต้องการคนประสานงานที่ต้องร่วมงานกัน วางใจกัน และคุ้นเคยกัน

    อีกทั้งคนรอบข้างอาจารย์นีโม่ ที่เคยคิดว่าเป็นเพื่อนกัน ก็เริ่มเข้ามาอีกหลายท่าน แม้กระทั่งอาจารย์จอห์นนี่ ที่รู้จักกันมานานนับ 10 ปี ที่แท้ก็เป็นคนของระบบที่วางไว้ เมื่อเข้ามารับรู้แล้วสามารถเข้าใจได้เลย ทำงานได้เลย อุทิศบ้านเป็นสถานธรรมได้เลย นั่นคือ ที่แท้รู้จักมา 10 ปีแล้วนั้น ท่านเป็นคนของระบบ ที่ระบบได้วางไว้ตรงจุดนั้นมาอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงเท่านั้น

    ดังนั้น หลายท่านก็เริ่มจะพบเจอ เพื่อนเก่า เพื่อนบ้านเก่า คนที่ทำงานเก่า เจ้านายเก่า ที่เริ่มพบเจอ สนทนากัน และมีความเข้าใจกันอย่างรวดเร็ว

    ซึ่งบุคคลนั้น อาจเป็นคนของระบบที่วางไว้ตามสายงานนั้น ๆ

    เหมือนคุณพีท ถ้าไม่ใช่คนที่ระบบวางไว้ การที่จะมาเข้าใจเรื่องของระบบในเวลาอันรวดเร็วนั้น ย่อมเป็นไปได้ยาก

    แต่เพราะระบบได้วางบุคคลนี้ไว้เอง ให้อยู่ในวงการนั้น ๆ เอง เพื่อการประสานงานในวงการสื่อนั้นเอง เพียงรอเวลามารับรู้เรื่องของระบบเท่านั้น พอรับรู้แล้วทำงานได้เลย ปล่อยวางได้เลย จนเป็นวิปัสนาจารย์ของระบบไปแล้วในวันนี้


    หนังสือเริ่มเรื่องของแต่ละคน ในการดำเนินการในแต่ละหน้านั้น ระบบได้วางกลไกไว้แล้ว รอเวลาที่จะมาเข้าฉากร่วมกันเท่านั้น จะแบบรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ทำงานได้เช่นกัน


    ถ้ามองย้อนไป จึงเห็นว่า ทุกอย่างไม่มีการบังเอิญ เพียงแต่จะรู้ตัวว่าเป็นคนทำงานกับระบบ ในหน้าหนังสือหน้าไหนเท่านั้น


    ซึ่งผู้ที่เขียนบท ผู้ที่กำกับบทเท่านั้นที่รู้ และต้องให้นักแสดงเล่นไปตามบทนั้น ตามงานนั้น ๆ เพื่อการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง


    ระบบจึงบอกให้อยู่กับปัจจุบัน ทำแต่ประโยชน์ตนอย่างเดียว คือเรียนรู้ในขันธ์ห้า เพื่อออกจากอุปาทานขันธ์ห้า ที่เหลือเป็นงานระบบนั้น การประสานงานนั้น เหตุการณ์จะพาไปเอง ระบบจะจัดสถานการณ์มาเอง เพราะระบบเป็นผู้รับผิดชอบงานนั้น ๆ นั่นเอง



    นี่เป็นงานเฉพาะกิจ เป็นงานที่ต้องมีการวางแผน วางกลไกไว้ล่วงหน้า มีโครงสร้างเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือ เพื่อให้การทำงานที่จะต้องมีโครงข่ายโยงใยไปทั่วโลกนั้น ไม่มีผิดพลาด คลาดเคลื่อน


    นักแสดง จึงมีจำนวนน้อยนิด ที่จะรู้ตัวว่าทำงานกับระบบ นอกนั้นทำงานได้แบบไม่ต้องรู้ตัวว่าทำงานกับระบบ ก็ทำงานได้ถูกต้องตรง

    แต่ผู้ที่รู้ตัวว่าทำงานกับระบบ ก็จะได้ประโยชน์ตนมากกว่า คือได้รับรู้ถึงโครงสร้าง ได้รับทราบ ได้รับการขยายระบบให้เข้าใจในกลไกของจักรวาล กลไกของขันธ์ห้าที่เราเคยยึดมั่นถือมั่นในอุปาทานทั้งปวง มันมีกลไกอย่างไรบ้าง แล้วมีการสอนให้ปล่อยวาง ให้รู้เท่าทันอุปาทานขันธ์ห้าเหล่านั้น เพื่อจะได้ไม่ไปยึดเกาะ ไปหลงในการล่อหลอกของอุปาทานขันธ์ห้า ในอวิชชาทั้งหลาย

    คือการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันตามกลไกของธรรมชาติ

    คือทำงานเพื่อให้ประโยชน์ท่านทั้งหลาย และได้ประโยชน์ตน คือการออกจากอุปาทานขันธ์ห้านั่นเอง

    และ การที่จะได้รับประโยชน์ตน พร้อมทั้งให้ประโยชน์ท่านคือการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้น

    ก็ต้องมีการทำงานแบบผสมผสานกันไป

    คือการทำงานแบบไม่ได้ทำ คือการไปทำงาน การดำเนินชีวิตตามปกติ หรือการไปเรียน ไปพบเพื่อน ไปเจออาจารย์ ไปมหาวิทยาลัย ไปพบญาติ มีเรื่องมากมาย ทั้งน่ายินดี และไม่น่ายินดี สลับไปสลับมาตลอดเวลานั้น

    นั่นคือ เหมือนการดำเนินชีวิตทั่ว ๆ ไปของบุคคลนั้น ๆ ไม่แตกต่าง


    (2)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2009
  19. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    นั่นคือ ถ้าบุคคลนั้นเป็นผู้ที่ระบบวางไว้ ทุกเวลา นาที วินาที เป็นกลไกของระบบทั้งสิ้น

    และคน ๆ นั้น ก็ต้องมีกรรม วิบากกรรม เช่นเดียวกับที่ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว

    เรียกว่า ถ้าไม่ได้เป็นคนของระบบ เขาเหล่านั้น ก็ต้องมีกรรมวิบากกรรม ต้องพบเจอเรื่องนั้น ๆ อยู่แล้ว ตามกลไกของกฏแห่งกรรม กฏของธรรมชาติ กฏของจักรวาล

    แต่ถ้าเป็นคนของระบบ ในขณะที่พบเจอ หรือขณะใช้วิบากเหล่านั้นตามกฏของกรรมของคนนั้น ๆ แต่ก็ได้รับการดูแล ชี้แนะ และสอนให้เข้าใจตามความเป็นจริงของขันธ์ห้า ของกฏของจักรวาลควบคู่กันไปด้วย ความที่มันไม่ได้เป็นตัวใครของใคร มันเป็นเพียงเหตุปัจจัยตามธรรมชาติที่มารวมกัน แล้วปรุงแต่งขึ้นมาเท่านั้น

    ซึ่งพระพุทธองค์ ท่านตรัสรู้แล้ว ท่านเห็นแล้ว ท่านนำมาบอกแล้ว ว่ามันไม่ได้เป็นตัวใครของใคร เป็นธรรมชาติทั้งสิ้น

    เพียงแต่ปัญญามนุษย์ จะเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้น

    น้อยคนนักที่จะเข้าใจได้จริง จะเห็นได้จริงอย่างที่กล่าวไว้

    ถ้าเข้าใจได้จริง เห็นได้จริง ก็จะไม่ไปอุปาทานว่าขันธ์ห้าเป็นตัวเรา สิ่งต่าง ๆ เป็นของ ๆ เรา

    ความทุกข์ก็จะไม่เกิด ความโศกเศร้าโศกา ความร่ำไรรำพันก็จะไม่เกิด ความแห้งใจ ความวิปโยคโศกเศร้าทั้งหลาย ก็จะไม่เกิด

    เพราะไม่มีตัวตนของผู้ที่จะรับทุกข์ที่เกิดขึ้นเหล่านั้น...นั่นเอง

    เมื่อมีตัวเราที่ไหน ทุกข์ที่นั่น

    เพราะทุกข์เกาะได้ที่ตัวเรา


    พระพุทธองค์สอนแค่ 2 อย่างเท่านั้นในอริยสัจ 4

    คือสอนเรื่องทุกข์ กับการดับทุกข์

    ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

    ทุกข์ - ขั้นตอนแรกต้องเห็นก่อนว่า กำลังทุกข์อยู่

    สมุทัย - เมื่อรู้ว่ากำลังทุกข์อยู่ จึงจะหาสาเหตุแห่งความทุกข์ได้ ว่ากำลังทุกข์เรื่องอะไรอยู่ ที่กำลังร้อนรนอยู่นี่ กำลังเสียใจอยู่นี่ มาจากเรื่องอะไร คือหาเหตุแห่งทุกข์ให้เจอ

    นิโรธ - คือความดับทุกข์ ความพ้นจากทุกข์ทั้งปวง


    มรรค - ดังนั้นเมื่อหาสาเหตุของความทุกข์เจอแล้ว ก็ไปดูว่า ทางที่จะดับเหตุแห่งทุกข์ได้นั้น มีอะไรบ้าง คราวนี้ต้องพึ่งพระธรรมคำสั่งสอน ต้องอาศัยมรรคมีองค์ 8 เป็นเครื่องนำทาง จึงจะมีปัญญาดับทุกข์ได้ ไม่ใช่ดับทุกข์ทางโลกชั่วครั้งชั่วคราว แล้วมันก็จะกลับมาทุกข์ใหม่ แต่พระธรรมคำสั่งสอนได้ชี้ทางแห่งการดับทุกข์ไว้ให้แล้ว ดับที่ขันธ์ห้า ดับที่อุปาทานว่าเป็นตัวเราของเรานั่นเอง



    (3)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2009
  20. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ดังนั้น ถ้ารู้ว่า จุดทุ่งหมายที่เป็นแก่น ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ ทรงสั่งสอน ทรงชี้ทางสว่างให้กับเวไนยสัตว์ มีแค่นี้ มีแค่เรื่องของทุกข์ กับการดับทุกข์แค่นี้ มีแค่ให้หลุดพ้นจากอุปาทานขันธ์ห้า ละการยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตนแค่นี้

    มีแค่นี้ ออกแค่นี้ ทำได้เดี๋ยวนี้ ก็หายทุกข์เดี๋ยวนี้

    ไม่ต้องใช้สถานที่ไหน มันอยู่ในขันธ์ห้าของแต่ละท่านเท่านั้น

    ไม่มีใครช่วยใครได้อย่างแท้จริง นอกจากแค่ชี้แนะ อธิบาย ขยายความเท่านั้น

    ที่เหลือนอกนั้น

    ท่านต้องทำของแต่ละท่านเอง

    แม้แต่พระพุทธองค์ ท่านยังช่วยใครให้บรรลุธรรมไม่ได้เลย
    ท่านเป็นเพียงผู้ชี้ทางเท่านั้น

    ถ้าใครเข้าใจ ปฏิบัติตามอย่างถูกต้องตรง ตามแนวทางนั้น ไม่นานก็พ้นทุกข์

    อย่างสมัยพุทธกาล เทศนาธรรมแต่ละครั้ง มีผู้บรรลุธรรม มีผู้มีดวงตาเห็นธรรม มากมาย

    มีทั้งภิกษุ มีทั้งภิกษุณี มีทั้งอุบาสก มีทั้งอุบาสิกา มีทั้งฆารวาสที่มาฟังธรรมในแต่ละครั้ง

    และทุกคน ก็นำขันธ์ห้ามาเป็นเครื่องมือเพื่อเรียน เพื่อรู้ เพื่อละ เท่านั้น มิได้แบกอุปกรณ์อื่น ๆ มาช่วยเลย

    การเรียนรู้ก็ไม่ได้ท่องจำมากมาย ไม่ได้รู้ในพระไตรปิฏกมากมาย หรือบางคนรู้แค่ตัวเองกำลังทุกข์อยู่เท่านั้น ไม่ได้รู้หนังสือ ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้ฟังธรรมะด้วยซ้ำไป

    แล้วทำไม พอมารับฟัง พระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ทรงชี้ให้เห็นเหตุแห่งทุกข์ ทรงชี้แนะทางออกจากทุกข์ คือการละอุปาทานเหล่านั้น

    ผู้ปฏิบัติตามแล้วเกิดเห็นจริง เห็นโทษภัยในวัฏฏสงสาร เห็นว่าเป็นเพราะไปอุปาทานว่าขันธ์ห้าเป็นตัวเรา ความทุกข์นี้จึงเป็นของเราไปด้วย

    พบว่าเหตุแห่งทุกข์ ก็คือความมีตัวเรานั่นเอง

    เมื่อพบเดี๋ยวนั้น ละเดี๋ยวนั้น ก็บรรลุธรรมเดี๋ยวนั้น ณ ที่นั้น

    จึงมีผู้บรรลุธรรมมากมาย ในสมัยพุทธกาล


    (4)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2009
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...