คชสีห์๙บารมี๙บารมี๙แผ่นดินหลวงปู่หมุนเสก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 30 สิงหาคม 2010.

  1. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,981
    ค่าพลัง:
    +5,390
    ได้โอนเงิน ๘๕๐ บาท เมี่อ ๒ กย. เวลาประมาณ๑๐.๓๖ น. เป็นค่าพระ ๑.เหรียญรุ่นแรก ลป.ปรงพิมพ์นั่งปืน
    ที่อยู่ ดูในpmครับ
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้จัดส่ง

    EK 2079 1144 9 TH จรเข้บัว

    EK 2079 1145 2 TH ฉะเชิงเทรา

    EK 2079 1146 6 TH ลาดกระบัง

    EK 2079 1147 0 TH ฉะเชิงเทรา

    Track And Trace : EMS : Thailand Post : Grasshopper

    ขอบคุณครับ
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    รูปหลวงปู่หนู ฉินนกาโม วัดทุ่งแหลม และพระบูชาหลวงปู่หนู
    รูปหลวงปู่หนู ฉินนกาโม วัดทุ่งแหลม และพระบูชาหลวงปู่หนู

    “เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ฉบับประจำวันเสาร์ที่ ๒๒ สิงหาคมนี้ ขอนำท่านผู้อ่านพบกับ หลวงปู่หนู ฉินนกาโม เจ้าตำรับหนุมานเชิญธงแห่งเมืองโอ่ง เหรียญของท่านมีพุทธคุณสูงเป็นที่เล่าขานกันปากต่อปากมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพันชาตรี และสยบ “ระเบิด”

    ประวัติหลวงปู่หนู ฉินนะกาโม วัดทุ่งแหลม
    หลวงปู่หนู ฉินนกาโม มีนามเดิมว่า หนู เจริญวิทยา เกิดเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘ ที่ หมู่ ๕ ต.หนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โยมบิดาชื่อนายฮง มารดาชื่อนางบาง จบชั้นประถมปีที่ ๔ โรงเรียนวัดหนองโพ แล้วช่วยบิดา-มารดาทำงานทางบ้าน จากนั้นได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดหนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้ นักธรรมโท ขณะบวชเป็นสามเณร ท่านได้สนใจศึกษาวิชาทางไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถาพุทธาคมต่าง ๆ จึงไปเรียนกับ หลวงพ่อหลาบ วัดเนินตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จนเชี่ยวชาญจากนั้นได้ไปเรียนกับ หลวงพ่อหลุง วัดทุ่งสมอ อีก ๓ ปี กระทั่งอายุครบบวชในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ จึงทำการอุปสมบทที่วัดใหม่เจริญผล โดยมี หลวงพ่อปลิว เป็นพระอุปัชฌาย์แล้วไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์วัดเขาคร้อ หนึ่งพรรษาจึงไปเรียนวิชาพุทธาคม และวิปัสสนากับ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน จ.สุพรรณบุรี

    จากนั้นได้ไปเรียนวิชากับ หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง และหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม ซึ่งระหว่างเรียนวิชากับ “หลวงพ่อแช่ม” นั้นท่านได้พบกับศิษย์อีกคนหนึ่งของหลวงพ่อแช่มที่มาเรียนด้วย คือ หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จ.นครปฐม จากนั้นจึงไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์วัดเขาคร้อ จนคณะสงฆ์เห็นในศีลาจารวัตรของท่านเหมาะสมจึงนิมนต์ให้ท่านไปเป็นเจ้าอาวาสวัดกระต่ายเต้น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี แต่อยู่ได้ไม่นานเกิดความเบื่อหน่ายกับการบริหารจัดการวัดร่วมกับกรรมการจึงขอลาสิกขาออกไปใช้ชีวิตฆราวาสอยู่ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ซึ่งระหว่างเป็นฆราวาสอยู่นั้นก็ยังคงปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ต่อมาเมื่อถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๒ ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง ณ วัดกุฎบางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี โดยมีพระครูเกษมสุตคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาเปรย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฉินนกาโม” และไปจำพรรษาปฏิบัติธรรม ณ วัดไทยธรรมาราม อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ๕ พรรษาจึงกลับมาวัดกุฎบางเค็ม ชาวบ้านทุ่งแหลม เลื่อมใสในศีลาจารวัตรจึงนิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่วัดทุ่งแหลม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยได้ทำการพัฒนาวัดทุ่งแหลมจนเจริญก้าวหน้าเป็นลำดับมา

    ระหว่างอยู่วัดทุ่งแหลมนี้เองมีประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาก ท่านจึงได้สร้างมงคลวัตถุออกแจกจ่ายแก่ประชาชน และศิษยานุศิษย์มากมายหลายรุ่น ซึ่งก็มีประสบการณ์มากมาย จวบจนกระทั่งถึงวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙ ท่านจึงละสังขารมรณภาพอย่างสงบ คงทิ้งไว้แต่อนุสรณ์แห่งความดีงามและมงคลวัตถุตลอดจนสังขารที่ไม่เน่าเปื่อย ซึ่งทางวัดได้ใส่หีบแก้วไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจแก่ศิษยานุศิษย์ผู้เลื่อมใส ศรัทธาต่อไป

    เหรียญหลวงปู่หนู ฉินนกาโม วัดทุ่งแหลม รุ่นสุดท้าย,รุ่นแจกแม่ครัว และรุ่นคทาไขว้
    เหรียญหลวงปู่หนู ฉินนกาโม วัดทุ่งแหลม รุ่นสุดท้าย,รุ่นแจกแม่ครัว และรุ่นคทาไขว้

    เหรียญของหลวงปู่ที่เล่นหากันในราคาสูงมีอยู่ไม่กี่รุ่น ส่วนมากจะเป็นรุ่นแรก ๆ ส่วนรุ่นหลัง ๆ จะไม่ค่อยแพง พระเครื่องของท่านจึงถือว่าเป็นของดีราคาถูกเพราะส่วนมากจะทันท่านเสกหมด ปัจจุบันยังพอหาได้ นอกจากมงคลวัตถุของท่านจะศักดิ์สิทธิ์มีประสบการณ์มากมายแล้ว ตัวท่านยังมีชื่อเสียงในด้านการสักอักขระเลขยันต์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทหารแถบกาญจนบุรีและราชบุรี เมื่อสมัย ๓๐-๔๐ ปีที่แล้ว ล้วนเป็นศิษย์หลวงปู่หนูมากมาย โดยเฉพาะยันต์หนุมานเชิญธงถือว่าหลวงปู่เป็นเจ้าตำรับ หลังจากสิ้นหลวงปู่หนูแล้ว พระครูดัด เจ้าอาวาสรูปต่อมาท่านได้รับวิชานี้ไว้ แต่ไม่ได้ลงมือสักเอง ได้ให้ฆราวาสท่านหนึ่งเป็นผู้ลงเข็มสักให้ ส่วนท่านจะเป่าครอบเอง ต่อมาอาจารย์ฆราวาสท่านนั้นก็ได้วางเข็มไปในที่สุด

    เหรียญหลวงปู่หนู รุ่นแรก วัดทุ่งแหลม
    เหรียญหลวงปู่หนู รุ่นแรก วัดทุ่งแหลม

    ในส่วนของประสบการณ์จากมงคลวัตถุของท่านที่ได้รับการกล่าวขานอย่างมากและร่ำลือกันมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างที่บอกแต่ต้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องแคล้วคลาดจากภยันตรายภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง และคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะประสบการณ์ด้านระเบิด “ระเบิด” นับเป็นอาวุธร้ายแรงที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูงกว่าอาวุธชนิดใด ๆ เพราะฤทธิ์เดชของมันสามารถสร้างความเสียหายให้กับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในวง กว้าง แม้แต่ชีวิตผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็แหลกเหลวราพณาสูรได้ด้วยอานุภาพ ของมัน แต่แม้ฤทธิ์เดชของระเบิดจะร้ายแรงปานใด บางครั้งก็ไม่อาจสามารถทำอันตรายใด ๆ ต่อผู้ที่มี “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ได้ ซึ่ง ก็มีให้เห็นอยู่เสมอ นับเป็นเรื่อง “เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง อย่างเช่น เมื่อปี พ.ศ. 2524 มีครอบครัวของอาสาสมัคร รายหนึ่งคือ นายกู้เกียรติ บัวบาน ครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 ชีวิตประกอบด้วย นายกู้เกียรติ ผู้เป็นสามีพร้อมทั้งภรรยา และบุตรชายอีก 2 คน ชื่อ ด.ช.สมเกียรติ และ ด.ช.เกียรติยศ มีบ้านพักอาศัยอยู่ที่ หมู่บ้านมะขามเอน ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

    นายกู้เกียรติ ปกติมีอาชีพทำไร่และเป็นอาสาสมัครของรัฐบาล มีหน้าที่คอยคุ้มครองหมู่บ้านจึงได้รับแจกอาวุธที่ใช้ในราชการสงคราม ซึ่งมีทั้ง ปืน และ ระเบิดสังหาร ไว้ใช้สำหรับการปฏิบัติงานตามหน้าที่ เนื่องจากที่ อ.สวนผึ้ง ในสมัยนั้น มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุมมาก ซึ่งอาวุธเหล่านี้ยามเมื่อไม่ได้ใช้งานก็จะเก็บไว้ที่บ้านตลอดเวลา ในวันเกิดเหตุอันเป็นที่มาของเรื่องนี้ตรงกับวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ นายกู้เกียรติ และภรรยาได้ไปทำบุญที่ วัดทุ่งแหลม ตั้งแต่เช้าโดยปล่อยให้บุตรชายทั้งสองทำหน้าที่เฝ้าบ้านกระทั่งเวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น. ผู้คนที่มาทำบุญในวัดต่างได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังสนั่นขึ้นเพราะวัดทุ่งแหลมอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน

    ครู่ต่อมาก็มีคนขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วยสีหน้าตื่น ๆ พร้อมร้องบอกนายกู้เกียรติ ว่าที่บ้านเกิดระเบิดขึ้นและเห็นลูกชายของนายกู้เกียรตินอนจมกองเลือดทั้งสองคน ได้ยินเช่นนั้นนายกู้เกียรติและภรรยารีบซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ของผู้ที่มาบอก ข่าวตะบึงกลับบ้านทันที เมื่อถึงบ้านจึงได้เห็นสภาพของลูกชายทั้งสอง ที่ทำให้ทั้งนายกู้เกียรติและภรรยา แทบจะเป็นลม เพราะเด็กชายทั้งสองสลบไม่ได้สติจากแรงระเบิด นายกู้เกียรติ รีบนำบุตรชายขึ้นรถไปโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งพอหมอและพยาบาลของโรงพยาบาลเห็นสภาพลูกชายทั้งสองของนายกู้เกียรติแล้ว กลับไม่ยอมรับตัวไว้รักษาเพราะเกรงจะช่วยเด็กไม่ได้ เนื่องจากมีเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อมที่จะรักษานั่นเอง จึงแนะนำให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมืองจังหวัดราชบุรี

    นายกู้เกียรติ ไม่รอช้ารีบบึ่งไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดราชบุรี ซึ่งพอไปถึงหมอรีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเป็นขณะที่เด็กทั้งสองเริ่มรู้สึกตัว แล้วแต่ยังคงร้องโอดโอยอย่างคนที่อยู่ในอาการเจ็บปวดเพราะพิษสะเก็ดระเบิด ที่ฝังอยู่ตามร่างกาย เพราะหลายคนที่เห็นสภาพของเด็กแล้วต่างระบุว่า อาการของเด็กคงหนักมากและอาจไม่รอดชีวิตด้วยซ้ำ แต่หลังจากหมอได้ทำการชำระล้างบาดแผล เพื่อหาสะเก็ดระเบิด ปรากฏว่ามีสะเก็ดระเบิดตามร่างกายน้อยมาก สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก และหลังจากนำสะเก็ดระเบิดออกพร้อมใส่ยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กทั้งคู่ก็แทบจะไม่มีอาการอย่างใดเลย มีอาการเจ็บปวดก็เพราะบาดแผลระบมเท่านั้นเอง หมอจึงอนุญาตให้นำเด็กกลับบ้านได้ หลังจากกลับถึงบ้านและได้นอนพักเป็นเวลาเกือบค่อนวัน เด็กทั้งคู่จึงบอกเล่าเหตุการณ์ให้นายกู้เกียรติ ผู้พ่อฟังว่า นำลูกระเบิดมาแกะเล่นจึงทำให้เกิดระเบิดขึ้น และแรงระเบิดก็ทำความเสียหายให้ตัวบ้านไม่น้อย แต่เด็กทั้งคู่กลับมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเหตุกลับเป็นเช่นนี้นายกู้เกียรติ จึงเชื่อว่าเป็นเพราะ “พุทธบารมี” ของ “เหรียญหลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม” อย่างแน่นอน เพราะทั้งคู่ต่างแขวนคอไว้คนละเหรียญ.

    อาราธนานัง-รายงาน
    ที่มาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=502&contentId=15483

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความที่มาข้อมูลอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนหลังหนุมานชักธง หลวงปู๋หนูวัดทุ่งแหลม ราชบุรี
    (ปิดรายการ)

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2013
  4. ครุฑยุดนาค

    ครุฑยุดนาค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,914
    ค่าพลัง:
    +7,212
    จองรายการนี้ครับ............................
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    ข้อมูลประวัติ หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร วัดวังหว้า จ.ระยอง

    "ท่านพ่อคร่ำ" ตามทีชาวบ้านย่านชายฝั่งทะเลตะวันออก เรียกขานกันนั้นท่านเป็นพระคณาจารย์ที่ได้รับความเคารพศรัทธาอย่างสูงจากสาธุชนทั่วๆ ไปมานานเต็มทีแล้ว และยังเป็นท่านพ่อของบรรดาชาวเรือตังเกในย่านนี้ด้วยบางท่านที่เข้าถึงกระแสแห่งรสพระธรรม เชื่อกันว่าหลวงปู่เป็นผู้ที่ล่วงพ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวง

    หลวงปู่คร่ำ หรือ พระครูสุตพลวิจิตร มีนามว่า คร่ำ อรัญวงศ์ เกิดที่บ้านตำบลวังหว้า อ.แกลง เมื่อวันพุธ แรม 10 ค่ำเดือน 11 ปีระกา ตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2440 โยมบิดา ชื่อครวญ โยมมารดาชื่อ ต้อย ท่านเป็นบุตรคนโตในจำนวน พี่น้องทั้งหมด 4 คน หลวงปู่เป็นชาวเมืองแกลงโดยกำเนิด ซึ่งบรรพบุรุษได้ตั้งรกรากอยู่ที่บ้านวังหว้ามานานหลายชั่วอายุคน ครอบครัวของท่านประกอบอาชีพในทางกสิกรรมเฉกเช่นเดียวกับประชากรส่วนใหญ่ในชนบทที่ไม่ทำสวนก็ทำนาเป็นหลักคือ การทำสวนพริกไทย อันเป็นอาชีพหนึ่งที่ทำกันแพร่หลายไม่แพ้ในเขตจังหวัดจันทบุรี เมื่อวัยเจริญขึ้นควรที่จะได้รับการศึกษา โยมบิดามารดา ได้พาไปฝากให้เล่าเรียนหนังสือ กับท่านเจ้าอาวาสวัดวังหว้า ซึ่งเวลานั้นหลวงปู่มีอายุราว 11-12 ปี เล่าเรียนและปรนนิบัติรับใช้อาจารย์อยู่ประมาณปีเศษจึงย้ายมาเรียนหนังสือที่วัดพลงช้างเผือกและพำนักอยู่ที่นั่น จนอายุได้ราว 15 ปีก็กลับมาบ้าน เพื่อช่วยเหลือเป็นกำลังของครอบครัวในการทำสวนพริกไทย แต่แล้วในปีนั้นเองได้เกิดอาเพทขึ้นบรรดาสวนพริกไทยในละแวกนั้น เกิดเหี่ยวเฉาตายเรียบทุกสวนสร้างความเดือดร้อนกันทั่วทุกครัวเรือนจนทำให้ทางบ้านของท่านเลิกการทำสวนพริกไทยหันไปประกอบอาชีพอื่นตั้งแต่นั้นกระทั่งหลวงปู่อายุครบ 20 ปี จึงคิดที่จะบวชเพื่อทดแทนพระคุณ อันเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาช้านานของชายไทยทั่วๆ ไปที่นับถือพระพุทธศาสนา คนที่ยังไม่เคยบวชเรียน สังคม ชาวบ้านถือกันว่าเป็นคนดิบ ชนบทบางพื้นที่มีคำเรียกอันเป็นการแยกสถานภาพ ระหว่างผู้ที่ผ่านการบวชเรียนแล้ว กับผู้ที่ยังไม่ใด้บวช เช่นคำว่า ทิด ซึ่งมาจากคำว่า บัณฑิต แปลว่า ผู้มีปัญญา หรือนักปราชญ์ คำเรียกดังกล่าวนี้แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น ทางภาคเหนือและอีสานก็มีเช่นกัน

    พอถึงวันจันทร์แรม 14 ค่ำเดือน 7 ปีมะเส็ง จ.ศ. 1279 ตรงกับวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2460 จึงได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีพระครูสังฆการบูรพาทิพย์ (ปั้น) วัดทะเลน้อย เป็นพระอุปัชฌาย์พระอาจารย์เผือกวัดวังหว้า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้นามฉายาว่า ยโสธโร หลวงปู่ได้ปฏิบัติเหมือนกับพระนวกะทั่วๆ ไป และตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้ประโยคนักธรรมโท กับค้นคว้าตำรับตำราวิชาการต่างๆ จากนั้นจึงเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนพระกรรมฐานและวิทยาคุณจากหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง หรือวัดเขาชากโดนซึ่งเชี่ยวชาญในด้านสมถะและวิปัสสนากรรมญานเป็นพระอาจารย์
    บอกกรรมฐาน มีจิตตานุภาพและวิทยาคมขลัง เป็นที่เลื่องลือมากในสมัยนั้น หลังจากได้ฝากตนเป็นศิษย์แล้วก็ตั้งหน้าศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจัง จนบังเกิดความเชื่อมั่นในตนเองกับวิชาที่เรียนและเป็นที่พอใจของผู้เป็นอาจารย์

    ท่านจึงกราบลาพระอาจารย์ ออกจาริกธุดงค์เพื่อเป็นการทดสอบกำลังใจและฝึกฝนจิตให้เกิดสมาธิเข้าสู่วิปัสสนาญาณต่อไปได้เดินธุดงค์เพียรปฏิบัติอยู่เป็นเวลาพอสมควรจึงกลับสู่วัดวังหว้า นับตั้งแต่หลวงปู่คร่ำอุปสมบท ในเพศบรรพชิตสืบทอดหลักพระธรรมคำสอนขององค์พระบรมศาสดาถึงขณะนี้ได้ 76 ปี แล้ว ได้ใช้พระธรรมคำสอนอบรมบรรดาลัทธิหาริกและสาธุชนผู้มีใจฝักใฝ่ในธรรมให้ยึดมั่นถือมั่นในหลักคุณธรรมแห่งความดี ตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่ ได้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ก็ปฏิบัติตนเป็นผู้สำรวมในศีลอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่เหล่าบรรดาศิษย์ จะได้จดจำและปฏิบัติตนตามเยี่ยงของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นครูบาจารย์ในส่วนที่ดี ด้านลูกศิษย์ของท่านมีมากมายหลายอาชีพ ตั้งแต่ข้าราชการระดับบริหารเศรษฐีตลอดจน กระทั่งผู้ใช้แรงงาน แต่ท่านก็ให้ความเมตตาโดยเสมอภาคกัน มิได้มีการแยกหรือแบ่งชั้นวรรณะซึ่งก็ได้สร้างปิติและศรัทธาต่อบรรดาสาธุชนเหล่านั้น ที่มีอยู่ทุกภาคของประเทศ

    เมื่อราวปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2536 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมเมื่อมีกระทรวงใหม่เกิดก็ย่อมจะต้องมีเจ้ากระทรวงหรือรัฐมนตรีว่าการ บรรดา ส.ส.ผู้ทรงเกียรติต่างก็หมายมั่นปั้นมือเพื่อจะได้เป็นเสนาบดีกันสักครั้งหนึ่ง และก่อนหน้าที่จะมีการประกาศรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานไม่กี่วัน นายเสริมศักดิ์ การุณ ส.ส.ระยอง กับ นายไพฑูรย์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร ได้พากันไปกราบหลวงปู่คร่ำให้หลวงปู่เจิมหน้าผาก รดน้ำมนต์ เป่ากระหม่อมให้หลังจากนั้นไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ไทยรัฐ พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเลยว่า "มนต์ หลวงปู่เฮี้ยน..." ปรากฏว่าท่าน ส.ส. ทั้งคู่ได้เป็นรัฐมนตรีเรียบร้อย

    จนกระทั่งมาอีกครั้งหนึ่งก็การแต่งตั้งอธิบดีตำรวจที่ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ กระเด้งกระดอนออกมาจากมติ กตร. 2 ระรอกแล้ว ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการลงมติกันอีกครั้งวัดวังหว้าก็ปรากฏกายของท่าน พล.ต.อ. ประทินว่าที่อธิบดีตำรวจ เพื่อขอให้หลวงปู่คร่ำรอดน้ำมนต์ และเป่ากระหม่อมให้ เมื่อผลการแต่งตั้งออกมา ชื่อของ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพคือนัมเบอร์วันของกรมตำรวจจริงๆ ชื่อของลป.คร่ำ ก็ยิ่งตอกย้ำถึงบุญบารมี เพราะความศักดิ์สิทธิ์อย่างเหลือเชื่อ

    ลป.คร่ำท่านเป็นพระที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตาอย่างไร้ขอบเขตจริงๆ ใครไปกราบไหว้ท่าน ท่านก็เมตตาเป่าหัวให้ ทำให้สารพัดผู้ที่ไปกราบท่านมีแต่ความปลื้มปิติซาบซึ้งในความเมตตาของหลวงปู่เป็นทวีคูณ ปัจจุบันนี้ด้วยวัยกว่า 97 ปีของหลวงปู่ จึงทำให้การต้อนรับหรือการเข้าไปพบท่าน ค่อนข้างจะต่างจากในอดีตเพราะสังขารท่านนั้นย่อมต้องการพักผ่อนก่อน แม้ว่าคนรอบข้างบอกว่าเดี๋ยว หลวงปู่เหนื่อยๆ แต่หลวงปู่ก็ยังเสมอภาคกับทุกคน

    ในด้านวัตถุมงคลของลป.คร่ำนั้นก็มีสร้างกันมาร่วม 30 ปีแล้ว สุดท้ายนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านได้ไปกราบไหว้ลป.คร่ำ วัดวังหว้า สุดยอดมหาเมตตาบารมีแห่งยุค เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ท่านและครอบครัว เทพเจ้าของชาวระยอง

    หลวงปู่คร่ำ ท่านมีอายุ ๑๐๐ ปีบริบูรณ์เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๔๐ พรรษา ๘๐ นับเป็นพระเถระที่มีพรรษาสูงสุดของเมืองไทย

    ต่อมาเนื่องจากหลวงปู่อายุมาก แต่หลวงปู่ยังปฏิบัติกิจนิมนต์ต่างๆตลอดมา ต้อนรับสาธุชนจากสารทิศทุกวัน แม้บางวันจะเหน็ดเหนื่อยจนลุกแทบไม่ได้ แต่เมื่อมีผู้คนมาคอยพบมากมายหลวงปู่จะพยายามลุกขึ้นลำให้ศิษย์ประคองออกมาประพรมน้ำมนต์แก่ผู้มากราบไหว้บูชาจนร่างกายเสื่อมโทรมแพทย์ประจำตัวต้องคอยปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด ในที่สุดกรรมการวัดและศิษย์ผู้ใกล้ชิด มีความเห็นร่วมกันว่าควรให้พักผ่อนให้มาก จึงได้นำไปบำบัดโรคพยาธิในโรงพยาบาล เพื่อพักฟื้นหลายครั้งแต่หลวงปู่จะพักในโรงพยาบาลไม่นาน รบเร้าต่อแพทย์และผู้ใกล้ชิดให้ส่งกลับวัดตลอดเวลา จึงไปๆมาๆระหว่างวัดและโรงพยาบาลโดยตลอด ในที่สุดแพทย์จากดโรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา ตรวจพบว่าหลวงปู่มีเนื้อร้ายที่ลำคอจึงได้นิมนต์ให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา โดยไม่คิดค่ารักษาแต่ประการใด ตลอดระยะเวลาหลายเดือน

    มรณภาพในที่สุดแห่งชีวิตที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ หลวงปู่ได้ละสังขารถึงแก่มรณภาพ
    ในวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๐ เวลาประมาณ ๑๔ นาฬิกา ด้วยอาการสงบ ณ. โรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา ท่ามกลางความเศร้าโศกอาลัยของสานุศิษย์และสาธุชนทั่วประเทศนับล้านคนที่ได้ทราบข่าวต่างหลั่งไหลมากราบไหว้ เคารพศพที่วัดวังหว้าตลอดเวลา ๑๕ วัน ที่บำเพ็ญกุศลนับเป็นบุญญาบารมีของหลวงปู่โดยแท้

    พระสมเด็จหลวงปู่คร่ำ มี 2 องค์ครับ

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    องค์ที่1

    [​IMG]

    [​IMG]

    องค์ที่2

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    รูปหลวงพ่อตัด ปวโร วัดชายนา
    รูปหลวงพ่อตัด ปวโร วัดชายนา

    ประวัติหลวงพ่อตัด ปวโร "พระพุทธวิริยากร" วัดชายนา
    พระพุทธวิริยากร หรือ หลวงพ่อตัด ปวโร เป็นเจ้าอาวาส วัดชายนา หมู่ที่ 2 บ้านใน ต.หนองจอก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี หลวงพ่อตัด วัดชายนา อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี อายุ 78 ปี พรรษา 58 ท่านโด่งดังมานานไม่ว่าจะเป็น ตะกรุดหลวงพ่อตัด หรือปลัดขิกหลวงพ่อตัด ท่านเป็นพระที่ชอบเรียนวิชาอาคมมาก สนใจตั้งแต่ยังหนุ่ม ท่านบอกว่า "สมัยก่อน ปี 2496 เอาหมด เอาทุกอย่างที่ไหนเขาว่าดีไปหมด ในกระจิวนี้ไปขอเรียนมาหมด..." พูดง่ายๆว่าตำราเก่าๆในจังหวัดเพชรบุรีนี้ท่านเรียนมาหมด หลวงพ่อตัด ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเฉพาะวัตถุมงคล ตะกรุดเนื้อตะกั่ว ที่มากด้วยพุทธคุณและประสบการณ์ หลวงพ่อตัด ปวโร เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดเพชรบุรี มีประชาชนให้ความเคารพนับถือมาก แต่ด้วยความที่ท่านไม่เคยอวดตัว ไม่ยอมให้สัมภาษณ์หรือนำเสนอเรื่องราวประวัติของท่านหรือวัตถุมงคลไปลง หนังสือหรือรายการโทรทัศน์ใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ไม่สามารถสืบค้นประวัติในช่วงวัยเยาว์ได้อย่างละเอียด ทราบแต่เพียงว่าตาม ประวัติหลวงพ่อตัด ท่านบวชมาตั้งแต่เป็นสามเณร จนกระทั่งอุปสมบท

    หลังอุปสมบทได้ฝึกปฏิบัติธรรม และได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคม กล่าวได้ว่าตำราเก่าๆ ในจังหวัดเพชรบุรี ท่านศึกษาผ่านตาทั้งสิ้น เช่น เรียนวิชาการทำตะกรุด จากหลวงพ่อทอง วัดเขากระจิว และเรียนตำราของหลวงพ่อกริช ที่ตกทอดมาซึ่งเป็นพระยุคเก่าเป็นอาจารย์สายหลวงพ่อกุน วัดพระนอน เรียนทำปลัดขิก ซึ่งเป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง จากหลวงพ่อชุ่ม วัดกุฏิบางเค็ม ซึ่งมีเคล็ดลับว่า "ให้ใช้ไม้ผูกคอตาย ทำถึงจะดี" และท่านยังได้เดินทางไปต่อวิชากับหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง รวมทั้งอีกหลายอาจารย์ ท่านเป็นพระที่ใฝ่หาความรู้วิชาอาคมต่างๆ อย่างจริงจัง

    หลวงพ่อตัด เป็นคนพูดตรงๆ เหมือนคนไทยสมัยก่อน ผู้ที่เคยเข้าไปหาหลวงพ่อครั้งแรกจะตกใจ เนื่องจากหลวงพ่อเป็นคนพูดตรง ทำให้มองภาพลักษณ์ท่านเป็นคนดุ แต่ใจดี พูดคำไหนคำนั้น ไม่ชอบคนเซ้าซี้วกวน อยากได้อะไรบอกท่านไปตรงๆ ได้ คือได้ ไม่ได้ คือ ไม่ได้ หลวงพ่อตัด ท่านไม่ใช่พระพูดหวานหู แต่ค่อนข้างโผงผาง ออกจะเหมือนเล่นตัว แต่ถ้าคุ้นเคยจะทราบดีว่าท่านใจดี คุยได้ทุกเรื่อง แต่อย่าคุยเรื่องของที่ท่านทำว่าวิเศษอย่างไร ดีอย่างไร ท่านไม่ตอบ หลวงพ่อตัด ท่านมักจะพูดแต่ว่า "มาทำไม กูไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อะไร พระบ้านนอก ไม่มีอะไร" ครั้งหนึ่ง มีลูกศิษย์จากกรุงเทพฯ เดินทางไปหาท่าน เข้าไปกราบ ท่านถามว่า "มาจากไหน" ลูกศิษย์ บอกว่า "มาจากกรุงเทพฯ จะมากราบท่าน" หลวงพ่อตัดท่านตอบไปว่า "ที่กรุงเทพฯ ไม่มีพระหรือวะ ถึงมาถึงนี่ กราบทำไม กูไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อะไร" บางครั้งก็มีลูกศิษย์ให้ท่านช่วยรดน้ำมนต์ให้ "หลวงพ่อช่วยรดน้ำมนต์ให้หน่อย" หลวงพ่อตัด บอกทันทีว่า "รดทำไม พื้นเปียกหมด" แต่สุดท้าย ท่านก็รดน้ำมนต์ให้ ดังมีแม่ค้าจำนวนมากมาหาหลวงพ่อตัด เพื่อขอ วัตถุมงคลหลวงพ่อตัด วัดชายนาไปเก็บไว้เพื่อให้ค้าขายดี หลวงพ่อตัด กลับบอกว่า "กูไม่มี ถ้าต้องการขายดี ก็ต้องขายให้ราคาถูก" ท่านจะพูดในทำนองนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะโดนหลวงพ่อดุ แต่คนเหล่านั้น ล้วนต้องกลับมาหาหลวงพ่ออีก เพราะหลวงพ่อใจดี ถึงบางครั้งจะพูดจาดุด่าบ้าง แต่ก็เป็นการพูดตักเตือนตามความเป็นจริง

    หลวงพ่อตัด ปวโร วัดชายนา จ.เพชรบุรี
    หลวงพ่อตัด ปวโร วัดชายนา จ.เพชรบุรี

    สำหรับวัตถุมงคล พระเครื่องหลวงพ่อตัด วัดชายนา มีชื่อเสียงด้านเมตตามหานิยม วัตถุมงคลที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ตะกรุดและปลัดขิกผูกคอตาย โดยเฉพาะ ตะกรุดหลวงพ่อตัด วัดชายนา จะโด่งดังมากในทางคงกระพันชาตรี ส่วนปลัดขิกหลวงพ่อตัด ก็ไม่ธรรมดาเมตามหาเสน่ห์ดีเยี่ยม ทำให้หลวงพ่อมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย เคยมีลูกศิษย์เรียนถามท่านว่า "ตะกรุดหลวงพ่อตัด มีข้อห้ามอะไรบ้าง" ท่านบอกว่า "พ่อแม่ คือ พระ อย่าด่าว่าพ่อแม่ ทั้งของเราแล้วของคนอื่นเค้า ถือศีล 5 ไว้ ของจะดีเพราะคนมันดี"

    ลูกศิษย์เรียนถามท่านว่าแขวน ตะกรุดหลวงพ่อตัด "ลอดราวผ้า เสื่อมหรือเปล่า" ท่านบอกว่า "ตะกั่วมันก็เป็นตะกั่ว ตะกรุดก็คือตะกรุด ไม่มีเสื่อม ไม่ได้ห้าม ของดีอยู่ที่ใจคนใช้มันดี ใจมันไม่ดี ของก็ไม่ดี" ผู้ที่เลื่อมใสท่าน เข้าไปหาท่านที่วัดชายนา ท่านจะนำตะกรุดมาแจกทั้งสิ้น ถ้าท่านไม่อยู่ จะมีลูกศิษย์คอยนั่งแจกทั้งวัน ในส่วนวัตถุมงคลที่อยู่ในตู้ให้ทำบุญ หลวงพ่อจะสร้างวัตถุมงคล เพื่อนำปัจจัยที่ได้มาซ่อมแซมบูรณะโบสถ์ ซึ่งมีพระกริ่ง พระผง รูปเหมือนและเหรียญ มีประชาชนไปบูชาทำบุญกับท่านไม่ได้ขาด แต่พอปัจจัยที่ได้ในการบูรณะโบสถ์เพียงพอแล้ว หลวงพ่อท่านจะสั่งปิดตู้งดบูชาทันที

    ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2551 เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา หลวงพ่อตัด ได้รับโปรดเกล้าฯพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์จาก พระครูบวรกิจโกศล เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระพุทธวิริยากร แม้ด้วยวัยใกล้ 80 ปีแล้ว แต่หลวงพ่อตัด มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ทว่าในช่วงเช้าวันที่ 3 พฤษภาคม 2552 หลวงพ่อได้ออกเดินตรวจความเรียบร้อยรอบวัดเหมือนปกติ กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. พระในวัดได้ยินหลวงพ่อบอกว่าแน่นหน้าอก จุกแน่นตั้งแต่ช่วงท้องไปจนถึงหน้าอก หายใจไม่ออก คณะลูกศิษย์ จึงได้นำหลวงพ่อตัดไปโรงพยาบาลท่ายาง อ.ท่ายาง แต่ไม่ทันการณ์ ด้วยหลวงพ่อตัด สิ้นลมหายใจและมรณภาพลง ในเวลา 07.37 น. คณะแพทย์ระบุเบื้องต้นเกิดจากอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

    หลวงพ่อตัด ปวโร วัดชายนา จ.เพชรบุรี มรณภาพลง ในวัย 78 ปี พรรษา 58
    หลวงพ่อตัด วัดชายนา มรณภาพแล้ว

    วงการพระเครื่องวัตถุมงคลและพุทธศาสนิกชนเมืองเพชรบุรี ได้ถึงวาระกาลสูญเสียพระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกรูป ด้วย "หลวงพ่อตัด ปวโร" แห่งวัดชายนา จ.เพชรบุรี มรณภาพลง ในวัย 78 ปี พรรษา 58 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2552 หลังจากเกิดอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออกอย่างกะทันหัน พระลูกวัดและคณะศิษย์ รีบนำเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลท่ายาง แต่ไม่ทันการณ์ หลวงพ่อตัดได้มรณภาพลงระหว่างทาง

    คณะแพทย์ลงความเห็นว่า หลวงพ่อตัด วัดชายนา มรณภาพแล้ว ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว และได้นำศพหลวงพ่อตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดชายนา สร้างความเศร้าสลดอาลัยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 เวลา 13.00 น. คณะกรรมการวัด ได้เคลื่อนย้ายศพ พระพุทธวิริยากร หรือหลวงพ่อตัด ตั้งบำเพ็ญกุศล ณ ศาลาการเปรียญของวัด เพื่อประกอบพิธีรดน้ำศพหลวงพ่อ โดยมีพระเถรานุเถระและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัด เดินทางมาร่วมรดน้ำศพเป็นจำนวนมาก ส่วนเวลา 17.00 น. นายชาย พานิชพรพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ

    นอกจากนี้ หลวงพ่อตัด วัดชายนา ได้เขียนห้ามมิให้นำร่างออกหาทุน มีข้อความว่า "ศพของเรา ห้ามฎีกา ออกหาทุน เกณฑ์ชาวบ้าน มารวมหุ้น ให้วุ่นวาย มีเท่าไร ทำเท่านั้น ตามสบาย ไม่มีข้อควรละอายอย่างไร"

    สำหรับศพหลวงพ่อตัด ตั้งสวดพระอภิธรรมศพเพียงแค่ 7 วัน ตามความประสงค์ของหลวงพ่อตัด ที่ได้สั่งเสียไว้ก่อนมรณภาพ ทั้งนี้ จะมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพไปจนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2552 และประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ เวลา 16.00 น. วันที่ 10 พฤษภาคม 2552 ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับวงการสงฆ์เมืองเพชรบุรี ที่มา...ข่าวสด คอลัมน์ มงคลข่าวสด

    พระผงรูปเหมือนรุ่นแรกหลวงพ่อตัดวัดชายนา

    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เหรียญทวิภาคี ย้อนยุค หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อคล้าย วัดพนมรอก

    เหรียญดีพิธีใหญ่ครับรวบรวมศิษย์สายหลวงพ่อเดิมหลวงพ่อคล้ายมาเสกครับ

    ทั้งหลวงพ่อโอด วัดจันเสน หลวงพ่อโอน วัดโคกเดื่อ หลวงพ่อน้อย วัดหนองโพ หลวงพ่อ

    ฮวด วัดหัวถนนใต้ และสายหลวงพ่อเดิมอีกหลายท่านครับ เหรียญสวยเดิมๆผิวไฟ

    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระสมเด็จเจ้าคุณสนิท วัดศีลขัณ อ่างทอง ศิษย์น้องท่านเจ้าคุณนร วัดเทพศิรินทร์ ครับ

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    รูปหล่อบูชาหลวงปู่มัง วัดเทพกุญชรวราราม ลพบุรีรุ่นมณฑป หน้าตัก ๕ นิ้ว

    พระป่ากรรมฐานสายท่านเจ้าคุณอุบาลี หลวงปู่อ่ำ และหลวงปู่มั่น ภูริทัตเถระ

    ให้บูชา 2000 บาทครับพร้อมจัดส่งครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2013
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่บุญมี วัดสระประสานสุข อุบลราชธานี ศิษย์พระป่าสายลป.มั่น

    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เหรียญหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัล สิงห์บุรี

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครั

    [​IMG] [​IMG]
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระพิมพ์ซุ้มกอ ทหารสรา้งปี2514 พิธีใหญ่ หลวงพ่อกวย ลพ.มุ่ย ลป.โต๊ะ อ.นำ

    ครูบาวัง ลพ.คูณ ลพ.ชา และครูบาอาจารย์อีกมากมายหลายท่านร่วงมอธิฐานจิตปลุกเสก

    ประสบการณ์มากมาย ไม่มีคำว่าด้อยไปกว่ารุ่นไหนในโลกวัตถุมงคล

    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ


    [​IMG] [​IMG]
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    หลวงปู่ทองฤทธิ์ วัดป่าฉันทนิมิตร กาฬสินธิ์

    ประวัติความเป็นมาของ หลวงปู่ทองฤทธิ์ อุตตโม

    หลวงปู่ ทองฤทธิ์ อุตตโม เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับ หลวงปู่ มุม วัดปราสาทเยอเกจิอาจารย์ผู้เรืองฤทธิ์และมีชื่อเสียงของภาคอีสาน สมัยเมื่อหลวงปู่ทองฤทธิ์ยังเป็นเด็กชาย อายุประมาณ ๑๐ ขวบ ได้พบและอุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าบ้านพอกใหญ่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้เขียนพระคาถา “อ้อป่อง” สอดลอดช่องพื้นกระดานให้ หลวงปู่มั่นบอกให้ท่องจำไว้ จะได้ปัญญาดี เกิดความศรัทธาในตัวหลวงปู่มั่น ที่เห็นท่านฉันอาหารในบาตรใหญ่ มีผู้คนมาฟังเทศน์ฟังธรรมกันมากมาย จึงมีความคิดที่จะบวช จนอายุได้ ๑๘ ปี จึงได้บวชเป็นสามเณรที่วัดศรีธรรมราช บ้านพอกใหญ่ ตำบลพอกใหญ่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร และในขณะที่ท่านบวชเป็นสามเณรอยู่นั้น หลวงปู่มุมได้บวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านเป็นสามเณรจนอายุครบบวชจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดธรรมราช บ้านพอกใหญ่ ต่อมาเมื่อปี ๒๔๘๑ ท่านได้ไปอบรมสมถกรรมฐานกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จนสำเร็จวิชชาธรรมกายขั้นอุกฤต เรียกว่า “อัคนีธาตุกรด” เมื่อ พศ.๒๔๘๓ ท่านได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเดิมอันเป็นบ้านเกิดของท่าน ปีต่อมาท่านได้ไปอบรมเป็นพระอุปัชฌาชย์ ต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาชย์ที่สามารถบวชกุลบุตรได้ หลวงปู่ทองฤทธิ์ได้บวชอยู่มหานิกายถึง ๒๒ พรรษา หลวงปู่ทองฤทธิ์ท่านทำของขึ้น ผู้คนจึงนับถือท่านมาก ได้สมณศักดิ์เป็นพระครูอุดมสิทธิกิจ จนเมื่อปี ๒๔๙๖ ท่านเบื่อในงานด้านบริหารปกครองพระ จึงขอลาออกจากสมณศักดิ์ เพื่อมุ่งหน้าบำเพ็ญกิจของสงฆ์ หาทางปล่อยปละละวาง เดินตามแนวทางปฏิบัติของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และได้ไปขอเรียนวิปัสสนากับ หลวงปู่ ขาว อนาลโย วัดถ้ากลองเพล จนพบว่าที่ปฏิบัติผ่านมานั้นยังไม่ถูกต้อง จึงสึกออกนุ่งขาวห่มขาว ออกเดินดงอยู่ ๒ ปี แล้วบวชใหม่กับ หลวงปู่ขาว อนาลโย ในธรรมยุตนิกาย และได้มาบำเพ็ญความเพียรจำพรรษาที่วัดพุทธนิมิต ภูดาว อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และในปี ๒๕๐๐ ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าฉันทนิมิตรถึงปี ๒๕๐๗ จึงย้ายไปอยู่ภูถ้ำจันทร์ ที่ภูเก้า ๕ พรรษา ต่อมาได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดด่านศรีสำราญ ดงศรีชมพู อำเภอบึงกาฬ จัดหวัดหนองคาย จากนั้นไปจำวัดอยู่ในพื้นที่สีแดง สั่งสอนอบรมชาวบ้านซึ่งขัดแย้งกับลัทธิคอมมูนิสต์อย่างมาก จนหัวหน้าใหญ่คอมมูนิสต์คิดฆ่าท่าน โดยคิดจับท่านสวนทวาร ศิษย์ของท่านเลยพาท่านหนีมาอยู่ ณ.วัดป่าฉันทนิมิตร ราวปี ๒๕๒๒ จวบจนละสังขาร

    ในวันเสาร์ห้า เดือนห้า ขึ้นห้าค่ำ ซึ่งถือว่าเป็นวันที่แข็งที่สุดของการทำวัตถุมงคล และเครื่องรางของขลัง มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จึงได้ขออนุญาติหลวงปู่ ทองฤทธิ์ พระเก่ง พลังจิตแก่กล้า วัตรปฏิบัติเคร่งครัด อายุพรรษาสูง สร้างวัตถุมงคล ๕ แบบ ๕ พิมพ์ ขึ้นในวันสำคัญนี้ และขอให้หลวงปู่ทองฤทธิ์ ปลุกเสกเดี่ยวเพียงองค์เดียว แม้วันเสาร์ห้า เดือนห้า ขึ้นห้าค่ำ จะเป็นวันแข็งตามสุริยคติและจันทรคติแล้ว หากจะคำนวนฤกษ์ยาม เวลาอันแข็งที่สุดของวันเสาร์ห้านี้แล้ว จะทำให้ของนั้น ใช้ได้ผลเป็นทวีคูณ ท่านอาจารย์ทองเจือ ธัมมธีโร หรือ ท่านสหัสรังษี จึงคำนวนฤกษ์เทพระกริ่ง และฤกษ์ปลุกเสกให้เป็นพิเศษ ซึ่งฤกษ์เททองหล่อพระกริ่ง ชื่อว่า เพชรฤกษ์มหาลาภ ฤกษ์ปลุกเสกในวันเสาร์ห้า ชื่อว่า เพชรฤกษ์มหาจักรพรรดิ์กายสิทธิ์ พระเครื่อง ๕ พิมพ์ที่หลวงปู่ทองฤทธิ์ อนุญาติให้สร้างนี้ประกอบด้วย


    ที่มา: www.ittiyano.com

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เจ้าของเดิมเอาพระผงรูปเหมือนท่านและเหรียญเลี่ยมประกบกัน 2in1

    ให้บูชา 700 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2013
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ขอความกรุณาโอนเงินภายใน 3 วันทำการหรือถ้าไม่สะดวกติดต่อมาได้ครับ

    ไม่เกิน 7 วัน หรือตามสมควรครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    ตะกรุดนะโภคทรัพย์หลวงปู่หมุน ออกวัดซับลำใยครับ

    (ปิดรายการ)

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2013
  16. ครุฑยุดนาค

    ครุฑยุดนาค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,914
    ค่าพลัง:
    +7,212
    วันนี้เวลา 15.02 น. ได้โอนเงิน 350 บาท..ที่อยู่ตาม PM ขอบคุณครับ
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ขอความกรุณาโอนเงินภายใน 3 วันทำการหรือถ้าไม่สะดวกติดต่อมาได้ครับ

    ไม่เกิน 7 วัน หรือตามสมควรครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    พระสมเด็จหลังรูปถ่ายหลวงปู่เริม วัดจุกกะเฌอ ได้มาสภาพนี้ครับไม่สวยแต่แท้

    ให้บูชา 1000 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    จัดส่ง

    EK 2079 3186 8 TH จรเข้บัว

    EK 2079 3187 1 TH ลำลูกกา

    ขอบคุณครับ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,684
    ค่าพลัง:
    +21,337
    หลวงปู่ทองฤทธิ์ วัดป่าฉันทนิมิตร กาฬสินธิ์

    ประวัติความเป็นมาของ หลวงปู่ทองฤทธิ์ อุตตโม

    หลวงปู่ ทองฤทธิ์ อุตตโม เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับ หลวงปู่ มุม วัดปราสาทเยอเกจิอาจารย์ผู้เรืองฤทธิ์และมีชื่อเสียงของภาคอีสาน สมัยเมื่อหลวงปู่ทองฤทธิ์ยังเป็นเด็กชาย อายุประมาณ ๑๐ ขวบ ได้พบและอุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าบ้านพอกใหญ่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้เขียนพระคาถา “อ้อป่อง” สอดลอดช่องพื้นกระดานให้ หลวงปู่มั่นบอกให้ท่องจำไว้ จะได้ปัญญาดี เกิดความศรัทธาในตัวหลวงปู่มั่น ที่เห็นท่านฉันอาหารในบาตรใหญ่ มีผู้คนมาฟังเทศน์ฟังธรรมกันมากมาย จึงมีความคิดที่จะบวช จนอายุได้ ๑๘ ปี จึงได้บวชเป็นสามเณรที่วัดศรีธรรมราช บ้านพอกใหญ่ ตำบลพอกใหญ่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร และในขณะที่ท่านบวชเป็นสามเณรอยู่นั้น หลวงปู่มุมได้บวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านเป็นสามเณรจนอายุครบบวชจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดธรรมราช บ้านพอกใหญ่ ต่อมาเมื่อปี ๒๔๘๑ ท่านได้ไปอบรมสมถกรรมฐานกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จนสำเร็จวิชชาธรรมกายขั้นอุกฤต เรียกว่า “อัคนีธาตุกรด” เมื่อ พศ.๒๔๘๓ ท่านได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเดิมอันเป็นบ้านเกิดของท่าน ปีต่อมาท่านได้ไปอบรมเป็นพระอุปัชฌาชย์ ต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาชย์ที่สามารถบวชกุลบุตรได้ หลวงปู่ทองฤทธิ์ได้บวชอยู่มหานิกายถึง ๒๒ พรรษา หลวงปู่ทองฤทธิ์ท่านทำของขึ้น ผู้คนจึงนับถือท่านมาก ได้สมณศักดิ์เป็นพระครูอุดมสิทธิกิจ จนเมื่อปี ๒๔๙๖ ท่านเบื่อในงานด้านบริหารปกครองพระ จึงขอลาออกจากสมณศักดิ์ เพื่อมุ่งหน้าบำเพ็ญกิจของสงฆ์ หาทางปล่อยปละละวาง เดินตามแนวทางปฏิบัติของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และได้ไปขอเรียนวิปัสสนากับ หลวงปู่ ขาว อนาลโย วัดถ้ากลองเพล จนพบว่าที่ปฏิบัติผ่านมานั้นยังไม่ถูกต้อง จึงสึกออกนุ่งขาวห่มขาว ออกเดินดงอยู่ ๒ ปี แล้วบวชใหม่กับ หลวงปู่ขาว อนาลโย ในธรรมยุตนิกาย และได้มาบำเพ็ญความเพียรจำพรรษาที่วัดพุทธนิมิต ภูดาว อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และในปี ๒๕๐๐ ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าฉันทนิมิตรถึงปี ๒๕๐๗ จึงย้ายไปอยู่ภูถ้ำจันทร์ ที่ภูเก้า ๕ พรรษา ต่อมาได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดด่านศรีสำราญ ดงศรีชมพู อำเภอบึงกาฬ จัดหวัดหนองคาย จากนั้นไปจำวัดอยู่ในพื้นที่สีแดง สั่งสอนอบรมชาวบ้านซึ่งขัดแย้งกับลัทธิคอมมูนิสต์อย่างมาก จนหัวหน้าใหญ่คอมมูนิสต์คิดฆ่าท่าน โดยคิดจับท่านสวนทวาร ศิษย์ของท่านเลยพาท่านหนีมาอยู่ ณ.วัดป่าฉันทนิมิตร ราวปี ๒๕๒๒ จวบจนละสังขาร

    ในวันเสาร์ห้า เดือนห้า ขึ้นห้าค่ำ ซึ่งถือว่าเป็นวันที่แข็งที่สุดของการทำวัตถุมงคล และเครื่องรางของขลัง มูลนิธิหลวงปู่ทิม อิสริโก จึงได้ขออนุญาติหลวงปู่ ทองฤทธิ์ พระเก่ง พลังจิตแก่กล้า วัตรปฏิบัติเคร่งครัด อายุพรรษาสูง สร้างวัตถุมงคล ๕ แบบ ๕ พิมพ์ ขึ้นในวันสำคัญนี้ และขอให้หลวงปู่ทองฤทธิ์ ปลุกเสกเดี่ยวเพียงองค์เดียว แม้วันเสาร์ห้า เดือนห้า ขึ้นห้าค่ำ จะเป็นวันแข็งตามสุริยคติและจันทรคติแล้ว หากจะคำนวนฤกษ์ยาม เวลาอันแข็งที่สุดของวันเสาร์ห้านี้แล้ว จะทำให้ของนั้น ใช้ได้ผลเป็นทวีคูณ ท่านอาจารย์ทองเจือ ธัมมธีโร หรือ ท่านสหัสรังษี จึงคำนวนฤกษ์เทพระกริ่ง และฤกษ์ปลุกเสกให้เป็นพิเศษ ซึ่งฤกษ์เททองหล่อพระกริ่ง ชื่อว่า เพชรฤกษ์มหาลาภ ฤกษ์ปลุกเสกในวันเสาร์ห้า ชื่อว่า เพชรฤกษ์มหาจักรพรรดิ์กายสิทธิ์ พระเครื่อง ๕ พิมพ์ที่หลวงปู่ทองฤทธิ์ อนุญาติให้สร้างนี้ประกอบด้วย


    ที่มา: หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่, อิทธิญาโณ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เจ้าของเดิมเอาพระผงรูปเหมือนท่านและเหรียญเลี่ยมประกบกัน 2in1

    ให้บูชา 700 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...