คชสีห์๙บารมี๙บารมี๙แผ่นดินหลวงปู่หมุนเสก

พระผงรูปเหมือนรุ่นแรกครูบาชัยวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม พิมพ์ใหญ่ ๒๕๑๔

(ปิดรายการ)

 

เหรียญรุ่น ๑ ครูบาคำปัน วัดหัวฝาย เชียงใหม่ ปี๒๕๒๑ มีประสบการร์ด้านเหนียวๆครับ

ให้บูชา 700 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

เกจิปลุกเสกเพียบ หนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสกนั้นก็มี ลพ.เกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ ลำปาง มาร่วมพิธีด้วย ว่ากันว่ารุ่นนี้หลวงพ่อเสกให้ เต็มที่ รัศมีพระเครื่องแผ่ไกลถึง 10 เมตร)
เหรียญ 700 ปีลายสือไทย โดยกองกษาปณ์เมื่อ ปี 2526 เนื่องในงานฉลองที่ประเทศไทยมี ตัวอักษรใช้เป็นของตนเองมาตั้งแต่สมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช วาระครบ 700 ปีพอดี พิธีปลุกเสกมีขึ้นที่วัดพระแก้ว เป็นพิธีใหญ่ และหนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสกนั้นก็มี ลพ.เกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ ลำปาง มาร่วมพิธีด้วย ว่ากันว่ารุ่นนี้หลวงพ่อเสกให้ เต็มที่ รัศมีพระเครื่องแผ่ไกลถึง 10 เมตร เหรียญเนื้อทองแดงรมดำ ด้านหน้าเป็น พระปางสมาธิประทับนั่งบนฐานดอกบัว ด้านหลังพระนามาภิไธยย่อ ภปร. นอกจากนี้ทางกรมธนารักษ์ ยังได้จัดสร้างกรมธนารักษ์ได้จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ 700 ปี ลายเสือไทย ในปี พ.ศ. 2526 ข้อความลายเสือไทยที่ปรากฏบนเหรียญ ด้านหลังถอดเป็นคำไทยได้ความว่า "เมื่อก่อนลายเสือไทยนี้บ่มี 1205 ศก ปีมะแม พ่อขุนรามคำแหง หาใคร่ใจในใจ แลลายเสือไทยนี้ " ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ในสมัยสุโขทัย ที่พ่อขุนรามคำแหง มหาราชทรงโปรดฯ ให้จารึกไว้บนหลักศิลา หลักศิลาที่มีการจารึก เรื่องราวความเป็นไปของกรุงสุโขทัยถูกค้นพบโดยพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2376 ซึ่งนอกจากจะทำให้รู้ว่า ภาษาไทยถือกำเนิดขึ้นในสมัยสุโขทัยแล้ว ยังเป็นบันทึกที่สำคัญ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ และสังคม ในสมัยสุโขทัยเป็นอย่างดี หลักศิลาจารึกนี้จึงเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าอย่างดี

เหรียญที่ระลึกฉลอง 700 ปี ลายสือไทย บล๊อคกองกษาปณ์ ด้านหน้าพระพุทธสิหิงค์ ด้านหลังพระนามาภิไธยย่อ ภปร. ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.9 ซ.ม.พ.ศ.๒๕๒๖ พิธีใหญ่ ปลุกเสก ๓ วาระค่ะ

ครั้งที่ 1. เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๖ ณ.บริเวณวิหารหลวงหน้าพระอจนะ วัดศรีชุม
ครั้งที่ 2. เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๗ ณ.บริเวณวิหารหลวงหน้าพระอจนะ วัดศรีชุม อีกวาระ
ครั้งที่ 3. เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๗ ณ.สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง (ปลุกเสกโดย ลพ.เกษม เขมโก.)

ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

เบอร์บัญชีผมครับ
เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

ขอความกรุณาโอนเงินภายใน 3 วันทำการหรือถ้าไม่สะดวกติดต่อมาได้ครับ

ไม่เกิน 7 วัน หรือตามสมควรครับ

ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64

 

[



ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลอย่างสูงครับ
เหรียญรุ่นแรกรุ่นเดียวหลวงพ่อแช่ม วัดหนองกรับสภาพสวยเดิมๆเก่าเก็บ
มี3เหรียญครับ..........เลือกตามที่ชอบครับ
ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

เหรียญที่1



เหรียญที่2


เหรียญที่3
/o1Gx91.jpg[/img]

 

อย่าเศร้า เอามาให้ฟังเพื่อระลึกคุณแม่.........ผมรวบรวมมาให้แล้ว ถ้าฟังแล้วไม่สำนึกก็ตัวใครตัวมัน คบกันไม่ได้แล้ว......

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=wKQCoHSoAR4"]อิ่มอุ่น - ศุ บุญเลี้ยง - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=gsY0PgmDKYc"]???????? - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=wGrs5D56JCc"]?????? - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=nEl3b6Z1Seo"]??? ??? ???? - YouTube[/ame]
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=GyikkaDi4wg"]??? - ?????????? ?????? - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=y9CtrfjDTIE"]???(???????) - ???????? - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=7yyhGvkwSPA"]???????? ????? - YouTube[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=XdL6ZiAniKQ"]??? ?????? ?????????? - YouTube[/ame]

 

จองครับ.........

 

ขออภัยครับขอยกเลิกการจองครับ

 

หลวงปู่จันทร์ คัมภีรปัญโญ เกิดเมื่อ ปี พ.ศ. 2437 ที่บ้านจานเขื่อง ต. เขื่องใน อ. เขื่องใน จ.อุบลราชธานี เมื่ออายุย่างเข้า วัยแตกเนื้อหนุ่ม เป็นผู้ที่ชอบศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเวทย์มนต์คาถาจากอาจารย์ ต่างๆ สนใจเกี่ยวกับตำรับตำรายาแผนโบราณ ตลอดจนวิชาหมอดู และเป็นของธรรมดา เมื่อสนใจในทางไหน ก็มักจะเก่งในทางนั้น ย่างเข้าวัยเบญจเพศ จึงได้เดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอน ไปตั้งหลักฐาน ทำมาหาเลี้ยงชีพอยู่ที่จังหวัดสระบุรี โดยเดินทางด้วยเท้าจากจังหวัดอุบลฯ จนถึงนครราชสีมา แล้วจึงขึ้นรถไฟจากโคราชไปเมืองสระบุรี ประกอบสัมมาอาชีวะอยู่สระบุรี มีหลักฐานครอบครัวเป็นปึกแผ่นโดยยึดอาชีพที่ถนัดคือ ดูหมอแผ่นผ้า รักษาผู้ป่วย ทำน้ำมนต์สเดาะเคราะห์ ใช้ชีวิตอยู่ในเพศฆาราวาสจนอายุได้ 58 ปี เกิดเบื่อความชุลมุนวุ่นวายของสังคม เพราะแต่ละคนที่ไปให้ดูหมอ ตรวจ ดวงชะตาให้ล้วนแล้วแต่มีวิถีชีวิตวุ่นวาย แก่งแย่งชีวิตชิงดีชิงเด่น ท่านจึงตัดสินใจออกบวชเป็นพระภิกษุจันทร์ที่วัดในจังหวัดสระบุรีนั่นเอง และพระอุปัชฌาย์ตั้งฉายาให้ว่า “ คัมภีรปัญโญ”
พระภิกษุจันทร์ คัมภีรปัญโญ ปฎิบัติศาสนกิจ และศึกษาพระธรรมวินัยจากอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายสำนักจนเป็นที่แตก ฉาน และในขณะเดียวกันท่านก็ได้เล่าเรียนวิชา เวทย์มนต์คาถาควบคู่ไปกับพระธรรมวินัยด้วย
ในปี พ.ศ. 2500 ทางวัดบ้านจานเขื่อง ต.เขื่องใน อ.เขื่องใน จ.อุบลฯ อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของท่านหลวงปู่เกิดขาดแคลน พระภิกษุ-สามเณร ญาติโยมที่บ้านจานเขื่อง จึงได้แห่ขบวนพากันมานิมนต์ท่านหลวงปู่จันทร์ไปเป็นเจ้าอาวาส ในที่สุดท่านหลวงปู่ก็ได้กลับมาบูรณะวัดวาอาราม ที่บ้านเกิดของตนเอง ตลอดเวลาท่านได้ปรับปรุงก่อสร้างกุฎิ วิหาร ซุ้มประตู กำแพงรอบวัด โดยรื้อของเก่าที่ชำรุด ปรักหักพังทั้งหมด แล้วบูรณะขึ้นมาใหม่เพื่อให้แข็งแรงทนทาน เป็นมรดกตกทอดคู่กับพุทธศาสนาสืบต่อไป โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบากเลยแม้แต่น้อย เมื่อสร้างทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เป็นปูชณียสถานภายในวัดเป็นที่พอใจแล้ว ท่านหลวงปู่ก็ได้สร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ไว้สำหรับบรรจุกระดูกของตัวท่านเอง เมื่อถึงคราวที่จะมรณภาพ
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2515 หลวงปู่จันทร์ได้มีโอกาสไปเห็นวัดร้างแห่งหนึ่งเป็นวัดสมัยขอม ร้างมาหลายร้อยปีแล้วยังคงเหลือแต่ซากปรักหักพังทิ้งไว้พอให้รู้ว่าเป็นวัด เท่านั้น วัดนี้ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “ วัดหนองพี่ หนองน้อง” อยู่เส้นทางสายยโสธร – เขื่องใน ขึ้นกับตำบลยางขี้นก อ.เขื่องใน จ.อุบลฯ เนื่องจากถูกทอดทิ้งมานานหลายร้อยปี จึงกลายสภาพเป็นดง ป่าวัชพืชนานาพันธุ์ขึ้นเต็มไปหมด และเป็นที่เล่าลือกันว่าผีดุมาก จึงไม่ใครกล้าเข้าไปแตะต้องของทุกอย่างในป่านี้แม้แต่ไม้ฟืนแห้งๆ ก็ไม่มีใครกล้าไปเอาเพราะกลัวผี ท่านหลวงปู่จันทร์ คัมภีรปัญโญ พัฒนาเสียโล่งเตียน จดทะเบียนขึ้นต่อกรมศาสนาเป็นที่ถูกต้องเรียบร้อยเมื่อปี พ.ศ. 2519 โดยมีเนื้อที่บริเวณวัดทั้งหมด ประมาณ 25 ไร่ เป็นวัดสมบูรณ์แบบ มีศาลาการเปรียญ กุฎิ วิหาร ความจริงเนื้อที่ทั้งหมดที่หลวงปู่บุกเบิกถากถางในการสร้างวัดนี้ประมาณ 50 ไร่ แต่ท่านหลวงปู่ได้มอบให้แก่ค่ายลูกเสือไปเสีย 25 ไร่
ท่านหลวง ปู่จันทร์ คัมภีรปัญโญ วัดหนองสองพี่น้อง อ.เขื่องใน จ.อุบลฯ ท่านทำน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์มาก สามารถเสกเป่าให้ผู้เจ็บป่วยหายได้ดังปาฎิหาริย์ ท่านมีอาจารย์องค์หนึ่งชื่อ หลวงปู่ห่าน วัดนาคำใหญ่ ตำบลนาคำใหญ่ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี หลวงปู่ห่านเป็นลูกศิษย์สายสำเร็จลุน เดิมชื่อห่าน นามสกุล พื้นผา เกิดเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ ๒๔๓๑ ตรงกับวันพุธที่ ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีชวด ณ วัดนาคำใหญ่ ตำบลนาคำใหญ่ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี หลวงปู่จันทร์ อธิษฐานจิตปลุกเสกเหรียญอาจารย์ท่านรุ่นหนึงสร้างอภินิหารมากมาย

ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความที่มาข้อมูลอย่างสูงครับ

เหรียญรุ่นแรกปี๒๕๑๑พิมพ์หน้าหนุ่ม และรุ่นปี๒๕๑๙ สภาพผ่านการบูชามานะครับ เหรียญประสบการณ์สูงในพื้นที่ ตามสภาพนะครับ


ให้บูชา2องค์คู่กัน 400 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

เหรียญรุ่น๒หลวงปู่สี วัดไผ่เงิน ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่ อายุกาลพรรษาร่วม100ปีนะครับ มรณภาพเมื่อปี๕๑ อายุ ๑๐๑ ปีครับ

ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

หลวงพ่อมาก วัดโตนด

ข้อมูลประวัติ

เกิด วันที่ 22 กรกฎาคม 2438 เป็นบุตรของ นายพิณ นางทองมอญ ช่างทอง

อุปสมบท วันที่ 20 กรกฎาคม 2458 ณ พัทธสีมาวัดตะเคียน

มรณภาพ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2514

รวมสิริอายุ 76 ปี 56 พรรษา

วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม

วัตถุมงคล ยุคแรก เป็นตะกรุด 108 ดอก เนื้อทองแดง ตะกรุดโทน เนื้อทองแดง

เหรียญรุ่นแรก ปี 2510 เป็นเหรียญใบสาเก และปรากฎมีแหวนรูปเหมือนท่านด้วย

เหรียญรุ่นสอง ปี 2513 เป็นเหรียญรูปสี่เหลี่ยม

รุ่นสุดท้าย ปี 2514 มีรูปหล่อปูนพลาสเตอร์ รูปหล่อ และผ้ายันต์

นอกจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังมีวัตถุมงคลอื่น ๆ อีก คือ ตะกรุด 108 ดอก ตะกรุดโทน ล็อคเกต รูปถ่าย

พุทธคุณที่เล่าสืบทอดกันมา

พุทธคุณในเหรียญรุ่นนี้เด่นทาง เมตตามหานิยม

ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความที่มาข้อมูลอย่างสูงครับ

พระผงรุปเหมือนอุดผงเนื้อดินเผา

ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

พระผงว่านหลวงปู่สี วัดสะแก ออกวัดสนามชัย ปี๑๗

ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

 

พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อชำนาญพิมพ์ซ้อน เขาเรียกกันรุ่นหนุนดวง ลงสียุคองค์จตุคามครับ

ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

 

จัดส่ง

EL0966 6600 5 TH พระโขนง

EL0966 6602 2 TH บางสะพานน้อย

EL0966 6601 9 TH เพรชบูรณ์

ขอบคุณครับ

 

อริยสงฆ์ แห่งเมืองมะขามหวาน จังหวัดเพชรบูรณ์
สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้ไปศึกษาดูงานที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พอดีมีเพื่อนทำงานองค์การบริหารส่วนตำบลที่นั่น เขาเล่าให้ฟังว่าที่จังหวัดเพชรบูรณ์มีเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก มายอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะที่ ตำบลวังชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ถือเป็นพื้นที่ที่มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ภายหลังจากละสังขารแล้วร่างกายไม่เน่าเปื่อยถึง 2 รูป คือ หลวงพ่อทบ ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปถึงอภินิหารและเครื่องรางของขลังของท่าน โดยร่างที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อทบ ได้บรรจุไว้ในโลงแก้ว ที่วัดช้างเผือก ตำบลวังชมภู มีพุทธศาสนิกชนได้เดินทางมาสักการบูชาทุกวันอย่างมากมาย และอีกท่านหนึ่งที่ร่างกายไม่เน่าเปื่อย คือ หลวงพ่อชด วัดซับข่อย ตำบลวังชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
ฉบับนี้ผู้เขียนขอนำเสนอประวัติของ หลวงพ่อชด เนื่องจากว่าผู้เขียนได้พูดคุยกับเพื่อนหลายคนส่วนมากจะรู้จักหลวงพ่อทบเป็น อย่างดี แต่สำหรับหลวงพ่อชดบางคนยังไม่รู้จักทั้งที่ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ มีปฏิปทาน่าเลื่อมใส และเป็นศิษย์ของหลวงพ่อทบ ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาทุกอย่างจากหลวงพ่อทบ นับตั้งแต่ท่านเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์ ท่านออกเดินธุดงค์มาตลอด จนกระทั่งสังขารไม่อำนวยท่านจึงจำเป็นต้องหยุดเดินธุดงค์
หลวงพ่อชด ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2448 ที่บ้านหัวลำโพง หมู่ที่ 7 ตำบลหัวสำโรง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี พ่อแม่มีอาชีพทำนา หลวงพ่อนับว่าเป็นผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศทีเดียว กอรปกับท่านมีความอุตสาหะ ไม่ย่อท้อมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้ท่านสำเร็จการศึกษาในระยะเวลาอันสั้น ท่านเรียนทั้งภาษาไทย และภาษาบาลีที่เป็นหนังสือขอม
หลังจากที่ท่านสำเร็จการศึกษาแล้วก็ออกมาช่วยเหลือพ่อแม่ทำงานบ้าน หลังจากการเป็นทหารเกณฑ์แล้ว ท่านก็บวชพระเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ตามประเพณีของชาวไทยทุกคน โดยมีหลวงพ่อสายเป็นพระอุปัชฌาย์ และได้ร่ำเรียนวิทยาคมจากหลวงพ่อสายเป็นองค์แรก เวลาต่อมาในพรรษาที่สองโยมพ่อของท่านเกิดป่วยหนัก และเสียชีวิตลง โยมแม่ต้องรับภาระหนักเพียงผู้เดียวในครอบครัว ด้วยความกตัญญูท่านจึงจำเป็นที่จะต้องสึกในคราวนั้น หลังจากที่ท่านสึกออกมาแล้ว ท่านเป็นกำลังสำคัญในครอบครัว เรียกว่าต้องทำหน้าที่แทนพ่อ
ในปี พ.ศ.2496 แม่ของท่านเกิดป่วยหนักและได้เสียชีวิตลง ขณะนั้นหลวงพ่อมีอายุที่ได้ 46 ปี ท่านจึงตั้งใจจะบวชให้แม่ เป็นการบวชครั้งที่สอง ที่วัดหนองกอไผ่ ตำบลวังสำโรง อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร โดยมีพระครูวิเศษธรรมวิวิต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญมา วัดดงเย็น เป็นพระกรรมวาจา และพระอาจารย์แฟ้ม วัดไข่เน่า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ภายหลังที่ท่านบวชแล้วก็ตั้งอธิษฐานจิตว่าจะไม่ขอสึกเด็ดขาดจะตั้งใจปฏิบัติ ธรรมจนกว่าชีวิตจะหาไม่และจะเดินธุดงค์ตลอดไปเพื่อทำการสงเคราะห์สรรพสัตว์ จนกว่าสังขารจะไม่อำนวย
หลวงพ่อเรียนกัมมัฏฐานกับหลวงพ่อก๋งอยู่ 3 ปี แนวทางการปฏิบัติของหลวงพ่อชดคือ ท่าใช้กำหนดอานาปนสติ คือ ดูลมหายใจเข้าออกซึ่งเป็นแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงดำเนิน หรือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ พระอริยเจ้าทั้งหลายดำเนินกันสืบมา ท่านนอนเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น นอกนั้นท่านจะปฏิบัติธรรมด้วยอริยบททั้ง 4 สลับกันไป

การสร้างวัด
วัด แรกที่หลวงพ่อชดสร้าง คือ วัดเสาธงทอง กล่าวคือ ในปี พ.ศ. 2500 หลวงพ่อปู่ได้เดินธุดงค์มาพักที่ถ้ำน้ำบัง จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นป่ารกชัฏอยู่ชาวบ้านนายมได้ทราบว่ามีพระธุดงค์มาพักที่ ถ้ำน้ำบัง ซึ่งอยู่ไม่ห่างมากนักต่างก็พากันเดินทางมาถวายอาหาร และนิมนต์หลวงพ่อให้อยู่จำพรรษาที่วัดร้างแห่งหนึ่งที่บ้านนายม ชาวบ้านเล่ากันว่าผีที่นี่ดุนัก เคยมีพระธุดงค์มาพัก แต่อยู่ได้ไม่เกิน 3 คืน ก็ไปกันหมด เมื่อหลวงพ่อทราบอย่างนั้นก็อยากจะพิสูจน์ และอีกอย่างก็จวนที่จะเข้าพรรษา ท่านจึงได้รับปากชาวบ้านที่จะอยู่จำพรรษาที่วัดร้างนั้น ซึ่งชาวบานทั่วไปเรียนว่า วัดเสาธงทอง คืนแรกๆ ก็มีเสียงเหล็กแหลมดังมาก รบกวนท่านอยู่ประมาณ 7 วัน หลวงพ่อท่านก็เจริญธรรมแผ่เมตตาให้ หลังจากนั้นเสียงนั้นก็ไม่มารบกวนกันเลย ชาวบ้านจึงพากันเลื่อมใสหลวงพ่ออย่างมากที่สามารถปราบผีร้ายได้ เพราะชาวบ้านต่างหวาดกลัวมาก ซึ่งก่อนหน้าที่หลวงพ่อจะมาอยู่นั้นจะร้องดังหวีดๆ เป็นประจำ ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าเดินผ่านวัดร้างในตอนเย็นๆ กันเลย
พอออกพรรษาหลวงพ่อ ท่านลาญาติโยมเพื่อออกเดินทางหาความวิเวก ชาวบ้านที่ทราบข่าวว่าหลวงพ่อจะไปจากที่นั่น พากันมาขอร้องให้หลวงพ่อจำพรรษาที่นี่ตลอดไปเพื่อเป็นเนื้อนาบุญของพวกเขา หลวงพ่อจึงรับปากชาวบ้านแต่ช่วงนี้ขอโอกาสไปเดินธุดงค์เพื่อให้เป็นไปตาม ปนิธานที่ตั้งไว้ก่อนแล้วจะกลับมาเมื่อใกล้เข้าพรรษา หลวงพ่อปฏิบัติอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส
ในปี พ.ศ. 2516 มีญาติโยมชาวบ้าน วังชมพู เลื่อมใสในหลวงพ่อ ได้มาที่วัดเสาธงทอง ถวายที่ดินที่อยู่บนเนินเขา เพื่อให้หลวงพ่อทำการสร้าง หลวงพ่อเห็นว่า ที่ดินอยู่บนเนินเขาเหมาะที่จะเป็นวัดจึงรับปากที่จะสร้างวัดที่บ้านซับข่อย เดิมทีนั้นวัดซับข่อยเป็นป่าไผ่ จึงสร้างที่อยู่เป็นกระต๊อบขึ้นมาหลังหนึ่ง เพื่อเป็นที่อยู่ พอสร้างกุฏิขึ้นมา 2-3 หลัง สำหรับพระนักปฏิบัติธรรม หลวงพ่อก็ออกเดินธุดงค์อีก แต่ในพรรษาท่านจะอยู่จำพรรษาที่วัดเสาธงทองตามเดิม ในปี พ.ศ.2527 หลวงพ่อก็หยุดเดินธุดงค์ เพราะสังขารไม่อำนวย และเป็นปีแรกที่หลวงพ่อได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดซับข่อย และอยู่เรื่อยมาจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
หลวงพ่อมรณภาพ
ใน วันที่ 29 มกราคม 2532 เวลาประมาณสี่ทุ่มเศษ เป็นเวลาที่บรรดาศิษย์ต่างพากันเศร้าสลดเมื่อหลวงพ่อได้จากพวกเราไปอย่างไม่ มีวันกลับเหมือนว่าร่มโพธิ์แก้วได้โค่นลงแล้ว การมรณภาพของหลวงพ่อ มิได้เหมือนกับพระทั่วไป คือ หลวงพ่อนั่งสมาธิมรณภาพ นับว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์โดยแท้ ก่อนที่หลวงพ่อจะมรณภาพหลวงพ่อมีสติแจ่มใส มั่นคงแม้ว่าจะถูกเวทนาครอบงำอย่างหนัก ท่านใช้ขันติระงับเวทนากล้า โดยมิได้แสดงอาการใดๆ เลย หลวงพ่อกล่าวลาบรรดาศิษย์ที่ไปเฝ้าอยู่ว่า หลวงพ่อลาแล้วนะ ขอให้ทุกคนจงเจริญๆ แล้วท่านก็นั่งเข้าสมาธิ บรรดาศิษย์ที่ที่ได้ไปเฝ้าหลวงพ่อต่างพากันร้องไห้ระงมไป หลวงพ่อท่านลืมตาขึ้นมาว่า อย่าส่งเสียงดัง อย่ารบกวนสมาธิหลวงพ่อมันเป็นบาป หลวงพ่อไปสบายแล้ว แต่พวกเธอยังต้องลำบากอีกมาก แล้วท่านก็หลับตาอีกครั้ง คราวนี้ท่านเงียบสงบนิ่งไปเลย นับว่า หลวงพ่อมรณภาพไม่เหมือนใคร
ศพหลวงพ่อแสดงปาฎิหาริย์
หลัง จากที่หลวงพ่อมรณภาพไปแล้ว บรรดาศิษย์ได้นำศพท่านใส่โลงแก้วไว้ แล้วนำไปประดิษฐานที่มณฑปเป็นที่น่าแปลก คือ ศพท่านไม่เน่าเปื่อย และผมกับเล็บของท่านกลับงอกได้ แต่ที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง หลังจากหลวงพ่อมรณภาพได้ 7 วัน ทางวัดต้องเปิดฝาโลงแก้วออก เพราะว่าโลงมีฝ้าน้ำเกาะอยู่ แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้น คือ ไม่มีแมลงหรือมดไปรบกวนศพหลวงพ่อเลย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ป้องกันอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นการฉีดยาไล่แมลง ทางวัดเปิดฝาโลงแก้วทิ้งไว้อย่างนั้นจนถึงวันทำบุญครบ 100 วัน จึงเปิดฝาโลงแก้ว

ประสบการณ์ในการเดินธุดงค์
คราว หนึ่งหลวงพ่อเดินทางไปแถบชายแดนเขมร ขณะที่ท่านกำลังนั่งพักร้อนที่ข้างลำห้วยแห่งหนึ่งก็ได้มีโขลงช้างใหญ่มาก หลายสิบเชือกตัวหน้ามีงายาวมากจนแทบติดดินและตัวก็ใหญ่กว่าตัวอื่น พวกบริวารช้างเมื่อมองเห็นหลวงพ่อก็พากันร้องแปร๋นๆ เข้ามาหาหมายทำร้าย หลวงพ่อท่านนั่งสำรวมจิตแผ่เมตตาให้ยังไม่ทันที่พวกบริวารช้างจะเข้ามาถึง ช้างตัวหัวหน้าโขลงก็ยืนขวางหน้าไว้พวกช้างบริวารจึงถอยกลับแล้วช้างหัวหน้า ก็หันหน้าเข้ามาทางหลวงพ่อนั่งแล้วยกงวงชูผงกหัว 3 ครั้ง คล้ายกับการทำความเคารพ แล้วก็พาบริวารจากไป

วัตถุมงคลและปาฏิหาริย์ต่างๆ
จึง ไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยที่หลวงพ่อท่านทำวัตถุมงคลอะไรก็ขลัง และดังก่อปาฏิหาริย์ต่างๆ นั้นเป็นเพราะว่า หนึ่งหลวงพ่อมีอาจารย์ดีที่โด่งดังถึงสามองค์ คือ หลวงพ่อสาย วัดพยัคฆาราม หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และหลวงพ่อทบ วัดช้างเผือก อีกประการหนึ่ง คือ หลวงพ่อเป็นพระสุปฏิปันโนท่านดำเนินตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์อย่าง เคร่งครัด มิได้ขาด
วัตถุมงคลของหลวงพ่อชดเริ่มสร้างตั้งแต่ราวปี 2518 ประกอบด้วย สีผึ้ง, น้ำมันมนต์, เหรียญ, รูปหล่อ, พระสมเด็จ, พระผงผสมว่าน, ตะกรุด เป็นต้น และล้วนเกิดปาฏิหาริย์อย่างมากมาย โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรก หลานชายของท่านเคยถูกลอบยิง แต่ปรากฏว่ายิงไม่ออก แม้กระทั่งน้ำมนต์ท่านก็ขลัง ใครปรารถนาอะไรก็สำเร็จ
เหรียญรุ่นแรก สร้าง พ.ศ.2521 ก่อปาฏิหาริย์มากมายแก่ผู้ที่มีไว้ติดตัวเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ทหารตำรวจ ที่มาขอเหรียญหลวงพ่อไว้บูชา หลวงพ่อท่านมีคติอยู่อย่างหนึ่งคือ ท่านจะไม่ให้แก่ผู้ที่ไม่ตั้งใจไปขอหรือไม่เลื่อมใส
ในปี พ.ศ. 2519 หลวงพ่อออกเดินธุดงค์ไปจังหวัดจันทบุรี วันนั้นเป็นวันสงกรานต์ชาวบ้านพากันมาทำบุญที่วัดเสาธงทองต่างพากันพูดว่า วันนี้ถ้าหลวงพ่ออยู่วัดก็คงจะดี พอมาถึงศาลาการเปรียญต่างก็พากันดีใจมาก เพราะมองเห็นหลวงพ่อ ท่านกำลังเดินจงกลมที่ศาลา จึงพากันเดินไปเพื่อกราบ แต่ปรากฏว่าไม่เห็นหลวงพ่อ แต่อย่างใด
ปาฏิหารย์หลวงพ่อมีอยู่อีกมากมาย แม้ว่าท่านจะมรณภาพแล้ว แต่ก็ยังมีปาฏิหารย์ให้เห็นเสมอหน้าศพท่านที่ยังคงใส่โลงแก้วไว้ บางท่านถ่ายรูปที่หน้าโลงแก้ว เมื่อล้างรูปดูปรากฎว่ารูปมีรัศมีสีรุ้งครอบโลงแก้วอยู่ บางท่านก็ถ่ายรูปไม่ติดก็มี

สรีระของหลวงพ่อชดบรรจุในโลงแก้วที่วัดซับข่อย
​

หาก ท่านมีโอกาสเดินทางไปจังหวัดเพชรบูรณ์ อย่าลืมหาโอกาสไปนมัสการหลวงพ่อเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวท่านเอง และถ้าท่านเป็นผู้ที่มีวาสนาอาจจะได้เห็นปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อหรือประสบโชค ลาภบ้างเหมือนกับทุกท่านที่ได้เคยกราบหลวงพ่อ

​

ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาข้อมูลอย่างสูงครับ


เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อชด สภาพสวยเดิมๆ คมชัดลึก ลองอ่านประวัติทำความรู้จักท่านก่อนนะครับ


(ปิดรายการ)

 

​

ครูบาธรรมชัย

วัดทุ่งหลวง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

ประวัติครูบาธรรมชัย

ครูบาธรรมชัย นามเดิมว่า กองแก้ว เมืองศักดิ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2457 ตรงกับเดือน 9 เหนือ ขึ้น 14 ค่ำ ปีขาลฉะศก ทางเหนือเรียกว่า ปีกาบยี่ รศ.133 จุลศักราช 1276 ถือกำเนิดที่หมู่บ้านสันป่าสัก หมู่ที่ 6 ตำบลป่าสัก อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็นบุตรของนายสุจา หรือหนามพรหมเสน มารดาชื่อนางคำป้อ บิดามารดามีอาชีพแพทย์แผนโบราณและช่างไม้ ทำสวน ทำนา มีพี่น้องร่วมท้องมารดาเดียวกัน 7 คน ท่านเคารพบูชาในบิดา มารดามาก เชื่อฟังคำสั่งสอนอยู่ในโอวาทของผู้บังเกิดเกล้าอย่างเคร่งครัด ท่านเป็นผู้มีนิสัยพูดจริง ทำจริง ไม่เหลาะแหละเหลวไหล สนใจในธรรมะ ชอบเข้าวัดเข้าวามาตั้งแต่เล็ก ๆ เพราะบิดาเคยบวชเรียนมาแล้วรอบรู้ในอรรถในธรรม จึงได้อบรมปลูกนิสัยลูกทุก ๆ คนให้ยึดมั่นในพระรัตนตรัย

ท่านได้เข้ารับการศึกษาจากโรงเรียน ประชาบาล ณ บ้านสันป่าสักจบชั้นประถมปีที่ ๓ มีความประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนกิริยามารยาทเรียบร้อยมีความอุตสาหพยายามเป็น ผู้มีความเสียสละกตัญญูกตเวทีตาต่อบุพการี

มรณภาพ

- หลวงปู่ครูบาธรรมชัย ธัมมชโย มรณภาพด้วอาการอันสงบเมื่อเวลา ๒๐.๓๐ น. ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ รวมสิริอายุได้ ๗๓ ปี ๖ เดือน หลวงปู่ครูบาธรรมชัย ธัมมชโยได้ประกอบ ภาระหน้าที่ของพระสงฆ์ ที่มีต่อประเทศชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ได้ครบถ้วนบริบูรณ์ทุกประการ คณะศิษย์ได้อาราธนาพระสรีระร่าง ของหลวงปู่เก็บรักษาประดิษฐานไว้ในโลงแก้ว ณ วัดทุ่งหลวง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่เพื่อให้ศรัทธาประชาชนได้กราบสักการะบูชาจนถึงปัจจุบัน

ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาข้อมูลอย่างสูงครับ

พระผงรูปเหมือนครูบาธรรมชัยรุ่นแรก ปี๒๕๑๘ เลี่ยมสมัยเก่าครับ ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมเลี่ยมแบนี้แล้วช่างไม่อยากทำเพราะช้าเสียเวลา
ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

 

เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิง ขุขันธ์ ศรีสะเกษ

สีผึ้งท่านดังมากและวัตถุมงคลหลายด้าน สีผึ้งท่านจะอยู่ในตลับห้ามเปิดห้ามแกะ ดำน้ำทำ

ตะกรุด เรื่องราวอิทธิปาฎิหารย์มีหลายด้าน แต่ปัจจุบันคนไม่ค่อยรู้จักในส่วนกลาง

(ปิดรายการ)

 

เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อแดง วัดป่าสามัคคีธรรม กาฬสินธิ์ สายพระป่ากรรมฐานหลวงปู่มั่น

ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

 

"พระครูธรรมกิจโกวิท" หรือ "หลวงพ่อยงยุทธ ธัมมโกสโล" เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองชลบุรี มีเมตตาธรรมสูง มักน้อยถือสันโดษ มีพลังจิตที่เข้มขลังอาคมที่แก่กล้า นามของท่านจึงขจรขจายไปไกลทั่วภาคตะวันออก

อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า จำปี แก้วไพรำ เกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2470 ในเรือนแพจอดอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา เขตอำเภอไชโย จ.อ่างทอง โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายเชียงและนางถุงเงิน แก้วรำไพ ครอบครัวมีพี่น้อง 5 คน

เมื่อช่วงวัยเด็ก พ่อกับแม่ได้ไปฝากกับญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง คือ พระครูโกวิทนวการ หรือหลวงปู่โห้ เจ้าอาวาสวัดวงษ์ภาศนาราม เพื่อให้ได้ศึกษาเล่าเรียน ก่อนได้เข้ารับการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดมะขาม กระทั่งจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 หลังจากนั้นก็ได้ศึกษาต่อที่โรงเรียนปัทมโรจน์ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดอ่างทอง จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

ต่อมา ท่านได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ยงยุทธ" หลังจากนั้นได้เดินทางมาศึกษาต่อที่โรงเรียนวุฒิศึกษา แถวฝั่งธนบุรี จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 ก่อนที่จะทำงานที่วิทยุการบินแห่งประเทศไทย

เมื่ออายุ 23 ปี ได้ลางานพักผ่อน 15 วัน และท่านตัดสินใจบวช เพื่อทดแทนคุณบิดามารดา ณ วัดบ้านป่า อ.ไชโย จ.อ่างทอง โดยมีพระครูโกวิทนวการหรือหลวงปู่โห้ เจ้าอาวาสวัดวงษ์ภาศนาราม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูวิบูลสังฆกิจ เจ้าคณะอำเภอไชโย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และพระอธิการตี๋ เจ้าอาวาสวัดประสาท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า ธัมมโกสโล

ครั้นใกล้ครบกำหนดลางาน 15 วัน ปรากฏว่า พระยงยุทธไม่ยอมลาสิกขาบท ตัดสินใจบวชต่อ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย อีกทั้งมุ่งมั่นฝึกฝนกัมมัฏฐาน จนเกิดความสุขสงบทางใจ

ท่านได้มีโอกาสศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐาน จากหลวงปู่ลิ้ม วัดไทรใต้ จ.นครสวรรค์ และครูจาบ สุวรรณ เป็นฆราวาส เชี่ยวชาญด้านกสิณมาก

ในปี พ.ศ.2502 ท่านได้ออกเดินธุดงค์ผ่านมา จ.ชลบุรี พบว่าบริเวณเขาไม้แดงนั้น มีความร่มรื่นอาณาบริเวณเงียบสงบ ท่านตัดสินใจจะสร้างวัดที่เขาไม้แดง เริ่มจากพัฒนาสร้างศาสนสถานชั่วคราว เป็นกุฏิที่พักสงฆ์ หรือศาลาโรงธรรมอื่นๆ ทำด้วยไม้และมุงด้วยจาก

เรื่องราวที่พระอาจารย์ยงยุทธ ได้ทราบไปถึง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้ความสนับสนุนส่งเสริม มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทหารจำนวนหนึ่งไปตรวจสอบสถานที่และทำรายงานมาเสนอทางราชการ

แต่ผ่านไปเพียง 3 เดือน จอมพลสฤษดิ์ ได้ถึงแก่อสัญกรรม ทำให้แผนพัฒนาวัดเขาไม้แดงหยุดชะงักไป

อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อยงยุทธไม่ย่อท้อ ยังคงเดินหน้าพัฒนาศาสนสถานสิ่งก่อสร้างต่อไป ต่อมาท่านได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพเรือในเขตภาคตะวันออก ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี ทำให้วัดเขาไม้แดง ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เจริญรุ่งเรืองสืบมา

พ.ศ.2507-2509 สร้างบันไดขึ้นยอดเขารวม 142 ขั้น พ.ศ.2512 สร้างอ่างเก็บน้ำ พ.ศ.2521 ก่อสร้างพระอุโบสถจัตุรมุขบนยอดเขา และในปี พ.ศ.2524 มีไฟฟ้าเข้าใช้ภายในวัดจนสำเร็จลุล่วง

หลวงพ่อยงยุทธ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนามที่ พระครูธรรมกิจโกวิท

ด้วยความที่หลวงพ่อยงยุทธ เป็นผู้ที่มีชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก หลวงพ่อยงยุทธจึงได้สร้างวัตถุมงคลเอาไว้หลายรุ่น ทั้งเหรียญพระ รูปหล่อ ฯลฯ ได้รับความเลื่อมใสจากบรรดาทหาร ที่นิยมหาพระเครื่องของหลวงพ่อยงยุทธไปคล้องคอติดตัว เพื่อความเป็นสิริมงคล

เมื่อย่างเข้าสู่วัยชรา ท่านก็มีโรคประจำตัว คือ โรคหัวใจ ต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ในวันที่ 1 พ.ย. 2545 ด้วยโรคถุงน้ำดีอักเสบและโรคหัวใจ

หลวงพ่อยงยุทธ ธัมมโกสโล ได้มรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2545 เวลา 05.45 น. สิริอายุ 75 ปี 2 เดือน พรรษา 52

การจากไปของท่านได้สร้างความเศร้าสลดแก่คณะศิษย์และผู้ที่ศรัทธาในตัวหลวงพ่อเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ สังขารของหลวงพ่อยงยุทธ คณะกรรมการวัดเขาไม้แดง ได้บรรจุไว้ในโลงแก้ว ตั้งในกุฏิของท่าน เพื่อให้คณะศิษย์ได้มากราบไหว้
ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาข้อมูลอย่างสูงครับ
เหรียญรุ่นสองของท่านครับ ตามสภาพที่เห็น
ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

 

เบอร์บัญชีผมครับ
เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

ขอความกรุณาโอนเงินภายใน 3 วันทำการหรือถ้าไม่สะดวกติดต่อมาได้ครับ

ไม่เกิน 7 วัน หรือตามสมควรครับ

ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64