ความรู้สึกของผู้ปรารถนาพุทธภูมิที่มีต่อนางแก้ว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ฟ้าพราว, 23 กรกฎาคม 2014.

  1. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    4 พระเรวตะพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระสุมนะพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระเรวตะพุทธเจ้า บังเกิดขึ้นในอันตรกัปถัดมาซึ่งเป็นสารมัณฑกัปเดียวกัน
    พระเรวตะพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นพระเรวตะราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งสุธัญญวดีนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าวิปุลราช และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางวิปุลาเทวี
    เรวตะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๖,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ สุทัสสนะปราสาท รตนัคฆิปราสาท และอาเวฬะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า สุทัสสนาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๓,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p
    5 พระโสภิตะพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระเรวตะพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระโสภิตะพุทธเจ้า บังเกิดขึ้นเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในสารมัณฑกัปเดียวกัน
    พระโสภิตะพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นพระโสภิตะราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งสุธัมมนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าสุธัมมราช และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสุธัมมาเทวี
    โสภิตะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๑๐,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ สุทัสสนะปราสาท รตนัคฆิปราสาท และอาเวฬะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า มขิลาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๗๐,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p</O:p

    6 พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า<O:p</O:p</O:p

    หลังจากศาสนาของพระโสภิตะพุทธเจ้าอันตรธานไป เป็นช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าถึงอสงไขยหนึ่ง เรียกว่า ชัยยะอสงไขย ล่วงมาถึงวรกัปหนึ่งมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๓ พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์แรกทรงพระนามว่า พระอโนมทัสสีพุทธเจ้าพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นพระอโนมทัสสีราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งจันทวดีนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้ายสวา และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางยโสธราอโนมทัสสีราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๑๐,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ สิริปราสาท อุปสิริปราสาท และสิริวัฑฒะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า สิริมาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๒๓,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p


    7 พระปทุมะพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระอโนมทัสสีพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระปทุมะพุทธเจ้า ซึ่งอยู่ในอันตรกัปถัดมาในวรกัปเดียวกัน
    พระปทุมะพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นพระมหาปทุมราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งจัมปกะนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าอสมราช และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางอสมา
    มหาปทุมราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ในปราสาท ๓ หลัง คือ นันทุตตระปราสาท วสุตตระปราสาท และยสุตตระปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า อุตตราเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๓,๐๐๐ นาง<O:p</O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กรกฎาคม 2014
  2. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    8 พระนารทะพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระปทุมะพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระนารทะพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในวรกัปเดียวกัน
    พระนารทะพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นนารทะราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งธัญญวดีนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าสุเทวะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางอโนมา
    นารทะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๙,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ วิชิตะปราสาท วิชิตาวีปราสาท และวิชิตาภิรามะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า วิชิตเสนาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๑๒๐,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p
    9 พระปทุมุตระพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระนารทะพุทธเจ้าอันตรธานไปแล้ว เป็นช่วงเวลาว่างจากพระพุทธเจ้าถึงอสงไขยหนึ่ง เรียกว่า รุจิอสงไขย กาลเวลาล่วงมาถึงมัณฑกัปหนึ่ง จึงมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๑ พระองค์ ทรงพระนามว่า พระปทุมุตระพุทธเจ้าพระปทุมุตระพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นพระปทุมุตระราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งหังสวดีนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าอานันทะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสุชาดาเทวีพระปทุมุตระราชกุมารทรงพระเกษมสำราญอยู่ ๑๐,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ นรวาหนะปราสาท ยสวาหนะปราสาท และวสวัตดีปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่าวสุทัตตาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๑๒๐,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p
    10พระสุเมธะพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระปทุมุตระพุทธเจ้าล่วงไปได้ ๓๐,๐๐๐ กัป ล่วงถึงมัณฑกัปหนึ่ง มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๒ องค์ พระพุทธเจ้าองค์แรกทรงพระนามว่า พระสุเมธะพุทธเจ้า
    พระสุเมธะพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นสุเมธะราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งสุทัสสนะนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าสุทัตตะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสุทัตตาเทวี
    สุเมธะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๙,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ สุจันทนะปราสาท สุกัญจนะปราสาท และสิริวัฒนะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า สุมนาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๘,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p
    11 พระสุชาตะพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระสุเมธะพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระสุชาตะพุทธเจ้า ซึ่งอุบัติขึ้นในมัณฑกัปเดียวกัน
    พระสุชาตะพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นสุชาตะราชกุมาร ในวงศ์กษัตริย์แห่งสุมงคลนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าอุคคตะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางปภาวดี <O:p</O:pสุชาตะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๙,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ สิรีปราสาท อุปสิรีปราสาท และสิรินันทะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า สิรินันทาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๒๓,๐๐๐ นาง<O:p</O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กรกฎาคม 2014
  3. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    12 พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระปิยทัสสีพุทธเจ้าล่วง จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระอัตถะทัสสีพุทธเจ้า บังเกิดในวรกัปเดียวกัน
    พระอัตถะทัสสีพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นอัตถะทัสสีราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งโสภณะนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าสาคระ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสุทัสสนเทวี
    อัตถะทัสสีราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๑๐,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ อมรคิรีปราสาท สุรคิรีปราสาท และคิริวาหนะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า วิสาขาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๓,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p

    13 พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระอัตถะทัสสีพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า อุบัติเป็นองค์สุดท้ายในวรกัปนั้น
    พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นธรรมทัสสีราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งสรณะนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าสรณะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสุนันทาเทวี
    ธรรมทัสสีราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๘,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ อรชะปราสาท วิรชะปราสาท และสุทัสสนะปราสาททรงมีพระมเหสีพระนามว่า วิจิโกฬิเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๒๒๐,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p
    14 พระสิทธัตถะพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระธรรมทัสสีพุทธเจ้าล่วงไปได้ ๑,๗๐๖ กัป จึงเกิดสารกัปหนึ่ง มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๑ พระองค์ ทรงพระนามว่า พระสิทธัตถะพุทธเจ้า
    พระสิทธัตถะพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นสิทธัตถะราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งเวภาระนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าอุเทน และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสุผัสสาเทวี
    สิทธัตถะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๑๐,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ โกกาสะปราสาท อุปปละปราสาท และปทุมะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า โสมนัสสาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๘๔,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p
    15 พระติสสะพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระสิทธัตถะพุทธเจ้าล่วงไปได้กัปหนึ่ง กัปต่อมาเป็นมัณฑกัป มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๒ พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์แรกทรงพระนามว่า พระติสสะพุทธเจ้า
    พระติสสะพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นติสสะราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งเขมกะนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าชนสันธะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางปทุมาเทวี
    ติสสะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๗,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ คุหาเสละปราสาท นาริสยะปราสาท และนิสภะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า สุภัททาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๓,๐๐๐ นาง<O:p</O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กรกฎาคม 2014
  4. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    16 พระปุสสะพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระติสสะพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระปุสสะพุทธเจ้า บังเกิดในมัณฑกัปเดียวกันนั้นพระปุสสะพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นปุสสะราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งกาสีนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าชัยเสน และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสิริมาเทวีปุสสะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๙,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ ครุฬปักขะปราสาท หังสะปราสาท และสุวรรณภาระปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า กีสาโคตมี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๐,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p
    17 พระวิปัสสีพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระปุสสะพุทธเจ้าล่วงไป กัปต่อมาเป็นสารกัป มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระวิปัสสีพุทธเจ้าพระวิปัสสีพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นวิปัสสีราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งพันธุมวดีนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าพันธุมะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางพันธุมดี
    วิปัสสีราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๘,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ นันทะปราสาท สุนันทะปราสาท และสิริมาปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า สุทัสสนา หรือสุตนูเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๑๒๐,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p
    18 พระสิขีพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระวิปัสสีพุทธเจ้าล่วงไป ๕๙ กัป ล่วงมาถึงมัณฑกัปหนึ่ง มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ ๒ พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์แรกทรงพระนามว่า พระสิขีพุทธเจ้า
    พระสิขีพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นสิขีราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งอรุณวดีนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าอรุณ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางปภาวดีเทวี
    สิขีกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๗,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ สุจันทกสิริปราสาท คิริยสะปราสาท และนาริวสภะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า สัพพกามาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๒๔,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p
    19 พระเวสสภูพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระสิขีพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระเวสภูพุทธเจ้า อุบัติขึ้นในมัณฑกัปเดียวกันนั้น
    พระเวสภูพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นเวสภูราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งอโนมะนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าสุปปตีตะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางยสวดีเทวี
    เวสภูกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๖,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ สุจิปราสาท สุรุจิปราสาท และรติวัฑฒนะปราสาท ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า สุจิตตาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๐,๐๐๐ นาง<O:p</O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กรกฎาคม 2014
  5. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    20 พระกกุสันธะพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระเวสภูพุทธเจ้าล่วงไป ๒๙ กัป จึงได้ถึงกัปปัจจุบัน เรียกว่าภัททกัป มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติแล้ว ๔ พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์แรกทรงพระนามว่า พระกกุสันธะพุทธเจ้า
    พระกกุสันธะพุทธเจ้า เกิดในสกุลพราหมณ์ชื่อว่า กกุสันธะกุมาร เป็นบุตรของพราหมณ์ปุโรหิตในราชสำนักของพระเจ้าเขมังกร เขมะวดีนคร นามว่าอัคคิทัตตะพราหมณ์ มารดาชื่อวิสาขาพราหมณี
    กกุสันธะกุมารเกษมสำราญอยู่ ๔,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ กามะปราสาท กามวัณณะปราสาท และกามสุทธิปราสาท มีภริยาชื่อว่า โรจินีพราหมณี และมีบาทบริจาริกาแวดล้อมอีก ๓๐,๐๐๐ นาง<O:p</O:p
    <O:p</O:p</O:p
    21 พระโกนาคมนะพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระกกุสันธะพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระโกนาคมนะพุทธเจ้า อุบัติขึ้นในภัททกัปเดียวกันพระโกนาคมนะพุทธเจ้า เกิดเป็นบุตรของพราหมณ์แห่งโสภวดีนคร นามว่า โกนาคมนะกุมาร บิดาคือยัญญทัตตพราหมณ์ และมารดาคืออุตตราพราหมณีโกนาคมนะกุมารเกษมสำราญอยู่ ๓,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ ดุสิตะปราสาท สันดุสิตะปราสาท และสันตุฏฐะปราสาท มีภริยาชื่อว่า รุจิคัตตาพราหมณี และมีบาทบริจาริกาแวดล้อมอีก ๑๖,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p
    22 พระกัสสปะพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระโกคมนะพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระกัสสปะพุทธเจ้า อุบัติขึ้นในภัททกัปเดียวกันพระกัสสปะพุทธเจ้า เกิดในสกุลพราหมณ์นามว่ากัสสปะพราหมณ์ เป็นบุตรของพราหมณ์แห่งพาราณสีนคร นามว่าพรหมทัตตะพราหมณ์ มารดาชื่อธนวดีพราหมณี
    กัสสปะพราหมณ์เกษมสำราญอยู่ ๒,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ หังสวาปราสาท ยสวาปราสาท และสิรินันทะปราสาทมีภริยาชื่อว่า สุนันทาพราหมณี และมีบาทบริจาริกาแวดล้อมอีก ๔๘,๐๐๐ นาง
    <O:p</O:p</O:p
    23พระสมณโคตมพุทธเจ้า

    หลังจากศาสนาของพระกัสสปะพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระสมณโคตมพุทธเจ้า อุบัติขึ้นในอันตรกัปที่ ๑๒ แห่งภัททกัปนี้พระสมณโคตมพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นสิทธัตถะราชกุมาร ในศากยวงศ์แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าสุทโธทนะ และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางสิริมหามายาเทวีสิทธัตถะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๒๙ ปี ในปราสาท ๓ หลัง คือ สุจันทะปราสาท โกกนุทะปราสาท และโกญจะปราสาท ทรงมีพระเทวีนามว่า ยโสธราพิมพา มีนางสนมนารีแวดล้อม ๔๐,๐๐๐ นาง<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กรกฎาคม 2014
  6. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เราก็จะเห็นว่าไม่มีพระองค์ในเลยที่ไม่มีสนมนารีแวดล้อมจำนวนน้อยกว่าหมื่น เพราะอะไร? ทำไม?

    เดี๋ยวมาต่อครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กรกฎาคม 2014
  7. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    หลักพรหมวิหาร ๔ นั้น ประกอบด้วย

    ๑. เมตตา
    ๒. กรุณา
    ๓. มุทิตา
    ๔. อุเบกขา

    นอกจากนั้น การใช้หลักธรรมในพรหมวิหาร ๔ นี้ยังต้องใช้ปัญญาประกอบอีก
    เช่น เมตตาก็ต้องประกอบไปด้วยปัญญา กรุณาก็ต้องประกอบไปด้วยปัญญา
    มุทิตาก็ต้องประกอบไปด้วยปัญญา และอุเบกขาก็ต้องประกอบไปด้วยปัญญา


    แต่น่าแปลกนะคะ ที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้อีกครั้งกลับกลายเป็นว่า
    เมตตาด้วยกิเลสอันมีราคะเจือปน กรุณาด้วยตัณหา
    มุทิตาด้วยมีมานะอยากให้ความคิดของตนชนะความคิดของคนอื่น

    ส่วนอุเบกขาไม่มี...ก็ไม่รู้ไปเที่ยวไหนสิ
    และยังมีการอ้างครูบาอาจารย์เพื่อสนับสนุนกิเลสของตนเองอีก
    ก็ลองพิจารณาดูนะคะ คงกล่าวสั้น ๆ เพียงแค่นี้...


    กราบขออภัยเจ้าของกระทู้ที่เข้ามาป่วน
    เรายังเป็นผู้ที่ต้องเรียนรู้และมีความเลวอยู่มาก หาดีไม่ได้เลย
    หากผิดพลาดในสิ่งใดก็กราบขออภัยและอโหสิกรรมด้วยนะคะ
    ครั้งนี้คงเป็นการโพสครั้งสุดท้ายในกระทู้นี้ค่ะ
    ขอให้พระโพธิสัตว์และเหล่านางแก้วทุก ๆ ท่านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ
     
  8. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ใจนางเหมือนดั่งโพธิสัตว์เจ้า
    ทนปวดร้าวทุกข์ระทมมิหวั่นไหว
    แม้บุรุษหมายปองมากมาย
    ก็อย่าหมายหากชายนั้นไกลห่างธรรม

    ด้วยอธิษฐานแรงบันดาลเป็นเกราะกั้น
    กายชีพนั้นน้อมแด่องค์พระชินสีห์
    ผูกสมัครรักโพธิญาณตามคู่บารมี
    ดั่งหงส์พญาปักษีมีใจภักดิ์เพียงรักเดียว!

    สมัยใดใจคิดคดอกุศลแทรก
    ย่อมระทมทุกข์ชำแรกใจแตกรักสลาย
    ด้วยวิบากกรรมตามติดจิตวุ่นวาย
    จึงพลาดหลงลงอบายชดใช้กรรม

    ถึงกระนั้นนางยังคงฝืนกลืนกล้ำ
    อธิษฐานพร่ำบำเพ็ญเพียรบ่มนิสัย
    ด้วยก่อนนั้นบารมีอ่อนจึงพลาดพลั้งไป
    อุบัติถือกำเนิดใหม่อาจไร้คู่ครอง!

    แม้ผู้บำเพ็ญโพธิกิจเองก็ดังนั้น
    หากถล่ำย่อมเผชิญทุกข์วิบากสนอง
    มากคู่รักหลากคู่ชิดผิดครรลอง
    ย่อมเดือดร้อนเพลิงราคะผลาญอุรา

    ด้วยผู้ข้าหน่อนั้นบารมีน้อย
    จึงค่อยๆบำเพ็ญจิตปิดอกุศล
    มีอนงค์หลายหลากผ่านมาให้ได้ยล
    แต่จำทนฝืนจาคะสละแก้วมายา!!!

    เพียรบำเพ็ญครองตนดำรงค์โสด
    หวังเพียงโปรดตามกำลังวาสนา
    ก็มิได้เศร้าหมองตามหาใครดอกนา
    ด้วยกรรมเก่าตนทำมาชาตินี้จึงมาละวาสนานิสัยเดิมๆ!

    ทั้งหมดคือความรู้สึกในจิตนั่น
    หากมิชอบธรรมท่านผู้รู้อภัยเถิดหนา
    ด้วยผู้ข้าชำนาญแต่เดินตามรอยบาทพระศาสดา
    ถือสัจจวาจาปณิธานมั่นในใจตน

    วันที่หนึ่งศุกร์นั้นได้อุบัติ
    ใกล้เที่ยงจัดหย่อนเพียงนาทีเดียวหนา
    ถือทิฎฐิมานะมิยอมละทิ้งอัตตา
    เรื่องคู่ครองนี้ถือนักหนาหากมิใช้นางใจเดียวแล้วอย่าหมายสมาคมเอย!
     
  9. กตเวที

    กตเวที สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +20
    "วันที่หนึ่งศุกร์นั้นได้อุบัติ
    ใกล้เที่ยงจัดหย่อนเพียงนาทีเดียวหนา"

    อ่านของคุณหน่อแล้วสงสัย
    ว่าบทสุดท้ายนี่เป็นการพูดถึงอนาคตของใครคะ
     
  10. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    อันนี้ก็ใช่ก็ถูก สำนวนลูกทุ่งใช้คำว่าลูกผู้ชายที่รัก ทั้งคำว่าศักดิ์ศรี หน้าที่ และใจที่เมตตาปราณี ต่อน้องนางเดียว คนอื่นอย่างไรอันนี้ไม่รู้ แต่สำหรับผม แม้จะมีน้องนางมาก แต่ไม่เคยไปทำกิริยาอาการเจ้าชู้กรุ้มกิ่มกับใคร อาการแบบนั้นมันไม่ใช่คนที่เป็นลูกผู้ชายบ้านนอกเขาทำกัน ผมชอบคำว่านักเลงที่แปลว่าคนจริง จริงมันทุกอย่าง หากเป็นเด็กก็แบบว่านอนสอนง่ายใฝ่ดี โตขึ้นก็ช่วยเหลืองานการพ่อแม่ขยันขันแข็ง ฝึกหัดศิลปวิทยาทุกอย่างที่ลูกผู้ชายควรมีควรเป็น คนจะต้องนำครอบครัวมีคุณสมบัติแค่ใหน หากไม่เกินวิสัยเป็นต้องใฝ่หา ยกตัวอย่างเช่นพ่อแม่เป็นชาวนา ตัวเองเป็นชาวนา คุณสมบัติต่างๆของชาวนา มีอะไรบ้าง

    ก็ต้องรูปร่างแข็งแรง ก็ต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงบึกบึนเพื่อสู้กับงานหนัก หากเป็นชาวนาแล้วทำตัวอรชรอ้อนแอ้น อ่อนแอหนักไม่เอาเบาไม่สู้ มันก็ดูไม่สมกับที่เกิดมาเป็นผู้ชาย

    ไอ้คนอย่างผมมันเน้นหนักที่เรื่องงานเรื่องภาระหน้าที่ มาแต่เล็กแต่น้อย มันทะนงองอาจในทุกสถานที่ แม้จะรับหน้าที่ดูแลหัวเมืองอย่างพระวิหารน้ำน้อย แต่เวลาเข้าเมืองอย่างวัดท่าซุง มันก็เดินอย่างยืดอกสง่าผ่าเผย แบบผู้ชายชาตรีตรงดิ่งเข้ากราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ กราบหลวงพี่เจ้าอาวาสด้วยเคารพนอบน้อม แบบที่คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วต้องหลีกทางให้ ต้องขยับที่ให้ นี่ที่เรียกว่าทะนงองอาจ ที่มันองอาจได้เพราะได้ทำหน้าทุกอย่างได้ตามที่ได้รับมอบหมาย ทำให้เห็นทั้งต่อหน้า ทำให้ประจักทั้งลับหลัง ทำที่ใหนก็ทำได้มาตรฐานเดียวกัน


    แต่ก็ไม่ได้อวดเบ่งกับใคร ใจนั้นมีแต่อ่อนน้อมอ่อนโยน ที่ต้องมีทั้งอ่อนนอกแล้วแข็งใน บางทีต้องแข็งนอกแล้วอ่อนใน เพราะต้องทำหน้าที่ ผมเองมันเป็นแบบนี้ เพราะด้วยยากด้วยลำบากในการทำหน้าที่ในแต่ละอย่าง มันจึงมีน้องนางติดตามถามไถ่ หยิบยื่นความเมตตาปราณีให้ เห็นเราตากฝนอย่างหนักเขาเรียกเข้าบ้านให้หลบฝน เห็นเราตากแดดขนาดหนักแล้วก็นานเขาจึงเรียกให้เข้าอาศัยร่ม


    แต่ไอ้คนอย่างผมนี่ไม่เคยวิ่งหลบแดดหลบฝนก่อนไปอาศัยชายคาน้องนางใหน มันทนงในคำว่าลูกผู้ชาย ไม่มีคำว่าไปทำอาการให้เขาดูหมิ่น หากเป็นนักบวชก็คือแม้มีอาหารวางข้างหน้า หากไม่มีใครประเคนถวายให้แม้จะต้องตายก็ไม่แตะอาหารนั้น นี่จึงทำให้ทนงเดินเข้าไปกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้ถึงแทบเท้าแบบไม่ต้องกลัวใคร

    นี่จึงคุยเรื่องนางแก้วแบบไม่กลัวใครเหมือนกัน ใครจะคิดจะมองแบบใหนไม่สำคัญ สำคัญคือความจริงที่ปรากฏแล้วนี้ ที่สำคัญคนที่เป็นนางแก้วเขามองเขาคิดของเขาเองไม่ได้มีใครไปบังคับเขา


    อย่างหนึ่งเหมือนกันสำหรับผมหากจะมีใครที่จะมาเป็นนางแก้ว มารักมาเป็นคู่ครองน้องนางนั้นๆก็ต้องมีใจเดียวที่ซื่อสัตย์จงรักและภักดีตลอดกาล ไม่ใช่ก็ไม่เอา คนใหนใช่ที่เคยติดตามมาในอดีตที่มีความเข้าใจก็ไม่มีการกีดกันใคร ขอเพียงแต่ใฝ่ดีใฝ่ในทางที่เป็นสัมมาทิฐิ


    นักบวชแม้จะมีอาหารที่ญาติโยมถวายให้ไว้แล้วเต็มที่เต็มโต็ะอาหารจนไม่มีที่จะวาง แต่เมื่อมีคนที่เขาเคารพสัทธานำมาถวายให้ทีหลังก็ต้องรับการถวาย รับการประเคนเป็นการเจริญสัทธา เป็นการส่งเสริมให้เขาเข้าถึงธรรมถึงความดี ฉันใด ผมเองก็อย่างเดียวกัน อาหารหากไม่มีการอนุญาติไม่มีการประเคนก็ไม่แตะหิวให้ถึงตายก็ไม่แตะ เพราะมันผิดวินัย


    แต่หากแม้มีจนล้นแต่หากเขาต้องการให้ ต้องการถวายอันนี้รับแล้วก็จะรับทั้งหมด หากว่าอาหารนั้นทำมาอย่างถูกต้องตรงพระวินัยแล้ว ผมเป็นของผมแบบนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กรกฎาคม 2014
  11. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    เป็นอุบัติแห่งตนใช่ใครหนา
    เจตนาเพื่อระบายฟังเฉยๆ
    ด้วยจริตตามกำลังทิฎฐิเอย
    นำมาเฉลยสื่อนิสัยในตัวตน

    มิได้หมายแต่งเรื่องมาอวดอ้าง
    ด้วยเห็นความนัยกระทู้ชวนเปิดเผย
    อยากให้ทราบว่าคนแบบนี้ก็มีอยู่นะเอย
    จะได้เสบยใจแล้วมั่นคงตรงปณิธาน
     
  12. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
  13. พงศ์ภูพาน

    พงศ์ภูพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +4,432
    ....ผมอ่านเเละ โมทนาสาธุ กับ..เพื่อนๆ พี่น้องในบอร์ดพุทธภูมิ..ในหลาย หัวข้อ..สักหนึ่งปีผ่านมา..


    ...ใด้ ตั้งกระทู้เองบ้าง...เเสดงความคิดเห็น ทั้งโมทนากับ กระทู้ ท่านอื่นๆบ้าง..


    ...เเต่..สำหรับเรื่องนางเเก้ว...เเล้วนั้น.. อ่าน ความคิดเห็นเเละ ประสบการณ์ ของเพื่อนๆ


    ...พยายามที่จะเขียนเรื่อง.."นางเเก้วคู่บารมี " (ของตัวเอง)..อยู่หลายครั้ง..จนถึงตอนนี้..จึงพอคิดออกว่าจะเล่า..เรื่องราว ...."นางเเก้ว คู่ชีวิต " ของผมเอง เท่าที่จะพอ เรียบเรียงใด้..ครับ
     
  14. พงศ์ภูพาน

    พงศ์ภูพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +4,432
    ....ผมเอง ..เกิดในครอบครัว..ที่ศรัทธามั่น ในพระพุทธศาสนา..คุณพ่อคุณเเม่ท่าน ทั้งค้าขายเเละเป็นเกษตรกร..ฐานะปานกลาง


    ... สุภาพสตรี ที่ผม ขอใช้คำว่า .."นางเเก้ว คู่บารมี"..นั้นพบกัน.. เมื่อ สมัยเรียน มหาวิทยาลัย..ปีสาม...

    ....เป็นผู้หญิงที่ ..รูปลักษณ์ อ่อนโยนอบอุ่น...โอบอ้อมอารีย์ ..น้ำเสียง ไพเราะ ..เเต่ถึงบทจะต้อง "เข้ม"..เธอก็ทำใด้อย่างพอเหมาะพอดี...ร่วมโมทนา..เเละอยู่เคียงข้าง...การบำเพ็ญ บารมี..."วิริยาธิกะ พิเศษ "..ของผมเอง อย่างดีที่สุด




    .... ผมขอใช้คำว่า "เป็นผู้หญิง ที่ รักมั่น..เเละเชื่อถือใด้ที่สุด ..ทั้งความเป็น เพื่อนพี่น้อง..ความเป็นคู่ชีวิต..ความเป็น ลูก... เเละความเป็นเเม่"



    ....สิ่งสำคัญที่สุด คือ .."เธอสนับสนุน เเละโมทนา ในการบำเพ็ญบารมีของเรา..อย่างถึงที่สุด อย่างไม่มี..ข้อจำกัด ..ทั้งอยู่เคียงข้าง เราในทุกสถานการณ์"




    ...เธอ ..เป็นที่รัก ..เเก่ เพื่อนๆน้องๆ..ผู้ร่วมงาน.. ในสายงาน "ราชการ" ของเธอ "เป็นองค์กรขนาดใหญ่ ที่ผู้ร่วมงานเป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด.."...

    ...ด้วยความตั้งใจจริงในการทำงาน ...ใด้รับรางวัล "บุคลากรดีเด่น" (จากเจ้าหน้าที่ทั้งหน่วยงาน นับพันคน) ..ห้าปี ที่ผ่านมา .. จำนวน ..3..ครั้ง


    ...เป็นวิทยากร เเละ ผู้เชี่ยวชาญ ในสาขาของเธอ...ในระดับประเทศ ..

    ...เธอ ..มักจะนิมนต์ "พระสงฆ์ สุปฎิปัญโณ"..มาที่ หน่วยงาน...ให้ "ผู้ป่วย (ส่วนมากมักเป็นระยะสุดท้าย) เเละญาติ" ..ใด้ ฟัง "ธรรม"..เเละ ถวายสังฆทาน ..อยู่เสมอๆ


    ...หลายครั้ง ที่เธอ ..ดูเเลผู้ป่วย ทั้ง "การจัดการอาการ.."...ทางกาย เเละ ..ดูเเลประคับประคองทางใจ..ตามเเนวทาง "เเห่งพระพุทธศาสนา"..จนวาระสุดท้าย (ซึ่งหลายครั้ง ใด้ นิมนต์ พระสงฆ์ ..มาโปรด ผู้ป่วย ถึงที่เตียง )


    ....ผมเองก็ เฝ้าสังเกตุ ในสิ่งที่เธอปฎิบัติ (พร้อมทั้งคอยช่วย ในการงานของเธอ อยู่บ้าง).. รู้สึกถึง "ความเป็น..ยอดหญิง" ของ สุภาพสตรีท่านนี้




    ... "เราเองใด้ เอ่ย ขอบคุณเเละโมทนา ในทุกสิ่งเเห่งความดี ..ที่ เธอใด้ ถือปฎิบัติ เสมอมา"


    ...ขอบคุณ ที่เธอ เดินทางเป็นคู่บารมี .."มานานเเสนนาน"....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2014
  15. view2004

    view2004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +1,107
    ปฐมจิตอธิษฐานคู่บารมี เริ่มตั้งแต่สุเมธดาบสโพธิสัตว์ กับสุมิตตราพราหมณี

    [​IMG]
     
  16. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,479
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +70,074
    ........ตามชื่อกระทู้ ถามถึง "" ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ "


    ซึ่ง มีหลายระดับ ตามกำลังใจ ที่ได้ฝึกฝน

    ตามการผ่านระยะเวลาแห่งการอบรมบ่มบารมีสามสิบทัศน์มามากน้อยต่างกัน


    อาจเป็นแค่ผู้ปรารถนา แต่ยังไม่ได้เริ่มบนทางแห่งบารมีสามสิบทัศน์เต็มก้าวเลย
    แม้แต่ก้าวแรก หรือ เป็นผู้เดินก้าวย่างบนทางนั้นอย่างเต็มฝ่าเท้า(คือด้วยอิทธิบาท)



    .....นี่คือ ความรู้สึกของพระเวสสันดร ซึ่งเป็นผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ ซึ่งมีพระบารมีใกล้ขีดสุดแล้ว ได้รับพุทธทำนายแล้ว (ในชาติแห่งสเมธดาบส)กล่าวไว้ว่า


    "...เราสละพ่อชาลีและแม่กัณหาชินา ผู้เป็นบุตรธิดาและพระนางมัทรี
    เทวีผู้มีจริยาวัตรงดงามไม่คิดถึงเลย เพราะเหตุแห่งพระโพธิญาณนั้นเอง
    บุตรทั้งสอง...พระเทวีมัทรีเป็นที่น่ารังเกียจก็หาไม่แต่พระสัมพัญญุต
    ญาณ เป็นที่รักของเรา เพราะฉะนั้นเราจึงให้บุตรธิดาและภรรยาผู้เป็นที่รัก
    (๓๓/๑๑๘-๑๑๙/๗๔๒) "

    ----------------------------------------------------------------------------


    ความสำนึก ในบุญคุณความดี ของคนรอบกายที่เกื้อกูลในการสร้างบารมี

    ของโพธิสัตว์ที่ใจมั่นคงในพระโพธิญาณ ย่อมมีอยู่เสมอ


    ไม่ว่า บุคคลเหล่านั้น จะเกิดมาเป็นบุพการี สามี ภรรยา บุตร บริวาร ทั้งคนและสัตว์


    ใจนั้นมีรากแก้วแห่งการสร้างพระบารมีสามสิบทัศน์หยั่งรากลึกแล้ว ไม่สามารถมี
    ต้นไม้ใหญ่อื่นใด ขึ้นมาซ้อนทับขึ้นมาได้อีก ในกลางใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 กรกฎาคม 2014
  17. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,479
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,025
    ค่าพลัง:
    +70,074
    .............น้ำใจ แห่งผู้ดื่มด่ำ ในอัปมัญญาพรหมวิหาร มั่นคงด้วยอิทธิบาทในการบำเพ็ญบารมีสามสิบทัศน์ให้ได้เต็มเปี่ยม

    พร้อมด้วยคุณสมบัติพิเศษ ที่อธิษฐานสร้างเพื่อใช้โปรดสรรพชีวิตในยุคที่ได้ครอบครองรัตนบัลลังค์เพื่อสะบั้นโซ่ตรวนแห่งวัฏฏะสงสาร ปลดปล่อยสรรพชีวิตสู่ความพ้นทุกข์



    .........ย่อมมีความรักอันเป็นเมตตา ต่อสรรพชีวิตเสมอกัน

    เพียงแต่ว่า รู้จักว่า ชีวิตใดมาทำหน้าที่ใด รอบกายตน

    ชีวิตใด ต้องไปถือกำเนิดไกลจากการบริหารหน้าที่ ชีวิตใดไกลจากการเกื้อกูล ส่งเมตตากรุณา อยู่ไกลตน ชีวิตใดมีเหตุปัจจัยไม่ได้มาทำหน้าที่
    อยู่ในสายตา ชีวิตใดยังไม่ได้มาเป็นเครือญาติเพื่อนฝูง ฯลฯ

    ไม่ได้แสวงหาทรัพย์สิน บริวาร อาณาจักร และสิ่งใดๆอันเป็นสิ่งที่โลกสรรเสริญว่าเป็นยอดแห่งความสุขคู่ควรการแสวงหา (แบบโลก)

    ....แม้สิ่งเหล่านั้น จะเกิดมีได้ด้วยบุญบารมี หรือเหตุใดก็ตาม ก็ไม่ได้ยึดติดว่า
    นั่นเป็น ของตน และ ลำเอียงด้วยอคติ ด้วยรักแบบกิเลส ในสิ่งที่โลกเรียกว่า "ของตน"


    ......เสียงร่ำให้ ของชีวิตหนึ่งที่ไม่เคยรู้จัก ในยามที่พระโพธิสัตว์ผู้มีบารมีแก่กล้าได้ยิน จะมีความสำคัญ ไม่ต่างจาก สตรีที่ทำหน้าที่ใกล้กายตนเลย


    ...น้ำตาของศัตรูที่ต้องมารบราฆ่าฟันกัน เพื่อแย่งสมบัติในโลก ไม่ต่างจากน้ำตาของคนใกล้กายตน


    เพราะ ใจนั้น รู้ดีว่า "ทุกสรรพสัตว์ ล้วนมีทุกข์ที่รอการปลดปล่อย"



    ความทุกข์ของทุกชีวิต อันเป็นอริยสัจจ์ที่ปรากฏในทุกอายตนะ
    คือแรงสำคัญที่สุด ที่คอยผลักดัน ให้มุ่งมั่นก้าวเดินในเส้นทางบารมีสามสิบทัศน์ จนเกิดความรักยิ่งกว่าจะมีรักใดมาเปรียบในพระโพธิญาณ
    ..ที่ต้องไปให้ถึง ด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยมว่า จะนำมารื้อถอนสรรพสัตว์ออกจากทะเลทุกข์นั้นได้


    <object width="640" height="480"><param name="movie" value="//www.youtube.com/v/NF5Wzapjyqo?hl=th_TH&amp;version=3&amp;rel=0"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="//www.youtube.com/v/NF5Wzapjyqo?hl=th_TH&amp;version=3&autoplay=1&amp;rel=0" type="application/x-shockwave-flash" width="640" height="480" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 กรกฎาคม 2014
  18. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252

    โมทนาสาธุอย่างยิ่งกับคุณพงค์ภูพานนะครับ หากเรามีนางแก้วที่รู้ใจเช่นนี้ เคียงข้างกายใจ เราก็จะรู้ด้วยตัวเองว่า คนที่มีคุณกับอย่างยิ่งนั้นก็คือนางแก้วนี่เอง


    จากใจผู้ปรารถนาพระโพธิญาณวิริยาธิกะพิเศษคนหนึ่ง ที่ได้ตอบคำถามคนที่สงสัยว่ารู้สึกอย่างไรกับนางแก้วของตัวเอง คนที่ปรารถนาพระโพธิญาณโดยเนื้อแท้เท่าที่ผมสังเกตุมา ทุกท่านมีแต่กตัญญูรู้คุณ ในเมื่อนางแก้วมีคุณอนันต์ มีส่วนช่วยเหลือสนับสนุนกิจพระโพธิญาณเป็นอย่างยิ่ง เราจะยิ่งเห็นคุณค่ายิ่งใหญ่ในเวลาทีคับขันอันตราย คนที่อยู่กับเราจนวินาทีสุดท้ายก็นางแก้วนี่แหละ

    ฉะนั้นคนที่กำลังใจระดับนางแก้วทั้งหลายคงหายสงสัยลงไปบ้าง เราพุทธภูมิรู้สึกอย่างไรกับนางแก้วของตัวเอง แม้ของผู้อื่นก็ยินดีโมทนาสาธุการ

    แก้วของผมอีกสักครั้งที่ยอมทิ้งทุกอย่างเรียกว่าไปตายเอาดาบหน้ากับผม ไปแบบไม่รู้อนาคต เสี่ยงเกินร้อยเปอร์เซ็น ไม่มีอะไรที่จะรับประกันเขาได้เลยชีวิตอนาคตของผู้หญิงคนหนึ่งที่ใสซื่อ ด้วยใจรักและไว้วางใจเท่านั้นจึงยอมติดตามแบบถึงใหนก็ถึงกัน ทำอะไรก็ทำตามกัน

    แล้วเวลาคับขันของชีวิตหลายต่อหลายครั้ง เจ็บหนักต้องผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลัง ถูกวางยาสลบห้าครั้ง ครั้งละสามถึงสี่ชั่วโมง ครั้งสุดท้ายผ่าตัดใหญ่ตัดกระดูกสันหลังออกครึ่งซีก สามข้อ ต้องเข้าไอซียูกันเลย ครั้งสุดท้ายติดเชื้อต้องต่อเวลาออกไปอีก ลืมตาจากการสลบ ครั้งแรกก็เห็นนางแก้วยืนตาแป๋วอยู่ข้างๆทุกครั้ง โถอย่างนี้จะไม่ให้ผมสงสาร ให้เขาหาแก้วที่พอๆกันมาช่วยเขาทำกิจการงานอื่นๆได้ไง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0001[1].jpg
      scan0001[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      136.5 KB
      เปิดดู:
      64
    • DSC05749.jpg
      DSC05749.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.4 KB
      เปิดดู:
      55
    • DSC05745.jpg
      DSC05745.jpg
      ขนาดไฟล์:
      176.2 KB
      เปิดดู:
      68
    • DSC04380.jpg
      DSC04380.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.1 KB
      เปิดดู:
      60
    • DSC04390.jpg
      DSC04390.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85.5 KB
      เปิดดู:
      65
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 กรกฎาคม 2014
  19. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    โพสนี้ขอlikeพันครั้งค่ะ:cool:
     
  20. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ถ้าสมมติว่า ดิฉันจะต้องรับใช้ใครซักคน(สมมตินะคะ) ก็อยากจะเจอแบบคุณMiss Brownอ่ะค่ะ:p
     

แชร์หน้านี้

Loading...