คําทํานายต่างๆที่เกี่ยวกับประเทศไทย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 10 มกราคม 2007.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** กาขาว ***

    [​IMG]

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • feb11-06_01.jpg
      feb11-06_01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.2 KB
      เปิดดู:
      10,837
  2. แมวน้ำ9

    แมวน้ำ9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    689
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +512
    ภูอันธพาน ( ภูพาน )
    อาตมา ขึ้นเครื่องบินผ่านภูอันธพาน ไม่อยากเรียกว่า ภูพาน ดังที่เขาเรียกกัน เพราะภูนี้มีแต่พวกอันธพานทั้งน<WBR>ั้น ได้พิจารณาถึงเหตุการณ์บ้านเมือ<WBR>ง การสู้รบของทหารเห็นว่า เราทุกคนจะไม่แพ้ จะไม่ตกเป็นทาสของใครๆ ดังที่พวกเราพากันวิตกกังวลกันอ<WBR>ยู่ในขณะนี้ แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห<WBR>ัวก็ทรงวิตก และทรงมีความห่วงใย ประเทศชาติ บ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง

    ดัง ที่เห็นได้ว่าเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2518 พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมรา<WBR>ชินีนาถได้เสด็จไปยังวัดของอาตม<WBR>า ( วัดท่าซุง ) และได้ตรัสถามความเป็นไปของบ้าน<WBR>เมือง ในอนาคตว่าจะเป็นไปของบ้านเมือง<WBR>ในอนาคต ว่าจะเป็นอย่างไร


    อนาคตของชาติ
    อาตมาได้ถวายพระพระองค์ว่า ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะไม่<WBR>ตกเป็นทาสของใคร อาตมาขอถวายชีวิตเป็นประกันเกี่<WBR>ยวกับเรื่องนี้ พ.ศ. 2520 เป็นต้นไป
    ประเทศ จะดีขึ้นเรื่อยๆ ความเยือกเย็นจะเริ่มปรากฏ ความมั่นคงสมบูรณ์จะมีขึ้นแก่ปร<WBR>ะเทศชาติ และประชาชน แต่จะยังไม่ปรากฏชัดนัก แต่จะมองเห็นได้ชัดๆ ก็ต้องปี พ.ศ.2524 เปรียบเหมือนอรุณได้ขึ้นนัก และเริ่มจะฉายแสงให้เห็นความมืด<WBR>หมดไป ที่อาตมากล้ายืนยันต่อพระองค์ เช่นนั้น เพราะเหตุผลหลายประการ คือ

    คำทำนายของพระพุทะโฆษาจารย์
    ใน ประการแรก อาตมาได้พบและได้อ่านหนังสือเล่<WBR>มหนึ่ง เป็นสมุดข่อย ซึ่งพระอรหัตน์ ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำไย ) เขียนไว้ ทำนายเกี่ยวกับชะตาบ้านเมือง ท่อนที่กรุงศรีอยุธยามากู้ชาติ ได้แล้ว จะต้องไปตั้งเมืองหลวงใหม่ และเหตุการณ์ ต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียเสียอ<WBR>ิสรภาพแก่พม่า ตอนที่กรุงเพฯยังไม่ปรากฏ
    โดยท่านได้เขียนทำนายไว้ว่า กรุงศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตี<WBR>แตก แต่จะเสียอิสระไม่นานนัก จะมีคนดีของกรุงศรีอยุธยามากู้ช<WBR>าติได้แล้ว จะต้องไปตั้งเมืองหลวงใหม่ และ เหตุการณ์ต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาก็ได้เป็นความจ<WBR>ริงตามคำทำนายทุกอย่าง
    ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้ง 10. รัชกาล
    ใน สมุดข่อยเล่มเดียวเดียวนี้ พระพุทธโฆษาจารย์ ได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิ<WBR>ดขึ้นแก่ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ ในวันข้างหน้า ซึ้งเป็นการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ล<WBR>ะ รัชกาลดังนี้

    รัชกาลที่ 1. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
    รัชกาลที่2. รู้จักธรรม
    รัชกาลที่3. จำต้องคิด
    รัชกาลที่4. สนิทธรรม
    รัชกาลที่5 .จำแขนขาด
    รัชกาลที่6.ราษฎร์ราชาโจร
    รัชกาลที่7. นั่งทนทุกข์
    รัชกาลที่8. ยุคทมิฬ
    รัชกาลที่9. ถิ่นกาขาว
    รัชกาลที่10. ชาววิไล


    ความแม่นยำของคำทำนาย
    เมื่อพิจารณาถึงคำทำนายและเหตุก<WBR>ารณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละรัชกาล ก็จะเห็นได้ชัดว่าคำว่าคำทำนายน<WBR>ั้นถูกต้องเพียงใด

    รัชกาลที่1. ผ่านพระเจ้าตากสินขึ้นครองราชย์<WBR>สมบัติ

    รัชกาลที่2.ท่านว่างจากศึกสงครา<WBR>มก็เห็นมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา<WBR> ให้สงฆ์ค้นคว้าธรรมวินัยรวบรวมเ<WBR>ป็นใหญ่

    รัชกาลที่3.ท่านมีหัวคิดริเริ่ม<WBR>หาเงินสร้างสรรค์บ้านเมือง ให้เจริญรุ่งเรืองปรากฏมาจนถึงท<WBR>ุกวันนี้

    รัชกาลที่4. ท่านสนิทธรรมก็เพราะราชาองค์นี้<WBR>ทรงผนวชถึง 27 พรรษา มีความคล่องตัวในธรรมวินัย ทรงไว้ซึ่งพระไตรปิกฎอย่างแตกฉา<WBR>น และยังมีความสนิทสนมกับ สมเด็จพระพุทธพุฒาจารย์ ( โต ) อย่างยิ่ง เป็นคู่บารมีกัน

    รัชกาลที่5. จำแขนขาด เราเห็นได้ชัดเจนมาก เพราะเราต้องเสียดินแดนไปหลายคร<WBR>ั้ง หลายหนโดยพระองค์ทรงยอมเสียแขนด<WBR>ีกว่าเสีย หมดทั้งตัว คือยอมเสียผืนแผ่นดินบางส่วนเพื<WBR>่อรักษาเอกราชของชาติไว้

    รัชกาลที่6. ราษฎร์าชาโจร เพราะทรงใช้จ่ายเงินในท้องพระพร<WBR>ะคลัง จนหมดสิ้น แต่อาตมาเห็นว่า พระองค์ทรงเป็นชาตินิยม มีพระปรีชาสามารถปลุกใจประชาชน ให้รักชาติบ้านเมือง เช่นมีเพลงบทบทหนึ่งพระราชนิพนไ<WBR>ว้ว่า ใครมาเป็นเจ้าของเจ้าข้าครอง คงจะต้องบังคับไล่ เคี้ยวเข็ญ เย็นค่ำร่ำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงได้ทำทุกอย่าง ให้บุคคลอื่นเห็นว่า พระองค์ไม่ถือพระองค์ยังสามารถท<WBR>ำให้ ไทยเป็นที่ปรากฏแก่ ชาวโลก โดยส่งทหารไป ช่วยสงครามโลกครั้งที่1. จึงจำต้องใช้เงินมาก แม้จะใช้เงินมาก แต่ก็เกิดประโยชน์ก็เกิดแก่ประเ<WBR>ทศชาติอย่างหนัก

    รัชกาลที่7. นั่งทนทุกข์ พระองค์เสวยราชสมบัติอยู่ในเกณฑ<WBR>์ตกอับพอดี เงินท้องพระคลังก็หมดมาแต่รัชกา<WBR>ลก่อน พระองค์จึงทรงประทับอยู่บนกองทุ<WBR>กข์ ต้องดุลข้าราชการออกเป็นจำนวนมา<WBR>ก เท่านั้นยังไม่พอต่อมาพระองค์ต้<WBR>องจำพระทัยสละราชสมบัติ ไปนั่งทนทุกข์ ต่อดุลข้าราชการออกเป็นจำนวนมาก<WBR> เท่านั้นยังไม่พอ ต่อมาพระองค์ต้องจำพระทัยสละราช<WBR>สมบัติ ไปนั่งทนทุกข์อยู่ต่างแดนจนสิ้น<WBR>พระชนม์

    รัชกาลที่ที่8.ยุค ทมิฬ บ้านเมืองอยู่ในสภาวะสงครามโลกค<WBR>รั้งที่2. ประชาชนตกอยู่ในสภาพบ้านแตกอดอย<WBR>ากแค้นแสนสาหัส พระมหากษัตริย์ลูกลอบปลงพระชนม์<WBR>จนสวรรคต

    รัชกาลที่9.ทำนายว่า ถิ่นกาขาว เราก็เห็นว่าฝรั่งมาอยู่เต็มบ้า<WBR>น เต็มเมืองล้วนแต่คนผิวขาวทั้งนั<WBR>้น

    รัชกาลต่อไป คือรัชกาลที่ 10. ทำนายว่า ชาววิไล หมายความว่า บ้านเมืองของเราได้ผ่านยุคเข็ญ จะประสบความเจริญรุ่งเรืองกันเส<WBR>ียที
    เราจะมั่งคั่งสมบูรญ์เหมือนานาอ<WBR>รยะธรรมประเทศที่เจริญแล้วทั้งห<WBR>ลาย

    ราชวงศ์จักรีจะมีเพียง 10 รัชกาลเท่านั้นรึ ?
    ปัญหาที่น่าคิดไปคือว่า ทำไมพระพุทธโฆษาจารย์จำทำนายเหต<WBR>ุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง 10 รัชกาลเท่านั้น ?

    กรุงเทพ มหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง 10 พระองค์เท่านั้นหรือ ? เป็นเรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศ<WBR>ษ จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับหลวงพ่<WBR>อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ ซึ่งจิตของท่านเองเป็นสมาธิเข้า<WBR>ถึงขั้นอภิญญา สามารถที่จะรู้จริงในเรื่องอดีต<WBR>ปัจจุบัน อนาคต ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆองค์ขณะนี้<WBR> ทุกๆรูปอาตมาได้สอบถามจากท่านเร<WBR>ื่องต่างก็ยืนยันตรงกันว่า

    พระ มหากษัตริย์จะมียังมีอยู่คู่กับ<WBR>ชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ 10 พระองค์ เท่านั้น แต่ที่พยากรณ์ไว้เพียงแค่นั้นก็<WBR>เพราะว่าเริ่มตั้งแต่รัชกาลที่1<WBR>0 เป็นต้นไป บ้างเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวยประเทศไทย<WBR>จะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่<WBR>ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป ไม่ล้มลุกคลุกคลานดังที่แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไป<WBR>อีก
     
  3. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    ถิ่นกาขาวตามทำนาย น่าจะหมายถึง ยุคที่ชาวบ้านตาพร่ามัวเห็นคนพาล กลายเป็นฮีโร่ สนับสนุนให้มีอำนาจรัฐ กร่างจนสุจริตชนเกรงกลัวจนตาขาว
    ชาวบ้านเห็นคนดีกลายเป็นผู้ร้าย ต่างพยายามรุมทำร้ายคนดี ขัดขวางคนดีไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสะดวก ทำให้บ้านเมืองไม่สงบ
    แบบกาตัวดำ คนทั่วไปมองเห็นอีกาเป็นสิ่งอัปมงคล เป็นสิ่งไม่ดี ถ้ากาขาว ก็น่าจะเป็นแบบว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัว คนชั่วที่มีอำนาจทำผิดไม่เป็นไร แต่คนดีคิดไม่เป็นพวกกาน่ะ กลายเป็นชั่ว
     
  4. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    โลกปรับโครงสร้างสมดุล

    ภัยพิบัติในช่วงนี้ เป็นเพียงการปรับสมดุลโครงสร้างของโลก
    ซึ่งโลกยังไม่ถึงกาลอวสานง่ายๆอย่างที่คาดการณ์ไว้ตามตำราหรือหมอดูต่างๆ
    อายุของโลกเราโดยเฉลี่ยแล้วมีมากว่าที่คาดการณ์ของนักวิทยาศาสตร์มากเลย
    ซึ่งโครงสร้างของโลกเรานั้นมีขนาดมหึมา...ย่อมแข่งแกร่งและยากต่อการพังทลาย...
    ย่อยยับในอีกปี หรือ 2ปี อย่างที่เป็นข่าว
    ลองนึกดูน่ะท่าน ขนาดดาวพุธและดางศุกร์ที่อยู่ไกล้ดวงอาทิตย์กว่าโลกยังดำรงอยู่ได้เลย..
    ...(รายละเอียดต่างๆจะทยอยชี้แจงให้ทราบในโอกาศต่อไปครับ)

    (วัตถุที่เกิดแล้วเป็นรูปธรรมย่อมยืนยงยาวนานเสมอ...)
    โมทนา สาธุการธรรม
    << อินทรปัญญาสกุล >>
     
  5. แมวน้ำ9

    แมวน้ำ9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    689
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +512
    เรื่องนี่เราต้องดูกันนานๆๆค่ะ "กรรม" จะเป็นตัวตัดสินทุกๆอย่างเอง ดิฉันเชื่อว่าคนเราหนีกรรมไปไม่ได้ คนเราบางที่อาจจะเห็น"กาเป็นสีขาว-หรือ-ว่าเห็นกาเป็นสีดำมันก็เป็นไปได้ทั้งนั้นค่ะ แต่ยังไงกาก็คือกาๆจะกลายเป็นหงส์คงจะไม่ได้ กราบโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
     
  6. แมวน้ำ9

    แมวน้ำ9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    689
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +512
    คำทำนายหลวงปู่สรวง(เทวดาเล่นดิน)ทายไว้ก่อน2542<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->[​IMG]
    ต่อไปนี้ พ.ศ. 2555 คนเก่งอยู่ในเมืองไทย อยู่ที่ไหนก็ตามแต่ มุมไหนก็แล้วแต่ พ่อ - แม่ - ญาติพี่น้อง ไม่ต้องสู้ จะตายหมด น้ำทะเลตีข้างล่างได้ครึ่งโลกแล้ว ไม่ใช่ครึ่งประเทศนะ ครึ่งโลกแล้ว มาบอกให้หยุดนะ ไม่ต้องอยากชนะกันให้ออกไป อย่ามีเวร อย่ามีกรรม

    ครั้งที่สองบอกอีก เป็นภาษาเขมรว่า ให้ออกก่อน

    "พวกที่ทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ออกไปก่อน นางนาคเป่าน้ำน้ำทะเลเต็มไปหมด"

    ให้มันไปแต่พวกนี้ ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ กลับเข้ามาก็ตีท่วมภูเขา มีทั้งดินมีทั้งโคลน

    "พวกทำไม่ดีตายหมด" แกว่า...เทวดาตัดสินเอง เจ้ากรรมนายเวรตัดสินเอง หลวงพ่อไม่กลัว(ลป.สรวง) แล้วก็ไม่หนีด้วย หลวงพ่อนี่ในตัวสังขละ ท่านสร้างมาหลายวัดเหมือนกัน ไปอยู่ที่นั่นเขาเอาระเบิดเข้าไป สามปีมอบตัวกันหมด ที่ถนนดินแดงหลวงพ่อก็ไป

    ถาม - ที่ หลวงปู่สรวง พูดหมายความว่ายังไง ?

    ตอบ - แปลว่า ไม่ต้องกลัว 2555 นางนาคเป่าน้ำ ท่วมทั้งน้ำทั้งดิน ตายวอดวาย คนที่ไม่ดีตายหมด คนดีไม่ตาย

    "คนดีมันเป็น ไม่ตายจะรอด"

    ท่านบอกให้คอยดู แต่มาเป่านี่มันปี 2547 - 2550 ไม่ใช่สึนามินะ นางนาคสิเป่า ปี 55 แถวเราน้ำไม่มี เขาว่านางนาคเอาขึ้นข้างบน สามวันสามคืนก็เป็นลูกเห็บ ลูกที่หนึ่ง ลูกที่สอง ถูกใครตายระเนระนาด อย่าให้ถึงขนาดนั้น "คนดีไม่ตาย"

    แกว่างั้นนะ ถ้าคนมีศีลห้าไม่ถูก ก็เรา ไม่ได้กบฎพระเจ้าอยู่หัว คนที่กบฎ คนที่อยากชนะ ผืนแผ่นดินนี้ตายแน่ จะยึดแผ่นดินเป็นหลักแค่นั้นแหละ ปีนี้นาคไม่ขึ้นที่หนองคาย นาคไม่ขึ้น<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  7. แมวน้ำ9

    แมวน้ำ9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    689
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +512
    [​IMG]
    ใน โบราณกาล มีศิลปศาสตร์หลายประการที่เป็นหัวข้อวิชาบังคับซึ่งพระมหากษัตริย์ในฐานะผู้ปกครอง ประเทศ และในฐานะจอมทัพจะต้องทรงศึกษาไว้ อาทิ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ศิลปะการต่อสู้โดยใช้ อาวุธในรูปแบบต่างๆยุทธศาสตร์ที่ต้องใช้หลักวิชาตามตำราพิชัยสงครามซึ่งจะมีหัวข้อวิชาเกี่ยวกับ โหราศาสตร์อยู่ด้วยเพื่อใช้ในการคำนวณหาฤกษ์ที่สำคัญต่างๆ เช่น ฤกษ์เคลื่อนทัพฤกษ์ฤกษ์เข้าตี ข้าศึกเป็นต้นสำหรับวิชาโหราศาสตร์นี้พระมหากษัตริย์บางพระองค์ได้สนพระทัยศึกษาอย่างจริง จังแล้วนำมาประยุกต์ใช้งานด้วยพระองค์เองดังตัวอย่างพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ซึ่งทรงได้รับการยกย่องกันในวงการโหรเมืองไทยว่า ทรงมีความรู้และเชี่ยวชาญใน วิชาการโหราศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง แต่บางพระองค์ก็เพียงแต่ศึกษาตามหน้าที่เป็นความรู้ ส่วนราย ละเอียดในทางปฏิบัตินั้นได้ทรงมอบให้แก่โหรหลวงซึ่งเป็นตำแหน่งขุนนางที่มีเกียรติท่านหนึ่ง เป็นผู้รับผิดชอบ โหรหลวงบางท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นถึงพระยาโหราธิบดี
    ผมได้เคยเขียนบทความเกี่ยวกับพระราชอัจฉริยภาพในด้านการสื่อสารของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณให้ประชาชนคนไทยได้รับทราบในวโรกาสที่สำคัญ โดยเฉพาะในวันเฉลิมพระชนมพรรษามาแล้วหลายตอนซึ่งดูจะครบถ้วนสมบูรณ์แล้วในด้าน การสื่อสาร ในวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๙ ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่ ๖๙ จัดได้ว่า เป็นวโรกาสที่สำคัญยิ่งอีกวาระหนึ่ง เนื่องจากเป็นวันนี้ยังอยู่ในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ฉลองสิริราชสมบัติครบ๕๐ปีผมได้นั่งคิดนอนคิดมาตั้งแต่ต้นปีว่าจะยังมีพระปรีชาสามารถ ในวิชาการแขนงใดที่ผมได้เคยรับทราบมาหลงเหลืออยู่สมควรนำมาเผยแพร่อีกบ้างจนกระทั่ง ผมได้เปิดอ่านหนังสือพระราชนิพนธ์เรื่อง "พระมหาชนก" ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์จำหน่าย และได้พบว่าในภาพประกอบการเดินทางทางทะเลของพระมหาชนกนับตั้งแต่วันออกเดินทาง วันที่เรือพระที่นั่งถูกพายุในทะเลจนอับปางจนถึงวันที่นางมณีเมขลามาช่วย มีรูปดวงชะตาแสดง ที่ตั้งของดาวพระเคราะห์ต่างๆ ในวันเกิดเหตุไว้ทุกภาพ

    ผมในฐานะนักศึกษาวิชาโหราศาสตร์คนหนึ่งจึงอดไม่ได้ที่จะพิจารณาดูดวงชะตาเหล่านี้โดย เฉพาะในวันที่เกิด พายุรุนแรงขึ้นจนเป็นเหตุให้เรือพระที่นั่งของพระมหาชนกอับปางนั้น ดาว พระเคราะห์ต่างๆ สถิตอยู่ในราศีใดบ้างเพื่อประกอบการศึกษาค้นคว้าวิชาการนี้ในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับอิทธิพลของดาวพระเคราะห์กับอุบัติภัยธรรมชาติต่างๆ ที่เรียกว่า Mundane Astrology
    ในดวงชะตาที่อ้างถึงได้แสดงที่ตั้งของดาวพระเคราะห์ต่างๆ ไว้ดังนี้
    ดาวอาทิตย์สถิตในราศีเมษ
    ดาวจันทร์อยู่ในราศีมังกร
    ดาวอังคารสถิตราศีมีน
    ดาวพุธสถิตราศีเมษ
    ดาวพฤหัสบดีสถิตราศีตุลย์
    ดาวศุกร์สถิตราศีพฤษภ
    ดาวเสาร์สถิตราศีกุมภ์
    ดาวราหูสถิตราศีพิจิก
    ดาวเกตุสถิตราศีเมษ
    ดาวมฤตยูสถิตราศีมังกร
    ดาวเน็ปจูนสถิตราศีธนู
    ดาวพลูโตสถิตราศีพิจิก
    (ภาพประกอบที่ ๑ ดวงชะตาวันเรือพระมหาชนกอับปาง)

    ในบทพระราชนิพนธ์ได้ทรงระบุวันเดือนที่เกิดเหตุไว้ประกอบดวงชะตาว่า เป็นวันที่ ๒ พฤษภาคม ส่วนปีและเวลาที่เกิดเหตุมิได้ทรงระบุไว้เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนพุทธกาล ส่วนวันที่นางมณีเมขลามาช่วยนั้นเป็นวันที่ ๙ พฤษภาคม หลังจากวันที่พระมหาชนกได้ทรงพระวิริยะ ว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทรมาแล้วเป็นเวลา ๗ วัน
    ท่าน B.V. Raman โหราจารย์อินเดียที่มีชื่อเสียงมากท่านหนึ่งได้กล่าวถึงอิทธิพลของดวงดาวที่มี ต่อสภาพดินฟ้าอากาศไว้หลายประการ ซึ่งผมขอประมวลมาเพียงบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับ วาตะภัยดังนี้
    "_____South-west winds do result when Jupiter is in Aquarius_____. North-west monsoon winds are ruled by Saturn and South-west by Jupiter. When they are in airy signs the direction of the wind is easily ascertained._____. The air is essentially ruled by the planet which is applying to the Moon after its conjunction, opposition or square with the Sun._____" (PLANETARY INFLUENCES ON HUMAN AFFAIRS by B.V. Raman)
    เมื่อแปลเป็นไทยจะได้สาระสำคัญสรุปได้ว่า ดาวพระเคราะห์ที่มีอิทธิพลแก่ลมพายุทั้งความ รุนแรง และทิศทางได้แก่ดาวเสาร์จะแสดงผลต่อลมมรสุมตะวันตกเฉียงเหนือ และดาวพฤหัสบดี จะส่งผลต่อลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทั้งนี้จะส่งผลได้เด่นชัดมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อดาว พระเคราะห์ทั้งสองสถิตในราศีมิถุน ราศีตุลย์ และราศีกุมภ์ซึ่งล้วนแต่เป็นราศีธาตุลม และทำ ทำมุมสัมพันธ์เป็นกับดาวจันทร์ ดาวอาทิตย์คือ ๐ องศา (ทับกัน) ๑๘๐ องศา (เล็งกัน) หรือ ๙๐ องศา
    เมื่อพิจารณาตามดวงชะตาในวันเกิดเหตุวาตะภัยที่ปรากฏอยู่ในบทพระราชนิพนธ์ฯ พายุ ที่เกิดมีลักษณะเป็นพายุโซนร้อน (Tropical Cyclone) เกิดขึ้นในวันที่ ๒ พฤษภาคม จนเป็นเหตุ ให้เรือพระที่นั่งของพระมหาชนกต้องอับปางแล้ว จะเห็นได้ว่า
    ดาวเสาร์สถิตราศีกุมภ์ซึ่งเป็นราศีธาตุลม ดาวพฤหัสบดีสถิตราศีตุลย์ซึ่งเป็นราศีธาตุลม เช่นกัน นอกจากนี้ดาวพฤหัสบดียังทำมุมเล็งกับดาวอาทิตย์ที่สถิตอยู่ในราศีเมษ และทำมุม ๙๐ องศากับดาวจันทร์ซึ่งสถิตในราศีมังกรตรงกับที่ท่านโหราจารย์ B.V. Raman ได้กล่าวไว้ อนึ่งเมื่อ พิจารณาตรงจุดที่เรือพระที่นั่งของพระมหาชนกอับปางนั้นอยู่ในบริเวณลองติจูด ๙๐ องศาเศษ ซึ่ง อยู่ในอาณาเขตต่อเนื่องระหว่างประเทศบังคลาเทศกับประเทศพม่า และตามตำรา Mundane Astrology ได้กำหนดให้ลัคนาของดวงเมืองประเทศพม่าไว้ในราศีตุลย์ พายุรุนแรงที่เกิดขึ้นในวัน วันนั้นจึงเกิดจากอิทธิพลของดาวพฤหัสบดีที่ทำมุมเล็งกับดาวอาทิตย์ และทำมุม ๙๐ องศากับดาว จันทร์ เท่านั้นดูจะยังไม่เพียงพอหากไม่ได้พิจารณาถึงจุดที่ตั้งของดาวมฤตยูซึ่งทางโหราศาสตร์ถือว่า เป็นเจ้าการของอุบัติเหตุด้วย ดาวมฤตยูในวันที่เกิดเหตุนี้ปรากฏว่า สถิตอยู่ในราศีมังกรราศีเดียวกับ ดาวจันทร์จึงทำมุม ๙๐ องศากับดาวพฤหัสบดีช่วยส่งอิทธิพลในทางทุกข์โทษให้แก่ดาวพฤหัสบดีอีก ส่วนหนึ่ง อุบัติภัยอันเกิดจากลมพายุหรือวาตะภัยจึงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    ที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือ จุดที่ตั้งของดาวพลูโตซึ่งระบุไว้ในดวงชะตาวันเกิดเหตุ นั้นได้สถิตอยู่ร่วมกับราหูซึ่งเป็นจุดตัดของวงโคจรของดาวอาทิตย์ดับดาวจันทร์ทางเหนือในราศีพิจิก ซึ่งเป็นราศีธาตุน้ำ ดาวพลูโตมีความหมายในตัวว่า "เรืออับปาง" ดังนั้นเมื่อสถิตร่วมกับราหูซึ่งเป็นที่ ยอมรับกันทั่วไปในวงการโหรว่า หากเข้ามาประชิดในเชิงมุมกับดาวอาทิตย์และดาวจันทร์ในวันข้าง ขึ้นหรือข้างแรม ๑๕ ค่ำแล้วจะเกิดเป็นคราสหรือเงาดำที่มีอิทธิพลส่งผลเป็นทุกข์โทษแก่เจ้าชะตาได้ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จึงอาจจะเป็นไปได้เหมือนกันว่า ก่อนหรือหลังวันที่เกิดเหตุไม่นานได้เกิด คราสขึ้น และเงาดำที่เกิดจากคราสหรือราหูได้ครอบคลุมมาถึงอาณาบริเวณที่ใกล้เคียงกับจุดที่ตั้ง ของดาวพลูโตจึงส่งผลให้เกิดการอับปางของเรือขึ้น
    ผมเองได้ปฏิบัติหน้าที่สนองพระเดชพระคุณโดยใกล้ชิด และได้มีโอกาสเข้าเฝ้าเป็นการ ส่วนพระองค์มากมายหลายครั้ง พระองค์ท่านได้ทรงทราบว่า ผมมีความสนใจศึกษาวิชาโหราศาสตร์ อยู่จึงได้รับสั่งสอบถามผมเกี่ยวกับวิชาโหราศาสตร์ดวงดาวในบางโอกาส นอกจากนี้ ผมยังได้ทราบว่า พระองค์ท่านยังได้มีพระราชกระแสสอบถามเกี่ยวกับเรื่องโหราศาสตร์จากข้าราชบริพารอีกหลายท่าน อาทิ ท่านอาจารย์ภาวาส บุนนาค อดีตรองราชเลขาธิการ (ถึงแก่กรรมแล้ว) ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ประสบ การณ์ในวิชาการโหราศาสตร์มากท่านหนึ่งอยู่บ่อยครั้ง และผมเองไม่มีโอกาสทราบเลยว่า พระองค์ ท่านได้ทรงศึกษาวิชาการนี้มาจากที่ใดมากน้อยเพียงใด แต่เมื่อผมได้สังเกตพระราชกระแสเกี่ยวกับ กับเรื่องนี้มาโดยตลอดแล้ว ผมมีความเข้าใจเอาเองว่า พระองค์ท่านจะต้องทรงมีความรู้ทางวิชาการ โหราศาสตร์ไม่น้อยและเมื่อผมได้มีโอกาสวิเคราะห์ดวงชะตาต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง ของพระมหาชนกดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ทำให้ผมมีความมั่นใจยิ่งขึ้นว่า นอกเหนือจากพระปรีชา สามารถในวิชาการรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ เกษตรศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ การสื่อสารโทรคมนาคม การจัดการจราจร การชลประทาน การอุตินิยมวิทยา การดนตรี การกีฬา ฯลฯ แล้วพระองค์ท่านยัง ทรงมีพระปรีชาสามารถในวิชาการโหราศาสตร์อีกแขนงหนึ่งด้วยเพราะจุดที่ตั้งของดาวพระเคราะห์ ต่างๆ ที่พระองค์ท่านได้แสดงไว้ในดวงชะตาของวันที่มีเหตุการณ์เกี่ยวกับการเดินทางของพระมหา ชนกที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพระราชนิพนธ์ "พระมหาชนก" นั้นมีที่มาจากรากฐานความเป็นไปได้ ซึ่งสามารถพิสูจน์ยืนยันด้วยหลักวิชาโหราศาสตร์ดวงดาวได้อย่างจริงๆ และเป็นสิ่งที่พสกนิกรคน ไทยควรภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งด้วยเช่นกัน
    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าพระองค์ท่านจะทรงมีพระปรีชาสามารถในวิชาการโหราศาสตร์มากน้อย เพียงใดผมก็เชื่อว่าพระองค์ท่านจะใช้วิชาการแขนงนี้เป็นเพียงส่วนประกอบพระราชวิจารณญาณใน พระราชกรณียกิจบางเรื่องบางประเด็นเช่นเดียวกับบุรพพระมหากษัตราธิราชเท่านั้นเนื่องจากพระองค์ ท่านได้ทรงมีพระราชศรัทธาเลื่อมใสเข้าพระทัยในแก่นแท้ของพระธรรมคำสั่งสอนขององค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างลึกซึ้งแท้จริง และทรงถือปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดอยู่แล้วตลอดเวลา
    ประชาชนคนไทยนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีโชคดีที่พระมหากษัตราธิราชซึ่งทรงไว้ซึ่งทศพิธ ราชธรรม ทรงมีประปรีชาสามารถ ทรงมีพระราชอัจฉริยภาพสูงส่ง และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ แก่พวกเราเหลือคณานับ ดังนั้นในวโรกาสที่สำคัญยิ่งที่วันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ท่าน ได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่พวกเราชาวไทยทุกคนจะได้ร่วม กันตั้งจิตอธิษฐานถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดไป


    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับวิชาการโหราศาสตร์
    (ตอนที่ ๒ ฤกษ์พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐)

    พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์
    คำนำ คำพยากรณ์ดวงชะตาฤกษ์พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ นี้ ผมได้จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๐ แล้วได้นำเอาคำพยากรณ์นี้มาประมวลเข้ากับเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆ ที่ผ่านมานับตั้งแต่วันเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงลงพระปรมาภิไธยมา จนถึงปัจจุบัน เพื่อการตรวจสอบยืนยันความถูกต้องประเมินผลการศึกษาวิจัยวิชาการโหราศาสตร์ดวงดาวของผมเพื่อเป็นประโยชน์ เป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจศึกษาวิชาการแขนงนี้ในปัจจุบัน และที่จะศึกษาในโอกาสต่อไป ฤกษ์พระราชทานนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงคิดคำนวณขึ้นเองหรือ มีที่มาอย่างไรนั้น ไม่สามารถจะยืนยันได้ ผมได้เคยกราบบังคมทูลถาม รับสั่งว่า "ฤกษ์มาหาฉันเอง" อย่างไรก็ตาม ท่านผู้อ่านที่เคยได้อ่านบทความเรื่อง "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกิจการโหราศาสตร์"มาแล้ว คงจะใช้วิจารณญาณค้นหาคำตอบได้ด้วยตนเอง เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๐ เวลา ๑๗.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา ประธานสภาร่างรัฐ ธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านเข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายร่างรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อลงพระปรมาภิไธย ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และได้ทรงพระปรมาภิไธยเมื่อเวลา ๑๗.๓๒ น.
    ในฐานะที่ผมเป็นนักศึกษาวิจัยวิชาโหราศาสตร์ดวงดาวจึงอดไม่ได้ที่จะทดลองผูกดวงชะตากำเนิดของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นดังที่ได้แสดงไว้ในภาพประกอบบทความนี้ เมื่อได้ผูกเสร็จเรียบร้อยและสอบทานฤกษ์ยามตามวิชาการที่ได้ศึกษาไว้แล้ว รู้สึกทึ่งตื่นเต้นและมีความแปลกใจเป็นพิเศษ เพราะว่าวันเวลาดังกล่าวข้างต้นจะโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงกำหนดขึ้นเองตามพระราชอัธยาศัยที่เรานิยมเรียกกันว่า "ราชาฤกษ์" หรือทรงคิดคำนวณตามหลักวิชาโหราศาสตร์ซึ่งพระองค์ท่านทรงมีความสนพระทัยศึกษาอยู่บ้างตามที่ผมได้เคยกล่าวไว้ในบทความเรื่อง "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับวิชาการโหราศาสตร์" (ซึ่งผมเชื่อว่า มีความเป็นไปได้สูง) หรือโดยโหราจารย์ท่านหนึ่งท่านใดได้คำนวณขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายดังที่ได้ถือปฏิบัติตามโบราณราชประเพณีก็ตามนั้นเป็นราชาฤกษ์จริงๆ หากเป็นผลจากการคำนวณ ผมขอน้อมคารวะต่อท่านผู้คำนวณนั้นด้วยความชื่นชมและจริงใจเป็นอย่างยิ่งในความรู้ความสามารถของท่านเพราะเป็นไปตามหลักวิชาการทุกประการ และในกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าได้ทรงกำหนดวันเวลานี้ขึ้นตามพระราชอัธยาศัยก็แสดงให้เห็นถึงพลังอินทรีย์ทั้งห้าซึ่งได้แก่ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญาที่แรงกล้าอันเกิดจากการบำเพ็ญบุญกิริยาบารมีมาโดยตลอดต่อเนื่องของพระองค์ท่านได้ชี้นำให้ทรงกำหนดเวลาที่มีความสำคัญนี้ขึ้น
    ผมได้เคยคิดคำนวณฤกษ์ประกอบพิธีมงคลให้แก่ญาติมิตรสหายมาเป็นเวลานานมากมายหลายครั้ง ยังไม่เคยพบวันเวลาที่มีฤกษ์ดีที่สุดเช่นนี้มาก่อน และเมื่อได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับจุดที่ตั้งและการทำมุมสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะส่งเสริมเป็นคุณ และเบียฬเป็นผลทุกข์โทษของดาวพระเคราะห์ต่างๆ ในดวงชะตาที่ได้ผูกขึ้นนี้แล้ว ยิ่งเพิ่มแรงจูงใจให้ผมต้องศึกษาค้นคว้าต่อ โดยการนำเอาหลักวิชาโหราศาสตร์ฮินดู หรือ Vedic Astrology มาเป็นพื้นฐานในการตรวจสอบดวงชะตาดวงนี้และได้พบสาระสำคัญหลายประการที่สมควรนำออกเผยแพร่เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ ดังจะกล่าวไว้โดยสังเขปต่อไปนี้
    ๑. จากผลการคำนวณตรวจสอบจุดที่ตั้งของดาวพระเคราะห์ต่างๆในวันเวลานี้ ปรากฏว่า มีดาวพระเคราะห์ส่วนใหญ่ทำมุมสัมพันธ์ส่งเสริมเป็นคุณแก่กันและกัน และที่สำคัญก็คือ เป็นวันที่ดาวจันทร์ได้โคจรเข้าไปเกาะกุมดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวศุภเคราะห์ (ดาวที่ส่งผลดีให้คุณแก่เจ้าชะตา) ที่ใหญ่ที่สุดสนิท ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่โหรผู้คิดคำนวณฤกษ์ใฝ่หาและเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในวงการโหราศาสตร์ไทย และฮินดู ว่า เป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด ตามวันเวลานี้ ดาวจันทร์ยังได้เกาะกุมอยู่ในภูมิปาโลฤกษ์ (ฤกษ์ผู้ปกครองแผ่นดิน) ด้วยจึงเป็นการเสริมพลังความขลังให้แก่ฤกษ์นี้ได้มากทีเดียว
    ๒. หากเป็นดวงชะตาของบุคคลที่เกิดในวันเวลานี้ เจ้าชะตาน่าจะมีนิสัยใจคอ มีบุญวาสนา ชีวิตอนาคต ดังนี้
    ๒.๑ เจ้าชะตาจะเป็นผู้ที่มีความรู้สูง มีเสน่ห์ มีชื่อเสียงเกียรติยศสูง เป็นผู้นำเป็นที่พึ่งของมวลชน (ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของรัฐธรรมนูญฉบับนี้) ร่ำรวยช่วยตนเองได้ (เศรษฐกิจของประเทศคงจะดีขึ้นตามลำดับ) และมีอายุยืน
    ๒.๒ เจ้าชะตาจะต้องทำงานหนัก แต่ก็จะประสบความสำเร็จในชีวิตหน้าที่การงานอย่างคุ้มค่า และจะได้รับความไว้วางใจจากรัฐไปจนถึงอายุ ๕๐ ปี เจ้าชะตาจะต้องพรากจากบิดาตั้งแต่เยาว์ (คงจะถูกต้องเพราะบิดาคือ สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ถูกยุบลงเมื่อรัฐธรรมนูญนี้ประกาศใช้แล้ว)
    ๒.๓ เจ้าชะตาจะเป็นคนฉลาดแกมโกง เห็นแก่ตัว ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่ออุดมการณ์ ไม่สนใจในศาสนา ไม่ยอมรับฟังความเห็นของผู้อื่น (เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างการรณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ผ่านมาย่อมเป็นเครื่องยืนยันความถูกต้องในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี) ประการหลังทั้งสองนี้จึงเป็นการบั่นทอนพลังความเป็นสิริมงคล วาสนาเกียรติยศชื่อเสียงของเจ้าชะตาลงไปส่วนหนึ่งอย่างน่าเสียดาย
    ๒.๔ ดาวเสาร์ในดวงชะตานี้ เป็นดาวที่มีกำลังสูง ดังนั้น ถึงแม้ว่า เจ้าชะตาจะต้องเผชิญอุปสรรคมากมายนานาประการ แต่ก็จะสามารถฟันฝ่าไปได้ การที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ถือกำเนิดในวันเสาร์จึงน่าจะเป็นการเสริมพลังความศักดิ์สิทธิ์ ความยิ่งใหญ่ความมั่นคงถาวรได้ส่วนหนึ่ง

    คำพยากรณ์เกี่ยวกับดวงชะตานี้ยังมีรายละเอียดอีกมากมายหลายประการซึ่งไม่สามารถนำมาเผยแพร่ในที่นี้ได้ แต่เท่าที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นคงจะช่วยให้ท่านผู้อ่านจินตนาการเห็นรูปร่างหน้าตาอนาคตของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้บ้างพอสมควร
    วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๐ ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับล่าสุดแก่ประชาชนไทยจึงเป็นวันที่สำคัญวันหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย วันสำคัญวันนี้ได้มีส่วนสัมพันธ์กับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย วันนั้นก็คือ "วันปราบดาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" หรือ "วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งมีหลักฐานปรากฏอยู่ในหนังสือประชุมพงศาวดารฯ กล่าวคือ
    ในหนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๕-๖๖ (ประชุมพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ) ได้กล่าวไว้ว่า
    "__ณ วัน ๓ฯ๑๑ ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิศก เพลาย่ำค่ำแล้วทุ่มหนึ่ง มีจันทรุปราคาคาย ณ วัน ๓ฯ๔๑ ค่ำ เพลาโมงเศษเสด็จออกขุนนางตรัสประภาษเนื้อความ__พระราชสุจริตปรารภตั้งพระอุเบกขาพรหมวิหารเพื่อจะทะนุบำรุงพระบวรพุทธศาสนาและพระอาณาประชาราษฎรนั้นอัศจรรย์แผ่นดินไหวเป็นเวลาช้านาน____"

    ปรากฏการณ์ธรรมชาติดังกล่าวได้เกิดขึ้นในวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ เช่นกัน คือ
    ๑. เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๐ ได้เกิดจันทรุปราคา (จันทรคราส) เต็มดวงเมื่อเวลา ๐๑.๔๗ น.เห็นได้ในประเทศไทย ๒. ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๐ นี้ ได้มีแผ่นดินไหวในต่างประเทศ มีความแรงมากกว่า ๕ ริกเตอร์ ซึ่งถือว่า สามารถสร้างภัยพิบัติให้แก่ทรัพย์สินสมบัติชีวิตของประชาชนได้ เกิดขึ้นรวม ๒ ครั้ง

    นอกจากนี้ ยังได้ทราบว่า ในวันเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงลงพระปรมาภิไธยนั้น ได้เกิดอสุนีบาตขึ้น มีฝนตกหนักมาก จึงน่าจะเป็นนิมิตหมายว่า พระสยามเทวาธิราชและทิพยวิญญาณทุกสวรรค์ชั้นฟ้าได้ทรงรับทราบเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยแล้ว
    หากสมมุติฐานที่ผมได้ตั้งขึ้นจากผลการศึกษาวิจัยวิชาการโหราศาสตร์ดวงดาวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอิทธิพลของคราสโดยการนำเอาวิชาการโหราศาสตร์สากลคือ Mundane Astrology มาประยุกต์ผสมผสานกับวิชาโหราศาสตร์ฮินดู และไทยที่ประยุกต์แล้วมีความเป็นไปได้ที่ว่า การโคจรผ่านของดาวพระเคราะห์ต่างๆ สามารถส่งอิทธิพลให้เกิดภัยพิบัติธรรมชาติอาทิ แผ่นดินไหว น้ำท่วม ภูเขาไฟระเบิด ได้ก็น่าจะพยากรณ์ได้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะอยู่คงทนสถาพรได้นานไม่น้อยกว่า ๑๕ ปี โดยจะมีการปรับปรุงแก้ไขครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งประมาณปี พ.ศ.๒๕๔๗-๒๕๔๘ ด้วยเหตุผลดังนี้
    ๑. ในช่วงเวลาที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงปราบดาภิเษกเสด็จขึ้นครองราชย์นั้น บ้านเมืองอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด ทรัพย์สินสมบัติในท้องพระคลังไม่มีเหลือหลอเพราะถูกพม่าข้าศึกกวาดล้างไป มีการกล่าวกันว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชต้องทรงกู้ยืมเงินจากเมืองจีนเพื่อมาจัดหาอาวุธ ข้าวปลาอาหารเลี้ยงทหาร และแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชน ซึ่งดูจะคล้ายคลึงกับสภาวะเศรษฐกิจการคลังของบ้านเมืองในขณะนี้ (ปี พ.ศ.๒๕๔๐) รัชสมัยของพระองค์ท่านได้สิ้นสุดลงในปี พ.ศ.๒๓๒๕ หลังจากวันที่ได้ทรงปราบดาภิเษก ๑๕ ปี และในช่วงเวลาก่อนจะสิ้นพระราชอำนาจก็ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมากมายจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ปฐมบรมราชจักรีวงศ์ เหตุการณ์บ้านเมืองไทยจึงได้คลี่คลายไปในทางที่ดีมีวัฒนาการขึ้นโดยลำดับ
    ๒. นับตั้งแต่นี้ (วันพระราชทานฯ) เป็นต้นไปอีก ๑๕ ปี ดาวเสาร์จรจะทำมุม ๑๘๐ องศากับดาวเสาร์ในดวงชะตากำเนิดของรัฐธรรมนูญฯ ที่ผมได้ผูกไว้นี้ ย่อมจะส่งผลให้มีการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงพัฒนารัฐธรรมนูญฉบับนี้อีกครั้ง ตามที่ผมได้แสดงผลการวิเคราะห์เรื่องอิทธิพลของดาวเสาร์ไว้ในบทความเรื่อง "อิทธิพลของดาวเสาร์ต่อดวงเมืองของประเทศไทย" ในบทความนี้ ผมได้กล่าวไว้เช่นกันว่า ในช่วงเวลาประมาณ ๗ ปีครึ่งซึ่งดาวเสาร์จรจะทำมุม ๙๐ องศาซึ่งเบียฬให้ทุกข์โทษกับดาวเสาร์ในดวงชะตาเดิม เจ้าชะตาจะประสบปัญหาเดือดเนื้อร้อนใจทั้งในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงานเป็นอย่างยิ่งซึ่งดูจะสอดคล้องกับเหตุการณ์บ้านเมืองไทยในช่วงเวลาก่อนสิ้นรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น
    ก่อนที่รัฐสภาจะลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้มีกระแสต่อต้านในประเด็นสำคัญประการหนึ่งคือ เรื่องพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ที่ดูเสมือนจะถูกริดรอนลงไป แต่เมื่อนำเอาวันเวลาของเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้มาประมวลพิจารณาประกอบกับกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงคำนวณกำหนดวันเวลาเป็นพระฤกษ์ด้วยตนเองตามที่ผมคาดคะเนไว้ ย่อมเป็นการยืนยันได้อีกประการหนึ่งว่า พระองค์ท่านได้ทรงเต็มพระทัยที่จะพระราชทานทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี ที่เป็นสิริมงคลเพื่ออำนวยประโยชน์อันสูงสุดแก่ประเทศชาติ และประชาชนคนไทยเป็นที่ตั้งดังที่ได้ทรงตั้งพระราชปณิธานไว้นับตั้งแต่วันที่ได้เสด็จขึ้นครองราชย์มาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ โดยมิได้หวงแหนพระราชอำนาจไว้เป็นของพระองค์เองเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น มวลชนที่ร่วมกันเดินขบวนชูธงเหลืองคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้โดยอ้างเหตุผลสำคัญว่า จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ขอให้เลิกราการปฏิบัติการต่อไปได้แล้ว ในส่วนมวลชนที่ร่วมกันเดินขบวนชูธงเขียวให้การสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ขออย่าได้ฮึกเหิมเกริมคะนองใจว่า ตนเองมีภูมิปัญญาเหนือกว่าผู้อื่น ควรลดทิฐิมารับรู้สดับตรับฟังความเห็นข้อท้วงติงของคนอื่นบ้าง รวมทั้งให้ความสำคัญแก่ศาสนาโดยเฉพาะพุทธศาสนาบ้าง แล้วท่านจะประสบแต่ความเป็นสิริมงคล รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะได้อยู่ยงสถาพรยืนนานยิ่งๆขึ้นไป

    (ขอบคุณเว็บไซด์โหราเวสม์)
     
  8. ปธ6

    ปธ6 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +292
    สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน สามารถเป็นเค้ารางของอนาคตได้เสมอ....จงเตรียมพร้อมยิ้มรับกับความตาย ที่จะมาถึงไม่ช้าเกินรอ...
     
  9. faveur

    faveur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,298
    เรารักในหลวง และแผ่นดินเกิด
     
  10. pee-

    pee- สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +19
    พวกฝรั่งนั้นใจดำเหมือนอีกา เเต่ตัวขาวเลยเรียกว่า กาขาว. ครับ
     
  11. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    สาธุ....อันนี้ไม่ต้องวิเคระห์เอง

    และเห็นจริงตามนั้น....ครับ





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  12. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    สาเหตุผลักดันให้ญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์:

    การเคลื่อนไหวทางลับของสหภาพโซเวียตมีอิทธิพลต่อสหรัฐฯ ในการกำหนดข้อเสนอที่ใช้ในการเจรจากับญี่ปุ่น ปี 1941


    ดอล์ฟ ดรอจ (Dolf Droge) อดีตผู้เชี่ยวชาญประจำสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (1967-73) ตอบคำถามที่มีผู้ถามว่า ทำไมญี่ปุ่นจึงโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor) ว่า กรณีดังกล่าวเกี่ยวกับบทบาทของสหภาพโซเวียตด้วย ข้อสรุปนี้อาศัยข้อมูลข่าวกรองที่ได้จากรหัสลับทางทหารของสหภาพโซเวียตปี 1943

    ระหว่างสงคราม สตาลินย้ายที่ทำการรัฐบาลจากกรุงมอสโคว์ไปยังเขตไซบีเรีย เพราะวิตกถึงภัยจากฮิตเลอร์ แต่การไปอยู่ที่ไซบีเรียก็ทำให้สตาลินวิตกถึงภัยจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรของฮิตเลอร์ ว่าจะฉวยโอกาสเข้าโจมตีไซบีเรีย ซึ่งมีทรัพยากรต่างๆ ส่วนการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นเลื่อนออกไปเพราะญี่ปุ่นเข้ายึดครองอินโดจีนและกำลังกดดันไทยอยู่ (ฮิตเลอร์คุยว่าจะเข้ายึดยุโรปและตะวันออกกลาง ส่วนญี่ปุ่นจะยึดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และพม่า ซึ่งจะทำให้ทั้งสองประเทศไปฉลองชัยชนะร่วมกันที่อินเดีย) มีการฟื้นการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับญี่ปุ่นขึ้นใหม่ในปี 1941

    ปี 1940 สตาลินได้ร่างแนวนโยบายของสหรัฐฯ ไว้แล้ว และส่งให้สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นสายลับของสหภาพโซเวียตที่แฝงตัวอยู่ในหน่วยงานบริหารของทำเนียบขาว แฮร์รี่ เด็กซเทอร์ ไวท์ (Harry Dexter White) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ คือผู้ที่ได้รับเอกสารแนวนโยบายดังกล่าวผ่านทางกงสุลสหภาพโซเวียตที่นิวยอร์ค พร้อมกับมีคำสั่งไม่ให้แก้ไขแนวนโยบายดังกล่าว ไม่ว่ากรณีใดๆ และให้เสนอแนวนโยบายต่อเฮนรี่ มอร์เกนทอ (Henry Morgenthau) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเคยให้ไวท์เสนอนโยบาย

    เมื่อการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ปี 1941 สตาลินยืนยันให้ใช้ร่างแนวนโยบายเดิมแบบคำต่อคำ คำถอดรหัสลับเวโนนา (Venona) ปรากฏแนวนโยบายของสตาลินเอาไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่ปรากฏในเอกสารที่มอร์เกนทอให้ไวท์ร่างเสนอในปี 1941 เอกสารระบุ

    1. ญี่ปุ่นต้องถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากแมนจูเรียและจีนทันที

    2. ญี่ปุ่นต้องยอมให้สหรัฐฯ เช่าอาวุธทางบก น้ำ และอากาศ จำนวนครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ทั้งหมดในราคาถูกๆ

    3. ญี่ปุ่นต้องยอมขายอาวุธที่ผลิตขึ้นได้ในอนาคตในราคาถูกๆ

    4. ข้อตกลงทางการเงินและเศรษฐกิจที่จะมีขึ้นต้องระบุถึงดอกเบี้ยที่สหรัฐฯ จะต้องจ่ายในอัตราที่ต่ำมากๆ

    5. ข้อเสนอเหล่านี้เป็นข้อเรียกร้องต่ำสุดที่ญี่ปุ่นต้องยอมรับก่อนที่จะมีการเจรจาต่อไป

    เมื่อมีการรื้อฟื้นการเจรจาในปี 1941 ไวท์ได้รื้อฟื้นแนวนโยบายที่สตาลินร่างไว้ เสนอให้มอร์เกนทอ หลังจากมอร์เกนทอเห็นชอบแล้วได้เสนอต่อไปยังคอร์เดลล์ ฮัลล์ (Cordell Hull) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดังนั้นแนวนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งสตาลินร่างไว้จึงถูกเสนอโดยไม่มีการแก้ไข โดยปรากฏอยู่ในคำแถลงของสหรัฐฯ ในการเจรจากับญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายน

    การยื่นคำขาดของสหรัฐฯ เป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับญี่ปุ่น คณะทูตของญี่ปุ่นเดินทางกลับเพื่อรับทราบนโยบายของรัฐบาล ขณะนั้นญี่ปุ่นกำลังตัดสินใจว่าจะเลือกโจมตีที่ใด กล่าวคือ อินโดนีเซีย (น้ำมัน) หรือ ไซบีเรีย (วัตถุดิบต่างๆ) และแหล่งทรัพยากรอื่นที่อยู่นอกขีดความสามารถของสตาลินที่จะปกป้อง หรือเพิร์ล ฮาร์เบอร์ ที่อาจทำลายกองเรือสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยให้ญี่ปุ่นพ้นจากการถูกตีโต้ทันควันจากสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    7 ธันวาคม ญี่ปุ่นจึงส่งรหัสลับไปยังกองเรือของตนที่แล่นอยู่ทางเหนือของฮาวายว่า "Climb the sacred mountain . . ."

    สตาลินรู้ข่าวการโจมตีกองเรือของสหรัฐฯ ด้วยความโล่งใจ ส่วนไวท์ยังเป็นสายลับให้สหภาพโซเวียตอยู่ต่อไป ต่อมายังได้รับเลือกจากประธานาธิบดีทรูแมนให้เป็นผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF - International Monetary Fund) คนแรก ต่อมาไวท์ถูกคณะกรรมาธิการสภาครองเกรสที่ตั้งขึ้นมาพิจารณาเรื่องสายลับคอมมิวนิสต์ในรัฐบาลสหรัฐฯ สอบสวน เขาปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เขาสิ้นชีวิตระหว่างหลับระหว่างวันหยุดปลายสัปดาห์หลังการให้การในเดือนเมษายน 1946
    -----------​
    ที่มา: พ.ต.ผศ. ศรศักร ชูสวัสดิ์ สรุปจาก From "H-DIPLO [Hanks]" <h-d 1="" <a="" href="http://palungjit.org/mailto%3Cimg%20src=" target="_blank">H-DIPLO@H-NET.MSU>EDU, "Dexter White/The US and the origins of WW2." 16 January 2002.


    ข้อมูลจากเวปโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

    http://www.crma.ac.th/histdept/news/us-jap-rus.htm




    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    ลองวิเคระห์...ดู

    </h-d>การยื่นคำขาดของสหรัฐฯ เป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับญี่ปุ่น คณะทูตของญี่ปุ่นเดินทางกลับเพื่อรับทราบนโยบายของรัฐบาล
    <h-d 1="" <a="" href="mailto%3Cimg%20src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" tongue-smile.gif"="" border="0" alt="" title="Tongue out" smilieid="24" class="inlineimg">
    เมื่อผลการเจรจาญี่ปุ่น-สหรัฐล้มเหลว (เพราะตามเอกสารของข้อเสนอคือให้ญี่ปุ่นยอมแพ้)...</h-d><h-d 1="" <a="" href="mailto%3Cimg%20src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" tongue-smile.gif"="" border="0" alt="" title="Tongue out" smilieid="24" class="inlineimg">อเมริกาเองย่อมประเมินได้ว่า....การรบขั้นแตกหักนั้นไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (เพราะญี่ปุ่นไมยอม)

    การโจมตีเพริ์ลฮาเบอร์...ก็เช่นกัน...อเมริกา...ย่อมประเมินสถานะการณ์ได้ไม่ยาก

    1. เพราะข้อเสนอของอเมริกา ญี่ปุ่นไม่อาจยอมรับได้ (อเมริกาคิดว่าตนเองเป็นต่อ...ซึ่งก็จริง)

    2. การเจรจาล้มเหลว

    3. ดีซีรู้ล่วงหน้า...ว่าจะเกิดการโจมตี

    </h-d>7 ธันวาคม ญี่ปุ่นจึงส่งรหัสลับไปยังกองเรือของตนที่แล่นอยู่ทางเหนือของฮาวายว่า "Climb the sacred mountain . . ."

    อเมริกา ซึ่งแม้ไม่ได้ประกาศสงคราม แต่ก็ทำตัวประหนึ่งอยู่ในสงคราม เช่น พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างเร่งด่วน

    6 ธันวาคม 1942 (1 วันก่อนที่ฝูงบินรบของญี่ปุ่นจะเข้าถล่มกองทัพเรือของสหรัฐที่อ่าวเพิร์ล ฮาเบอร์ เกาะฮาวาย) ประธานาธิบดีรูสเวลท์ลงนามอนุมัติงบประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ (เทียบมูลค่าเท่ากับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน) สำหรับโครงการแมนฮัตตัน (Manhattan Project) เพื่อสร้างระเบิดปรมาณูโดยมีนักฟิสิกส์ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮม์เมอร์ (J. Robert Oppenheimer) เป็นผู้อำนวยการโครงการ


    ดังนั้น...ญี่ปุ่น....ไม่จำเป็นต้องลังเลเลย

    การสร้างหนัง...เพื่อบิดเบือนความเข้าใจของชาวโลก...ให้เข้าใจว่า....ชั้นชนะของชาติตะวันตก....คือชัยชนะของเรา

    การนิยมชมชอบชาติตะวันตก....ถูกปลูกฝัง....จนเราลืมค้นหาความจริง....ของประวิติศาสตร์



    <h-d 1="" <a="" href="mailto%3Cimg%20src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" tongue-smile.gif"="" border="0" alt="" title="Tongue out" smilieid="24" class="inlineimg">ปัจจุบัน

    ด้วยมนต์ดำของการปลูกฝังให้นิยมชมชอบชาติตะวันตก....ใช้แบบเรียนถอดแบบจากตะวันตก...โครงสร้างเศษฐกิจแบบตะวันตก....ทุนนิยมแบบตะวันตก....ทำให้

    การโจมตีอิรัค....ของพ่อ-ลูกตะกูลบุช.....แม้มีเสียงคัดค้านจากสหประชาขาติ....ก็ไม่สามารถหยุดยังอเมริกาได้

    อัฟกานิสถาน....ไม่มีใครสนใจ

    ลิเบีย....โดนรุมโจมตี....ทั้งชาตินาโต้ และอเมริกา.....</h-d>ไม่มีใครสนใจ

    ประณาม....แบบเงียบๆ....เท่านั้น

    การบุกอิรัค....แล้วขนน้ำมันออกมา....ไม่ได้แก้ปัญหาเศษฐกิจฟองสบู่ของอเมริกาได้เลย (แค่ต่อลมหายใจออกไป)

    การบุกลิเบียคราวนี้.....ไม่ได้ต่างจากอิรัค....และก็จะไม่แก้ปัญหาเศษฐกิจฟองสบู่ของอเมริกา....และ EU.....ได้เช่นกัน





    .
    <h-d 1="" <a="" href="mailto%3Cimg%20src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" tongue-smile.gif"="" border="0" alt="" title="Tongue out" smilieid="24" class="inlineimg">
    </h-d>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  13. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    สงครามโลกครั้งที่ 2 กับ คณะราษฏร์

    เมื่อโลกทั้งโลกเข้่าสู่ภาวะสงคราม เพราะเศษฐกิจของโลกล่มสลาย ร้ายแรงจนต้องแบ่งฝ่ายรบกันทั้งโลก หากเราไม่รบเขาก็บังคับเรารบ หรือไม่ก็ตกเป็นเมืองขึ้นเขา เราชนรุ่นหลังควรสำนึกว่า ประเทศเรานั้นรอดการรุกรานของตะวันตกมาได้ ตั้งแต่สมัยพระนารายณ์ จนถึงสมัยรัตนโกสินธุ์ ก็เพราะ บูรพระมหากษัตริย์ไทย

    เพราะหลังสงครามโลกมีหลายประเทศในโลกถูกแบ่งเป็น เหนือ-ใต้ ตะวันออก-ตะวันตก เช่น เวียดนาม เกาหลี เยอรมัน รัฐธรรมนูญญี่ปุ่นถูกเขียนตามใจชอบโดย...อเมริกา

    เหล่านี้ เป็นความดีความชอบของฝรั่งหรือ ?

    ประเทศไทยถูกบังคับให้เข้าร่วมสงคราม....ประเทศไม่มีเงินเหลือ ความผิดถูกป้ายไปที่สถาบัน....แต่ไม่มีคนสนใจว่า...ทำไมต้องรักษาอธิปไตยของชาติ....ไว้ ?

    คณะราษฏร์....ได้ฉวยโอกาส....ปฏิวัติ....ล้มระบอบกษัตริย์....ซึ่งเท่ากับซ้ำเติมสถานะการณ์ในเวลานั้น

    คณะราษฏร์....นอกจากจะบีบคั้น....องค์รัชกาลที่ 7 ให้สละราชบัลลังก์แล้ว....ยังไม่มีแผนการณ์ใดๆต่อจากนั้นเลย

    รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว....นั้นแทบไม่ได้ไม่มีเนื้อหาสาระ....เพราะยังเถียงกันในสภาว่า....จะเอาการปกครอง....ระบอบประชาธิปไตย....แบบ....มีพระมหากษตริย์อย่างอังกฤษ หรือจะเอาอย่างอเมริกา (ไม่มีสถาบัน/ถอนรากถอนโคนสถาบัน)

    คนมักใหญ่ใฝ่สูงบางคน....ต้องการล้มล้างสถาบัน...ต้องการประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี....แต่เสียงในสภาเห็นว่า....ประชาชนย่อมไม่พอใจ....เพราะประเทศเข้าสู่สงคราม หรือมีเศษฐกิจตกต่ำ....ไม่ใช่ความผิดของสถาบัน....แต่เป็นภาวะเดียวกันทั้งโลก

    จึงไม่น่าแปลกใจว่า...การลอบปลงพระชนม์รัชกาลที่ 8....เพื่อให้ตนเองได้กุมอำนาจประเทศต่อไป...และยุวกษตริย์รัชกาลที่ 9 ยังนั้นยังทรงพระเยาว์....ฤาจะต้านทานเขาได้

    หลังจากที่รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จครองราชย์แล้ว....จึงทรงเสด็จไปศึกษาต่อทันที....เพราะไม่มีความปลอดภัยใดๆ

    จริงๆแล้ว....ทั้ง 2 พระองค์ทั้ง ร.8 และ ร.9 ท่านเกิดในต่างประเทศ....ท่านไม่ได้สนใจในราชบัลลังก์....แต่เพราะประเทศขาดพระมหากษัตริย์ไม่ได้ (สิ้นรัชกาลที่ 7)....รัฐบาลจึงเชิญเสด็จ ร.8 มาครองราชย์ เพื่อไม่ให้เกิดความระส่ำระสายในประเทศ

    จากหนังสือ....เจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์...ซึ่งพระนิพนธ์โดย...สมเด็จพระพี่นางเธอ....นั้น

    ทางการได้ทูลเชิญเสด็จ ร.8 กลับพระนครหลายครั้ง....แต่ด้วยความไม่ปลอดภัย (ภาวะสงคราม / การแก่งแย่งอำนาจ) ทำให้ไม่สามารถเสด็จกลับได้ทันที

    เขียนให้ท่านทั้งหลายได้ทราบว่า....ภาวะปัจจุบันนั้น....ล่อแหลมมากๆ....ไม่ต่างจากการล้มล้างการปกครองในอดีตเลย




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  14. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    เจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/sKVbivCWlck?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/sKVbivCWlck?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/qt5dOFC1rbQ?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/qt5dOFC1rbQ?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/HmIDDmMIF_E?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/HmIDDmMIF_E?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>
     
  15. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/wJyXnz2jeBg?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/wJyXnz2jeBg?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/c5UdcG0GzMk?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/c5UdcG0GzMk?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/ca3YfWV7vxw?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/ca3YfWV7vxw?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>
     
  16. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/HK-zslfMZYQ?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/HK-zslfMZYQ?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/mftwQs0uhJ0?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/mftwQs0uhJ0?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/q10owWmk6e8?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/q10owWmk6e8?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

    <object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/t-cPqwwOuJA?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/t-cPqwwOuJA?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>
     
  17. มหิศวระ

    มหิศวระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +8
    มองที่ใด มีแต่ ตาขาวเดินเข้าวัดนะครับ
     
  18. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ทัพเรือทดสอบสมรรถนะ เรือตรวจการณ์ 3 ลำ เสริมเขี้ยวเล็บรักษาอธิปไตย <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td height="40"> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">17 กันยายน 2554 17:54 น.</td> <td align="left" valign="middle">

    Share3

    </td><td>
    </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td>
    </td> </tr> </tbody></table><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="right" height="1" valign="bottom" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="bottom">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="bottom" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> <td> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="center" background="/images/linedot_vert.gif" valign="middle" width="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="right" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> <td align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1" valign="top">[​IMG]</td> <td align="left" height="1" valign="top" width="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table>
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#CCCCCC"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#FFFFFF" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="160"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" height="1" valign="middle" width="165">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> <td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> ศูนย์ข่าวศรีราชา - ราชนาวีไทย ทดสอบสมรรถนะเขี้ยวเล็บ เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.994 ต.995 ต.996 ในอ่าวสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ตามแนวพระราชดำริการพึ่งพาตัวเองอย่างพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเตรียมส่งมอบเขี้ยวเล็บ เข้าประจำการในสังกัดกองเรือยุทธการ เพื่อส่งเสริม พัฒนาศักยภาพด้านเทคนิค เสริมกำลังทางเรือ เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติทางทะเล และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

    พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบหมายให้พลเรือตรีฉัตรชัย ทัตตะวร ผู้อำนวยการอู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ กรุงเทพฯ พร้อมคณะ และคณะสื่อมวลชน เดินทางมาสังเกตการณ์การทดสอบสมรรถนะ ความพร้อมในทุกด้าน ทั้งเครื่องยนต์ ความเร็ว การทรงตัว ของเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง หมายเลข 994, 995 และ 996 จำนวน 3 ลำ ณ อ่าวสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมของเรือในการส่งมอบเข้าประจำการในสังกัด กองเรือยุทธการ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

    โดยพลเรือตรี ฉัตรชัย ทัตตะวร ผู้อำนวยการอู่ต่อเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ กล่าวว่า ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ กองทัพเรือได้ดำเนินการต่อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง จำนวน 3 ลำ คือ เรือ ต.994 ต.995 และ ต.996 ตามแนวพระราชดำริการพึ่งพาตนเองอย่างพอเพียง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมชมการต่อเรือยนต์รักษาฝั่งของอู่ต่อเรือ ในคราวเสด็จประพาสยุโรป เมื่อปี พ.ศ.2503 ณ ประเทศเยอรมนี จึงทรงมีพระราชดำรัสว่า “กองทัพเรือควรต่อเรือประเภทนี้ใช้เองบ้าง”

    กองทัพเรือจึงได้สนองพระราชดำรัส ด้วยการต่อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งลำแรกขึ้นในปี พ.ศ.2510 คือ เรือ ต.91 และเสร็จสิ้นในปี พ.ศ.2511 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระทับบนเรือเพื่อร่วมทดสอบด้วยพระองค์เอง ทั้งยังพระราชทานคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆอันเกิดจากขบวนการต่อเรือ การแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ จนทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจึงอาจกล่าวได้ว่า เรือ ต.91 เป็นเรือต้นแบบของกองทัพเรือ ในการพึ่งพาตนเอง อย่างสมบูรณ์แบบ มีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลอีกด้วย
    โดยกล่าวอีกว่า เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุด ต.994 ต.995 และ ต.996 ที่กองทัพเรือดำเนินการต่อเอง นอกจากจะเป็นการส่งเสริม พัฒนาศักยภาพทางด้านเทคนิค ตลอดจนบุคลากรของกองทัพเรือ ในการสร้างเรือขึ้นใช้ราชการเอง ซึ่งถือเป็นการพึ่งพาตนเองตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังเป็นการส่งเสริมขีดความสามารถการสร้างเรือของเอกชน และส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ ที่สำคัญยังเป็นเขี้ยวเล็บ ในการเสริมสร้างกำลังทางเรือ เพื่อปฎิบัติภารกิจต่าง ตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  19. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    <table border="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="middle">[​IMG]</td><td valign="middle"> เรือ ต.991 : พระอัจฉริยะภาพของในหลวง
    « เมื่อ: 31 สิงหาคม 2009, 01:18:06 am »
    </td><td style="font-size: smaller;" align="right" height="20" valign="bottom">
    </td></tr></tbody></table> <hr class="hrcolor" size="1" width="100%">
    พระอัจฉริยะภาพของในหลวง : เรือ ต. 99 + 10 % = เรือ ต. 991

    [​IMG]

    [​IMG]

    สิ่งที่ทำให้เกิดความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง และทำให้ผมอยากเขียนถึงพระอัจฉริยภาพของในหลวงของพสกนิกรไทยเกี่ยวกับเรือเช่นกันคือ
    ดำเนินการจัดสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งจำนวน 3 ลำ คือ เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.991 ต.992 และ ต.993
    ซึ่งผมจะได้ลงลึกในเรื่องพระอัจฉริยภาพของพระองค์ในรายละเอียดต่อไปครับ

    [​IMG]

    โครงการ ดังกล่าวเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษาในปี 2550 กองทัพเรือจึงจัดโครงการดังกล่าวเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายในนามของพสกนิกรชาวไทยและเป็นการเทิดพระเกียรติที่ทรงมีพระอัจฉริยภาพใน ด้านการต่อเรือ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยในเรื่องของขนาด รูปทรงของเรือ น้ำหนัก รวมทั้งการใช้เชื้อเพลิงและการออกแบบ เพื่อให้เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งลำใหม่มีสมรรถนะสูงสุดในการปฏิบัติการทางทะเล เพื่อเป้าหมายคือเรือเศรษฐกิจ"พอเพียง" ความภาคภูมิแห่งราชนาวีไทย

    [​IMG]

    [​IMG]

    ทั้งนี้ กองทัพเรือได้ดำเนินการจัดสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งจำนวน 3 ลำ คือ เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.991 ต.992 และ ต.993
    โดยมอบให้กรมอู่ทหารเรือเป็นหน่วยรับผิดชอบ 1 ลำ คือ ต.991 ส่วน ต.992 และ ต.993 ว่าจ้าง บริษัท มาร์ซัน ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทย
    ทำการจัดสร้าง และมีกำหนดการแล้วเสร็จก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2550 สำหรับงบประมาณในการจัดสร้างที่คาดการณ์ไว้เบื้องต้น
    จำนวน 1,912 ล้านบาท แต่เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งขึ้น ค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างขณะนี้จึงอยู่ประมาณกว่า 1,800 ล้านบาท

    นี่ คือปรัชญาที่สำคัญที่ในหลวงทรงได้ชี้แนะคนไทยทั้งประเทศว่าคนไทยสามารถต่อ เรือได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่น้อยหน้าใคร
    แถมไม่ต้องใช้งบที่สูงเกินตัว

    พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสรับสั่งต่อผู้บังคับหมู่เรือ อารักขา ที่วังไกลกังวล หัวหิน เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2545 ว่า
    “เรือ รบขนาดใหญ่มีราคาแพงและมีค่าใช้จ่ายสูง กองทัพเรือจึงควรใช้เรือที่มีขนาดเหมาะสมและสร้างได้เอง ซึ่งเมื่อสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง
    ชุดเรือ ต. ๙๑ ได้แล้วควรขยายแบบเรือให้ใหญ่ขึ้น และสร้างเพิ่มเติม”

    [​IMG]

    หลังจากนั้นทรงเอ่ยถึงในการพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ผู้ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพร ที่พระราชวังสวนจิตรลดา
    ในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2546 ตอนหนึ่งว่า

    "แม้จะเป็นกองทัพก็ต้องพอเพียง..."



    [​IMG]


    นั้นคือความหมายของ เรือ ต. 99 + 10 % = เรือ ต. 991 โดยการขยายแบบขึ้น 10% จากเรือ ต.91

    [​IMG]

    [​IMG]

    นาวาเอกวิพันธุ์ ชมะโชติ นายทหารฝ่ายเทคนิค กรมอู่ทหารเรือ เล่าว่า เรือที่สร้างขึ้นโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงลำแรก
    คือ "เรือ ต.91" ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งขนาดเล็ก สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2509 เนื่องจากเมื่อครั้งที่เสด็จประพาสยุโรป ในปี พ.ศ.2503
    ทรง เยี่ยมอู่ต่อเรือที่เมืองเบรเมน ประเทศเยอรมนี ได้ทอดพระเนตรเรือเร็วรักษาฝั่งขนาดเล็ก จึงมีดำริให้ต่อเรือขึ้น ด้วยเห็นว่ามีขนาดเล็ก
    เหมาะแก่การใช้งานในบ้านเรา

    [​IMG]

    "หน้าที่ของเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง คือ ปฏิบัติภารกิจชายฝั่ง เช่น ให้ความช่วยเหลือแก่ชาวประมง ผู้ประสบภัย อย่างตอนที่เกิดสึนามิ
    เรือ ต.ชุดนี้ก็ลงไปช่วย บางครั้งก็ทำหน้าที่เป็นเรืออารักขา เป็นเรือพระที่นั่ง อย่าง เรือ ต.99 ที่ได้ถวายการรับใช้เป็นเรือประทับ
    เมื่อครั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จเกาะสีชัง"

    เรือ ต.91 ชุดนี้มีทั้งหมด 9 ลำ ลำสุดท้ายคือ ต.99 สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2530 "สมเด็จย่า" เสด็จทำพิธีปล่อยเรือเนื่องในวโรกาส 60 พรรษา
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งหลังจากนั้นกรมอู่ทหารเรือก็ว่างเว้นจากการต่อเรือตรวจการณ์

    [​IMG]

    [​IMG]

    กระทั่ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินในพิธีปล่อยเรือ
    ตรวจการใกล้ฝั่ง (ต.991) ลงน้ำ เวลา 18.15 น. ณ อู่หมายเลข 1 กรมอู่ทหารเรือ หลังจากกองทัพเรือได้ต่อเรือแล้วเสร็จ 90%
    เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวาย เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    แต่สิ่งที่น่าสนใจที่ผมจะนำเสนอคือกระบวนการออกแบบและก่อสร้างก่อนหน้านั้นคือการออกแบบเรือจะใช้หลักการออกแบบที่เรียกว่า
    Design Spiral ซึ่งเป็นกรรมวิธีซ้ำแล้วซ้ำอีก (Iterative Process) จาก ความต้องการตามภารกิจจนถึงการออกแบบรายละเอียดมีปัจจัย
    ของการดำเนินงานเพื่อ ให้ได้เรือตามที่ต้องการเริ่มต้นจากการออกแบบขั้นพื้นฐาน(Basic Design)ซึ่งประกอบด้วยแนวทางการออกแบบ
    (Concept Design) และการออกแบบเบื้องต้น (Preliminary Design) ที่จะนำไปสู่การออกแบบสำหรับทำสัญญา (ContractDesign)
    และการออกแบบสำหรับการต่อเรือ (Detail Design) มีลักษณะการทำงานตาม รูป Ship Design Spiral

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    การดำเนินงานมีขั้นตอนหลักของการออกแบบเรือประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ Concept Design,Preliminary Design,Contract Design
    และ Detail Design ซึ่งในแต่ละขั้นตอนเป็นการกำหนดรูปแบบลักษณะของเรือ ตลอดจนอุปกรณ์เครื่องจักรที่ต้องใช้ติดตั้งภายในเรือโดยมีแนวทาง
    ในการ ออกแบบ ในแต่ละขั้นตอนที่จะต้องสอดคล้องและต่อเนื่องกันจะแตกต่างกันที่รายละเอียด และความถูกต้องซึ่งจะมีความถูกต้องใกล้ความเป็น
    จริงมากยิ่งขึ้นเป็น ลำดับโดย จะต้องทำการตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดที่ได้ดำเนินการในหัวข้อที่จะกล่าว ถึงทั้งหมดเพื่อให้การออกแบบเรือมี
    ความถูกต้องสามารถนำไปใช้ในขั้นตอนการ สร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้เรือที่มีคุณสมบัติตามความต้องการ

    [​IMG]

    กระทั่งคณะผู้บริหารโครงการได้เข้ารับพระบรมราชวินิจฉัย ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์2547
    โดยได้สรุปบทคัดย่อคุณลักษณะเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งนำเสนอต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่า

    • เรือ ต.๙๙ เป็นเรือต้นแบบ ขยายในทุกมิติ 10 %

    • ตัวเรือด้านข้าง และเก็งเรือ มีมุมเอียงอย่างน้อย 6 องศา

    • ทวนหัวเอียงเพิ่มขึ้นและบริเวณหัวเรือมีแนวกระจายคลื่น (knuckle)

    • คงรูปทรงตัวเรือใต้แนวน้ำ

    • ความสูงกราบเรือเพิ่มขึ้น 40 เซนติเมตร

    • มีช่องทางผ่านเครื่องจักรสำหรับการยกเปลี่ยน (Repair by Replace)

    • มีสมรรถนะและขีดความสามารถปฏิบัติการในทะเลที่ดีขึ้น

    • ความเร็วสูงสุดที่ระวางขับน้ำเต็มที่ (185 ตัน) มากกว่า 27 นอต

    • รัศมีปฏิบัติการ 1500 ไมล์ที่ความเร็วมัธยัส

    • การส่งกำลังบำรุง 7 วัน (ตามลักษณะการใช้เรือประเภทนี้)

    • สามารถติดตั้งอาวุธที่มีประสิทธิภาพในการยิงที่ดี

    • ติดตั้งปืน 40/L70 หัว-ท้าย

    • ติดตั้งปืนกล .50 นิ้ว ทั้งสองกราบ

    • ระบบควบคุมการยิง ใช้ Optonic ควบคุมปืน

    • มีความเป็นอยู่ของกำลังพลประจำเรือที่ดี

    • จัดพื้นที่พักอาศัย และพื้นที่ใช้สอย เป็นสัดส่วน

    • จัดให้มีห้องโถงนายทหาร ห้องเมส

    • กำลังพลประจำเรือ ผบ.เรือ นายทหาร 3 ประทวน 26

    [​IMG]

    โดยในหลวงทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย ในวันดังกล่าวคือ

    • TRIM เรือมีผลกระทบอย่างมากต่อความเร็วเรือ

    • รูปทรงส่วนท้ายเป็น Planning ควรให้โค้งมน ต้องมีความทนทะเล คลื่นลมในอ่าวไทยมีลักษณะสับสน

    • ความเร็วเรือที่เสนอน่าจะเหมาะสม

    • ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง กำลังขับเคลื่อน ระยะปฏิบัติการ

    • อุปกรณ์ช่วยการทรงตัว (Stabilizer)

    • ความแข็งแรงของตัวเรือและความทนทาน ให้ใช้งานได้นาน

    • ควรให้มีการติดตั้ง Spray Rail สำหรับการกระจายคลื่น

    • การทำแบบจำลองเรือโดยใช้เทียนไข

    • นำเรือเก่าที่จะไม่ใช้มาทดลองปรับปรุง

    นับเป็นพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเรื่องการออกแบบอย่างแม่นยำและตรงประเด็น
    เพราะทรงรู้จักลักษณะคลื่นลมทะเลจากการทรงเรือใบ จึงให้คำนึงถึงน้ำหนัก และลักษณะท้องเรือเป็นพิเศษ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    หลังจากนั้นกองทัพเรืองได้สนองพระบรมราชวินิฉัยด้านตัวเรือ (ข้อ ๒ และ ๗)

    • ปรับปรุงลายเส้นส่วนท้ายจาก Station 4 ถึงท้ายเรือให้โค้งมนมากขึ้น

    • ลดความสูงของท้องเรือตลอดแนวกลางลำ (Centerline)

    • ปรับความกว้างของท้องเรือบริเวณท้ายเรือลดลง

    • การปรับปรุงลายเส้น ต้องรักษาตำแหน่งของจุดศูนย์กลางการลอย (LCB)

    • ใช้ Spray Rail แทน Knuckle

    • ปรับปรุงลายเส้นบริเวณหัวเรือให้ผายออกโดยไม่มีแนวหัก (Knuckle)

    • ติดตั้ง Spray Rail ทำหน้าที่เป็นตัวกระจากคลื่น

    • ตำแหน่งการติดตั้ง Spray Rail กำหนดโดยใช้ผลการทำ Model Test

    ผลที่ได้รับจากการปรับปรุงลายเส้นตัวเรือ

    • ปรับปรุงลายเส้นส่วนท้ายจาก Station 4 ถึงท้ายเรือให้โค้งมนมากขึ้น

    • ความต้านทานลดลง 6 เปอร์เซนต์

    • ลดความหมดเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

    • ลดภาระเครื่องจักรใหญ่ ที่ความเร็วออกแบบ

    • ความเร็วเรือเพิ่มขึ้นที่กำลังเครื่องยนต์เท่าเดิม

    • ผลการคำนวณการทรงตัวของเรือดีขึ้น

    [​IMG]

    การสนองพระบรมราชวินิฉัยด้านการทรงตัว(ข้อ ๑ และ ๕)

    • ตรวจสอบ TRIM ที่สภาพการบรรทุกต่าง ๆ (Load Conditions)

    • Liquids in Midship Area, Balance Variable Loads

    • ทำการคำนวณหาค่า TRIM จาก Hydrostatic Properties ของเรือที่สภาวะ Lightship, Half Fuel, Full Load

    • อุปกรณ์ช่วยการทรงตัวของเรือ (Stabilizer)

    • ขีดจำกัดของพื้นที่ภายในห้องเครื่องจักรในการติดตั้ง Fin Stabilizer

    • ติดตั้งครีบกันโคลง (Bilge Keel) ที่ตัวเรือบริเวณกลางลำ

    [​IMG]

    การสนองพระบรมราชวินิฉัยด้านสมรรถนะ (ข้อ ๓และ ๔)

    ความเร็วเรือที่เสนอน่าจะเหมาะสม

    • ความเร็วมากกว่า ๒๗ นอต ที่ระวางขับน้ำ ๑๘๕ ตัน

    • Target Speed 29 Knots เทียบกับเรือต่างประเทศ

    ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง กำลังขับเคลื่อน ระยะปฏิบัติการ

    • กำหนดระยะปฏิบัติการ ๑๕๐๐ ไมล์ด้วยความเร็วมัธยัสถ์

    • คำนวณตามมาตรฐาน Design Data Sheet (US Navy)

    • ตรวจสอบจากผลการทดลอง Model Test

    [​IMG]

    การสนองพระบรมราชวินิฉัย (ข้อ ๖ ๘และ ๙)

    • ความแข็งแรงของตัวเรือและความทนทาน ให้ใช้งานได้นาน

    • เพิ่มความหนาเปลือกเรือเป็น ๖ มม. และปรับปรุงโครงสร้าง

    • การทำแบบจำลองเรือโดยใช้เทียนไข (MODEL TEST BY HSVA)

    • นำเรือเก่าที่จะไม่ใช้มาทดลองปรับปรุง


    สุดท้ายจึงกล่าวได้ว่า เรือ ต. 911 เป็นเรือที่สร้างโดยทหารเรือไทยในทุกขั้นตอน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    คุณลักษณะของเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง

    • ความยาวตลอดลำ ๓๘.๗ เมตร

    • ความกว้างสุด ๖.๔๙ เมตร

    • ความลึกกลางลำ ๓.๘ เมตร

    • กินน้ำลึกเต็มที่ ๑.๘๑๓ เมตร

    • ระวางขับน้ำลึกเต็มที่ประมาณ ๑๘๖ ตัน
    ความเร็วสูงสุด ๒๗ น๊อต
    ระยะปฏิบัติการสูงสุด ๑,๕๐๐ ไมล์ทะเล
    เครื่องจักรใหญ่ดีเซล จำนวน ๒ เครื่อง

    • ใบจักรแบบ Fixed Pitch จำนวน ๒ พวง

    • เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลขนาด ๑๔๐ กิโลวัตต์จำนวน๒ เครื่อง

    • ระบบอาวุธปืนกล จำนวน ๒ กระบอก

    • กำลังพลประจำเรือ ๒๙ นาย

    เรือนี้มีเครื่องจักรใหญ่ ใช้ตราอักษร MTU 16V 4000 M90 ของ ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งถือเป็นรายการเครื่องจักรและ
    อุปกรณ์ มาตรฐานที่กองทัพเรือกำหนด โดยเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนที่ติดตั้งในเรือรบของกองทัพเรือหลายชุด เช่น เรือฟริเกต ชุดเรือหลวงตากสิน
    ชุดเรือหลวงเจ้าพระยา เรือเร็วโจมตีปืนทุกชุด และ เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำชุดเรือหลวงคำรณสินธุ

    อาวุธปืนหลัก เป็นปืนกลขนาด 30 มิลลิเมตร รุ่น DS-30M ของบริษัท MSI-DSL สหราชอาณาจักร โดยติดตั้งบริเวณหัวเรือและท้ายเรือ
    รวม 2 กระบอก สามารถทำการยิงด้วยเครื่องควบคุมการยิงในแบบ Remote Control และแบบ Local Control มีขีดความสามารถป้องปราม
    หยุดยั้ง หรือทำลายเรือผิวน้ำขนาดเล็ก รวมทั้งการป้องกันตนเองจากอากาศยานได้

    ระบบควบคุมการยิง เป็นแบบ Optronic รุ่น Mirador ของบริษัท Thales ประเทศเนเธอร์แลนด์ ใช้ในการตรวจการณ์ ค้นหา ตรวจจับ
    พิสูจน์ ทราบ ติดตามเป้า วัดระยะเป้าได้ทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งสามารถค้นหาและติดตามเป้าอากาศยาน/พื้นน้ำได้โดยอัตโนมัติเมื่อได้ รับการ
    ชี้เป้าแล้ว เพื่อการใช้อาวุธได้อย่างน้อย 1 เป้า โดยเชื่อมต่อ และควบคุมการใช้อาวุธปืนหลักทั้งสองกระบอกได้พร้อมกัน

    [​IMG]

    ระบบหลัก ประกอบด้วย กล้องตรวจการณ์ความละเอียดสูง แบบ Thermal Imager : IR Camera การแสดงภาพการตรวจการณ์แบบ
    TV Camera การติดตามเป้าแบบ Laser Range-Finder (LRF) ใช้วัดระยะได้ทั้งเป้าพื้นน้ำ และอากาศยาน และอุปกรณ์บันทึกภาพ
    สถานการณ์ (Recorder) ที่ได้จากการตรวจการณ์

    หากสนใจโครงการนี้โดยละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้ที่

    http://www.navy22.com/smf/index.php?topic=17674.0



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  20. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ในสงครามครั้งที่ 2 เยอรมันใช้เรือรบขนาดเล็ก ติดตอร์ปิโด เข้าโจมตีเรือรบขนาดใหญ่ของฝ่ายพันธมิตร จนเสียหายหนัก
     

แชร์หน้านี้

Loading...