จาก ผลประโยชน์หุ้นการไฟฟ้าฯ.. ไปสู่ แดง(ส่วนที่ชั่ว) เริ่มเห็นชัด เรื่องที่จะ.. ล้มเจ้า

เอาหน่า ๕นิ้วยังยาวไม่เท่ากันเลย นับภาษาอะไรกับ คนมีขันธ์ ๕

กรรมเป็นผู้กำหนด ใครหลุดพ้นก่อน คือ ผู้ชนะภัยในวัฏรสงสาร

นิพพานัง ปรมัง สุโข

 

มาให้กำลังใจคุณ กนก ครับ

 

คนที่คิดต่างจากคุณแล้วไปว่าเขาแบบนั้น ไม่ใจแคบไปหน่อยเหรอครับ

 

สัตว์โลกย่อมเปนไปตามกรรม

 

ความจริง กระทู้นี้ ผมก็รู้แล้ว ว่า..
จะยิ่งทำให้ ผู้คน ต่างก็จะยิ่ง แตกแยก ความคิดที่เคยฝั่งลึก แก่กัน..

ที่นำเสนออยู่ได้ ก็ถือเสียว่า ทาง "ทีมงาน"
โดยเฉพาะ ท่านแม่(บ้าน) ยังมีเมตตา ให้แสดง "ความคิดเห็น"

ความคิดเห็น ที่ปรารถนา ก็คือ.. ทำอย่างไร จะให้บ้านเมือง สงบสุข
ไม่ได้มีความปรารถนา จะยิ่งทำให้เกิด ความแตกแยกแก่กันมากขึ้น

แต่ก็นั่นแหละครับ
แค่ คิด ที่จะให้ ทุกฝ่าย เข้าใจกันได้.. ก็ปวดหัว อย่างมากแล้วครับท่าน
ทิษฐิ มานะ พรรค พวก มันขวางเกะกะไปหมด ยากที่จะข้ามพ้น

ยิ่งเป็นเรื่องของ กรรม มันก็ยิ่งยากใช่ไหมครับ
โดยเฉพาะ กรรมของประเทศ ก็ยิ่งใหญ่กว้าง ขวางไปหมด

อันที่จริง..
ก็เพียงหวัง ลึก ๆ ว่า..
อยากที่จะให้ ทุกฝ่าย ทุกคน
คิดถึง ประเทศชาติ เข้าไว้

อย่าเห็นแก่ ตนเอง
อย่าเห็นแก่ พรรค
อย่าเห็นแก่ พวก
จนเกิน พอดี ไป

กระทั่ง ลืมไปว่า เรายืน อยู่บน ประเทศไทย

ลองให้ใครไป เผาบ้านตัวเอง มั่งซิ..
จะได้เข้าใจ กันเสียที เรื่องความเดือดร้อน

ยิ่งต้องทำความเข้าใจ ให้ลึก ให้ได้ ว่า..
การเผาบ้านใคร ก็ตาม ก็คือการ เผาประเทศ นั่นเอง
หากไม่ใช่บ้านของเรา เราก็ไม่สำนึก เพราะไม่ใช่ บ้านเรา
แต่ หากเป็นบ้านเรา เราก็เดือดร้อน.. ใช่ไหม

ต้องคิด ต้องสำนึก ให้ได้ ว่า..

ถึงไม่ได้เผา บ้านของเรา
แต่ก็คือ เผาบ้านในประเทศของเรา คือ ประเทศไทย
อันที่จริง หากเผาประเทศไทย เราก็ต้องเดือดร้อน ใช่ไหม
(ถ้าสำนึกได้ว่า เรา ก็คือ คนไทย)

หากเรา ไม่คิดเดือดร้อน

ก็แสดงว่า ช่างมัน ไม่ใช่บ้านเรา ไม่ใช่ประเทศของเรา
นั่น แสดงว่า เรา ก็ไม่ใช่ คนไทย

ใครก็ตาม ที่อยากใหญ่
ก็ขอไปให้ไกล จากประเทศไทย ของ คนไทย
เถิดนะครับ

ควรที่จะตรอง น้อมคิด ถึง กระแสพระราชดำรัส ที่ว่า..
"..อย่ามัวแต่ ทะเลาะกัน.. จะทำให้ ชาติ เสียหาย"
ให้มากเข้าไว้

ใช่ไหม ครับ

.......................................................................................................................................................

 

ที่นำเสนออยู่ได้ ก็ถือเสียว่า ทาง "ทีมงาน"
โดยเฉพาะ ท่านแม่(บ้าน) ยังมีเมตตา ให้แสดง "ความคิดเห็น"

ความคิดเห็น ที่ปรารถนา ก็คือ.. ทำอย่างไร จะให้บ้านเมือง สงบสุข

ไม่ได้มีความปรารถนา จะยิ่งทำให้เกิด ความแตกแยก
แก่กันมากขึ้น

แต่ หากว่า กระทู้แห่งนี้
มีแต่ข้อพิพาท มีแต่ความแตกแยก เพิ่มมากขึ้น

ก็ถือว่า ผิด วัตถุประสงค์

ผมก็ว่า ช่างน่าเสียดายนัก
เวลาที่สูญเสียไป ยิ่งก่อความ "ขาดทุน" ให้แก่ ประเทศชาติ

สมควรที่จะ ปิดกระทู้
จะดีกว่า ไหมครับ....

....................................................................................................................................................

 

ทำไม.. "คนเรา" ไม่รักกัน
ความรู้สึก ช่างน่าอาย "แมว" จริง ๆ​

....................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->

 

อยู่ด้วยกัน อย่างมีความสุข....
โธ่.. คนเรา.. ทำไม่ได้ หรือ....


.......................................................................................................​

<!-- google_ad_section_end -->

 

สิ่งต้องห้ามในการสนทนา ที่มีภูมิแตกต่างกัน ที่มีความเนื่องมาแต่อดีต แตกต่างกัน คือ เรื่อง

การเมือง
ศาสนา
ครูบาอาจารย์
ความเชื่อส่วนตนเอง

ธรรม บางประการที่ ผู้หนึ่งเข้าถึง.. ก็ไม่ใช่ว่า ผู้อื่นจะเข้าถึง หรือรู้เท่าเสมอกัน
ความเคารพต่อครูบาอาจารย์ของเรา.. ใช่ว่า คนอื่น จะเคารพ จะเข้าใจ เท่าตัวเรา
ความเชื่อที่เรามี.. ก็ใช่ว่า คนอื่นจะเข้าใจ ได้เหมือนตัวเรา

เมื่อมีความแตกต่างกัน
แล้วสนทนากัน เสวนากัน ก็จะเกิด วิวาทะ ได้ง่าย

ดังนั้น....
การเมือง
ศาสนา
ครูบาอาจารย์
ความเชื่อส่วนตนเอง

ก็จึงไม่พึง โต้ตอบกัน.. เพราะรังแต่จะเกิด ผลเสีย

อันจะสามารถมองเห็น "การเมือง" ปัจจุบัน
ที่มีความคิด ความเชื่อ ความศรัทธา แตกต่างกัน
ทำให้ ประชาชน แบ่งเป็นฝ่าย เป็นฝัก (ทั้งที่ ก็ ต้น เดียวกัน)
ก่อให้เกิด ความไม่สามัคคีแก่กัน

ท่านอาจารย์ ผู้ทรงคุณฯ ท่านก็บอกว่า..
"..กรรม ของประเทศไทย ก็คือ สมัยในอดีตชาติ เราป้องกันบ้านเมือง ก็ดี
ไปตีเมืองเขา ก็ดี.. เขาเข้มแข็ง เราก็ต้องไปยุแหย่ ให้เขา แตกแยก กันก่อน
แล้วค่อยเข้าโจมตี.. นี่แหละกรรม.."

พวกเรา จึงน่าที่จะใช้ ประวัติกรรม นี้
มาสานก่อ ในด้านที่จะให้เกิด ประโยชน์ จะดีกว่าไหม

ดีไหมครับ

เรื่องเก่า คือ ประสบการณ์สอนใจ ให้พวกเรา

ต่อไป.. ประเทศชาติ ย่อมต้องเดินหน้าต่อไป
ซึ่งก็ต้อง อาศัย ความรู้รักสามัคคี ตามพระราชกระแสรับสั่ง
ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง ให้ดีที่สุด

........................................................................................................................................................

หากว่า.. เมื่อสนทนา เสวนา ปราศรัย กันด้วย "ธรรม" ในเรื่องของ....

การเมือง
ศาสนา
ครูบาอาจารย์
ความเชื่อส่วนตนเอง

จะสามารถ "คิด พูด กระทำ" ต่อกัน ด้วยดี..
เพราะว่า เมื่อ สนทนาด้วยธรรม
จุดประสงค์ จะมุ่งแต่ประโยชน์สุขส่วนตน ส่วนรวม ส่วนของประเทศชาติ

อย่างนี้.. ย่อมถือได้ว่า.. เป็นการ สนทนาที่มีความมุ่งหวังที่ดี แก่กัน

ใช่ไหม ครับ

........................................................................................................................................................

คิดอย่างไร จะให้บ้านเมือง สงบสุข
พูดอย่างไร จะให้บ้านเมือง สงบสุข
ทำอย่างไร จะให้บ้านเมือง สงบสุข

........................................................................................................................................................

 

ไทย..ไม่รักกัน..ไม่สามัคคีกัน....
จะพัฒนา ประเทศชาติ ให้ก้าวหน้า เกริกไกร ได้อย่างไรกัน....

ประเทศไทย ตามความฝัน ว่า จะรุ่งเรือง

<O</Oจาก ประสบการณ์ การชุมนุมที่รุนแรง หลายต่อหลายครั้ง ที่ผ่านมา<O</O
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป ว่าเป็นการแก่งแย่ง อำนาจทางการเมือง <O</O
<O</O
นักการเมือง ที่อ้าปาก ก็อ้างถึง เพื่อประชาธิปไตย เพื่อประชาชน..<O</O
เพื่อประชาชน.. เพื่อประชาชน.. เพื่อประชาชน.. เพื่อประชาชน....<O</O
<O</O
ไม่ว่า พรรคไหน พวกไหน ก็อ้าปากเพื่อประชาชน.. เพื่อประชาชน<O</O
เพื่อประชาชน.. เพื่อประชาชน ทำอะไร.. เพื่อประชาชน ทำอย่างไร<O</O
<O</O
เพื่อประชาชน.. ตายก่อน.. (ทำไมไม่พูดให้จบประโยค กันเสียที)<O</O
<O</O
การแก่งแย่ง “มวลชน” เป็นงานสำคัญ ของ นักการเมือง<O</O
ใครมีเงิน ใครมีอำนาจ ก็โปะ ก็ป้อน อ่อยเหยื่อ.. <O</O
(กุ้งฝอย ตกปลากะพง)<O</O
ทำอย่างไรก็ได้ ทำทุกวิธีทาง (ที่เขาจับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน) เพื่อ..<O</O
ทำให้ พวกของตนเอง ได้รับ “เลือกตั้ง” เข้ามาได้มาก ๆ <O</O
<O</O
เพื่อที่จะได้รับ ยศ ศักดิ์ อำนาจ เป็นที่นับหน้าถือตา ตามมา<O</O
<O</O
ความต้องการ ของนักการเมือง ก่อให้เกิดเป็น วงจรอุบาทว์ <O</O
ของ การต่อสู้ อย่างชนิดที่ว่า ใครจะเป็นอย่างไร ก็ช่างมัน<O</O
ขอเพียง พวกของตนเอง ชนะได้ เป็นพอ<O</O
<O</O
ฝ่ายตรงข้าม ชนะ.. ก็หาทาง ล้มมัน ให้ได้ <O</O
เพื่อล้มกระดาน เพื่อเลือกตั้งใหม่<O</O
เดี๋ยว เสื้อเหลือง.. เดี๋ยว เสื้อแดง.. <O</O
เดี่ยว เสื้อน้ำเงิน..โอ๊ยยย เสื้อจิปาถะ....

กระทั่ง ไม่รู้จะใส่เสื้อ สีอะไร ได้อีกแล้ว.. <O</O
ถอดเสื้อเลย.. ก็จะโดนว่า “บ้า” ไปแล้ว....<O</O
<O</O
หรือว่า.. จะรอให้ ประชาชน “บ้า” ไปจริง ๆ<O</O
<O</O
ประชาชน ก็มีความสำคัญ มีคุณค่า ก็เพียง เป็น “คะแนน” เท่านั้นเอง<O</O
ถึงเวลา ก็โปะ ๆ อ่อยเหยื่อ ปดโป้ อ้าปาก ให้ความหวัง.. <O</O
เพื่อประชาชน.. เพื่อประชาชน..<O</O
เมื่อมีอำนาจ ก็เสวยผล อันแยบคาย ที่จะให้ ผู้อื่นจับไม่ได้.. <O</O
ไม่มีหลักฐาน ไม่มีใบเสร็จ<O</O
<O</O
อย่างนี้ จึงไม่เห็น “หัว” ของ ประชาชน.. <O</O
ที่อ้าปาก บอกว่า เพื่อประชาชน.. เพื่อประชาชน.. <O</O
เพื่อประชาชน.. ตายก่อน.. (ก็ไม่พูดให้จบประโยค กันเสียที)<O</O
<O</O
พูด “ปัญหา” มาทั้งหมดนี้.. เป็นที่ “รู้” เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป <O</O
ซึ่งก็ไม่ได้มีเจตนา จะกล่าวถึงใคร โดยเฉพาะเจาะจง<O</O
อันนี้เป็น “ปัญหาโดยภาครวม”<O</O
<O</O
แล้ว.. หากจะถามว่า.. “ปัญหาภาครวม” อย่างนี้ <O</O
จะ “แก้ไข” ได้อย่างไร<O</O
<O</O
นี่ .. นี่.. “หัวใจ” ของข้อปัญหา<O</O
หากแก้ไขได้ จะเป็นความเจริญ ความรุ่งเรือง ของประเทศไทย จริง ๆ<O</O
<O</O
ต่อไปนี้ ก็จะขอพูด ตามประสา “ความฝัน” นะครับ<O</O
ความฝัน อยากให้ประเทศชาติ สุขสงบ รุ่งเรืองหนักหนา ชาวประชาผ่องใส<O</O
ไม่ได้มีเจตนา จะกล่าวถึงใคร โดยเฉพาะเจาะจง<O</O
<O</O
เพียงขอ “พูด” ตามประสา ความฝัน ในระบอบประชาธิปไตย<O</O
ไม่ประสงค์ จะไปส่อเสียด เบียดบังใคร ให้เดือดร้อน<O</O
<O</O
หากจะพูด ในแนวทาง การแก้ปัญหาโดยภาครวม ดังกล่าวมาแล้ว<O</O
<O</O
เราก็ต้องมีแนวทาง แบบอย่างที่ พวกเราเคารพ นับถือ อย่างแท้จริง<O</O
นั่นก็คือ แนวคำสอนของ “พระศาสนา”<O</O
ที่แนะนำการปฏิบัติ เพื่อให้เป็นแนวทาง “พ้นทุกข์”<O</O
<O</O
หัวใจ ของ พระศาสนา ก็คือ <O</O
ละเว้นความชั่ว ทำความดี ทำใจให้บริสุทธิ์<O</O
ด้วย.. ทาน ศีล ภาวนา<O</O
<O</O
ทาน.. การให้ การบริจาค การเสียสละ.. <O</O
เป็นการ ละ ความโลภ<O</O
<O</O
ศีล.. ข้อปฏิบัติตนเอง ให้เป็น “ปกติ” ที่จะไม่เบียดเบียน ผู้อื่น.. <O</O
เป็นการ ละ ความโกรธ<O</O
<O</O
ภาวนา.. เจริญสติ ก่อให้เกิด “ปัญญา” รู้เท่าทัน “โลก”<O</O
เป็นการ ละ ความหลง สู่หนทางแห่ง อริยะ โลกกุตระ<O</O
<O</O
จะเห็นว่า “ปัญญา” เป็น “เครื่องมือ” อันเลิศ ประเสริฐที่สุด<O</O
แต่ทว่า หาก ไม่มีทาน ไม่มีศีล ภาวนาอย่างเดียว ก็ไม่มีผลสำเร็จ<O</O
<O</O
หากจะเปรียบเทียบ ทาน ศีล ภาวนาในทาง “โลก”<O</O
ทาน.. การให้ “วัตถุ” และ “วิถีการดำรงชีพ” <O</O
ศีล.. การมีระเบียบ ข้อกฎหมาย ข้อปฏิบัติ ที่จะทำให้ "สังคม" มีความสุข<O</O
ภาวนา.. การให้ “ปัญญา” คือ “การศึกษาเรียนรู้”<O</O
<O</O
การให้ ทาน ทางโลก.. <O</O
ศีล มีกฎ มีระเบียบทางโลก<O</O
ก็ไม่สามารถเท่าเทียม “ปัญญา การศึกษาเรียนรู้”<O</O
<O</O
“การศึกษาเรียนรู้” ของประชาชน นี่เอง.. <O</O
คือ สิ่งยอดสุด ของการพัฒนาประเทศ<O</O
<O</O
พูดอย่างนี้.. ใคร ๆ ก็บอก เขาก็รู้มานานแล้ว.. แล้วมาพูดทำไมอีก<O</O
<O</O
ก็จริงอยู่.. <O</O
แต่ที่จะขอพูดนี่.. ขอพูดเรื่อง “เนื้อหาหลักสูตร การอบรม การเรียนการสอน”<O</O
<O</O
แนวทาง การแก้ปัญหาโดยภาครวม

1. เรื่อง “เนื้อหาหลักสูตร การอบรม การเรียนการสอน”<O</O
เกี่ยวกับ เรื่อง ความรู้ด้านการเมือง สิทธิ หน้าที่ ที่ถูกต้อง <O</O
(ไม่ใช่ ลงคะแนน เท่านั้น)<O</O
การอบรม การปลูกฝั่ง <O</O
ในเรื่อง ค่านิยม การโกง การคอรัปชั่น ที่ชั่วร้าย<O</O
สมควรที่จะจัดให้เรียนรู้ทุกระยะตั้งแต่ อนุบาล ถึง ปริญญาต่าง ๆ<O</O
<O</O
ก็ไม่รู้ว่า “ใคร” ที่ “มือดี” (แต่เลว) <O</O
ตัด หลักสูตร ศีลธรรม ออกไปจากหลักสูตรการเรียน<O</O
เรียกว่า ศีล ธรรมะ ไม่ต้องศึกษา กันละ.. <O</O
โตขึ้น โกงได้ โกงเอา.. เศร้า พินาศ พัง ทั้งประเทศ<O</O
<O</O
นักการเมือง ประเภท ที่อ้าปาก บอกว่า <O</O
เพื่อประชาชน.. เพื่อประชาชน.. <O</O
เพื่อประชาชน.. ตายก่อน.. <O</O
ก็จะไม่สนใจใยดี ในการอบรม การเรียนการสอน....<O</O
<O</O
เพราะว่า หลักสูตร กว่าจะจบ ปริญญา ก็ 20 ปี <O</O
เมื่อ ประชาชน มีความรู้ มีความเข้าใจ ในแนวทางการเมือง <O</O
ก็จะรู้เท่าทัน นักการเมือง (ดี หรือ เลว)<O</O
<O</O
นักการเมืองเลว คิดได้แต่ว่า.. ตัวเองมีอำนาจสมัยหนึ่ง ก็แค่ 4 ปี.. <O</O
เสียเวลา เสียสมอง หาทางกอบโกย ดีกว่า.. อย่างนี้ ยอดเลว<O</O
<O</O
แต่ นักการเมืองที่ดี มีวิสัยทัศน์ <O</O
เพื่อ ประเทศชาติรุ่งเรือง <O</O
เพื่อ ประชาชนเป็นสุข.. เขาจะทำกัน<O</O
(พวกเรา ต้องพิจารณา เทียบเคียง)<O</O
<O</O
ถ้าประชาชน มีความรู้เท่าทัน<O</O
นักการเมืองเลว ๆ ก็จะไม่สามารถหลอกลวงประชาชนได้อีกแล้ว<O</O
<O</O
อนึ่ง หากถามว่า.. โอ้ ต้องรอ 20 ปี.. จะรอการพัฒนา ไหวหรือ....<O</O
<O</O
อันนี้ ท่านผู้นำ นักการเมือง ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล <O</O
ย่อมมีความสามารถ ในการวางแผนงาน ระยะสั้น..ระยะกลาง.. ระยะยาว<O</O
<O</O
ระยะสั้น.. ปราบปราม ปรับปรุง และ ช่วยเหลือในระยะสั้น ๆ<O</O
- ปราบปราม นักการเมืองเลว.. (นักการเมือง จะกล้า ปราบกันเองไหม)<O</O
- ปรับปรุง ความรู้ ความเข้าใจ ของประชาชน ทางการเมือง และวิถีชีวิต.<O</O
- ช่วยเหลือประชาชน ระยะสั้น อย่างเร่งด่วน<O</O
<O</O
ระยะกลาง ปรับปรุง อบรม ระยะกลาง ๆ <O</O
จำนวน 3 ปีหรือ 5 ปี สำรวจผล อย่างต่อเนื่อง<O</O
<O</O
ระยะยาว หลักสูตร การเรียนการสอน ของนักเรียน ที่สำรวจผล อย่างต่อเนื่อง<O</O
<O</O
ระยะสั้น ๆ นี่ นักการเมืองทั่วไปชอบ ช่วยเหลือ เพราะเป็น คะแนนเสียง<O</O
จริง ๆ แล้ว หากมีหน่วยงานตรง ที่คอยติดตาม ทั้ง ระยะกลาง ระยะยาว<O</O
ก็จะเป็น ประโยชน์ใหญ่ เป็นฐานรากที่แข็งแรง ของประเทศชาติ สืบไป<O</O
(นักการเมือง ดี หรือ เลว.. พวกเรา ต้องพิจารณา เทียบเคียง)

.
2. นักการเมือง และ ข้าราชการ จะมีอาวุธ จะมีอำนาจอยู่ในมือ<O</O
<O</O
อำนาจชั่ว<O</O
นักการเมืองเลว ที่ร่างกฎหมาย เบียดบัง เพื่อพรรค เพื่อพวก ของฝ่ายตนเอง.. <O</O
นักการเมืองเลว ย่อมจะออกกฎข้อบังคับ สร้าง ความสะดวกแก่ตนเอง และพวก<O</O
<O</O
นักการเมืองที่ดี.. มีบ้างไหม ที่หาญกล้า <O</O
“ร่างกฎหมายทำลายตนเอง” (หากชั่ว) เช่น<O</O
ประชาชนทำความผิด ต้องโทษ 5 ปี <O</O
แต่หากนักการเมือง ทำผิดในกรณีเดียวกัน ต้องมีโทษ 2 หรือ 3 เท่า<O</O
(รวมถึง ข้าราชการ ด้วย)<O</O
<O</O
เพราะว่า นักการเมือง ข้าราชการ ทำงาน เพื่อประชาชน<O</O
จะต้องมีความเสียสละ<O</O
<O</O
ซึ่ง ถ้าหากมีความตั้งใจดี ปฏิบัติดี <O</O
ความผิด และ โทษ ก็ไม่มีอยู่แล้ว <O</O
โทษ ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ จะกี่เท่า ก็ไม่มีผลอะไร<O</O
<O</O
และจะเป็นการ สานสร้างกำลังใจ ความเชื่อมั่นของประชาชน ได้ดี อีกด้วย<O</O
เพราะว่า นักการเมือง และข้าราชการ จะมี อาวุธ จะมี อำนาจ อยู่ในมือ<O</O
<O</O
ประชาชน ก็อุ่นใจ ว่า.. <O</O
นักการเมือง ข้าราชการ บริหาร บริการ <O</O
เพื่อประชาชน <O</O
เพื่อความรุ่งเรืองของ ชาติ <O</O
โดยแท้จริง

หากว่า "พวกเราชาวไทย" เลือดไท ไม่สามัคคีกัน ไม่รักกัน ไม่ช่วยกัน
แล้วจะรอ ความหวัง ให้ "ใคร" เป็นผู้ สานสร้าง "ความฝัน" ให้เป็นจริง.

...........................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

เป็นพื้นที่แสดงความเห็น ใครเห็นต่างกันอย่างไรก็...ว่ากันไป..ส่วนหนึ่ง
ของข้อมูลที่คุณมหาหินนำมาเสนอ..ก็เปนประโยชน์อย่างยิ่งในเรื่องความมั่นคงของประเทศ
ทำให้เราได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดกับประเทศนะขณะนี้..ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่แตกแยกกันเอง
แต่ยังมีภัยจากภายนอกในส่วนของ3จังหวัดชายแดนภาคใต้..เราคนไทยยังขัดแย้งกันอยู่..ทหารไม่เพียงแต่จะเสียชีวิตเพื่อปกป้องประเทศ..แล้วยังต้องมาเสียชีวิตให้กับคนไทยด้วยกัน..เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง..ขอบคุณทุกข้อมูลที่นำมาให้ทราบ..จึงเห็นควรเป็นอย่ายิ่งว่า คุณมหาหินกรุณาอย่าปิดกระทู้เลยนะคะ...เพราะติดตามดูอยู่ตลอด..

 

เห็นด้วยครับ ถ้าพูดถึงเรื่องการเมือง ก็จะขัดแย้งกันไม่มีที่สิ้นสุด ให้เว็บพลังจิตปลอดการเมืองเถอะครับ...

และถ้าว่าเรื่องการเมือง น่าจะไปที่พันทิป เป็นต้น ครับ
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/

 

ขอบคุณพี่มหาที่ได้เอาข้อมูลต่างๆมาอัพเดท และต้องทนต่อการต่อต้านจากฝ่ายตรงข้ามที่เห็นต่าง ที่ผมเห็นต่างจากเสื้อแดง ผมไม่ใช่สาวกเสื้อเหลือง ผมเป็นคนไทยคนหนึ่งที่รักในหลวง ได้ฟัง ได้เห็น ได้อ่าน ในเวปของเสื้อแดงเอง เช่น นปก ยูเอส เอ การกระทำของเสื้อแดงบางกลุ่มที่ทำเป็นขบวนการเพื่อที่จะล้มสถาบันอันเป็นที่รักของเรา ได้มีการทำคลิปวีดีโอต่างๆ และการแอบอ้างงานวิจัยทางวิชาการของสถานการศึกษาเพื่อดิสเครดิสองค์ในหลวงของเรา ในแบบที่จาบจ้วงและต่ำช้ามากสุดที่คนไทยที่รักในหลวงจะทนได้

ถึงกระทู้นี้จะทำให้มีการโต้เถียงกัน แต่ผมมองว่าคนที่เข้ามาอ่านได้รู้ความจริงความเลวร้ายและจุดประสงค์ของขบวนการเสื้อแดง และทำให้เขาถอนตัวและทำให้คนที่จะเข้าร่วมเปลี่ยนความตั้งใจไม่ให้การสนับสนุนแม้เพียงไม่กี่คน ก็เป็นประโยชน์มหาศาลแล้วครับ

ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟครับ สู้ครับพี่

 

บันทึกพฤษภา′53 ความจริงจากข่าวสด "ความตาย 90 ศพ"

ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย รวมภาพ-เจาะเบื้องหลังการเสียชีวิต ของเหยื่อ ′สลายม็อบ′ ผลงานกองบรรณาธิการ ข่าวสด

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>

​

หนังสือ "บันทึกพฤษภา ′53 ความจริงจากข่าวสด ความตาย 90 ศพ" โดยกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ "ข่าวสด" ได้รวบรวมเรียบเรียงเหตุการณ์นองเลือดตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤษภาคม 2553 ระหว่างที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงรวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา จนนำไปสู่การปราบล้อมขอพื้นที่คืนและกระชับพื้นที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 90 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 2 พันคน และการเผาห้าง อาคาร บ้านเรือน เสียหาย

ข่าวสดได้ประมวลเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตามลำดับเวลา ย้อนกลับไปดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอีกมุมหนึ่งที่สังคมอาจยังไม่เคยรู้ รวมทั้งความข้องใจ ความสงสัย ในประเด็นที่ยังคงถกเถียงกันหาข้อยุติไม่ได้เปิดมุมมองใหม่ของข่าวอีกด้านหนึ่งที่ไม่มีปรากฎในสื่อหลัก และเสียงของชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์

เริ่มจากการไล่เรียง"ความขัดแย้งทางการเมืองของไทย" นับตั้งแต่คณะ คมช.ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งไปร่วมประชุมสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 สถานการณ์เขม็งเกลียวยิ่งขึ้นตามลำดับ ภายหลังบ้านเมืองแบ่งแยกเป็น "สี" เสื้อเหลือง-เสื้อแดงอย่างชัดเจน

เมื่อเกิดคดียุบพรรคไทยรักไทย ประกอบกับพ.ต.ท.ทักษิณ-เครือข่ายพลิกข้างไปอยู่ในสถานะ "ผู้ถูกไล่ล่า" อีกทั้ง "คะแนนเสียง" ของประชาชนผู้สนับสนุนพรรคการเมืองในปีกพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รับการสนใจจากผู้กุมอำนาจ เค้าลางแห่งหายนะจึงเริ่มคืบคลานมาเยือนสังคมไทย

คู่ขัดแย้งแต่ละฝ่ายต่างจัดตั้ง "มวลชน" ของตนขึ้นมาเป็นพลังสร้างความชอบธรรม

ขณะที่ฝ่าย "เสื้อแดง" เดินหน้าตั้งคำถามถึงพฤติกรรม "2 มาตรฐาน" ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระทั่งนำไปสู่การระดมพลจัดชุมนุมใหญ่ทดสอบกระแสกันหลายต่อหลายครั้ง

รวมถึงจุดเริ่มต้นการชุมนุม "แดงทั้งแผ่นดิน" ในวันที่ 12 มี.ค.2553 ณ เวทีผ่านฟ้าลีลาศ ถ.ราชดำเนิน กทม. มีคนเสื้อแดงจากต่างจังหวัดหลั่งไหลเข้าร่วมเรือนแสน

และจบลงอย่างเจ็บปวดในที่สุด เมื่อวันที่ 19 พฤษภาฯ

ยกตัวอย่างเหตุการณ์ "สลายม็อบ 19 พ.ค.53-แดงตายเกลื่อน จลาจลเผาเมือง" บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยว่า วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 คือวันแห่งความสูญเสียครั้งสำคัญ กับเหตุสลายม็อบที่มีผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บมากที่สุด เท่าที่เคยเกิดเหตุการชุมนุมทางการเมือง!

14 ตุลา 2516 ,6 ตุลา 2519 และพฤษภาทมิฬ 2535 ถูกลบสถิติราบเรียบ

กทม.กลายเป็นแดนมิคสัญญี การไล่ฆ่าฟันกันอย่างโหดร้าย การเผาทำลายทรัพย์สินทั้งของเอกชนและราชการอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ควันจากเปลวไปหลายจุดทั่วกรุงสามารถมองเห็นในระยะไกล!

ปฏิบัติการสลายม็อบที่แยกราชประสงค์ มีการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และเตรียมจัดการขั้นเด็ดขาดกับผู้ชุมนุมมาระยะหนึ่งแล้ว

หลังจากรัฐบาลแฃะศอฉ.พลาดท่าเสียทีในการสลายม็อบเมื่อวันที่ 10 เมษายน

โดยหลังเกิดเหตุ 10 เมษายน ซึ่งมีทหารเสียชีวิต 6 นาย รวมทั้ง พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสธ.พล.ร2 รอ.ทั้งรัฐบาล ทหาร และศอฉ.พูดเป็นนัยว่าจะให้ทหารติดอาวุธเต็มพิกัดในการปะทะกับม็อบครั้งต่อไป

รัฐบาลและศออ.ไม่เคยยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร "เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ซึ่งถูกสไนเปอร์ส่องจากระยะไกลเสียชีวิต บริเวณแยกศาลาแดง เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม

แต่ฝ่าย นปช. เชื่อว่า การเด็ดหัวเสธ.แดงเป็นผลต่อเนื่องมาจากการปะทะก่อนหน้านั้น

โดยเฉพาะเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน รัฐบาล ทหาร และศอฉ.ตั้งข้อสงสัยว่า "เสธ.แดง" น่าจะเกี่ยวข้องกับการวางแผนรับมือกับทหาร จนทำให้ทหารแตกพ่ายในที่สุด

หลังการตายของเสธ.แดง เกิดการปะทะกันระหว่างทหารกับผู้ชุมนุมหลายจุด

ทหารเลิกใช้กระบองและโล่หันมาใช้ปืนเอ็ม 16 ทาโวร์ มีหน่วยซุ่มยิงเป็นอาวุธหลักพร้อมกับการปั่นกระแสข่าว "ผู้ก่อการร้าย" เพื่ออ้างความชอบธรรมในการใช้อาวุธหนักเข้าจัดการกับผู้ชุมนุม

ปฏิบัติการ"กระชับพื้นที่" ตามศัพท์ของศอฉ.เริ่มขึ้นตั้งแต่ 05.45 น. วันที่ 19 พฤษภาคม

หกโมงเช้าเศษๆ ทหารพร้อมรถหุ้มเกราะปิดล้อมกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ย่านศาลาแดง ซึ่งยึดบริเวณลานพระรูป ร.6 สวนลุมฯปัดหลักมานานนับเดือน

ปะทะกันแค่ประปราย ทหารก็เข้ายึดพื้นที่ได้ทั้งหมด ทั้งบนรางรถไฟฟ้า บีทีเอส และพื้นราบพร้อมรุกคืบไปถึงแยกสารสิน

กำลังทหารแยกย้ายปิดถนนเส้นทางเข้าแยกราชประสงค์ทุกด้านและค่อยๆรุกคืบเข้าไปโดยมีนปช.ตั้งด่านสกัดทุกทาง

ด้านม็อบอีกส่วนหนึ่งซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ ได้กระจายไปยึดถนนหลายจุด อาทิ บ่อนไก่ ถ.พระรามที่ 4 บริเวณสี่แยกดินแดง บริเวณถ.พระรามที่ 1 หน้าโรงหนังสยาม ประตูน้ำและสามย่าน และเริ่มจุดๆไฟเผายางรถยนต์ให้เกิดกลุ่มควันหนาทึบทุกๆพื้นที่ เพื่อบดบังสายตาของสไนเปอร์ซึ่งยิงผู้ชุมนุมและประชาชนตายไปหลายศพ

ผ่านไปราว 3 ชั่วโมงทหารเริ่มคุมสถานการณ์ได้ มีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตประมาณ 10.00 น.ตายแล้ว 37 ศพ เป็นผู้ชุมนุมและประชาชนล้วนๆ!

ความรุนแรงเริ่มลุกลามเมื่อเกิดการวางเพลิงเผาอาคารต่างๆใกล้สถานที่ชุมนุม อาทิ ธนาคาร บ้านเรือนประชาชนและอาคารมาลีนนท์ ที่ตั้งช่อง 3 ซึ่งอยู่ใกล้ที่ชุมนุมจุดบ่อนไก่

ม็อบที่กระจายอยู่รอบๆเส่นทางมาแยกราชประสงค์ ถูกกดดันจนร่นถอยมาเรื่อยๆและยอดคนเจ็บ-คนตายก็เพิ่มมากขึ้น

ผู้ชุมนุมที่เป็นเด็กและผู้หญิงรวมทั้งสื่อมวลชน เริ่มเข้าไปภายในวัดปทุมวนาราม ซึ่งประกาศเป็นเขตอภัยทาน จนมีจำนวนหลายพันคน

13.30 น. นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำม็อบนปช.ขึ้นเวทีกล่าวขอโทษผู้ชุมนุมทุกคน และประกาศจะเข้ามามอบตัวที่สตช.เพราะไม่อยากเห็นคนตายมากกว่านี้อีกแล้ว

จากนั้นนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำอีกคนขึ้นเวทีประกาศยุติการชุมนุมเพียงเท่านี้ แกนนำบางส่วนเดินเข้ามามอบตัวใน สตช.

ทหารเริ่มเข้าพื้นที่ราชประสงค์ พร้อมกับเกิดเหตุเผาโรงหนังสยามและห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตามด้วยเสียงระเบิดรอบๆ พื้นที่ชุมนุมเป็นระยะๆ

ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมที่ยังรวมตัวตามจุดต่างๆแม้ทราบข่าวว่าแกนนำประกาศยุติการชุมนุม แต่ยังปักหลักต่อสู้พร้อมกับเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับการจุดไฟเผายางรถยนต์ในหลายจุด

ในต่างจังหวัดเกิดเหตุเผาศาลากลางในพื้นที่ของกลุ่มคนเสื้อแดงและเผายางรถยนต์เหมือนกับในกทม.

ความวุ่นวายไม่ได้จบลงง้ายๆ แม้ทหารจะเข้ายึดพื้นที่ราชประสงค์ได้ตั้งแต่บ่าย หลังแกนนำเข้ามอบตัว เพราะผู้ชุมนุมที่กระจัดกระจายอยู่ปฏิบัติการโดยไร้การควบคุม

อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถ.รัชดา ถูกคนร้ายบุกเผาเช่นเดียวกับอาคารอีกหลายแห่ง

เจ้าหน้าที่อ้างว่ามีคนร้ายลอบยิงรถดับเพลิงหลายจุด จนไม่สามารถเข้าไปดับไฟได้ ต้องปล่อยให้ลุกลามไปเรื่อยๆ

ราว 18.00 น. เริ่มมีการยิงใส่ผู้ชุมนุมและหน่วยกู้ภัยซึ่งอยู่ภายในวัดปทุมวนารามนับพันคน โดยมีคนเห็น "ทหารใส่เครื่องแบบ" อยู่บนรางรถไฟฟ้าหน้าวัด

มือปืนรัวยิงใส่ทุกคนที่พยายามจะออกจากวัดและยิงถล่มเต็นท์พยาบาลภายในวัด

มีรายงานว่าเกิดการยิงแก๊สน้ำตาบริเวณด้านหลังวัด เพื่อบีบให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวออกมาด้านหน้าซึ่งเป็นที่โล่ง

ภายในวัดปทุมฯ มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บจำนวนมากและเสียชีวิต 6 ราย รวมที้งพยาบาลอาสาและหน่วยกู้ภัยที่เข้ามาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บโดยไม่เกี่ยวกับการชุมนุม

ทุ่มเศษๆ ศอฉ.ประกาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจสั่งเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่ 2 ทุ่มถึง6 โมงเช้ารวม 23 จังหวัดทั้งในเขตกทม. ปริมณฑล ภาคอีสานและเหนือ

นอกจากนี้ยังมีภาพประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกยิงเสียชีวิตบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากระหว่างวันที่ 14-15 พ.ค. 2553 รวมทั้งการเปิดใจผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เป็นสื่อมวลชนและผู้ชุมนุม ภาพนาทีชีวิตและการช่วยเหลือชีวิตผู้ที่ตกเป็นเหยื่อกระสุนที่คนเสื้อแดงต้องช่วยกันหามและแบกผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล


<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>http://www.matichon.co.th/news_detai...grpid=01&catid=
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

'''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''

<TABLE class=tborder id=post3501064 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 04:51 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #290 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->มหาหิน<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3501064", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนบริจาคพิเศษ



วันที่สมัคร: Sep 2005
ข้อความ: 20,327
Groans: 28
Groaned at 57 Times in 55 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 14,073
ได้รับอนุโมทนา 253,530 ครั้ง ใน 19,966 โพส
พลังการให้คะแนน: 14218


</TD><TD class=alt1 id=td_post_3501064 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->สิ่งต้องห้ามในการสนทนา ที่มีภูมิแตกต่างกัน ที่มีความเนื่องมาแต่อดีต แตกต่างกัน คือ เรื่อง

การเมือง
ศาสนา
ครูบาอาจารย์
ความเชื่อส่วนตนเอง

ธรรม บางประการที่ ผู้หนึ่งเข้าถึง.. ก็ไม่ใช่ว่า ผู้อื่นจะเข้าถึง หรือรู้เท่าเสมอกัน
ความเคารพต่อครูบาอาจารย์ของเรา.. ใช่ว่า คนอื่น จะเคารพ จะเข้าใจ เท่าตัวเรา
ความเชื่อที่เรามี.. ก็ใช่ว่า คนอื่นจะเข้าใจ ได้เหมือนตัวเรา

เมื่อมีความแตกต่างกัน
แล้วสนทนากัน เสวนากัน ก็จะเกิด วิวาทะ ได้ง่าย

ดังนั้น....
การเมือง
ศาสนา
ครูบาอาจารย์
ความเชื่อส่วนตนเอง

ก็จึงไม่พึง โต้ตอบกัน.. เพราะรังแต่จะเกิด ผลเสีย

อันจะสามารถมองเห็น "การเมือง" ปัจจุบัน
ที่มีความคิด ความเชื่อ ความศรัทธา แตกต่างกัน
ทำให้ ประชาชน แบ่งเป็นฝ่าย เป็นฝัก (ทั้งที่ ก็ ต้น เดียวกัน)
ก่อให้เกิด ความไม่สามัคคีแก่กัน

ท่านอาจารย์ ผู้ทรงคุณฯ ท่านก็บอกว่า..
"..กรรม ของประเทศไทย ก็คือ สมัยในอดีตชาติ เราป้องกันบ้านเมือง ก็ดี
ไปตีเมืองเขา ก็ดี.. เขาเข้มแข็ง เราก็ต้องไปยุแหย่ ให้เขา แตกแยก กันก่อน
แล้วค่อยเข้าโจมตี.. นี่แหละกรรม.."

พวกเรา จึงน่าที่จะใช้ ประวัติกรรม นี้
มาสานก่อ ในด้านที่จะให้เกิด ประโยชน์ จะดีกว่าไหม

ดีไหมครับ

เรื่องเก่า คือ ประสบการณ์สอนใจ ให้พวกเรา

ต่อไป.. ประเทศชาติ ย่อมต้องเดินหน้าต่อไป
ซึ่งก็ต้อง อาศัย ความรู้รักสามัคคี ตามพระราชกระแสรับสั่ง
ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง ให้ดีที่สุด

........................................................................................................................................................

หากว่า.. เมื่อสนทนา เสวนา ปราศรัย กันด้วย "ธรรม" ในเรื่องของ....

การเมือง
ศาสนา
ครูบาอาจารย์
ความเชื่อส่วนตนเอง

จะสามารถ "คิด พูด กระทำ" ต่อกัน ด้วยดี..
เพราะว่า เมื่อ สนทนาด้วยธรรม
จุดประสงค์ จะมุ่งแต่ประโยชน์สุขส่วนตน ส่วนรวม ส่วนของประเทศชาติ

อย่างนี้.. ย่อมถือได้ว่า.. เป็นการ สนทนาที่มีความมุ่งหวังที่ดี แก่กัน

ใช่ไหม ครับ

........................................................................................................................................................

คิดอย่างไร จะให้บ้านเมือง สงบสุข
พูดอย่างไร จะให้บ้านเมือง สงบสุข
ทำอย่างไร จะให้บ้านเมือง สงบสุข

........................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->

อ่านอย่างไร ก็ไม่เคยคิด ไม่เคยพยายามที่จะเข้าใจ หรือ ไม่ได้อ่าน ก็ไม่รู้
อยากแต่จะพูดเท่านั้น พูดก็มีแต่เรื่องให้ แตกแยก กัน

ไอ้ที่พูดนี่ มันปลายเหตุแล้ว
เหตุแรกเริ่ม แผนแรกเริ่มที่ชั่วๆ ที่คิดทำลายสถานบันหลัก กลับมองไม่เห็น
หรือว่า เห็น แต่แกล้ง ตาบอด (ระวังจะ บอด จริงๆ นะครับ)

ปิดกระทู้ ไปได้ก็ดี
ปล่อยให้พวกที่ดีแต่จะพูดเข้าหาพรรคพวกตัวเอง รับเวร รับกรรม กันเอง
พูดอย่างไรก็ไม่สำเหนียก ไม่มีสามัญสำนึก
พระพุทธเจ้า ท่านก็ทรงแสดงถึง บัว 4 เหล่า ไว้แล้ว
ดูตัวเองละกันว่าจะอยู่เหล่าไหน ดูตัวเอง ก็ไม่รู้ตัวอีก กรรม

คนที่คิดร้ายต่อพระโพธิสัตว์ปรมัตถ์ อย่าง ในหลวง
ก็เป็นกรรมของเขาเอง
จะได้ผลทันตา ในชาตินี้แหละครับ
อีกไม่นาน ก็จะได้เห็นกัน(คงไม่เกิน 2 ปี)

ความสุข อันเป็นความสุข สงบ ของส่วนรวม คือ ประเทศชาติ
สิ่งที่พึงเคารพบูชา คือ พระศาสนานา
สิ่งที่ควรเทิดทูน กตัญญู คือ สถาบันพระมหากษัตริย์

ไม่เคยคิดจะสนใจ ร่วมกันผดุงไว้บ้าง
หรือไงครับ ท่านผู้เจริญ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ก็แค่อยากจะนำเสนอข่าว

การ์ตูนไทยรัฐ กะ ข่าวสด เขานำเสนอดีนะครับ

 

เราอ่านกระทู้มา เราก็อยากให้คนหน้าเหลี่ยม และสาวก ถูกบ้างเช่น

ถูกตราหน้าว่าทำลายชาติ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เป็นผู้ก่อการร้ายต่อราฃอาณาจักรไทย
ถูกถอดถอนจากความเป็นคนไทย
ถูกถอดยศ
ถูกยึดทรัพย์
ถูกประชาทัณฑ์
ถูกจับกุมมาดำเนินคดี
ถูกเนรเทศ
ถูกประหารชีวิต

อื่นๆอีกมากมาย โอ้แม่เจ้า!! ใครก็ได้ ช่วยจัดให้ที สาธุ

กรรม ย่อมให้ผลไม่ผิดตัว ไม่ผิดกาล
ทำกรรมเลวเอาไว้อย่างไร ก็จักได้กรรมอย่างนั้นแล

 

"สนธิ ลิ้ม"ได้ประกัน-คดีหมิ่นสถาบัน

"พูดกร้าว" ฮึ่มอัยการ เจอเช็กบิล ที่สั่งฟ้อง!



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
หมิ่นกษัตริย์ - นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร เดินทางมาศาลอาญา รัชดาภิเษก ในฐานะจำเลยคดีดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ก่อนศาลอนุญาตให้ประกันตัวออกไป เมื่อวันที่ 5 ก.ค.


</TD></TR></TBODY></TABLE>อัยการสั่งฟ้องแล้ว"สนธิ ลิ้มทองกุล" หมิ่นสถาบัน จากเหตุนำคำปราศรัยของ "ดา ตอร์ปิโด" ที่เกี่ยวกับสถาบันไปพูดบนเวทีพันธมิตรฯ โดยดา ตอร์ปิโด ถูกศาลจำคุกไปแล้ว 18 ปี อัยการระบุนำคำพูดไปเผยแพร่ซ้ำบนเวทีและทางเอเอสทีวีถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 สนธิยื่น 5 แสนขอประกันตัวทันที โวยลั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม อ้างไม่ได้เจตนา แต่ที่นำมาพูดซ้ำเพื่อให้ตร.จัดการกับคนพูดคนแรก ถือเป็นการปกป้องสถาบัน ขู่ฟ้องกลับอัยการด้วย

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 ก.ค. ที่ศาลาอาญา รัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 61 ปี แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลยความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ หรือพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

คำฟ้องบรรยายสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2551 เวลากลางคืน จำเลยขึ้นปราศรัยบนเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยนำคำปราศรัยของน.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด (จำเลยคดีดูหมิ่นสถาบัน ที่ศาลอาญา พิพากษาจำคุกแล้ว 18 ปี) พูดบนเวทีปราศรัยสนามหลวง เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2551 ซึ่งเป็นการพูดซึ่งมีถ้อยคำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตพระมหากษัตริย์ และราชินี มาพูดซ้ำ อันทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

จำเลยกล่าวปราศรัยผ่านเครื่องกระจายเสียงท่ามกลางประชาชนที่มาฟังจำนวนมาก และมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีและทางอินเตอร์เน็ตด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่อกฎหมาย และตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 8, ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 1

ทั้งนี้ ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้เจตนา ซึ่งอัยการขอให้นับโทษนายสนธิ จำเลย ต่อจากคดีหมายเลขดำที่ อ.3323/ 2550 ด้วย ซึ่งคดีดังกล่าวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาท คดีอยู่ระหว่างสืบพยานโจทก์ ศาลประทับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ ที่ อ.2066/2553 โดยศาลสอบถามนายสนธิแล้ว ยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับคดีหมายเลข อ.3323/2550 ซึ่งศาลนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานวันที่ 16 ส.ค.นี้ เวลา 13.30 น.

ขณะที่นายสนธิ ซึ่งเดินทางมาศาลในวันนี้มอบหมายนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ กรมธรรม์ประกันอิสร ภาพ มูลค่า 500,000 บาท ยื่นขอประกันตัว ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวนายสนธิ มูลค่า 500,000 บาท โดยศาลตีราคาประกัน 500,000 บาท

นายสนธิกล่าวว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอัยการ เพราะอัยการไม่ได้พิจารณาจากเจตนา โดยมีการพยายามเปรียบเทียบว่าสิ่งที่ตนพูดเหมือนกับสิ่งที่น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะการที่นำเรื่องราวน.ส.ดารณี พูดกล่าวจาบจ้วง มากล่าวถึงนั้น เป็นการบอกทำไมว่าเจ้าหน้าที่ต่างๆ ไม่ยอมทำอะไรเลย และคำพูดนั้นก็ทำให้น.ส.ดารณี ถูกดำเนินคดี แต่น.ส. ดารณี ก็หลบหนี ส่วนตนไม่ได้หลีกหนี ซึ่งเจตนานี้อัยการกลับไม่พิจารณา จึงอยากถามว่าท่านใช้มาตรฐานอะไรในการพิจารณา เพราะกฎหมายให้ดูที่เจตนา

แกนนำพันธมิตรฯกล่าวอีกว่า เคยส่งเรื่องไปขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด มีรายชื่อหลายรายที่ขอให้สอบเพิ่มเติม อัยการก็ไม่ยอมสอบเพิ่ม บอกแต่ว่าพอแล้ว ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ให้ความเป็นธรรมต่อผู้ที่ร้องเรียน เมื่อติดต่ออัยการสูงสุด ก็แจ้งว่ามอบอำนาจให้รองอัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาให้ความเป็นธรรม และที่รองอัยการสูงสุดไม่พิจารณา ก็เป็นเพราะอัยการสูงสุดไม่ส่งสัญญาณมา ซึ่งคือวิธีตัดตอนความรับผิดชอบ

"ผมไม่ได้กลัวเลยแม้แต่นิดเดียว คนที่ผ่านลูกปืนมาเกือบ 200 นัด ไม่ได้กลัวอัยการเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเพียงแต่ถามว่าประชาชนอย่างผมมีสิทธิ์ที่จะได้รับความเป็นธรรมจากอัยการสูงสุดไหม" นายสนธิ กล่าวและว่า คดีของตนเมื่อเทียบกับคดีของนายจักรภพ เพ็ญแข อัยการต้องให้คำตอบ เพราะคดีนายจักรภพ 4 ปีแล้วยังไม่ทำอะไรเลย กลับส่งเรื่องของนายจักรภพไปให้คณะกรรมการตรวจสอบและพิจารณาข้อมูลข่าวสารที่อาจมีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ของกระทรวงยุติธรรม เพื่อกลั่นกรองพิจารณาว่าผิดหรือไม่ผิด แต่คดีของตนไม่ยอมส่งกลับเซ็นสั่งฟ้องไปทันที และเมื่อทวงถามว่าทำไมไม่ส่งเรื่องของตน ถึงจะยอมส่งไป แต่คณะกรรมการฯ ระบุว่า เมื่อสั่งฟ้องแล้วจะส่งอีกทำไม วันนี้สำนักอัยการสูงสุด คือความยุติธรรมกลางน้ำ ความยุติธรรมต้นน้ำคือตำรวจ แต่พึ่งพาแทบจะไม่ได้

นายสนธิกล่าวด้วยว่า ขอสงวนสิทธิ์ในการที่จะฟ้องอัยการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200 ว่ามีเจตนากลั่นแกล้งให้ได้รับโทษอันร้ายแรงโดยที่ไม่ได้กระทำ ซึ่งแม้มีหลายเรื่องอยู่ที่อัยการก็ไม่กลัว ส่วนอัยการต้องตอบคำถามเรื่องคดีนายจักรภพ และการสั่งไม่ฟ้องกรณีบุกรุกบ้านพล.อ.เปรม เวลานี้สิ่งที่ต้องรื้อคือความยุติธรรมต้นน้ำ และความยุติธรรมกลางน้ำ ซึ่งวันนี้ต้องลุกขึ้นมาสู้เพราะคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานว่า ถ้ามีใครมาจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วมีใครเอาเรื่องที่จาบจ้วงออกมาเล่าให้ฟังเพื่อเจ้าหน้าที่รัฐจัดการ จะโดนเล่นงานหรือไม่

"ขณะที่เวลานั้นตำรวจและทหารที่มีหน้าที่ปกป้องก็ไม่ทำอะไรเลย ผมจึงต้องเป็นคนปกป้อง แล้วสุดท้ายมาหาเรื่องฟ้อง สำหรับผม ตายยังไม่กลัวแล้วติดคุกจะไปกลัวทำไม ใครที่ทำอะไรไว้กับผมให้จำเอาไว้ ผมจะเช็กบิลทุกคน" นายสนธิ กล่าวในตอนท้าย

[FONT=Tahoma,]หน้า 1[/FONT]


˹ѧ��;��������ʴ�͹�Ź� : �ú�ء�� ʴ�ء����ͧ==

.