จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. บุญ+ทา

    บุญ+ทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +664
    เรียนถามข้อธรรม

    เราฝึกมหาสติ อาการของจิตตอนนี้เมื่ออยู่เฉยๆ มันว่าง ซึ่งเรารู้ว่ามันว่าง ต้องทำอย่างไรต่อ ขอคำปรึกษาค่ะ ขออนุมทนาบุญ
     
  2. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ขออนุโมทนาบุญกับ คุณ บุญ +ทาค่ะ

    ถ้าจิตเรานิ่งแล้วแล้ว ให้ใช้สติและปัญญา พิจจารณาอสุภะ ปฏิกูลในร่างกายเรา พิจารณา

    ให้ละเอียดจะพิจารณาอะไรก็ได้ในในกายเรา ยิ่งว่างยิ่งดี ของที่อยู่ในกายเรานั้นแหละที่

    เราจะนำมาพิจารณา พิจารณาให้เห็นทั้งของดีของเสียที่อยู่ในตัวเรา ให้เห็นชัด ถ้าว่าง

    และเฉยนั่นแหละดีเลย แต่เราต้องมีสติ และปัญญา ใช้ความว่าง ให้เป็นประโยชน์ไม่ให้

    ว่างอยู่เฉยๆ ให้ใช้ความว่าง พิจารณาดูบ้านของตัวเอง ให้ได้เห็นว่ามีอะไรที่ยังบกพร่อง

    หรือไม่? จิตใจของเรานั้นบริสุทธิ์แล้วถึงว่าง เมื่อว่างแล้วอย่าว่างเฉยๆ สติและปัญญาที่ได้

    รับจากการฝึกฝนมาจะนำทางเราให้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง ถ้าเราได้เห็นของใช้ส่วนตัวเรา ใน

    บ้านของเรา เช่นของภายนอก ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง นี่แหละง่ายๆเพราะมันยังนึกเห็นอยู่

    แต่อย่าลืมว่า ตาอยู่บนหน้า แต่ก็มองหน้าไม่เห็น ขั้นแรก ให้พิจารณาของภายนอกก่อน

    ต่อไป ก็มาพิจารณาของใช้ภายในตัวเราที่มากับตัวให้เห็นเป็น อย่าง ๆ ซึ่งมีให้เราได้ใช้

    สติ และปัญญาของเรา เป็นไฟฉายส่องทางเข้าไปสู่ ความสำเร็จในการปฏิบัติของเรา ขอ

    ให้คุณใช้ความว่าง นั้นเปิดทางให้คุณได้ปฏิบัติดียิ่งๆขึ้น อย่าได้มีหมู่มารใดๆได้มาปิด

    ...กั้นในการปฏิบัตินี้เลยค่ะ ขอให้มีดวงตาเห็นธรรมยิ่งๆขึ้นนะคะ ขออนุโมทนาค่ะ

    ...ขอเชิญทุกๆท่านมาบอกเล่าประสพการกันหน่อยค่ะเพราะการปฏิบัติของแต่ละท่านนั้นไม่เหมือนกันนะ.





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2013
  3. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    การที่รู้ธรรมเห็นธรรมนี้ เป็นสิ่งที่บอกกับตัวเองตลอดเวลา...

    ...ไม่ว่าจะพบจะเห็นอะไร ไม่ว่าสิ่งดี หรือสิ่งร้าย จิตใจนี้จะคิดมาเป็นทางด้านดี...

    ...คิดมาเปรียบเทียบ กับตัวเอง เป็นตัวอย่างให้กับตนเอง แล้วยังถาม-ตอบ...

    ...กับตนเอง มันก็ไม่วุ่นวายไปไหน มันจะวนเวียนอยู่กับเรา มันก็เป็นความสุข สุขเพราะ

    ว่าเราคิดแต่เรื่องของเรา ไม่ได้ไปว่าใคร เดือดร้อนใคร พอคิดแบบนี้แล้วใจนี้มันสงบดี

    ไม่วุ่นวาย คิดอะไร มองเห็นอะไร มันกับทำให้เรามีปัญญายิ่งขึ้น...อย่างเช่นวันนี้เห็นรถ

    นำศพผ่านหน้าบ้านก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า เมื่อถึงเวลาของเรา เราก็ไม่รู้ไม่เห็นว่าตัวเราจะไป

    แบบไหนก็คิดว่าถึงเวลานั้นเราก็ต้องไปแบบนี้แหละ จึงแผ่เมตตาให้เขา ไม่รู้เหมือนกันว่า

    เขารับรู้หรือไม่อย่างไร แต่ในความรู้สึกรู้ว่าเขารับรู้อย่างนั้นแหละเพราะ เกิดอาการขนลุก ขนพอง ก็ขอให้เขาเป็นสุข ๆเถิด

    ...การที่เราเรียนรู้และปฏิบัติมานี้ทำให้เรา ได้เเป็นคนแบบนี้ แบบที่เห็นอะไร คิดอะไร

    ก็เป็นความคิดที่เป็นธรรมมีประโยชน์กับตนเอง ยังมีความสุขที่ได้มาเล่าสู่กันฟังด้วยสาธุ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2013
  4. บุญ+ทา

    บุญ+ทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +664
    ขอขอบพระคุณสำหรับคำชี้แนะ

    จากคำชี้แนะ พบทางที่จะปฏิบัติต่อแล้ว ได้พบพระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบชี้แนะให้ไปต่อวิชชาหรือหาครูบาอาจารย์ชี้แนะเพิ่มเติม เนื่องจากถึงเวลาแล้ว ได้แล้วอย่าลิงโลดหรือไปอวดหรือเบ่งทับคนอื่น พระท่านสอนมากอย่างนี้ แต่ดิฉันไม่มีเวลาพอ เนื่องจากติดภาระกิจ จึงยังต้องปฏิบัติด้วยตนเองคนเดียวต่อไป มีเรื่องรบกวนถามอีก มีพลังอะไรก็ไม่ทราบ ทำให้ขนลุกตั้งแต่ศรีษะจนถึงสันหลัง มาบ่อยมาก ตลอดทั้งวัน เป็นมาประมาณ 1-2 ปี ช่วงที่บอกกันมาว่าจะมีภัยพิบัตินี้แหละ บางครั้งก็ฝันเห็นภัย ซึ่งเป็นคนไม่ค่อยฝันมากนัก เหมือนมีคนอยากติดต่อด้วย แต่ตัวเองจิตยังไม่นิ่งมากพอ ขณะที่พิมพ์นี้พลังนั้นก็มาเป็นระยะๆ ถ้าคุณสัมผัสได้จากตัวหนังที่ดิฉันพิมพ์ขอความกรุณาอธิบายให้ดิฉันทราบด้วย จะได้ปฏิบัติได้ถูกต้องต่อไป ขออนุโมทนาบุญค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2013
  5. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    เราเรียน "อริยะสัจ ๔" ในตัวของเรา นี่คือ เรียนเรื่องความเกิดด้วย เรียน

    - เรื่องความแก่ด้วย เรียนเรื่องความตายด้วย ที่มีอยู่ด้วยกันในก้อนธาตุอันเดียวนี้ไม่พราก

    จากกันเลย...เรื่องความเกิดก็ธาตุอันนี้เจริญหรือแก่ มันก็แก่ที่นี่ เจ็บมันก็เจ็บที่นี่ส่วนใด

    ส่วนหนึ่งให้จนได้ เมื่อตายมันก็ตายที่นี่ เราต้องเรียนรู้ที่นี่จะไปเรียนรู้ที่ใหนล่ะ มันต้อง

    เรีนยรู้กับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตนก่อนอื่น... เรียนให้รู้ให้รอบ เรียนให้จบ เรียนความเกิดของตัวเอง

    ความแก่ ความเจ็บ ความทุกข์ทรมานของตัวเอง เรียนจบความตายของตัวเราเองแล้วก็ฉลาด...

    ...คือ ฉลาดทันกับเหตุการณ์ที่มีอยู่รอบตัว นั่นคือ เราเรียนจบ...

    ...คัดจากหนังสือ อริยะสัจ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี...

    ...๑๑ ธันวาคม ๒๕๑๘. น้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะกราบ กราบๆ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2013
  6. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    สำหรับลินดาแล้ว ยังเคารพทุกท่านค่ะ ไม่คิดอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อน ไม่คิดขยายความ บางทีอาจเรียกได้ว่า คิดสั้นอิอิ แต่เอ ฝันถึงคุณภู อีกสักครั้งน่าจักดี ช่วยมาสอนธรรมมะให้ที ถ้าดื้อให้เขกหัวได้ แต่คราวนี้ขอคามกรุณามาทั้งหัวและตัว เอ้ยมาทั้งเสียงและภาพนะคะ เหอเหอ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุกับคุณด้วย
    และขอขอบพระคุณที่คุณมาลินีช่วยตอบแทน
    พระท่านก็แนะนำได้ถูกทางแล้วครับ เพราะหลังภาวนาเป็นแล้วหรือจิตเริ่มเป็นสมาธิมากแล้ว
    คุณต้องหาครูบาจารย์มาช่วยชี้แนะแนวทางจะได้เดินให้ถูกทาง
    จิตคุณติดเฉยนะครับ ให้เอาสติพาจิตไปวิปัสสนาธรรมต่างๆตามที่คุณมาลินีแนะไปแล้ว
    ส่วนอาการที่คุณกำลังเป็นอยู่นั้นก็คือ ปีติ๕ บางท่านไม่เกิดเลย คือกระโดดข้ามฌานไปเลย
    หรือบางท่านอาจเกิดปีติข้อหรือสองหรือสามหรือทั้งหมดก็ไม่แปลก
    แต่สิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือ อย่าไปสนใจหรืออย่าไปให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่(ขนลุก)
    (ไปหาอ่านตำราเพิ่มเติมเรื่อง ปีติ๕ มีอะไรบ้าง?)
    นักปฎิบัติทั้งหลาย อย่าลืมนะครับว่า เวลาเราดูจิตนั้น เขาให้ทำแค่สามอย่างเท่านั้นก็คือ
    ๑.ตามดูจิต ๒.ตามรู้จิต ๓.ด้วยใจเป็นกลาง
    โดยเฉพาะข้อสุดท้าย ส่วนใหญ่จะสอบตกกันซะส่วนใหญ่ เพราะชอบเผลอสติกัน
    จำไว้นะครับ ถ้าคุณอยากเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ขอให้ก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้เสีย
    ให้ปักอยู่ที่คำภาวนาต่อไป หรือมีสติระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา
    อย่าให้จิตเคลื่อนที่ไปสนใจอย่างอื่น สติเรานี่แหล่ะตัวดีเลย
    ชอบเผลอ แต่ถ้าเราเผลอสติ จิตก็จะไปสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นหรือ ไปสนใจนิมิตนั้น
    คุณถามมาว่า มีบางสิ่งจะคอยสื่ออยู่เรื่อยๆ นักปฎิบัติพึงระมัดระวังให้ดี โดยเฉพาะนิมิต
    ที่จิตกำลังนิ่งมากและเกิดจิตผุดรู้
    รู้อะไร วางให้หมด แต่ถ้าคุณวางไม่ได้ จิตเราก็อาจจะไปติดอยู่กับสิ่งที่จิตเขาไปรับรู้มา
    นิมิตต่างๆอาจปรากฎเช่น เป็นภาพ เป็นเสียงหรือรับรู้ด้วยจิต สิ่งเหล่านี้ให้คุณละวางลงเสีย
    ไม่งั้นจิตจะไม่เข้าถึงความละเอียดแห่งจิตของตนไปเรื่อยๆ
    คิดว่ามาถึงตรงนี้แล้ว ให้ไปหาครูเกษหรือครูท่านอื่นที่เขาพอมีเวลามาแนะนำให้
    หรือว่าผมก้ได้ ผมเข้าใจพลังที่คุณได้ เพราะเกิดจากจิตนิ่งมากๆนั่นเอง ไม่แปลกอะไรนะ
    เราอย่าไปหลงสิ่งที่เราได้มา
    มีอะไรก็สอบถามมาอีกนะครับ เพราะจิตคุณกำลังเรียนรู้
    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มิถุนายน 2013
  8. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ขออนุโมทนาสาธุ กับคุณพี่มาลีนีด้วยค่ะ ธรรมะของท่านชังเป็นธรรมะที่สูงส่ง ที่ท่านได้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์ แล้วได้เห็นผลประจักษ์กับตัวท่านเอง เพราะธรรมเป็นของจริง รู้จริง เห็นจริง และเป็นความสุขที่ได้เกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า ขอให้ท่านจงเจริญในธรรมของท่านยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ สาธุค่ะ
     
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    คุณลินดานี่น่ารักเสมอต้นandปลาย
    ดีแล้วอย่าไปคิดนะ เพราะความคิดเป็นเจตสิกให้เราทิ้งไปซะ
    เธอปล่อยวางกับทุกสิ่งได้นั้น ดีที่สุดแล้วครับ เป็นประโยนช์กับตนเอง
    โอ๊ย เป็นจิตบุญไปแล้วใยจะมาสอนอะไรกันอี๊ก ผมเห็นจิตบุญส่วนใหญ่เป็นพระสังฆราชกันหมดแล้ว
    เก่งๆทั้งนั้น โดยเฉพาะวิ่งจับแต่กิเลสทางโลกกัน ไม่สนใจจิตกับสติของตน
    จิตตกทีไรเห็นร้องจ๊ากทุกรายไป เพราะชอบเผลอสติ นึกว่าตนเป็นอรหันต์มั้ง
    เห่อๆ เดี๋ยวจะไปเยี่ยม(ในฝัน)อีกนะครับ
     
  10. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ในโลกนี้ถ้ามีแต่มืด อย่างเดียวโดยไม่มีความแจ้งสว่างเลย...สรรพสัตว์ทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ก็จะหาความสุขความสบายไม่ได้เลย เพราะมีแต่ความมืดมิดปิดตา ก็เหมือนคนตาบอดที่มองไม่เห็นอะไรได้เลย แล้วจะหาความสุขความสบายมาจากไหน...ก็เหมือนคนเราที่มีแต่ทุกข์ฝ่ายเดียวโดยไม่มีความสุขเลยก็คล้ายกัน...จึงต้องมีธรรมของพระพุทธเจ้าที่คอยให้แสงสว่างแก่หมู่มวลสัตว์ที่ได้มองเห็นแสงสว่างพอเป็นทางเดิน เหมือนโลกที่มีแสงพระอาทิตย์คอยให้แสงอรุณในยามเช้า แล้วก็ทําให้สิ่งต่างๆในโลกนี้เจริญงอกงามขื้นมาได้ อย่างเช่นสัตว์ พืชพันธุ์อาหารก็ต้องอาศัยแสงจากดวงอาทิตย์ เพื่อสังเคาระห์ทําให้ใบพืชเขียวขจี แต่ถ้าไม่มีแสงสว่างเลยก็ไม่มีความชุ่มชื่นได้เลย...ก็เหมือนจิตใจที่ไม่มีความสุข และมีแต่ความทุกข์ ก็จะมีแต่จะเหี่ยวแห้งลงไปทุกๆวัน เราจึงต้องนําธรรมของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติก็จะเป็นผู้มีแสงสว่างในดวงปัญญา ที่เป็นเหมือนแสงทองส่องใจของทุกๆท่านให้เดินไปตามความสว่างนั้นได้โดยปลอดภัย...สาธุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2013
  11. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    [FONT="Franklin Gothic ;39_Friend_Medium"]he llo _เอ้า..สายตปท.อีกแล้วหรือนี้เรา..สวัสดีและยินดีต้อนรับจ้า คุณpiralrat มาถูกทางแล้วค่ะ ธรรมมะนำพาให้คุณได้มาพบกลุ่มเพื่อนกัลยาณมิตรที่นี้แล้วน่ะ เกาะไว้ให้แน่นๆ ล่ะ ส่วนเรื่องทางโลกที่มันมากระทบการปฏิบัตินั้น ให้คิดเสียว่า มารไม่มีบารมีไม่เกิดน่ะ จำเอาไว้ สู้ สู้ค่ะ _Friend_;39[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มิถุนายน 2013
  12. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    ช่วงนี้มืดแทบทั้งวัน เมฆดำมันเยอะจริงๆ ลอยต่ำอีกต่างหาก ตกๆหยุดๆน่ารำควญ
     
  13. บุญ+ทา

    บุญ+ทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +664
    ขอคุณอาจารย์เกษและอาจารย์ภูทยานฌาน

    ดิฉันขอขอบพระคุณมากที่กรุณาตอบข้อสงสัย ข้อ 1 ดิฉัน PM ทางส่วนตัวไม่เป็น ที่สมัครสมาชิกเว๊บนี้ได้เพราะฟลุ๊คจริงๆ เพราะอ่านมาหลายปีแล้ว เกือบ 5 ปีสมัครเท่าไหร่ๆ ก็ไม่ได้ 2. จิตผุดรู้ดิฉันเกิดขึ้นเป็นบางเวลา เวลาจิตว่าง หรือเผลอๆ 3. ดิฉันเป็นจริงเรื่องเผลอสติ กำลังหัดไม่ให้เผลอ ไม่ให้ด่างพร้อย 4. ดิฉันเบื่อหน่าย ไม่อยากกลับมาเกิดอีก แต่ยังห่วงบุคคลอันเป็นที่รัก 2 คน จะพยายามหัดให้เค้าปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กับเรา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากมากนัก ดิฉันทราบว่าทุกคนมีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นเครื่องให้ผล แต่ยังวางเรื่องนี้ไม่ลงจริงๆ จึงติดห่วงความรักนี้ ซึ่งทั้งสองคนมีสัมผัสที่หกทั้งคู่ ลูกชายดิฉันเห็นสิ่งเหนือโลกด้วยตาเนื้อของมนุษย์ แต่ยังไม่ค่อยยอมสวดมนต์เท่าไหร ดิฉันจึงเป็นห่วงมาก 5. ดิฉันขอคำแนะนำก็พอ และจะพยายามปฏิบัติเอง 6. ดิฉันได้รับบารมีจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลายท่าน ที่ท่านมาโปรด แต่เนื่องด้วยเวลาทางโลกมนุษย์ต้องรับผิดชอบลูกหลานหลายคนที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จึงยังติดอยู่ในโลกมนุษย์ ไม่มีเวลาปฏิบัติอย่างจริงจัง จึงใช้วิธีทำงานไปด้วย ปฏิบัติธรรมไปด้วย ขออนุโมทนาบุญ บุญกุศลใดที่ดิฉันได้ปฏิบัติมาดีแล้ว ขออุทิศผลบุญนั้นให้กับทุกๆ ดวงจิตทั้งสามภพ
     
  14. บุญ+ทา

    บุญ+ทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +664
    ขอคุณอาจารย์เกษและอาจารย์ภูทยานฌาน

    ดิฉันขอขอบพระคุณมากที่กรุณาตอบข้อสงสัย ข้อ 1 ดิฉัน PM ทางส่วนตัวไม่เป็น ที่สมัครสมาชิกเว๊บนี้ได้เพราะฟลุ๊คจริงๆ เพราะอ่านมาหลายปีแล้ว เกือบ 5 ปีสมัครเท่าไหร่ๆ ก็ไม่ได้ 2. จิตผุดรู้ดิฉันเกิดขึ้นเป็นบางเวลา เวลาจิตว่าง หรือเผลอๆ 3. ดิฉันเป็นจริงเรื่องเผลอสติ กำลังหัดไม่ให้เผลอ ไม่ให้ด่างพร้อย 4. ดิฉันเบื่อหน่าย ไม่อยากกลับมาเกิดอีก แต่ยังห่วงบุคคลอันเป็นที่รัก 2 คน จะพยายามหัดให้เค้าปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กับเรา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากมากนัก ดิฉันทราบว่าทุกคนมีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นเครื่องให้ผล แต่ยังวางเรื่องนี้ไม่ลงจริงๆ จึงติดห่วงความรักนี้ ซึ่งทั้งสองคนมีสัมผัสที่หกทั้งคู่ ลูกชายดิฉันเห็นสิ่งเหนือโลกด้วยตาเนื้อของมนุษย์ แต่ยังไม่ค่อยยอมสวดมนต์เท่าไหร ดิฉันจึงเป็นห่วงมาก 5. ดิฉันขอคำแนะนำก็พอ และจะพยายามปฏิบัติเอง 6. ดิฉันได้รับบารมีจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลายท่าน ที่ท่านมาโปรด แต่เนื่องด้วยเวลาทางโลกมนุษย์ต้องรับผิดชอบลูกหลานหลายคนที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จึงยังติดอยู่ในโลกมนุษย์ ไม่มีเวลาปฏิบัติอย่างจริงจัง จึงใช้วิธีทำงานไปด้วย ปฏิบัติธรรมไปด้วย ขออนุโมทนาบุญ บุญกุศลใดที่ดิฉันได้ปฏิบัติมาดีแล้ว ขออุทิศผลบุญนั้นให้กับทุกๆ ดวงจิตทั้งสามภพ (ดิฉันได้อ่านเรื่องปิติ 5 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ปิติจะเกิดตอนดิฉันปฏิบัติงาน ส่วนตอนนั่งสมาธิ จะไม่รู้สึกถึงการมีร่างกาย จะมีแต่จิตดวงเดียวที่รับรู้ได้ เวลาอยู่ในสมาธิ ถ้าส่งจิตมาทำความรู้สึกที่ร่างกายจะรู้สึกว่าร่างกายนิ่งแข็ง ไม่รู้สึกถึงลมหายใจ จิตจะอยู่อย่างนี้สักพัก บางทีก็ได้ยินเสียงเต้นของชีพจรตนเอง บางทีรู้สึกเหมือนอยู่ในท้อง แล้วจิตจะคลายออกมาเอง รู้สึกเหมือนแป๊ปเดียวแต่จริงๆ แล้วเป็นชั่วโมง ก็จะมาอยู่ในขั้นขนิกสมาธิ ดิฉันก็วิปัสนา แล้วดิฉันก็นั่งสมาธิใหม่ มันเลยวนเวียนอยู่อย่างนี้ ไม่ค่อยไปไหน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2013
  15. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ขอส่งกำลังใจให้คุณบุญทาค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • fff.bmp
      ขนาดไฟล์:
      147.3 KB
      เปิดดู:
      63
  16. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    " ประมวลธรรม "อริยสัจ"

    อริยสัจธรรมทั้งสี่ นี้คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

    -เราอย่าเข้าใจว่า เราเป็นหญิงหรือฆราวาวแล้วจะไม่สามารถบำเพ็ญสมณธรรม คือ

    คุณงามความดี มีมรรค ผล นิพพานที่เราต้องการให้เกิดขึ้นในตัวเรา ถ้าเราคิดเช่นนั้น

    เป็นความคิดผิด จะเป็นอุปสรรคต่อตนเอง เพราะองค์แห่งอริยสัจธรรมทั้งสี่ไม่นิยมว่า นี้

    คือผู้หญิง นั้นคือผู้ชาย นั้นฆราวาส นั้นคือนักบวช พระ เณร เถร ชี แต่มีอยู่ในสัตว์สัง

    ขารบรรดาที่มีวิญญาณครองท่ำไป เมื่อผู้ใดมีปัญญาพิจารณาอริยสัจธรรมทั้งสี่นี้ ผู้นั้แล

    เป็นผู้กำลังก้าวดำเนินตามเสด็จพระองค์ท่านเป็นลำดับ ๆ...

    ...หลวงตามหาบัว ญาณสัสปันโน ท่านสอนไว้ เมื่อ วันที่ ๗ มิถุนายน. ๒๕๐๘

    ...กราบน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนขององค์ท่านเจ้าค่ะ กราบ กราบ ๆ...


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2013
  17. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ต่อประมวลธรรมอริยสัจ ขององค์หลวงตามหาบัว ทุข์ สมุทัย มรรค นิโรธ...

    ...ทุกข์ อะไรเป็นทุกข์แน่ มันเป็นเรื่องของเราของท่านทั้งนั้น โปรดไปดูที่โรงพยบาล

    จะเห็นแต่คนและสัตว์เต็มไปหมด จนไม่มีห้องให้อยู่ ไม่มีเตียงให้นอน แต่จะไม่พบตำรา

    ไปแทรกอยู่ที่นั้นเพื่อรักษาตัวแม้คำภีร์เดียว...

    ...สมุทัย ความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม เกิดจากกามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา

    เหล่านี้ก็เป็นเรื่องของเราของท่าน...

    ...มรรค คือ ทาน ศีล ภาวนา หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี่ก็เป็นเรืองของเรา

    ...ของท่าน จะบำเพ็ญให้เกิดขึ้นตามความหวัง...

    ...นิโรธ ความดับทุกข์ ก็เป็นเรื่องของเรา ของท่าน ที่จะดับทุกข์ของตัวเอง...

    ...แต่ละราย ตามธรรมในตำรา ท่านชี้เข้ามาหาเรา มิได้ชี้ไปที่อื่น...

    ...คัดจากหนังสืออริยสัจ หลวงตามหาบัว วัดบ้านตาด จ. อุดรธานี...๑๐ ก.พ ๒๕๐๘

    ...กราบขอบพระคุณองค์หลวงตามหาบัวด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2013
  18. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    " ธรรมของจริงอยู่กับใจ รู้ขึ้นที่ใจ พ้นทุกข์ที่ใจ"

    -ขันธ์เป็นหลักธงชัยอันสำหรับผู้ต้องการผ่นพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง เพราะฉนั้น...

    -กรรมฐาน ๕ ที่พระอุปัชฌาย์มอบให้ จึงเป็นหลักใหญ่อันสำคัญที่ส่วนแห่งกาย-

    ...ถ้าจะพูดถึงอริยสัจ ก็มีอยู่ที่กายนี้ คือ ทุกข์ เกิดขึ้นที่กาย สมุทัยก็หมายถึง ความถือ

    กาย มรรค แม้จะมีอยู่ในที่แห่งเดียวกันก็หาทางเดินไม่ได้เพราะร่างกายท่อนนี้เกลื่อนไป

    ด้วยเรื่องสมุทัยเที่ยวปักปันเขตเอาไว้...

    ...ดังนั้น อุบายทั้งห้า คือ เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ อันเป็นอันเป็นส่วนใหญ่ที่ท่าน

    มอบให้แก่นักบวช นักปฏิบัติ จึงเป็นเหมือนให้อาวุธเข้าถากถางเพื่อถอดถอนอุปาทานที่

    ฝังเกลื่อนอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายให้หมดสิ้นไปตามลำดับ เริ่มแต่การพิจารณาขั้น

    ต้นจนถึงขั้นความชำนาญ และสามมารถรู้เท่าทันส่วนร่างกาย ทั้งภายนอก ภายใน ทั้งเบื้อง

    บน เบื้องล่างโดยทั่วถึง นี่คือ ธรรมของจริง รู้ขึ้นที่ใจ พ้นทุกข์ที่ใจ...

    ...พระธรรมคำสั่งสอนขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี

    ...น้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
  19. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    การปฏิบัติธรรมถึงขั้นที่ได้รู้ได้เห็น คือได้เข้าใจหลักธรรมคําสั่งสอนคือ จิตเข้าถึงแก่นธรรม จิตจะมีความวางเบา เพราะปราศจากกิเลสตัณหา และตัวอุปทาน จึงทําให้ผู้ปฏิบัติเกิดความสุข ความเบากาย เบาใจ แล้วไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับทางโลกใดๆ คือจิตเข้าอุเบกขาธรรม คือ ความนิ่งเฉย หรืออุเบกขา แบบไม่อยากยุ่ง อยากเกี่ยวข้องกับสิ่งใดๆนั้นถามว่าถูกทางไหม? ก็ถูกแต่เราต้องอยู่ได้กับทางโลก และต้องเอาปัญญาที่มีอยู่มาใช้ เพราะปัญญาตัวนี้จะทําให้เรารู้ว่าจะทําอย่างไร?กับเราดี เหมือนเราเป็นผู้บังคับหางเสือของเรือให้ไปตามทางที่เราต้องการนั้นเอง...เราต้องอยู่ได้กับทางโลก และทางธรรม คือ คู่กันไปได้ ไม่ยึดติดในสิ่งใดๆ แม้แต่ตัวอุเบกขาก็ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่? ควรจะใช้ตัวอุเบกขานี้ เมื่อไหร่จะไม่ใช่ก็ต้องรู้มัน เพราะเราต้องอยู่กับมันให้ได้นั้นเอง...สาธุค่ะ
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พูดให้กันฟังเฉยๆ
    จงบำเพ็ญเพียรให้มาก จงเจริญปัญญาให้รู้แจ้งเห็นธรรม จงเจริญปัญญาให้กลายเป็นปัญญาญาณ
    แต่อย่าบำเพ็ญเพียรเพราะอยากรู้ อยากเห็น จงอย่าพยายามรู้ เพราะความรู้ทางโลกของตนเอง
    เพราะกว่าจะรู้แจ้งเห็นตามความเป็นจริงนั้น จะต้องอาศัยจิตปัญญาเข้าไปรู้เข้าใจและเข้าถึงธรรม
    แต่กว่าจะได้จิตปัญญานั้น เราจะต้องอาศัยการเจริญสติของเราอย่างต่อเนื่องให้มากๆก่อน
    พระธรรมหรือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์นั้น เป็นของสูง เป็นของศักดิ์สิทธิ์
    เพราะในขณะที่พระองค์ทรงตรัสรู้ได้จากทรงสมาธิหรือฌาน เป็นจิตบริสุทธิ์ปราศจากกิเลสทั้งปวง
    เพราะฉะนั้น พระธรรม มิใช่มีไว้เพื่อกราบไหว้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องปฎิบัติตาม จึงจะหลุดพ้นทุกข์

    พระธรรมหรือคำสั่งสอนฯ ใครๆก็เรียนรู้ได้ เข้าใจกันได้โดยไม่ยาก ไปหาอ่านตำราพระไตรปิฎก
    จากโลกโซเซียลมีเดีย แต่อย่าอ่านเพราะอยากรู้อย่างเดียว เพราะปัญญาทางโลกสู้ปัญญาทางธรรมไม่ได้
    หรือความรู้จากสมองสู้ความรู้ที่ผุดออกมาจากจิตไม่ได้
    เพราะสมองคนเราอย่างมากก็แค่รู้เข้าใจแต่ไม่ลึกซึ้ง แต่จะรู้แบบลึกซึ่งกินใจได้ด้วยจิตปัญญาที่เข้าถึง
    เปรียบเสมือนคนที่กินแล้วย่อมอิ่ม แต่คนดูเขากินย่อมไม่อิ่ม
    ทำไม..จิตพระโสดาบันหรืออรหันต์รักษาศีลธรรมได้ แต่ทำไม..จิตปุถุชนกลับรักษาศีลอย่างเดียวไม่ได้
    ขออนุญาตมิได้มีเจตนาเพื่อเปรียบเทียบว่าใครดีกว่า เพียงแค่อยากสื่อว่า ศีลธรรมสำคัญมากแค่ไหน
    เพราะศีลธรรมหรือเจริญกรรมฐานเท่านั้นที่พอจะเปลี่ยนนิสัยหรือสันดานของคนเราได้ นอกนั้นไม่มี
    เพราะฉะนั้น จงอย่าพยายามเปลี่ยนบุคคลอื่นหรือใครเขา เพราะนิสัยสันดานตนก็ยังเปลี่ยนไม่ได้เลย
    ปล. จงอย่าพยายามไปส่องจิตผู้อื่น หรืออ่านใจผู้อื่น ตราบใดที่เราเองก็ยังหาจิตตนไม่พบเจอ
    ตราบใดเรายังไม่ค่อยจะเข้าใจตนเอง และอย่าไปหวังต้องให้ใครเขาต้องมาเข้าใจตนเลย
    เพราะคนที่เข้าถึงแก่นธรรมจริงๆนั้น ย่อมเข้าใจตนเองแล้วยังต้องเข้าใจผู้อื่นด้วย
    เพราะลองเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้วเราก็จะรู้และเข้าใจ
    แต่ถ้าเรายังไม่ค่อยเข้าใจคนอื่น นั่นก็แสดงว่า เรายังไม่ถึงธรรมจริง
    เพราะจิตเราจิตเขาก็คือจิต ธรรมเขาก็คือธรรมเรา
    เพราะธรรมะที่แท้จริงแล้วมีอยู่หนึ่งเดียวเท่านั้นไม่มีสองสามหรือสี่ห้า ไม่มีธรรม2มาตราฐาน
    การบรรลุธรรมสูงสุดของเหล่าพระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ก็คือพระธรรมของพระพุทธเจ้าตรัสรู้นั่นเอง
    เพราะธรรมใครจะพบก็ได้ เพราะมี/เกิดขึ้นอยู่แล้วตามธรรมชาติแห่งจิตวิญญาณของเราๆท่าน
    เพียงแต่ยังค้นหาจิตเดิมแท้ของตนยังไม่พบเจอเท่านั้นเอง เพราะมัวแต่ไปสนใจอย่างอื่นมากกว่า
    เรื่องที่ไม่ใช่จิตของคนเรานั้นก็คือ สิ่งสมมุติทั้งปวง แต่ของจริงๆมีอยู่เฉพาะในจิตคนเราเท่านั้น

    สรุปแล้ว ใครอยากรู้ อยากเข้าใจธรรมะ ก็แค่อ่านหรือฟังธรรมเฉยๆก็พอ
    แต่ถ้าใครอยากออกจากทุกข์หรือออกจากวัฎฎสงสาร จะต้องลงมือปฎิบัติเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...