ดร.สมิทธ จับตา พายุสุริยะ เคลื่อนเข้าสู่โลก 21 ธ.ค.

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย คิดดีจัง, 15 พฤศจิกายน 2012.

  1. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681

    เคยมีจุดดับที่ใหญ่กว่านี้ครับ ถึงจุดดับจะมีขนาดใหญ่ แต่ถ้าไม่ระเบิดและปล่อยมวลสารพลาสม่าออกมา ( CME ) ก็ไม่น่ากลัวหรอกครับ

    .
     
  2. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    Solar Maximum คือปรากฏการณ์กิจกรรมบนดวงอาทิตย์ที่เกิดมากผิดปกติ มีวัฏจักรวงรอบประมาณระหว่าง 30-50 ปี โดยเป็นค่า Peak ของการเกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์ที่มีวัฏจักรวงรอบทุก ๆ 11 ปี Solar Maximum ครั้งก่อนได้เกิดขึ้นเมื่อปี 1958 ในการเกิด Solar Maximum ดังกล่าว ดวงอาทิตย์จะเกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์ (Sun Spot) หลายครั้ง หากเกิด Sun Spot สองจุดพร้อมกันโดยมีเส้นแรงแม่เหล็กเชื่อมต่อกัน ก็จะปลดปล่อยเปลวสุริยะ (Solar Flare) ที่ประกอบด้วย Coronal Mass Ejections (CMEs) ซึ่งมีมวลแก๊สร้อนอุณหภูมิ 19 ล้านองศา C ปริมาณหลายพันล้านตัน, รังสีสุริยะ[รังสีอันตราย (UV, Cosmic) อนุภาคนิวเคลียร์ และประจุไฟฟ้าบวกพลังงานสูง (Super-Charged Protons)], และพายุสุริยะ (Solar Storm) ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพลังงานสูง(โดยอาจมาในรูปของรังสี Gamma และรังสี X ก็ได้) Solar Flare ที่มีขนาดใหญ่เพียงเปลวเดียวมีพลังงานมากพอที่จะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าป้อนเมืองขนาดใหญ่ได้เป็นเวลายาวนานถึง 200 ล้านปี
    การเกิด Solar Maximum เป็นผลมาจากกระบวนการ Conveyor Belt บนดวงอาทิตย์ ซึ่งเคลื่อนที่เป็นวงรอบระหว่าง Equator กับขั้วของดวงอาทิตย์ ทั้งซีกเหนือและซีกใต้ โดย Conveyor Belt จะมีวัฏจักรวงรอบประมาณระหว่าง 30-50 ปี โดยอาจเร็วหรือช้า แต่จะอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว Conveyor Belt บนดวงอาทิตย์ก็เปรียบเสมือน Conveyor Belt ของโครงข่ายกระแสน้ำในมหาสมุทรบนโลก ที่นำพาน้ำและความร้อนจากมหาสมุทรหนึ่งไปยังอีกมหาสมุทรหนึ่ง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศบนโลก แต่บนดวงอาทิตย์ Conveyor Belt เป็นการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนที่ผ่านไอออนของแก๊สร้อนหรือ Plasma ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศบนดวงอาทิตย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมันควบคุมวัฏจักรของการเกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์ด้วย โดย Conveyor Belt จะกวาดเอาเศษซากสนามแม่เหล็กของจุดดับเก่าที่ตายไปแล้ว เคลื่อนที่ไปยังบริเวณขั้วของดวงอาทิตย์ แล้วจมดิ่งลึกลงไป 200,000 กม.เพื่อรับการขยายพลังงานแม่เหล็กใหม่จาก Magnetic Dynamo ภายในดวงอาทิตย์ และกลับขึ้นสู่พื้นผิวของดวงอาทิตย์ใหม่อีกครั้ง กลายเป็นจุดดับขนาดใหญ่จุดใหม่ ๆ ที่มีพลังงานสูงมากหลายจุด
    การเกิด Solar Maximum ครั้งใหม่ทีกำลังจะมาถึงนี้ จะรุนแรงยิ่งกว่าครั้งใด ๆ ในอดีต จะทำให้เกิดพายุสุริยะพลังงานมหาศาล โดยมีค่าพลังงานสูงถึง 600 NanoTesla ซึ่งมากกว่าพลังงานของพายุสุริยะที่เคยเกิดขึ้นรุนแรงที่สุดในอดีตในปี 1830 (200 NanoTesla) เป็น 3 เท่า และหากสนามแม่เหล็กโลก (Magneto Sphere) ที่ห่อหุ้มเป็นเกราะป้องกันโลกอ่อนกำลังลงอย่างมากหรือหายไป อันเป็นผลมาจากการเตรียมการกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกด้วยแล้ว พายุสุริยะพลังงานสูงดังกล่าวนี้จะโจมตีโลกแบบเต็มกำลัง จะทำให้เกิด Great Surge ในระบบไฟฟ้า โดยจะโจมตีระบบ Power Grids และหม้อแปลงไฟขนาดใหญ่ของสถานีแปลงไฟฟ้า (ซึ่งประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั่วโลกสามารถผลิตหม้อแปลงไฟขนาดใหญ่ได้เพียง 70-100 หน่วยต่อปีเท่านั้น) ทำให้เกิดการ Overload และหม้อแปลงไฟฟ้าจะระเบิดเสียหาย เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นทั่วโลก โดยขณะนี้ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้เหตุการณ์นี้เป็นวาระแห่งชาติ และได้จัดระดับอันตรายของเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นนี้เป็นภัยพิบัติระดับ 3 แล้ว อีกทั้งได้คาดการณ์ว่า กว่าที่จะสามารถกอบกู้ระบบไฟฟ้าและเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าทั้งหมดทั่วประเทศได้ จะต้องใช้เวลานานประมาณ 4-10 ปี
     
  3. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    สิ่งที่ควรพิจารณาอีกเรื่องหนึ่งก็คือการอ่อนกำลังของสนามแม่เหล็กฺโลก

    สนามแม่เหล็กโลกนั้นมิได้เกิดจากแท่งแม่เหล็กถาวรขนาดใหญ่ภายในแกนโลก แต่เกิดจากการเคลื่อนที่ของโลหะหลอมเหลว (Liquid Outer Core) ที่เคลื่อนตัวหมุนรอบแกนแข็ง (Solid Inner Core) ของดาวเคราะห์โลกภายใต้เปลือกโลก ซึ่งเรียกกระบวนการนี้ว่า Geomagnetic Dynamo โดยก่อให้เกิดการเคลื่อนที่ของ Electron รอบ Solid Inner Core และสร้างศูนย์กลางของสนามแม่เหล็กโลกขึ้นที่ Solid Inner Core
    ในระหว่างปี 1952 ถึง 1957 นักฟิสิกส์ชาวเยอรมันชื่อ W.O. Schumann ได้ค้นพบและพยากรณ์ปรากฏการณ์ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับค่าความเข้มของสนามแม่เหล็กโลก นั่นคือ Pulse Electromagnetic Wave ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าภายในช่องว่างระหว่างบรรยากาศชั้น Ionosphere กับพื้นผิวโลก ซึ่งเรียกว่า Schumann Resonance หรือ Mother Earth Heartbeat โดยมีค่าความถี่ 7.8 Hz/sec มาเป็นเวลานานหลายพันปี และเริ่มเพิ่มค่าความถี่ขึ้นตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปัจจุบันมีค่าความถี่ประมาณ 12 Hz/sec หากค่า Schumann Resonance เพิ่มขึ้น ค่าความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกจะกลับลดลง ค่าความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกได้ลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อประมาณ 4.000 ปีที่แล้ว หากค่า Schumann Resonance เพิ่มขึ้นถึง 13 Hz/sec เมื่อใด ความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกก็จะมีค่าเป็นศูนย์ และโลกเตรียมการกลับขั้วสนามแม่เหล็ก โดยช่วงเวลานั้นโลกอาจจะหยุดหมุนชั่วคราว(ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าโลกจะหยุดหมุนชั่วขณะ แล้วหมุนกลับทิศทางจริงหรือไม่) และเมื่อใดที่โลกเริ่มหมุนกลับทิศทาง สนามแม่เหล็กโลกก็จะกลับขั้ว เพราะ Electron ใน Liquid Outer Core จะเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้ามกับทิศทางเดิม นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า Schumann Resonance เป็นตัวชี้วัดที่ละเอียดมากเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสภาพอากาศทั่วโลก และเชื่อว่าอาจเป็นองค์ประกอบของพายุที่รุนแรงและน้ำท่วมด้วย

    ปรากฏการณ์สนามแม่เหล็กโลกกลับขั้ว (Poles Shift / Poles Reversal) เป็นปรากฏการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเคยเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 780,000 ปีมาแล้ว(วงรอบระยะเวลาในการกลับขั้วอยู่ระหว่าง 100,000-1,000,000 ปี) ซึ่งในขณะนั้นมนุษย์ยังไม่ได้เกิดขึ้นมาบนโลกนี้(นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามนุษย์เพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 200,000 ปีที่แล้ว) ดังนั้นมนุษย์เราจึงยังไม่เคยมีบทเรียนเรื่องสนามแม่เหล็กโลกกลับขั้วมาก่อน หรือแม้ว่ามนุษย์อาจเคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็มีอายุได้ไม่เกิน 5,000 ปีเท่านั้น

    ตามปกติโลกของเราถูกห่อหุ้มด้วยสนามแม่เหล็กโลก (Magneto Sphere) โดยทำหน้าที่เป็นเกราะคุ้มครองป้องกันโลก โดยเฉพาะระบบโครงข่ายไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์อีเล็คโทรนิค และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย จากคลื่นพายุสุริยะ และรังสีอันตรายจากดวงอาทิตย์และอวกาศ เช่น รังสี Cosmic และแสงวาบรังสีแกมม่าพลังงานต่ำ เป็นต้น Magneto Sphere จะช่วยปกป้อง ผลักดัน เบี่ยงเบน หรือกรองให้สิ่งเหล่านั้นลดพลังงานความรุนแรงลง(ถ้าพลังงานไม่สูงมาก)จนไม่เกิดอันตรายต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์อีเล็คโทรนิค และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลก ดังได้กล่าวมาแล้ว กระบวนการการกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกจะส่งผลให้ค่าความเข้มของ Magneto Sphere ค่อย ๆ อ่อนกำลังลงจนมีค่าเป็นศูนย์ในที่สุด และรอเวลาให้โลกเตรียมการกลับขั้วสนามแม่เหล็ก ซึ่งอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ หรืออาจจะหลายเดือน ซึ่งในช่วงเวลานั้นโลกจะเปิดจุดอ่อนให้พลังงานอันตรายต่าง ๆ จากอวกาศภายนอกเข้ามาโจมตีโลกได้โดยสะดวกเพราะไม่มีเกราะป้องกัน โดยเฉพาะระบบโครงข่ายไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์อีเล็คโทรนิค และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ว่า มนุษย์ในโลกจะเป็นมะเร็งผิวหนังประมาณ 200 ล้านคน โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรและได้รับแสงแดดมาก
     
  4. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    ในปี 1859 พายุสุริยะได้ส่งผลกระทบอย่างหนักทั่วทั้งทวีปอเมริกาและยุโรป โดยทำให้สายโทรศัพท์ไหม้ทั่วทั้งทวีป และพนักงานส่งโทรเลขถูกไฟฟ้าดูด
    ในวันที่ 13 มีนาคม ปี 1989 พายุสุริยะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Solar Flare ขนาดใหญ่ ได้เคลื่อนเข้าสู่โลกเป็นเหตุให้หม้อแปลงไฟระเบิดเสียหาย ทำให้ไฟฟ้าดับในรัฐ Quebec ของประเทศ Canada เป็นเวลานาน 9 ชั่วโมง ส่งผลให้ประชากร 6 ล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้
    ซึ่งทั้งสองกรณีนี้ Magneto Sphere ยังอยู่ในสภาพปกติและแข็งแรงสมบูรณ์ดีอยู่
    หาก Solar Maximum เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกันหรือพร้อม ๆ กันกับช่วงเวลาการกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกด้วยแล้ว ย่อมจะก่อให้เกิดหายนะต่อโลกและสังคมมนุษย์ของพวกเราอย่างใหญ่หลวงสุดที่จะประมาณได้
    ตอนที่ Magneto sphere ยังแข็งแรงดีอยู่ หากเกิดพายุสุริยะที่มีขั้วเป็นขั้วเหนือพุ่งเข้ามาสู่โลก Magneto Sphere ก็จะต่อต้านหรือผลักดันมันให้เบี่ยงเบนไป แต่หากเป็นขั้วใต้ก็จะทะลุเข้ามาสู่โลกได้ (Merging) แต่หากปราศจาก Magneto Sphere เสียแล้ว ไม่ว่าพายุสุริยะขั้วเหนือหรือขั้วใต้ ก็คงจะมีผลไม่แตกต่างกัน
    ในช่วงที่กลุ่มมวลก๊าซร้อนของ CMEs หลุดลอยพุ่งมาถึงโลก สนามแม่เหล็กของกลุ่มมวลก๊าซร้อนนี้จะเชื่อมต่อกับสนามแม่เหล็กโลก และอนุภาคพลังงานสูงที่เคลื่อนที่มาด้วยก็จะพุ่งเข้าสู่ Magneto Sphere ทำให้วงแหวนแวนอัลเลน (Van Allen Radiation Belts) ถูกเพิ่มประจุไฟฟ้าให้มีพลังงานสูงมากผิดปกติ ซึ่งจะเป็นปัญหาและเป็นอันตรายต่อนักบินอวกาศและดาวเทียมที่มิได้มีวัสดุอุปกรณ์ป้องกัน และสนามแม่เหล็กของกลุ่มมวลก๊าซร้อนจะบิดเบนสนามแม่เหล็กโลก ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าไหลในชั้นบรรยากาศของโลกอย่างมากมาย กระแสไฟฟ้านี้จะทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นและขยายตัวกว้างออกไปจนถึงวงโคจรของดาวเทียมและยานอวกาศ ทำให้ดาวเทียมและยานอวกาศที่เคยโคจรอยู่เหนือชั้นบรรยากาศ ต้องเผชิญกับแรงต้านทานของอากาศ (Aerobraking Effect) ซึ่งจะส่งผลทำให้ดาวเทียมและยานอวกาศมีความเร็วลดลง แล้วตกลงสู่วงโคจรระดับต่ำกว่า และตกลงสู่โลกในที่สุด
     
  5. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    อีกปรากฏการณ์หนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาวิกฤตดังกล่าวนี้ก็คือ Super Bolt โดย Solar Flare จะส่งอนุภาคนิวเคลียร์พลังงานสูงมากออกมาตามแนวเส้นแรงแม่เหล็กของการระเบิดของการเกิดจุดดับบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ มาสู่โลกในบรรยากาศชั้น Ionosphere ซึ่งอยู่สูงจากพื้นโลกประมาณ 55-100 กม. เมื่อกระแสอนุภาคพุ่งชนบรรยากาศชั้น Ionosphere มันจะปะทะกับอะตอมของก๊าซที่มีอยู่ในบรรยากาศชั้นนี้ ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของประจุไฟฟ้าปริมาณมหาศาลในบรรยากาศชั้นนี้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอภิมหาฟ้าผ่า (Super Bolt / Super Lightning) ระหว่าง Ionosphere กับพื้นโลก โดยเฉพาะบริเวณสถานีแปลงไฟฟ้าและระบบ Power Grids หรือบริเวณเขตชุมชนเมือง ตามปกติ Super Bolt จะเกิดขึ้นเองอยู่แล้วตามธรรมชาติระหว่าง Ionosphere กับก้อนเมฆ คนทั่วไปจึงไม่เคยมองเห็นหรือรู้จักมัน นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะค้นพบมันเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า Super Bolt เกิดจากประจุไฟฟ้าบวก และมีพลังงานสูงกว่าฟ้าผ่าปกตินับพันเท่า
     
  6. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    หากระบบ Power Grids ถูกโจมตีล่มสลาย จะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของชาติดังนี้
    1.โรงงานอุตสาหกรรมทุกขนาดที่ใช้ไฟฟ้าจะต้องหยุดดำเนินการ
    2.โรงกลั่นน้ำมันอาจต้องลดกำลังการผลิตหรือหยุดการผลิตน้ำมัน
    3.องค์กรธุรกิจการค้าและบริการขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ที่ใช้ไฟฟ้าจะต้องหยุดกิจการ
    4.ระบบผลิตน้ำประปาจะต้องหยุดดำเนินการ
    5.ทั่วประเทศและทั่วโลกจะขาดแคลนทั้งอาหารและน้ำดื่ม
    6.เศรษฐกิจจะถดถอยเสียหายอย่างรุนแรง หุ้นจะตก เกิดการว่างงานอย่างกว้างขวางทั่วประเทศและทั่วโลก
    7.บนท้องถนนยามค่ำคืนจะไม่มีแสงสว่าง
    8.อาชญากรรมจะเกิดขึ้นอย่างมากมายทั่วประเทศและทั่วโลก
    9.เครื่องบำบัดน้ำเสียตามชุมชนเมืองและโรงพยาบาลจะไม่สามารถทำงานได้ ส่งผลให้เกิดโรคระบาดหลายชนิด เช่น ไทฟอยด์, ท้องร่วง, อหิวาห์, อีโคไล, ซาลโมเนลลา ฯลฯ
    10.โรงพยาบาลจะประสบปัญหาหนักมากในการดูแลรักษาผู้ป่วย โดยเฉพาะห้องไอซียู และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยลิฟท์ เพราะโรงพยาบาลสะสมน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าสำรองได้เพียง 3 วันเท่านั้น
    11.ยาจะขาดแคลนและมีราคาแพงมาก
    12.ประชาชนที่อาศัยอยู่บนตึกสูงที่ต้องใช้ลิฟท์ เช่น อพาร์ทเมนท์ คอนโดมีเนียม จะประสบปัญหาในการขึ้นลงที่พักอาศัย หรืออาจไม่สามารถใช้ตึกสูงเป็นที่พักอาศัยได้อีกต่อไป
    13.ระบบโทรคมนาคมและอุปกรณ์ไฟฟ้าอีเล็คโทรนิคต่าง ๆ จะถูกทำลาย เช่น ดาวเทียม เครือข่ายอินเตอร์เน็ต เครือข่ายโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือ สถานีโทรทัศน์และวิทยุ เครื่องรับโทรทัศน์และวิทยุ เครื่องวิทยุรับส่ง เครื่องโทรศัพท์ เครื่องคอมพิวเตอร์ กล่อง ECU ของรถยนต์ระบบหัวฉีดอีเล็คโทรนิค เครื่องบินโดยสารซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์นำร่องและอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคชนิดต่าง ๆ ฯลฯ
     
  7. ZOMZARN

    ZOMZARN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +950
    ระบบ Power Grids ของเมืองหลักทั่วโลกจะถูกทำลายลงทั้งหมด หากหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ตัดการส่งพลังงานไฟฟ้าในช่วงที่พายุสุริยะเข้าสู่โลก
    ดังนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบของประเทศไทยจึงสมควรตัดสินใจตัดการส่งพลังงานไฟฟ้าขั่วคราวในช่วงที่พายุสุริยะเคลื่อนที่เข้าสู่โลก โดยการเฝ้าระวังติดต่อประสานงานกับหน่วยงานเฝ้าระวังตรวจสอบเตือนภัยพายุสุริยะของประเทศที่เจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของอเมริกาและยุโรป เช่น Space Weather Prediction Center (SWPC) under National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA), The National Center for Atmospheric Research (NCAR), The National Space Science & Technology Center (NSSTC) under NASA

    การตัดสินใจสั่งตัดกระแสไฟฟ้าชั่วคราวเป็นระยะ ๆ เป็นเรื่องยาก เพราะอาจได้รับการตำหนิติเตียนอย่างรุนแรงจากโรงงานอุตสาหกรรมและองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ที่ไม่รู้ไม่เข้าใจว่า โลกกำลังจะประสบกับมหันตภัยร้ายแรงที่สามารถทำลายธุรกิจอุตสาหกรรมของพวกเขาลงได้อย่างง่ายดาย แต่การไม่ตัดสินใจแก้ไขปัญหาใด ๆ ก็ย่อมจะนำมาซึ่งหายนะอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและประชาชนได้เช่นกัน หากหน่วยงานที่รับผิดชอบทำหนังสือชี้แจง หรือเชิญประชุมบรรดาผู้ประกอบการต่าง ๆ โดยอธิบายให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการตัดกระแสไฟฟ้าชั่วคราวเป็นระยะ ๆ และอธิบายถึงผลดีต่อธุรกิจอุตสาหกรรมของพวกเขาในระยะยาวด้วยแล้ว ก็น่าจะเป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2012
  8. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    เห็นด้วยกับ จขกท. ครับ :cool:

    Power Grid มีความสำคัญมากกว่าตัว Power Plant เสียอีก
    เพราะถ้าโรงไฟฟ้าพังลงไปสัก 1-2 โรง ก็ยังมีที่อื่นพอช่วยเหลือกันได้
    แต่ถ้าระบบสายส่งพัง ก็จบกันเพราะมีเพียงระบบเดียว
    แถมมีความยาวนับหมื่นกิโลเมตร จะไปซ่อมแซมให้เสร็จข้ามวันคงเป็นไปไม่ได้ นี่คือ ความหายนะของโลกอย่างแท้ จริง

    ดังนั้นผู้ไม่ประมาทจะต้องเตรียมการรับมือสถานการณ์นี้อย่างเร่งด่วน
    เพื่อจะได้มีชีวิตที่รอดพ้นวิกฤตนี้ไปได้ เช่น จัดเตรียมหาแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้าสำรองไว้ก่อน ถ้าเป็นไปได้หลายๆระบบยิ่งดี

    แต่อย่าลืมเผื่อแผ่เพื่อนบ้านและผู้ด้อยโอกาสด้วย นะครับ
     
  9. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    เปรียบเทียบ Solar Activity ในช่วง 4 Cycles ล่าสุด chearr


    [​IMG]

    .
     
  10. hiflyer

    hiflyer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    3,321
    ค่าพลัง:
    +15,681
    For your reference :


    [​IMG]


    [​IMG]

    .
     
  11. starme

    starme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +2,277
    ถ้าไม่เกิดเหตุรุนแรงเลย ดีที่สุด
    ถ้าเกิดเหตุก็ขอให้เบาที่สุด
    และขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆทุกคน ปลอดภัยคะ
     
  12. LindaYayita

    LindaYayita สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    Link เพิ่มเติม

    ส่วนหนึ่งที่แต่ละประเทศยังไม่ได้ออกมาเตือนประชาชนเพราะไม่อยากให้แตกตื่น เนื่องจากยังไม่แน่ใจในผลกระทบว่าจะรุนแรงแค่ไหน แต่คำแนะนำที่ทำตามแล้วไม่เสียหลายคือเรื่องของการตุลอาการไว้เพราะถ้าเกิดเหตุขึ้นมาจริง ๆ จะทำให้หาอาหารและน้ำดื่มยาก เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าใช้ อื่น ๆ อ่านได้ตามลิ้งค่ะ

    NASA UPGRADES 2012 SOLAR STORM WARNING - LEARN HOW TO PREPARE
     

แชร์หน้านี้

Loading...