ตะกรุดหัวใจนอโม ตาหลวงทองวัดหลักห้าอายุ 108 ปี บุญบารมีคุ้มชีวิต

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย smart7667, 23 สิงหาคม 2013.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    รำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการภาวนาว่า “พุทโธ” เป็นปกติอย่างนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงไตรสรณคมน์ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ทั้ง 3 ประการ จิตของท่านจะทรงสมาธิ อำนาจบารมีของพระพุทธเจ้าจำทำให้จิตใจของท่านให้เนือกเน็นมีความสุข อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลายก็จะพ้นภัยด้วย อำนาจของพุทธานุภาพ สังฆานุภาพ
    คำแนะนำดีๆจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2013
  2. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ท่านเจ้าคุณมณฑลวัดคูหาสวรรค์ พัทลุง ท่านแนะนำให้ไปหาหนังสือของอาจารย์ไพศาลมาอ่าน ผมก็ได้อ่านมาบ้างและจะขออนุญาตคัดลอกเฉพาะบางส่วนนำมาให้ลูกๆหลานๆของหลวงปู่ศึกษาพิจารณา เป็นบางช่วงของการสนทนาของหลวงปู่ทวดในแดนที่พักปัจจุบันของหลวงปู่ กับคุณไพศาล แสนไชย และเจ้าพญาพิงคราช ที่ได้มานำจิตวิญญาณ ของคุณไพศาล เดินทางไกลไปพบหลวงปู่ยังที่พักของท่าน

    ต่อไปนี้เป็นคำสนทนา

    "หลวงปู่ได้ธุดงค์มาจนถึงน้ำตกทรายขาว ก็ได้บำเพ็ญธรรมอยู่ที่นั้นระยะหนึ่ง น้ำตกนี้นะเย็นดีเหมือนอยู่สรวงสวรรค์"




    "ผมยังไม่เคยไปน้ำตกทรายขาวเลยครับ" ไพศาลพูด "ไปเสียนะ" หลวงปู่ทวดตอบ "ครับ ถ้าผมว่างผมจะไป" "เสร็จจากนั้น หลวงปู่ก็ได้ธุดงค์มาเรื่อยๆ จนถึงวัดพระโคะ หลวงปู่มามองเห็นวัดนี้ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่โบราณ และกำลังทรุดโทรม จึงได้มาทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ ขึ้นมาใหม่ เช่นสร้างพระวิหาร อุโบสถ ธรรมศาลา และได้บูรณะพระศรีรัตนธาตุ สูง 1 เส้น 5 วา" (ในสมัยโบราณ เครื่องทุ่นแรงก่อสร้างไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน พระศรีรัตนธาตุแห่งนี้จึงสูงเด่นมากทีเดียวในยุคนั้น)

    เมื่อบูรณะเสร็จ หลวงปู่ได้นำเอาลูกแก้วที่เป็นของคู่บุญของท่าน ที่มีพญางู (เทวดาจำแลง) นำมาให้สมัยที่ยังเป็นทารก มาบรรจุไว้ที่ยอดพระเจดีย์ และหลวงปู่ก็ได้ตั้งชื่อพระเจดีย์นี้ใหม่ว่า "สุวรรณมาลิกะเจดีย์ ศรีรัตนมหาธาตุ" ซึ่งเรื่องนี้คนในเมืองมนุษย์ก็รู้เรื่องเช่นเดียวกัน

    ระยะเวลาจากเมืองอโยธยา (อยุธยา) มาถึงวัดพระโคะ หลวงปู่ใช้เวลาธุดงค์มาเรื่อยๆ 3 เดือนกว่าๆหลวงปู่ได้พูดขึ้น

    หลวงปู่ทวดได้พำนักและปฏิสังขรณ์วัดพระโคะจนเสร็จสมบูรณ์ดีแล้ว มีวันหนึ่งสามเณร "บุญรอด" มาหาหลวงปู่ ก็ได้สอบถามดูว่า มีธุระอะไร จึงได้รู้จากสามเณรว่า ได้นำดอกไม้มาดอกหนึ่ง ถามใครก็ไม่รู้จักดอกไม้นี้เลย หลวงปู่จึงได้ถามออกมาว่า "ดอกไม้อะไรที่ไหน" เณรจึงดึงดอกไม้นั้นออกจากผ้าที่ครองอยู่ หลวงปู่จึงได้รู้ว่า ดอกไม้นี้คือ ดอกมณฑาสวรรค์ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมมากกว่าดอกไม้ทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกมนุษย์

    ดอกไม้นี้เมื่อสมัยมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ หลวงปู่ได้นั่งสมาธิเข้าฌานสมาบัติจนถึงที่สุด จึงได้ไปพบเห็นดอกมณฑาสวรรค์ "ไพศาลเห็นต้นและดอกมันไหม" หลวงปู่ถามขึ้น ไม่เคยเห็นครับ "ผมตอบ"

    "ไม่เห็นอย่างไร ก่อนที่จะมาถึงที่นี้ ต้นไม้ที่อยู่หัวถนน 2 ต้นนั้นอย่างไร "หลวงปู่บอก ผมจึงตอบว่า "อ๋อ ครับ ผมเห็นแต่ก็ลืมไป" "หลวงปู่ทวดหัวเราะขึ้น ส่วนสามเณรน้อยคือ เณรบุญรอดเมื่อรู้ว่า หลวงปู่รู้จักดอกไม้อันนี้ จึงได้ก้มลงกราบหลวงปู่ทวด ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา เพราะว่าเณรน้อยบุญรอด เข้าใจว่าผู้ได้รู้จักดอกไม้นี้ ผู้นั้นคือพระ....เออ หลวงปู่ตอบไม่ได้ รู้สึกไม่ดีต่อหลวงปู่เอง เพราะหลวงปู่อยู่ในเพศอย่างนี้ ให้ท่านพญาพิงคราชช่วยตอบให้ที ให้หลานไพศาลรู้หน่อยเถอะ"

    พญาพิงคราชจึงได้ตอบแทนหลวงปู่ทวดขึ้นว่า "ผู้ใดรู้จักดอกมณฑาสวรรค์นี้ ผู้นั้นคือ "พระศรีอริยะเมตตรัย" ผู้จะได้มาโปรดโลกมนุษย์ในภายภาคหน้า ต่อจากศาสนาพระพุทธเจ้าโคตะมะ ซึ่งความเข้าใจของเณรบุญรอดองค์นี้ถูกต้อง

    ด้วยเหตุนี้เองหลวงปู่กลัวเรื่องดอกมณฑาสวรรค์ จะแพร่ออกไปเพราะเมื่อแพร่ออกไปชาวบ้านชาวเมืองได้รู้จะต้องมารบกวนถามจากหลวงปู่ และสามเณรบุญรอดนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จึงได้พาเณรบุญรอดเข้ากุฏิ และได้เข้าฌานสมาบัติ

    ตอนที่เข้าสมาบัตินั้นหลวงปู่เข้าได้คนเดียว เณรทำไม่ได้ หลวงปู่ต้องบอกวิธีลัด จึงทำให้หายตัวออกไปจากกุฏินั้นได้ แล้วได้ไปปรากฏตัวใหม่ (กายใหม่) ที่มีคนเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแล้ว ได้ทำการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ณ ที่นั้นๆด้วย

    หลวงปู่ได้เผยแพร่ธรรมะ จนถึงเมืองไทรบุรี จึงได้สร้างและบูรณะวัดขึ้นมาวัดหนึ่งชื่อ "วัดโกระไหน" เมื่อสร้างเสร็จ หลวงปู่ก็ได้บำเพ็ญสมณธรรมอยู่ ณ ที่นี้จนสิ้นอายุขัยเมื่อเดือน 5 ขึ้น 15 ค่ำ ปี พ.ศ. 2215 อายุได้ 90 ปีเต็ม
     
  3. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    สิ่งเหล่านี้ท่านมีจิตที่เชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ครับ เพราะเป็นปัจจัตตังของท่านผู้นั้นนะครับ.....ให้ถือธรรมะเป็นใหญ่ก็พอนะครับ สาธุครับ...
     
  4. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    สาธุครับ เดี๋ยวว่างๆผมจะพิมพืเรื่องราวหลวงพ่อทวด หรือ หลวงปุ่ทวด ในนิมิตรความฝันของคุณไพสาลหรืออาจารย์ไพศาล แสนไชย ให้อ่านนะครับ...คุณไทมอนด์4 ครับ....
     
  5. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    ตาหลวงทองท่านสร้างพระหลวงพ่อทวดหลายรุ่นเหมือนกันครับรุ่นท้ายสุดนั้น คุณหมอฟอร์ดท่านมาถวายเป็นกุศลช่วยวัดนะครับ.....
     
  6. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    พระหลวงพ่อทวดที่ตาหลวงทองปลุกเสกนั้นมีพลังพลานุภาพอย่างไรก็ขลังสุดใจมากๆเชียวครับ....อยู่ที่ศรัทธานะครับ...
     
  7. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    บันทึกพิเศษ (ปฐมวัย - แสวงหาความรู้)

    นิมิตนี้เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่ 5 ธันวาคม 2529 ...เป็นวันที่ผมมีความอิ่มเอมใจเป็นพิเศษ

    ที่เห็นบ้านเมืองตกแต่งประดับธงชาติกันเป็นแถว และในวันนี้หลังจากที่ผม ได้ทำภารกิจประจำวันเสร็จแล้ว

    เช่นได้ตักน้ำใส่โอ่งล้างถ้วยล้างชามให้พ่อแม่ มาถึงตอนเย็นผมได้ทานข้าวพร้อมกับพ่อแม่และพี่ๆ ภายในครอบครัวเดียวกัน

    เมื่อทานข้าวเสร็จแล้ว ผมก็ได้นั่งดูโทรทัศน์ พร้อมกับญาติพี่น้องทั้งหลายที่มาดูด้วยกัน พอนั่งดูไปได้สักครู่ คือประมาณสัก 2 ทุ่มครึ่ง

    ผมก็ง่วงนอน จึงได้ขอตัวเข้านอน พอนอนไปได้ไม่นาน ก็ได้หลับสนิทไปเป็นเวลาเท่าไรไม่รู้ นิมิตมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น

    ในนิมิตนั้นก็เหมือนกันทุกคืนคือ ได้มีท่านครูบาคัณธาและท่านพญาพิงคราช ได้พาผมไป (ท่านทั้งสองนี้ได้สิ้นบุญ

    จากโลกมนุษย์ไปแล้วนับพันๆ ปี โดยในสมัยที่ยังอยู่ในโลกมนุษย์ ครูบาคัณธาอยู่ที่วัดเมืองสร้อย อ.เมือง จ.ตาก

    ท่านพญาพิงคราช อยู่ที่ดอยตุง อ.แม่สาย จ.เชียงราย)

    ในคืนนี้แปลกกว่าทุกครั้ง เพราะว่าในตอนที่ผมไปกับท่านครูบาคันธา และท่านพญาพิงคราช นอกจากผมจะ

    เห็นตัวเองนอนตะแคงขวาอยู่แล้ว ผมยังได้ยินเสียงแห่มาแต่ไกล เสียงแห่นั้นเป็นเสียงปี่พิณพาทย์ ฟังแล้วรู้สึกเย็นอกเบ็นใจ
    การไปครั้งนี้ก็ไปเหมือนทุกๆครั้ง มีความรู้สึกว่าตัวผมนี้เบา และได้ลอยขึ้นไปอย่างไร้น้ำหนัก และปลิวขึ้นไปอย่างรวดเร็วมาก

    โดยผมก็ไม่รู้ว่าไปในทิศทางใดและไปไกลมาก
    จนกระทั่งท่านทั้งสองได้พาผมลงอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ ง สถานที่แห่งนันเป็นหัวถนน และที่หัวถนนนั้นมีต้นไม้ใหญ่อยู่ 2 ต้น

    ต้นไม้นั้นมีกิ่งก้านสาขาใหญ่โต มีดอกเหมือนดอกมณฑา ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปหมด เมื่อลงเดินแล้วท่านทั้งสองได้พาผม

    เดินไปตามถนนนั้น ถนนสายนี้มีความกว้างประมาณ 20 วา มีความยาวสุดลูกหูลูกตา และเมื่อเดินไปประมาณ 1 กิโลเมตร

    ผมก็ได้พบศาลาจัตุรมุขขนาดใหญ่ ซึ่งมีอยู่ ณ ที่นั้นประมาณ 50 หลัง

    ครูบาคันธาได้เอ่ยปากพูดกับผมในขณะเดินไปด้วยว่า วันนี้ คืนนี้ เป็นวันคืนที่ดี ครูบาจะพาไพศาลไปพบกับ

    พระภิกษุผู้เฒ่าองค์หนึ่งในสมัยอยุธยา ซึ่งชาวบ้านชาวเมืองเขารู้จักกันเป็นอย่างดี และได้เล่าสืบขานกันมาจนทุกวันนี้.....
    จากนั้น ท่านทั้งสองได้พาผมเดินผ่านบ้านเมืองนั้นมาอีกประมาณ 10 หลัง จึงได้หยุดแล้วก็หันหน้าไปยังบ้าน

    หรือศาลาจัตุรมุขขนาดใหญ่หลังหนึ่ง...แล้วเราทั้งสาม ก็ได้พากันเดินขึ้นไปบนศาลาจัตุรมุขหลังนั้น เมื่อเดินขึ้นไป

    ก็ได้พบกับพระภิกษุชรารูปหนึ่ง นั่งอยู่บนธรรมาสน์ อยู่ในลักษณะรอคอยคณะของพวกเราอยู่
     
  8. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    เมื่อถึงแล้ว พระภิกษุชรารูปนั้นได้กล่าวนิมนต์ครูบาคันธา กล่าวเชิญพญาพิงคราชพร้อมทั้งผมให้นั่ง

    ตามอาสนะหรือที่นั่งที่ท่านจัดไว้ พระภิกษุผู้เฒ่ารูปนั้นได้หันมาพูด กับครูบาคันธาและพญาพิงคราช

    ในเชิงสนทนาปราศรัยกัน ซึ่งท่านทั้ง 3 ได้หัวเราะกันเป็นที่ชื่นชอบเป็นอันมาก ซึ่งในการสนธนากันนั้น

    ผมฟังไม่รู้เรื่อง ผมฟังดูแล้วคล้ายภาษาบาลี หรืออาจจะเป็นภาษาของเทพที่พูดกันในเทวโลก ทั้ง 3 ท่าน

    ได้พูดกันนานพอสมควร พระภิกษุชรารูปนั้นจึงได้หันมาพูดกับผมว่า
    "เออ...นี่นะหนู...มานี่..เหนื่อยไหม ไกลไหม"
    "ไกลมากและเหนื่อนมากครับ" ผมตอบและพูดต่อไปว่า "ไกลมากกว่าทุกครั้งที่เคยไป"
    พระภิกษุชราพูดกับผมว่า "เคยเห็นอาตมาไหม"
    "ไม่เคยเห็นครับ" ผมตอบ
    พระภิกษุชราได้พูดต่อไปว่า "อาตมานี้นะ ตัวเตี้ย ดำ มีความสูงเพียง 1.50 ม. ใครๆ ทั้งอดีตและปัจจุบันอยากเห็นตัวอาตมาด้วยกันทั้งนั้น "
    ผมจึงพูดขึ้นว่า "ผมอยากรู้จักชื่อท่านครับ"
    เมื่อผมพูดดังนั้น ท่านก็หัวเราะและยิ้มออกมา และพูดต่อไปว่า "อาตมามีชื่อว่าหลวงพ่อปู่" อยู่ในโลกมนุษย์เคยได้ยิน หรือรู้จักชื่อหลวงปู่นี้ไหม"
    "ไม่เคยได้ยินหรือรู้จักครับ" ผมตอบ
    พระภิกษุชรารูปนั้นก็หัวเราะอีกและพูดว่า "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เคยได้ยินไหม"
    ผมได้ยินดังนั้นก็ตกใจและกลัว แต่ก็แข็งใจพูดออกไปว่า "ชื่อนี้ผมเคยได้ยินและรู้จัก ท่านเป็นพระทางภาคใต้ของประเทศไทย"
    "ถ้าหากอาตมาจะบอกว่าอาตมานี้แหละ คือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำเลจืด หลานจะเชื่อตามที่อาตมาพูดไหม"
    ผมจึงตอบไปว่า "เชื่อครับ"
    "เชื่อง่ายจัง" หลวงปู่พูดอย่างพออกพอใจ และพูดต่อไปว่า
    "เออ...เมื่อท่านครูบาคันธาและพญาพิงคราช พาหลานไพศาลคนนี้มาหาตัวอาตมา อาตมาก็มีความยินดีเป็นอย่างมาก เพราะตัวอาตมากำลังต้องการที่จะพบอยู่พอดี
    "ไม่เป็นไร" ครูบาคัณธาพูดขึ้น "เมื่อท่านทวดต้องการจะพบคนของอาตมา อาตมาก็จะพาคนของอาตมา มาพบเพื่อจะได้พูดสั่งอะไรก็สั่งไปได้นะ"
     
  9. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    เออ..นั่นแหละ" หลวงปู่ทวดพูดขึ้นแล้วหันหน้ามาทางผม แล้วพูดว่า "เรื่องที่หลวงปู่จะพูดไปนี้เป็นเรื่องที่เมืองมนุษย ์ได้รู้กันดีแล้ว เพราะได้เล่าสืบต่อกันมานาน

    แต่หลวงปู่จะพูดไปอีกสักหน่อย เพื่อให้คนในเมืองมนุษย์ได้รู้กระจ่างแจ้งขึ้นไปอีก บางอย่างบางเรื่องคนในเมืองมนุษย์ ก็ไม่รู้เรื่องอาตมา พากันพูดให้ไขว้เขว

    มาวันนี้ คืนนี้ เรื่องที่ชาวโลกมนุษย์ไม่รู้ก็จะบอกให้รู้ สิ่งใดที่คนในโลกมนุษย์รู้แล้ว อาตมาก็จะบอกให้รู้ยิ่งขึ้นไปอีก ขอให้หลานไพศาลผู้เป็นล่ามจากเมืองมนุษย์จงตั้งใจฟัง

    หลวงปู่จะเล่าให้ฟังถึงเรื่องราว ของหลวงปู่สมัยยังมีชีวิต ความเป็นอยู่เป็นอย่างไร มีเหตุการณ์สำคัญๆ อะไรบ้างในสมัยของหลวงปู่"

    จากนั้นหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ได้เล่าเรื่งราวของท่านให้ผม(ไพศาล แสนไชย) ฟังดังต่อไปนี้
    "หลวงปู่เป็นบุตรของนายหนูขาว มารดาชื่อนางจันทร์ หลวงปู่เกิดมาในโลกมนุษย์เมื่อปีมะโรง (งูใหญ่) เดือน 4 วันศุกร์ พ.ศ.2125 ที่บ้านสวนจันทร์ เดี๋ยวนี้สวนที่หลวงปู่เกิดอยู่ที่

    ต.ชุมพล อ.จะทิ้งพระ(สะทิงพระ) จ.สงขลา เวลาเกิด ตอนเช้า เวลาตี 5.35 น."
    "พ่อแม่ของอาตมาเป็นคนรับจ้างทำไร่ ทำนา มีฐานะค่อนข้างยากจน บ้านที่เกิดของหลวงปู่นั้นเป็นสวนของเศรษฐีปาน ซึ่งเป็นเศรษฐีมีจิตใจเมตตาพอสมควร

    แต่ก็มีกิเลสความโลภติดตัวอยู่บ้าง ความโลภของเศรษฐีนี้มีอย่างไร คนในโลกมนุษย์เขารู้กัน"
    "โดยเหตุที่พ่อแม่ของหลวงปู่เป็นคนทำไร่ทำนา จึงออกไปทำไร่ทำนาในฤดูทำนา วันหนึ่งพ่อแม่ได้เอาหลวงปู่(ตอนเป็นเด็กเล็ก) ไปทำไร่ทำนาด้วย ขณะนั้นหลวงปู่มีอายุได้ 1 ปี 6 เดือน

    พ่อแม่ของหลวงปู่ได้เอาหลวงปู่ผูกเปลไว้ที่ปลายนา ซึ่งที่ปลายนานั้นมีต้นไม้ที่มีกิ่งร่มใบหนา พอที่จะเป็นที่กำบังเงาของแดดและฝนได้ ต้นไม้นั้นคือต้นเหม้า 1 ต้น

    ต้นหว้า 1 ต้น เมื่อหลวงปู่นอนอยู่ในเปล แล้วก็ไปปลูกข้าวในนา เมื่อถึงเวลากลางวัน ซึ่งเป็นเวลากินข้าวกลางวัน พ่อแม่ของหลวงปู่ได้ออกจากนา เพื่อมาดูแลหลวงปู่

    ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่หลับสนิทอยู่ เมื่อเข้ามาใกล้ที่เปลที่หลวงปู่นอนอยู่ พ่อแม่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นงูใหญ่ตัวเขื่องนอนขนาบข้างเด็กน้อย ถ้าจะว่าไปก็คืองูจงอาง ได้รัดเปลที่นอนอยู่

    งูจงอางมิใช่งูจริงหรอก " หลวงปูทวดได้พูดย้ำกับผม "เป็นงูเทวดาจำแลงมา ในตอนที่หลวงปู่มีชีวิตอยู่ หลวงปู่ก็ไม่รู้จักชื่องูตัวนั้น เมื่อสิ้นบุญจากโลกมนุษย์แล้ว จึงได้รู้ว่า

    เป็นงูเทวดาจำแลงมา งูจงอางนั้นมีชื่อว่า "ขันธศรี" มาจากแดนสังคังโลกัง นั่นแหละ ที่เทวดาจำแลงมาเป็นงูจงอางนั้น ก็เพื่อเอาลูกแก้วคู่บุญมาให้ไว้

    เรื่องนี้ทางโลกมนุษย์เขารู้เรื่องกันดี (เวลานี้ลูกแก้วลูกนั้นยังอยู่ที่วัดพะโค้ะ ต.ชุมพล อ.สะทิงพระ จ.สงขลา- ผู้บันทึก)
    "เมื่อพ่อแม่หายตกตะลึงแล้ว งูเทวดาจำแลงนั้นก็หายไป ลูกแก้วคู่บุญบารมีของหลวงปู่ จึงปรากฏแก่สายตาของพ่อแม่และญาติพี่น้อง ลูกแก้วนั้นวางอยู่บนอกของหลวงปู่นะ"

    หลวงปู่พูด "ทุกๆคนได้เห็นลูกแก้วพร้อมกันแล้ว ลูกแก้วนั้นก็ปรากฏรังสีออกมาเป็น 6 สี เป็นที่น่าอัศจรรย์แก่ผู้ที่ได้เห็นเป็นอย่างมาก"
    "รังสีหรือรัศมีที่แผ่ออกเป็น 6 สีนั้น คือ 1.สีนีละ(เขียว) 2.สีโลหิตะ(แดง) 3.สีปีตะ(เหลือง) 4.สีโอทาตะ(ขาว) 5.สีมัญเชฏฐะ(แดงเลื่อม) 6.สีประภัสสระ (เลื่อมประภัสสร)"
     
  10. smart7667

    smart7667 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,871
    ค่าพลัง:
    +6,755
    จะพยายามคัดลอกมาลงให้อ่านนะครับ ท่านใดจะบูชาพระเครื่องตาหลวงทองวัดหลักห้า พระอริยะสงฆ์ในใจเราชาวยะลาโทร หา...........ในนาม คุณพิเชษฐ์ได้เลยนะครับ ท่านจะได้อะไรดีๆมากมายเมื่อท่านบูชาพระของตาหลวงทองด้วยจิตศรัทธาครับ หรือดูเวปไซด์ พระเครื่องพุทธาคม ประกอบกันไปด้วยก็จะได้อรรถรสมากขึ้นครับ...สาธุครับ....
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...