ติดตามสถานะการณ์

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล ได้แชร์ลิงก์ผ่าน Library of Most Controversial Files

ระวังลำแสงกว่า 1.7 gigawatts (พันล้านวัตต์) แผ่พลังอำนาจเข้ามาในชั้นบรรยากาศ



.. เทวดาเปล่าทำ Haarp ..
HAARP Scripted Doom: We Are Being Exterminated

"The $30 million [Pentagon] project, euphemistically named HAARP (High Frequency Active Auroral Research Program), is made to beam more than 1.7 gigawatts (billion watts) of radiated power into the ionosphere -- the electrically charged layer above Earth's atmosphere. Put simply, the apparatus is a reversal of a radio telescope -- just transmitting instead of receiving. It will 'boil the upper atmosphere'. After [heating] and disturbing the ionosphere, the radiations will bounce back onto the earth in for form of long waves which penetrate our bodies, the ground and the oceans.["Angels Don't Play This Haarp", page 8]

As listed by the Government, HAARP is an ionospheric research program jointly funded by the US Air Force, the US Navy, the University of Alaska and the Defense Advanced Research Projects Agency (DARPA). "Its purpose is to analyze the ionosphere and investigate the potential for developing ionospheric enhancement technology for radio communications and surveillance purposes (such as missile detection). The HAARP program operates a major Arctic facility, known as the HAARP Research Station, on an Air Force owned site near Gakona, Alaska." -HAARP Wiki

Skeptic computer scientist David Naiditch called HAARP "a magnet for conspiracy theorists", saying the project has been blamed for triggering catastrophes such as floods, droughts, hurricanes, thunderstorms, and devastating earthquakes in Pakistan and the Philippines aimed to "shake up" terrorists. Naiditch says HAARP has been blamed for diverse events including major power outages, the downing of TWA Flight 800, Gulf War syndrome, and chronic fatigue syndrome.

Conspiracy theorists have also suggested links between HAARP and the work of Nikola Tesla (particularly potential combinations of HAARP energy with Tesla's work on pneumatic small-scale earthquake generation) and physicist Bernard Eastlund. According to Naiditch, HAARP is an attractive target for conspiracy theorists because "its purpose seems deeply mysterious to the scientifically uninformed". Conspiracy theorists have blamed HAARP for numerous earthquakes. An opinion piece on a Venezuelan state-run television channel's website named HAARP as a cause of the 2010 Haiti earthquake." -HAARP Wiki

LIBRARY OF MOST CONTROVERSIAL FILES: HAARP Scripted Doom: We Are Being Exterminated

 

In & Outside World



ISON
แปลกไหม

 

เราแค่อยากรู้ เรื่องบนโลก
4 พฤศจิกายน · แก้ไขแล้ว
“ เมืองโตเกียวมีโอกาสเป็นเมืองร้าง”
“ น้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพฯ ที่โลกกังวลอยู่ตอนนี้ จะกลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย หากเทียบกับการระเบิดที่อาจเกิด จากขบวนการขนย้าย spent fuel rods ของ TEPCO เร็ววันนี้ ”

นี่คือเสียงจากผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ หลายๆ ท่าน

เริ่มต้นวันที่ 8 พย 2013 เป็นต้นไป TEPCO จะขนย้าย spent fuel rods จาก
Reactor No. 4 , Fuel rods ขณะนี้ถูกเก็บไว้ในบ่อน้ำที่ชำรุด อยู่ชั้นบนสุดของตัวตึก ซึ่งหลังคาก็หายไปเรียบร้อยแล้ว นับวันตัวตึกก็ค่อยๆเอียงลง และจมลง เพราะน้ำหนักน้ำที่ปั๊มขึ้นไปเพื่อ เลี้ยง rods ให้เย็นลง, ช่างมากเหลือเกิน แถมดินรอบตัวตึกก็อ่อนตัวๆเพราะน้ำท่วมตลอดเวลา หากตึกถล่ม หายนะยิ่งใหญ่ย่อมเกิดขึ้น TEPCO จำเป็นต้องย้าย fuel rods ทั้งหมดที่มีใน reactor no 4 กว่า 1300 แท่งออกเร่งด่วน
Fuel rods มากกว่า 1300 แท่ง เก็บอยู่ใน racks ที่ต้องแช่ในบ่อน้ำเลี้ยงไว้ตลอดเวลา นึกภาพง่ายๆว่า rods คือม้วนบุหรี่ แต่ละม้วนอยู่ในซอง (racks) รู้กันทั่วแล้วว่าซองบุหรี่ขณะนี้ บู้บี้ไปแล้ว การย้ายคือ การดึงบุหรี่ที่ละม้วนขึ้นมา เป็นอะไรที่อันตรายมาก ถ้าดึงแรงแท่งบุหรี่จะขาด ก๊าซ radioactive cesium , xenon และ krypton จะถูกปล่อยออกมา ถ้าก๊าซเกิด คนงานต้องอพยพออกเร่งด่วน การดึงม้วนบุหรี่นี้ ต้องใช้ปั่นจั่น ( crane) ดึง/ยก ปรกติปั่นจั่นต้องใช้คอมพิวเตอร์บังคับ บุหรี่แต่ละแท่งถูกดึงออกที่ละอันๆ แล้วนำไปใส่ใน heavy metal chamber บุหรี่แต่ละแท่งจะแตะกันไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวระเบิดบึ้ม ขบวนการทุกขั้นตอนที่กล่าวข้างต้น ต้องทำในบ่อน้ำ หลังบรรจุ fuel rods ใน chamber แล้วเท่านั้น จึงเคลื่อนย้ายไปที่อื่นได้ อย่างที่บอก ปรกติปั่นจั่นต้องควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งให้ความแม่นยำได้เป็นหน่วยมิลลิเมตร แต่หนนี้ปั่นจั่นคอมพิวเตอร์เจ๊ง จากเแผ่นดินไหว ก็เลยต้องเป็นปั่นจั่นแบบมือบังคับ ( manual ) ประมาณกันว่าหากใช้คอมฯ จะแล้วเสร็จใน 100 วัน แต่ใช้ระบบมือบังคับ แรกเริ่ม TEPCO วางแผนไว้ 2 ปี ปัจจุบันกะเร่งเอาให้เสร็จแค่ 1 ปีพอ ขบวนการดึงแท่งบุหรี่นี้ต้องทำ กว่า 1300 ครั้ง คือทำกว่า 1300 rods และทุกครั้ง ผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด ปัญหาคือ คนบังคับเครนเนี่ย ต้องเปลี่ยนตัวตลอดเวลา เพราะถ้าทำนานเ จะตายเอา รับรังสีมากเกินไป ดังนั้นทุกคนก็จะเป็นมือใหม่ หัดขับ อีกทั้งมีปัญหาความเสี่ยง ที่บ่อน้ำซึ่ง fuel rods แช่อยู่อาจจะพังครึนลงมาได้ทุกขณะที่ท่านกำลังอ่าน เพราะบ่อตอนนี้เสียหายบางส่วนแล้ว ถ้าบ่อพังหละก็ แท่ง rods จะหล่นลงมา กระทบกัน....บึ้ม ....เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์รีแอ๊กชั่น
Nuclear fuel ที่ Fukushima คาดว่าถ้าระเบิดจะร้ายแรงกว่า Hiroshima 14 ,000 เท่า ,และร้ายแรงกว่า Chernobyl 85 เท่า
งานนี้ไม่มี่ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก เข้าไปช่วย ความปลอดภัย จึงขึ้นกับ TEPCO และรัฐบาลญี่ปุ่นล้วนๆ เหตุนี้แหละที่ต่างชาติกังวลมาก เพราะ 1) นอกจากงานถอดถอน fuel rods ในสภาวะเลวร้ายเช่นนี้ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แล้ว 2) ชื่อเสียงของ TEPCO ตอนนี้ก็เน่าเฟอะขาดความเชื่อถือ เพราะทำงานพลาด ล่าสุดเดือนตุลาคม ก็เพิ่ง subcontract ผ่านแก้งค์ ยากูช่า ว่าจ้างคนงานด้อยคุณภาพ 5000 คน มาทำการกำจัด/ทำควมสะอาด ณ โรงไฟฟ้า Fukushima
เช่นเคย ข่าวบางแหล่ง VOA ( Voice Of America ) ออกข่าวเร็วๆนี้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย แต่นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งให้สัมภาษณ์ ณ ซอกมุมเล็กๆ ในเโลกออนไลน์ ประสานเสียงออกมาในทางเดียวกันว่า น่ากังวล โตเกียวทั้งเมืองอาจต้องอพยพ หากเกิดระเบิด ส่วนกระแสน้ำ และกระแสลม ก็จะนำพา ฝุ่นกัมมันตภาพรังสี ไปโน่น California แคไม่ถึงอาทิตย์ แนะนำที่ปลอดภัยก็คือซีกครึ่งล่างของโลก
ลิงค์แรกเขาสอนวิธีเตรียมตัวพร้อมรับฝุ่นกัมมันตภาพฯ นะคะ Fukushima Fuel Rod Removal Alert | Gerold's Blog
The REAL Fukushima Danger: Failure of Fuel Pools Could Trigger Worldwide Nuclear Radiation | Global Research
Experts warn of dangers in Fukushima nuclear reactor fuel rods clean-up | News.com.au

 

เราแค่อยากรู้ เรื่องบนโลก
จากข่าวไฟป่าลุกลาม ที่ ออสเตรเลีย เดือนตุลาคม 2013 นำมาสู่การปะทะคารมของคนสองฝ่าย



หัวหน้า UN “ ยืนยัน ภาวะโลกร้อน เป็นเหตุ”
นายกฯออสเตรเลีย บอก “ total crap” อิ อิ

คุณ Amanpour แห่ง CNN สัมภาษณ์ U.N. Climate Chief นางChristiana Figueres เมื่อ 21 ตุลาคม 2013 ถึงไฟป่าลุกลามที่ออสเตรเลีย หัวหน้า UN พูดอย่างเด็ดขาด “ภาวะโลกร้อนค่ะคือเหตุ” แถมเธอยังหงุดหงิดที่ นายกฯ ออสเตรเลีย ล้มคณะกรรมการ climate change ทิ้งซะ แถมยังพยายามยกเลิก Australia’s carbon tax เธอบอก...... เกือบหมดความอดทนแล้ว ....คนรุ่นนี้ต้องห่วงใยคนรุ่นลูกClimate change is 'absolutely' linked to wildfires, says UN chief | The Verge
พอข่าว CNN ออกมาอย่างนี้ นักข่าวก็ย่องไปสัมภาษณ์ นายกออสเตรเลีย ต่อ เกี่ยวหรือเปล่าค่ะท่าน ไฟป่าลุกลามจากเหตุเพราะ “ global warming ” ?? แน่นอนท่านนายกปฏิเสธเสียงห้วน (ก็รู้อยู่ ก่อนหน้านี้ ท่าน Tony เคยอัด “ทฤษฎี climate change “ ว่า “ไร้สาระ ” ( total crap )
Australian bushfires not down to climate change, says Tony Abbott | World news | theguardian.com

ทำไมสองคนนี้โต้คารมผ่านสื่อ หากท่านพลาดข้อมูล Global warming (หรือ climate change แล้วแต่จะเรียก ).....ตอนปี 2010 เราฯ ขอเเล่าให้ฟังได้ไม๊ ......( แน่นอน เหรียญย่อมมีสองด้าน แต่ขอโอกาส ให้ ข่าวกระแสรอง นิดนึงนะ )

นิตยสาร Forbes โดย James Taylor เขียนบทความเรื่อง ผล สำรวจความคิดของนักวิทยาศาาสตร์ 1077 คน ต่อเรื่อง Climate change เสียงข้างมากตอบ ไม่เชื่อหรอก ทฤษฎีโลกร้อนเนี่ย แต่ก็มีถึง 36% ของนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อ ............ คือเชื่อว่าCO2 ทำให้โลกร้อน........ และมนุษย์เป็นผู้เพิ่มปริมาณ CO2 แก่โลก........ เสียงส่วนใหญ่ที่ไม่เชื่อ กล่าวว่าโลกร้อนเป็นผลของวงจรธรรมชาติ และที่ว่าอนาคตโลกร้อนจะเป็นปัญหาใหญ่นั้น ไม่จริง Peer-Reviewed Survey Finds Majority Of Scientists Skeptical Of Global Warming Crisis - Forbes

แม้ว่าในหมู่นักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าส่วนข้างมาก จะเลิกเชื่อเรื่อง ทฤษฎีโลกร้อน กันไปแล้ว แต่ก็ยากหนักหนา ที่นักวิทย์ฯ จะมีโอกาสออกมาโต้ทฤษฎี Global warming ผ่านสื่อ เซ็นเซอร์มีมาตลอด ทั้ง New York Time , LA times ฯลฯ
Principia Scientific Intl | Media's Global Warming Propaganda Condemned by Scientists

ปี 2009 เกิดกรณีเรียกกันว่า “ climategate scandal ” คือ อีเมล์ของกลุ่มที่สร้างทฤษฎีโลกร้อน หลุดออกมาสู่สาธารณชน นักวิทย์ ก็ วิจารณ์ กันยกใหญ่ “ตกแต่งข้อมูล” “ขาดวิญญานของนักวิทยาศาสตร์”
ปีถัดมา 2010 , UN จัดประชุม Global warming summit ณ เมือง Cancun ตอนนั้นจึงกลายเป็นเวทีเปิดโปง ให้นักวิทย์ชั้นนำได้โอกาสฉะซะหน่อย ในงานประชุมมี เอกสาร 321 หน้า แจกไปทั่ว เป็นเอกสารที่มี นักวิทย์ 1,000 คนสนับสนุน เพื่อล้มเลิกความเชื่อผิดๆ ว่า “ co2 ที่มนุษย์ผลิตนั้น ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน !!! ” แถมงานนี้นักวิทย์บางส่วนของ UN (จากทั้งหมด 52 คน ) ร่วมหันหลังให้กับทฤษฎีโลกร้อนที่ UN พยายามชูด้วย

ข้างล่างคัดคำพูด จากนักวิทย์ฯ มาเพียงบางส่วน (ลิงค์ข้างล่างจะมีประวัติการทำงานของแต่ละท่าน ข้อโต้แย้งที่ท่านพูด และลิงค์ไปสู่ เอกสาร 321 หน้า นั้นSPECIAL REPORT: More Than 1000 International Scientists Dissent Over Man-Made Global Warming Claims – Challenge UN IPCC & Gore | Climate Depot


นักวิทย์ จาก South African ของ UN ประกาศ “ UNIPCC ( U N intergovernmental Panel of Climate Change ) เปรียบได้กับซากศพที่ไร้ค่าแล้ว ขอให้ “Climate change” ตายอย่างสงบสุข สาเหตุการตายคือ ข้อมูลเชื่อถือไม่ได้ ข้อมูลถูกตกแต่งเพื่อการเมือง ”

William Gilbert นักเคมี “น่าละอายมากสำหรับชุมชนชาววิทย์ ที่ไปเชื่อแบบจำลองที่อ่อนด้อย แถมยังมาโยนความผิดให้กับก๊าซ CO2 และประชาชนผู้บริสุทธ์ หาว่าเขาเป็นผู้ทำให้โลกร้อน”

นักฟิสิกส์ ็ Hal Lewis Global warming “ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ เรื่องหลอกลวงในวงการวิทยาศาสตร์ ที่ผมเคยเห็นมา ตลอดชีวิต”

นักฟิสิกส์ด้านดาราศาสตร์ Piers Corby “ ทฤษฎีโลกร้อนสมควรถูกโยนทิ้ง แล้ว UN ก็ควรยกเลิกประชุมว่าด้วยเรื่องนี้ด้วย.”

Dr. Mary Mumper ศจ. ทางเคมี “ ฉันคือพวกรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับ AL Gore เลย ”

นี่ก็ปลายปี 2013, เสียงประกาศจากนักวิทย์ ว่า “ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมนุษย์ผลิต เป็นเหตุให้โลกร้อนนั้น.... ล้วนโกหก ” มีมาแต่ปี 2007 ในรายงานของวุฒิสภาสหรัฐ , 6 ปีผ่านไป ณ สัปดาห์นี้ UN ร่วมกับ สื่ออเมริกา ก็ยังคงพยายามเอาทฤษฎีจอมปลอมนี้มาหลอกลวงชาวโลกอยู่ ......วงการวิทยาศาสตร์แนวหน้าปฎิเสธไปนานแล้ว ขอเรามาร่วม reject junk climate science กับพวกเขากันเถอะ

 

ศูนย์ข่าว ภัยพิบัติโลก แชร์ รูปภาพ ของ เตือนภัย พิบัติโลก
เมื่อวานนี้ เวลา 11:51 น. ·
ภูเขาไฟ Merapi และ Sinabung ของอินโดนีเซียปะทุพร้อมกัน 2 ลูกทางการเตรียมพร้อมอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ภูเขาไฟ

November 18, 2013 – INDONESIA - Two volcanoes erupted Monday in Indonesia, prompting warnings for flights and evacuation preparations, official said. Mount Sinabung in North Sumatra province unleashed volcanic ash as high as 8,000 meters (26,250 feet), the highest of its eruptions in recent days, said government volcano expert Surono. The 2,600-meter (8,530-foot) -high mountain has sporadically erupted since September after being dormant for three years. Officials raised the alert status of Sinabung to the second-highest level after an eruption early this month, prompting evacuation of more than 6,000 villagers living near its slopes. Its activities have continued since then, sometimes unleashing lava down the slopes. “It was the strongest eruption in the recent days,” said Surono, who like many Indonesians uses a single name. Transportation Ministry spokesman Bambang Ervan said his office has issued a notice Monday for all airlines to avoid routes near the mountain.

Residents in Medan, the provincial capital about 50 kilometers (30 miles) northeastward, could see black smokes billowing from Sinabung. Hours earlier, Mount Merapi, Indonesia most volatile volcano in Central Java, spewed volcanic ash about 2,000 meters (6,500 feet) into the sky, causing ash to fall in several towns. National Disaster Management spokesman Sutopo Purwo Nugroho said about 600 families have gathered for a possible evacuation. Merapi, which is in Yogyakarta province, killed more than 300 people and caused the evacuation of 20,000 villagers when it burst back to life in late 2010. Indonesia which is located on the so-called Pacific “Ring of Fire,” has 129 active volcanoes, making it prone to seismic upheaval. -ABC News

 

“โครงการอาหารโลก” เผยผู้ประสบภัยปินส์ 600,000 คนยังรอ “อาหาร” ประทังชีวิต
เอเอฟพี – แม้มหาวาตภัย “ไห่เยี่ยน” จะผ่านพ้นไป 11 วันแล้ว แต่ยังมีชาวฟิลิปปินส์ที่รอคอยเจ้าหน้าที่จากโครงการอาหารโลก (World Food Program –WFP) เข้าไปแจกจ่ายอาหารประทังชีวิตอีกมากถึง 600,000 คน
เออร์ธาริน คัสซิน ผู้อำนวยการบริหาร WFP ให้สัมภาษณ์สื่อในกรุงมะนิลาวันนี้(19)ว่า WFP ซึ่งเป็นหน่วยงานสหประชาชาติ ได้นำข้าวและบิสกิตพลังงานสูงเข้าไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยพิบัติแล้วราวๆ 1.9 ล้านคน แต่จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีชาวฟิลิปปินส์ตกอยู่ในสภาพขาดแคลนอาหารไม่น้อยกว่า 2.5 ล้านคน
“ยังมีผู้ประสบภัยอีกหลายแสนคนซึ่งเรายังเข้าไปไม่ถึง… สิ่งที่เราพยายามทำก็คือ นำความช่วยเหลือไปยังชาวบ้านที่ไม่มีช่องทางได้รับอาหารจากที่อื่นอีก”
คัสซิน ยังอ้างถึงอุปสรรคด้านภูมิประเทศ เช่น ถนนซึ่งถูกตัดขาด และหมู่เกาะบางแห่งที่อยู่ห่างไกลมาก ทำให้การเข้าถึงผู้ประสบภัยทุกคนทำได้ไม่ง่ายนัก อีกทั้งตัวเลขผู้ประสบภัย 2.5 ล้านคนก็เป็นเพียงการประเมินอย่าง “เบาะๆ” เท่านั้น
ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนซึ่งพัดเข้าสู่หมู่เกาะฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนคร่าชีวิตประชากรแดนตากาล็อกไปหลายพันศพ ชุมชนชายฝั่งถูกคลื่นทะเลสูงราวสึนามิซัดถล่มจนราบคาบ ทำให้วันนี้ “ไห่เยี่ยน” กลายเป็นพายุที่รุนแรงร้ายกาจที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยจดบันทึกมา

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/a9glnWQJgVo?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ผู้จัดการ
เขียนโดย Schau-Thai ที่ 11:07 ไม่มีความคิดเห็น:

 

ญี่ปุ่นเริ่มต้นภารกิจสุดเสี่ยง เคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/Pz1j4IHcsP4?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/lHXVlYCuj0c?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/Kzaa529WjuE?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

สื่อแพร่วิดีโอช็อค!!เครื่องบินโดยสารรัสเซียปักหัวโหม่งโลกแนวดิ่ง ระเบิดตูมไฟลุกท่วม(ชมคลิป)

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/YLcWuYwqBLQ?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

เอพี – สื่อแดนหมีขาวเผยแพร่คลิปสุดช็อคเครื่องบินโบอิ้ง737 ของสายการบินรัสเซีย ถลาสู่พื้นและปักหัวโหม่งโลกในแนวดิ่งลักษณะเกือบตั้งฉาก ผลของแรงกระแทกก่อลูกบอลไฟขนาดใหญ่ลุกท่วม ลูกเรือและผู้โดยสารตายยกลำแบบไร้โอกาสมีชีวิตรอด ขณะที่ในส่วนของการสืบสวนนั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบกล่องดำแล้ว
วิดีโอที่เผยแพร่ตามสถานีโทรทัศน์ต่างๆของรัสเซียเมื่อวันจันทร์(18) เป็นภาพของอุบัติเหตุอันน่าสยดสยอง ณ ท่าอากาศยานคาซาน ที่คร่าผู้โดยสารและลูกเรือยกลำ 50 ชีวิต โดยมันก่อคำถามตัวโตว่าทำไมความพยายามลงจอดหน 2 ยามค่ำคืนท่ามกลางสภาพอากาศที่ปลอดโปร่ง ถึงได้เกิดความผิดผลาดอย่างร้ายกาจเช่นนั้น
เหล่าผู้เชี่ยวชาญจากคณะกรรมการความปลอดด้านขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ(เอ็นทีเอสบี) โบอิ้งและ สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) กำลังมุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่สืบสวนของรัสเซีย หลังจากในวันจันทร์(18) คณะสืบสวนของรัสเซีย ได้เริ่มเสาะหาหลักฐานตามซากหักพังของเครื่องแล้ว หลังหน่วยดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงถึงสามารถควบคุมเพลิงได้สำเร็จ
เครื่องบินลำนี้ซึ่งประสบอุบัติเหตุที่เมืองคาซาน ห่างจากกรุงมอสโก ไปทางตะวันออกราว 720 กิโลเมตร เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์(17) เป็นของสายการบินตาตาร์สถาน แอร์ไลนส์ และข้อมูลจาก อเล็กซานเดอร์ โปลตินิน หัวหน้าคณะกรรมาธิการสืบสวนแห่งรัสเซีย สาขาท้องถิ่นเผยว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นในความพยายามลงจอดครั้งที่ 2 และหน่วยสืบสวนกำลังพิสูจน์ข้อสันนิษฐานที่ว่าเกิดจากความผิดพลาดของนักบินหรือไม่ก็อุปกรณ์ขัดข้อง ขณะที่การระบุเอกลักษณ์บุคคลของศพคงต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์
เจ้าหน้าที่หอบังคับการบินของท่าอากาศยานคาซาน ซึ่งติดต่อกับเครื่องบินก่อนที่มันประสบอุบัติเหตุ เผยว่านักบินแจ้งกับเขาว่ายังไม่พร้อมลงจอดตอนที่เครื่องใกล้มาถึง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าปัญหานั้นคืออะไร
ในวิดีโอที่บันทึกไว้ได้โดยกล้องวงจรปิดของสนามบินเผยให้เห็นว่าเครื่องบินถลาลงในแนวดิ่งลักษณะเกือบตั้งฉากด้วยความเร็วสูง จากนั้นก็โหม่งโลกอย่างรุนแรงและระเบิดตูมสนั่น ขณะที่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทำไมนักบินถึงไม่สามารถเอาเครื่องลงจอดได้ในความพยายามครั้งนี้ ทั้งที่สภาพอากาศก็เอื้ออำนวย
เวลานี้เจ้าหน้าที่สืบสวนพบกล่องดำของครื่องบินทั้ง 2 กล่องแล้ว แต่ยอมรับว่ามันได้รับความเสียหายพอสมควร
จอห์น ค็อกซ์ ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยการบิน อดีตนักบินโบอิ้ง 737 ของสายการบินยูเอสแอร์เวย์ นานกว่า 15 ปี เผยว่าประเด็นแรกที่ทีมสืบสวนจะค้นหาคำตอบก็คือกรณีที่เครื่องบินโหม่งโลกในลักษณะตั้งฉากตามวิดีโอนั้นเป็นผลจากการหยุดชะงักตามหลักอากาศพลศาสตร์หรือไม่ ซึ่งปกติแล้วมักเกิดขึ้นตอนที่เครื่องบินค่อยๆเคลื่อนสู่จุดที่ปีกสูญเสียแรงยกอย่างฉับพลัน
ขณะเดียวกันในวันจันทร์(18) ทีมสืบสวนก็เริ่มต้นตรวจสอบบันทึกต่างๆของบริษัท ซึ่งก็พบว่าเครื่องบินลำนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 23 ปีที่แล้วและเคยเป็นสมบัติของสายบินอื่นๆ 7 แห่งมาก่อนหน้า ก่อนตกอยู่ในมือของตาตาร์สถาน แอร์ไลนส์ ในปี 2008 และเมื่อปี 2010 มันเคยได้รับความเสียหายในอุบัติเหตุระหว่างลงจอดที่บราซิล แต่คราวนั้นไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บใดๆ ขณะที่ทางสายการบินยืนยันว่าเครื่องลำนี้อยู่ในสภาพดี
สายการบินตาตาร์สถาน แอร์ไลนส์ มีประวัติด้านความปลอดภัยที่ดี แต่ดูเหมือนจะเข้าสู่ปัญหาทางการเงินช่วงไม่นานที่ผ่านมา โดยพนักงานของบริษัทเพิ่งผละงานประท้วงเรียกร้องเงินเดือนเมื่อเดือนกันยายน ส่วนทางสนามยินคาซาน ก็ยื่นเรื่องต่ออนุญาโตตุลาการอ้างว่าตาตาร์สถาน แอร์ไลนส์ ติดหนี้ค่าบริการใช้ท่าอากาศยานของพวกเขา
สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาตา) ระบุว่า รัสเซียและพวกประเทศที่เป็นอดีตสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียต ร่วมกันครองสถิติความปลอดภัยในการเดินทางทางอากาศแย่ที่สุดในโลกในปี 2011 แม้ว่าโดยภาพรวมแล้วอุตสาหกรรมสายการบินโลกจะมีความปลอดภัยมากขึ้นก็ตาม
อุบัติเหตุร้ายแรงที่สุดก่อนครั้งนี้ในรัสเซีย เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2012 เมื่อเครื่องบินโดยสารตกหลังจากขึ้นจากสนามบินตูย์เมน ในไซบีเรียไม่นาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 33 คน

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/6t-hOBoJTOA?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/ip-v4Nq-G54?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ผู้จัดการ

 

ภูมิอากาศทั่วโลกเปลี่ยนเป็นเหตุ

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/QrlDzGpIeVc?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ไต้ฝุ่น คลื่นความร้อน ความแห้งแล้งและน้ำท่วม อากาศผิดปกติภายใต้อิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้มีผู้เสียชีวิตในปีที่แล้วหลายพันคนและเป็นสาเหตุของความเสียหายที่ไม่สามารถนึกภาพออก ตามที่องค์กร Germanwatch เปิดเผยในการเสนอดัชนีความเสี่ยงด้านภูมิอากาศทั่วโลกเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายนที่ผ่านมา นับแต่ปี ๑๙๙๓ ประชาชนมากกว่า ๕๓๐,๐๐๐ คนเสียชีวิตในสภาพอากาศที่สุดขีดกว่า ๑๕,๐๐๐ ครั้ง ตามรายงาน ความเสียหายด้านวัตถุอยู่ที่ ๒.๕ ล้านล้านดอลลาร์ ในปี ๒๐๑๒ ไฮติ ฟิลิปปินส์และปากีสถานเป็นประเทศที่ประสบภัยหนักที่สุดตามที่ Sönke Kreft หนึ่งในผู้เขียนรายงานได้รายงานในการประชุมสภาพภูมิอากาศขององค์การสหประชาชาติที่วอร์ซอ ประเทศไฮติที่ยังคงมีปัญหาภายใต้ผลของแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ๒๐๑๐ สูญเสียส่วนใหญ่ของผลผลิตในเดือนสิงหาคม ๒๐๑๒ ระหว่างพายุเฮอร์ริเคน “Isaac“ ต่อมามีการถูกทำลายครั้งหนักหน่วงอีกครั้งผ่านฝนตกหนักจากผลของพายุเฮอร์ริเคน “Sandy“ ประชาชนอย่างน้อย ๒๐๐,๐๐๐ คนไร้ที่อยู่อาศัยจากผลของพายุ ในการเปรียบเทียบเป็นเวลาหลายปีจากปี ๑๙๙๓-๒๐๐๒ ไฮติอยู่ในอันดับ ๓ ของประเทศที่ถูกเล่นงานได้ง่ายเป็นพิเศษ ตามหลังฮอนดูรัสและพม่า ที่ฟิลิปปินส์ที่ยังไม่รู้จำนวนเหยื่อที่แน่ชัดหลังพายุไต้ฝุ่น “Haiyan“ ปีที่แล้วประชาชนมากกว่า ๑,๔๐๐ คนเสียชีวิตจากไต้ฝุ่น “Bopha“ ที่ปากีสถานที่ในปี ๒๐๑๐ และ ๒๐๑๑ ก็ตกเป็นเหยื่อน้ำท่วมแล้ว ปีที่แล้วมีประชาชนเสียชีวิตกว่า ๖๕๐ คนจากน้ำท่วมเนื่องจากมรสุมหนัก นอกเหนือจากประเทศเกาะในแปซิฟิคใต้ที่ประสบปัญหาจากพายุและอากาศวิปริตครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นเวลาหลายปี ในปี ๒๐๑๒ ยังมีประเทศยุโรปอยู่ในดัชนีความเสี่ยงสภาพภูมิอากาศด้วย สภาพอากาศที่สุดขีดพร้อมน้ำท่วมหนักในภูมิภาค Krasnodar ในปีที่ผ่านมาทำให้ประเทศรัสเซียอยู่ในบัญชีประเทศที่ได้รับความเสียหายหนักเป็นพิเศษด้วย หลังคลื่นความร้อนจากบอลข่านในฤดูร้อน เซอร์เบีย และบอสเนีย-แฮร์เซโกวินา ก็อยู่ในประเทศที่ประสบภัยธรรมชาติเสียหายหนัก การที่ในปี ๒๐๐๓ ประชาชนในยุโรปกว่า ๗๐,๐๐ คน เสียชีวิตเนื่องจากผลของคลื่นความร้อนเป็นเวลาหลายสัปดาห์เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกเช่นเดียวกันตามการประเมินของ Germanwatch ในปี ๒๐๑๒ ประเทศเยอรมันอยู่ในอันดับ ๖๗

เขียนโดย Schau-Thai ที่ 09:33 ไม่มีความคิดเห็น:

 

อดีตประธานาธิบดีเยอรมันขึ้นศาล

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/mu7wUEXbeVo?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ในภาพ Christian Wulff รูปหนึ่งที่เห็นกันบ่อย ๆ ในรูปเขาสวมเสื้อเชิ้ตพื้นเมือง มือถือแก้วเบียร์เคียงข้างภริยา เพียงไม่กี่กิโลเมตรห่างไปบุตรชายที่เพิ่งมีวัย ๔ เดือนครึ่งนอนหลับอยู่ที่โรงแรม โดยมีพี่เลี้ยงเป็นผู้ดูแล วันนั้นเป็นวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๐๐๘ ที่นครมืนเชน สว่างไสวด้วยแสงไฟเนื่องในเทศกาลออคโตเบอร์เฟสต์ แต่ขณะนี้ค่ำคืนวันเสาร์ที่สุขีที่มืนเชนกลับตามมาหลอกหลอนเขา

ตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายนที่ผ่านมาในห้อง ๑๒๗ ของศาลเมืองฮันโนเวอร์จะมีการแยกแยะการเดินทางครั้งนั้น ไปจนถึงรายละเอียดปลีกย่อย เช่น มีอาหารอะไรเลี้ยงบนโต๊ะ ใครเป็นผู้จ่ายค่าพี่เลี้ยง การเดินทางถูกคิดเงินในฐานะการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ของนายก ฯ หรือในฐานะการเดินทางไปเที่ยวส่วนตัวของคู่สมรส

Michael Spreng ที่ปรึกษาการเมืองและสื่อ กล่าวว่าการพิจารณาคดีนี้จะเป็นเหตุการณ์แห่งปี ศาลฮันโนเวอร์กำหนดการพิจารณาคดีไว้ ๒๒ วันเพื่อแจกแจงว่า Wulff กระทำผิด เนื่องจากใช้ประโยชน์จากตำแหน่งนายก ฯ หรือไม่ Wulff ที่ต่อมาเป็นประธานาธิบดีได้ลาออกจากตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๐๑๒ เนื่องจากการไต่สวน ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่อดีตประธานาธิบดีของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีต้องขึ้นศาล และในฐานะผู้ที่ตกเป็นจำเลยด้วย ได้แก่ David Groenewold ผู้ผลิตภาพยนตร์ เนื่องจากได้รับผลประโยชน์ ทื่มืนเชนเขาได้รับหน้าที่จ่ายเงิน ๕๑๐ ออยโรเป็นค่าโรงแรมและพี่เลี้ยง นอกจากนั้นอีก ๒๐๙.๔๐ ออยโรสำหรับอาหารเย็นและการไปเที่ยวเต้นท์งานออคโตเบอร์เฟสต์

Uwe Hellmann ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัย Potsdam กล่าวว่าประธานาธิบดีก็ต้องสามารถมีเพื่อนได้และได้รับอนุญาตให้ไปกินข้าวกับเพื่อนได้หรือได้รับเชิญจากเพื่อนไปเที่ยวงานออคโตเบอร์เฟสต์ แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นเสมอหากมิตรภาพนี้มีธุรกิจเข้ามาเกี่ยว ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นกับ Wulff และ Groenewold เพียง ๑ วันหลังจากการไปเที่ยวงานออคโตเบอร์เฟสต์ ผู้ผลิตภาพยนตร์ได้ขอร้องนายก ฯ เป็นลายลักษณ์อักษรให้ช่วยโฆษณาโครงการภาพยนตร์ของเขากับ Peter Löscher ที่เป็นประธานกรรมการ Siemens ในครั้งนั้น ซึ่ง Wulff ก็ได้ทำตามคำขอร้องในเวลาสองเดือนครึ่งต่อมา ข้อกล่าวหามีมากมายตั้งแต่การได้รับเงินกู้ซื้อบ้านราคาถูก ไปจนถึงการไปเที่ยวพักผ่อนกับมิตรสหายที่ร่ำรวย เช่น Carsten Maschmeyer ที่ปรึกษาการคลัง ท้ายสุดทั้งหมดเหล่านี้นำไปสู่การลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีหลัง ๒ เดือนของการรายงานข่าวต่อเนื่องของสื่อ

Wulff ปฏิเสธข้อเสนอของคณะอัยการเพื่อยุติการพิจารณาคดีแลกกับเงิน ๒๐,๐๐๐ ออยโร เขาจะต่อสู้ในศาลเพื่อคำพิพากษาว่าไม่มีความผิด Spreng เห็นว่าไม่ฉลาด หากพยานทั้งหลายออกมาแฉยืนยันถึงการที่เขาประสงค์จะขึ้นสู่แวดวงผู้มีชื่อเสียงอย่างไร ถึงหาก Wulff จะชนะคดี ภาพลักษณ์ก็เสียหายยับเยิน

เขียนโดย Schau-Thai ที่ 09:17 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: Germany and Around the World

 

ผลสำรวจชี้ พื้นที่ป่าอเมซอนลดฮวบในปีที่ผ่านมา เหตุเพราะรบ.แซมบ้าหย่อนยานบังคับใช้กฎหมายอนุรักษ์

เอเจนซีส์ – ข้อมูลล่าสุดชี้การตัดไม้ทำลายป่าในเขตพื้นที่ลุ่มแม่น้ำอเมซอนของบราซิลเพิ่มสูงขึ้นถึง 28 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา โดยนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมระบุ สาเหตุเป็นเพราะความหย่อนยานในการบังคับใช้กฎหมายด้านการอนุรักษ์ของรัฐบาลบราซิลภายใต้การนำของประธานาธิบดีหญิงดิลมา รูสเซฟฟ์

อิซาเบลลา เตเซอีร์ รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของบราซิล เปิดเผยรายงานฉบับล่าสุดที่ทางกระทรวงฯ มอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญอิสระทำการสำรวจสภาพพื้นที่ป่าไม้แถบลุ่มน้ำอเมซอน ซึ่งผลการศึกษาพบว่า สัดส่วนของป่าไม้ที่ถูกทำลายในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นถึง 28 เปอร์เซ็นต์ระหว่างช่วงเดือนสิงหาคมปี 2012 จนถึงเดือนกรกฎาคมปีนี้

รายงานฉบับดังกล่าวระบุว่า ระดับของป่าไม้ที่ถูกตัดโค่นนั้นอยู่ในระดับที่ไม่อาจยอมรับได้ และอาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของทางการแดนแซมบ้าเองที่ระบุจะลดปริมาณการตัดไม้ทำลายป่าแถบลุ่มน้ำอเมซอนให้ได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2020 หรือ 7 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานดังกล่าวระบุว่า มีพื้นที่ป่าไม้ในลุ่มแม่น้ำอเมซอนถูกทำลายไปกว่า 2,255 ตารางไมล์ระหว่างช่วงเดือนสิงหาคมปี 2012 จนถึงเดือนกรกฎาคมปีนี้ สูงกว่าช่วงเดียวกันใน 12 เดือนก่อนหน้านี้ที่มีพื้นที่ป่าถูกตัดโค่นทำลาย 1,765 ตารางไมล์

บรรดากลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมหลายกลุ่มต่างลงความเห็นตรงกันว่าความหย่อนยานในการบังคับใช้กฎหมายด้านการอนุรักษ์ของรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีดิลมา รูสเซฟฟ์ คือ ต้นเหตุสำคัญที่นำไปสู่การลดลงของพื้นที่ป่าในอเมซอน รวมถึง การตัดสินใจของรัฐบาลที่ลดจำนวนพื้นที่อนุรักษ์ลงและหันไปส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถเปลี่ยนพื้นที่ป่าเป็นพื้นที่เพาะปลูกได้โดยไม่มีความผิด ได้กลายเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้พื้นที่ป่าอเมซอนลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/oh8i7SVNt-Q?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
Brazil Amazon destruction rises 28 per cent - YouTube

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/hllU9NEcJyg?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
Timelapse: Devastating Deforestation - YouTube

ผู้จัดการ
เขียนโดย Schau-Thai ที่ 10:23 ไม่มีความคิดเห็น:

 

โฮะ!?!!
เกิดยังงี้บ่อยๆมนุษย์บนโลกนี้ก็เเย่ซินะ เล่นกวาดไปหมด
ข้าวของทรัพย์สินที่เพิ่งดิ้นรนหามาได้ยังไม่ทันจะชื่มชม
ได้เท่าไรเลยพวกก็กวาดไปรวมเป็นขยะซะทั้งหมด!?!!!

 

วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ทอร์นาโด 80 ลูกถล่มมิดเวสต์สหรัฐฯ เมืองพังพินาศ-รถยนต์ปลิวว่อน(ชมคลิป)
รอยเตอร์ – ระบบพายุเคลื่อนที่เร็วก่อให้เกิดทอร์นาโดรุนแรงหลายสิบลูก ซัดถล่มทั่วแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯเมื่อวันอาทิตย์(17) ทำลายบ้านจำนวนมากและหอบรถยนต์ปลิวพลิกคว่ำทั้งในรัฐอิลลินอยส์ อินดีแอนาและเคนทักกี ขณะที่ฤทธิ์ของระบบพายุได้คร่าชีวิตผู้คนอย่างต่ำ 8 ศพ

ริช ธอมป์สัน หัวหน้าคณะอุตุนิยมวิทยาของศูนย์พยากรณ์พายุในนอร์แมน มลรัฐโอคลาโฮมา เผยได้รับรายงานทอร์นาโดถึง 80 ลูก ความเสียหายจากพายุลมแรง 358 แห่งและลูกเห็บขนาดใหญ่ 40 จุด ขณะที่ทอร์นาโดได้ซัดบ้านเรือนหลายหลังพังราบและมีหลายย่านหายไปทั้งแถบ นอกจากนี้แล้วการสัญจรทางอากาศ ณ สนามบินหลัก 2 แห่งของชิคาโก ก็ต้องหยุดชะงักช่วงสั้นๆ และเกิดไฟฟ้าดับในหลายรัฐ กระทบประชาชนหลายหมื่นคนต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้า

จนถึงตอนเช้าของวันจันทร์(18) มีรายงานผู้เสียชีวิต 3 รายในแมสแซค เคานตี 2 รายในวอชิงตัน เคาน์ตี และอีกรายในแทซเวลล์ เคาน์ตี จากการเปิดเผยของแพตตี ธอมป์สัน สำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินมลรัฐอิลลินอยส์ ขณะที่สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ ยืนยันเบื้องต้นว่าทอร์นาโดระดับอีเอฟ-4 ก่อความเสียหายแก่วอชิงตัน เคาน์ตี ทางใต้ของอิลลินอยส์ ด้วยแรงลมถึง 267-322 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ระบบพายุปลายฤดูกาลแบบไม่ปกตินี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงที่เป็นอันตรายมาก ด้วยเคลื่อนที่ไปทางตะวันออกที่ความเร็ว 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และถาโถมก่อความเสียหายเป็นทางยาวนานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่ธอมป์สัน บอกว่าทั่วรัฐเพนซิลเวเนียและนิวยอร์ก ก็มีสิทธิ์เจอกัยคุกคามของพายุเช่นกัน

วอชิงตัน เคาน์ตี ที่มีประชากร 15,000 คนและอยู่ห่างจากเมืองชิคาโก ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 233 กิโลเมตร คือพื้นที่ซึ่งถูกโจมตีหนักหน่วงที่สุด ขณะที่เหล่าทอร์นาโดซัดถล่มทั่วรัฐอินดีแอนา เคนทักกี อิลลินอยส์ และมุมเล็กๆของโอไฮโอ “มันคือหายนะที่แทบไม่อยากจะเชื่อเลย” แกรี มาริเออร์ นายกเทศมนตรีบอก พร้อมเผยว่ามีบ้านเรือนหลายร้อยหลังพังเสียหาย มีคนตาย 1 ศพและอีก 31 คนได้รับบาดเจ็บ

ด้านซารา สปาร์คแมน โฆษกหน่วยสาธารณสุขของแทซเวลล์ เคาน์ตี ในอิลลินอยส์ บอกกับรอยเตอร์ ว่า “เราได้รับรายงานว่ามีบ้านเรือนหลายหลังพังราบ หลังคาโดนซัดปลิว นอกจากนี้แล้วหลายๆย่านยังถูกพายุรื้อถอนหายไปทั้งแถบ” ขณะที่โฆษกตำรวจรัฐอิลลินอยส์เสริมมีความกังวลว่าอาจมีประชาชนจำนวนหนึ่งติดอยู่ใต้ซากหังพัง อย่างไรก็ตามเบื้องต้นสภากาชาดสหรัฐฯร่วมมือกับเจ้าหน้าที่จัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวและเตรียมการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยแล้ว

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/0oFSRc0whlY?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

US storm footage: Tornado filmed making landfall in Illinois - YouTube

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/ezqekJnwm70?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

Video captures Midwest tornado fury - YouTube

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/mNJDTRwcbiI?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

BBC News - US Midwest tornadoes: 'We could feel the storm go by' - YouTube

ผู้จัดการ
เขียนโดย Schau-Thai ที่ 21:32 ไม่มีความคิดเห็น:
ป้ายกำกับ: Germany and Around the World

 

ลาวสอบกราวรูด 58 เจ้าหน้าที่รัฐแขวงภาคเหนือ ยักยอกงบ 8.2 ล้านบาท


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤศจิกายน 2556 04:03 น.


ลาวสอบกราวรูด 58 เจ้าหน้าที่รัฐแขวงภาคเหนือ ยักยอกงบ 8.2 ล้านบาท

นายบุนยัง วอละจิต รองประธานประเทศ ผู้ชี้นำทางทฤษฎีและวัฒนธรรมของศูนย์กลางพรรคเป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่คณะกรรมการตรวจตราแห่งรัฐในเดือน ธ.ค.2554 นี่คือหน่วยงานตรวจสอบระดับสูงในสังกัดศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาวโดยนายบุนทอง จิตมะนี (ที่ 2 จากขวามือ) กรมการเมืองคนหนึ่งของพรรคเป็นประธาน ในระบบของลาวยังมีองค์การตรวจตรารัฐบาลอีกแห่งหนึ่ง เป็นหน่วยงานเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในระดับรัฐบาล มีนางเวียงทอง สีพันดอน เป็นประธานองค์การ. -- ภาพ: เวียงจันทน์ใหม่.



ASTVผู้จัดการออนไลน์ - องค์การตรวจสอบรัฐบาลของลาว ได้ตรวจพบว่าเงินงบประมาณ 21,000 ล้านกีบ (8.2 ล้านบาทเศษ) ถูกผันไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนบุคคล และกำลังทำการสอบสวนเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 58 คน ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกนำตัวขึ้นไต่สวนในศาลประชาชน สำนักข่าวของทางการรายงาน

เหตุเกิดในแขวงหัวพัน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ติดชายแดนเวียดนาม องค์การตรวจสอบได้พบว่า เงินงบประมาณไม่ได้นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดั้งเดิม และ “ถูกผันไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน” สำนักข่าวสารปะเทดลาวรายงานอ้างการเปิดเผยขององค์การฯ ดังกล่าว

ทางการกำลังพยายามหาทางนำเงิน จำนวน 9,000 ล้านกีบ ที่ถูกใช้อย่างผิดประเภทกลับคืนไปเข้างบประมาณของรัฐ และหวังว่าจะสามารถติดตามนำเงินที่เหลือกลับคืนให้แก่รัฐได้ นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ในการพัฒนา และช่วยกำจัดความยากจนของประชาชนต่อไป ขปล.รายงานโดยไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นใดอีก

องค์การตรวจสอบของรัฐบาลยังเปิดเผยระหว่างการประชุมในนครเวียงจันทน์ เมื่อวันจันทร์ 18 พ.ย.2556 ว่า ประจำปีงบประมาณ 2555-2556 ได้ตรวจพบการใช้จ่ายเงินงบประมาณผิดกฎระเบียบอีกจำนวนหนึ่ง โดยองค์การ และหน่วยงานของรัฐบาล ส่วนใหญ่เป็นการนำเงินงบประมาณไปใช้จ่ายในโครงการที่ไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาแห่งชาติ

หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทมส์ รายงานเรื่องนี้อ้าง นางอำพอนนาลี แก้วลา รองประธานองค์การตรวจสอบฯ แต่ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขใดๆ เกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินที่ผิดต่อกฎระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐครั้งนี้

เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวอีกว่า องค์การฯ ได้ตรวจสอบหน่วยงานรัฐ จำนวน 71 แห่ง ประกอบด้วย องค์การ รัฐวิสาหกิจ บริษัทร่วมทุนธุรกิจ เงินกู้ และเงินช่วยเหลือให้เปล่าในนั้นมี 17 หน่วยงานที่อยู่ในแขวงภาคเหนือ กับภาคใต้

นางอำพอนนาลี กล่าวในที่ประชุมว่า ผู้ตรวจสอบได้ตรวจพบเรื่องสำคัญมากจำนวนหนึ่งเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่อาจขัดต่อกฎระเบียบเกี่ยวกับการใช้เงิน และงบประมาณ หนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษของรัฐบาลกล่าว.

 

เริ่ม 1 ม.ค.2557 จนท.ลาวทุกระดับต้องเปิดเผยทรัพย์สิน รับถุงขนม 2 หมื่นต้องแจ้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2556 04:11 น.


เริ่ม 1 ม.ค.2557 จนท.ลาวทุกระดับต้องเปิดเผยทรัพย์สิน รับถุงขนม 2 หมื่นต้องแจ้ง

พรรคประชาชนปฏิวัติลาวเปิดการประชุมใหญ่ครั้งที่ 9 เดือน มี.ค.2554 พร้อมกับประกาศนโยบายปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในพรรคและรัฐบาลทุกระดับ มาตรการชัดเจนประการหนึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ม.ค.2557 นี้เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐระดับบริหารทุกคน รวมทั้งตำรวจ-ทหารยศตั้งแต่ร้อยโทขึ้นไปจะต้องแจ้งการถือครองทรัพย์สินและหนี้สินของตนกับสมาชิกครอบครัวและญาติใกล้ชิดต่อคณะกรรมการตรวจสอบของรัฐบาล ทรัพย์สินหรือสิ่งของมูลค่า 20 ล้านกีบ (78,000 บาท) ขึ้นไปต้องแจ้ง ของขวัญของฝากหรือของที่ระลึกมูลค่า 5 ล้านกีบ (19,500 บาท) ขึ้นไปถือเป็นทรัพย์ที่จะต้องแจ้งเช่นกัน. -- ภาพ: สำนักข่าวซินหวา.

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- องค์การตรวจสอบรัฐบาลกำลังจัดเตรียมเอกสารเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้าเป็นต้นไปซึ่งรัฐกรหรือลูกจ้างภาครัฐระดับบริหาร หัวหน้าหน่วยงาน รวมทั้งทหาร-ตำรวจยศตั้งแต่ร้อยโทขึ้นไปจะต้องประกาศทรัพย์สินอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้เป็นมาตรการที่ถูกมองว่าเป็นความพยายามในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐทุกระดับ

นอกจากทรัพย์สินที่เป็น เงินสด เงินในบัญชีธนาคาร มูลค่าหุ้น บ้านเรือน ยานพาหนะ เครื่องประดับ ทองและเพชรพลอย อัญมณีต่างๆ แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐที่รับของขวัญมูลค่าตั้งแต่ 5 ล้านกีบ หรือ ประมาณ 19,500 บาทขึ้นไปจะต้องประกาศเป็นทรัพย์ด้วย ทั้งนี้เป็นรายงานของคณะกรรมการชุดหนึ่งที่ทำงานในเรื่องนี้

ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามกฤษฎีการของนายกรัฐมนตรีที่ออกในเดือน มิ.ย.ปีนี้ ให้พนักงานของรัฐระดับบริหารขึ้นไปจนถึงระดับสูงทั้งในพรรคประชาชนปฏิวัติลาว รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ แนวลาวสร้างชาติ ตลอดจนองค์การมหาชนสังกัดรัฐบาลทั้งหมด จะต้องประกาศทรัพย์สินและหนี้สินของตนกับครอบครัวตลอดจนญาติผู้ใกล้ชิด สำนักข่าวของทางการรายงาน

คณะกรรมาการตรวจสอบรัฐบาลได้ปิดประชุมเป็นเวลา 2 วันลงในวันอังคารนี้ในนครเวียงจันทน์

การประกาศหรือแจ้งทรัพย์สินดังกล่าวกำลังจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ เจ้าหน้าที่ทุกระดับที่เข้าเงื่อนไขจะมีเวลา 1 ปีเต็มในการจัดการทางเอกสารของตน ก่อนนำไปยื่นต่อคณะกรรมการขององค์การตรวจสอบตามกำหนด

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องแจ้งทรัพย์สินทุกๆ 2 ปี การถือครองทรัพย์สินและสิ่งของมีมูลค่าตั้งแต่ 20 ล้านกีบ หรือประมาณ 78,000 บาทขึ้นไป ถือเป็นทรัพย์สินที่จะต้องแจ้ง

ผู้ที่เข้าเงื่อนไขฯ ยังจะต้องแถลงในรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์ที่ภรรยาหรือสามีและบุตรธิดาถือครองด้วย และจะต้องบอกการได้มาของทรัพย์สินกับสิ่งของมีค่าต่างๆ ดังกล่าว เช่นเดียวกับมูลค่าหนี้สินและการก่อหนี้ สำนักข่าวสารปะเทดลาวกล่าว

ทรัพย์สินที่จะต้องแจ้งต่อคณะกรรมการฯ ยังรวมทั้งเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง หรือรายได้ใดๆ ก็ตามที่ได้จากการประกอบธุรกิจของครอบครัว จากการเช่าหรือให้เช่าทรัพย์สิน รายได้จากค่าเช่า เงินกู้ ตลอดจนดอกเบี้ย ถือเป็นสิ่งจะต้องแจ้งด้วยเช่นกัน

พนักงานใหม่ของรัฐจะต้องแจ้งทรัพย์สินภายในเวลา 30 วันนับตั้งแต่ถูกบรรจุเข้าทำงานในตำแหน่งต่างๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหน้าที่การงานใหม่ หรือเจ้าหน้าที่ที่ครบวาระการปฏิบัติหน้า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนร่วมในกระบวนการการเลือกตั้งจะต้องประกาศทรัพย์สินทุกครั้ง

เจ้าหน้ารัฐที่จะเกษียณอายุจะต้องแจ้งทรัพย์สินล่วงหน้าอย่างช้า 30 วันก่อนเกษียน สำนักข่าวของทางการกล่าว.
.

เริ่ม 1 ม.ค.2557 จนท.ลาวทุกระดับต้องเปิดเผยทรัพย์สิน รับถุงขนม 2 หมื่นต้องแจ้ง



ภาพวันที่ 7 ก.ย.2551 รถยนต์หรูเปิดประทุนวิ่งรอบวงเวียนพระธาตุดำใกล้กับสถานทูตสหรัฐในนครเวียงจันทน์ก่อนจะแล่นออกสู่ถนนลับตาไป รถไม่ได้ติดป้ายทะเบียนไม่มีทางทราบได้ใครเป็นเจ้าของท่ามกลางการเล่าลือว่าเป็นรถของลูกท่านหลานเธอ อย่างไรก็ตาม 1 ม.ค.2557 เป็นต้นไปเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับจากล่างสู่บนจะต้องแจ้งทรัพย์สินกับหนี้สินซึ่งจะเป็นครั้งแรกในประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้. -- ภาพโดย วุฒิพงษ์ หลักคำ-บุญญะสาร.

 

เหตุผลที่นาซาอยากรู้อะไรปล้นอากาศจากดาวอังคาร โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤศจิกายน 2556 08:15 น.







เหตุผลที่นาซาอยากรู้อะไรปล้นอากาศจากดาวอังคาร
ภาพวาดแสดงปฏิบัติสำรวจบรรยากาศดาวอังคารเมื่อยานเดินทางไปถึง

ยานอวกาศนาซามุ่งหน้าสู่ดาวอังคาร เพื่อไขคำตอบอะไรทำให้บรรยากาศที่ในอดีตเคยหนาแน่นของดาวอังคารบางเบาเหมือนในปัจจุบัน และเหลือเพียงความแห้งแล้ง

ยานอวกาศมาเวน (Maven: Mars Atmosphere and Volatile EvolutioN) ขององค์การบริหารการอวกาศสหรัฐ (นาซา) ทะยานฟ้ามุ่งหน้าสู่ดาวอังคารเมื่อวันที่ 19 พ.ย.ตามเวลาในประเทศไทย

ยานมาเวนจะโคจรรอบดาวอังคารเพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศชั้นบนของดาวเคราะห์เพื่อนบ้านดังกล่าวเพื่ออธิบายถึงกระบวนการที่ปล้นเอาอากาศเกือบทั้งหมดของดาวแดงไป โดยตามกำหนดการบีบีซีนิวส์รายงานว่า ยานโคจรมูลค่าราว 2 หมื่นล้านลำนี้จะไปถึงเป้าหมายในเดือน ก.ย.2014

ขณะที่ยานสำรวจบรรยากาศดาวอังคารของอินเดียที่ถูกส่งขึ้นไปก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ ไม่มีพลังงานขับเคลื่อนในตัว จึงต้องโคจรรอบโลกอยู่เกือบเดือน เพื่อให้มีความเร็วมากพอที่จะหนีจากแรงดึงดูดโลก แต่จะไปถึงเป้าหมายในช่วงเดือน ก.ย.2014 เช่นเดียวกัน โดยยานนาซาถึงก่อนไม่กี่วัน

ทั้งนี้ รายงานบีบีซีนิวส์ระบุว่าจากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า ครั้งหนึ่งดาวอังคารเคยถูกปกคลุมไปด้วยก๊าซหนาๆ ที่เอื้อต่อการมีน้ำในรูปของเหลวอยู่บนพื้นผิว แต่ทุกวันนี้ความกดอากาศของดาวเคราะห์ต่ำมาก ซึ่งน่าจะทำให้น้ำเดือดระเหยไปทันที

บรรยากาศของดาวอังคารในปัจจุบันนั้นประกอบไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นส่วนใหญ่ โดยมีชั้นบรรยากาศที่บางมาก และมีความดันบรรยากาศที่พื้นผิวคิดเป็นเพียง 0.6% ของความดันบรรยากาศที่พื้นผิวโลก

สำหรับภูมิทัศน์ของดาวอังคารนั้น ยังคงมีร่องน้ำที่แสดงหลักฐานว่าเคยมีน้ำปริมาณมหาศาลไหลผ่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า ในอดีตดาวอังคารเคยมีชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นมาก และอากาศบางส่วนน่าจะได้ทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุที่พื้นผิวดาวอังคาร

ทว่าสิ่งที่น่าจะอธิบายถึงการสูญเสียอากาศส่วนใหญ่ของดาวอังคารได้มากที่สุดคือ ลมสุริยะ (solar wind) ซึ่งเป็นกระแสปริมาณมากของอนุภาคมีพลังงานจากดวงอาทิตย์ ที่กัดกร่อนชั้นบรรยากาศดาวอังคารไปตามกาลเวลา

เหตุการณ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้เพราะดางอังคารต่างจากโลกตรงที่ขาดสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่เหมือนโลกไว้ช่วยปกป้องและเบนการถูกจู่โจมจากกระแสอนุภาคดังกล่าว

ในส่วนของอุปกรณ์นั้นมาเวนมีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์รวม 8 เครื่องมือ บางอย่างมีไว้เพื่อศึกษาอิทธิพลของดวงอาทิตย์บนดาวอังคาร ส่วนอื่นๆ มีไว้เพื่อศึกษาองค์ประกอบและพฤติกรรมของบรรยากาศดาวอังคาร โดยมีเป้าหมายเพื่อวัดอัตราที่โมเลกุลอากาศชนิดต่างๆ สูญเสียไปในปัจจุบัน เพื่อจำแนกกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

บีบีซีนิวส์รายงานอีกว่า นักวิทยาศาสตร์จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเข้าถึงอดีตของภูมิอากาศดาวอังคารเมื่อหลายพันล้านปีก่อน ขณะที่ดาวยังอุ่นกว่าและชุ่มชื้นกว่าตอนนี้ รวมถึงศักยภาพที่จะเป็นถิ่นอาศัยของสิ่งมีชีวิตเมื่อครั้งอดีต และเก็บสัญญาณของสภาพแวดล้อมในปัจจุบันซึ่งหนาวเหน็บและแห้งแล้ง

ด้าน บรูซ จาโกสกี (Bruce Jakosky) ผู้ศึกษาหลักในโครงการมาเวนของนาซาจากมหาวิทยาลัยโคโลราโดในโบลเดอร์ (University of Colorado at Boulder) กล่าวว่า การสูญเสียบรรยากาศส่วนใหญ่ของดาวอังคารนั้น เชื่อว่าเกิดขึ้นในยุคแรกๆ ของดาวอังคาร ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์และลมสุริยะมีความเข้มสูง

ส่วนอัตราการสูญเสียบรรยากาศของดาวอังคารในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำพอที่เราอาจจะไม่ได้เห็นการสูญเสียบรรยากาศทั้งหมด แต่เหตุผลที่นาซายังศึกษาอยู่แม้การสูญเสียบรรยากาศจะต่ำมากนั้น จาโกสกีอธิบายว่า เพราะเราจะได้เข้าใจถึงกระบวนการเฉพาะที่กำลังเกิดขึ้น และนำมาอ้างอิงย้อนกลับไปในอดีต

ตามคำอธิบายของ กาย บิวเทลสชีส์ (Guy Beutelschies) ผู้จัดการโครงการของยานอวกาศที่โรงงานผลิตล็อคฮีดมาร์ติน (Lockheed Martin) ยานมาเวนจะเข้าไปอยู่ในวงโคจรของดาวอังคาร ที่มีช่วงระยะไกลดาวอังคารที่สุด 6,220 กิโมเมตร และใกล้ดาวอังคารที่สุด 150 กิโลเมตร

เจ้าหน้าที่จะควบคุมให้ยานมาเวนเข้าไปเก็บตัวอย่างในบรรยากาศชั้นบนของดาวอังคารได้สัปดาห์ละครั้ง เรียกว่าปฏิบัติการ "ดีพดิพส์" (deep dips) ซึ่งจะปฏิบัติทั้งหมด 5 ครั้งระหว่างปฏิบัติการหลัก

ปฏิบัติการหลักของมาเวนจะกินเวลา 1 ปีโลก หรือครึ่งปีดาวอังคาร หลังจากนั้นทีมวิทยาศาสตร์ของยานจะต้องเพิ่มทุนวิจัยเพื่อเดินหน้าโครงการต่อ โดยนาซามีแนวโน้มชัดเจนว่าจะเดินหน้าโครงนี้ต่อไปอีกยาว ซึ่ง บิวเทลสชีส์กล่าวว่า หากทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ยานน่าจะทำงานต่อไปได้อีกหลายปี เหมือนยานโอดิสซี (Odyssey) ที่ส่งขึ้นไปตั้งแต่ปี 2001 แต่ยังคงใช้งานอยู่ถึงทุกวันนี้

 

เจ้าหน้าที่บังเครนต้องใช้ความสามารถระดับเดียวกับนำเครื่องบิน
โบอิ้งลงพื้นรันเวย์ ขณะใช้เครนหิ้วแท่งปฎิกรณ์ขึ้นจากซองควบคุม
ต้องไม่มีคำว่าพลาดเกิดขึ้น เพราะพลาดคือตายยกลำทันที แต่งานเคลื่อน
ย้ายแท่งนิวเคลียร์ ถ้าพลาดก็คือต้องตายยกประเทศ(แต่ไม่ทันที)

แถมเจ้าหน้าที่ต้องผลัดเปลี่ยนกัน มาควบคุมเครนซึ่งใช้ทักษะควบคุม
ด้วยมือล้วนๆ จำนวนคนที่มาควบคุมเครนก็ต้องใช้ไม่น้อยกว่า 1300
คนหรือไม่น้อยกว่าจำนวนแท่ง นิวเคลียร์ทั้งหมด ทุกคนต้องเป๊ะหมด
ถ้าไม่เป๊ะก็ตูม ตูม ตูม

อ่านแล้วเหนื่อยแทน เหนื่อยตอนลุ้นที่จะไม่ให้มันกระทบ กระแทก กระเทือน
นั้นมือจะต้องนิ่ม จิตต้องนิ่ง ยิ่งกว่าร้อยเส้นด้ายเข้ารูเข็ม

ถ้าตูมขึ้นมาก็จะมีความเสียหายจะประมาณว่า
14,000 จังหวัดของญี่ปุ่นถูกบอมแต่ละจังหวัด
มีขนาดเท่าฮิโรชิมา

เป็นเรื่องที่ชาวโลกไม่อยากรับรู้ซักเท่าไรมั้ง???
แต่มันกำลังดำเนินไป เหมือนเช่นทอนาโดที่กำลัง
กวาดทรัพย์สินของชาวอเมริกันไปรวมเป็นกองขยะ
อยู่หลายมลรัฐในขณะนี้!!!

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
ISON จะเหตุบังเอิญที่แปลกหรือ?



เปรียบเทียบกับวงกลมพืชของปีก่อนๆ ที่หลายคนเพิ่งถึงบางอ้อ และ วิดีโอภาพของ ISON มีดูเหมือนกับชีวิต เปลี่ยนรูปร่างได้

งง ไปตามๆกัน ..

ISON has changed its shape!


ISON has changed its shape!

 

ขอแก้ตัวหัวข้อเมื่อครู่ครับ หนังดูไม่ได้ เลยเอาภาพยนต์มาลงให้ชมใหม่ครับ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=_hOw4FfAdyA&feature=player_embedded]ISON has changed its shape! - YouTube[/ame]

War Room Falkman
14 พฤศจิกายน 2013, ผมได้พูดถึงหน้าย่อยและดูอะไรที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ !!!!!! และมันกำลังมา ดาวหาง ISON ได้สว่างขึ้นเป็นสองเท่าแค่เมื่อคืนคืนเดียว เหมือนกับที่ผมได้พยากรณ์ไว้นานมาแล้ว (ดูที่ผมใส่ไว้ด้านล่าง เมื่อมันกลายเป็นสีฟ้า ในวันที่ 12 และได้พัฒนาหางมาอีกหางที่มีพลังงาน) และมันจะทำให้เกิดการปะทุของดวงอาทิตย์อย่างบ้าคลั่งและกลุ่มจุดดับใหม่มีศักยภาพมากในการเกิด flare ก็อีกนั่นแหล่ะผมพยากรณ์ไว้แล้ว นาซ่าได้เล่นเกมงี่เง่าพวกเค้าบอกว่าไม่มีความคิดว่าทำไมเป็นอย่างนี้ดาวหางกำลังทำอะไรอยู่ (โมเดลของลูกน้ำแข็งสกปรก) นั่นคือ "หางน้ำแข็งอันใหม่ และจะพบเมื่อมันวิ่งออกไปจากดวงอาทิตย์... ว้าว ไม่มีใครเชื่อที่คุณบอกแล้ว " ในข้อมูลพวกนี้ผมชนะ ผลงานของผมไม่เคยเป็นแบบสูงขนาดนี้ และพวกที่มาบิดเบือนก็ยุ่งอยู่กับการทำ youtube เพื่อจำทำให้ข้อมูลผิดๆ แพร่กระจายข้อมูลผิดๆ ใส่ความผม ให้ฟังที่ผมจะพูดคนนี้สำหรับสิ่งที่ละเอียดกว่านี้เอามาคุยกัน และผมจะมาคุยกันเรื่อง "ฟิสิกส์ของดาวหางสีน้ำเงิน" เหมือนกับดาวหาง ISON และก็เตรียมสำหรับ false flag เกี่ยวกับไฟดับและผมก็เคยเตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว .... เพราะว่า ISON จะทำให้เกิด flare หลายลูก และนาซ่าก็ให้ข้อมูลผิดๆ ว่าดาวหางนี้ไม่ได้มีผลอะไรกับดวงอาทิตย์เลย ว้าว

November 14, 2013 ... my show is now posted on the archive sub-page and look what

happened last night !!!!!!!!!!! THIS JUST IN ... COMET ISON HAS GROWN IN BRIGHTNESS BY 2

ORDERS OF MAGNITUDE LAST NIGHT ALONE as i predicted it would a long time ago (see posting

below where it turned blue on the 12th and developed an energetic second tail) ... IT IS IGNITING

SOLAR FLARING LIKE CRAZY AND NEW SUN SPOTS GROUPS ARE POTENTIALLY in place for some flaring action ... again as i predicted ... NASA is playing stupid stating they have no idea why the comet is doing this but their tier 3 mouthpiece spaceweather web site is suggesting (ala dirty snow ball comet model) that a "new vein of ice and show must have found its way around to the sun" ... wow dig in boys cause no one believes your tripe anymore !!!) ... in the information battle i am winning ... public awareness of my work has never been this high and the disinfo crew is busy pumping out youtube videos to try and diffuse my message ... listen to my show tonight for this and more as i will be discussing "The Physics of Blue Comets" like comet ISON ... also prepare for the false flag power outage that i have been warning about ... as ISON will be providing the necessary flares that they need to point to to pretend that the sun did it while the NASA disinfo engine continues to deny that comets affect the sun ... wow ... get you hip boots on boys and girls as it is going to get really deep ... jim mccaney

jmccanneyscience.com : Home Page
— กับ กาลครั้งหนึ่ง นะ

War Room Falkman
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=iXwPsg_HFR8&feature=player_embedded]jim mccanney Oct. 3, 2013 comet ISON Part 2 - YouTube[/ame]

jim mccanney Oct. 3, 2013 comet ISON Part 2


[ame=http://www.youtube.com/watch?v=uRU2IPmWT7s&feature=player_embedded]jim mccanney Oct. 3, 2013 comet ISON Part 3 - YouTube[/ame]

jim mccanney Oct. 3, 2013 comet ISON Part 3

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=rXdadj9Lwz0&feature=player_embedded]jim mccanney Oct. 3, 2013 comet ISON Part 1 - YouTube[/ame]

jim mccanney Oct. 3, 2013 comet ISON Part 1

 

ข้อมูลเว็บภัยพิบัติ ประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2556



18:00 ตำแหน่งที่จะเห็นดาวหางไอซอน มองขอบฟ้าทิศตะวันออก 30 นาทีก่อนอาทิตย์ขึ้นเริ่มจากวันที่ 1 ถึง 17 ธันวาคม 56 นี้