ทุกๆ ทุกข์ เกิดดับที่ไหน

เพียงเรามีเรา หากจะเดินไปทางใดไม่หวั่น

 

บุคคล3มาอีกแล้วนะ:d

 

ใครอะค่ะ

 

มันง่าย

อะไรมากระทบ ก็กำหนดวางหมด หลายคนเขาก็ทำแบบนี้ได้

คนที่ไม่เคยศึกษาธรรมะมา ก็ทำแบบคุณได้

เจออะไรก็วางหมด ไม่ต้องเข้าใจ ไม่ต้องรู้ ไม่ต้องดูเหตุปัจจัย

เพียงแต่กำหนด และคิดนิดหน่อยว่า นั้นทำให้ ตัวตน ของเราทุกข์หรือ
เปล่า ทำให้ สุขหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็กำหนด ตัวตน ออกห่างสิ่งเร้า ทำ
ให้มันแยกออก แบบนี้ ก็ทำได้นะ มันจะแยกออกได้เป็นกองๆ ตรง
กับปริยัติหมด แต่ไม่มีอันไหนละจริง เป็นเพียงเอาไปกองๆ ไว้ แล้ว
ก็มองห่าง โดย ยังมีสิ่งหนึ่ง ที่นิ่ง ยังมีตัวตนนิ่งๆ เกิดขึ้น และ
เกาะไว้

ใครๆ ก็ทำได้ คนในป่า ก็รู้วิธีนี้ อะไรแบบนี้ไม่ต้องมีใครสอน ก็ทำได้
คิดได้

มาประมาณ แก้วน้ำ ทุกอย่างสมมติ กำหนดวาง แล้วก็ วาง ว่าง ว้าง

อันนี้มันเข้าป่า

ได้ทุกอย่าง วาง ว่าง ว้าง

แต่ขาด สติ

 

ผมไม่เห็นด้วยกับการ เรียกผุ้หญิงแบบนี้ครับ

 

คุณส่ายหน้าเคยทุกข์มากๆไหมค่ะทุกข์จนทนไม่ไหวอะค่ะ

 

คุณ ขจร จะไปรู้สึกอะไรละครับ เขาก็ว่า เขาเรียกไปเพราะไม่มีเจตนา
เมื่อกล่าวไปแล้ว ก็วาง ไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ได้ดูไปว่า ผู้หญิง
ที่เสวนาด้วย หรือ ที่ร่วมเสวนาด้วย จะรู้สึกในใจอย่างไร

ก็คือเอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งว่า กล่าวไปแล้ว สนุกดี สนุกปาก ถ้าคนที่ถูก
กล่าวอ้างว่าพบสัจจธรรม ถ้าเผลอกล่าวแย้ง ก็จะได้แย้งธรรมเขา แล้วยก
ตัวเองขึ้นพ้นกรรมผู้เดียว นอกนั้นไม่ใช่ ทั้งๆที่ คุณพิญณ์เขาพึ่งเริ่มต้น

กล่าวผิด กล่าวพลาด ก็เพราะเริ่มต้น เพราะศรัทธานำ ยังไม่ใช่ภาวะปัญญา

คนที่ฝึกธรรมไม่เป็น ก็ไม่รู้ เลยคิดว่าเขามีปัญญาแล้ว ก็เลยก้าวล่วงถึงเขา
แบบเสียๆ หายๆ

1 เพื่อ สนุกปาก

2. เพื่อ วางกับดัก

 

คุณไร้กรรม ไม่รู้จักผู้หญิง

ผู้หญิงแม้จะใส่กระโปรง แต่ใจเขาอดทน และมีเมตตาเยอะ

ต่อให้คุณทำผิดต่อเขาแค่ไหน ถ้าเขาอดทนได้ เขาก็แบกรับ
ความเจ็บช้ำน้ำใจไว้เองเสมอ ธรณี ก็เรียกแม่ ก็เหตุผลเดียวกัน
ด้วยลักษณะอุปนิสัย บุคคลาธิษฐาน

ผู้หญิง เขาจึงเรียกว่า แม่

เพราะ อย่างไร ก็ให้ความเป็น แม่ เหนือคนทุกคนได้

การที่คุณกล่าวย่ำยี เพศหญิง ก็คือ การว่าแม่ตัวเอง

* * * *

เพศสมณะ มีนิพพาน หรือ ธรรมเสมอกัน

เพศหญิง เขา ก็มีความเป็น แม่ เสมอกัน ฉันใด ก็ฉันนั้น

 

แล้วอย่างผึ้ง ที่เค้าชอบเรียกว่า "ตานี" หล่ะคะ คิดเห็นอย่างไร แต่ผึ้งรู้สึกเฉย ๆ นะ เพราะคิดว่าเท่ห์ดีค่ะ

 

ผู้หญิงปฏิบัติธรรมกันเยอะนะ
เวลาไปตามสถานปฏิบัติธรรม
มักจะเป็นผู้หญิงประมาณ 70-80%
ลูกผู้ลากมากดี ก็มักจะเป็นผู้หญิง
ส่วนที่อยู่กันแบบลำบากๆ เป็นผู้ชายเสียส่วนมาก
อุตส่าห์สนใจธรรมะ ก็น่าจะเอาให้มันถึงๆไปเลย
ครูบาอาจารย์ก็ย้ำนักย้ำหนาว่า เพ่งความวาง มันยังติดภพ
ก็ยังไม่วาย...

 

มันอยู่ที่ใจเราคิด ว่าเราผู้เป็นเจ้าของจะคิดหรือไม่ แต่ถ้าคิด ว่า ทำไมถึงว่าเราแบบนี้ ทำไมถึงเรียกเราแบบนี้ มันก็เกิดผลลบกับผู้เรียก ถูกมั้ยคะ และก็จะรู้สึกไม่ดีกับผู้ถูกเรียก ถูกมั้ยคะ

ผู้ปฏิบัติธรรม
จะต้องสำรวม ทั้งกาย วาจา และใจ ด้วยค่ะ

อันนี้ผึ้งไม่เข้าข้างใคร เพียงแต่ เป็นคำพูดของผึ้งคนเดียว ไม่เกี่ยวกับใครค่ะ คิดกันเอาเองค่ะ

 

แล้วมันมีที่มาที่ไปไหมละ

ถ้าไม่มี ก็นึกถึง สำนวนไทยติดตลก ที่สร้อยจากนั้น

แล้วคิดพิจารณาด้วยน้ำหนัก ว่าเขากล่าวถึงผู้หญิงด้วยการ
กดข่มทางเพศ หรือ ว่ายกย่อง

หลังจากนั้น เราก็พิจารณาอีกที

แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ขึ้นกับเธอ

ที่จะคิดให้เขาได้กล่าววาจาที่ไม่มุสาหรือไม่

ถ้า เธอ เป็น ตานี จริง เขาก็ไม่ได้มุสาอะไรเลย

หากไม่เป็นจริง ก็ต้องดู อารมณ์ เหตุและผล ว่าอะไร
ที่ทำให้เขาเคยชินเรียกเราอย่างนั้น

อาสวะไม่สิ้น หรือ พ้นกรรม กันแน่

ถ้ากล่าวอย่างพ้นกรรม ก็ขอให้เธอรับมันไว้

ไม่เช่นนั้น ก็ให้ปฏิเสธ และชี้ทางที่ควรแก่เขา

อย่าได้ปล่อยให้มิตร ได้พลาดกรรมเนืองๆ มันไม่ดี

เท่ากับเราสนับสนุน

 

เห็นด้วยครับ
ผู้ปฏิบัติธรรมควรสำรวม กาย วาจา ใจ
ถ้าศีลยังทำไม่ได้ อย่าพูดถึงมรรคผลเลย

 

ไม่มีทางเป็นไปได้

ต่อให้คุณไร้กรรมรู้อะไรมา ก็เพราะรู้จากปากของเขา
ซึ่งเป็นคนคะนองคล้ายคุณ

ถ้าคุณฟังแล้วนึกเอาว่าเป็นจริง โดยไม่ได้ไปเห็นกับตา
ก็แปลว่า คุณคิดเอาเอง หลงเชื่อคำ ปรุงสัญญา

สัญญานั้นมาจากไหน ก็มาจาก กมลสันดาล ที่คุณหมายจำเอาไว้

เพราะไม่ได้เห็นภาพมาจากสิ่งที่เป็นจริง

แต่ถ้าคุณจะยกว่า เธอหื่น และเป็นหญิงสามานย์อย่างนั้น

จะยืนยันอย่างนั้น

เราก็จะเลิกสอนหญิงสามานย์คนนี้

 

คนมันสับปลับเป็นนิสัย

สุดท้ายก็โทษ ตัวหนังสือ กับคนอ่าน

คนเขียน หรือ พูดยกไว้ กันออก ว่างอยู่คนเดียว

 

แล้วก็อ้างว่า สมมติทั้งนั้น
ไปจริงจังกับมันทำไม
ปรุงแต่งกันไปหรือเปล่า
โดยไม่เล็งเห็นถึงผลเสียใดๆ
แล้วก็ วาง ว่าง ว้าง ว๊าง ว๋าง...

 

เพราะฉะนั้นสั่งอาหารมาไม่ต้องปรุงนะ แล้วจะได้ไม่ติดรสชาดไม่ปรุงอารมณ์ตัวเองให้ทุกข์

 

นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ
เป็นสัญญา เป็นสมมติ ปรุงกันไปเอง
แล้วก็โยนให้พวกชั่วว่า มาว่าฉันทำไม หุๆๆๆ

 

ถ้ามันเป็น สัญญาเก่า ล่วงไปแล้ว ไม่มีประโยชน์แล้ว

และถ้า คุณ ขจร เห็นว่า มันไม่มีประโยชน์แล้ว เขาวางแล้ว

คนที่เอามาพูด มาเรียกชื่อเขา

คนนั้นแหละ ที่ไม่ได้วาง แต่อ้างว่าวาง

แล้วสับปลับ ยกว่าเขาวาง แต่ตัวเองไม่วาง

ถ้าเขาวางแล้ว คุณจะยกขึ้นมาทำไม

แล้วถ้ามันเป็นส่วนตัวนัก ของหญิงคนหนึ่ง

คุณยกกล่าวในสาธารณะทำไม

แบบนี้ เรียกคนยกกล่าวในสาธารณะว่า สาธารณ์

 

ขอโทษนะครับ ผมไม่ชอบคุณ jinny95 ครับ

คุณ jinny95 ไม่มีวิจารณญาณ

สำหรับ อาจารย์ส่ายหน้า ผมก็ไม่ชอบ เพราะว่า เขาชอบเถียงเพื่อปกป้องตนเอง
แต่ไม่ได้เอา ธรรมเป็นใหญ่

ผมถามคำเดียวแหละ ว่า ถ้าคุณ อาจารย์ส่ายหน้ามี เมีย มีลูกสาว แล้วมีคนมาเรียก นางหื่น คุณชอบไหม

คุณ อาจารย์ส่ายหน้า ยังไม่รู้จักธรรมะที่ถูกต้องครับ และ เป็นคนที่ มุสาเป็นประจำ
เอาคะนอง เป็นประจำ